4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2558
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
14 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 
ซับซ้อนกว่านิยาย

ตำรวจอิตาลีสืบสวนคดีฆาตกรรมเด็กหญิงวัย 13 ปี จากการตรวจดีเอ็นเอที่พบในที่เกิดเหตุพบว่าตรงกับชายคนหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 11 ปีก่อน และลูก ๆ ของเขาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เหลือความเป็นไปได้เพียงกรณีเดียวเท่านั้นคือชายคนนี้ต้องมีลูกกับหญิงคนอื่นอย่างลับ ๆ เท่านั้น เย็นวันที่ 26 พฤศจิกายน 2010 "ยาร่า แกมบิราซิโอ" เด็กสาววัย 13 ปี เสร็จธุระจากการฝึกซ้อมยิมนาสติกที่โรงยิมห่างจากบ้านพักเพียง 700 เมตรเท่านั้น แต่เธอเดินทางไม่ถึงบ้านกลับหายตัวไปเฉย ๆ

เบรมบาเตดิโซปรา เป็นเมืองเล็ก ๆ ในประเทศอิตาลี มีบรรยากาศเงียบสงบเหมือนกับเมืองเล็ก ๆ แห่งอื่น ๆ ทั่วโลก ร้านรวงปิดกันตั้งแต่หัวค่ำและไม่มีสถานบันเทิงยามค่ำคืน เวลา 19.30 น. หิมะเริ่มตกหนัก พ่อแม่ของเธอเริ่มกังวลที่ลูกสาวยังกลับไม่ถึงบ้านจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครพบเห็นยาร่าอีกเลยจนกระทั่งวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2011 หรือ 3 เดือนหลังจากที่เธอหายตัวไป มีคนพบร่างไร้วิญญาณของยาร่าถูกทิ้งอยู่ในทุ่งห่างจากบ้านของเธอไปประมาณ 10 กม. แผ่นหลังและลำคอมีรอยถูกมีดกรีดหลายแห่ง แต่มันไม่ใช่สาเหตุของการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ชันสูตรลงความเห็นว่าเธอเสียชีวิตเพราะถูกทิ้งให้นอนแข็งตายในที่โล่ง

ยาร่าไม่ได้ถูกข่มขืนแต่ถูกล่วงละเมิดทางเพศด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ตำรวจพบคราบเลือดของคนร้ายในที่เกิดเหตุ จึงนำมาตรวจหาดีเอ็นเอ และได้ขอตรวจดีเอ็นเอผู้ที่สมัครใจจำนวน 15,000 คนเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอคนร้าย ดามิอาโน กัวริโนนิ มีดีเอ็นเอใกล้เคียงกับดีเอ็นคนร้าย ตำรวจจึงตั้งข้อสันนิษฐานว่าคนร้ายจะต้องเป็นญาติของดามิอาโน ซึ่งบิดาของดามิอาโนมีพี่น้องทั้งหมด 11 คน และตำรวจจะต้องตรวจดีเอ็นเอของคนทั้ง 11 ครอบครัวนี้ทั้งหมด

ตรงกันเป๊ะ
เดือนกันยายน 2012 ตำรวจเดินทางไปพบกับแม่ม่ายผัวตาย ลอร่า โพลิ ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ เชิงเทือกเขาแอลป์แห่งหนึ่งห่างจากเมืองเบรมบาเตดิโซปราไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 30 กม. น่าเสียดายที่สามีของเธอ "จูเซปเป กัวริโนนิ" เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่เมื่อปี 1999 หรือราว 11 ปีก่อนเกิดเหตุฆาตกรรมยาร่า

ตำรวจขอตรวจของใช้ส่วนตัวของจูเซปเป ลอร่าจึงนำกล่องเก่า ๆ ที่ใช้เก็บเอกสารของจูเซปเปมาให้ ข้างในกล่องมีบัตรประจำตัวพนักงานขับรถประจำทาง เอกสารและอากรแสตมป์ ตำรวจนำอากรแสตมป์มาตรวจหาดีเอ็นเอเผื่อว่าจูเซปเปจะเคยใช้ลิ้นเลียอากรแสตมป์และโชคก็เข้าข้างเมื่อพบคราบน้ำลายบนหลังอากรแสตมป์

