:::ปลายทางที่โค้งฟ้า..ตอนที่ 15 :::
ชีวิตที่เหมือนภาพวาดขนาดใหญ่ของฉันมีตำหนิฉันจะตกแต่งรอยนั้นอย่างไรให้ภาพสมบูรณ์ภาพเขียนแห่งชีวิตที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเขียนจนสำเร็จชีวิตยังอีกยาวนาน..บนถนนชีวิต..ทุกชีวิตต่างมีขวากหนามแต่ใช่ว่าจะไม่มีหนทางให้เดินบนโลกกว้างใหญ่..พวกเราได้เรียนรู้จากพ่อเสมอว่าภาพวาดที่ผิดพลาดไม่จำเป็นต้องใช้ยางลบคืนวันผ่านเนิ่นช้า..ฉันครุ่นคิดจ่อมจม..หาทางออกที่ดีที่สุดฉันตัดสินใจไปพบพี่ใหญ่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังและพร้อมยอมรับชะตากรรมฉันมองแล้วว่าชีวันพร้อมที่รับผิดชอบจะใช้ชีวิตร่วมกัน แม้ว่าจะลุ่มลุมดอนดอนก็ตามที บางทีฉันอาจจะหัวโบราณไปสักหน่อยที่จะใช้วิธีรับสภาพ มากกว่าที่จะตัดสินใจผิดในวิธีอื่นอื่นการแก้ปัญหาด้วยการทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์ไม่มีในตัวเลือกในช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจนั้น ฟ้าดินคงเห็นใจฉันแล้ว..โชคดีที่ได้พบว่าความผิดปกตินั้นเกิดจากความเครียด ฉันโชคดีที่ไม่ต้องติดค้างหนี้กรรมใครใครไปชาติหน้า รอบเดือนฉันมาก่อนหน้าที่จะได้เข้าพบพี่ใหญ่สิบห้านาทีฉันสัมผัสแล้วกับความทุกข์ของตัวเอง ทุกข์ที่หลุดพ้นไปหนึ่งช่วงฉันจะให้เวลาตัวเองและให้โอกาสชีวันพิสูจน์ตัวเอง ฉันให้โอกาสชีวินสร้างตัวและรับผิดชอบฉันอย่างที่เขาพร่ำบอก"เรื่องราวระหว่างเรา" ยังคงเป็นความลับความลับของฉันยังคงเป็นความลับ..ชีวันดูแลฉันอย่างดี พยายามเก็บหอมรอมริบเก็บออมเพื่ออนาคตเราจะร่วมกันสร้างอนาคต เราหวังที่จะเป็นชีวิตของกันและกันเราคบกันอยู่หลายปี ไม่มีใครรู้เรื่องราวของเรามีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตของชีวินมากมาย ฉันไม่เคยเห็นเป็นเรื่องสำคัญหากวันใดที่ชีวินมีคนอื่นฉันพร้อมหลีกทางให้เสมอเพราะหากใจไม่ซื่อต่อกันก็ยากที่จะรั้งไว้จนกระทั่งเสี้ยวชีวิตวิบากผ่านเข้ามาอีกระลอกคนใกล้ชิดที่สุดของฉันตกหลุมรักชีวินหากเป็นใครอื่นฉันคงเหมือนตัดชีวิตช่วงนั้นทิ้งไปไม่เสียดายหากทว่าคนใกล้ชิดนั้นกลับเป็นดวงใจของฉันเช่นกันชะตาเล่นตลกกับฉันแล้ว..ปีที่สี่ของการใช้ชีวิตลำพังของฉัน..ฉันได้พี่ยากลับคืนมาหลังจากแยกทางกับสามีที่ต่างประเทศพี่ยากลับมาเมืองไทยเงียบเงียบฉันเพิ่งได้มีโอกาสได้รู้..ทั้งใจพี่ยาและใจของฉันเอง..ตลอดเวลาที่ผ่านเราสองต่างเป็นเงาอยู่ในใจของกันและกันตลอดมา.. ในปีที่สี่ของชีวิตโดดเดี่ยวพี่ยากลับมาในชีวิตของฉันหลังจากเธอหย่าร้างกับสามีเธอกลับมาเมืองไทยเงียบเงียบกลับมาดูแลคุณพ่อซึ่งเริ่มชราและนัยน์ตาพิการคุณลุงประสบเหตุในสนามรบก่อนการเกษียณอายุราชการเพียงหนึ่งปีชีวิตของเธอช่างคล้ายฉันเพียงแต่เธอแกร่งกว่าฉันแยะฉันเฝ้ามองดูพี่ยาปรนนิบัติคุณพ่อของเธอ ชีวิตเล็กเล็กคู่นั้นอบอุ่นฉันยิ่งคิดถึงพ่อจับใจ ฉันไม่มีโอกาสได้ปรนนิบัติพ่อในบั้นปลายชีวิตเท่าที่หวังเท่าที่ตั้งใจในขณะที่ชีวินเป็นเงาตามตัว