จิบกาแฟแ่ห่ระเบิด ตระเวนเที่ยวบ้านปิน อำเภอลอง จังหวัดแพร่
ไปเมืองแพร่ทุกครั้งไม่ได้แวะอำเภอลองเลยนะครับตอนนี้
แวะอำเภอลองแวะร้านกาแฟแห่ระเบิด(Bomb March Coffee)
ซึ่งอยู่ตำบลบ้านปิน อ.ลอง จ.แพร่
บอกว่าการมาจิบกาแฟที่นี่ไม่ได้มีบรรยากาศ
หรือวิวดีเลยแต่ที่นี่มีเรื่องราวมากมายติดตามชมกันนะครับ 
กาแฟแห่ระเบิด(Bomb March Coffee)
เป็นร้านกาแฟที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองลองเรื่องราวที่เกี่ยวกับเมืองแพร่แห่ระเบิด  ร้านกาแฟแห่ระเบิด(Bomb March Coffee) อยู่ติดถนน ลอง-แพร่นะครับ
หน้าร้านจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวด้วยนะครับ  เจ้าของร้านเป็นศิลปิน นักเขียน...จบสถาปัตย์
จากภาพเมื่อครั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมาทรง
พระราชกรณียกิจที่อำเภอลองได้ทรงเสวยกาแฟร้านนี้ด้วย
ถ่ายรูปจากร้านนะครับ  เข้าไปในร้านก่อนนะครับมีมุมอาร์ทๆ ตกแต่งแบบบ้านเก่าๆของอ.ลอง
มีภาพเก่าๆติดไว้ข้างฝา เป็นภาำพเก่าๆของเมืองลองสมัยก่อน  ภาพเก่าๆที่บอกถึงตำนานว่าทำไมเมืองแพร่ถึงแห่ระเบิด
แท้จริงแล้วเกิดขึ้นที่เมืองลองนั่นเอง ชาวแพร่ไม่ได้แบกระเบิดแห่เล่นระเบิดนะครับ
แต่เอาดินปืนออกไประเบิดปลาแล้วเหลือปลอกระเบิดที่เป็นเหล็กคุณภาพดี
จึงนำไปแห่ถวายวัด ทำเป็นระฆังสามารถไปดูของจริงได้ที่วัดแม่ลานเหนือ
วัดศรีดอนคำ วัดนาตุ้ม อยู่อำเภอลองครับ ข้อมูลจากเจ้าของร้านนะครับที่มาให้ข้อมูล  รูปภาพเหล่านี้เล่าเรื่องราวหลายอย่างเกี่ยวกับเมืองลอง
และประวัติเมืองแพร่แห่ระเบิด  ระเบิดเมืองแพร่นั้นได้ในในสมัยสงครามโลกครั้งที 2 ราวปี พ .ศ. 2485-2488
ญี่ปุ่นได้มาขอใช้ไทยเป็นฐานเพื่อผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
และสู้รบกับฝ่ายสัมพันธมิตร โดยที่รัฐบาลไทยต้องจำยอม
แต่ก็มีผู้ต่อต้านคือ ขบวนการเสรีไทย  สมัยนั้น รถไฟเป็นเส้นทางคมนาคมหลักในการลำเลียงผู้คน ทหาร อาวุธ เสบียง ทำให้ฝ่าย
สัมพันธมิตรได้นำเครื่องบินมาทิ้งระเบิดทำลายสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำยม
บริเวณปากลำห้วยแม่ต้า หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า สะพานรถไฟห้วยแม่ต้า เพื่อสกัดไม่ให้ทหาร
ญี่ปุ่นเดินทางไปเชียงใหม่ และข้ามแดนต่อไปยังพม่า ฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดอยู่หลายครั้ง(หลายช่วงเวลา)แต่ว่าพลาด จนสุดท้ายเครื่องบินถูก
