ตัวของเรา สไตล์ของเรา ทำไมต้องเหมือนใคร
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
18 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 

เข้าใจความหมายของคำว่าโอตาคุที่ถูกต้องแล้ว

อ่านจากหลายที่ แล้วก็งงอยู่หลายตลบ ว่าโอตาคุเนี่ยมันคือคนแบบไหนกันแน่
สุดท้ายก็เจอข้อมูลที่ยืนยันได้ซะทีว่ามันหมายความว่ายังไง...

โล่งอกไปที...พ้นข้อหาแล้ว
แอบกลัวว่าจะเข้าข่ายอยู่เหมือนกันครับ (ฮ่าๆๆๆ)
เพราะว่าโอตาคุเนี่ยมันเป็นกลุ่มคนที่คนญี่ปุ่นเองก็ไม่ค่อยจะชอบกันสักเท่าไหร่
มีอิมเมจเป็นด้านลบแบบเต็มๆ เลย....ผมไม่อยากถูกมองว่าเป็นโอตาคุหรอกนะ
ครับ ผมแปลกใจด้วยซ้ำที่ได้ยินว่ามีคนไทยไม่น้อยที่นิยมโอตาคุ อาจเพราะไม่
เข้าใจว่าที่จริงแล้วโอตาคุคืออะไรกันแน่

ผมมองตัวเองว่าไม่ใช่โอตาคุนะ ผมยังห่างไกลจากโอตาคุอยู่มาก แต่พอมาอ่าน
จากหลายที่ทีแรกก็รู้สึกเหมือนกับว่าถ้าแค่ชอบอนิเมก็จะเป็นโอตาคุแล้ว ทำเอา
เขวไปบ้างเหมือนกัน....

จากข้อมูลที่ได้มาในช่วงแรก ผมมีลักษณะตรงกับโอตาคุอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
เช่น ไม่สนใจแฟชั่น ไม่แต่งตัว ชอบเสื้อผ้าที่มีกระเป๋าเยอะ ชอบของที่เกี่ยวกับ
ทหาร ชอบอยู่บ้าน(แต่ผมไม่ได้เก็บตัว) สนใจเกม การ์ตูนและอนิเม เป็นต้น แต่
ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ไม่ตรงครับ

แต่ว่าผมก็แค่ชอบดูอนิเมเอาสนุกเท่านั้น ไม่ได้ถึงกับคลั่งไคล้อย่างที่เคยเห็น
พวกโอตาคุ (ญี่ปุ่นแท้ๆ) เป็นกัน....ผมชอบอนิเมอยากจะทำอนิเมของตัวเอง
แต่ก็ไม่ได้ทำแนวที่เหล่าโอตาคุฮิตกัน แล้วแบบนี้ถือว่าเป็นด้วยเหรอ?

สุดท้ายจึงได้ข้อสรุปจากข้อความของคุณ 4จุด (ขออภัยถ้าพิมพ์ชื่อผิดครับ) ใน
พันทิพนี่เองครับทำให้ผมเข้าใจได้อย่างชัดเจนเลยว่าที่ผมเข้าใจอยู่ตั้งแต่แรก
นั้นมันถูกต้องแล้ว....ผมยังห่างไกลกับโอตาคุอยู่มาก



แล้วโอตาคุจริงๆ มันเป็นยังไงล่ะ....ประเด็นก็อยู่ที่ข้อมูลตรงนี้แหละครับ ลองดู
กันครับ

ขออนุญาตคัดลอกข้อความบางส่วนมานะครับ...จากข้อความของคุณ 4จุด ที่ได้
ตอบไว้ในพันทิพ ถึงกระทู้จะไม่ใหม่แต่ก็ต้องขอบคุณสำหรับข้อมูลนี้จริงๆ ครับ

