Welcome to My World ...จากเมืองนอก..สู่บ้านนา ลั้ลลาสุดๆ

ปีเดือนเคลื่อนคล้อย...และแล้วหนูน้อย... ก็ได้ปลดแอก Oh Yes!!! You did it!!!

อ่านหัวเรื่อง อาจจะสงสัยกัน ว่ามันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรน้า... เพราะโทนเสียงมันเหมือนมีกลิ่นน้ำเน่าจากเรื่องครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ฮ่าๆ ถ้าหวังจะอ่านเรื่องพรรค์นั้น จากเว็บของเรา เห็นจะเป็นเรื่องยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร... ฝนทั่งให้เป็นเข็ม และอะไรอีกหลายๆ อย่างที่สื่อความหมายไปในทางว่า "ยาก" จนกระทั่งมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะสำเร็จ ... และแล้ว เราก็ออกอ่าว ออกทะเลไปจนได้ แหะๆๆๆ ... มาเริ่มเรื่องกันดีกว่า ... เรื่องราวมีอยู่ว่า...

หนูน้อยหน้ามนคนขยัน บากบั่นข้ามน้ำ ข้ามทะเล มาอยู่เกาะ... เกาะที่หนูน้อยคนนี้มาอยู่เป็นเกาะประหลาด เพราะเป็นแค่เกาะเล็กๆ แต่มีตั้งสามประเทศรวมกัน ... ประเทศที่หนูน้อยมาอยู่เป็นส่วนบนของเกาะ ที่คนทั่วไปยอมรับถึงความหินของสำเนียง หนูน้อยมาร่ำเรียนฝึกปรือวิชา ย้ายไปมา เป็นศิษย์สองสำนัก ฝึกวิทยายุทธทางด้านการนำปัญญาประดิษฐ์ไปใช้ทางการศึกษา ปีแล้วปีเล่า ... หนูน้อยก็ยังวนเวียนอยู่ในเกาะเล็กๆ

 ปีที่หนึ่งสดใส ฮึกเหิม อยากยึดครองโลก... อยากทำทุกอย่าง...

 ปีที่สองเริ่มสับสน วนเวียน... ฉันมาทำอะไรที่นี่ .. อยากกลับบ้าน (ท่านผู้อ่านเคยเป็นรึเปล่า ไอ้อาการที่ว่า... กลับตัวก็ไม่ได้... ให้ไปต่อไป คงไปไม่ถึง...อันนี้เลยแหละ)

 ปีที่สาม...ก็ยังงงๆ ปนเครียด เพราะไม่มั่นใจในสิ่งที่ทำ แต่เวลาเริ่มงวดเข้ามาทุกทีๆ

 ปีที่สี่ ... ยังไม่มั่นใจอยู่ดี ว่าสิ่งที่เราทำ มันจะดีจริงเหรอ มันเจ๋งเหรอ... สุดท้าย ก็ถามตัวเองในใจ ... ทำทำไมวะเนี่ยะ (เวอร์ชั่นสุภาพน้อย)

 พอขึ้นปีห้า...(หลายคนสงสัย...ว่ามันไม่ได้จบทุกอย่างที่สี่ปีเหรอ... นั่นคือความเชื่อ...แต่ความจริง หลายอย่างมีข้อยกเว้น) ความไม่มั่นคงทางจิตใจ และความหวั่นไหวมาเยือนเป็นระลอก... ไม่อยากติดต่อกับโลกภายนอก เพราะเบื่อต้องตอบคำตอบที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน... คำถามต้องห้ามสำหรับคนวัยนี้คือ เมื่อไหร่จะจบ (ถือว่าไม่สุภาพอย่างแรงมาก ถึงแรงที่สุด)

