พันท้ายนรสิงห์ เดิมชื่อสิงห์ ชอบเป็นนักมวยมาก ว่องไวคล่องแคล่ว ยากหาผู้ใดเสมอเหมือน ความนี้รู้ถึงพระกรรณของพระเจ้าเสือ พระองค์จึงปลอมเป็นชาวบ้านเพื่อต้องการมาปะลองมวยกับนายสิงห์ ผลคือเสมอกัน พระเจ้าเสือชื่นชอบเป็นที่สุด มีรับสั่งให้รับนายสิงห์เข้ารับราชการและโปรดแต่งตั้งเป็นราชองครักษ์
ปีพ.ศ. 2247 สมเด็จพระเจ้าเสือ เสด็จโดยเรือพระที่นั่งเอกชัย เพื่อประพาสทางชลมาร์ค ชอบทรงเบ็ด ที่ ปากน้ำ เมืองสาครบุรี คือจังหวัดสมุทรสาครในปัจจุบัน เมื่อเรือพระที่นั่งถึงตำบลโคกขามซึ่งเป็นคลองคดเคี้ยวและมีกระแสน้ำเชี่ยวกราก พันท้ายนรสิงห์ ซึ่งถือท้ายเรือ พระที่นั่งมิสามารถคัดแก้ไขได้ทัน โขนเรือพระที่นั่งกระทบกับกิ่งไม้หักตกลงไปในน้ำ พันท้ายนรสิงห์จึงได้ขึ้นฝั่งทันที แล้ว กราบทูลขอให้ทรงลงพระอาญา ตามพระกำหนดถึงสามครั้งด้วยกัน เนื่องจากในสองครั้งแรก สมเด็จพระเจ้าเสือทรง พระราชทานอภัยโทษ เพราะเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุ สุดวิสัย โดยให้สร้างรูปปั้นแทนแล้วประหารรูปปั้นนั้น เนื่องจากทรงรักใคร่เอ็นดูพันท้ายนรสิงห์อย่างมาก แต่พันท้ายนรสิงห์ก็อ้อนวอนขอให้ทรงลงอาญาประหารชีวิตตนเป็นครั้งที่ 3 พระเจ้าเสือจึงมีรับสั่งประหารและให้สร้างศาลเพียงตาเป็นศาลไม้ขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายศาลไม้ในสมัยปัจจุบัน หลังคามุงกระเบื้องดินเผาหางมน พื้นศาลเป็นไม้ยกชั้น 2 ชั้น มีเสารองรับ 6 เสา ฝาไม้ลูกประกนขนาดเล็ก
แล้วทรงพระราชดำริว่าคลองโคกขามคดเคี้ยวนักไม่สะดวกต่อการเดินเรือ บางครั้งชาวเมืองต้องเดินเรืออ้อมเป็นที่ลำบากยิ่ง สมควรจะขุดลัดตัดตรง เมื่อขุดเสร็จจึงได้รับพระราชทานนามว่า "คลองสนามไชย" ต่อมาเปลี่ยนเป็น "คลองมหาชัย"ทั้งนี้เพื่อเป็นการรำลึกถึงพันท้ายนรสิงห์ข้าหลวงเดิมซึ่งเป็นคนซื่อสัตย์ มั่นคง ยอมเสียสละชีวิตโดยไม่ยอมเสียพระราชประเพณี กรมศิลปากรได้ดำเนินการจัดสร้างศาลพันท้ายนรสิงห์ขึ้น อยู่ถัดจากศาลเก่าที่พังลงไม่มากนัก โดยกันอาณาบริเวณรอบๆ ศาลไว้
พบกันคราวหน้าสวัสดีค่ะ