บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2560
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
22 กรกฏาคม 2560
 
All Blogs
 
ตอน 2 - วันแรกที่กรุงไคโร - อียิปต์



ออกจากสถานีรถไฟลุงก็พาเดินไปเรื่อย ๆ จำได้ว่าเดินทั้งวัน เป็นเส้นทางเดินไป IslamicCairo ตามคู่มือจาก Lonely Planet  "Cairo" ที่กล่าวว่า อาณาบริเวณ Islamic Cairo กว้างขวางแต่หัวใจคือ Khan al-Khalili และ Mosque of Al-Azhar   และสามารถเดินไปได้เรื่อยจากตัวเมือง จุดแรกที่ควรทำความรู้จักกับ IslamicCairo คือ รอบ ๆ บริเวณตลาด Khan al-Khalili ตอนแรกก็อ่านว่า คาน อัล คาลิลีพอไปถึงได้ยินคนกรุงไคโรพูดว่า "คัน-นา-คาลิลี" รู้สึกว่าคล่องปากกว่าเยอะเลย

ใกล้เที่ยงวันแรกเราก็มาอยู่ที่ใจกลาง Islamic Cairo แล้ว  แวะชม Mosqueof Al-Azhar ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านใต้ของ Midan Hussein อยู่เป็นนาน (จัตุรัส Hussein เป็นหนึ่งในจตุรัสหลักของไคโรสมัยกลาง - medieval Cairo




Mosqueof Al-Azhar  ถือเป็นเพชรน้ำเอกของสมัย FatimdCairo ยุคใหม่ สร้างในปี 970 (เป็นเพราะความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรืองของอียิปต์โบราณ กองทัพราชวงศ์อิสลาม Fatimds จากอัฟริกาเหนือได้เคลื่อนทัพเข้ามายึดFustat ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของอียิปต์ได้ ในปี 969) 

ทางเข้าหลักทางผ่านทาง Bab al-Muzayinīn   เป็นประตู 2 บาน สร้างในปี 1753 แต่ละบานล้อมรอบด้วยซุ้มประตูรูปโค้ง การตกแต่งเป็นงานแบบออตโตมันทางเข้าหลักนี้ นำไปสู่ลานหินอ่อน ที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารสวดมนต์ภาวนาหลัก





สถาปัตยกรรมของ Mosque of Al-Azhar เป็นแบบผสมผสาน จากการต่อเติมขยายออกไปตลอดเวลาอันยาวนานแห่งประวัติศาสตร์ของสุเหร่าแห่งนี้ .. ลานตรงกลางเป็นส่วนที่ใหม่สุด หอคอยท้ั้ง 3 แห่ง มีอายุย้อนไปถึง ศต. ที่ 14, 15 และ 16 หอคอยที่ 3 ที่มี 2 ยอด สร้างเพิ่มเติมโดย Sultan al-Ghouri ที่มีทั้งสุเหร่าและสุสานของพระองค์ตั้งอยู่ใกล้ 






ณ ห้องสุสานของพระองค์ ทางด้านข้างของช่องทางเข้า จะเห็น Mihrab (ช่องแสดงทิศทางของเมกกะ) ที่สวยงาม 

 เป็นหินอ่อนเรียบ ๆ ประดับด้วยลวดลายทอง 




รอบลานจตุรัส เป็นซุ้มโค้ง มีรูปแกะสลักตามแนวกำแพงประดับด้วยรูปปูนปั้น

Mosqueof Al-Azhar มีความสำคัญ ไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งในสุเหร่าแรกๆ ของไคโรสมัยโบราณที่ยังคงดำรงอยู่ แต่ยังเป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียวในโลกอาหรับที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ที่ยังคงดำรงความเป็นมหาวิทยาลัยมาถึงทุกวันนี้

ในอดีตปี972 มีการจ้างผู้ดูแลเป็นนักวิชาการ 35 คน และพัฒนาสุเหร่าแห่งนี้ให้เป็นมหาวิทยาลัย  เปิดสอนครั้งแรกในปี 975... ครั้งหนึ่งเคยศูนย์กลางการศึกษาที่เป็นเลิศ ดึงดูดให้นักวิชาการนักการศึกษาทั้งจากยุโรป และโลกอาหรับทั้งมวลมารวมตัวกันที่นี่ ...