โอตาคุไม่จำเป็นต้องไม่ทำงาน(ไม่ทำ งานคือ NEET อะถูกแล้ว) แต่ที่ทำงาน
ดันเข้ากับสังคมคนส่วนใหญ่ไม่ได้ คุยกับใครก็ไม่รู้เรื่อง จะเรียกว่าเพราะงาน
อดิเรกไม่ตรงกับใครไหม คงไม่ใช่ แต่เป็นว่า แยกแยะกาลเทศะ หรือมีปฎิสัมพันธ์
กับคนอื่นกันไม่เป็นมากกว่า เช่นเขาคุยเรื่องตีกอล์ฟ ว่าสนามไหนน่าสน ที่ไหน
แค๊ดดี้สวย คุณก็โพล่งไปว่า ผมตีปังย่าได้บ่อยๆนะเก่งมาก หรือคุยกันเรื่อง
สงครามอ่าวเปอร์เซียร์ คุณดันพูดถึงสงคราม1ปีของซีออนกับสหพันธ์ การที่มอง
สภาพการณ์ไม่ออก ไม่ดูอารมณ์ฝั่งตรงข้าม ลากเข้าหัวข้อที่ตัวเองสนใจฝ่ายเดียว
โดยไม่สนว่าเขาสนใจด้วยไหม แบบนี้แหละครับที่ผมเรียกว่าโอตาคุ

ถ้าถาม เจ้าของบ.อนิเมะ ผู้ผลิตฟิกเกอร์ เขาก็ต้องบอกโอตา่คุนั้นไม่เลวร้าย
หรอก ดีซะอีก ชอบมากๆ ก็ซื้อเยอเะๆ กำไรเยอะ โอตาคุคือลูกค้าเขานี่นา เขา
จะพูดในแง่ร้ายทำไม ถ้าถามเจ้าตัวโอตาคุเอง เขาก็ต้องบอกว่าแค่ชอบงาน
อดิเรกที่คนอื่นไม่ชอบเท่านั้นเอง อย่ากีดกัน แต่ถ้าลองถามสื่อหรือคนญี่ปุ่น
ส่วนใหญ่ล่ะ? เขาคิดแบบคนไทยหรือเปล่า? จากประสบการณ์ตรงถ้าพูดถึง
เรื่องนี้ เขาจะยี้ทันที แม้ว่าคนพูดจะอ่านการ์ตูนซื้อฟิกเกอร์บ้างก็ตาม แต่เขา
บอกว่า โอตาคุมันมากเกินกว่าปกติไปแล้ว คนธรรมดา ดูหนังการ์ตูน อ่านการ์ตูน
ซื้อฟิกเกอร์ กันบ้างไม่แปลก แต่ก็ไม่ได้คลั่งหรือหมกมุ่นขนาดโอตาคุ


แล้วถ้าใครไม่เคยเห็นโอตาคุ (ญี่ปุ่นแท้) ที่เป็นเอามากก็ลองดูครับ บางอย่างมัน
ก็เกินไปจริงๆ ผมเป็นผู้ชายแท้ๆ เห็นแล้วยังกลัวแทนผู้หญิงเลย

ภาพจากเน็ตครับ














โอตาคุไม่ได้เป็นแบบนี้ทั้งหมดหรอกครับ ที่ไม่เป็นก็มี (เท่าที่ผมเห็นนะ) แต่
รูปที่เอามาให้เห็นนี่คือพวกที่ผมเห็นว่าพวกเขาเป็นเอามากจริงๆ

