ไปเที่ยวต้องกำหนดconcept แต่ละทริป ทำให้เราได้ฝึกฝนวางแผนการเดินทาง ฝึกการเตรียมของที่ต้องพอดี ไม่ขาด เกินได้บ้าง แต่ต้องไม่ขาด
.....................................................................................................................
ลงบันทึกด้วยภาพถ่าย 6 ภาพก่อนเล่าเรื่องทริปยาวๆเป็นไง..............
ทริปบินเดี่ยว ขนมอไซค์ ขึ้นรถไฟ ไปเที่ยวเชียงใหม่ เที่ยวตามรอยพ่อ
เป็นทริปเที่ยวคนเดียวกะมอไซค์และกล้องถ่ายรูปที่ฟินมากกก ดีเกินคาดคิด
เดินทาง 19มค.-25มค.61 เมื่อต้นปีนี้เอง
ส่วนนี้จะเป็น"ข้อมูลวิธีการขนมอไซค์ขึ้นรถไฟแบบสบายใจ"
ลดโอกาสตกรถ ตู้เสบียงเต็ม รถไม่ถึง จะไปเที่ยวแล้ว ขอให้ราบรื่นตลอดทริปเด้อ
นกเคยขี่มอไซค์ขึ้นเหนือมา3รอบแล้ว เชียงใหม่ น่าน ขี่ไปคนเดียวทั้งไปและกลับ ลงใต้ไปพังงา ภูเก็ต ก็ไปคนเดียวมาแล้ว
มันก็สนุกดีนะ ขับไปเรื่อยๆ ถ่ายภาพ แวะปั๊มกินน้ำกินข้าว
แต่มันปวดคอ ปวดหลังล้าไปหมด พอขี่รถไปเส้นทางเดิมบ่อยๆมันเริ่มเบื่อกับทางตรงยาวๆแล้ว
เรี่ยวแรงมันหมดไปกับการขี่รถ มากกว่าถ่ายรูป หลายๆทริปขี่ไปแทบไม่หยิบกล้องถ่ายรูปเลย กลับมานึกเสียดาย ทำไมไม่หยิบมาถ่าย555+
เลยคิดว่าเปลี่ยนการเดินทางใหม่ดีกว่า เพื่อ"เก็บแรงเดินทางไกล เป็นแรงถ่ายรูปและแรงขับรถเล่นบนทางสวยๆบนดอยดีกว่า" เซฟรถ แถมเซฟสุขภาพคนอีก
ถ้าไปเช่ารถขี่มันก็ไม่อินเท่าเอารถเราไปเอง ไม่คุ้นมือ รถเช่าบางทีไม่มีใส่ของไม่มีแรคท้าย
เราเป็นพวกสายขน เน้นนอนกางเต็นท์ ของก็จะเยอะมาก เอารถเราไปเองสะดวกสุด เพราะมันทำมาเพื่อขนของเยอะๆได้มีทั้งกล่องท้าย เป๋าข้าง
แต่ไปทีก็ตอ้งให้คุ้มค่าขนส่งหน่อย สักอาทิตย์นึงเลย
พานุ้งนินจาขาวอวบไปเที่ยวถ่ายรูปเยอะๆเป็นความทรงจำที่ดี
อนาคตตอบไม่ได้ว่า จะเลิกขี่มะไหร่ อาจจะด้วยภาระเยอะ แก่ ป่วย หมดไฟก็เป็นได้....
เลยเลือกขนมอไซค์ไปเอง ไม่เช่ารถ เราจะได้มีรูปรถเราเก็บไว้เล่าเรื่องตอนแก่ได้อีก
และคิดไม่ผิดที่เดินทางด้วยวิธีนี้
............................................................
ข้อมูลขนรถมอไซค์ขึ้นรถไฟ
1.ขึ้นรถที่ต้นทาง"หัวลำโพง"เท่านั้น ย้ำเลยนะ ไปคิวแรกเลย เพราะรถตู้สัมภาระเต็มเร็วมาก
(ต้องโทรเชคการรถไฟก่อนว่า ขบวนไหนสามารถขนรถมอไซค์ไปด้วยได้)
2.ไปถึงสถานีก่อน 3 ชม.ไม่ว่าจะขาไปและขากลับ ทริปนี้รถออกบ่าย 3 (กทม-เชียงใหม่) นกไปถึงเที่ยงเป๊ะ มาคันแรกเลยยย ขบวนนี้มีมอไซค์ขนไป3คัน
