Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
28 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
{high and cool} VerAnDa the high resort

21 September 2008

เหงาๆ เพราะเราอยู่ไกลกัน Oh... ตั้งแต่ไปสมุยตั้งแต่เดือนพฤษภา เรายังไม่ได้ไปไหนกันเลยนะ อยากไปพักผ่อนนอนหลับผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน และอยากไปหามุมสงบๆ กัน 2 คน

นี่เลย Veranda Chiangmai ตอบโจทย์เราได้ทั้งหมดในครั้งนี้ ว่าแล้วก็เก็บกระเป๋าขับรถมุ่งหน้าไปเชียงใหม่



คนขับตัวดำ แอบคิดในใจยัยคนข้างๆ หาเรื่องเที่ยวอีกแระ



คนนั่งข้างๆซึ่งตัวขาวกว่าหน่อยนุง นั่งยิ้มไปถ่ายรูปไป



แวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊ม ปตท.ก่อนจะเลี้ยวซ้ายขึ้นถนนลำปาง-เชียงใหม่ มีกล้วยพันหวี เรียกเองนะไม่รู้คนอื่นเค้าเรียกกันยังไง แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่กล้วยตานีมีหวีเดียว หวีเหี่ยวๆ หิ้วหวีไปหิ้วหวีมาแน่ๆ เลยอะจ้า



กว่าจะไปถึงรีสอร์ทก็เย็นย่ำแล้ว รีสอร์ทไปทางเดียวกับกฤษดาดอย คือเส้นหางดงสะเมิงนั่นเอง เลยบ้านเทวะมนตราที่เรามาฮันนีมูนเมื่อ 2 ปีที่แล้วประมาณสัก 3-4 โล ให้สังเกตฟ่อนคำค่ะ ถ้าเลยฟ่อนคำไปแล้วให้ชะลอๆ อีกไม่นานก็จะเจอทางเข้าวิรันดาอยู่ทางด้านขวามือค่ะ





เดินขึ้นไปที่ lobby ค่ะไกลพอสมควร บรรยากาศตอนเดินเข้ามาเหมือนเดินเข้าวัดค่ะ เพราะอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่บ้านก็ประมาณนี้เลยค่ะ 555

มีสระน้ำและมีกำแพงเมืองสีส้มๆ คาดว่าจะทำเลียนแบบกำแพงเมืองเชียงใหม่ค่ะ แล้วมีคูเมืองล้อมรอบค่ะ





ที่เห็นริบๆ นั่นแหละค่ะ เราจะขึ้นไปเช็คอินบนนั้น



เมื่อขึ้นมาถึงก็ยื่น Voucher ที่ช้อนซื้อมาในราคาน่ารักน่าเอ็นดู ได้มาเหมือนได้ฟรี ไม่บอกดีกว่าว่าเท่าไหร่ แต่ขอบอกราคาเต็มถ้า walk in กันดีกว่า เว่อร์ไปไหมคะนั่น ก่อนอื่นขออธิบายก่อนค่ะว่า ห้องพักมีแบบไหนบ้าง

Velley Deluxe ซึ่งเป็นห้องธรรมดาสุด
Jacuzzi Pavilion , Rice Terrace Pavilion ห้อง 2 ประเภทนี้จะมีอ่างส่วนตัวให้นอนแช่
Presidential Pool Villa ซึ่งมีห้องเดียวและเป็นห้องที่หรูที่สุดนั่นเอง แต่ราคาก็ Expensive มากๆ

แถ่น แถ๊น แถน ห้องที่เราพักก็คือ ห้อง....ห้อง Velley Deluxe ค่ะห้องธรรมดาที่สุดแต่ราคามันก็ไม่ธรรมดา เพราะช่วง Low แบบนี้ยังราคา 6900 บาท ถ้าเป็นช่วง Hi ไม่รู้จะเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วห้องที่เราอยากนอนที่สุดคือห้อง Rice Terrace Pavilion แต่ต้องเพิ่มเงินอีก 4000 บาท เลยไม่เอาดีกว่า รอเก่ากว่านี้คนเลิกเห่อ เราค่อยมาใหม่อีกที อิอิ

