|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
La La (Means I Tag You)
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเป็นเกียรติที่ เจ๊ 80 , คุณเรดแองเจิล และคุณโทนี่คูณครับ ที่กรุณา(แอด)แทกผม (ฮึ่ม)ซึ่งหะแรกตั้งใจว่าจะเอาเรื่องดีๆของตัวเองมาเผยแพร่เพื่อเป็นเกียรติต่อวงศ์ตระกูล แต่จนแล้วจนรอด มันยากยิ่งกว่าการควานหาใบอนุโมทนาบัตรมาลดหย่อนภาษีซะอีก เฮ้อ เลยขอเอาเรื่องรันทดๆของตัวเองมาก็แล้วกัน ซึ่งมันเยอะมาก 
1. รัก(ร้าง)ครั้งแรก แฟนคนแรกของผม แหม่เขินจัง ตั้งกะปอสามน่ะครับ แหะๆ แกชื่อ ดวง วันนั้นนึกกะจะสวีทกัน เลยเล่นไล่จับ (แหม่ เด็กๆน่ะ คิดได้แค่นี้แหละ) วิ่งไปวิ่งมา ความที่อยากชนะมาก เพราะผมเป็นคนไล่จับ จับไงไม่รู้ หัวแกไปโขกตุ้บกับผนังห้องเรียนเข้า ผลเหรอครับ หัวแกโนเท่าลูกมะนาวเลย ส่วนผมตกกะใจรีบบอกให้ไปหาครู พร้อมกับเนียนๆค่อยชิ่งไปหาหม่ามี๊ พร้อมกับบอกว่า ปวดท้องอยากกลับบ้านง่ะ แม่ก็เลยตามใจรีบกลับบ้านแบบงงๆเพราะปกติตามตัวผมกลับบ้านยากมาก (แต่หารู้ไม่ว่าแม่กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปซะแล้ว อุอุ) แต่ดวงแกก็ไม่ได้บอกครูว่าเพราะมันเป็นผมเลยนาครับ (ดีใจ เอ้ย เสียใจจริงๆ) แต่หลังจากนั้น เราก็เลยหมางเมินต่อกัน โดยผมกลับเป็นฝ่ายหลบหน้าไม่พูดกับแกอีกเลย แม้แกจะมาคุยๆก็เถอะ (เวร) ทำให้ผมเข้าใจความรู้สึกของพวกท้องแล้วไม่รับจริงๆนะครับเนี่ย (เอ่ะ เกี่ยวมั้ยเนี่ย) 
2. อุบัติเหตุครั้งแรก ถ้าเป็นคนขับรถ อุบัติเหตุบนถนนย่อมไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้แน่นอนครับ ผมก็เช่นกัน ครั้งแรกของผม คือไปชนรถจักรยานครับ ทั้งที่ขับมาเลนส์ขวาสุดนะเนี่ย จำได้ว่าถึงจุดตรงโค้งร้อยศพพอดี ไอ้หมอนี่ไม่รู้มันปั่นมาอีท่าไหน ตัดหน้ารถผมที่ขับมาสบายๆไม่เร็วมาก ผลก็คือชนโครม ตัวมันลอยละลิ่วข้ามรถผมไปหล่นปุอยู่ด้านหลัง ไม่ไกลมาก (ดีที่ไม่มีรถตามหลังนะนี่) ด้วยความตกใจวิ่งลงไปดู กะจะเอาเท้าเขี่ยๆดูว่าตายยังหว่า (แบบในหนังง่ะ) แต่ต้องตกกะใจที่มันลุกขึ้นมาโอดโอย เลือดนอง (จริงๆมารู้ทีหลังว่าแกบาดเจ็บแค่หูฉีกครับ) ดีที่ลุงแท็กซี่คนนึงช่วยหามแกขึ้นรถผมไปโรงพยาบาล ผลคือพ่อแม่ตกใจลางานมาที่โรงพยาบาลกันใหญ่ (แหม่ลูกหัวแก้วหลังแหวนน่ะครับ อุอุ) ซึ่งทำให้ผมอบอุ่นใจมาก เพราะพอแม่มา คำแรกแม่บอกว่า อ้าว คนโทรไปบอกนึกว่าผมโดนรถชน (แอบเห็นสีหน้าผิดหวัง) ส่วนพ่อผมบอกว่า ฟู่ โล่งอก ดีที่รถไม่เป็นอะไรมาก ส่วนผมก็ เอ่อ... หลังจากนั้น ผมก็มีอุบัติเหตุบ้างประปราย หนักบ้างเบาบ้าง แต่พ่อกับแม่ไม่มีใครมาดูใจแล้ว (สงสัยไม่ตื่นเต้นเหมือนครั้งแรก) แต่กลับส่งพี่ชายบ้าง คนรถบ้าง หลังๆหนักเข้ากลายเป็นคนข้างบ้านเข้าให้ เฮ้อ ก็บอกแล้วว่าผมเป็นลูกชายหัวแก้วหลังแหวนน่ะครับ 