-มี อย่ามาฮาR15/นินจา250/เวอรซีส650
3.เอกสาร ใช้สำเนาทะเบียนรถ + บัตรประชาชน+ตั๋วรถไฟของคน และเงินค่าระวางอีก 1140บ ราวๆนี้ แยกต่างหากกะตั๋วคน (ค่าน้ำชาอีก100-200)
แต่พอถึงเชียงใหม่ มีจนท.มาคุม เลยไม่ต้องทิปคนยกลง
ราคาจะคิดตามน้ำหนักรถ และ CC
Ninja250 หนัก170kg ค่าขน1140บ.
Versys650ที่ขนไปด้วย หนัก210kg.ค่าขนประมาณ 1400บ.
เขาให้จอดรถหน้าสถานี แล้วเข็นรถเข้ามาด้านใน จะมี จนท.ถือเชือกพร้อมขอค่าน้ำชานิดหน่อย ก่อนมาเตรียมแบงค์20แบงค์100ไว้เยอะๆ
4.คนต้องไปพร้อมกับรถขบวนเดียวกันดีที่สุด แต่ถ้าตู้เสบียงเต็ม คนไปก่อน รถตามไปทีหลัง
5.นกนั่งชั้น3ไป ซื้อตั๋วคนต่างหาก ไม่รวมกะค่ารถ ราคาตั๋ว270บ. แต่ขากลับนั่งชั้น2ตู้นอนมีแอร์ 600ก่าบ.
ทริปนี้ตัดสินใจไปใน3วัน ตัดสินใจเร็วมากเพราะจะไปดูอุโมงค์ดอกสีชมพูบานเต็มที่ช่วงนี้ที่ขุนวาง รีบไปเพราะเค้าโรยเร็วมาก
จองตั๋วตู้นอนขาไปไม่ทัน นั่งชั้น3ละกัน ยังไงขอให้ได้ไปก็พอ
แต่ขากลับต้องได้นอนตู้นอนเตียงล่างเท่านั้น รีบซื้อทันทีก่อน1อาทิตย์
เพราะตู้นอนเต็มเร็วมาก เตียงล่างของเขาดีจิง อยากให้ลอง อิอิ
6.พวกปี๊บกล่องหลัง ต้องถอดออกจากรถเก็บไว้กับตัว วางแผนใส่ของดีๆละกัน
7.ออกจากหัวลำโพงรอบ15.00 ถึงเชียงใหม่ตี5.00 พอดี นั่งชั้น3 นี่บันเทิงมากกก ของกินมีทุกสถานี อดนอนอีก วุ่นวาย เหม็นควันรถไฟควันบุหรี่ แต่วิวสวยนะฮ้าฟฟฟฟ ฟินเฟร่ออเวลาลมหนาวพัดมาโดนหนังหน้า
8.รถไม่เป็นรอยอะไรเลย โชคดีจัง อาจจะเพราะว่าเราไปดูตลอดตอนยกรถขึ้นมั้งนะ คือ ดุทุกกระบวนการตั้งแต่เข็นรถ จนยกใส่ตู้เสบียง ถ่ายvdoไว้อีก
9.ขนส่งมอไซค์มีอีกหลายทาง สอบถามมาหมดละ เช่น ส่งไปรษณีย์ ขนส่งรถเอกชน แต่ราคา2000++ เลือกไปรถไฟประหยัดสุด และอยากลองนั่งรถไฟไปเชียงใหม่ด้วย
10.ถ้าขี่รถทางไกลไปเองประหยัดกว่าค่ะ แต่มองระยะยาวเรื่องสุขภาพมันไม่คุ้ม กลัวแก่ไปหมอนรองกระดูกเสื่อมไว นี่ก็เป็นโรคลำไส้แปรปรวนอีก เพราะกินข้าวไม่ตรงเวลา ยิ่งเวลาขี่รถเที่ยว ชอบอดข้าว กินแต่น้ำ
แต่ถ้าทริประยะไม่เกิน400โล จะขี่ไปเอง แต่ถ้าเกิน700โล ต่อไปนี้ขอยกขึ้นรถไฟโลด
ขึ้นอยู่กับรถด้วย ถ้าขี่ทัวริ่งวิ่งรูทยาวๆได้สบาย แต่รถนกสายหมอบท่านั่งมันก้มขี่ไกลๆแล้วปวดต้นคอ ให้ถอยรถใหม่ก็ใช่เรื่อง เปลืองตังค์ รถหนักอีก ไม่ถูกใจสายจอด 555+ อยากลดให้เล็กลงด้วยซ้ำนะนี่