ในช่วงการสอบ นักศึกษาของ Al-Azhar ราว 8,000 - 10,000 คน จะมาแออัดกันบนพรมแดงแห่งนี้ รายล้อมออกไปจนถึงลานจตุรัสด้านนอก 



 ปัจจุบันสุเหร่าสงวนไว้สำหรับสวดภาวนาเท่านั้น  




สถาปัตยกรรมภายในเป็นแบบ Hypostyle ที่มีเสาเรียงรายเพื่อค้ำหลังคา (ห้องกิจกรรมเฉพาะสตรี)

ส่วนมหาวิทยาลัยสร้างใหม่ถัดจากสุเหร่าออกไปเป็นมหาวิทยาลัยมุสลิมที่มีชื่อเสียงที่สุดและเหล่านักศึกษาให้ความเคารพอย่างสูงต่อการสอนแบบดั้งเดิม ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถาบันชั้นแนวหน้าของโลกอิสลามในการศึกษาศาสตร์สุหนี่และกฎหมายอิสลาม  .....เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับอิสลาม(Islamic Learning)   นักศึกษาศึกษาพระคัมภีร์อัลกุรอานกฏหมายอิสลาม รวมทั้งตรรกะ ไวยากรณ์ สำนวน และการคำนวนทางจันทรคติ   ปัจจุบันยังมีวิชาอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับศาสนาอีกด้วย





ที่รับฝากรองเท้า เรียบร้อยเป็นระเบียบ



ที่สุเหร่านี้ เรามีไกด์ด้วย ก่อนจากก็เลยให้เขียนชื่อสถานที่เป็นภาษาอาหรับให้ด้วย ซึ่งก็ได้ใช้เย็นนั้นเลย ไม่งั้นแย่แน่ ๆ ค่ะ

ออกจาก Mosque of Al-Azhar ไปเรื่อย ๆ ขึ้นไปทางเหนือของ Midan Hussein จนถึง Mosque of Sayyidna al-Hussein


Mosque of Sayyidna al-Hussein หรือ  Al-Hussain Mosque เป็นหนึ่งในสถานที่ทางศาสนาอิสลามศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในอียิปต์เพราะมีแท่นบูชา ที่ด้านล่างเป็นที่ฝั่งพระเศียรของผู้ที่มีชื่อเสียง คือ  Al-Hussein หรือ Husayn (หลานของพระศาสดามูฮัมหมัด) พระเศียรถูกนำมาที่นี่ตั้งแต่เริ่มสร้างสุเหร่าในปี 1154  (เกือบ 500 ปี หลังจากสิ้นพระชนม์)  โดยบรรจุในถุงผ้าไหมสีเขียวรอดพ้นจากการตรวจค้นของพวกครูเสด (Crusaders) ในย่านอิสลามทุกแห่งในปาเลสไตน์ ...

Al-Hussain Mosque สร้างในปี 1154 บนสุสานของ Fatimid Caliphs (กาหลิบแห่งฟาติมิด) โดยที่ไม่รู้มาก่อน จนกระทั่งมีการขุดค้นทางโบราณคดีในเวลาต่อมา



อาคารเกือบทั้งหมดที่เห็นในปัจจุบัน สร้างใหม่ ในปี 1870 แทนสุเหร่าเดิม ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอธิคหรือสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรีย ที่เริ่มที่ประเทศอังกฤษเมื่อต้น ศต. ที่ 19 ยกเว้นแผงปูนปั้นที่สวยงามบนหอคอย ที่เป็นของเดิม จาก ศต. ที่12






ภายในมีโครงหลังและเสาค้ำเป็นโลหะเทฟร่อน

แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ จนถึง Khan al-Kalili bazaar ไปแบบเบลอ ๆ ดูโน่นดูนี่ นิด ๆ หน่อย ๆ เรื่องราวประวัติความเป็นมาของบาซาร์นี้ติดไว้ก่อนก็แล้วกันเพราะวันหลัง ๆ เราก็วน ๆ อยู่แถวนี้ล่ะค่ะ






ไปเรื่อย ๆ ค่ะ โปรดสังเกตุ จากที่มีผู้คนเยอะแยะ จากถนนใหญ่ ร้านหรู ก็ไปตามถนนซอย



ลุงก็พาเดินไปทางโน้นทางนี้ จนผู้คนหายไปหมดบรรยากาศรอบข้างเป็นอาคารเก่า ขายของเก่ามาก





จากถนนเรียบ ๆก็เป็นขรุขระ กำลังก่อสร้างหรือปรับปรุง



นักเรียนอนุบาลเลิกเรียนแล้วคงเป็นเวลาราวบ่าย 2 โมง


จากนั้นก็มาถึงอนุสาวรีย์ของฟาติมิด Fatimid Monuments คือ Al-Hakim Mosque และ Bab al-Futuh (Gateof Conquest)





