4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2558
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
14 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 
คาเรน ซิลค์วู้ด : อุบัติเหตุปริศนา (ตอนที่ 3)

ก่อนวันตาย
5 พศจิกายน 1974 คาเรน ซิลค์วู้คทำงานหน้าที่ของเธอตามปกติ โดยเขียนรายงานบันทึกการตรวจสอบท่อเชื้อเพลิงในล็อกของเธอ 
ตอนบ่ายสามโมงของทุกวัน เป็นเวลาที่เธอจะต้องตรวจสอบความปลอดภัยของตนเอง โดยผ่านเครื่องตรวจสารกัมมันตภาพรังสี วันนั้นเธอเดินผ่านซุ้มโดยไม่มีสัญญาณใด ๆ ร้องเตือน กินเสร็จเรียบร้อย คาเรนกลับไปยังโต๊ะทำงาน ซึ่งก็ผ่านเครื่องตรวจรังสีตัวเดิมนั้นแหละ แต่คราวนี้มันแผดเสียงร้องลั่น เมื่อมันจับได้ว่ามีรังสีมรณะฉาบอยู่เต็มตัวของคาเรน ซิลค์วู้ด หญิงสาวตื่นตะหนกถูกพาตัวออกจากที่นั้นทันที พวกเขาจับเธอเปลื้องผ้า และนำเสื้อผ้านั้นมาบรรจุถุงพิเศษ เพื่อทำลายมันไม่ให้แพร่รังสีได้อีก ส่วนตัวของคาเรนต้องถูกผลักไปไว้ใต้ฝักบัวที่ฉีดอย่างแรง มีการขัดถูอย่างไม่ปราณีปราศรัย เพื่อกำจัดพิษกัมมันตภาพรังออกตากทุกรูขุมขนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และขัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยใช้น้ำยาล้างและโพแทสเซียม หรือด่างทับทิม ล้างจนหนำใจแล้ว คาเรนก็แต่งตัวชุดใหม่กลับไปทำงานได้ตามเดิม เมื่อออกเวรก็กลับบ้าน เป็นอันว่าเธอขจัดมันได้เรียบร้อยดี

วันรุ่งขึ้นเมื่อมาทำงาน เครื่องตรวจรังสีก็แผดเสียงใส่เธออีก เมื่อตรวจพบว่าบนตัวเธอมีรังสีมรณะแปดเปื้อนเต็มไปหมด คาเรนจำต้องผ่านกระบวนการฟอกที่แสนสุดทารุณอีกครั้ง อนิจจา..เมื่อกลับมาตรวจใหม่อีกรอบ เครื่องก็ยังฟ้องว่ามีระดับสารมรณะติดอยู่เนื้อหนังของเธอโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ปาก จมูกและมือ มีสารกัมมันตภาพรังสีสูงมากทีเดียว กัมมันตภาพรังสีพวกนี้กลับมาเปื้อนตัวเธออีกได้อย่างไร? หลังจากที่บริษัทได้รับรายงานของคาเรน พวกเขาส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอพาร์ตเมนต์ของเธอ พบว่ามีกัมมันตภาพรังสีในระดับสูงจนน่าตกใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอแตะสัมผัสต้องพลอยเปื้อนสารมรณะไปด้วยทั้งสิ้น ทั้งในห้องครัว จานชาม ก๊อกน้ำ ตู้เย็น ไส้กรอก และเนยแข็ง ทุกอย่างล้วนปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีในระดับอันตรายร้ายแรง สมบัติพัสสถานทุกอย่างของคาเรน รวมทั้งเอกสารต่าง ๆ แม้แต่บัตรประจำตัวทุกชนิด ถูกเก็บใส่ลงถังกลมใบใหญ่ป้องกันรังสี และเจ้าหน้าที่ก็นำมันออกไปจากห้องของเธอ

น่าแปลกที่ผลการตรวจสอบของหน่วยสืบสวน AEC ระบุว่าตัวอย่างปัสสาวะที่เก็บมาหลังจากวันที่ไปตรวจอพาร์ตเมนต์นั้น มีอยู่ 2 ตัวอย่างเก็บต่างเวลาและมันถูกมือดีที่ไหนก็ไม่รู้เอาพลูโตเนียมมาหยดใส่โดยจงใจ การตรวจสอบลึกลงไป เปิดเผยว่าสารกัมมันตภาพรังสีที่แปดเปื้อนคาเรนนั้น เป็นคนละชนิดกับพลูโตเนียมที่เธอคลุกคลีกับมัน ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเลยว่าเธอไปโดนมันยังไง ในเมื่อเธอไม่ได้ยุ่งกับมันแม้แต่น้อย! แต่จากการตรวจสอบนั้น ทำให้คาเรนพ้นข้อสงสัยว่าเธอสร้างสถานการณ์ตัวเปื้อนสี เพื่อป้ายสีให้บริษัทเคียร์-แม็คกี้พินาศ ตัวคาเรนตอนนี้ใกล้บ้าเต็มที่แล้ว