.....................................................
เส้นทางท่องเที่ยวบ้างนะคะ
กางเต็นท์นอนทุกวัน ไม่นอนโรงแรม ชอบนอนเต็นท์มันเข้าถึงธรรมชาติดี และใกล้กับที่เราอยากถ่ายรูปด้วย ประหยัดตังค์ค่าที่พักดีเชียว
เมื่อรถไฟถึงเชียงใหม่ตี5.00 ยกรถลง กินข้าวใน7-11 ขี่ขึ้นทางปายเลยตอนเช้า
วันแรก.....ขึ้นเส้นปาย-ไข่ต้มน้ำพุร้อน - ป่าสนวัดจันทร์(กางเต็นท์) -วัดเรย์แบนด์- ฝายวัดจันทร์
วันสอง......ดอยอินทนนท์-ขุนวาง ดูอุโมงค์ดอกไม้สีชมพู กางเต็นท์นอนขุนวาง
วันสาม.....เดินขึ้นกิ่วแม่ปาน กลับมานอนเต็นท์ขุนวางที่เดิม ดึกๆไปดูไร่ดอกไม้กลางคืน
วันสี่.......ขับเล่นบนดอยอินทนนท์-เที่ยวดูดอกไม้รองเท้านารี-โครงการหลวงดอยอินทนนท์-กางเต้นท์นอนดอยชัวร์ญ่า
-วันห้า......ขับลงดอยไปโครงการหลวงห้วยฮ่องไคร้ กางเต็นท์นอน(เป็นกรณีพิเศษ ปกติกางไม่ได้)
-วันหก......ไปแม่กำปอง ไปโครงการหลวงตีนตก-เขื่อนแม่กวง-วกกลับมาสถานีรถไฟเชียงใหม่ตอนบ่าย3 รถออก5โมงเย็น นอนรถไฟตู้นอน หลับยาวๆๆๆ
-วันเจ็ด......ถึงหัวลำโพง7.30 รับรถแล้วขี่ไปทำงานต่อได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น ฮ่าๆๆ
จบทริปแบบไม่เหนื่อยเลยค่ะ
คอนเสปต์ทริปนี้วางไว้ ไม่ให้ตัวเองเหนื่อยกับการขี่รถเลย
เก็บแรงขี่รถไกลๆมาเป็นแรงถ่ายรูป ขับรถชิวๆบนดอยดีกว่า
ส่วนตัวเป็นคนถ่ายรูปตามอารมณ์ ถ้าเหนื่อยหรือหงุดหงิดจะวางกล้องทันที ไม่ทงไม่ถ่ายอะไรแล่ววว
แต่ทริปนี้ได้รูปสวยเกินคาดเยอะมาก อารมณ์ดี เลยได้รูปสวยเยอะ
แถมได้สถานที่เที่ยวใหม่ๆ ของจ.เชียงใหม่ด้วย เช่น ป่าสนวัดจันทร์ ขุนวาง กับ ห้วยฮ่องไคร้ เป็นที่เที่ยวแบบ unseen จริงๆ
กลับมายังเพ้อจนจะหมดปีละ ปีหน้าต้องไปซ้ำอีกแน่นอน
เป็นทริปที่ Happy มากกกกกก
ได้ไปเก็บภาพโครงการของพ่อหลักๆได้ถึง7โครงการสวยๆทั้งนั้นน
1.ป่าสนวัดจันทร์

2.ฝายวัดจันทร์

3.ขุนวาง

4.ศูนย์ดอกกล้วยไม้รองเท้านารี

5.โครงการหลวงดอยอินทนนท์
ณ จุดเริ่มต้นโครงการหลวง

6.ห้วยฮ่องไคร้

7.เขื่อนแม่กวงธารา

Concept การเดินทางด้วย2ล้อ แต่ละคนต่างกัน
บ้างก็อยากขี่ชิวๆผ่อนคลายความเครียด
บ้างก็อยากลองรถ
บ้างก็แค่อยากขี่ไปถึงแล้วนอน
บ้างก็ขี่ไปหาของกินอร่อย
บ้างก็เก็บระยะไมล์
แต่Conceptของเรานั้น คืือ เพื่อไปถ่ายรูปในสถานที่ที่อยากไป
ได้เห็นอะไรข้างทางได้เยอะ