:::ปลายทางที่โค้งฟ้า..ตอนที่ 14 :::
จุดผกผันชีวิตของฉันอีกครั้งเมื่อฉันพบชีวินกับใครอีกคนที่ห่างไกลเหลือเกิน..ใครคนนั้น..คนไทยในต่างแดนที่รู้จักฉันผ่านนิตยสารที่ฉันลงบทความใครคนนั้น..คนที่ต่างบ้านต่างเมือง ระเหระหนอยู่ในทะเลทราย..ใครคนนั้น..ที่นับว่าเป็นผู้พลิกผันชีวิตของฉันโดยที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสได้รู้เลยฉันไม่คิดอะไรอื่นนอกจากมิตรภาพที่หยิบยื่นให้ฉันเข้าใจความรู้สึกคนไกลบ้าน เราติดต่อกันทางจดหมายในทุกเดือนฉันจะได้รับจดหมายหนาหนักจากฟากฟ้าทะเลโพ้น.หลายคนคาดหมายว่าฉันจะพอใจชีวิตในต่างแดนเหมือนท่าทีที่แสดงออกแต่ชีวิตไม่ใช่นวนิยาย.. แม้ฉันจะชื่นชอบโซไรดานางเอกที่ฉันติดใจฉันกลับรับไม่ได้. ฉันคนเดิมที่ไม่รับรักใครทางจดหมายปิดผนึกช่วงเวลานั้นฉันมีชีวิน..หนุ่มน้อยช่างฝันคนที่เบื้องบนส่งลงมาเป็นตัวจริงของใครที่ไม่อาจชี้ชัดแต่เขาเข้ามาในชีวิตของฉันแล้ว..ประชิดตัว..ในวันที่ฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนตร์บาดเจ็บชีวินเข้ามาในชีวิตฉัน มาดูแลฉันในวันที่ฉันไม่มีใครชะตาชีวิตหรือเปล่าที่ลิขิตให้เราพบกันเราไม่เหมาะสมกันด้วยประการทั้งปวงใครใครต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ฉันรู้สึกสงสารโชคชะตาตัวเองฉันสงสารชีวินด้วย แต่เราไม่อาจร่วมชีวิต..ชีวินรักฉัน ฉันรู้ฉันรู้ว่านั่นคือรักแรกพบที่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง พึงมีพึงพบแต่ฉันไม่คิดจะผูกพันกับใคร ฉันไม่พร้อมที่จะใช้ชีวิตคู่ในความพยายามที่ชีวินเข้ามาคลุกคลี ฉันให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนที่รู้ใจจแต่ชีวินไม่หยุดไว้เพียงแค่นั้น ชีวันกลัวฉันจะตอบรับรักคนไกลจากโพ้นทะเลทราย..ชีวันกลัวฉันจะหลุดลอยไป ความสัมพันธ์ที่เหมือนจะงอกงามของฉันกับชารีสอยู่ในสายตาของชีวินในวันฝนพรำ ..ชีวินพบฉันกับสร้อยคอคริสตัลเส้นสวยสีรุ้งที่ส่งมาจากแดนไกลตาวาววับคู่นั้น..ฉันมั่นใจว่าเค้าต้องฆ่าใครสักคนได้แน่แน่ในเวลานั้นฉันถูกกระชากปลิวไปตามอารมณ์ของชีวินในอ้อมกอดที่ไม่ปราณีปราศรัยหัวใจคริสตัลสีรุ้งหล่นแตกกระจาย..ฉันไม่ได้เสียใจกับความประมาทของตัวเองฉันไม่ตีโพยตีพายกับความขลาดเขลาที่ปล่อยให้ตัวเองยอมแพ้ง่ายง่ายแต่น้ำตาของฉันร่วงริน ..พ่อจะยังรักฉันไหม..หากได้รู้ว่าผู้ชายคนที่เข้ามาในชีวิตฉันไม่ผ่านการเซนเซอร์ของพ่อพ่อจะยังรักฉันไหมหากพ่อจะได้รู้ว่า ในเวลาคับขันที่สุดของชีวิต ฉันช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ฉันคั่งแค้นใจ..