3. ไอ้หนุ่มขี้อาย เพื่อนๆในกลุ่มผมมันมักว่าผมว่า ไอ้หน้าบางในเรื่องไม่เข้าเรื่อง อาทิเช่น ตะก่อนที่ยังเรียน จะนั่งรถเมล์ประจำ รถเมล์สมัยก่อนที่ยังไม่เข้มงวดวินัยคนขับมาก ซึ่งพวกนี้ชอบที่จะแค่ชะลอรถ โดยไม่จอดสนิท ให้คนลงหรือขึ้น (ในกรณีที่คนขึ้นลงคนเดียวน่ะครับ) คือเมื่อเห็นรถเมล์เริ่มแล่นมาเทียบป้าย เราก็จะต้องวิ่งแล้วตั้งหลักเพื่อจะกระโดดขึ้นรถอย่างถูกจังหวะ แต่วันนั้นไอ้คนลง มันดันยึกยักชักช้า ผมเลยซอยเท้ารอมันพร้อมจับจังหวะจะขึ้น แต่รถเมล์มันคงนึกว่าขึ้นแล้ว ออกตัวแล่นออกไป ผมเลยวิ่งเก้อโดยที่รถไปโน่นแล้ว สมองสั่งการโดยพลันว่า อย่าหยุดต้องวิ่งต่อไป เพื่อรักษาหน้าจากการเป็นเป้าสายตาของคนที่ป้ายรถ ผลเหรอครับ ไปหอบเหนื่อยเหงื่อซิกๆป้ายหน้าถัดไปอีกป้ายนึงน่ะสิ (ไม่ใช่ใกล้ๆนา) ยังครับยังไม่หมด ขนาดได้ขึ้นนั่งบนรถเมล์แล้ว ก็ยังมีวิบากกรรมเก่าอีกจนได้ เช่น วันนั้นผมนั่งชมวิวเพลิน พลันมีสาวน้อยมายืนอยู่ข้างๆ ซึ่งสุภาพบุรุษอย่างผมจะต้องลุกให้นั่งอย่างเต็มใจอย่างแน่นอน (แต่จริงๆแล้วคือแกล้งหลับไม่ทันน่ะ) แต่เหตุการณ์มันไม่ชื่นมื่นแบบนั้นน่ะสิ เพราะสาวน้อยเธอเอ่ยปากว่า ไม่เป็นไรค่ะ เหมือนฟ้าผ่ากลางกระหม่อม สมองประมวลผลว่า มีทางเลือกคือ ข้อ ก. สะกิดป้าที่ยืนถัดไป (เป้าหมายรอง) แทน แต่มันจะเสี่ยงต่อการหน้าแตกแบบอาฟเตอร์ช๊อคน่ะสิ (เผื่อป้าแกรู้ตัวว่าเป็นตัวสำรอง) ข้อ ข. ทำเป็นหยิบกระเป๋าตังในกางเกง แล้วบอกว่า อ่อ คือผมจะหยินกระเป๋าตังน่ะครับ แหะๆ ซึ่งข้อนี้จะเป็นการส่งต่อความหน้าแตกให้สาวน้อยผู้นั้น ซึ่งไม่ดีอย่างมาก สมองผมเลือกข้อ ค. ครับ คือดุ่มๆเดินไปกดกรี่งลงป้ายหน้าเลย (ถึงแม้จะอีกไกลโคดๆก็เถอะ) เฮ้อ ยังไงก็ยังรักษาหน้าตัวเองได้อยู่นาครับ 
4. เจ้าเหมียวแอทแทค บ้านผมมีแมวเหมียวลูกรักประจำบ้านอยู่ตัวเดียว (นอกนั้นหมาๆหมด) วันหนี่งคราวซวยของผมที่มันเป็นเช้าที่กำลังออกจากบ้านไปทำงาน ไอ้หมาข้างบ้าน(ไม่ดุแต่ใจดี) วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาบ้านผม ตรงมาหาเจ้าแมวเหมียวที่ล่ามไว้ (พอดีตอนนั้นอาบน้ำมันไว้น่ะ) ผมก็ตกกะใจรีบวิ่งแข่งกับไอ้หมานั่น แซงหน้าไปรีบอุ้มไอ้เหมียวขึ้นมา (คิดดูฝีเท้าชนะหมาอีกแน่ะ) ผลเหรอครับ ไอ้เหมียวตกใจสุดขีด ตะลุยข่วนแขนผมอย่างเอนจอยยิ่งกว่าต้นไม้ที่มันชอบลับเล็บ ถึงกับเลือดนองแขนทีเดียว พร้อมกับที่หม่ามี๊ และเด็กที่บ้านต่างวิ่งตาตื่นมาหาเจ้าเหมียวพร้อมกับโอ่โอ๋กันอย่างเป็นห่วงเป็นใย ทิ้งให้ผมยืนแขนเลือดนองอย่างว้าเหว่ แต่ที่น่าเจ็บใจกว่านั้น ไอ้หมานั่นมันวิ่งมาแล้วก็วิ่งออกไปเฉยเลย ดังนั้น ผมจึงวิ่งออกไปพร้อมกับน้ำตานองหน้าอย่างผู้แพ้ (จริงๆคือจะวิ่งตามไปเตะไอ้หมาบ้านั่นน่ะครับ) และแล้วผมก็ลากแขนไปทำงานทั้งหยั่งงั้น เพื่อนๆที่ทำงานโดยเฉพาะฝ่ายชายต่างสรรเสริญว่า บาดแผลเท่อย่างกับไปซิ่งมอไซด์แล้วล้มมาแน่ะ (ทำให้ผมต้องถลกแขนเสื้อเดินโชว์ไปสามรอบครึ่ง) แต่เอ่ะใจว่า มีเพื่อนฝ่ายหญิงเริ่มซุบซิบๆ จับความได้ว่า สงสัยไอ้นี่มันต้องไปทำมิดีมิร้ายแมวแน่ ถึงเป็นแบบนี้ (คิดได้ไงฟะนี่) ผลเหรอครับ ผมต้องรีบเอาแขนเสื้อลงและมาโดดเดี่ยวตัวเอง พร้อมคิดว่า ภาพลักษณ์ที่ทำงานตู มันเป็นเช่นใดหนอ 
5. แมงมุมเพื่อนรัก ความลับนี้ผมไม่เคยแพร่งพรายที่ไหนเลย แม้กระทั่งที่บ้านนะครับ ซึ่งมันอาจถึงชีวิตได้ เพราะที่บ้านผมถือคติแบบอย่าง Fear Factor น่ะสิครับ ซึ่งความลับนั่นก็คือ ผมกลัวแมงมุมขึ้นสมองครับ แต่ที่บ้านผมมีพี่สาวที่กลัวยิ่งกว่าผมซะอีก เพราะแกสามารถวิ่งร้อยเมตรได้ในครึ่งนาที หรือหวีดร้องเป็นเสียงโซปราโนได้อย่างทรงพลัง ถ้าเกิดคนที่บ้านโดยเฉพาะพี่ชายหรือเด็กที่บ้านจับไอ้แปดขา(ที่อยู่ในโหลแก้วหรือถุง)นี่มาแหย่เข้าที่หน้า ระยะหลังมานี่พัฒนาไปถึงขั้นจับมือเปล่าพร้อมกับโยนใส่ตัวเหยื่อเลยทีเดียว (เป็นที่น่าขนพองยิ่งนัก) ส่วนผมก็ต้องทำทีหัวเราะตามเค้า แกล้งจับตัวไม่ให้หนีเป็นที่สนุกสนาน เพราะขืนให้พวกนี้มันรู้เข้า ผมล่ะจะกลายเป็นเหยื่อมารของพวกมันอย่างแน่นอน แต่มันก็เหมือนกับสวรรค์แกล้ง เพราะไอ้แมงมุมพวกนี้วันดีคืนร้าย ชอบมาเกาะอยู่ผนังห้องน้ำของผมทุกที ไม่เข้าใจว่าห้องน้ำคนอื่นไม่เห็นมันจะไปเยี่ยมเลย ผลก็คือ ผมจะอาบน้ำไม่ได้ ยืนนึ่งจ้องมันเป็นชั่วโมงพร้อมเพ่งกระแสจิตให้มันไปซะที จนทนไม่ไหว ต้องไปตามไอ้เด็กที่บ้านมาไล่ (เคยเอาไม้กวาดไล่ แต่ไอ้แมงมุมพวกนี้มันกลับกระดื้บเข้าใส่) โดยที่มันสามารถจับหมับเข้าตัวแมงมุมอย่างไม่สะท้าน ส่วนผมก็ต้องทำเนียนๆว่าไปที่อื่นก่อน เพราะเดี๋ยวมันจะรู้ความจริงว่าผมกลัวน่ะสิ 
เอาล่ะครับ อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจมีน้ำตารื้นๆบ้าง เพราะชีวิตผมมันช่างรันทดจริงๆ ขอขอบคุณที่(ทน)อ่านจนจบนาครับ ไงๆอ่านกันแล้วก็เหยียบๆ(ไม่ใช่หน้าผมนะ)ไว้ด้วยนาครับจะเป็นพระคุณอย่างสูง 
La La (Means I Love You) - Swing Out Sister
