บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2561
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
23 พฤษภาคม 2561
 
All Blogs
 
ตอน 17 - มาดาบา (Madaba) และ อัมมาน ซิทาเดล (Amman Citadel)



บล๊อคนี้เราไปเมืองมาดาบา (Madaba) กันค่ะ เพื่อไปชมแผนที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่โบสถ์เซนต์จอร์จ

กันค่ะ  ก่อนอื่นก็ไปขึ้นรถประจำทางที่เป็นรถตู้ ที่  Abdali Bus Station 



มาดาบา (Madaba)

เมืองมาดาบา (Madaba) เป็นหนึ่งในเมืองศักดิ์สิทธิ์

ที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด ในฐานะ “เมืองแห่งโมเสก”

(Mosaic Town of Jordan) เป็นเมืองหลวงของแคว้น 

มาดาบาห่างจากกรุงอัมมานไปทางตะวันตก

เฉียงใต้ 30 กม. มีประชากรราว 60,000 คน เป็นเมือง

ที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งของตะวันออกกลาง ในสมัยการปกครองของโรมันและไบเซนไทน์

 ระหว่าง  ศต. ที่ 2 - จักรพรรดิทราจัน (Trajan) แห่งโรมัน ด้ตั้งให้มาดาบาเป็นส่วนหนึ่งของ

Provincia Arabia (จังหวัดหนึ่งในอารเบีย) แทนนครเปตราแห่งอาณาจักรนูเบียน ....ช่วง ศต. ที่ 7 - 8 

เมืองมาดาบารุ่งเรืองที่สุด ..ต่อมาได้เป็นเมืองคริสเตียนแห่งมาดาบา (Christian town of Madaba











จากที่รถจอด ก็เดินผ่านตลาดร้านรวงเข้าไปในเมือง ซึ่งมี

ที่สำคัญสถานหลายแห่งให้ชม แต่ที่เป็นจุดเด่นของเมือง 

ก็คือศิลปโมเสก (Mosiac) และที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ

  แผนที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ (Map of the Holy Land) ขนาดใหญ่ที่ิอยู่บนพื้นโบสถ์กรีกออร์ทอด๊อกซ์แห่ง

เซนต์จอร์จ  (St. George’s Church)  แผนที่นี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง เพราะจาก

ร่องรอยของแผนที่ ทำให้นักโบราณคดีพบสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง เป็นงานชิ้นที่

สมบูรณ์ที่สุดของจอร์แดน


แผนที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ (Map of the Holy Land)


แผนที่โมเสกที่แสดงแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ (Map of the Holy Land) เป็นศิลปโมเสก สมัยไบเซนไทน์

 และ Umayyad ที่เก็บรักษาไว้ที่พี้นของโบสถ์กรีกออร์ทอด๊อกซ์ - St.George's Church บางครั้งก็

เรียกว่า Church of the Map (โบสถ์แห่งแผนที่) มีอายุย้อนกลับไปถึง ศต. ที่ 6 ...จากโมเสก

สีต่าง ๆ  จำนวนราว 2 ล้านชิ้น ได้กลายเป็นแผนที่ ขนาด 25 x 5 เมตร แสดงหุบเขา หมู่บ้าน และ

 เมืองตามแนวสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เดดซี และอียิปต์ โดยมีศูนย์กลาง

ที่เมืองเยรูซาเลม (Jerusalem)




เนื้อหาของภาพโมเสกที่เหลือ แสดงถึงเมืิองเยรูซาเลมสมัยไบเซนไทน์ ที่เรียกว่า "เมืองศักดิ์สิทธิ์"

(Holy City) อยู่ตรงกลางของแผนที่  และยังให้รายละเอียดเกี่ยวกับสัญญลักษณ์ที่สำคัญของ 

ศต. ที่ 6 คือ ถนนหลักในเมืองที่มีเสาเรียงราย  (central colonnaded street)  ทั้งสองข้างทาง 