โม้มาก มาดื่มน้ำกันก่อนค่ะ น้ำส้มนั่นเอง แต่เราแอบเห็นว่าวันอื่นๆเค้าเปลี่ยนสีน้ำด้วย เห็นเป็นสีเขียวอ่ะ อยากกินสีเขียว



พนักงานที่นี่บื้อๆ ยังไงไม่รู้นะคะ ไม่ค่อยประทับใจตั้งแต่โทรไปติดต่อห้องพักแล้วค่ะ กว่าจะโทรกลับได้ต้องโทรหลายรอบ และบางทีบอกจะโทรกลับก็ไม่โทรเฉยเลย คราวนี้ก็อีกกำลังเช็คอินจะเซ็นชื่อ ก็เอาน้ำมายื่นให้ เราบอกว่า เอาวางไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ก็เอาผ้าออกวางกับพื้นไว้แบบนั้นแทนที่จะวางบนถาดหรืออะไรสักอย่าง เฮ้อ... แปลกดี

น้องหนูคนนี้ก็นั่งเล่นดนตรีไทยให้เราฟัง หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสน่าเอ็นดูจ๊าดนัก



ห้องพักต้องเดินไกลพอสมควร แต่ที่นี่มีรถกอล์ฟไว้บริการค่ะ พาเราไปส่งค่ะ คนขับ survice mind เหลือเกิน พาเราทัวร์และชี้ให้เราดูนั่นดูนี่ด้วยค่ะ



เดินลงบันไดลงมา หน้าห้องที่เราพักจะเป็นกำแพงสายน้ำเหมือนที่ฝรั่งเศสกับสิงคโปร์เลยค่ะ ให้ความรู้สึกเย็นๆ ได้ยินเสียงน้ำไหลเอื่อยๆ



ห้องของเราค่ะ คุณสามีซื้อแน่ๆ งวดวันที่ 1 ตุลานี้ ไม่พลาด



ตามเข้ามาดูเลยค่ะจะพาชมห้อง Velley Deluxe เราพักตึกที่เป็น 3 ชั้นนะคะได้ชั้นแรก ตอนแรกเห็นตึกแล้วก็เฮ้อ เหมือนจะอับๆ และดูไม่โปร่งโล่ง

เริ่มจากเตียงก่อนเลยนะคะ น่านอนที่สุด



เตียงกับห้องน้ำทะลุถึงกัน เพียงแค่มีฉากกั้น ห้องแบบนี้ต้องคนสนิทกันจริงๆเท่านั้นถึงจะพักด้วยกันได้ เพราะทำอะไรในห้องน้ำก็ได้ยินเสียงชัดเจนค่ะ รวมทั้งกลิ่นด้วย





คุณผู้ชายชอบมุมนี้ที่สุด



แต่เราชอบมุมนี้



มุมนี้ไม่มีไม่ได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะไม่งาม



ตะกร้า พร้อมร่มค่ะ



อ้าวลืม จะถ่ายกระจก ดั๊นเห็นตัวเองซะงั้น



ดูพื้นที่โดยรวมของห้องกันบ้าง ห้องกว้างขวางค่ะ



มุมนี้ไม่ค่อยได้สนใจเลย กลัวเสียเงินเพิ่ม ก็ดื่มแต่น้ำ 2 ขวดนั่นแหละค่ะ



อ่างล้างหน้าค่ะ ล้างทีน้ำหกเลอะเทอะเลยอะค่ะ



ห้องอาบน้ำกับห้องปลดทุกข์แบ่งแยกกันชัดเจนค่ะ ใช้กระจกเลื่อนปิดได้ค่ะ



shampoo conditioner และ Shower gel หอมมากๆ อิอิ เทใส่ขวดกลับมาด้วย หอมกลิ่นตะไคร์เหลือหลาย