Create Date : 14 มกราคม 2550 |
Last Update : 14 มกราคม 2550 20:17:42 น. |
|
35 comments
|
Counter : 795 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: icebridy วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:20:48:42 น. |
|
|
|
โดย: ข้าวตู วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:20:59:38 น. |
|
|
|
โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:23:33:29 น. |
|
|
|
โดย: จขบ IP: 203.113.0.194 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:21:50:13 น. |
|
|
|
โดย: ZAZaSassY วันที่: 16 มกราคม 2550 เวลา:9:32:07 น. |
|
|
|
โดย: izak kiataz วันที่: 16 มกราคม 2550 เวลา:11:54:37 น. |
|
|
|
โดย: King Of Pain IP: 58.9.137.250 วันที่: 17 มกราคม 2550 เวลา:0:12:35 น. |
|
|
|
โดย: izak kiataz วันที่: 18 มกราคม 2550 เวลา:14:43:02 น. |
|
|
|
โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 18 มกราคม 2550 เวลา:20:03:03 น. |
|
|
|
โดย: CTL วันที่: 19 มกราคม 2550 เวลา:2:24:56 น. |
|
|
|
โดย: STAR ALONE (STAR ALONE ) วันที่: 19 มกราคม 2550 เวลา:7:31:44 น. |
|
|
|
โดย: PADAPA--DOO วันที่: 19 มกราคม 2550 เวลา:10:13:09 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 19 มกราคม 2550 เวลา:22:58:37 น. |
|
|
|
โดย: จทบ IP: 203.113.0.194 วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:10:27:49 น. |
|
|
|
โดย: ZAZaSassY วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:17:04:10 น. |
|
|
|
โดย: 5150_b IP: 58.8.107.50 วันที่: 21 มกราคม 2550 เวลา:20:35:04 น. |
|
|
|
โดย: vodca วันที่: 21 มกราคม 2550 เวลา:21:10:25 น. |
|
|
|
โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 21 มกราคม 2550 เวลา:22:13:44 น. |
|
|
|
โดย: มะเอง (melkor ) วันที่: 22 มกราคม 2550 เวลา:11:05:48 น. |
|
|
|
โดย: StrayBird วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:11:33:31 น. |
|
|
|
โดย: แบ่งกันเซ็ง (แบ่งกันเซ็ง ) วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:21:40:38 น. |
|
|
|
โดย: izak kiataz วันที่: 24 มกราคม 2550 เวลา:16:17:12 น. |
|
|
|
โดย: KjkGs IP: 58.136.85.236 วันที่: 26 มกราคม 2550 เวลา:21:44:41 น. |
|
|
|
โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 26 มกราคม 2550 เวลา:23:13:23 น. |
|
|
|
|
|
|
|
มาอ่านความลับที่ไม่ลับค่ะ มีความสุขมาก ๆ น่ะค่ะ