มาเรียนหนังสือ ใครๆ เค้าก็หวังจะจบกันทั้งนั้นแหละ... แต่มันไม่รู้จริงๆ ไม่ใช่เค้าอมพะนำนะ มันเป็นเรื่องของผลบุญที่แต่ละคนทำมา... แต่ละคนก็พบเจอเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป ไม่สามารถบอกได้ว่า ทำไมคนนี้ใช้เวลาแค่นี้ก็จบ ทำไมอีกคนใช้ตั้งนาน... เงื่อนไขมันไม่เหมือนกัน ตัวแปรต่างๆ ก็หลากหลาย... เราเข้าใจเลยว่า นี่เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่บอกกล่าวกันไม่ได้เลย มันไม่เห็นภาพ ต้องลองเอง ถึงจะรู้ซึ้ง... นะคะพี่น้อง (ตอนนี้กลับบ้านไป ก็ต้องเข้าร้านทำสีผมเป็นอย่างแรก เพื่อย้อมดำ อิอิ... อ๊ะ ล้อเล่น)

หลังจากฝ่าฟันอุปสรรคมาเป็นเวลาเกือบสี่ปีกับอีกหกเดือนเต็ม เราก็ได้เข้ามีโอกาสเข้าไปแสดงวิทยายุทธที่เราได้ฝึกปรือมาเป็นเวลาเนิ่นนาน... วันนี้ ถือว่าเป็นวันดีของเรา วันพุธแต่งดำ ห้ามชมพู (ไม่เชื่ออย่าลบหลู่) เกือบดำทั้งตัวแล้ว ดีที่เสื้อข้างในขาวฟ้า เลยทำให้มองเห็นหน้าเราได้บ้างอะนะ... กรรมการภายใน เพิ่งกลับมาจากการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ หน้าตาผ่องมาเชียว...โอ้ แค่ได้ฟังก็ใจชื้นแล้ว ส่วนกรรมการภายนอกก็หน้าตาใจดีกว่าในเว็บไซต์ที่เคยแว๊บเข้าไปดู บรรยากาศผ่อนคลายกว่าที่คิด

แต่ก่อนที่จะมาถึงบรรยากาศอันแสนจะผ่อนคลายนี้... เราก็เครียดกับการเตรียมตอบคำถาม ที่ไม่รู้ว่าเค้าจะยิงอะไรมาบ้าง... แล้วงานเราก็เล่มโคตะระใหญ่เลย (สามร้อยหน้า (80000 words) แบบว่าใช้ฟอนต์ขนาดสิบเอ็ดเพื่อลดความหนาของตัวเล่ม...ลดความน่าเกรงขาม) สมองก็ยิ่งรอยหยักน้อยๆ อยู่... อ่านไปแว๊บก็ลืม ได้หน้าลืมหลัง (อันนี้อย่าคิดลึก นะตัวเอง) เตรียมคำตอบไป ก็กว่าจะลงตัว ... เตรียมจนหยดสุดท้ายนั่นแหละ

Mock viva ครั้งแรก กับคุณครู โอ๊ย ... อยากร้องไห้ รู้สึกว่าตัวเองยังไม่รู้อะไรเลย ... แถมเหลือเวลาจากวันที่ซ้อมใหญ่แค่สี่วันสำหรับเตรียมตัว ... อะไรก็ยังไม่รู้ อะไรก็ตอบไม่ได้ ไม่แม่นซักอย่าง ... แต่ดั่งเทพบันดาล...ทุกอย่างก็เรียงลำดับเข้ามาอย่างลื่นไหล เหมือนกับถูกกำหนดไว้แล้ว... ภายในเวลาสี่วันที่เหลือ ความพร้อมและความมั่นใจในสิ่งที่ทำถูกเสริมโดยลำดับ.. แล้วก่อนหน้าสอบหนึ่งวัน ก็นัดเจอกับคุณครูเพื่อพูดคุย... วันนั้นเราพูดคุยแบบแลกเปลี่ยนความคิดกันจริงๆ ในเรื่องวิชาการ ไม่เหมือนการถามตอบแบบที่ต้องเกร็ง... ทั้งเราและครูต่างก็พอใจในสิ่งที่คุยกัน เพราะเป็นการตอบคำถามเสริมความเชื่อว่า การสอบในวันรุ่งขึ้นไม่น่าจะเป็นปัญหา ถ้าเราตอบคำถามได้แบบที่เราตอบคุณครูของเรา