สำหรับคนญี่ปุ่นแล้วโอตาคุไม่ใช่อะไรที่ดี เป็นศัพท์ใช้เรียกที่มีอิมเมจในด้านลบ
และไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม ไม่ได้หมายความว่าแฟนการ์ตูน แฟนพันธุ์แท้หรือ
ผู้รอบรู้แต่อย่างใด เราคนไทยที่รับเอาคำศัพท์นี้มาใช้ก็ควรจะรู้จักและทำความ
เข้าใจกับศัพท์คำนั้นก่อนที่จะเอาไปใช้กันครับ เพราะถ้าเราเอาไปใช้กันอย่างผิดๆ
เมื่อคนญี่ปุ่นได้ยินว่าคุณเป็นโอตาคุละก็เขาจะเห็นภาพแบบที่ผมให้ดูไปนี่แหละ
ครับ ไม่ได้เห็นภาพของพระเอกเรื่อง Densha Otoko แต่อย่างใด และมันก็ไม่ได้
ดูตลกอย่าง Lucky Star ด้วย (ถึงบางคนจะดูตลกๆ แบบนั้นก็เถอะ) เพราะอิมเมจ
ของคำว่าโอตาคุมันเป็นด้านลบเอามากๆ นั่นเอง

สำหรับผม ผมสบายใจไปเลยครับที่เห็นข้อมูลของคุณ 4จุด ที่ช่วยให้ยืนยันได้ว่า
ผมยังไม่เข้าข่ายที่จะเป็นหรือจะถูกมองว่าเป็นโอตาคุ

แล้วแล้วคุณล่ะ เมื่อรู้เห็นแบบนี้แล้วยังจะอยากเป็นโอตาคุกันอยู่อีกหรือเปล่า?




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2553
7 comments
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2553 9:11:28 น.
Counter : 7561 Pageviews.

 

หายากนะครับ คนไทยที่จะเป็นแบบนั้นจริงๆ

เพราะว่ามันเกินไปจริงๆ -_-lll

 

โดย: Zen IP: 192.168.8.6, 124.121.252.129 18 พฤศจิกายน 2553 5:27:11 น.  

 

เวลาเขาถ่ายรูปนี่
น่าหยองมาก

 

โดย: aaaa IP: 180.180.57.146 18 พฤศจิกายน 2553 9:53:45 น.  

 

อันที่จริงผมก็อ่านมาหลายที่เหมือนกันครับฟังแล้วไม่คอยสบอารมณ์ซะเท่าไร ประเทศไทยไม่มีไครทำแบบนี้หลอกครับ

อนึ่ง ผมเองชอบ ดู Anime มากๆ ที่ชอบก็เพราะมีสาระดีครับไม่ได้ไรสาระเหมือนละครไทยหลังข่าวสอดแสกขติสอนใจมากมายได้รู้อะไรหลายๆอย่างที่ยังไม่เคยรู้ แต่ละครไทรหลังข่าวทุกเรื่อง แย่งสมบัต/แย่งผู้ชาย/พูดจาหยาบคาย/ใช้ความรุนแรง -_-"

ยกตัวอย่างเช่น Ainme เรื่อง CLANNAD และ Angel Beats ไครที่ดูแล้วบอกว่าไรสาระ ผมว่าไม่ใช่คนเลยนะครับ Anime หลายๆเรื่องดูแล้วจากคนไม่ดี กลับตัวใหม่ก็มามากครับ นี้เป็นเหตผลที่ผมชอบ Anime ไครที่ไม่เคยดู2เรื่องนี้ถ้าว่างก็ลองๆไปดูนะครับ แล้วจะเขาใจว่าคนชอบ Anime ไม่จำเป็นต้องเป็นโอตาคุ เสมอไปครับ

จริงอยู่ผมเก็บตัวและไม่คอยคบไคร เพราะระบบงานที่ผมทำมันเชือใจไครไม่ได้แทงกันข้างหลังเห็นๆแต่ละสายตานิดเดียวก็เลยแค่คุยเรืองงานเลิกงานก็ทางไครทางมันผมไม่รู้จักคุณ

