“ท้อง...ไม่รับ” ความตายไม่ใช่ทางออก!!

“ถ้ารักกันจริง ต้องเคารพซึ่งกันและกัน
ผู้ชายควรเคารพร่างกายของผู้หญิง
ส่วนผู้หญิงเองก็ควรเคารพร่างกายของผู้ชายเช่นกัน อย่าเปิดโอกาสให้ฝ่ายชาย
เพราะความรักที่แท้จริงมันไม่ใช่เรื่องเพศสัมพันธ์
แต่มันคือความเข้าใจซึ่งกันและกันต่างหาก”

คำบอกเล่าจาก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงเพ็ญศรี พิชัยสนิธ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอนามัยแม่และเด็กและนายกสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี
ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวราชาทินัดดามาตุ
ที่สะท้อนปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ยังสามารถพบได้อีกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพ่อข่มขืนลูก
เพื่อนข่มขืนเพื่อน หรือถูกคนที่ไม่รู้จักกันขมขื่นก็ยังมี

อย่างไรก็ดี หากย้อนไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
คดีสะเทือนขวัญของนักเรียนสาว ปวช.ปี2 น้อยใจแฟนหนุ่มทำตีตัวออกห่าง
หลังรู้ท้อง 3 เดือน และบังคับให้ไปทำแท้ง
แถมกลับไปสนิทกับแฟนเก่า เธอตัดสินใจโดดตึกที่พักสูง 4 ชั้นตกลงมาเสียชีวิตคาที่ พร้อมทิ้งจดหมายลาตายตัดพ้อแฟนหนุ่ม
อาจเป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่ไร้ทางออกเมื่อเจอปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึง
ประสงค์อีกหนึ่งราย
ที่สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างครอบครัวและทางออกที่ผิดๆ
ได้อย่างชัดเจน

กรณีเช่นนี้ อาจก่อให้เกิดคำถามตามมาว่า เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย
ความผิดพลาดของเด็กที่ก้าวพลาด เหตุใดถึงเลือกความตายเป็นทางออก ทั้งๆ
ที่ผ่านมาองค์กรต่างๆ
นั้นพยายามที่จะช่วยกันแก้ไขและป้องกันปัญหาเหล่านี้มาโดยตลอด
โดยเฉพาะสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ ที่มี “บ้านพักฉุกเฉิน” แต่เปรียบเสมือน “บ้านหลังที่สอง”
ของเด็กๆ
ที่ต้องการความปลอดภัยและผู้ที่ต้องการหนีร้อนมาพึ่งเย็น
ซึ่งมีแม่ชีคุณหญิงกนิษฐา วิเชียรเจริญ เป็นผู้ก่อตั้ง

“บ้านพักฉุกเฉิน” ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2523
เป็นที่พักพิงชั่วคราวทั้งทางกายและใจให้แก่ผู้หญิงและเด็กที่เดือดร้อนซึ่ง
ประสบปัญหาครอบครัว ท้องเมื่อไม่พร้อม ถูกข่มขืน ติดเชื้อ HIV/AIDS สามีทิ้งหรือทำร้ายร่างกายและจิตใจ ฯลฯ
โดยให้ความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย อาหาร ดูแล สุขภาพอนามัย
รวมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำ การให้ทักษะชีวิตและกำลังใจ ใช้หลักการสังคม
สงเคราะห์และกระบวนการจัดกลุ่มบำบัดทางจิต
เพื่อนำไปสู่ความเชื่อมั่นในตนเองสามารถ ดำเนินชีวิตในสังคมได้ปกติสุข
โดยมีนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยาเป็นผู้ให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อตั้งบ้านพักฉุกเฉินเป็นที่พึ่งเพื่อบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้าได้
แล้ว คุณหญิงกนิษฐาเห็นว่า
การศึกษาเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต
จึงได้จัดตั้งศูนย์การศึกษาและฝึกอาชีพสตรี
เพื่อเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนทางไกลสายสามัญ ในระดับชั้นมัธยมศึกษา
และเสริมหลักสูตรวิชาชีพ ให้แก่สมาชิก บ้านพักฉุกเฉินและผู้สนใจทั่วไป
รวมทั้งจัดตั้งคลินิกเพื่อรับปรึกษาปัญหาสุขภาพผู้หญิง
ขึ้นในบริเวณเดียวกันด้วย

ทว่าอัตราการฆ่าตัวตาย ทำแท้ง
หรือคลอดแล้วทิ้งยังคงเป็นปัญหาที่ดูเหมือนว่านอกจากจะไม่ลดลงแล้วยังมีแนว
โน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เสียอีก ซึ่งในเรื่องนี้ ศ.พญ.เกียรติคุณ
เพ็ญศรี พิชัยสนิธ นายกสมาคมฯ ณ ขณะนี้เผยว่า เด็กวัยรุ่นยังมีความเชื่อว่า
รักกันต้องเป็นของกันและกันอยู่มาก หลายคนไม่ได้คิดถึงผลในระยะยาว
ยิ่งถ้าเจอประโยคที่ว่า ถ้ารักกันจริงก็ต้องมีเพศสัมพันธ์กันนั้น
นับเป็นเรื่องที่มหันต์มาก

