วัดป่าโนนจิก สถานที่ปฏิบัติธรรม - ธรรมะ - ธรรมชาติ อีกแห่งหนึ่งในภาคอีสาน
ฝากประสปการณ์ปฏิบัติธรรม
ณ วัดป่าโนนจิก(สวนจำปางาม)
สาขาที่ 191 วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ไม่ได้มีพิธีรีตรอง ไม่ต้องกรอกใบสมัคร
ไม่ต้องจองวันที่จะเข้าปฏิบัติ อะไรใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่เตรียมชุดขาว เตรียมของใช้ส่วนตัวติดไปด้วยก็พอ ทางรถวิ่ง บรรยากาศที่สุดแสนจะธรรมชาติ เราอดที่จะชื่นชมธรรมชาติไม่ได้จริง เก็บภาพมาได้นิดหน่อย ชื่มชมธรรมชาติ พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก ลืกกกกกกกก ทางเดินเพื่อสักการะพระประธาน ห้อมล้อมด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม พระพุทธองค์ขาว ลานปฏิบัติธรรม ทุกวันพระเราจะร่วมกันขึ้นมาปฏิบัติกันที่นี่ รอบๆบริเวณทางเดินขึ้นไปเพื่อนไปลานปฏิบัติ หันกลับมามองอีกที เราเดินมาไกลเหมือนกันแต่ไม่มีใครรู้สึกเหนื่อย บรรยากาศทางเดินยามค่ำคืน ในยามค่ำคืนที่มิใช่วันพระ เราต้องอยู่กับตัวเราเองและไฟฉาย ปฏิบัติเองตามธรรมชาติ ในวันธรรมดา (แต่หากในวันพระ จะมีญาติธรรมมาปฏิบัติร่วมกันบนลานปฏิบัติ) อยู่ที่ใจและวินัยของตัวเราเอง นอนให้น้อย ปฏิบัติให้มาก คู่มือ ทำวัตร สวดมนต์แปล และอ่านบ่อยๆอ่านดีๆ อ่านทุกตัวหนังสือ จะรู้ว่ามีอะไรมากมาย
อยู่ในหนังสือเล่มนี้ ตีสามตื่นทำวัตรเช้า และ หนึ่งทุ่มทำวัตรเย็น ตลอดทั้งวันและทั้งคืนมีอะไรๆทำมากมาย
นอนให้น้อย กินให้น้อย ปฏิบัติให้มาก อาหาร 1 มื้อ ต่อวัน รับได้เท่าไหร่รับ กินได้เท่าไหร่กิน ! ส่วนเวลาหลังเที่ยงขึ้นไป รับไม่ได้แล้ว จนกว่าจะรุ่งเช้า อีกวัน
กินอาหารหลังจากพระรับเสร็จ และเริ่มกิจกรรมของวัน "เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง" เช่น ง่ายๆ คือจัดดอกไม้ขึ้นถวายพระ ปกติที่วัดจะไม่มีดอกไม้บูชาพระ หรือถ้ามีก็จะเป็นดอกดาวเรืองตามรั้วบ้านที่ญาติโยมเก็บมาถวายในวันพระ แต่วันปกติจะไม่มี ส่วนในภาพนี้ เราประสงค์จัดถวายเอง ทางเดิน และทางรถเข็น แวะจัดบูชาเป็นจุดๆไป อยู่ที่นี่เวลาจะเดินเร็วอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ละวันทำอะไรๆแทบไม่ทัน "รู้สึกว่าตัวเองและเวลาของตัวเองมีค่ามากมายสำหรับที่นี่" อาทิ กวาดลานวัด ก็เช่นกัน กวาดไปด้วย ภาวนาไปด้วย ดูลมหายใจตัวเองไปด้วย จนเวลา 13.00 น. มาปฏิบัติ ในช่วงบ่ายกัน สวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรมร่วมกัน ตลอดบ่าย หรือจะแยกก็มิได้มีใครว่า หลังจากเวลา 15.00 น. ไปจนถึง 19.00 น.