และนี่ค่ะ วันใดขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก



อ้อ ..เกือบลืมเลยค่ะ กองนี้เค้ามีไว้ให้หอบกลับบ้านค่ะ



มี ipod ให้ด้วยนะคะ แต่ว่าเราไม่ได้ใช้เลยสักนิด



ออกมาดูที่ระเบียงหลังห้องบ้างดีกว่านะคะ





ที่เห็นเขียวๆนั้นคือต้นชาค่ะ ปลูกตามแนวขั้นบันได ลดหลั่นกันไป ดูแล้วสบายตาใกล้ชิดธรรมชาติ



ตะเกียงพร้อมไม้ขีด คืนนี้จะได้จุดไหมหนอ กลัวยุงจะหามซะก่อนถ้าออกมานั่งเล่นตรงนี้ตอนกลางคืน



ตะวันกำลังจะลับฟ้าพอดีเลยค่ะ



ออกไปเดินเล่นข้างนอกกันดีกว่านะคะ ก่อนที่จะค่ำไปมากกว่านี้

หันหลังกลับไปมองตึกนั้นซึ่งก็คือห้องพักของเรา



ที่เห็นลิบๆนั้นคือ lobby



ใกล้เข้าไปอีกนิด



ระบบนิเวศน์มากๆ มีหนอน ผึ้ง และฝีเสื้อมากมาย แถมตัวใหญ่ด้วยค่ะ



ระเบียงชา ก็จะมีที่นั่งจิบชาและขนมอร่อยๆ เราเดินไปไม่มีใครนั่งอยู่เลยสักคน มีแต่พนักงาน ดุเงียบๆเหงาๆมากกว่าค่ะ แต่ปกติจะเป็นลานกิจกรรมค่ะ ตอน Grand opening ที่นี่มีกิจกรรมปั้นดินให้เป็นดาว เอ้ย...ปั้นถ้วยชาค่ะ



เดินย้อนกลับไปทาง lobby ดีกว่าเพราะทางนี้ไม่มีอะไรให้ดูแล้วค่ะ ตรงนี้ทางเดินแคบๆ แต่ก็ดูลึกลับน่าค้นหาค่ะ



ด้านหลังสุดหล่อคนนี้มีน้ำไหลค่ะ แต่น้ำไม่ค่อยใส ดูแล้วเหมือนเขื่อนกั้นน้ำ อิอิ



เดินลอดเข้ามาในถ้ำ อุ๊ย! ม่ายช่าย ก็จะพบกับห้องสมุด มีของที่ระลึกและหนังสือ และ VCD ให้ยืมไปดูในห้องพักได้ เงียบๆ เหงาๆ อีกแระค่ะ



ตอนแรกปิดค่ะ แต่เราด้อมๆ มองๆ อยู่สักพัก เค้าก็มาเปิดให้ค่ะ ก็เข้าไปเดินๆ ดูนิดหน่อย VCD มีแต่เก่าๆค่ะ ไม่ค่อย update เลย แต่ชอบเปลมากกว่า น่านั่งเชี๊ยะ



แล้วเรา 2 คนก็เดินขึ้นไปข้างบน ซึ่งก็คือ lobby นั่นเอง พอเดินมาถึงน้องคนเดิมก็บรรเลงเพลงไทยเลยทีเดียว ตอนนี้เปิดไฟแล้วค่ะ สวยมากๆ เลย



สวยจังเลยโคมไฟ ออกแบบได้ดีมากๆ ชอบบริเวณนี้ที่สุด ใครๆ ที่ได้มาวิรันดา ก็คงต้องชอบตรงนี้เหมือนกันทั้งนั้น ที่นั่งเป็นรูปทรงกู๊บช้าง ซึ่งใหญ่มากๆ เก๋จัง....