คุณครูก็ปลอบใจได้น่ารักนะ เค้าบอกว่า โดยทั่วไปแล้ว กรรมการเค้าไม่ค่อยอยากให้เราตกเท่าไหร่หรอก เค้าอยากให้ผ่าน คำถามส่วนใหญ่ก็จะพยายามให้เราอธิบาย โต้แย้ง ... แต่มีเหมือนกันนะ วิธีที่ทำให้สอบตกแบบตกจริงจังเลยเนี่ยะ ....แล้วเราก็คุยกันเรื่องตอบคำถามยังไง ให้สอบตก ฮ่าๆ เราก็เลยได้แนวทาง ว่าต้องไม่ตอบแบบนั้น ถ้าไม่อยากสอบตก

ก่อนถึงเวลาสอบ ก็ได้เวลาตื่นเต้นอีกรอบ เพราะปัญหาทางด้านเทคนิคของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะใช้นำเสนอสไลด์ สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี... ผ่านไปได้ไม่นาน ปัญหาใหม่ก็เข้ามาอีก คือ เซ็ตเครื่องเรียบร้อยจนมั่นใจ กรรมการดำเนินการสอบ ก็ไปเชิญกรรมการสอบทั้งสองคนเข้ามา... ปรากฏว่า จู่ๆ หน้าจอที่เซ็ตไว้ ก็ดำมืด ... โอ้แม่เจ้า ... เค้าคงต้องการให้เราได้มีเวลาส่งสายตาปิ๊งๆ ให้กรรมการมั้ง ... สุดท้าย ก็แก้ไขปัญหาผ่านไปด้วยดี เราเลยเริ่มการนำเสนอ

เนื่องจากกรรมการกำหนดว่า ต้องการให้นำเสนอประมาณ 10 นาที เราเลยเตรียมเนื้อหาไปให้เหมาะกับเวลา เราคิดว่าใช้เวลาไป ไม่น่าจะเกินยี่สิบนาที ก็เริ่มเข้าสู่การตอบคำถาม... ไอ้เราก็ดันลืมเอาปากกาออกมาด้วย ... เลยทำเนียน ขออนุญาตกรรมการหยิบปากกา ... กรรมการน่ารักมาก พูดปลอบใจว่า ประมาณสร้างบรรยากาศความเป็นกันเอง ลดความประหม่า... เพื่อจะให้ได้ผลการพูดคุยที่มีประสิทธิภาพ... ไอ้เราก็คนใจง่ายอ่ะนะ บรรยากาศก็เลยค่อนข้างจะเป็นกันเอง เราก็ตอบแบบไม่เกร็ง เค้าก็ถามไหลลื่นไปเรื่อยๆ

คำถามแรกเลย ก็คือ มีความเป็นมายังไง เราถึงวิจัยเรื่องนี้ (เอาไว้คุยกันนอกรอบอ่ะนะ เพราะถ้าเล่า...มันจะเล่ายาว เบื่อกันเปล่าๆ) แล้วก็ต่อเนื่องด้วย งานใครที่คล้ายเราที่สุด แล้วต่างกันตรงไหน (อันนี้ก็ตอบยาวอีกเช่นกัน) จากนั้น ตาเราก็เหลือบไปเห็น post it แผ่นสีเหลืองที่เค้าแปะไว้ที่หน้าต่างๆ เราประมาณว่า น่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบแผ่น ประกอบกับเพิ่งคุยกับรุ่นพี่มา เค้าบอกว่ากรรมการบางคน ก็เปิดถามเป็นหน้าเลย... อันนี้เจ้าขาว (สมุนชินจัง) ก็เหงื่อตกสิครับท่าน