ทางขวาเป็น เมืองเบธเลแฮม (Bethlehemสถานที่ประสูติของพระเยซูคริสต์พร้อมกับโบสถ์บาซิลิคา 

แผนที่นี้เป็นกุญแจหนึ่งในการศึกษาเกี่ยวกับแผ่นดินเยรูซาเลม หลังถูกทำลาย และสร้างใหม่ในปีคศ.70


เหนือเมืองเยรูซาเลมขึ้นไป เป็นรูปทะเล คือ ทะเลสาบเดดซี มีรูปเรือแสดงให้เห็นถึงเส้นทาง

การค้าสมัยโบราณ ส่วนด้านซ้ายของทะเลสาบ ติดกับแม่น้ำจอร์แดน ที่มีรูปปลาว่ายในแม่น้ำ

 ...จากร่องรอยแผนที่นี้ นักโบราณคดีขุดตามแผนที่ที่มีอยู่ทำให้ค้นพบ เมืองเบธานี (Bethany

สถานที่รับศีลล้างของพระเยซู (Baptism site of Jesus)  ส่วน ด้านล่างของแม่น้ำจอร์แดน 

คือ เมืองเจริโค ที่เห็นรายล้อมไปด้วยต้นปาล์ม 















ภาพบน ... จะเห็นปลาว่ายน้ำหนีจากทะเลสาบเดดซี ไปทางแม่น้ำ..


นอกจากแผนที่แผ่นดินศักดิ์สิทธื์บนพื้นโบสถ์แล้ว  ภายในโบสถ์ยังมีรูปโมเสกตามผนังและเสา
ทั่วทั้งโบสถ์









ภายในโบสถ์เซนต์จอร์จ



ภาพ The Last Supper 














ภาพโมเสส (Moses) และ การเสด็จขึ้นสวรรค์ของพระเยซู

นอกจากโบสถ์เซนต์จอร์จ เมืองมาดาบางานโมเสคชิ้นเอกอื่น ๆ ที่ โบสถ์แห่งอัครสาวก (Apostles Church)

  ขณะที่ไปกำลังบูรณะอยู่ค่ะ


ภาพจาก internet


ที่เมืองมาดาบานี้ ยังมีศิลปโมเสกอีกจำนวนมากตั้งแต่ ช่วง ศต. 3 -7 กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ทั้ง

ตามโบสถ์ และบ้านเรือน ด้วยความมุ่งมั่นของจอร์แดนที่จะอนุรักษ์ งานศิลป์โมเสกไว้ให้มากที่สุด

ดังนั้น นอกจากมีการบูรณะอนุรักษ์ผลงานศิลปโมเสกที่สำคัญของประเทศแล้ว ทั้งหน่วยงานราชการ

และพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ได้ร่วมกันบูรณะโบสถ์ไบเซนไทน์หลายแห่ง ซึ่งรวมถึงงานโมเสกซิ้นที่โดดเด่น

ที่อยู่ใน Apostles Church และที่โรงละครฮิปโปไลตัส ที่เป็นส่วนหนึ่งของคฤหาสน์ สมัยศต. 6 ด้วย 




โบสถ์กรีกออร์ทอด๊อกซ์ และ The New Orthodox School Madaba


นอกจากการบูรณะและอนุรักษ์โบราณสถานต่าง ๆ ก็ยังมีเป้าหมายให้เมืองมาดาบา เป็นเมือง

โมเสก จึงเกิดโรงเรียนศิลปโมเสก (Mosaic School of Madaba) ขึ้น ดำเนินงานภายใต้

การอุปถัมภ์ของกระทรวงการท่องเที่ยว  ไม่เพียงแต่จัดหลักสูตรและฝึกฝนช่างฝีมือ ด้านศิลป

ประดิษฐ์ ซ่อมแซม และบูรณะงานโมเสกดั้งเดิม และชิ้นที่คัดลอกมา .. แต่ยังสอนทำโมเสก

สมัยใหม่ ที่หลาย ๆ คน ทั้งนักท่องเที่ยว และผู้ที่อาศัยที่จอร์แดน ซื้อไปเพื่อเป็นของที่ระลึก