“ครอบครัวต้องอธิบายและสอนลูกด้วยว่า ถ้ารักกันจริงก็ควรรอก่อน
รักแท้ไม่ได้วัดกันที่เรื่องบนเตียง โดยเฉพาะใครที่มีลูกสาว
พ่อแม่ควรสอนเขาอย่าให้อ่อนไหวตามผู้ชาย อย่าใจอ่อนเพียงเพราะรัก
มิเช่นนั้นลูกสาวจะกลายเป็นเหยื่อทางสังคมทันที”

“และถ้าลูกสาวพลาดไปแล้ว พ่อแม่ควรรับรู้และความเข้าใจด้วยว่า
การที่ลูกตกเป็นเหยื่อทางสังคมนั้น พ่อแม่มีส่วนผิดเต็มๆ
เพราะสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่สำคัญที่สุด
พ่อแม่ควรสอนเขาให้รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
เพราะการที่เด็กจะก้าวพลาด หรือตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรนั้น
ไม่ได้มากจากพันธุกรรมแต่อย่างใด
มันมาจากพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมรอบตัวต่างหาก”ศ.พญ.เกียรติคุณ
เพ็ญศรี กล่าว

ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือ
พ่อแม่ไม่ควรไปซ้ำเติมพวกเขา
ในทางกลับกันแม้จะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นสักเท่าไหร่
ทั้งพ่อและแม่ก็ควรใกล้ชิดและให้กำลังใจลูกมากกว่าเดิม
เพราะการที่เขารู้สึกว่ามีคนรักและห่วงใยนั้น
จะทำให้เขาเห็นทางออกที่ถูกต้อง ไม่เลือกสร้างบาปสร้างกรรมโดยการฆ่าตัวตาย
ทำแท้ง หรือคลอดแล้วทิ้งแน่นอน

อย่างไรก็ดี ศ.พญ.เกียรติคุณ เพ็ญศรี เผยต่อว่า
นอกจากการอบรมสั่งสอนของพ่อและแม่แล้ว สื่อต่างๆ
ก็มีผลต่อพฤติกรรมของเด็กเช่นกัน
โดยเฉพาะสื่อทางอินเทอร์เน็ตที่พ่อแม่อาจตามไม่ทัน
หรือจะเป็นละครที่มีบทชิงรักหักสวาทของพระเอก -
นางเอกที่ส่วนใหญ่เกลียดกันแค่ไหนก็จบลงด้วยความสุขของความรักที่ดูสวย
งามอยู่เสมอ

“ละครต่างๆ ที่มีฉากข่มขืน หรือฉากรักที่รุนแรงแค่ไหน
ก็จบด้วยความสุขและความรักที่สวยงาม
ยังคงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กวัยรุ่นที่เริ่มมีความรัก
รู้สึกมีวามหวังและอยากเป็นพระเอก - นางเอกเฉกเช่นเดียวกับละคร ดังนั้น
พ่อแม่ควรทำความเข้าใจกับเขาว่านั่นคือละคร คือภาพมายาไม่ใช่ชีวิตจริง
และพ่อแม่เองก็ควรเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย”

เปิดใจมิ้นท์ - นัท...ความตายไม่ใช่ทางออก

มิ้นท์ (นามสมมติ) สาวน้อยวัย 17 ปี ที่เพิ่งคลอดลูกชายวัย 6 เดือน หนึ่งในหลายๆ คนที่ตัดสินใจเป็นผู้ให้ชีวิต
ภายใต้ความอบอุ่นในบ้านพักฉุกเฉินเล่าว่า
เหตุที่เธอต้องจากบ้านมาอยู่ที่แห่งนี้
เป็นเพราะเธอถูกข่มขืนจนตั้งครรภ์และเกรงคนในครอบครัวจะอับอาย

“หนูก็เหมือนคนทั่วไปที่ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง
และหนูไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใครมาก่อนเลย แต่ในวันที่เกิดเหตุนั้น
มันเป็นงานวันเกิดของเพื่อน ผู้ชาย (เพื่อนของเพื่อน)
เป็นคนมารับหนูที่บ้านไปบ้านของเขา โดยบอกเราว่าเพื่อนให้มารับ
พอเราหลงเชื่อบวกกับรูปร่างที่สูงใหญ่ในช่วงเวลาที่เขาพยายามขืนใจเรานั้น
หนูไม่สามารถต้านแรงเขาได้จริงๆ ค่ะ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ
หนูก็ไม่ได้ทานยาคุมกำเนิดอะไรเลย เพราะหนูไม่เคยทราบเรื่องพวกนี้มาก่อน”