นั่งแล้วก็นุ่ม สบาย อยากนอนกลิ้งไปกลิ้งมา แต่ก็อายเค้า



แว๊กกกกกกกก ฝนตก





ฝ่าฝนออกไปถ่ายรูปคู่ อีกสัก 1 รูป แอบคิดว่าทำไมเค้าไม่ให้เราขอยืมร่ม



ฝนตกแบบนี้แล้วจะเดินชมต่อไปได้ยังไง หิวแล้วด้วย จึงชวนกันขับรถออกไปหาร้านอาหารข้างนอกทาน ดีกว่าต้องเดินเปียกฝน โดยที่ไม่มีใครสนใจเสนอร่มให้ยืม แต่พี่ต้นหันไปเห็นร่ม จึงหยิบมากางเพื่อจะไปที่รถ ขับรถหาร้านอาหารตอนแรกอยากไปที่ร้านอาหารของบ้านกลางดอยแต่ฝนตกหนักขึ้นทุกที ทางก็ขึ้นเขา จึงแวะที่กฤษดาดอย จอดรถปั๊บก็มี รปภ.กางร่มวิ่งมารับแล้วเดินพาไปส่งที่ห้องอาหารของรีสอร์ท บริการดียิ่งกว่าวิรันดาเสียอีก



เราปิดห้องอาหารเลี้ยงฉลองกัน 2 คน โรแมนติกท่ามกลางสายฝน



บรรยากาศในห้องอาหาร



เราเลือกโต๊ะริมหน้าต่าง จะได้เห็นสายฝนพรำๆ





อาวุธพร้อมลุย



สั่งอาหารมาแค่ 2 อย่างเอง เพราะเกรงว่าจะกินไม่หมดแล้วอาหารก็ค่อนข้างแพงด้วย

ต้มยำไก่เมือง



ลาบปั้นแล้วมาทอด จานนี้รสจัดจ้าน เปรี้ยวมากๆ เลยไม่หมด



ข้าวสวยร้อนๆ อัดแน่นทานไม่หมดต้องแบ่งให้เพื่อนสนิทช่วยจัดการ



มื้อนี้สนนราคาอาหารอยู่ที่ 270 บาท service charge อีก รวมเป็น 300 กว่าบาท ขากลับขับรถเลยทางเข้าที่พักด้วย 555 ต้องย้อนกลับมา รวมระยะทางไป - กลับ เกือบ 10 โลได้

ถึงที่พักรถกอล์ฟก็ไปส่งที่ห้องพักเหมือนเดิม เปิดประตูเข้ามา ว๊ายกรี๊ด.... มีช้าง 2 เชือกอยู่บนหมอนด้วย ขอบคุณนะคะ



เปิดผ้าคลุมเตียงให้แล้วค่ะ อ้อทั้งผ้าคลุมเตียง ผ้าปูที่นอนเนื้อดี คุณภาพก็ดีค่ะ



คนนี้นั่งหมกมุ่นกับคอมพิวเตอร์อยู่ได้



อาบน้ำสบายใจ เตรียมตัวนอนหลับฝันดี



6 โมงรีบตื่นขึ้นมาสูดอาการบริสุทธิ์ เห็นน้ำค้างบนยอดหญ้า ไร่ชาเขียวขจี สดชื่นมากๆ



เหวยๆ ไหงกลับไปนอนอีกล่ะนั่น



ตื่นขึ้นมาอีกที รีบอาบน้ำ เพราะว่าอาหารเช้ารออยู่ค่ะ ต้องรีบไปก่อนที่เค้าจะปิดค่ะ

ระหว่างทางเดินชมนกชมไม้ แล้วก็รีบกดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 4 เพื่อไปหม่ำอาหารเช้า



อาวุธพร้อมแล้ว ไปตักอาหารดีกว่า อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ท์นะคะ แต่ไม่หลากหลาย เน้นสลัดและซีเรียลซะส่วนใหญ่







ห้องอาหารออกแบบหลังคาให้เหมือนกับว่าเป็นรังนก แต่รังนกอะไรล่ะคะเนี่ยสีแด๊งแดง ถ้างั้นก็ประหนึ่งว่าเราเป็นนกที่มีแม่นกหาอาหารมาให้ไว้ในรัง โอววววว คิดไปได้นะเรา