ประดับบ้าน หรือใช้สอย ทำให้เมืองมาดาบาเป็นศูนย์กลางทำโมเสก ที่มีช่างศิลปโมเสกมา

จนถึงปัจจุบัน  (https://pantip.com/topic/32362362 โดยคุณBackpackerthai กรกฎาคม 2557)



ขณะรอรถกลับกรุงอััมมาน .. เด็ก ๆ ทักทายกันใหญ่



เริ่มเข้ากรุงอัมมาน เห็นหมู่บ้านอยู่ไกล ๆ แล้วค่ะ


จากเมืองมาดาบา เราก็ไปต่อกันที่ ป้อมปราการแห่งอัมมาน (Amman Citadel) กันเลย


Citadel (Jabal’ al-Qala’a)


Citadel (Jabal’ al-Qala’a) ป้อมปราการอัมมานเป็น

โบราณสถาน ที่ตั้งอยู่บนภูเขาที่สูงที่สุด (ราว 850 เมตร 

จากระดับน้ำทะเล) ใจกลางกรุงอัมมานทางด้านเหนือ

รู้จักกันในภาษาอาหรับว่า Jabal al-Qala'a, เป็นหนึ่ง

ในเจ็ด jabals (ภูเขา) ที่เป็นที่ตั้งของกรุงอัมมาน ...

ป้อมปราการนี้เปรียบเสมือนคัมภีร์ทางประวัติศาสตร์

ของกรุงอัมมาน ....  การสำรวจและขุดค้นทำให้เห็น

ส่วนที่ยังคงเหลืออยู่ตั้งแต่สมัยโรมัน และไบเซนไทน์


กำลังเล็งทางเดินขึ้นไปที่ Citadel ค่ะ






สูงขึ้นไประหว่างทาง ก็เห็นกรุงอัมมานอยู่เบื้องล่าง 


ป้อมปราการแห่งอัมมานมีความสำคัญ เพราะมีประวัติศาสตร์อันยาวนานของการยึดครองโดย
อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่หลายแห่ง  อาคารส่วนใหญ่ที่ยังเหลืออยู่เป็นสิ่งก่อสร้างตั้งแต่สมัยโรมัน 
ไบเซนไทน์ และ Umayyad  โดยมีอาคารหลักสำคัญที่น่าสนใจที่สุด คือวิหารแห่งเฮอร์คิวลิส
 Hercules โบสถ์ไบแซนไทน์ และพระราชวัง Umayyad 
Al Quasar พระราชวังสมัย Islamic Umayyad เป็นการเริ่มต้นความรุ่งเรีองของ
  Islamic arts ในแถบเมดิเตอเรเนียน ...


Umayyad Palace of Amman อยู่ระหว่างการบูรณะ 


Umayyad Palace of Amman ที่รู้จักกันในภาษาอารบิกว่า Al-Qasr  เชื่อว่าเป็นงานของอาหรับ
 Umayyad  สร้างราวปี คศ. 720    รอบ ๆ พระราชวังเป็นเหล่าโบราณสถานที่น่าประทับใจที่สุด
ที่ซิทาเดล ..  นอกจากมีพระราชวังที่ประทับของราชวงศ์ และเป็นอาคารบรหารงาน ยังมีอาคาร
ที่พักของเจ้าหน้าที่อีกด้วย อาคารนี้เคยเป็นที่พำนักของผู้ว่าการแห่งกรุงอัมมานอีกด้วย  











พระราชวังมีรูปแบบไบเซนไทน์ มีเอกลักษณ์ที่มีเสาแบบ Corinthian และทางเดินที่ปูด้วยหินสีขาว

และโมเสก ทางด้านใต้ อาคารหลักหลังแรก คือ หอประชุมทรงโดม สร้างบนพิ้นที่ที่เคยเป็นโบสถ์

