เมื่อชายคนหนึ่ง ลุกขึ้นมานั่งเขียนอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่า ฮา ๆ ๆ ๆ ๆ ไอ้นี้มันบ้านี้หว่า...

palao
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ใช้ชีวิตให้มันคุ้มกับที่เกิด อย่าเตลิดสร้างแต่สิ่งที่ซิบหาย จงทำตนให้สมกับเป็นคนไทย แล้วความเจริญที่ฝันไว้จึงจะมี
Website counter
New Comments
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
16 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add palao's blog to your web]
Links
 

 
The Hurt Locker มาม๊ะ มาเก็บระเบิดกัน

The Hurt Locker มาม๊ะ มาเก็บระเบิดกัน




นานเหมือนกันแล้วนะ ที่ตัวผมเองไม่ได้ลงวิจารณ์หนังเลยแม้แต่เรื่องเดียวในรอบประมาณ 2 ปีเห็นจะได้ ด้วยความที่มีอุปสรรคเยอะเหมือนกันนะ ทั้งหนังเองก็ไม่ได้ดูบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ก็เลยต้องทำใจ อย่างว่าหล่ะ อะไรต่าง ๆ มันเข้ามาพร้อมกันที่เดียวเลยไม่มีโอกาสได้ทำอะไร อย่างที่ใจต้องการ จนตอนนี้ก็พร้อมกลับมานั่งเล่าอะไรเรื่อย ๆ เหมือนเดิม

เข้าเรื่องเลยดีกว่า เรื่องของเรื่องที่ผมเองต้องตัดสินใจซื้อ DVD เรื่องนี้มาดูเพราะว่า ตัวหนังเป็นที่กล่าวขานกันเหลือเกินในเวที ออสการ์ และ ลูกโลกทองคำ ถึงความที่มันเป็นหนัง ที่ถูกอกถูกใจ มหาชนชาวกรรมการจากทั้ง 2 เวที ด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ ด้วยเหตุผลส่วนตัวดังกล่าวจึงตัดสินใจว่า เอออ ซื้อมาก็ได้ จะได้จบ ๆ เรื่องไป

The hurt Locker พูดถึงเรื่องของสงครามกลางเมือง อิรัก อันเกิดมาจากการลุกคืบของชาติอำนาจนิยมอย่าง สหรัฐอเมริกา ด้วยนโยบาย ยึดครอง ของจอร์ด ดับเบิล ยู บูส จึงส่งผลให้สหรัฐฯ ต้องรักษาฐานที่มั่นในตามหัวเมืองต่าง ๆ ของอิรัก และยังไม่พอต้องต่อสู้กับฝ่ายต่อต้านในแต่ละหัวเมืองด้วย ผมขอพูดถึงตัวเรื่องสั้น ๆ แค่นี้ดีกว่า

สิ่งที่หนังทำให้ผมประหลาดใจคือ ถ้าดูแล้วหนังไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมาก ทั้งในส่วนของ ฉากการต่อสู้ ฉากการปะทะ แบบชวนอาเจียน แต่สิ่งที่หนังได้แสดงให้เห็นคือ จุดคิดในการถ่ายทอดมุมมองจากบทของหนังที่ได้ผู้กำกับ คือ Mark Boal ซึ่งเคยเขียนบทหนังเรื่อง In the Valley of Elah หนังสงครามอิรักอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจ ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไม Mark Boal ถึงเลือกถ่ายทอดความเป็นทหาร ออกมาในแนวนี้ ทั่งที่ก่อนหน้านี้ In the Valley of Elah เป็นหนังเทศกาลเหมือนกันและ โครงเรื่องเองก็พูดถึง สงครามอิรัก เหมือนกันแต่เรื่องนี้กลับเขียนออกมาได้ไม่เครียดและไปได้เรื่อย ๆ ซึ่งผมประทับใจกับเรื่องนี้มากกว่าเรื่อง In the Valley of Elah เพราะตัวนั้น หนังจะดูเครียด ๆ และสัญลักษณ์ทางความคิดเยอะมาก มันเลยทำให้หนังดูหน้าเบื่อ แต่เนื้อหาผมว่า In the Valley of Elah ดูดีกว่าเพราะรายละเอียดในสงครามมากกว่า

ส่วนอันนี้ก็เรื่อง In the Valley of Elah

รูปครับ



สำหรับ The hurt Locker สิ่งที่ทำให้หนังดูไม่น่าเบื่อนั้น คงเป็นเรื่องของการสอดแทรก สถานการณ์รอบข้างจากความคิดของตัวเอกที่พยายามดึงตัวเอกและกลุ่ม ออกจากระบบ ระเบียบขององค์กร นั้นหมายถึงฉากที่ต้องเลือกระหว่างอารมณ์ส่วนตัวในตอนนั้นกับกฎระเบียบทางการทหาร ซึ่งผมว่ามันดูหวาด ๆ อยู่ หมายถึงว่ามันยังดูไม่ขาดทางด้านความคิดสักเท่าไหร่ หมายถึงช่วงที่เขาต้องตัดสินใจเลือกระหว่างช่วงอารมณ์ของตัวเองกับหลักการขององค์กร เขาสื่อให้เห็นถึงภาวการณ์ตัดสินใจของตัวเอกที่เด่นมาก หมายถึงว่าเลือกตามความรู้สึก แต่คนรอบข้างพยายามตีกรอบหลักการต่าง ๆ นา ๆ