ทานอะไรไปบ้าง ดูสิคะ









แล้วก็ตบท้ายด้วยโกโก้ค่ะ อายจังทานน้อยไปหน่อย

ส่วนจานนี้ของคุณสามี ไม่อยากจะชักรูปจานก่อนๆ เพราะว่าพี่ท่านตักอาหารมาเหมือนไปรับบิณฑบาตรก็ไม่ปาน ผสมปนเปกันแบบไม่มีศิลปะเอาเสียเลย



ไม่เห็นกับตาคงไม่รู้ ว่า she กินเก่งมากๆ



อิ่มแล้วไปเดินเล่นดีกว่า



ห้องอาหารอยู่ชั้น 4 มองลงมาข้างล่างเห็นตึกที่เราพัก



นั่งกินอาหารที่นี่ไปก็จะมองเห็นสระว่ายน้ำด้วยเพราะว่าอยู่ติดกันเลย







โอ๊ะ ! โอ๊ว ...อยากนอนอาบแดดแบบนี้บ้างง่ะ แต่กลัวดำ



อยากว่ายน้ำเหมือนกันนะเนี่ย แต่ว่าดั๊นลืมเอาชุดว่ายน้ำมา



ถ้าได้หนังสือดีๆถูกใจๆ สักเล่มของนอนอ่านสบายอารมณ์ไปเลย



ชอบที่นอนแบบนี้จัง แอบยกกลับบ้านดีไหมเนี่ย





เดินลงไปข้างล่างดีกว่า ไปดูว่ามีอะไรบ้าง ทางนี้เดินลงไปศาลาที่เค้าทำไว้เพื่อโยคะ แต่เราไม่ไปนะ เพราะว่าร้อนเหลือเกิน



หยุดนั่งพักตรงนี้ก่อนค่ะ





ตรงนี้ติดต่อทำสปาค่ะ น่าสนใจนะคะ แต่ว่าเราไม่มีเวลามากพอ





ดอกไม้สวยๆ ขึ้นสนิท ศิลปะมีตำหนิ อิอิ เหมือนคนที่ยืนอยู่ หุ หุ



บริเวณนี้สวย เลยได้มาหลายรูปเลย









มองลงไปข้างล่าง





เดินลงมาข้างล่าง จะมี Fitness เข้าไปเล่นสักหน่อย



ที่นี่จะมีจักรยานเสือภูเขาให้ยืมด้วยค่ะ แต่เราอยากขับคันนี้มากกว่า



ลองหน่อยละกัน



ถ้ามีเด็กๆมาด้วยก็มาใช้บริการที่นี่ได้เลยค่ะ



เราเดินย้อนกลับมาทางที่พัก



จะไปที่ lobby กันอีกครั้งเพราะเมื่อวานไปตอนค่ำ วันนี้จะไปดูตอนที่ยังไม่เปิดไฟค่ะ เดินตามเฮียมาเลยน้อง





เฮียพาชมเอง

















ถ้าจำไม่ผิด ตรงนั้นคือ Presidential Pool Villa



มุมนี้อยู่หน้าสำนักงานขาย ชั้นล่างสุดซึ่งข้างบนเป็น lobby







ได้เวลา Check out รีบไปเก็บของก่อนนะ



ใช้บริการรถกอล์ฟมาส่งถึงรถ พี่ต้นสนใจโครงการที่กำลังก่อสร้าง ราคาเริ่มต้น 3.5 ล้าน ไปถ่ายรูปกับป้ายใหญ่เลยง่ะ



แล้วเราจะกลับไปใหม่ แต่ถ้าไปอีกเราขอเลือกห้อง Rice Terrace Pavilion




Create Date : 28 กันยายน 2551
Last Update : 9 มีนาคม 2552 21:11:32 น. 2 comments
Counter : 2281 Pageviews.

 
ชอบ การออกแบบห้องพัก และ lobby ของที่นี่มากๆครับ แต่คงต้องรอปีหน้า
ยิ่งเห็นภาพสวยๆก็ยิ่งอยากไป


โดย: ชานไม้ชายเขา วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:56:54 น.  

 
ที่พักสวยดีนะค่ะ น่าไปมากๆๆเลย


โดย: juneko วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:26:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

p_pat_p
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]









Friends' blogs
[Add p_pat_p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.