ยิงตก ปรากฏว่าระเบิดหลายลูกที่เครื่องบินบรรทุกมายังไม่ระเบิด แล้วนายหลง มะโนมูล คน
งานรถไฟสถานีแก่งหลวงไปค้นพบเข้า จึงนำความไปบอกแก่นายสมาน หมื่นขัน นายสมาน
จึงขอแรงคนงานรถไฟไปช่วยกันเก็บกู้ลูกระเบิด โดยทำการถอดชนวน แล้วใช้เลื่อยตัด
เหล็กตัดส่วนหางของลูกระเบิดออก ควักดินระเบิดที่บรรจุอยู่ภายในทิ้ง ก่อนช่วยกันยกใส่
เกวียนลากมาพักไว้ที่บ้านแม่หลู้  ปรากฏว่ามีระเบิดหนึ่งจมอยู่ในหลุมทรายลึกคนงานไม่สามารถขุดขึ้นมาเก็บกู้ได้ ทีมงานจึงไป
ตามนายบุญมา อินปันดี ที่เป็นเจ้าของช้างลากไม้ในป่าใกล้เคียง ให้นำช้างมาฉุดลากระเบิดขึ้น
จากหลุม แล้วจึงนำไปไว้บนเกวียนบรรทุกเข้าหมู่บ้านต่อไป เรื่องนี้พอชาวบ้านเมื่อทราบข่าวก็ตามสไตล์แบบไทยๆ คือออกมามุง ออกมาดู จนเมื่อขบวน
เกวียนถึงบ้านแม่ลานเหนือ ชาวบ้านที่นี่จำนวนหนึ่งที่อยู่ใกล้วัดพอรู้ข่าว ได้นำฆ้อง กลอง ฉาบ
ฉิ่ง ออกมาต้อนรับขบวนช้างลากระเบิดแล้วแห่เข้าวัดเพื่อนำระเบิดไปใช้ประโยชน์บางอย่างต่อไป  จากนั้นชาวบ้านหลังจากถอดชนวน นำดินระเบิดออกจนหมด
ได้นำซากลูกระเบิดไปทำความสะอาด
ตัดเอาส่วนหัวที่เป็นเหล็กมาดัดแปลงทำเป็นระฆังถวายให้แก่วัดใน อ.ลอง  ปัจจุบัน ระฆังที่ทำจากลูกระเบิดในตำนานคนแพร่แห่ระเบิดมีเหลืออยู่ในอำเภอลอง 3 ลูก
ใน 3 วัด คือ ที่วัดแม่ลานเหนือ วัดนาตุ้ม และวัดศรีดอนคำ
ขอขอบคุณ ร้านกาแฟแห่ระเบิด ก๋วยเตี๋ยวแห่ระเบิด ที่บ้านปิน อ.ลอง จ.แพร่ ที่ให้ข้อมูลครับ  นี่หล่ะครับที่บอกว่าจิบกาแฟที่นี่จะได้เรื่องราวต่างๆมากมายที่เราไม่รู้
ความรู้จึงหาได้ทุกที่จริงๆครับ  ของตกแต่งร้านกาแฟสวยๆ กบนั่นเอง  จิบกาแฟฟังอุ่นๆและอ่านเรื่องราวเมืองแพร่
และเอกสารเรื่องราวเมืองลองแพร่ที่เจ้าของร้านให้ครับ  มุมนั่งจิบกาแฟหน้าร้านอีกมุม  สั่งชาเย็นด้วยนะครับ ขอบอกว่าอร่อยมากๆ  เจ้าของร้านสนับสนุนสินค้าโอทอบของคนลองด้วยนะครับ
โดยนำสินค้ามาวางขายที่ร้าน มีสบู่สมุนไพรนะครับ  คุกกี้อร่อยๆจากฝีมือชาวลองเองนะครับ
ควรอุดหนุนนะครับสินค้าโอทอบเพราะจะทำให้พวกเขาอยู่ได้  มุมแสดงภาพความทรงจำที่เจ้าของร้านรับเสด็จสมเด็จพระเทพครับ
ปลื้มแทนเจ้าของร้านจริงๆที่ได้มีโอกาสรับเสด็จ  ภาพหน้าร้านเมื่อพ.ศ.2510 ที่ผ่านมา  อีกมุมหนึ่งของร้านจัดแสดงสินค้าโอท็อบของชุมชนด้วยนะครับ
เจ้าของร้านเป็นบุคคลที่ส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งโดยพึ่งตัวเองได้ไม่ต้องตัดไม้ทำลายป่า
