:::ปลายทางที่โค้งฟ้า..ตอนที่ 16:::
. ในวันต่อวันที่ฉันมีพี่ยาคอยให้กำลังใจ วันต่อวันที่เธอเฝ้าดูการทำงานของฉันวันคืนที่เธอเจือจานน้ำใจ ชีวิตที่แห้งแล้งของฉันกลับมีชีวิตชีวาในบ่ายวันหนึ่งใต้ต้นชงโคมุมเดิมที่คุณลุงถามรักว่าฉันชีวินหรือเปล่าฉันตกใจตอบไม่ได้ ฉันรู้ว่าคุณลุงมีสัมผัสพิเศษ แต่ไม่รู้ว่าคุณลุงคิดอะไรฉันตอบสั้นๆ "หลานรักพี่ยากับคุณลุง"คุณลุงบอก "ยารักชีวิน" ฉันคอแข็งไม่แปลกใจเลยใครใครที่ได้ใกล้ชิดชีวินก็รักชีวินกันทั้งนั้นชีวินบุคลิกดี ปากหวาน พูดเป็น มีน้ำใจ รู้จักเอาใจ ที่สำคัญชีวันเป็นหนุ่มโสด มีอนาคต..ใครใครก็รักชีวันได้.แต่ต้องไม่ใช่พี่ยา..ต้องไม่ใช่พี่ยาชีวิตพี่ยาเป็นของฉัน หากขาดพี่ยาฉันจะอยู่ได้อย่างไร..ฉันคุยเรื่องนี้กับชีวิน ชีวินปฏิเสธและย้ำคำเดิม"ชีวิตเราเป็นของกันและกัน" ฉันกำลังคิดหาทางออก คุณลุงเริ่มป่วยฉันไม่อยากให้ท่านคิดมาก ความสนิทสนมใกล้ชิดทำให้ฉันรักท่านเหมือนญาติผู้ใหญ่ในความแข็งกระด้างของพี่ยา เธอไม่ค่อยสนิทสนมกับพ่อเท่าใดนักฉันเองเสียอีกที่ดูแลประหนึ่งญาติในความปราถนาลึกลึกที่ต้องการสิ่งทดแทนจากพ่อกระมังคุณลุงออกปากขอฉันเป็นลูกบุญธรรมโดยกฏหมายแต่พี่ยาโกรธ "ทำไมไม่ขอมาเป็นแม่ยาเสียเลยล่ะ"ฉันตกใจ..เธอโกรธที่ถูกชีวินปฎิเสธหรือเปล่า ฉันไม่เดาฉันไม่เข้าใจพี่ยาแต่รู้สึกเป็นความทุกข์ที่เธอโกรธไม่ยอมพูดกับฉันวันสุดท้ายที่เราพบกัน ฉันให้ชีวินไปพบพี่ยาทั้งสองคนกลับหายไปด้วยกันฉันไม่เข้าใจความคิดของคนทั้งสอง แต่อโหสิให้..เมื่อได้รับข่าวจากทางหน้าหนังสือพิมพ์เครื่องบินตกที่สุราษฏร์ธานี..ในรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้งหมด มีชื่อของทั้งสองคนด้วย....ฉันเสียใจแทบไม่เป็นผู้เป็นคนอีกครั้งแต่ไม่นานนักมีประโยชน์อะไรที่จะบ่มฟักบาดแผลให้ร้าวลึก ชีวิตยังอีกยาวไกลคุณลุงคือคนในความดูแลของฉันอย่างแท้จริง ท่านไม่มีญาติอื่นๆอีกในเมืองไทยเงินก้อนใหญ่ที่พี่ยาทิ้งไว้ให้คุณลุงเป็นเงินสนับสนุนความฝันฉันให้เป็นจริงคุณลุงยกให้ฉันทั้งหมดเพื่อเป็นกองทุนสร้างฝัน ให้โดยไม่เรียกร้องสิ่งตอบแทนแต่ฉันออกปากขอแต่งงานกับท่าน ใช่..ฉันขอท่านแต่งงาน..มีที่ไหนกันเล่าเจ้าสาวขอแต่งงานกับเจ้าบ่าวที่อายุห่างกันเกือบ 2 รอบ..ท่านดึงมือฉันไปถือไว้แน่นและบอกกับฉันว่า ท่านยังมองเห็นความสวยงามของฉันเสมอฉันในวัยเด็กเป็นอย่างไร วันนี้ยังคงเป็นอย่างนั้นในสายตาของคุณลุงท่านขอบใจในน้ำใจและบอกว่า "วันนึงถ้าหลานมีความรักที่แท้จริง หลานจะนึกถึงวันนี้"ฉันบอก"ไม่มีแล้วรักที่แท้จริง ฉันมีได้หนึ่งเดียวและให้พ่อไปหมดแล้ว"คุณลุงถามว่าแล้วจะแต่งงานกับลุงทำไม ฉันอึ้ง.