ปฐวีธาตุ ธาตุกายสิทธิ์
ปฐวีธาตุ ทราบหรือไม่? ทำไมหินใต้น้ำถึงกลายมาเป็น"ธาตุกายสิทธิ์"
ตามรอย"ปฐวีธาตุ"หินแม่น้ำโขง
ปฐวีธาตุ:
คือหินที่อยู่ในน้ำที่ผ่านการเจียรไนจากธรรมชาติ
เป็นร้อยเป็นพันปีจนใสแสงผ่านได้ เมื่อเอามือไปบังที่ก้อนปฐวีธาตุจะแลเห็นและต้องเป็นหินจากใต้แม่น้ำโขง
"ณ ตำแหน่งบริเวณที่ท่าน" ณ ตำแหน่งบริเวณที่ท่านได้กำหนด
บอกให้ไปเก็บเท่านั้น และ ท่านผู้นั้นคือใคร ?
เล่าว่าคือ"พญานาคราช"
หินที่ได้รับการถวายจาก"พญานาคราช"นี้ถือเป็นธาตุกายสิทธิ์
มีกายสิทธิ์ฝ่ายสัมมาทิฐิ และเมื่อได้รับการอธิษฐานจิตจากพระเถระเจ้า
ที่ทรงคุณวิเศษจึงกล่าวได้ว่า
มีอิทธิปาฎิหาริย์ และพุทธานุภาพ เหนือชั้นกว่าเหล็กไหล
และให้คุณแก่ผู้ครอบครอง หากแต่ผู้ครอบครองต้องเจริญในศีลไขปริศนา "ปฐวีธาตุ"ธาตุกายสิทธิ์ แห่งแม่น้ำโขง สมบัติพญานาค
"หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ"หินที่ได้รับการถวายจากพญานาคราช
ถือเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่เกิดจากธาตุลมมีกายสิทธิ์ฝ่ายสัมมาทิฐิเข้าครองหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย นครพนมเล่าสืบต่อกันมาว่า ท่านได้รับตำราการอธิษฐานจิต“ ปฐวีธาตุ”
มาตั้งแต่ยังเป็นพระหนุ่ม
โดยได้มีชายผู้หนึ่งได้นำมาถวายให้ท่านตามคำสั่ง เสียของบิดาก่อนตาย
โดยบิดาของชายผู้นั้นได้สั่งกำชับบุตรชายไว้ว่า
"เมื่อพ่อตายแล้วจงเอาคัมภีร์เล่มนี้ไปมอบให้กับหลวงพ่อคำพันธ์"
ซึ่งตำราเล่มนั้นเขียนด้วย “ตัวธัมใหญ่” ทั้งหมด
ซึ่งถือว่าเป็นอักขระที่มีความศักดิ์สิทธ์สูงสุด
ใช้จารเฉพาะตำราชั้นสูงเท่านั้น(จาร ในที่นี้หมายถึง จารึกหรือศิลาจารึก)เป็นตำราที่ว่าด้วยการ “อธิษฐานปฐวีธาต”
สามารถทำธาตุธรรมชาติธรรมดาให้มีอานุภาพ
มีพลังงานขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
ท่านจึงศึกษาวิธีการจนแตกฉาน จดจำได้ทุกขั้นตอนแก้วกายสิทธิ์จากลำน้ำโขง ที่เรียกว่า "ปฐวีธาตุ" นี้
นับว่าเป็นแก้วจักรพรรดิชนิดหนึ่ง ที่ให้คุณทางด้านบันดาลลางสังหรณ์
บันดาลความสำเร็จ ความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้ที่มีไว้ในครอบครอง
เป็นวัตถุธาตุที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารกับพญานาคได้
ผู้ที่ได้สมาธิจิตมี ศีล สมาธิ ปัญญาอันอบรมดีแล้วเท่านั้น
จึงสามารถครอบครองกายสิทธิ์ชนิดนี้ได้
และสามารถนำกายสิทธิ์ชนิดนี้มาอธิฐานจิตเพื่อประกอบการกุศลได้ด้วยชนิดปฐวีธาตุ 1 องค์ ต่อพญานาค 1 ตน
ซึ่งคุณสมบัติไม่อาจมีในพระเครื่องที่ถูก "สร้าง" ขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์