เพราะที่แพร่ตัดไม้กันมาก โดยส่งเสริมการท่องเที่ยวทำให้คนที่นี่เกิดรายได้
เหมือนกับเมืองท่องเที่ยวต่างๆเช่น ปาย เป็นต้น  จากนั้นเจ้าของร้านพาทัวร์รอบๆร้านให้ดูเรื่องราวต่างๆ
ขออนุญาตนำรูปเจ้าของร้านลงนะครับ  เจ้าของร้านพาชมไม้รางรถไฟที่ทำสะพานโดยไปขอซื้อจากชาวบ้าน
ที่กำลังจะตัดเอาไปทำฟืนจึงขอซื้อมาเพื่อเก็บไว้ทำพิพิธภัณฑ์ให้ลูกหลานได้เรียนรู้ต่อไป  ท่อนไม้นี้มีเรื่องราวนะครับเรื่องก็สืบเนื่องมาจาก สมัยสงครามโลกครั้งที 2 ราวปี พ .ศ. 2485-2488 ญี่ปุ่นได้มาขอใช้ไทยเป็นฐานเพื่อผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
และสู้รบกับฝ่ายสัมพันธมิตร  รถไฟเป็นเส้นทางคมนาคมหลักในการ ลำเลียงผู้คน ทหาร อาวุธ เสบียง
ทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรได้นำเครื่องบินมาทิ้ง ร ะเบิดทำลายสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำยม
บริเวณปากลำห้วยแม่ต้า หรือที่ชาวบ้าน เรียกว่า สะพานรถไฟห้วยแม่ต้า
ไม้นี้ได้มาจากที่นี่นั่นเอง  การระเบิดสะพานรถไฟเพื่อสกัดไม่ให้ทหารญี่ปุ่นเดินทางไป เชียงใหม่
และข้ามแดนต่อไปยังพม่านั่นเอง  เรื่องราวของที่นี่ผมว่ายังมีอีกมากมาย เพียงแต่ว่าเรามีเวลาเพียงแค่นี้
ผมคิดว่าวิสัยทัศน์ของเจ้าของร้านดีมาก ๆ มุ่งพัฒนาท้องถิ่นอยู่ได้ด้วยตัวเอง
โดยอาศัยการท่องเที่ยวเป็นตัวนำ  เจ้าของร้านเล่าว่า รู ของไม้สะสานรถไฟยังมีกลิ่นเขม่าของดินปืนส มัยโดนระเบิดด้วยนะครับ
ลองดมดูก็ได้กลิ่นจริงๆนะครับ
ในอนาคตจะจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เด็กๆมาเรียนรู้
คงจะได้กลับไปดูอีกครั้งนะครับ  บริเวณหลังร้านครับมีบ้านแบบเก่าๆของเมืองลองด้วยนะครับ  บ้านแบบล้านนา น่าอยู่นะครับโล่งโปร่งสบาย  บ้านหลังที่แสดงสินค้าโอทอบครับ  เจ้าของร้านพาชมต้นตาลที่มีต้นไทรหุ้มต้นตาลครับสวยและแปลกดี  อีกภาพครับ  มุมแสดงแกลอรี่ภาพของเจ้าของร้านนะครับตอนนี้ยังคงปิดอยู่นะครับ  หน้าร้านมีสวนอยู่เล็กน้อย
ผมว่าทางร้านควรจะจัดสวนให้สวยมากกว่านี้นะครับ  ระเบิดหน้าร้าน ระวังให้ดีนะครับ  มีมุมเก๋ๆให้ถ่ายรูปด้วยนะครับ  ขออีกรูปก่อนกลับครับ  นี่หล่ะครับที่ผมบอกว่าจิบกาแฟที่นี่มีเรื่องราวนะครับ กาแฟแห่ระเบิด
มากกว่าที่จะชมวิวสวย ๆ  จากนั้นตระเวนเที่ยวสถานีรถไฟบ้านปินตามที่เจ้าของร้านแนะนำให้ไป
