|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
รู้หรือไม่อะไรคือปลาใหญ่ที่เชื่อกันว่าหนุนโลกเราอยู่
ไม่รู้ว่ามีใครเคยตั้งคำถามว่าปลาอานนท์มีประวัติที่มาอย่างไรบ้างหรือเปล่า วันหนึ่งเกิดมีคนถามขึ้นมา ทำเอาอึ้งกิมกี่ไปเลย ก็ไม่เคยได้ยินถามคำถามอะไรแบบนี้เลยนี่นา ก็เลยตอบไม่ได้ เคยแต่ได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่บอกว่าแผ่นดินตั้งอยู่บนหลังปลาอานนท์ เวลาปลาอานนท์เมื่อยขึ้นมาก็จะบิดตัว ทำให้แผ่นดินไหว แต่เดี๋ยวนี้เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าไม่มีปลาอานนท์ที่ไหนหรอก เป็นการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกต่างหาก แต่ก็นะ อธิบายแบบนั้นมันจะไปสนุกอะไร อธิบายแบบปลาอานนท์สนุกกว่าเป็นไหนๆ ฟังแล้วอยากรู้ว่าปลาอานนท์หน้าตาเป็นยังไง เหมือนปลาดุกหรือปลาไหล หรือยังไงกันแน่
มีอยู่วันนึงได้ฟังสารคดีที่ฝรั่งทำเรื่องอะไรซักอย่างหนึ่งเกี่ยวกับพระวิษณุนั่นแหละ เขาก็บอกว่าพระวิษณุนอนอยู่บนหลังนาคชื่ออานันตะ (Ananta) ปิ๊งๆๆๆ เลย ที่แท้คำว่าปลาอานนท์น่าจะมาจาก อนันตนาคราชนี่เอง คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ อิอิ ทำตัวเป็นผู้รู้ซะหน่อย
ในปฐมกาลแห่งจักรวาล หาได้มีแผ่นดินโลกอยู่ไม่ มีแต่ทะเลน้ำนมที่ชื่อว่า เกษียรสมุทร แล้วก็มีพระวิษณุผู้ดำรงอยู่อย่างไม่มีต้นกำเนิดและที่สุดเช่นเดียวกับจักรวาลก็ดำรงอยู่แล้วแต่ต้น แต่จะให้ท่านไปลอยคอเท้งเต้งอยู่ในเกษียรสมุทรก็ใช่ที่ ท่านก็เนรมิตนาคขึ้นมาตนหนึ่งให้ชื่อว่า อนันตนาคราช เป็นเสมือนแพลอยอยู่บนเกษียรสมุทรเพื่อท่านจะได้ประทับอยู่บนแพนาคนั้นเอง จำเนียรกาลนานไป ท่านก็ไม่มีอะไรทำ เบื่อขึ้นมาท่านก็บรรทมบนหลังนาคนั่นแหละ เป็นที่มาของภาพ นารายณ์บรรทมสินธุ์ ที่เป็นข่าวโด่งดังเมื่อหลายปีที่ผ่านมานั่นแหละ พอท่านหลับสนิทก็ฝัน แต่ฝันนี้ประหลาดยิ่งนัก
ฝันนี้มีเรื่องว่า เกิดก้านบัวผุดขึ้นจากพระนาภี (สะดือ) ของพระองค์ เมื่อดอกบัวบานขึ้นก็ปรากฏเป็นพระพรหมอยู่ในดอกบัวใหญ่นั้น พระพรหมท่านนั่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานจนเบื่อ ท่านจึงเนรมิตของเล่นขึ้น เป็นแผ่นฟ้า แผ่นดิน และบาดาล แล้วเนรมิตทวยเทพ และอมนุษย์ ทั้งหลายขึ้น ซึ่งอิ่มทิพย์ ไม่ต้องหากิน แต่ก็นั่นแหละนะ พอไม่ต้องทำมาหากิน มันก็น่าเบื่ออีก ท่านก็เลยสร้างพระมนูขึ้นเป็นต้นกำเนิดของมนุษย์ทั้งหลาย โดยมีข้อแม้ว่าต้องหิวและต้องหากิน มีเกิดแล้วก็มีตาย แล้วก็สร้างสัตว์และพืชต่างๆ ขึ้นมาให้มนุษย์ได้กินได้ใช้ ทีนี้ก็ชักสนุก เพราะท่านก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ เวียนว่ายตายเกิด ท่านก็เลยหายเบื่อ แล้วพระวิษณุก็หายเบื่อไปด้วย เพราะเรื่องทะเลาะกันของเหล่าเทพกับอสูร และมนุษย์นี่เอง เป็นเรื่องราวสนุกสนานอย่างที่รู้ๆ กัน
เอ แล้วพระศรี หรือพระลักษมีมานั่งแป้นปรนนิบัติพระวิษณุอยู่ได้ยังไง อะ ทีแรกก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะพระศรีเกิดจากการกวนเกษียรสมุทร ซึ่งก็ต้องเกิดหลังจากที่เทวดาและยักษ์มีเรื่องกันแล้ว ก็นั่นแหละในฝันนั้นเอง พระวิษณุก็อยู่องค์เดียว ท่านเลยเอาพระศรีไปปรนนิบัติท่าน และเพื่อให้อวตารในภาครามาวตารสมบูรณ์นั่นเอง แล้วรู้กันหรือเปล่าว่าอนันตนาคราชไม่ได้นอนอยู่เฉยๆ นะ ยังอวตารมาเป็นพระลักษมณ์ น้องพระรามอีกด้วย
