Free Counter The following text will not be seen after you upload your website, please keep it in order to retain your counter functionality caino
1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30
The Chronicles of Narnia: Prince Caspian ตำนานหน้า2ที่เขาว่ากันหล่ะ
The Chronicles of Narnia: Prince Caspian อภินิหารตำนานแห่งนาร์เนีย ตอน เจ้าชายแคสเปี้ยน หนังซัมเมอร์ เรื่องที่ 3 ของปี 2008 ที่ได้ดูกัน แต่ก็อย่างว่าหล่ะครับดูช้ากว่า อเมริกา 1 อาทิตย์ แต่ก็ไม่มีอะไรมากเพราะถึงยังไงก็ยังได้ดู แล้วมาพูดทำไม เออ นั้นนะดิ ในใจตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะไปดูหรอกนะครับ เพราะว่าช่วงอาทิตย์ที่เข้าฉาย ทำสถิติดีว่าภาคแรกเรื่องรายรับ แต่พออาทิตย์ต่อมาโดย Indy4 ฆ่าซะตายราบไปเลยว่ากันอย่างนั้น แต่ถึงกระนั้นก็ตามสิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจไปดู คงไม่ได้เป็นเรื่องรายรับหรอก เพียงแต่ว่า ภาคแรก เราไม่ได้ไปดูในโรงหนัง เอาเป็นว่าภาค 2 นี้ไปดูก็ได้หว่ะ เรื่องหลักยังคงพูดถึง 4 พี่น้องตระกูล Pevensie จากที่ทั้ง 4 คนกลับสู้โลกปัจจุบันเป็นเวลา 1 ปีพอดีเลยก็ว่าได้ แต่ที่นาร์เนียกลับผ่านไปแล้วถึง 1300 ปี ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ในทั้งเด็ก และ นาร์เนีย เด็ก ๆ ต่างโตขึ้นอย่างน่าตกใจโดยเฉพาะนู๋หน่อย Lucy ที่ตัวโตขึ้นเยอะมากและก็หน้าตาน่ารักใส ๆ ดีส่วน Peter,Susan,Edmund ก็โตเหมือนกันแต่ยังคงสภาพเดิมคือไม่เปลี่ยนไปมากเท่ากันหนู Lu เลย เด็ก ๆ ต่างก็โหยหาที่จะกลับไปที่ นาร์เนีย แต่เขาจะกลับไปได้อย่างไรหล่ะ นั้นหล่คือสาเหตุ ด้วยทางนาร์เนีย ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นเหมือนกัน จากอาการตกที่นั่งลำบากของเจ้าชายแคสเปี้ยน ก็ได้เรียกให้ทั้ง 4 ทั้ง ราชาและราชินี กลับมาสู่นาร์เนียอีกครั้ง เพื่อความสงบสุข ของนาร์เนีย และเพื่อการกลับมา ของอัสลาน ส่วนตัวแล้วผมว่าหนังใช้ช่วงเทศกาลไม่ถูกซะมากกว่า ด้วยช่วงเทศกาลซัมเมอร์ที่ถือว่าต้องเข้ามา กวาดเงินคนดูให้ได้มากที่สุด แต่ด้วยตัวลบของภาคแรกที่หนังโดนฝั่งนู้นด่าซะไม่มีชิ้นดี ทำให้คนทางฝั่งอเมริกา อาจจะยังกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะไปดูก็เป็นได้ แต่ฝั่งบ้านเราไม่มีปัญหา มายังไงก็ไป อย่างนั้น ไม่ได้สนใจอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหาอะไรมาก องค์ประกอบของหนังดูยิ่งใหญ่และสมเหตุสมผลของตัวหนังเองซะมากกว่าที่อ้างถึงความเป็นจริง หนังพยายามดึงสาระในหนังสือมากเกินไปหรือเปล่าก็ไม่ทราบน่ะครับ เพราะว่าอ้างเรื่องนานอยู่พอสมควรเหมือนกันว่า เจ้าชายแคสเปี้ยนกับราชาและราชินีทั้ง 4 จะมาเจอกันตอนไหน หนังให้อารมณ์สนุกและเหมือนจินตนาการเด็กน้อยกว่าภาคแรก แต่แฝงจุดได้จุดเสียในเรื่องการต่อสู้ไว้เยอะมากกว่าภาคแรก คือให้อารมณ์ที่เปลี่ยนไปจากภาคแรกมากขึ้นเยอะ หนังภาคนี้เก็บรายละเอียดได้ครบกว่านะครับผมว่า ด้วยโครงเรื่องที่ได้เนื้อหามาเยอะมากพอสมควร แต่ดันไปเน้นตัว 4 ราชาราชินีมากเกินไป เลยทำให้ลืมไปว่า ชื่อตอนนี้หน่ะ เขาชื่อตอนว่า เจ้าชายแคสเปี้ยน นะครับพี่น้อง ไหง่ เจ้าชาย ไม่ค่อยมีบทเด่นอะไรมากเลย หรือว่าอาจจะเป็นที่หนังสือด้วยก็เป็นได้นะครับ เลยทำให้บท มันดูอ่อนแรงตามโครงเรื่องอีกเช่นกัน CG และการดึงอารมณ์รวมถือว่าทำได้ดีนะครับ ที่เริ่มต้นเปรยเรื่องถึงต้นกำเนิดตอนที่ว่าชื่ออะไร แล้วก็ต้องเกี่ยวกับใคร ถือว่าน่าสนใจมากครับ แต่ดีหน่อยนะครับ ที่หนังใส่ลูกเล่น ลงไปได้ดีไม่มากเกินไป ทำให้หนังไม่น่าเบื่อมากซักเท่าไหร่ ส่วนเด่นที่ต้องยกให้คือฉากต่อสู้ ตอนท้ายเรื่อง ที่บอกได้เลยว่าครบรสมากครับ ดูดีที่สุดก็ฉากนี้หล่ะครับ สำหรับผมแล้วถือว่าดีกว่าภาคแรก แต่มันยังไม่สุดก็เท่านั้นหล่ะครับ ถือว่าอยู่ในช่วงค้นกันเกือบกลมกล่อม สงสัยต้องรอที่ภาค 3 เหรอเปล่าก็ไม่รู้นะว่าจะออกมาดีหรือไม่ดีอย่างไร แต่ท้ายที่สุดแล้ว หนังก็ถือว่ายังมีจุดดี พอให้ได้ดูกันครับ ไม่ถึงกับแย่เหมือนคำวิจารณ์จากฝั่งอเมริกา พอจะทราบชื่อตอนเลื่อน ๆ ว่า คือ The Voyage of the Dawn Treader ขอบคุณชื่อตอนจาก OaterALMIGHTY จาก popcornmag ด้วยครับ
Create Date : 04 มิถุนายน 2551
2 comments
Last Update : 4 มิถุนายน 2551 23:10:46 น.
Counter : 1138 Pageviews.
โดย: ========> (seasiri ) 11 มิถุนายน 2551 11:44:42 น.
โดย: palao 12 มิถุนายน 2551 19:53:52 น.
เรื่องนี้กรี๊ดสลบที่เอ็ดมัน หล่อขึ้นผิดหูผิดตา แซงหน้าปีเตอร์
รวมถึงกลบเจ้าชายแคสเปี้ยนไปเลย
ดูจบยังโทรกรี๊ดเอ็ดมันกับเพื่อนๆเลยว่า ขโมยซีนเจ้าชายแคสเปี้ยนไปซะ 555
วันที่ดูเรื่องนี้ วิ่งมาดูต่อจากที่ดู sex and the city จบ
คือดูมันวันเดียว 2 เรื่อง แทบไม่มีเวลาเข้าห้องน้ำเลยล่ะ
ดีนะที่ไปคนเดียว ไม่งั้นเพื่อนบ่นแย่ 555