ดูสถาปัตยกรรมของตัวอาคารของ สถานีรถไฟบ้านปินผมกับแฟนก็ไปตามคำแนะนำ  รางรถไฟกับภาพมุมต่ำครับ  ก่อนอื่นมารู้จักกับสถานีรถไฟบ้านปินก่อนนะครับสถานีรถไฟบ้านปิน เป็นสถานีในเส้นทางรถไฟสายเหนือ ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลบ้านปิน อำเภอลอง จังหวัดแพร่ ห่างจากสถานีกรุงเทพฯ
564 กิโลเมตร รูปแบบการก่อสร้างเป็นการผสมผสาน
ระหว่างสถาปัตยกรรมไทยภาคเหนือกับสถาปัตยกรรมยุโรป
"บ้านปิน" อยู่ในรายชื่อสถานีสำคัญ 6 สถานีของประเทศไทยเลยทีเดียวความ พิเศษองที่นี่คือ เป็นสถานีขนถ่ายสินค้าที่สำคัญของภาคเหนือสถานีบ้านปินเปิด ใช้งานเมื่อเดินถไฟสายเหนือถึงสถานีนี้ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2457 ต่อมาในวันที่ 1 พฤษภาคม 2548 จึงเปิดการเดินรถต่อไปถึงสถานีผาคอ(ปัจจุบัน เป็นที่หยุดรถ)  อาคารของสถานีบ้านปิน รูปแบบการก่อสร้างเป็นการผสมผสาน
ระหว่างสถาปัตยกรรมไทยภาคเหนือกับสถาปัตยกรรมยุโรป
น่าจะทาสีใหม่นะครับสีสดสวยงาม  ตัวอาคารอีกภาพ  ภาพนี้ถ่ายจากด้านหลังสถานีนะครับ  บ้านปิน สถานีที่เคยผ่านเมื่อขึ้นไปเชียงใหม่
มีผู้โดยสารนั่งรอรถไป เชียงใหม่ โดยรถท้องถิ่น ผมได้ยินเสียงจนท.รถไฟประกาศว่ารถไฟจะ
ล่าช้า 1 ชั่วโมงครับ ผมนึกแล้วก็อมยิ้มนี่แหล่ะรถไฟไทยตัวจริง
ไม่แปลกใจเลยว่าคนทำไมขึ้นรถไฟน้อยจัง  เข้าไปดูจุดขายตั๋วตรับยังเก่าๆแต่คลาสสิคดีครับ  อีกมุมถ่ายจากด้านในตัวอาคารออกไปครับ  ใกล้อาคารมีประวัติบ้านปินด้วยครับ
มีตำนานเล่าว่าสมัยพุทธกาล ปางเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังดำรงพระชนม์อยู่ เสด็จมาที่ดอยน้อย พร้อมด้วยพระอรหันต์ ๕๐๐ รูป ได้ประทับรอยพระบาทไว้ และได้แสดง
ธรรมโปรดพุทธบริษัท แม่หม้ายนางหนึ่ง เกิดปิติปราโมทย์ ศรัทธาปสาทะ เลื่อมใส จึงได้ถวาย
ปิ่นปักผม เป็นธรรมบูชา พระองค์ได้มีพุทธทำนายว่า ต่อไปจะเกิดบ้าน เมืองรอบ ๆ ดอยน้อย และจะได้ชื่อว่า "บ้านปิ่น" ต่อมาผู้คนเรียกเพี้ยน ไปว่า "บ้านปิน" มาจนทุกวันนี้...  บ้านพักเจ้าหน้าที่รถไฟใกล้ๆตัวสถานี  จากนั้นขับรถกลับไปทางเดิมตามถนนบ้านปิน  เรื่องราวระหว่างทางของการท่องเที่ยวมีมากมายครับถ้า
แวะข้างทางโดยไม่ต้องถึงจุดหมายปลายทางอย่างเดียว
เสน่ห์เมืองลองนั้นยังดูสดชื่นบริสุทธิ์มากว่าเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมายลองแวะดูนะครับลาด้วยภาพนี้นะครับ
ขอบคุณผู้เข้าชมบล็อกที่แสนธรรมดาของผมทุกท่านนะครับ 
Create Date : 20 มิถุนายน 2555 |
Last Update : 20 มิถุนายน 2555 2:29:19 น. |
|
5 comments
|
Counter : 10013 Pageviews. |
 |
|