ดรูว์ สตีเฟ่นส์ บอกว่าเธอคลุ้มคลั่งยับยั้งสติไม่อยู่ เพราะรู้ดีว่ารังสีที่เธอได้รับนั้นเธอไม่รอดแน่ ๆ อีกไม่นานมันจะมาฆ่าเธออย่างสุดแสนทารุณที่สุด สตีฟ วอดก้า เดินมาถึงโอกลาโฮม่า ซิตี้ แล้วพาคาเรนไปหาหน่วยสืบสวน AEC ด้วยกัน บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างเคร่งเครียดกันมาก เพราะเขาเจอคดีปริศนาเข้าให้แล้ว คาเรนให้การกับพวกเขาว่า เธอพยายามคิดแล้วก็นึกออกว่า ทุกครั้งที่เธอแตะต้องหรือกินไส้กรอกโบโลญ่าในตู้เย็นของเธอ เธอก็ได้รับรังสี อย่างวันแรกก็กินมันในตอนบ่าย มันทำให้เครื่องตรวจจับส่งสัญญาณ ครั้นเมื่อเธอกลับบ้าน ทำแซนด์วิชกินอีก รังสีก็เปื้อนเธออีกครั้ง มันอันตรายจริง ๆ นี่เธอกินไส้กรอกแซนด์วิชปนสารมรณะเข้าไปเต็ม ๆ

สตีฟ วอดก้า พาคาเรนไปพบแพทย์ ผลคือบริษัทเคียร์-แม็คกี้ต้องรับผิดชอบจ่ายค่ารักษาและการตรวจสอบและผลเสี่ยงสุขภาพที่อาจเกิดโรคแทรกซ้อนในกาลข้างหน้า และนอกจากนั้นยังต้องจ่ายเผื่อดรูว์ด้วยเพราะทั้งคู่วางแผนไปตรวจร่างกายที่แล็บ AEC ที่ลอสอาลามอส นิวเม็กซิโก 10 พฤศจิกายน 1974 ดรูว์ สตีเฟ่นส์ ทำการตรวจร่างกายไม่พบการปนเปื้อนรังสีใด ๆ ส่วนของคาเรนจากการตรวจสอบพบว่าการรับกัมมันตภาพรังสีครั้งนี้จะไม่ก่อผลร้ายที่ทำให้เธอเป็นมะเร็งหรือทำลายสุขภาพของเธอแต่อย่างใด คาเรนกับดรูว์ค่อยถอนใจโล่งอก เธอคลายกังวลไปเยอะ และรู้สึกสดชื่นสบายใจขึ้นเยอะ ทั้งคู่เดินทางออกจากลอส อาลามอส กลับมาถึงโอกลาโฮม่า ซิตี้ ตอนดึกของคืนวันอังคาร เช้าวันพุธเป็นวันที่สำคัญมาของคาเรน เพราะเป็นวันที่เธอนัดพบ สตีฟ วอดก้า กับ นักข่าวนิวยอร์ก ไทมส์ เอาพยานหลักบานเรื่องการทุจริตท่อบรรจุเชื้อเพลิงพลูโตเนียมไปให้ ซึ่งถ้ามันเป็นจริงละก็บริษัทเคียร์-แม็คกี้พินาศแน่ ๆ

13 พฤศจิกายน 1974 วันนั้นคาเรนกลับไปทำงานเป็นวันแรกหลังจากเกิดเรื่องเครื่องมันส่งเสียงแผดใส่ว่าเธอแปดเปื้อนรังสี ห้าโมงเย็นวันนั้น เธอเข้าประชุมเพื่อร่างสัญญาที่จะทำกับบริษัทเคียร์-แม็คกี้ ก่อนประชุม เธอเตรียมธุระไว้อย่างเรียบร้อย โดยบอกให้ดรูว์ไปรับวอดก้าและเบอร์นัมนักข่าวจากนิวยอร์ก ไทมส์ที่สนามบิน จากนั้นเธอจะขับรถไปพบพวกเขาเองที่โรงแรมฮอลลิเดย์ อินน์ นอร์ธเวสต์หลังจากเลิกประชุมแล้ว ในห้องประชุมนั้นมีตัวแทนจาก OCAW และจากบริษัทเคียร์-แม็คกี้ มอร์แกน มัวร์ จากบริษัทเคียร์-แม็คกี้ รายงานเรื่องการปกครองดูแลคนงานบริษัท แต่ก่อนอื่นทั้งหมด มอร์แกนรีบยกประเด็นที่คาเรนโดนสารกัมมันตภาพรังสีมาพูดอย่างเร่งร้อน เขาบอกว่าเธอทำตัวเองเพื่อให้บรัษัทดูแย่