ผมไม่เคยทำให้ไครเดือดร้อนไม่เคยขอเงินไครใช้ มานานก่อนที่จะชอบ Anime ครับ

ปล.คนชอบ Anime ถึงจะเก็บตัวอยู่บ่างแต่ก็ไม่ใช้ โอตาคุนะครับ ไครที่ชอบ Anime แล้วไปอ่านบทความจากหลายๆที่ ก็อย่าไปตื่นตูมครับ เป็นแบบที่เราเป็นอยู่นะดีแล้วครับ ไม่ตามแฟชั้นก็ไม่เปืองเงิน อยู่บ้านดู Anime ก็ไม้ได้ดูดบุหรี้ สร้างความรำคาณให้ไคร และไม่ได้ ดื่มเหล้าเมาเหมือน DOG สร้างความเดือนร้อนแบบควมบ้าสังคมครับ การมีเพือนมากๆมันก็ต้อง ดูดบุหรี่ดื่มเหล้า ไม่งันจะมีสังคมได้ไงครับพอเมาได้ที่ก็เอาไปต่อที่ไหนกันดี นวดดีมัย? หรือจะไป ..... ดีละ นี้คืออาการของคนที่มีสังคมมากครับ เห็นมีแต่สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านไปวันๆ

 

โดย: cloveronline IP: 192.168.2.33, 58.9.80.18 4 กุมภาพันธ์ 2554 5:38:26 น.  

 

[จริงอยู่ผมเก็บตัวและไม่คอยคบไคร เพราะระบบงานที่ผมทำมันเชือใจไครไม่ได้"แทงกันข้างหลังเห็นๆ"แต่ละสายตานิดเดียวก็เลยแค่คุยเรืองงานเลิกงานก็ทางไครทางมันผมไม่รู้จักคุณ]
โคตรชอบเลยครับ มาพูดแค่นี้แล่ะ

 

โดย: เด็กเกรียน(แต่ผมตัดรองทรงนะ) IP: 125.27.83.141 1 มกราคม 2556 19:58:47 น.  

 

คุณ cloveronline พูดถูกนะ
ผมเองก็ดู anime อ่าน manga ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นโอตาคุเสมอไป
ที่ผมชอบดู anime หรือ manga เนี่ย เพราะผมชอบเนื้อเรื่องที่เขาเขียนขึ้นมาแค่นั้นเอง

 

โดย: niruch IP: 124.122.135.70 29 มีนาคม 2556 16:59:58 น.  

 

อืม ก่อนอื่นต้องขอ ขอบคุน Blog นี้อย่างแรงเลย คำว่า โอตาคุ เนี่ยในประเทศญี่ปุ่นมีความหมายที่ไม่ค่อยดีพอสมควร แต่ก็ก็ควรระลึกไว้อย่างหนึง คนเรามันมีกันหลายแบบ โอตาคุก็เช่นเดียวกัน โอตาคุไม่ได้เปนอย่างที่พวกเราคิดเสมอไป ผมเคยไปญี่ปุ่นแล้วเจอ โอตาคุคนหนึง(ถ้าคุณได้ไปญี่ปุ่นคุนจะแยกออกได้ในทันทีว่าไครเปนโอตาคุ) ผมลองได้ไปพูดคุยกับเค้าดู ก็ปรากฎว่าเค้าก็เปนคนธรรมดาเหมือนกับเรา ต่างกับที่ผมคิดไว้มาก เพียงแต่ว่าเวลาที่คุณคุยเรื่องเกี่ยวกับอนิเมะหรือเกมส์เนี่ย เค้าจะดูมีความสุขมากขึ่นมาในทันที ก็เหมือนกับเราเวลาคุยในสิ่งที่ตัวเองชอบอะแหละ มันไม่ต่างกันเลย ผมยกตัวอย่างอนิเมะเรื่องหนึงที่สร้างขึ่นมาเพื่องเปลี่ยนแปลงทัศนะคติเกี่ยวกับโอตาคุ เรื่อง ore no imouto ga konna ni kawaii wake ga nai ถ้าคุณไดัดูอนิเมะเรื่องนี้ คุณก็อาจจtเปลี่ยนแปลงทัศนะคติเกี่ยวกับพวกโอตาคุก็ได้ ^^

 

โดย: Windy wolf IP: 118.175.159.1 4 สิงหาคม 2556 23:26:40 น.  