ตอบไม่ได้.คุณลุงเข้าใจความคิดของฉัน คุณลุงบอกหลานอยู่ที่นี่ได้ตลอดชีวิต หลานเป็นเจ้าของที่นี่ในฐานะเจ้าของบ้าน คุณลุงยกกิจการให้ฉัน..ท่ามกลางความตื่นตะลึงเงียบงันของพี่น้อง เราประกาศเป็นหุ้นส่วนชีวิตในวันที่เปิดอาคารหลังแรกบนพื้นที่เล็กๆสงบและสวยเหมือนใจ ทุกคนงุนงงกับการตัดสินใจของฉัน แต่จะแปลกอะไรฉันลิขิตตัวเองแล้วฉันกลับพบชีวิตสงบกิจการของเราจัดว่าประสบความสำเร็จอาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมและสังคมที่เปลี่ยนไป ภาวะบีบคั้นที่ทำให้ครอบครัวต้องลดค่าใช้จ่ายประหยัดเวลา ตัดบางสิ่งที่เกินความจำเป็นปรับขนบประเพณีให้รัดกุมตามความพอดีสภาวะความเปลี่ยนแปลงของสังคม ชีวิตดิ้นรน..งานของฉันขยายตัวเติบโต สิ่งที่ฉันนึกไม่ถึงผู้สูงอายุกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซนต์มาจากครอบครัวผู้มีอันจะกิน..ในทุกวันที่ฉันนั่งเขียนหนังสือคุณลุงจะเลื่อนล้อรถไปที่นั่นที่นี่คุยกับคนนั้นคนนี้มีความสุขให้ได้รับรู้นานนานจะอ้อมกลับมาหาฉันสักครั้งและถาม "มีอะไรให้ช่วยไหม..ลูกสาว"ในทุกทุกเช้าที่หน้าต่างบานนี้..ฉันเข็นรถล้อเลื่อนชี้ชวนดูตะวันเบิกฟ้า"พ่อเคยบอกเสมอวันใดเราทดท้อ เหนื่อยล้า ให้นึกถึงดวงตาวันดวงตะวันที่ถักทอฝันของใครต่อใครนาฬิกาดวงตาวันที่กำหนดชะตาชีวิตได้ด้วยตัวมันเองชีวิตคนเราเหมือนดวงตาวันมีขึ้นมีตกมีทั้งดีและร้ายปนเปกันไป เหมือนมีดำมีขาวใครที่ไม่พบปัญหาเลยในชีวิตไม่มีเพียงแต่วันนี้เราอย่ายอมแพ้ รอวันเวลาดีดีที่จะหวนกลับมาอีกครั้งเหมือนดวงอาทิตย์ที่ไม่เคยทิ้งขอบฟ้าวันพรุ่งนี้ยังมีความหวังใหม่รอเราอยู่เสมอ.."ฉันทุ่มเทชีวิตช่วงนั้นให้กับความใฝ่ฝัน ได้ทำงานที่ใจรักความสุขเอื้อมคว้าได้ทุกความหวัง และพบว่าถนนที่ฉันเลือกสวยงามชีวิตดำเนินไปพร้อมๆกับดวงตะวันที่ขึ้นทางทิศตะวันออกลับหายไปทางทิศตะวันตกและพร้อมที่จะตื่นมาพบกันในวันใหม่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้ต้องค้นหานอกจากเฝ้ามองความงดงามของผลผลิตฉันต้องไขว่คว้าอะไรอีกนอกจากความสุขสงบไปจนถึงบั้นปลายชีวิตทะเลสงบใช่จะไร้คลื่นฟ้าไร้เมฆใช่จะปลอดมรสุมชีวิตราบเรียบใช่จะไร้อุปสรรค..มรสุมชีวิตตั้งเค้าอีกครั้งเมื่อคุณลุงเริ่มป่วยชีวิตสงบยาวนานนั้นสิ้นสุดลง ทุกอย่างหยุดลงก่อนที่คุณลุงจะทันได้เขียนพินัยกรรมฉันเหมือนถูกทิ้งไว้เดียวดายดวงตะวันดวงเดิมทอแสงสีหม่นปลายโลกมืดมน แสนไกล ..