Mosque of al-Hakim bi Amrillah ตั้งอยู่ติดกับกำแพงด้านเหนือของเมืองเก่ากรุงไคโรติด ๆ กัน  คือ  Bab al-Futuh (Gate of Conquest) และBab al-Nasr (Gate of Victory) ในช่วงการก่อสร้าง ในปี 970 สุเหร่านี้อยู่นอกเขตกำแพงเมืองไคโรฟาติมิดต่อมาในปี 1087 ... ได้มีการขยายตัวเมืองออกไปอีก 150 เมตร ทั้งทางเหนือสุด และใต้สุด   และสร้างกำแพงเมืองใหม่ด้วยหินด้านเหนือขยายไปถึงกำแพงด้านตะวันออกเฉียงเหนือของสุเหร่า





Mosqueof al-Hakim เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาอันดับต้น ๆ ในกรุงไคโรได้ชื่อตาม Al-Hakim bi-Amr Allah (ปี 985–1021) ฟาติมิดกาหลิบองค์ที่ 16 แห่งอิมามอิสมาลิ ..สถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ คือ หอคอยท้้ง 2 ด้านของซุ้มประตู ที่เป็นเสมือนความทรงจำถึงวิหารแห่งฟาโรห์ เดิมหอคอยทั้ง 2 ซึ่งเป็นหอคอยสมัยแรก ๆของเมืองที่ยังคงสภาพอยู่  ตั้งอยู่แต่ละมุมของกำแพง มีการบูรณะหลายครั้งและครั้งใหญ่ ในปี 1010 โดยสร้างส่วนบนใหม่ ครอบบนหอคอยเดิมเพื่อทำให้โครงสร้างแข็งแรงขึ้น ทั้งรวมหอคอยด้านเหนือเข้าไว้ในกำแพงเมือง

ในห้วงเวลาที่ผ่านมาสุเหร่านี้ได้ทำหน้าที่หลายประการ คือ เป็นที่คุมขังพวกครูเสด ระหว่างสงครามครูเสด... เป็นคอกม้าสมัย Saladin (สุลตานองค์แรกของอียิปต์และซีเรีย ปี 1137 - 1193) ... เป็นป้อมปราการโดยนโปเลียน ... และเป็นโรงเรียนท้องถิ่น จนไม่มีการใช้สุเหร่านี้อีกต่อไป

ปี 1980 มีการบูรณะครั้งใหญ่เป็นหินอ่อนสีขาว ขอบทองปัจจุบันเป็นที่สวดภาวนา และสถานที่ท่องเที่ยว เป็นสถานที่เงียบสงบที่ชาวอียิปต์ชอบมาพักผ่อน และให้อาหารนกพิราบ




บรรยากาศดีจริงๆ ค่ะ เข้าไปก็ได้รูปชาวมุสลิมที่กำลังทำละมาดอยู่ จากบรรยากาศทีี่เงียบสงบมีคนนั่งคุยกันอยู่ 2-3 คน มีลานกว้างให้นั่งเหยียดเท้า มีเสาให้พิง ลมเย็นสบายก็บอกลุงว่าไม่ไหวแล้วล่ะ แล้วก็หลับไปเลย

แต่ก็คงไม่นานลุงไม่ได้หลับ ...ลืมตาอีกที ก็เก็บเป้เตรียมไปต่อคนที่นั่งอยู่คนหนึ่งบอกว่าต้องจ่ายเงินด้วย พูดคำว่า"baksheesh" หมายถึงขอค่าทิปด้วย ถ้าไม่เข้าใจก็เฉยๆ ไปได้เหมือนกัน




ใกล้ๆ กัน คือ Bab al Futuh (Gate of Conquest)  เป็น 1ใน 3 ซุ้มประตูที่ยังคงอยู่ในกำแพงเมืองเก่ากรุงไคโรสร้างเสร็จในปี 1087 หันหน้าไปทางทิศเหนือ ซุ้มประตูนี้เป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการมีหอคอยทรงกลมที่สามารถป้องกันการโจมตี ได้มากกว่าหอคอยทรงเหลี่ยม มีรางเพื่อเทน้ำเดือด  หรือเผาน้ำมันใส่ผู้บุกรุก  มีช่องยิงธนู ประตูลวงตาด้วยรูปทรงเรขาคณิต  และพรางตาด้วยต้นไม้พืชผักต่าง ๆ ..

