<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
26 กันยายน 2557
 
 
เล่าประสบการณ์ชีวิต เมื่อสามีป่วยกระทันหัน




เล่าประสบการณ์ชีวิต เมื่อสามีป่วยกระทันหัน !!!(ยาวมากแต่รับลองมีประโยชน์แน่นอนค่ะ)


คิดถึงเรื่องนี้ทีไร มันเหมือนมีก้อนอะไรไม่รู้มาจุกอยู่ที่อก น้ำตามันจะเอ่อขึ้นมาเอง จริงๆ 


ชีวิตของอีป้าแก้ว เมื่อมาอยู่ในประเทศอังกฤษในช่วงปีแรก ชีวิตเหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ทุก

 


อย่างดูดี ไปหมด สามีเป็นคนดีเอาอกเอาใจเราทุกสิ่งทุกอย่าง


ชีวิตเหมือนเจ้าหญิงที่มีเจ้าชายคอยดูแลอำนวยความสะดวกสบายทุกอย่าง ทุกสิงทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตมันเป็นของแปลกใหม่ไปหมด ไม่ว่าจะเรื่องการอยู่อาศัย การใช้ชีวิต หรือแม้แต่การพบปะผู้คน ที่ดูแตกต่าง กับประเทศไทยที่เราเคยใช้ชีวิตตั้งแต่เล็กจนโต


แต่แล้ว ฝัน ที่กำลังสดใส และทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเป็นไปในทิศทางทีดี ชีวิตก็สะดุดลง อาการและความรู้สึกตอนนั้นเหมือนคนตกลงจากที่สูง หรือคนที่กำลังจะจมน้ำแล้ว ตะเกียกตะกาย ให้ตัวเองรอด ความสุขทุกอย่างที่ีอยู่ตรงหน้า มันหายวับไปกับตา


ทุกอย่างกระทันหันแบบชนิดที่ไม่ได้ทันตั้งเนื้อตั้งตัวกันเลย ทุกอย่างเข้ามาเร็วมาก ช่วงนั้น ชีวิตมืดมนไปหมด มองไปทางไหน ก็ไม่รู้จะปรึกษาพึ่งพาใคร ญาติพี่น้องของเราก็ไม่มี เพื่อนฝูงก็ไม่มี ทุกอย่างดู เลวร้ายและบีบคั้นจิตใจเป็นที่สุด


จำได้ว่า ตอนมาอยู่อังกฤษ เข้าปีที่ 2 อีลุงเกิดป่วยกระทันหันต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน เพราะไตเกิดอาการอักเสบอย่างรุนแรง


กลางดึก อีลุงเกิดอาการปวดหลังอย่างรุนแรง ปวดจนแกหายใจแทบไม่ออก ต้องโทรเรียกรถพยาบาลมาอย่างด่วน ไม่เกิน 15 นาที หลังจากโทรเรียกรถพยาบาล


เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง เขารีบฉีดมอร์ฟีนแก้ปวดให้ลุงทันที เพราะแกอยู่ในอาการร่างกายช็อค หลังจากนั้นอีป้าก็ นั่งไปด้วยบนรถพยาบาล



เจ้าหน้าที่เอาอ็อกซิเจน ครอบ ให้ลุง ฉีดยา เจาะเลือด ดูอะไรภายในรถวุ่นวายไปหมด เราคนเป็นเมีย ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งมองดู แล้วก็ร้องไห้ แค่นั้นจริงๆ


หลังจากไปถึงโรงพยาบาล ลุงพอได้สติก็บอกเราโทรหาพี่ชายและลูกๆของแก เพราะแกห่วงเรา ว่าจะกลับบ้านคนเดียวไม่เป็นเพราะเราไม่รู้จักถนนหนทางเลย และที่สำคัญ เรา ไม่เคยจำเลยว่าบ้านเราบ้านเลขที่เท่าไหร่อยู่ที่ไหน(อันนี้ เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรทำ อันดับแรกคุณต้องรู้ว่าคุรอยู่บ้านเลขที่เท่าไหร่ อยู่ที่ไหน เบอร์โทรลูกๆ หรือญาติสามี เบอร์ไหนให้จดบันทึกใส่มือถือไว้เลย)