ผิดกับ "ปฐวีธาตุ" ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากผลงานของธรรมชาติ
จึงเก็บประจุพลังงานจากธาตุทั้งสี่และรังสีจากจักรวาลมาเนิ่นนานนับได้เป็นพันปี"หลวงปู่คำพันธ์" ได้เมตตาอธิบายถึงคุณลักษณะของปฐวีธาตุที่ถูกต้อง
ตามตำราทุก ประการว่า
"ต้องเป็นกรวดที่แช่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติเท่านั้น"
จะอยู่บนบกไม่ได้ ตัวกรวดเมื่อเก็บขึ้นมาต้องมีลักษณะเดิมตามธรรมชาติของเขา
จะบิ่น จะแตกหักหรือร้าวไม่ได้เลย ที่สำคัญสุดยอด คือต้อง “โปร่งแสง” เท่านั้น "แก้วปฐวีธาตุ" หรือ "แก้วนาคราช" นี้ถือว่าเป็นดวงแก้วที่มีตัว
คำว่า "มีตัว" ในภาษาชาวบ้านนั้นหมายถึงมีชีวิต มีจิตใจจิตวิญญาณ
อยู่ภายในนั้นเอง สามารถแสดงฤทธิ์ด้วยตัวเองได้ ดูเป็นของตาย
แต่ที่จริงเป็นของมีชีวิต หากดวงแก้วนาคราชเห็นว่าผู้ใดไม่ควรอยู่ด้วย
ท่านก็หายไปเช่นนี้ก็มี แต่หากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านย่อมบันดาลสิ่งดีๆ
ให้เกิดขึ้น รวมทั้งอาจทำให้องค์อื่นๆ เสด็จมาเพิ่มอีกอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งและด้วยคุณลักษณะเช่นนี้เองที่ทำให้ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์
"เป็นของหายากที่สุด"
ศิษย์ผู้มีจิตศรัทธาจึงได้มีการนำกรวดจากแม่น้ำโขงเช่นกันเพียงแต่เป็นชนิดขุ่น
มาถวายท่าน อธิษฐานแทน แต่ก็หาถูกต้องตามตำราบังคับไม่
"หากแต่ท่านก็อนุโลมให้เป็นปฐวีธาตุได้เช่นกัน"
ขอกล่าวถึงครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆเช่น ท่านเจ้าคุณนรฯ “ปฐวีธาตุ”
ของท่านจะต้องได้มาจากอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการเท่านั้น
จะใสหรือขุ่น ใหญ่หรือเล็กไม่สำคัญ นอกจากนี้ในตำรายังได้ระบุไว้ว่า "ผู้จะอธิษฐานปฐวีธาตุได้นั้นต้องเป็นผู้เดินวิปัสสนาล้วน จะเป็นผู้เล่นทางสายวิชาคือ คาถาอาคมนั้นไม่ได้เลย"
ในเวลาอธิษฐานปฐวีธาตุ"หลวงปู่"ท่านจะอธิษฐานว่า
ให้ป้องกันภัยอันจะเกิดแต่ธรรมชาติก็ดี
ภัยอันเกิดแต่มนุษย์ก็ดี
กันได้ทั้งสิ้น กันภัยจากอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิด
ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่จะมีขึ้นในอนาคต
ท่านเรียกการอธิษฐานแบบนี้ว่า “เสกครอบลงไป”
การเสกแบบนี้ไม่เหมือนกับการเสกพระเครื่องทั่วไปของท่าน ท่านจึงย้ำว่า
“ ปฐวีธาตุนี้เป็นของที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ ”
ปฐวีธาตุต่างจากพระเครื่องตรงไหน?