เป็นเวลาพักผ่อนเพื่อเตรียมทำวัตรเย็น
แต่งานของเรายังมี อาทิเช่น เตรียมผลไม้ ล้างให้สะอาด ลำดับตามภาพ น้ำปานะ ง่ายๆคือ น้ำที่ไม่ใหญ่กว่าผลมะตูม ไร้กาก ไร้เมล็ด กรองกาก กรองเมล็ด และต้องสะอาด พระพุทธานุญาตน้ำอัฏฐบาน ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุ แรกเกิดนั้น แล้วตรัสอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตน้ำปานะ ๘ ชนิด คือ น้ำปานะทำด้วยผลมะม่วง ๑ น้ำปานะทำด้วยผลหว้า ๑ น้ำปานะทำด้วยผลกล้วยมีเมล็ด ๑ น้ำปานะทำด้วยผลกล้วยไม่มีเมล็ด ๑ น้ำปานะทำด้วยผลมะทราง ๑ น้ำปานะทำด้วยผลจันทน์หรือ องุ่น ๑ น้ำปานะทำด้วยเง่าบัว ๑ น้ำปานะทำด้วยผลมะปรางหรือลิ้นจี่ ๑ . ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตน้ำผลไม้ทุกชนิด เว้นน้ำต้มเมล็ดข้าวเปลือก.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตน้ำใบไม้ทุกชนิด เว้นน้ำผักดอง.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตน้ำดอกไม้ทุกชนิด เว้นน้ำดอกมะทราง.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตน้ำอ้อยสด. [พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒ หน้าที่ ๙๘ หัวข้อที่ ๘๖] จนพลบค่ำเป็นเวลาเตรียมตัวให้แล้วเสร็จกิจธุระส่วนตัว
เพื่อทำวัตรและปฏิบัติเย็น ต่อไป เป็นเช่นนี้ทุกๆวันไป อาจมีบางวันที่เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่อาจมีกิจกรรม เพิ่มขึ้นมา ตามวาระก็ว่าไป ล่าสุดกำลังร่วมจัดสร้างศาลาปฏิบัติ เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา สืบไป เป็นอีก 1 ประสปการณ์ และ อีก 1 สถานที่ที่อยากแนะนำ เพราะได้ไปสัมผัสมาด้วยตัวเอง
ปฏิบัติธรรมกลับมาแล้วได้อะไร?
ถามว่า ได้อะไรในการมาปฏิบัติธรรมครั้งนี้
ตอบว่า ก็ไม่ได้เอาอะไรออกมานะ แต่ที่ระลึกถึงได้คือความทรงจำในการไปปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง
ได้อยู่กับตัวกับใจของตัวเองอย่างมีสมาธิ มีสติมากขึ้น รู้พื้นฐานของสมาธิคือการดูลมหายใจนั้นสำคัญ "ลมหายใจก็อยู่กับเราทุกที่ แต่ตัวเราไม่เคยสนใจมันมาก่อนจนมานั่งอยู่ที่นี่
ท่านบอกให้ดูลมหายใจทุกขณะ" อันนี้สำคัญจริง
ควบคุมอารมณ์ได้มากขึ้น ขยันเพิ่มมากขึ้น ปล่อยวางมากขึ้น บ่นน้อยลง
ความอยากมีอยากได้น้อยลง ความกลัวน้อยลง ความกังวลกับอนาคตน้อยลง ความกลัวตายน้อยลง บวกลบแล้วคือไม่ได้เอาอะไรออกมาเลยก็ถูกแล้ว และ นี่คงเป็นคำตอบของคำถามกระมัง !
"โชคดีหนักหนา เกิดมาเป็นคน"
Create Date : 29 พฤษภาคม 2562 |
Last Update : 5 กรกฎาคม 2562 14:53:07 น. |
|
1 comments
|
Counter : 3935 Pageviews. |
|
|