เมืองนอก มีข้อเสียที่ทำให้เราอารมณ์เสียสุดๆคือ ญาติไม่สามารถเฝ้าคนป่วยได้ และการเยี่ยมก็เข้าเยี่ยมได 2 เวลา คือ รอบ บ่ายโมง ถึงบ่ายสี่โมง และรอบค่ำคือย 6 โฒงเย็นถึงแค่ 2 ทุ่ม ประตู ก็ ล็อคเปิดเปิดอัตโนมัต จะเข้าเยี่ยมก่อนเวลาก็ไม่ได้ ถ้า เลยเวลาเยี่ยม จะออก ถ้าเกินเวลาก้ต้องเดินไปบอกพยาบาล เราก็จะมองเราแบบสายตาตำหนิ ทำได้อย่างมาก็คือส่งใจให้คนป่วยที่อยู่โรงพยาบาล เราคนเป้นเมีย รออยู่บ้านด้วยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับสามีบ้าง


หลังจากนั้นพี่ชายของลุงก็มา รับเรากลับบ้าน เพราะต้องเอาลุงเข้าห้องไอซียู พอเช้าอีก 3 วัน ต่อมาพี่ชายก็มารับเราไปเยี่ยมลุงที๋โรงพยาบาล เพราะหมอย้ายลุงออกจากห้องไอซียูแล้ว


ก้าวแรกที่เข้าไปดู ลุงมีสายอะไรไม่รู้ ระโยงระยางเต็มตัวไปหมด และท่าทางเพลียมาก จากนั้นหมดก็เข้ามาบอกว่าตองย้ายลุงไปผ่าตัดด่วนที่โณงพยาบาลที่ลีด (LEEDS) เพราะเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางและมีหมอที่เชี่ยวชาญอยู่ที่นั่น


เอาล่ะสิทีนี้ แล้ว ลีด มันอยู่ที่ไหน แล้ว ตรูจะไปเยี่ยมสามีอย่างไร ตอนนี้ ถึงกับอึ้งอีกรอบ แต่โชคดีที่ ลูกชายคนโตของลุงมารับเราไปเยี่ยมลุงที่โรงพยาบาลที่ลีด


ก่อนเข้าผ่าตัด หมอจะบอกคนไข้และบอกญาติคนไข้ไว้เลยว่า การผ่าตัด 50/50 ให้ทำใจไว้ เพราะ ถ้าโชคดี คนไข้อาจจะได้กลับมา เพราะอาการ อีลุงตอนนั้นค่อนข้างเพียบหนักแล้ว


เราก็ได้แต่ภาวนา ขอให้ลุงกลับมาเรา จะแลกอะไรในชีวิตเราก็ได้ เรายอมหมดในวินาทีนั้น รู้สึกเคว้งคว้างเหมือนอยู่ตัวคนเดียวจริงๆ


และในที่สุด อีลุงก็กลับมาอีกครั้ง "ขอบคุณนะที่รักที่กลับมาหาฉัน" นี่คือคำพูดแรก เราเข้าเยี่ยมลุงหลังจากออกจากห้องผ่าตัด(พูดทั้งน้ำตา)


หลังผ่าตัด อีลุงต้องสูญเสียไตไป 80 เปอร์เซ็น เหลือไว้ให้ใช้การได้ แค่ 20 เปอร์เซ็น


และผลที่ตามมาหลังจากไตหายไป 80เปอร์เซ็น ก็คือ เป็นเบาหวาน (diabetes) (เมื่อกก่อนเข้าใจแค่

ว่า เกี่ยวกับตับ ถึงจะเป็นเบาหวาน)


แบบที่ต้องฉีด อินซูลีน วันละ 2 ครั้ง และต้องเช็ค วัดระดับน้ำตาล เช้าเย็นทุกวัน และอีกหลายๆโรคที่แทรกซ้อนเข้ามา . แถมก่อนหน้าผ่าตัดอีลุงก็เป็นหอบหืดเป็นทุนเดิมอยู่แล้้ว เลยทำให้ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม. ต้องไปหาหมอ ทุกอาทิตย์เลย