ดีเอ็นเอของจูเซปเปตรงกับดีเอ็นเอคนร้าย แสดงว่าคนร้ายจะต้องเป็นลูกคนใดคนหนึ่งของจูเซปเปอย่างไม่ต้องสงสัย ตำรวจจึงเรียกตัวลูกทั้ง 3 คนของจูเซปเปมาตรวจดีเอ็นเอ แต่ผลที่ออกมานั้นกลับเป็นว่าดีเอ็นเอของลูกทั้ง 3 คนไม่ตรงกับดีเอ็นเอของคนร้าย สิ่งนี้สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับตำรวจเป็นอย่างมาก เหมือนจะได้ตัวคนร้ายแล้วแต่แล้วก็กลับเป็นไม่ใช่อีก

เป็นที่แน่ชัดว่าจูเซปเปเป็นพ่อของคนร้ายแต่ลอร่าไม่ใช่แม่ของคนร้าย การจะจับตัวคนร้ายให้ได้ก็จะต้องสืบให้รู้ว่าใครเป็นแม่ของคนร้ายเพื่อสาวไปสู่ตัวคนร้ายอีกที แต่ใครล่ะจะยอมรับว่ามีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับจูเซปเปจนถึงขั้นมีลูกด้วยกันอย่างลับ ๆ


ลูกฉันแต่ไม่ใช่ลูกเรา
ตำรวจสอบปากคำเพื่อนร่วมงานของจูเซปเปจนกระทั่งรู้ว่าเขาเป็นเสือผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันล้วนเป็นคนที่ใช้บริการรถประจำทางเป็นประจำ จูเซปเปเคยมีปัญหากับหญิงสาวคนหนึ่งแต่ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร ตำรวจตามสืบจนพบว่ามีหญิงสาว 532 คนที่ใช้บริการรถประจำทางและรู้จักกับจูเซปเป ตำรวจขอตรวจดีเอ็นเอหญิงที่เคยสาว (ปัจจุบันแก่แล้ว) ทั้งหมด จนกระทั่งพบว่า อีสเตอร์ อาร์ซัฟฟิ วัย 67 ปี มีดีเอ็นเอตรงกับดีเอ็นเอของคนร้าย

อีสเตอร์แต่งงานเมื่อปี 1967 กับจิโอวานนิ บอสเซติ มีบุตร 3 คนเป็นแฝดหญิง-ชายคู่หนึ่งชื่อมาสซิโม จูเซปเป และลอร่า เลติเซีย และบุตรชาย 1 คนชื่อ ฟาบิโอ แต่ผลการตรวจดีเอ็นเอระบุว่า จิโอวานนิไม่ใช่พ่อของเด็กแฝด หากแต่เป็นจูเซปเป กัวริโนนิ

ที่สำคัญที่สุดคือ ดีเอ็นเอของมาสซิโม จูเซปเป ตรงกับดีเอ็นเอของคนร้าย ส่วนลอร่า เลติเซีย ไม่เข้าข่ายผู้ต้องสงสัย เพราะเธอเป็นผู้หญิง ดังนั้นจึงปักใจเชื่อได้ว่ามาสซิโม จูเซปเป เป็นคนร้ายสังหารยาร่า

หลักฐานมัดตัว
ตำรวจไม่สามารถตรวจดีเอ็นเอผู้ใดได้โดยไม่ได้รับความยินยอมโดยสมัครใจ ลอร่าเคยตรวจดีเอ็นเอมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2012 หากแต่ว่าตอนนั้นเจ้าหน้าที่นำดีเอ็นเอของลอร่าไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอยาร่า แทนที่จะเป็นดีเอ็นเอของคนร้าย จึงทำให้ตำรวจไม่ได้เบาะแสของคนร้าย การตรวจสอบในครั้งหลังกระทำโดยการนำผลตรวจครั้งก่อนมาเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอคนร้ายตามที่ควรจะเป็น

ส่วนการตรวจดีเอ็นเอของมาสซิโม จูเซปเป กระทำโดยหัวหน้าทีมสืบสวน เลติเซีย รักกิริ ตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์ปลอมบนถนนเส้นทางไปที่บ้านของมาสซิโม จูเซปเป ในเดือนมิถุนายน 2014 หลอกให้เขาเป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์เพื่อนำน้ำลายมาตรวจหาดีเอ็นเอ