คาเรนส่ายหน้าปฏิเสธตลอดเวลาว่าเธอไม่ได้สร้างสถานการณ์ ตอนเลิกประชุม คาเรนพร้อมตรงไปฮอลดิเลย์ อินน์ เธอพูดคุยกับ จีน จุง สมาชิกสหภาพคนหนึ่ง เธอเอาโน๊ตบุ๊กที่เธอจดรวบรวมหลักฐานและแฟ้มเอกสารที่มีรูปประกอบมากมายหลายใบให้เขาดู และบอกว่าหลักฐานพวกนี้แหละที่จะเล่นงานบริษัทเคียร์-แม็คกี้ ซึ่งเธอจะส่งมันไปให้นักข่าวนิวยอร์ก ไทมส์ ขณะนั้น ดรูว์กับวอลก้าและเบอร์นัมออกจากสนามบินไปฮอลิเดย์ อินน์ รอคาเรนอยู่แล้ว พวกเขามีปัญหาในการเช็กอินนิด ๆ หน่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่วอลก้าโทรศัพท์ไปจองล่วงหน้าตั้งนานแล้ว แต่พนักงานต้อนรับบอกว่า ไม่มีการจองนั้นเลย มันหายไปไหนก็ไม่รู้ และตอนนี้ห้องในโรงแรมก็เต็มหมดแล้วด้วย ในที่สุดโรงแรมก็หาห้องจนได้แต่ได้ห้องเดียว สตีฟ วอลก้าจำต้องใช้ห้องนี้ร่วมกับ เดวิด เบอร์นัม พอเก็บของเข้าพักในห้อง วอดก้าต้องการโทรศัพท์แต่มันดันเสียเลยต้องเดินไปโทรที่ตู้สาธารณะข้างนอก แต่เขาหาตู้โทรศัพท์สาธารณะไม่ได้เลย พอกลับมาที่ห้อง ปรากฏว่าโทรศัพท์ใช้ได้แล้ว เวลานั้นราวทุ่มครึ่ง สตีฟ วอดก้า โทรศัพท์หา แจ๊ค ทิซ เพื่อถามว่าการประชุมไปถึงไหนแล้ว เพราะเขารู้ว่าคาเรนเข้าประชุมกับแจ๊คด้วย สิ่งที่ แจ๊ค ทิซ พูดออกมาทางโทรศัพท์ทำให้ สตีฟ วอดก้า, เดวิด และดรูว์ ถึงกับช็อกสุดขีด คาเรน ซิลด์วู้ดตายแล้ว!



อุบัติเหตุ
ห่างจากโรงงานของบริษัทเคียร์-แม็คกี้ ออกไปเพียงเพียงครึ่งไมล์ ฮอนด้าซีวิคของคาเรนอยุ่ในสภาพยับเยิน มันตกถนนพุ่งข้ามไฮเวย์ตะบึงไปบนกอหญ้าข้างทาง พลิกคว่ำอย่างรุนแรง หมุนคว้างไปกระแทกขอบกำแพงคอนกรีตด้วยความเร็ว 45 ไมล์ต่อชั่วโมง คาเรนเสียช
ีวิตทันที คนขับรถบรรทุกเป็นผู้เห็นผู้ประสบเหตุ และแจ้งไปตำรวจทางหลวงโอกลาโฮม่า ไฮเวย์ อาจเป็นเหตุบังเอิญก็ได้ (หรือเปล่า?) ที่ตอนนั้น ลอร์ ก็อดวิน กับ เฟรด ซิลลิแวน เจ้าหน้าที่ของบริษัทเคียร์-แม็คกี้ ทั้งคู่ขับรถมายังจุดที่เกิดเหตุขณะที่คนขับรถบรรทุกโทรแจ้งตำรวจ ก็อดหยิบไฟฉายมาส่องที่ซากรถ ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในสภาพแน่นิ่งไม่ไหวติง เลือดโชกเต็มหน้า ร่างถูกอัดอยู่กับพวงมาลัย เขาจำเธอได้......คาเรน ซิลค์วู้ด!

ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงก็มาถึงพร้อมหน่วยกู้ชีพ พวกเขาต้องใช้เครื่องตัดประตูรถฮอนด้า ซีวิค เพื่อนำร่างของคาเรนออกมาขึ้นรถฉุกเฉินตรงลิ่วไปโรงพยาบาล โลแกน คันทรี่ ฮอสพิทัล ที่ซึ่งประกาศว่าเธอเสียชีวิตแล้วก่อนถึงมือแพทย์ ซากฮอนด้า ซีวิค ถูกลากไปเก็บในที่จอดรถของท้องถิ่นเจ้าหน้าที่ตำรวจฟาเกนตรวจดูสภาพภายในรถและพบสิ่งที่ต้องสงสัยหลายอย่าง ในจำนวนนั้นมีบุหรี่ยัดไส้กัญชา 2 มวน และมียาบางอย่างรวมกันอยู่ด้วยเม็ดครึ่ง มันถูกส่งไปตรวจสอบที่ห้องแล็บของตำรวจว่ามันคือยาอะไรกันแน่ ส่วนเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ที่คาเรนเตรียมไว้พร้อมที่จะส่งมอบให้สตีฟ วอลก้า และเดวิด เบอร์นัมนั้น ทุกชิ้นทุกอันหายสาบสูญไปอย่างน่าพิศวง



แน่สิ...ขณะที่ซากรถอยู่ในลานจอดรถแบบนี้ ทางบริษัทเคียร์-แม็คกี้จะส่งคนมาค้นหา หยิบฉวยอะไรไปเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น โดยไม่มีใครรู้ ไม่มีการขัดขวางห้ามปรามใด ๆ ทั้งสิ้น อยากหยิบอะไรก็อยากหยิบตามใจก่อนที่ญาติมิตรของคาเรนจะรู้ข่าวและมาดูมัน การตายของคาเรนนำความโศกเศร้ามายัง ดรูว์ สตีเฟ่นส์ อย่างเสียใจแสนสาหัส เขายอมรับไม่ได้ว่าเธอตายในสภาพเช่นนี้ เขาไม่เชื่อ เพราะรู้ว่าคาเรนเป็นคนขับรถเก่งมาก ๆ ในระดับมืออาชีพ อย่าลืมเธอเป็นนักขับรถฝีมือดี เธอมีพรสรรค์ในการขับรถ ไม่ว่ารถเร็วแค่ไหนก็ควบคุมได้ ถนนขรุขขะ โค้งยังไงก็ไม่ใช่ปัญหาของเธอ แต่เธอดันมาตายด้วยความเร็วแค่ 45 ไมล์ต่อชั่วโมง บนถนนไฮเวย์ราบเรียบเช่นนี้น่ะหรือ แต่ตำรวจทางหลวงโอกลาโฮม่าไม่คิดแบบเดียวกับดรูว์


ในรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งลงวันที่ 15 พฤศจิกายน อ้างว่าอุบัติเหตุนั้นเกิดจากความมึนเมาของคาเรนเอง เชื่อว่า คาเรนเธอต้องดื่มเหล้า เมายาแล้วมาขับรถ เธอคงขาดสติในการควบคุมรถ จนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ตามรายงานนี้สรุปเลยว่าคาเรนเสียชีวิต เนื่องจากขับรถในขณะมึนเมา ในร่างกายอาจมีฤทธิ์ของสุราและยาบางอย่าง ข้อสังเกตที่น่าเจ็บใจในรายงานนี้คือ นี่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานที่สรุปเอาเองของเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียวคือ ริค ฟาเกน
ไม่มีการชันสูตรศพคาเรนหรือแม้แต่การตรวจหาแอลกฮอล์หรือสารเสพติดในเลือด แต่พวกเขาเลือกเชื่อ ริค ฟาเกน ที่อวดรู้เดาเอาเองว่าคาเรนต้องกรำเหล้ามาจาก “เดอะฮับ คาเฟ่” (วันนั้นคาเรนไม่ได้ไปที่นั้นและไม่ได้ดื่มเหล้ากับใครเลย) ขณะเดียวกัน ห้องแล็บก็ประกาศผลการวิเคราะห์ตัวยาพบว่าไอ้เม็ดเต็ม ๆ นั้นคือยานอนหลับ ส่วนอีกครึ่งเม็ดจ๋วหลิวเกินไปเกินที่ตรวจสอบว่าคือยาอะไร สาเหตุการตายของคาเรนสรุปได้จากการนั่งเทียนของตำรวจทางหลวงเพียงคนเดียว ไม่มีการพิสูจน์หลักฐานใด ๆ ทั้งสิ้น 


#อ่านต่อตอนจบ











Create Date : 14 กรกฎาคม 2558
Last Update : 14 กรกฎาคม 2558 9:54:52 น. 0 comments
Counter : 915 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.