หลังจากผ่าตัดครั้งแรก ถัดมาอีก 3 เดือน ก็เข้าผ่าตัดอีกครั้ง และต่อจากนั้นมา แทบจะทุก 2 หรือ 3 เดือน ลุงต้องเข้าออก โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น และ วันนี้อีกเหมือนกัน อาการของลุง ถ้าเกิดขึ้นแกจะช็อค จนต้องเรียกรถพยาบาล มารับ ตลอด จะเป็นแบบนี้ แทบจะทุก 3 เดือนที่ต้องเทียวเช้าเทียวออก และทุกครั้งอาการก็หนักหนาสาหัสเอาการ


หมอบอกว่าอาการของลุงสามารถกลับมาได้ตลอด เป็นได้ตลอดให้ทำใจ และที่สำคัญตอนอาการกำเริบ ต้องรีบโทรตามเจ้าหน้าที่ด่วนอย่าให้เกิดอาการช็อคบ่อย เพราะอีลุงอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลย


เราไม่สามารถปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ ต้องคอยควบคุมเรื่องอาหารการกิน และทั้งยาฉีดยากิน ต้องไม่ให้ขาดโดยเด็ดขาด เพราะแกแก่แล้ว 62 ปี อละมีโรคแทรกซ้อนหลายโรค ผลพวงมาจากการผ่าตัดใหญ่สองครั้งติดต่อกัน


อีป้าก็ไม่รู้นะว่าอีลุงตอนเป็นหนุ่ม แกใช้ชีวิตอย่างไร แต่ที่แน่ คงใช้งานร่างกายแบบไม่บันยะบันยัง เพราะตอนแก่มา ร่างกายมาประท้วงด้วยการทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย เป็นสารพัดโรค


อีลุงจากคนตัวโตๆ น้ำหนักเกือบ 90 กิโล เข้าโรงพยาบาล 3 เดือน กลับออกมาน้ำหนักเหลือ 55 กิโล


------------------------------------------------------


ที่ออกมาเขียน บทความนี้ ก็เพื่ออยากเอาประสบการณ์ชีวิตมาเล่าสูสาวๆฟังว่าจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจอย่างไร ถ้าเกิดเหตการณ์แบบนี้ขึ้นกับคุณ


ก่อนอื่นเลยต้องตั้งสติ ซึ่งอีป้าไม่มีเลย ช่วงที่ลุงเข้าโรงบาล อีป้าเครียดมาก ผมบนหัวที่ดำๆนั้น แค่ชั่วข้ามคืน ขาว หมดทั้งหัวเลย ไม่ใช่ขาว จากโคนจรดปลายนะ แต่ ตรงโคนผม พร้อมใจกันขาว ไปหมดเลย เหมือนผมที่ขึ้นใหม่ แล้วมันขาว


ช่วงแรกๆอีป้าสติแตก กินไม่ได้นอนไม่หลับติดต่อกัน 3 วันสามคืน ทำอะไรไม่ถูก บางคืนก็เดินวนไปวนมาเหมือนคนบ้า ต้องใช้เวลาพักใหญ่ในการตั้งสติ เรียกสติของตัวเองกว่า จะเรียกสติสตังค์กลับมาได้


หลังจากตั้งสติได้ ก็มานั่งคิดว่าจะต้องไปเยี่ยมอีลุงที๋โรงพยาบาลยังไงเพราะ ตั้งแต่มาอยู่อังกฤษ อีป้าไม่เคยออกไปไหนมาไหนเองเลย รอแต่ลุงพาออกไปเพราะคิดว่า ไม่มี อะไรจำเป็นต้องไปคนเดียว รอลุงพาไปสะดวกกว่า แบบ คิดง่ายเข้าว่า ผล ปรากฎ พอ เกิดเหตุฉุกเฉิน แบบนี้ไปไม่เป็นเลย