ถามไปเรื่อยๆ เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ แต่รู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านไปแว๊บๆ คำถามที่ทำให้เสียความมั่นใจคือ ทฤษฏี Socio-constructivist เกี่ยวกับ Piaget (อันนี้จำแม่นเลย) เราตอบได้เหมือนพายเรืออยู่ในอ่างมั่กๆ แต่ก็ช่างมันวะ อยากยากนัก ตอบไม่ได้ซะเลย หึๆๆๆ ส่วนคำถามอื่นๆ ก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นคล้ายๆ พูดคุยกันธรรมดาเกี่ยวกับสิ่งที่เราทำ ... ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้น ... ทำเองกับมือ กลัวอะไร ใช่ปะ

และแล้วเวลาช่วงสุดท้ายก็มาถึง กรรมการก็ถามกันว่ามีอะไรจะถามเราอีกมั้ย ... จากนั้น ก็ถามเรา ว่ามีอะไรจะบอกเค้าอีกมั้ย...ประมาณว่าอะไรที่อยากบอก แล้วยังไม่ได้บอก ประมาณนั้นอ่ะนะ ... เราก็เลยทำตัวประหนึ่งดารา ฝากหนังที่ตัวแสดง... อ๊ะ ไม่ใช่ เราก็เลยบอกแนวคิดเกี่ยวกับแผนในการพัฒนางานของเราต่อไปในอนาคต โดยเสนอคอนเซปต์ง่ายๆ ของ anywhere, anytime, any subject GOLeM (Group Open Learner Model) ไอเดียกระฉูด... แค่โครงการนี้ ก็น่าจะได้สิบปีแหละนะ แหะๆๆๆ กรรมการก็เห็นดีเห็นงาม เออออห่อหมกไปกับเราด้วย... จากนั้น กรรมการดำเนินรายการก็หันมาบอกให้เราออกไปพักผ่อน เราก็เดินเอ๋อๆ ออกไป คิดว่าเค้าอาจจะเรียกกลับมาอีกครั้งเพื่อถามต่อ เพราะถ้าไม่นับเวลาบาดเจ็บของเครื่อง ก็ผ่านไปแค่ชั่วโมงนิดๆ ซักพักนึงได้ เราก็ได้กลับเข้าสู่ห้องสอบอีกครั้ง ... พร้อมกับรับคำประกาศอิสรภาพ... 'Congratulations!!! you pass the exam...' และแล้ว ก็ถึงเวลาปลดแอกซะที ...




 

Create Date : 17 เมษายน 2551
0 comments
Last Update : 26 พฤษภาคม 2563 12:56:58 น.
Counter : 1515 Pageviews.


I_am_Nin
Location :
กาญจนบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีค่ะ ท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน... ทางเว็บของเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้อนรับทุกท่านเข้าสู่บล็อกแห่งนี้...

โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่มีอุปนิสัยสนุกสนานร่าเริง รักการอ่านทุกประเภท ชอบท่องเที่ยว (ไม่รักสัตว์ ไม่รักเด็ก เพราะไม่คิดจะเป็นนางงาม อิอิ)... ส่วนใหญ่ก็ไปเที่ยวตามแต่กำลังทรัพย์ ชอบเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติต่างๆ ปัจจุบันตอนนี้มีความสนใจและความชอบเพิ่มขึ้น ตามวงปีที่ได้เรียนรู้โลกที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ ซีรีส์ วาไรตี้ และนักร้องเกาหลี (เข้าสู่วงการเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว และบัดนี้ก็ยังไม่ได้ออกมา ...ก็อย่างที่เค้าบอก ว่าวงการนี้เข้าง่าย แต่ออกยาก)

... หน้าที่การงานตอนนี้ ก็หลบเลี่ยงจากความวุ่นวายของเมืองกรุงฯ มาทำงานอยู่ในจังหวัดใกล้ๆ ที่ขับรถ 2-3 ชั่วโมงก็มาถึงแล้ว (อยู่ที่ว่าจะมาเส้นไหน ขับรถเร็วมั้ย และติดไฟแดงเยอะรึเปล่า) มีสโลแกนของจังหวัดว่า 'แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์' หลังจากที่เรียนจบมานานจากเกาะอันไกลโพ้น
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
17 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add I_am_Nin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.