ข้าวเกรียบทำจากเตาครับ เตาแม่น้ำจืดนี่แหล่ะชาวเหนือกินกันเราไปชมวิธีการเลี้ยงเตากันน่ะ
ก็เป็นการท่องเที่ยวเชิงการเกษตรอีกแบบครับดูการเลี้ยงเตา หรือSpirulina
เตาเลี้ยงที่บ่อน้ำหรือหนองน้ำที่สะอาดนะครับ น้ำต้องไม่ขุ่นและมีระบบการถ่ายเทน้ำได้ดี
ที่นี่จะเลี้ยงในสระน้ำที่ขุดขึ้นเองแต่ต้องจัดการกับระบบน้ำหมุนเวียนให้ดี
การเลี้ยงเตายากนะครับบางทีมันอาจจะมีปริมาณน้อยคือให้ผลผลิตน้อยต้องดูแลอย่างดี แต่ที่นี่เขาเลี้ยงแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน
แต่การเลี้ยงแบบนี้ก็ให้ผลผลิตที่มากพอที่จะนำไปขายได้ก่อให้เกิดรายได้ในครัวเรือนและแปรรูปได้เป็นข้าวเกรียบเตาไงครับ
หลังอ่างเลี้ยงเตามีเจดีย์จำลองด้วยน่ะ
หมู่บ้านนี้เขาผลิตเตาอย่างเดียวครับอ้อ..ลืมบอกครับเตาคือชื่อเรียกทางเหนือ ก็คือสาหร่ายนั้นแหล่ะครับ
ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอีกแห่ง ที่ไม่ไกลจากพระธาตุอินทร์แขวนจำลองมาแวะชมกันได้น่ะครับ และอย่าลืมซื้อข้าวเกรียบเตามาชิมน่ะ
สองข้างทางก็จะมีร้านขายเตาและข้าวเกรียบเตาครับ
จากนั้นไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ กนิษฐารีสอร์ท เป็นที่พักและร้านอาหารไปตามทางที่จะไปวัดพระธาตุดอยเล็ง
ที่นี่จะมีร้านกาแฟที่หน้ารีสอร์ทร้านกาแฟเล็กๆสวยงามเห็นวิวธรรมชาติและขุนเขาชัดเจนช่วงที่ไปอากาศกำลังร้อนคนแวะเข้าร้านมาก
มีป้ายบอกสถานที่ไปตามจุดต่างๆด้วยแต่ที่สะดุดตาคือเขียนว่าที่เล่นน้ำเด็กนึกว่าคงเป็นที่เล่นน้ำเด็กคล้ายตามสานสนุกมีสไลด์เดอร์
นี่แหล่ะครับที่เล่นน้ำเด็กเล่นตามธรรมชาตินี่แหล่ะ สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง
บรรยากาศที่ร้านมาตั้งโต๊ะกลางลำธารทำให้แขกที่มากินอาหารเอาเท้าแช่น้ำ จะรู้สึกผ่อนคลายไม่ร้อน แต่ไม่รู้ว่าจะบุกรุกพื้นที่สาธารณะรึเปล่ามาตั้งกลางลำธารอย่างนี้
เด็กๆต่างก็เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานและวันนี้น้ำขุ่นเพราะว่าฝนตกวันก่อนหน้านี้อย่างหนัก
ที่พักที่นี่มีไม่กี่หลังแต่วิวและอากาศดีมากๆอากาศตอนเช้าๆเย็นสบายไม่ร้อนแต่สายๆนี่ซิร้อนมากๆ
ที่อาหารอร่อยพอใช้ได้แต่อาหารสั่งแล้วรอนานไปนิดแต่วิวสวยงาม ร่มรื่น
ไปวัดพระธาตุดอยเล็งกันนะครับขับรถขึ้นเขาไปเล็กน้อยจะเห็นวิวแพร่ที่สวยงาม
มาถึงแล้วก็เดินขึ้นนะครับร่างกายต้องแข็งแรงซะนิดครับเหนื่อยเอาการอยู่เหมือนกันตั้งใจมาแล้วนะต้องมาไหว้พระธาตุดอยเล็งให้ได้
มถึงแล้วดีใจมากๆขอบอกว่าเหนือยสุดยอดและแอบพักตลอดทุกๆสิบนาที
กราบไหว้พระธาตุดอยเล็งตามตำนานกล่าวว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาที่นี่เห็นดอยนี้พระองค์ทรงเล็งหรือที่เรียกว่าดูให้สร้างวัดจึงเรียกขานกันต่อมาว่าพระธาตุดอยเล็ง
ขณะเดินขึ้นมาร้อนมากๆแต่มาถึงจุดหมายปลายทางแล้วกลับรู้สึกไม่ร้อนเลยเย็นมากๆและสงบเงียบ
นั่งชมวิวตัวเมืองแพร่สวยงามวิวสุดลูกหูลูกตา
ลมพัดมาเรื่อยๆ ความสงบบังเกิดขึ้นเสียงกระดิ่งที่แขวนบนศาลาวัดดังขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับเกิดความรูสึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
วิวบนนี้สวยน่ะมาถึงแล้วขอนั่งชมให้นานๆหน่อยก่อนกลับ
และเห็นวิววัดพระธาตุช่อแฮชัดมากๆสวยงามโดยมีท้องทุ่งนาเป็นฉากหลัง
นั่งชมไปเรื่อยจนเกือบชั่วโมงนึกขึ้นได้ว่าต้องไปที่อื่นต่อ เตรียมตัวลงดอยกันแล้ว
ช่วงที่ไปช่วงสงกรานต์พอดีใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีสวยงามตามธรรมชาติยามหน้าแล้ง
วิวอีด้านหนึ่งของวัดพระธาตุดอยเล็ง
ความงดงามอีกแบบยามหน้าแล้งใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีจากสีเขียวสดใสเปลี่ยนเป็นสีแดงต่อมา
เป็นช่วงผัดใบเฉยๆหากฝนลงเม็ดมาแล้วความชุมชื่นเขียวขจีก็มาแทนที่
จากนั้นลงมาจากวัดมาถ่ายรูปกับนาที่ปลูกถั่วเหลืองกระเทียมซะหน่อยสวยงามอีกแบบ
ชุ่มชื่นเมื่อเห็นสีเขียวแห่งท้องทุ่ง ทำให้นึกถึงบรรยากาศที่ปายขึ้นมาทันที
ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่มาชมรีวิวที่แสนจะธรรมดาของผมทุกท่านกะ
ฉบับท่องเที่ยวเมืองแพร่ เมืองทางผ่านที่ไม่ควรมองข้าม มีอะไรที่น่าเที่ยวตลอดมาสัมผัสกะเมืองแพร่ยามหน้าแล้งกันนะครับ
สนุกครบรสไม่แพ้หน้าหนาวเลยก็ว่าได้