จากที่ไปไหนมาไหน มีแต่อีลุงพาไป รถ ของตัวเองจอดไว้ ในโรงรถ (ถึงแม้จะขับรถเป็นจากเมืองไทยมากี่ปีก็ตามต่อให้เก่งแค่ไหน คุณไม่มีสิทธ์ ขับรถโดยเด็ดขาด เพราะ กฎหมายที่นี่แรงมาก คนที่จะโดนคนแรกคือเจ้าของรถ และคนต่อมาก็ตัวคุณเอง อาจจะได้เข้าไปนอนในคุกฝรั่งฟรีก็เป็นได้) มาอยู่นี่หมดสิทธ์ขับเพราะว่าไม่มีใบขับขี่ เพราะมาอยู่ ไม่มีความคิดกระตือรือร้นที่จะอ่านหนังสือและไปสอบเอาใบขับขี่มา เพราะคิดแต่ว่าไม่จำเป็นต้องขับเพราะสามี พาไป คิดแบบมักง่ายฉันโชคดีผัวเอาใจ ว่างั้น


พอเอาเข้าจริงๆ ทำยังไงล่ะ นึกสมน้ำหน้าตัวเอง เลย ว่า ชอบสบาย เลย ต้องมาทุกข์ที่หลัง ต้องมาเริ่มใหม่หมด เริ่มจาก หัดนั่งรถเมลล์ จากบ้านไปโรงพยาบาล ไม่รู้ว่า รถสายไหนเป็นสายไหน ก็ ถามญาติๆ ของลุงว่าจะไปยังไง


ต้องได้ออกไปหาซื้ออาหารการกินเอาเอง ไม่เคยไปไหนมาไหนคนเดียว ก็ต้องหัด กลัวก็ต้องทำเพราะไม่มีใครจะช่วยเราได้เลย


ตอนที่เริ่มหัดทำอะไรด้วยตัวเองครั้งในต่างแดน กลัวมาก กลัวแทบอยากร้องกรี๊ดๆๆๆ เลย นึกถามตัวเองว่า มาทำบ้าอะไรอยู่ที่ ญาติพี่น้องก็ไม่มี มองไปทางไหน ก็ไม่รู้จักไม่รู้จะหันไปพึ่งใครได้เลย (ไม่รู้ใครเป็นเหมือนอีป้าแก้วมั่งที่ ถ้า เริ่มทำอะไรด้วยตัวเองไปไหนมาไหนคนเดียวจะรู้าชสุกกลัวปวดขี้ปวดเหยี่ยวขึ้นมาทันที่ ใจจะหวิวๆเหมือนจะเป็นลม กลัวไปสารพัด)


แต่ก็จำเป็นต้องหัดต้องทำ กลัวก็ ต้องออกไป เพราะอีลุงรออยู่ที่โรงพยาบาล ต้องนั่งรถเมลออกไปหา ปากมีก็ต้องถาม ภาษาแรกๆก็ไม่เป็น ก็ต้องหัด เปิดปาก กล้าพูดกล้าถามฝรั่งแถวนั้น อาหาร ก็จำเป็นต้องออกไปซื้อ เพราะ ไม่งั้นอดตาย จะมานั่งกินแต่น้ำจากก็อกก็คงไม่ไหว ทำไม่เป็นก็ต้องทำ (อีป้าเป็นโรคอย่างนึง ไม่ว่าจะอยู่ไทยหรืออยู่เมืองนอก จะกลัวการ พูดคุยกับคนแปลกหน้า ถ้าไม่รู้จักกันจะไม่อยากคุยด้วยเลย ใจมันจะเป็น ตุ้มๆต่อมๆ )


แต่อีป้า โชคดีอยู่อย่างหนึ่งเพราะมีเพื่อนที่ดี ในต่างแดน เป็นน้องคนไทย ที่อยู่อีกเมืองนึง และมี น้องที่อยู่ดูไบ และสวิต และอีกอย่างๆท่าน ที่คอยให้กำลังใจ คอยช่วยเหลือ ด้วยดีมาโดยตลอด มีแต่ให้กับให้ รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นที่สุด ที่อย่างน้อยๆ มิตรภาพ ในต่างแดนจากคนไทยด้วยกัน ก็ยังมีหลงเหลืออยู่