ส่วนอีก2 ซุ้มประตู คือ Bab al-Nasr; Gate ofVictory ทางด้านเหนือ และ Bab Zuwayla; Gate ofZuwayla ทางด้านใต้ : Zuwayla เป็นชื่อของกลุ่มนักรบของชนเผ่า Berber จากทะเลทรายทางตะวันตก- ถูกจับไประหว่างเป็นยามเฝ้าซุ้มประตูนี้

จากนั้นก็เดินไปเรื่อย ๆ เหมือนเดิม ผ่านร้านทำแป้งแผ่นคล้ายโรตี หรือ นานที่ไม่ทอดแต่ย่าง ของอินเดีย (เป็นแป้งแผ่นที่ชาวอียิปต์กินกันเกือบทุกมื้อ ส่วนจะกินกับอะไรก็แล้วแต่ฐานะของครอบครัวนั้น ๆ... แผ่นแป้งทำจากแป้งข้าวเหนียวเรียกว่า pita bread หรือ eish baladi)  ได้ยินคนอิยิปต์เรียกว่า Pita ก็เลยเรียกตามนั้นค่ะไม่รู้ว่าฟังถนัดหรือเปล่า




หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะแต่รูปนี้ถ่ายที่อัสวาน

ร้านที่ว่านี้กำลังทำPita ทะยอยออกมาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมโชยมา ... คนออหน้าร้านหลายคนหน้าร้านทำเป็นช่องเล็ก ๆ ให้ยื่นมือไปจ่ายเงิน และรับของได้ ก็เลยไปซื้อบ้างแต่ไม่รู้ขายกันอย่างไร ลุงว่างั้นเอา 5 แผ่น ให้เงินไป L.E.10 ก็แล้วกัน ดูว่าเขาทอนเท่าไร ชูนิ้ว 5 นิ้ว ได้มา 5 แผ่นค่ะ พร้อมเงินทอนอีกเต็มกำมือ ... คิดถูกหรือเปล่านี่..ทำไมมันถูกอย่างนี้ แค่แผ่นละ 10 pt. (piastres) ..(ตอนที่ซื้อจากเด็กๆ ที่ Khan al-Khalili  เด็กคิดแผ่นละ L.E. 1 =  7 บาท..)

ลุงบอก.."งั้นซื้อมาอีก 5 แผ่นก็แล้วกัน เอามาเฉลี่ย"... แต่ปรากฏว่าตอนนี้ลูกค้าแน่นขนัดหน้าร้าน  ไปขะเย้อขะแย่งแล้ว ก็เข้าไม่ถึง มือกำเงินไว้ กำลังยืนรี ๆ รอ ๆ อยู่ .. จู่ ๆ ก็มีมือมาดึงเงินที่กำไว้ กำลังงง ๆ .. เกิดอะไรขึ้น..เห็นคนที่ดึงเงินไปจากมือเรา เอื้อมมือเข้าไปในช่องขาย ข้ามหัวทุกคนไป (เขาไซด์ L ... คนที่รอซื้ออยู่ไซด์ M ...ส่วนป้าไซด์ S หรือ SS ก็ไม่รู้) แล้วมือที่มาดึงเงินไปจากเรา L.E.1  ก็กลับมาเอา Pita breads มาโป๊ะใส่มือ ตามด้วยเงินทอน .. แล้ว ไซด์L ก็เดินจากไปไม่พูดอะไรซักคำ ทั้งเราและเขา...ความมีน้ำใจของคนเราไม่ต้องพูดสักคำ...ทำเลย  .. คนอียิปต์ที่ก่อนมาก็กลัว ๆกลายเป็นเจอแต่คนมีน้ำใจ.. ครั้งที่ 3 แล้วในวันนี้

ได้Pita breads ไว้เป็นเสบียงแล้ว ก็เดินต่อถึงเวลาต้องกลับเข้าเมือง (downtown) จัตุรัส Tahrir เพื่อไปหาที่พักไว้ก่อน แต่ความที่เราเดินมาไกลพอควร  ...ถ้าเดินกลับสงสัยอีกหลายชั่วโมงก็ต้องนั่งรถกลับ แต่ก็ไม่มีข้อมูลเรื่องรถไว้เลย ก็ต้องถามคนแถวนั้นพอดีเจอเด็กกลุ่มนี้ พูดกันได้กระท่อนกระแท่นแล้วเอาโพยที่ให้ไกด์เขียนให้ตอนเช้าให้ดู ว่าเราจะไปที่นี่นะ