มิ้นท์เล่าถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิตให้ฟังต่อว่า
หลังจากที่รู้ว่าตั้งครรภ์ ก็อยากไปทำแท้งเหมือนกัน เพราะอับอาย
และไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนในครอบครัว
แต่ทว่าเป็นเพราะสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯได้เปลี่ยนชีวิตเธออีกครั้ง
เพราะนอกจากเธอจะไม่ทำแท้ง และตัดสินใจเลี้ยงลูกด้วยความรักแล้ว
มิ้นท์ยังได้ฝึกอาชีพการตัดเย็บ
และกิจกรรมอื่นๆที่สามารถออกไปหาเลี้ยงชีพได้ในอนาคตอีกด้วย

“กว่าหนูจะมีวันนี้ หนูก็ต้องสู้กับตัวเองมาเยอะ
เพราะหลังจากที่ตัดสินใจจะทำแท้งแล้วไม่ได้ทำ
หนูก็คิดว่าจะอุ้มท้องจนคลอดและจะยกให้คนอื่นไป
แต่มันก็ไม่เป็นอย่างที่เราคิด เพราะหนูรักลูกตอนไหนไม่ทราบ
แต่รู้ตัวอีกทีหนูรักเขาจนหนูไม่คิดที่จะให้ใครอีกแล้ว
ลูกคือชีวิตของหนูค่ะ”

ส่วนทางด้านนัท สาววัย 19 ปีที่เคยพลาดตั้งครรภ์มาแล้วตอนอายุ 15 ปี แต่เธอตัดสินใจทำแท้ง โดยมีแม่เป็นผู้พาไป
แต่ในครั้งนี้นัทไม่ได้ทำแท้งอีกครั้ง ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
เธอเล่าว่า การผิดพลาดครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะเรารักเขามาก เขาขอนอนด้วย
เพราะบอกว่ารักเรา เราเองก็ค่อนข้างมั่นใจ เลยไม่คิดที่จะป้องกันเลย
แต่พอรู้ว่าท้อง เขากลับไม่ยอมรับ อีกทั้งยังถามกลับด้วยว่า
แน่ใจเหรอว่าเด็กในท้องคือลูกของเขา!!

“ตอนท้องก็คิดจะฆ่าตัวตายเหมือนกัน
แต่พอได้ยินเสียงแม่ก็เปลี่ยนใจทันที ตอนนี้เพิ่งคลอดลูกได้ยังไม่ถึงเดือน
ลูกแข็งแรงดี แต่คงไม่สามารถเลี้ยงเขาให้ดีได้
รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากย้อนเวลากลับไปได้ก็คงไม่ทำแบบนั้น
คงจะป้องกันไม่ให้ท้องแบบนี้ แต่ถ้าดีที่สุดก็จะไม่มีอะไรกับเขาแน่ๆ
จะไม่เชื่อคำรักของผู้ชายแบบนั้นอีกแล้ว เพราะถ้าเขารักเราจริง
เขาต้องรอเราได้”

อย่างไรก็ดี มิ้นท์ในฐานะที่เคยตกเป็นเหยื่อมาก่อน
ได้ฝากเตือนผู้หญิงทุกคนว่า อย่าไว้ใจใครจนเกินไป
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหรือไม่ก็ตาม
เพราะบางครั้งเขาอาจจะเป็นเหมือนงูที่คอยมาแว้งกัดเราทีหลังก็ได้
แต่ถ้ามันเกิดขึ้นมาแล้ว อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการฆ่าตัวตายเลย
มันไม่ใช่ทางออกที่ดี

“เราได้เกิดมาเป็นคนในชาตินี้ก็ควร
ทำตัวให้มันคุ้มค่าที่ได้เกิด ถ้าเราฆ่าตัวตายไป
เราไม่รู้เลยว่าชาติหน้าจะได้เกิดมาเป็นคนอีกหรือเปล่า ทุกปัญหามีทางออก
อย่างน้อยที่สุด คนในครอบครัวก็จะเป็นผู้แนะทางออกสำหรับเราได้”

“ส่วนผู้ชายที่ยังเห็นผู้หญิงเป็นเรื่องสนุกนั้น
ขอให้หยุดคิดได้แล้ว
เพราะการกระทำของคุณมันทำลายชีวิตผู้หญิงคนนั้นทั้งชีวิต
ขอให้ละอายและเกรงกลัวในบาปกรรม หากทำอะไรไปแล้วก็ควรจะรับผิดชอบด้วย”
มิ้นท์กล่าวทิ้งท้าย

//www.thaihealth.or.th

Create Date : 05 เมษายน 2553		3 comments
Last Update : 5 เมษายน 2553 16:25:30 น.
Counter : 246 Pageviews.
Share Tweet