อันนี้ เป็นบทเรียนที่ดีเลยนะคะสาวๆ การที่คุณมาอยู่เมืองนอก คุณอย่าหวังพึ่งแต่สามีของคุณอย่างเดียว ไม่ใช่สามีเอาอกเอาใจ ไปไหนมาไหนก็ ดูแล ประคบประหงมเราเป็นอย่างดีโดย ไม่ให้เรา ช่วยตัวเองได้เลย เป็นผลเสียมากค่ะ อย่าได้ ดีอกดีใจว่าตัวเองโชคดีโดยเด็ดขาด ให้รู้ตัวไว้เลยว่าเงาหัวเริ่มไม่มีแล้ว


การที่มาอยู่เมืองนอก คุณต้องรู้จักเรียนรู้ หัดทำอะไรด้วยตัวเองให้เป็นไวที่สุด หัดไปไหนมาไหนเองคนเดียวได้ ไปหาหมอ ไปซื้อของ หรือไปธุระ พยายามหัดเรียนรู้ ค่อยเป็นค่อยไป เพราะ ต้องมีสักวันที่มันจะมีประโยชน์กับคุณ อย่าเป็นกบอยู่แต่ในกะลาเหมือนอีป้าแก้วนะคะ


ถ้า สามีให้อยู่บ้านเฉยๆ ก็อย่าไปดีใจนะคะสาวๆ อยู่เมืองนอก คุณต้องเริ่มมองหางานทำ งานอะไรก็ได้ อย่าเลือกงาน ขอให้เป็นงาน เป็นพอ เพราะมีประโยชน์ เพราะเราสามารถฝึกภาษา มีเพื่อนเพิ่มขึ้น และ ได้เรียนรู้ ชีวิตนอกบ้าน สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เพราะอะไรในชีวิตมันก็ไม่แน่นอน


การที่คนที่คุณรัก เกิด เจ็บป่วยกระทันหัน หรือเกิดอะไรขึ้นแบบกระทันหัน สำหรับคนอื่นมันอาจจะไม่หนักหนาสาหัส แต่สำหรับตัวเราเอง มันเหมือนโลกทั้งโลกถล่มทลายมาลงต่อหน้าต่อตา สิ้นหวัง หมดกำลังใจ ทำอะไรไม่ถูก กว่าจะเรียก สติตัวเองกลับมาได้ มันต้องใช้เวลา


หวังว่า เรื่องราวของอีป้า จะพอมีประโยชน์ ให้สาวๆหลายคนที่ กำลังจะย้ายมาอยู่เมืองนอก หรือที่มาอยู่แล้ว แต่ ยังไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเองได้คิดไว้นะคะ


"จำไว้นะคะ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"


จงทำทุกอย่างที่อยากทำ ไม่ต้องอายที่จะพูดดีทำดี เอาอกเอาใจ หรือแสดงความรักแกกันและกัน จงทำทุกวันให้เหมือนวันแรกที่รักกัน เพราะเวลาเกิดอะไรขึ้นมาคุณจะไม่ได้รู้สึกผิดไปตลอดชีวิต . และจะได้ไม่มานั่งนึกเสียใจในภายหลัง


ป้าแก้ว ยูเค




Create Date : 26 กันยายน 2557
Last Update : 26 กันยายน 2557 23:25:01 น. 0 comments
Counter : 1218 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

ป้าแก้วอังกฤษ
Location :
Huddersfile. United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




Blog นี้จัดทำขึ้น เพื่อ นำ เอาเรื่องราวชีวิต ของสาวไทยที่ได้แต่งงานกับชาวต่างชาติ มีทั้ง แบบมีความสุข และ แบบ ทุกข์ สลับกันไป
เหตุผลที่นำเรื่องราว ต่างๆมาลง เพื่อ
-เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์
-เพื่อไปปรับใช้ในชีวิต
-เพื่อสอนใจตัวเอง
-เพื่อบอกต่อ

ไม่มีเจตนา ต่อว่า ให้ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งนะคะ ถ้าผิดพลาดประการใด กราบขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วย

ป้าแก้ว ยูเค.
พูดคุยกันได้ที่
Facebook ป้าแก้ว ยูเค https://www.facebook.com/kaewchai.holland
New Comments
[Add ป้าแก้วอังกฤษ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com