ชีวิตคู่นั้นกลับเป็นดวงใจของฉันทุกเวลาที่มีโอกาส ฉันและชีวินจะไปขลุกอยู่ที่บ้านของพี่ยาคุณลุงรักฉันให้ความเอื้ออารีเหมือนที่พ่อเคยให้ฉันรับพี่ยาและคุณลุงเข้ามาในชีวิตประหนึ่งเป็นชีวิตใหม่ของฉันฉันใช้เวลาเกือบครึ่งหนึ่งกับคนคู่นั้น คุณลุงเล่าเรื่องมากมายให้ฉันฟังคุณลุงตอบคำถามให้ฉันได้ทั้งหมดเหมือนที่พ่อเคยตอบฉันบางวันฉันนั่งเงียบเงียบหน้ารถเข็นฟังคุณลุงเล่านั่นนี่ปรัชญาชีวิตบ้าง เล่าเรื่องสนุกสนุกในวัยเด็กและบางวันเราก็ประสานเสียงหัวเราะกันอยู่ใต้ต้นชงโคข้างบ้านนั่นเองพี่ยาบอก"พ่อรักฉันมากกว่าพี่ยา"ชีวิตของฉันดูเหมือนจะสงบราบเรียบดีฉันใช้เวลาส่วนหนึ่งเขียนเรื่องสั้นเรื่องยาวอย่างที่ใจรักฉันจะสร้างฝันฉันจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านฉันจะมีกิจการดูแลผู้สูงอายุเป็นของตัวเองอย่างที่เคยบอกกับพ่อไม่ใช่เพื่อธุรกิจ แต่เพื่อเจตนารมณ์เดิมของฉันเจตนารมณ์ที่จะให้ผู้สูงอายุอยู่อย่างเป็นสุขในบั้นปลายของชีวิตฉันขลุกอยู่กับงานเขียนที่ฉันรักแต่ดูเหมือนสิ่งที่ได้เพียงความพึงใจของตัวเอง งานเขียนของฉันไม่นับว่าประสบความสำเร็จฉันหันมาจับงานใหม่ รับจ้างดาราเขียนหนังสือ งานนั้นสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เป็นอีกมุมหนึ่งที่ฉันได้เรียนรู้ชีวิตฉันมองดูความสำเร็จของตัวเองในนามคนอื่น มันมองดูสวยงามกว่างานในนามฉันเองเสียอีกหลายครั้งที่ฉันนั่งทึ่งกับบทให้สัมภาษณ์ของดาราถึงหนังสือของเธอ นั่นจึงนับว่าเป็นศิลปินแท้..ดูเหมือนฉันจะลืมความทุกข์ที่ซ่อนอยู่ลึกลึกของฉันเสียสนิทจนกระทั่งในบ่ายวันหนึ่งใต้ต้นชงโคมุมเดิมคุณลุงถามฉัน"แตรักชีวินหรือเปล่า"(คุณลุงเรียกฉัน"แต"ตามพี่ยา)ฉันตกใจตอบไม่ได้ ฉันรู้ว่าคุณลุงมีสัมผัสพิเศษ แต่ไม่รู้ว่าคุณลุงคิดอะไรฉันตอบสั้นๆ "แตรักพี่ยากับคุณลุง"คุณลุงถอนใจและเริ่มท้าวความเดิมในวันที่พ่อมาจับเข่าคุยกับคุณลุงเรื่องฉันกับพี่ยาเมื่อสิบปีก่อนวันที่คุณลุงตัดสินใจให้พี่ยาไปเรียนโรงเรียนประจำอย่างที่พ่ออุทรเพราะไม่อยากให้เราผิดธรรมชาติ เรารักกันเกินกว่าพี่สาวน้องสาว" พ่อแตรักแต ลุงก็รักพี่ยาเท่าชีวิต แต่พี่ยาแกร่งกว่าแตเยอะ "คุณลุงบอกแต่หลังจากที่ผิดหวังเรื่องครอบครัวแล้ว พี่ยาไม่เคยมีใครอีกเลย จนมาพบชีวินคุณลุงบอก "ยารักชีวิน"ฉันคอแข็ง..ไม่แปลกใจเลยใครใครที่ได้ใกล้ชิดชีวินก็รักชีวินกันทั้งนั้นชีวินบุคลิกดี ปากหวาน พูดเป็น มีน้ำใจ รู้จักเอาใจ ที่สำคํญชีวันเป็นหนุ่มโสด มีอนาคต..ใครใครก็รักชีวันได้.แต่ต้องไม่ใช่พี่ยา..ต้องไม่ใช่พี่ยา..ในวันต่อวันที่ฉันมีพี่ยาคอยให้กำลังใจ วันต่อวันที่เธอเฝ้าดูการทำงานของฉันวันคืนที่เธอเจือจานน้ำใจ ชีวิตที่แห้งแล้งของฉันกลับมีชีวิตชีวาชีวิตพี่ยาเป็นของฉัน หากขาดพี่ยาฉันจะอยู่ได้อย่างไร..แล้วชีวันกับความฝันของเรา ปลายทางของเราเล่าฉันเดินมาถึงทางแยกอีกครั้ง..