 

สวัสดีครับคุณ Windy wolf
ขอบคุณที่มาแชร์ข้อมูลกันครับ

ส่วนตัวผมแล้วผมไม่ได้อคติกับโอตาคุหรอกครับ โอตาคุเองก็มีหลายระดับ แล้วปัจจุบันโอตาคุก็ไม่ได้มีความหมายที่แรงเท่ากับเมื่อก่อน ตอนนี้บางครั้งคนที่เป็น "แฟนพันธ์แท้" ก็โดนเรียกว่าโอตาคุไปด้วยครับ แบบที่แค่ชอบการ์ตูนแต่โดยรวมแล้วก็ยังเป็นเหมือนคนธรรมดาผมไม่ว่าหรอกครับเพราะผมยอมรับในความต่างของคนเรา ผมชอบด้วยซ้ำที่คนเราแตกต่างกันไม่ได้เป็นบล๊อคเหมือนกันไปหมดครับ

แต่กลุ่มที่เป็นเอามาก อย่างที่เห็นในรูปตัวอย่างนั่นผมว่ามันก็เกินไป แล้วที่มันยิ่งกว่านี้ก็มีครับ

ที่จริงแล้วคนเราทุกคนมีความเป็นโอตาคุอยู่ในตัว เพราะทุกคนมีความคลั่งไคล้ในอะไรสักอย่างทั้งนั้น เพียงแต่เราก็ควรแสดงออกในระดับที่เหมาะสม ถ้าคนเราไม่มีความคลั่งไคล้ในสิ่งต่างๆ การพัฒนาก็ไม่เกิดหรอก จริงมั้ยล่ะครับ....นักวิทยาศาสตร์เก่งๆ ที่คิดค้นสิ่งต่างๆ ได้ก็มีความคลั่งไคล้ในสิ่งนั้นๆ อย่างมากเหมือนกัน ถ้าไม่มีความเป็นโอตาคุหรือความคลั่งไคล้นี้ที่เป็นตัวผลักดันให้นักวิทยาศาตร์คิดค้นและพัฒนา เราก็คงไม่มีรถยนต์ใช้ ไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่ีมีโทรศัพท์ ไม่มีไฟฟ้าใช้กันอย่างทุกวันนี้

หรืออย่างคนที่ชอบดูบอลมากๆ จนไม่ยอมพลาดเลยสักแมทช์ก็เรียกว่าเป็นโอตาคุได้เหมือนกันครับ

สรุปคือโอตาคุในปัจจุบันมีความหมายเบาลง ทำให้คนที่ถูกเรียกว่าเป็นโอตาคุไม่ใช่ว่าจะแย่ไปซะหมด คนที่ยังเป็นปกติแต่ชอบการ์ตูน ชอบเล่นเกมเอามากๆ ผมไม่ว่าอะไรไม่มีอคติอะไรกับพวกเขาเลย แต่พวกที่เป็นเอามากชนิดที่สนใจแต่สิ่งที่ชอบมากเกินไปจนบางคนถึงกับน้ำก็ไม่อาบผมก็ไม่สระนั่นแหละครับที่ผมรุ้สึกว่ามันไม่ไหว

 

โดย: nyo 16 สิงหาคม 2556 14:41:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


nyo
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ 2539 ห้ามผู้ใดทำการคัดลอก ส่วนใดส่วนหนึ่งของบล๊อกนี้ไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อค


ติดต่อผมได้ที่
naai.nyo@gmail.com

____________________

บล๊อกนี้ผมเขียนขึ้นมาจากสิ่งที่ผมไปรู้ไปเห็นมาก็เลยเอามาเล่าต่อเพื่อเป็นการแชร์ความรู้กัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อยครับ


กรูณาใช้ภาษาให้เหมาะสมในการแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ
Friends' blogs
[Add nyo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.