สมัยไบเซนไทน์ เห็นได้จากห้องโถงทางเข้า ที่ยังคงรักษารูปทรงเหมือนไม้กางเขนแบบกรีกเอาไว้

  .. ทางด้านเหนือมีโถงนำไปสู่ Colonaded Street ที่เรียงรายไปด้วยซุ้มและเสา
















โบสถ์สมัยไปเซนไทน์ที่ได้รับการบูรณะไม่นานมานี้ 








ลายแกะกลักที่สวยงาม ห็นอยู่ตามพื้นเป็นระยะ ๆ

ไม่นานเพียง 20 กว่าปีหลังการสร้าง Umayyad Palace ... ก็เกิดแผ่นดินไหวในปี คศ. 749  ซึ่งได้

ทำลายพระราชวังและอาคารรอบ ๆ หลังจากนั้น แม้จะมีการบูรณะอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยมีการบูรณะอย่าง

เต็มกำลัง เพี่อให้พระราชวัง และอาณาบริเวณให้กลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิมอีกเลย

หลังการปกครองของราชวงศ์ Umayyads ก็เป็นช่วงความเสื่อมถอยเรื่อยมา จนถึงปี คศ. 1878 

  เมืองเก่านี้ ก็กลายเป็นที่รกร้างเต็มไปด้วยกองซากปรักหักพัง..มีชาวเบดูอินและผู้ที่ทำการเพาะปลูก

มาอาศัยอยู่บ้าง ตามฤดูกาลการเพาะปลูก 

อย่างไรก็ตาม แม้บางช่วงจะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย ... ป้อมปราการแห่งอัมมานก็ถือว่าเป็น

สถานที่หนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่อง

  

นอกจากพระราชวัง Umayyad แล้ว บนซิทาเดลนี้ ยังคงมีสถาปัตยกรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ที่เชื่อ

ว่าเป็น Roman Temple of Hercules หรือเรียกอีกชื่อว่า The Great Temple of Amman

 สร้างขึ้นสมัยการปกครองของจักรพรรดิโรมัน Marcus Aurelius ในปี คศ. 161 - 80 และ

ได้รับการบูรณะไม่นานนี้ 

สิ่งที่คงเหลือให้เห็นได้ชัดเจน คือ เสาขนาดยักษ์ 2 ต้น และส่วนหนึ่งของแท่น ซึ่งในอดึีตเชื่อม

ต่อไปถึง Forum (บริเวณจตุรัสหรือตลาด) ซึ่งเป็นที่สาธารณะของเมืองสมัยโรมันโบราณ ..

ไม่ไกลจากวิหารแห่งเฮอร์คิวลิส เป็นจุดชมวิว .. และจุดนี้ทั่วทั้งกรุงอัมมานก็สามารถมอง

ขึ้นมาเห็นได้

มองกรุงอัมมานาจากจุดชมวิว เห็นเมืองและเสาธงที่สูงมาก ๆ 

เด็ก ๆ เพิ่งขึ้นมาถึง ....โรงละครโรมัน (Roman Theatre) ถ่ายจากจุดชมวิว

ถึงเวลากลับแล้วค่ะ เดินผ่านกำแพงป้อม ไปทางถนน King Ali Bik Al-Hussein จะใกล้กว่า

 (ค่าเข้าชม คนละ JD2)

  

บล๊อคหน้าไปชมทะเลสาบเดดซี และโรงละครโรมัน (Roman Theatre) ค่ะ   .. คงเป็นบล๊อคสุดท้าย

ก่อนจากกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน

ขอขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย และ

https://www.lonelyplanet.com/jordan/amman/attractions/citadel/a/poi-sig/1443155/361068

https://www.siamrath.co.th/web/?q



Create Date : 23 พฤษภาคม 2561
Last Update : 27 พฤษภาคม 2561 13:32:10 น. 0 comments
Counter : 1460 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.