แล้วเด็กอียิปต์ก็ดีใจหายถามคนโน้นคนนี้ให้ ก็ไม่ได้เรื่อง จนถึงสตรีชาวอิยิปต์ รูปร่างเล็ก ผอมใส่ชุดพื้นเมืองสีดำ อายุราว 50 กว่าเหมือนชาวบ้านธรรมดา คุยกันสักแป๊บ เด็ก ๆ  ก็บอกให้ตามคนนี้ไป แล้วเธอก็จ้ำอ้าว.. เดินเร็วมาก เราก็ตามไปติด ๆ เดินไปไกลพอควร ก็ให้ขึ้นรถตู้.. เธอก็ขึ้นไปด้วย ออกค่ารถให้อีก จนไปถึงที่ที่หนึ่ง (ตอนนั้นไม่รู้ที่ไหนหรอกค่ะลุงก็ไม่รู้) แล้วก็เดินตามเธอไปอีก คนเยอะมาก (ไม่ได้คิดว่าจะโดนหลอก หรืออะไรเพราะไว้ใจเด็ก) จนเธอพามาถึงสถานีรถไฟใต้ดิน แล้วก็ชี้ให้ลงบันไดไปข้างล่าง

ตอนนั้นกำลังเปิดเป้จะหยิบเงินเพราะติดค่ารถเธออยู่ .. ก็มีชายคนหนึ่งใส่ชุดทำงาน มาพูดกับเธอ .. เข้าใจว่าเขาคิดว่าเธอมายุ่งกับนักท่องเที่ยว ดูท่าทางเธอกลัว แล้วก็รีบเดินจากไป .. เราไม่ได้ทันแม้จะขอบคุณเธอเพราะเธอเดินเร็ว เราก็ตาม ๆ อย่างเดียว เธอคงรีบกลับบ้านเหมือนคนอื่น ๆ พูดกันก็ไม่รู้เรื่อง  2 สว. ก็ขอขอบคุณมาณ ทีนี้ด้วยค่ะ สำหรับน้ำใจที่ได้รับ ครั้งที่ 4 สำหรับวันแรก

จากนั้นก็ขึ้นรถไฟใต้ดินไปยัง จัตุรัส Tahrir มืดแล้วแถวนั้นจะมีที่พักราคาประหยัดหลายแห่ง เดินเข้า ๆ ออก ๆ และขึ้น ๆ ลง ๆ  ที่พักราคาประหยัดอาจอยู่ชั้นไหน ๆก็ได้ในอาคารนั้น เหมือนที่ฮ่องกง อาคารเดียวกันจะไปดูอีกโรงแรมก็ต้องลงมาข้างล่าง ขึ้นลิฟอีกตัวขึ้นไปใหม่ เหนื่อยเอาการ เพราะเราโทรมมาทั้งวัน ..มีอยู่ที่หนึ่ง เห็นท่าทางแล้วคงสงสาร บอกว่า เธอดูเหนื่อยมากเลย (You lookso tiered.)  .. ใช่เลย เพราะเราไม่ได้พักมา 2 วันแล้ว  

จากนั้นก็ไปสถานีรถไฟ นั่่งรถไฟชั้น 2 ปรับอากาศ ไป Aswan รถออกใกล้ 4 ทุ่ม  รถไฟใช้เวลา 14ชม. ถึงก็เที่ยงพอดี นั่งสบาย ๆ คนไม่เต็มค่ะ




บล๊อคหน้าเราก็ถึงอัสวานแล้วค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย
หนังสือ Lonely Planet ฉบับ Cairo: 2nd Edition; February 2002






Create Date : 22 กรกฎาคม 2560
Last Update : 7 มกราคม 2561 15:57:55 น. 2 comments
Counter : 2476 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณพูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ


 
ว้าวววววว...น้องมีนกำลังหลงเสน่ห์
ไลฟ์ไสตล์แบบอาหรับค่ะ
คุณป้าคนที่พามาสถานีรถไฟใต้ดินใจดีจังนะคะ


โดย: together_ws วันที่: 30 กรกฎาคม 2560 เวลา:21:59:23 น.  

 
ตามมาอียิปต์ต่อนะ
ตัวหนังสือไม่เห็นจะเล็กเลย ก็อ่านสบายตาดีอยู่นะ


โดย: พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ วันที่: 31 กรกฎาคม 2560 เวลา:12:56:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.