เลติเซียสืบพบว่ามาสซิโม จูเซปเป วนเวียนอยู่แถวบ้านและโรงยิมที่ยาร่าไปฝึกซ้อมเป็นประจำ และจากการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์มือถือพบว่า มาสซิโม จูเซปเป ใช้โทรศัพท์ที่เมืองเบรมบาเตดิโซปรา เวลา 17.45 น. ในวันเกิดเหตุก่อนที่จะปิดโทรศัพท์ไปและเปิดอีกครั้งในเวลา 07.34 น. ของวันรุ่งขึ้น

หลังจากจับกุมตัวและแจ้งข้อหากับมาสซิโม จูเซปเป ตำรวจตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์พบว่ามีการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้กำลังบีบบังคับเด็กสาว ข้อมูลเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับคดีฆาตกรรมยาร่าอย่างมีนัย แต่มาสซิโม จูเซปเป ให้การว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะขับรถผ่านบ้านและโรงยิมที่ยาร่าไปฝึกซ้อมเพราะมันเป็นเส้นทางเลี่ยงถนนใหญ่ที่มีการจราจรคับคั่ง





ครอบครัวสวิงกิ้ง
มาริต้า โคมิ ภรรยาของมาสซิโม จูเซปเป ให้การว่า สามีของเธอกลับบ้านตรงเวลาทุกวัน พวกเขากินอาหารค่ำเวลา 19.30 น. แม้แต่ในวันที่เกิดเหตุสามีของเธอก็กลับบ้านทันเวลาอาหารค่ำ จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่สามีเธอจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมา


อย่างไรก็ตาม หลังจากมาสซิโม จูเซปเป ถูกตำรวจจับก็มีชาย 2 คนปรากฏตัวขึ้นและอ้างว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับมาริต้าโดยที่สามีของเธอไม่ระแคะระคาย ยิ่งไปกว่านั้นมีข่าวรั่วออกมา ผลตรวจดีเอ็นเอของลูกชายคนเล็กของอีสเตอร์ก็ไม่ใช่ลูกของจิโอวานนิ ซึ่งนั่นหมายความว่าตลอดเวลากว่า 40 ปี จิโอวานนิเลี้ยงดูเด็ก 3 คนที่ไม่ใช่ลูกของเขาเลยแม้แต่คนเดียว

แต่การประพฤติผิดศีลธรรมไม่ใช่เป้าหมายของการสืบสวนคดีนี้ ตำรวจต้องการเพียงนำตัวคนร้ายที่สังหารยาร่ามารับโทษทัณฑ์ ทางด้านทนายของมาสซิโม จูเซปเป พยายามนำช่องโหว่ของการใช้ผลตรวจดีเอ็นเอมาเป็นหลักฐานผูกมัดตัวคนร้ายโดยอ้างว่าตำรวจจะรู้ได้อย่างไรว่าจูเซปเปไม่มีบุตรกับผู้หญิงคนอื่น ๆ อีกนอกจากมาสซิโม แต่เหตุผลนี้ค่อนข้างจะหลุดยากสักหน่อยเพราะดีเอ็นเอของมาสซิโมตรงกับของคนร้าย และตรงกับดีเอ็นเอจูเซปเปและอีสเตอร์ แม้จูเซปเปจะไปมีบุตรกับหญิงอื่นอีกแต่ดีเอ็นเอก็คงไม่ตรงกับผู้เป็นแม่แบบนี้

ไพ่ใบสุดท้ายก็คือการชี้ให้ศาลเห็นว่าการใช้ผลตรวจดีเอ็นเอเป็นหลักฐานนั้นยังมีข้อผิดพลาดเช่นคดีฆาตกรรมหญิงสาวในปี 2002 ซึ่งผลตรวจดีเอ็นเอคนร้ายตรงกับบาร์เทนเดอร์ชาวอังกฤษคนหนึ่ง แต่เขาไม่เคยเดินทางมายังอิตาลีเลย หลายปีต่อมาจึงมีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยอีกคน ส่วนผลการตัดสินคดีฆาตกรรมยาร่าจะจบอย่างไรก็ต้องรอดูกันต่อไป เพราะจะมีการพิจารณาคดีราวปลายปี 2015 นี้




มาสซิโม บอสเซติ (จูเซปเป)

โดย ศิลป์ อิศเรศ
ที่มา : //www.lokwannee.com/web2013/?p=137812














Create Date : 14 กรกฎาคม 2558
Last Update : 28 กรกฎาคม 2558 15:21:41 น. 0 comments
Counter : 1671 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.