พ่อจะยังรักฉันไหม.. หากพ่อจะได้รู้ว่าลูกรักของพ่อมีราคี..ฉันไม่ใช่ผู้หญิงสมัยใหม่ที่ปล่อยตัวและมองข้ามวัฒนธรรมประเพณีฉันมองเป็นเรื่องอับอาย ฉันไม่อาจบอกใครใครว่าฉันไม่ใช่คนเดิมไม่อาจปรึกษาใครใคร..ฉันเก็บตัวและไม่พบปะผู้คน..ความเชื่อมั่นในตัวเองหมดไปตั้งแต่วันนั้นในเวลานั้นถึงมีพี่น้องก็เหมือนไม่มี ทุกคนต่างอยู่ห่างใกลหากถึงอยู่ใกล้ใกล้ได้ ฉันจะตากหน้าทำอย่างไรได้เล่า..ฉันคนที่ภูมิใจในตัวเองเสมอมา โชคชะตาของฉันช่างอาภัพนัก.. โชคดีอยู่บ้างที่ชีวินไม่ใช่คนเสเพล อย่างน้อยเธอมีพื้นฐานของความรักเมื่อพายุผ่านไป เธอเข้ามารับผิดชอบฉันแต่ฉันมองไม่เห็นความเป็นไปได้ของการใช้ชีวิตคู่ฉันตกหลุมพรางชีวิตแล้ว รอบตัวมีแต่ความมืดแม้จะได้ซึมซับวัฒนธรรมซ้อนสมัยที่ทะลักเข้ามาสังคมที่ฉันหลุดรอดเข้ามาเห็นเป็นเรื่องเล็กแต่กับฉัน..ไม่ใช่แล้ว..ครอบครัวของชีวินกับฉันไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่างครอบครัวชีวินรับฉันได้ แต่ครอบครัวฉันเล่า.ความทุกข์นั้นของฉันสาหัสยิ่งใหญ่ ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่..ฉันเลี่ยงการพบปะกับชีวินอยู่กว่าสองอาทิตย์จนกระทั่งฉันพบความผิดปกติในร่างกาย..รอบเดือนฉันไม่มาตามกำหนด..โลกของฉันเหมือนจะพังทะลาย ฉันใจหาย ชีวิตของฉันถึงจุดจบคราวนี้แล้วกระมัง..ฉันจะตัดสินใจ..ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ฉันจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรชีวิตเล็กเล็กที่อุบัติขึ้นเป็นความสวยงามหากฉันเป็นอะไรไป พี่น้องของฉันจะตัดสินฉันอย่างไรโลกจะประนามฉันอย่างไร ญาตพี่น้องจะอับอายไปถึงไหนฉันสับสนในความคิด..ฉันไม่เคยแพ้..ความพลาดที่ไม่อาจลบเลือนภาพเขียนที่ไม่เคยลบของฉันต้องใช้ศิลปะแขนงไหนตกแต่งให้คงความงามฉันรู้.. พวกเราได้เรียนรู้ว่าภาพวาดที่ผิดพลาดไม่จำเป็นต้องใช้ยางลบแต่ฉันต้องทำอย่างไรเพื่อความถูกต้อง เพื่อศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงชีวิตที่เหมือนภาพวาดขนาดใหญ่ของฉันมีตำหนิฉันจะตกแต่งรอยนั้นอย่างไรให้ภาพสมบูรณ์ภาพเขียนแห่งชีวิตที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเขียนจนสำเร็จหรือฉันต้องตัดสินใจยอมรับชีวิน ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร..ฉันพร้อมไหมที่จะรับอนาคตใหม่ที่ยังมองไม่เห็นทางออกชีวิตฉันตกบ่วงกรรมในวันที่ฟ้าไร้ใจ..เพลงประกอบ: :::River of no return : Marilyn Monroe :::