แต่ถ้าหลายคนมองแล้วอาจจะคิดว่ามันก็เหมือนหนังทั่วไป แถมอาจจะไม่มันมากเหมือนหนังแอคชั่นตลาด ผมมองว่าทางด้านรายรับอาจจะได้ไม่มากเหมือนหนังตลาดทั่วไปนะ แต่ผมว่าหนังเขาคงได้ใจคนดูไปพอสมควร หนังไม่ได้น่าเบื่อเลย แม้แต่นิดเดียว เขาพยายามบอกให้คนที่มาดูว่า ทหารอเมริกันนั้น แท้จริงแล้ว เป็นยังไง การปฎิบัติหน้าที่ในอิรัก ชีวิต ต้องเสี่ยงยิ่งกว่าอะไร เหมือนตอกย้ำแนวคิดที่คนอเมริกันส่วนใหญ่ต่อต้านจากการทำสงครามอิรัก นั้นทำให้เห็นว่า เออ มันน่าหดหู่จริง ๆ นะ

ตัวเอกของเรื่องชื่อ Jeremy Renner อาจจะเคยผ่านหูผ่านตาพวกเรามาแล้วบางจากเรื่อง 28 weeks later (2007) กับตัวละครทหารที่พากลุ่มตัวเอกหนีแล้วโดนไฟเผาตายนะ ถ้ายังพอจำกันได้นะ ผมไม่ได้เชื่ออะไรมากว่าตัวเอกเขาจะเล่นดี แต่ว่าท่าทางกวน ๆ นั้น มันเหมาะกับเขาดี

หนังไม่ได้ใช้ตัวเอกที่มีค่าตัวแพงหูฉีกเลยแม้แต่คนเดียวแต่กลับทำให้หนังเป็นที่พูดถึงได้ในชั่วระยะเวลาข้ามคืนนั้น ผมว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากเลยที่เดียว ถ้าใครพอตามข่าวจะรู้ว่า ผู้กำกับ Kathryn Bigelow อดีตภรรยา เจมส์ คาเมรอน จากเรื่อง Avatar กลายเป็นที่กล่าวขาน ทั้งในเรื่องส่วนตัวและเรื่องหนัง มันดูเหมือนบังเอิญ แต่มันก็บังเอิญจริง ๆ นะที่อดีตสามี ภรรยา คู่นี้ต้องมาแข่งกันเองบนเวทีรางวัลทั้ง 2 รางวัล

ส่วนตัวแล้วผมก็ไม่ได้ชอบหรือคลั่งอะไรหนังเรื่องนี้มาก แต่หากถ้าเราเก็บรายละเอียดและทำความเข้าใจกับหนังดี ๆ อีกสักหน่อย มันก็น่าจะเป็นที่พอใจของใครหลาย ๆ คน ผมชอบแนวคิดการถ่ายทอด ชีวิต ของทหาร อเมริกัน มาก ๆ พวกเขาเป็นคนที่มีครอบครัว ความรู้สึกนึกคิด มีอารมณ์ส่วนตัวที่ปนกับงานส่วนร่วม เขาให้เราพยายามมีส่วนรวมในแนวความคิดกับหนัง ไม่ได้ดูเอามัน เอาฮา แต่ได้ใช้สมองคิดตามเรื่องไปเรื่อย ๆ ประมาณว่า ถ้าเป็นคุณ คุณจะตัดสินใจยังไง หลายฉากโหดเหมือนกัน เล่นเอางง เลย เห้ยยย เขาทำกันอย่างนี้เลยเหรอ

แต่ถ้านี้คือเรื่องจริงในสงคราม (แต่ผมก็ว่าจริง) ผมว่าเราต้องกลับมาคิดกันซะใหม่แล้วหล่ะ ว่า บ้านเราที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐหน้าจะให้เงินทำหนังถ่ายทอดชีวิต แบบสุด ๆ ของพวกเขาบางนะ มันต้องกินใจและได้อะไรกลับมาอีกเยอะเลย แต่ก็นะได้ค่าเศษเงินจากรัฐมา 50 กว่าล้านกับหนังตั้งเกือบ 100 เรื่อง เอออออ มันคงคุ้มกันหรอกกับการทำหนังนะ






Create Date : 16 กรกฎาคม 2553
Last Update : 16 กรกฎาคม 2553 21:42:25 น. 3 comments
Counter : 785 Pageviews.

 
อยากดูซ่ะแร้วสิ


โดย: veerayot IP: 58.10.189.72 วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:13:34 น.  

 
เหอ ๆ รีบหามาดูเลยนะครับ


โดย: palao วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:28:24 น.  

 
แนะนำเว็บดูหนังซีรีย์เกาหลีฟรี


โดย: koreaserie (loveyoupantip ) วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:9:43:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.