ต่างตรงที่คือกรวดจากแม่น้ำโขงซึ่งหลวงปู่นำมาอธิษฐาน เหล่านั้น
พวกนาคเขาถือว่าเป็นสมบัติอย่างหนึ่งของเขา
กรวดเหล่านั้นจึงมีพลังงานของพวกเขาติดมาด้วย
และเมื่อได้รับการอธิษฐานด้วยกระบวนการทางจิตที่ซับซ้อน
อย่างยากที่เราจะ เข้าใจ
ก็จะทำให้กรวดเหล่านั้นเกิดพลังงานมหาศาลชนิดที่เราก็ไม่เข้าใจอีกอยู่ดีว่า
"เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ? "
ครูบาอาจารย์ผู้มีจิตอัศจรรย์เข้าถึงหลักธรรมชาติอย่างถ่องแท้
จึงมักทำ"ปฐวีธาตุ" ให้ศิษย์ อาทิ ท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์
หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม
ท่านพ่อเมือง พลวัฑโฒ วัดป่ามัชฌิมวาส
ซึ่งก็ตรงตามที่หลวงปู่คำพันท่านได้กล่าวไว้ "ผู้ที่จะอธิษฐานปฐวีธาตุได้นั้น
ต้องเป็นผู้เดินวิปัสสนาล้วน จะเป็นผู้ที่มาทางสายวิชาอาคมไม่ได้เลย"
และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไม "ปฐวีธาตุ"
จึงมีความแตกต่างจากพระเครื่องมากมายนัก
เล่ากันว่าหลวงปู่คำพันธ์ ท่านเก่งในการคุมธาตุสี่ น้ำ ดิน ลม ไฟ
จนเป็นที่ยอมรับโดยทั่ว
หลวงปู่โต๊ะฯ ก็อีกรูปหนึ่ง เมื่อท่านนำ”ปฐวีธาตุ”มาเสกก็จะเรียกธาตุ 4 ทีละธาตุ
แล้วรวมธาตุเป็นหนึ่ง เสกบรรจุลงในก้อนปฐวีธาตุนั้น
เมื่อนำมาใช้ธาตุสี่ในตัวเราก็จะผสานกับปฐวีธาตุนั้น
"สรรพคุณสุดแท้จะอธิษฐานเอา"
สวดบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
แล้วต่อด้วยพระคาถานี้
“ หิตะหิรา มันทิโล กะสิรา กะละลาสติ โสจะถิโห คะเนตะเน ” ( 3จบ )
แล้วตั้งจิตระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณมารดา บิดา
คุณครูบาอาจารย์ พระคุณของหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ
เหล่าพญานาคผู้รักษาองค์พระธาตุพนมและพระธาตุมหาชัย
และทั้งที่สถิตอยู่ในลำน้ำโขงปรารถนาสิ่งใดก็อธิษฐานเอา
เล่าว่าหลวงปู่กล่าวไว้ "ปฐวีธาตุมีคุณวิเศษครอบจักรวาลมีทุกข์ร้อนสิ่งใด
ก็ให้บอกกล่าว สามารถช่วยเหลือได้"
"ในการนี้ เราตั้งจิตอธิษฐาน หวังผลเพื่อให้ได้ทำนุบำรุงพระพุทธศานาสืบไป" ด้วยโอกาสอันดีนี้ ฉันจึงได้ตามรอย "ปฐวีธาตุ" ไปยังวัดของหลวงปู่
หวังเพียงได้กราบ "สรีระสังขาร"ของท่านเพียงสักครั้งหนึ่ง "โชคดีหนักหนา เกิดมาเป็นคน"
ระหว่าง "ความงมงาย" และ "ความศรัทธา"
มีเส้นบางๆกั้นกันไว้เพียง นิดเดียว
"ฉันเชื่อในธรรมชาติ และศรัทธาในพระพุทธศาสนา"
Create Date : 11 มิถุนายน 2562 |
Last Update : 12 สิงหาคม 2563 14:17:56 น. |
|
1 comments
|
Counter : 8334 Pageviews. |
|
|