โห อารัมภบทยาวเหยียด ยังไม่เข้าเรื่องปลาอานนท์เลย คือว่าเมื่อศาสนาฮินดูเข้ามาในเขตแหลมทองนั้น ก็มีเข้ามาทั้งไศวนิกายและไวษณพนิกาย ไศวนิกายก็คงไม่มีอิทธิพลอะไรมากนักในพื้นที่แถบนี้ แต่ไวษณพนิกายที่นับถือพระวิษณุมีอิทธิพลมากกว่า ก็อย่างที่เห็นว่าเรื่องเล่าอวตารต่างๆ ของพระวิษณุมีมากมาย จนแม้กระทั่งบัดนี้ก็ยังมีเล่าเป็นเรื่องรามเกียรติกันอยู่
และด้วยเหตุที่แผ่นดินโลกในนิกายนี้ (แหะๆ ยังไม่ได้เล่าเรื่องกำเนิดโลกในไศวนิกายเลย) ตั้งอยู่บนพระพรหม ซึ่งประทับอยู่บนดอกบัว ที่ผุดจากพระนาภีของพระวิษณุ ที่บรรทมอยู่บนหลังอนันตนาคราชอีกที (เฮ้อ เหนื่อยเลย) อนันตนาคราชรับน้ำหนักมากสุด บางเวลาท่านเมื่อยขึ้นมา ก็เลยขยับตัว ก็เลยไหวไปด้วยกันทั้งหมด และทำให้แผ่นดินไหวนั่นเอง อิอิ
คนไทยเราขี้เกียจเรียกอะไรยาวๆ อนันตนาคราช เลยหดสั้นลงเป็นอานันต์ และมาเป็นอานนท์นั่นเอง เสียงอะในภาษาบาลีกลายเป็นเสียงโอะในภาษาไทย เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ที่จริงอันนี้ไม่น่าจะโทษคนไทย แต่น่าจะเป็นเพราะรับเสียงมาจากภาษาแขกในอินเดียใต้ ที่มาค้าขายกับไทย เหมือนกับที่ภาษายาวี ซึ่งคนไทยแถบสามจังหวัดชายแดนใต้ใช้อยู่ ก็เป็นสำเนียงหนึ่งของภาษามลายู แต่จะออกเสียงอะที่ลงท้ายเป็นเสียงเอาะ เช่น ฮารีรายา ก็ออกเสียงเป็นฮารีรายอ อับดุลละห์ ก็เพี้ยนเป็นอับดุลเลาะห์ ก็เช่นเดียวกัน บางสำเนียงของอินเดียใต้คงออกเสียงอะเป็นเสียงโอะ ไทยก็เลยรับเสียงโอะมาเสียอย่างนั้น
แล้วไหงจากนาคจึงกลายมาเป็นปลาเสียได้ ก็คงเพราะเล่ากันปากต่อปากมาเป็นร้อยๆ ปี จากงูเลยกลายมาเป็นปลา ก็มันน่าจะเป็นมากกว่านี่นะ ปลาอยู่ในมหาสมุทร ฟังดูเข้าท่ากว่างูเป็นไหนๆ คนไทยเราไม่ค่อยเห็นงูทะเล กินกันแต่ปลาทูอยู่ทะเล อิอิ
อืมม ก็อย่าเชื่อล่ะค่ะ เล่าให้ฟังสนุกๆ ใครอยากจะเล่าต่อให้พิสดารกว่านี้ก็ตามใจนะ อิอิ
Create Date : 23 ธันวาคม 2550 |
|
6 comments |
Last Update : 23 ธันวาคม 2550 20:03:43 น. |
Counter : 1144 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: พัฒน์ IP: 81.76.26.121 23 ธันวาคม 2550 21:21:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: รัตตมณี (kulratt ) 23 ธันวาคม 2550 22:05:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: k IP: 202.149.24.129 23 ธันวาคม 2550 22:31:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: Ninniko 23 ธันวาคม 2550 23:56:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: onishiwa 16 เมษายน 2551 22:44:19 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เพราะเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ เบ็ตว่าเราน่าจะรู้เรื่องพวกนี้ไว้บ้างก็ดีนะ อิอิ
ถึงแม้จะไม่มีประโยชน์ทางวิชาการเท่าไหร่แต่ก็ถือวามีเป็นเกร็ดความรู้ที่ดีทีเดียวนะเนี้ย
มาเล่าก่อนไปอ่านหนังสือสอบ พรุ้งนี้สอบแล้ว สู้ๆๆ