4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2558
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 
เฮนรี่ ลี ลูคัส : บางสิ่งที่เลวร้าย

"ผมพยายามขอความช่วยเหือมานานเต็มที แต่ไม่มีใครช่วย ตอดเวา 10 ปีที่ผ่านมา ผมฆ่าคนไปหายราย แต่ไม่มีใครเชื่อ ผมฆ่าแม้กระทั่งเด็กสาวคนเดียวที่ผมรัก ผมไม่สามารถป่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปได้อีกแ้ว"

เรื่องราวของเฮ
นรี่ ลูคัส นั้นเต็มไปด้วยเรื่องพิศวงมากมาย สิ่งที่เรารู้คือตอนแรกเขาถูกจับในข้อหาครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย ในขณะที่เขาถูกสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชื่อมโยงว่าเขาเกี่ยวข้องกับผู้หญิงนักโบกรถที่หายสาบสูญเป็นจำนวนมากในเวานั้น แะพบความจริงว่าลูคัสเป็นคนฆ่าพวกเธอ ระหว่างพูดคุยลูคัสมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม เขาขอบุหรี่แะกาแฟ ก่อนที่เขาจะยอมรับว่าเขาได้กระทำสิ่งบางอย่างที่ร้ายงไป เขาได้เ่าถึงชีวิตวัยเด็กที่แสนโหดร้ายว่า “ผมเกียดตัวเอง เกียดทุกคน จำได้ว่าตอนเด็กๆ แม่จับแต่งตัวเป็นผู้หญิง เป็นแบบนั้นอยู่ 3 ปี วันแรกที่แม่พาเข้าโรงเรียน ผมอยู่ในชุดเด็กผู้หญิง ดัดผมอีกต่างหาก หังจากนั้นเป็นต้นมา ผมได้รับปฏิบัติเหมือนราวกับสุนัขในบ้าน โดนทุบตีบ่อยมาก ต้องทำอะไรหายอย่างที่มนุษย์ไม่อยากทำ.........”

เฮนรี่ ลูคัส (23 สิงหาคม 1936—13 มีนาคม 2001) เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวอเมริกันที่ถูกตัดสินในข้อหาฆ่าคนตาย 11 ราย ในช่วง 11 มกราคม 1960-1983(?) เขาร่วมมือกับออตติส เอวูด ทูเ ช่วยกันสังหารคนที่โบกรถตามทางหวงของเท็กซัส ฟอริดา มิชิแกน ซึ่งเขาอ้างว่าสังหารคนถึง 600 ชีวิต แต่หังจากก็กายเป็น 350 ชีวิต (แต่ในความเป็นจริงเขาฆ่าคนเพียงไม่กี่คน) ดังนั้นหายฝ่ายไม่สามารถสรุปว่าเขาฆ่ากี่คนกันแน่? เพราะเรื่องที่ลูคัสอ้างส่วนใหญ่มักโกหก แะเขาทำได้อย่างไรเขาถึงสามารถอยนวมายาวนานถึงขนาดนี้?

จากคำสารภาพของลูคัส นอกเหนือจากเรื่องจำนวนเหยื่อ สิ่งที่ทำให้หายฝ่ายตกใจมากที่สุดก็คือ ลูคัสได้อ้างว่าเขาได้รับการรักษาอาการทางจิตเบื้องต้นไม่ดี ครั้งหนึ่งเขาเคยวิงวอนขอร้องเจ้าหน้าที่โรงพยาบาว่า “เขาไม่พร้อมที่จะออกไปข้างนอก หากออกไปผมจะฆ่าคนอีก แะในวันเดียวนั่นเอง ห่างจากโรงพยาบาโรคจิตไม่ไกนักเขาก็ได้ฆ่าคน สุดท้าย ลูคัสได้ใช้ชีวิตอยู่ในแดนประหารนานถึง 15 ปี จนตายในคุก

เรื่องราวประวัติชีวิตของลูคัสนั้นมาจากคำบอกเ่าของเขา้วน ๆ ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากฟังจากประวัติชีวิตของลูคัส้ว ก็พบว่าตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้หญิง ชีวิตของลูคัสเต็มไปด้วยความเร้าย ความรุนแรง แะความบ้าคั่งที่ไร้เหตุผเขาเกิดในห้องหนึ่งในบ้านกระท่อมซุง ในแบ็กส์เบิร์ก รัฐเวอจิเนีย เขาเป็นูกคนเก้าของครอบครัว แม่ของลูคัส วิโอ่า ดิกสัน โว มีอาชีพเป็นโสเภณีขายบริการที่ติดแอกอฮอ์จนมีนิสัยโหดร้ายทารุณ ส่วนพ่อของลูคัสชื่อ อันเดอร์สัน ซึ่งเป็นพนักงานรถไฟที่ติดแอกอฮอ์เช่นกันนั่นสูญเสียขาข้างหนึ่งจากการถูกชนโดยรถบรรทุก เป็นผทำให้รายได้หักของครอบครัวส่วนใหญ่มาจากการบริการทางเพศกับคนแปกหน้าแะขายวิสกี้ผิดกฎหมาย


ลูคัสมักอ้างเสมอ ๆ เขาต้องอยู่ในบ้านที่สุดจะคับแคบเวลานอนก็นอนแออัดยัดเยียดกันในห้องเล็ก คล้ายยุ้งฉางเก่า เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ไม่มีไฟฟ้า สภาพแวดล้อมภายนอกมีแต่แมงแดงหรือไม่ก็กุ้ยข้างถนน โดยเฉพาะแม่ที่ปฏิบัติกับเขาอย่างกับสัตว์เลี้ยงที่ไม่มีปากเสียง ไม่ยอมเลี้ยงดู ไม่เคยทำความสะอาดบ้าน ไม่แม้แต่เคยทำอาหารให้ อีกทั้งเขาและพวกพี่ชายถูกพ่อหรือแม่ใช้ความรุนแรงถูกตบตีอย่างไร้เหตุผลอยู่บ่อยครั้ง ครั้งหนึ่งเขาถูกแม่ตีด้วยไม้กระดานจนถึงกับสลบ อาการโคล่าต้องนอนเป็นเวลานานถึงสามวัน ซึ่งนั่นเองทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าสมองส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมเสียหาย หลายครั้งเขาก็ถูกแม่บังคับให้ดูเธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่น นอกจากนี้ลูคัสยังบอกว่าแม่ของเขาทำเรื่องโหดร้ายกับเขาหลายเรื่อง มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาได้ล่อเป็นของขวัญจากลุงของเขาหากแต่ต่อมาล่อตัวดังกล่าวก็ถูกแม่ของเขายิงและฆ่ามันอย่างโหดร้าย ต่อมาเมื่อเขาอายุได้แปดขวบเขาได้รับตุ๊กตาหมีจากครูของเขาแต่เขากลับถูกแม่ตีเพราะคิดว่าเขาไปขอทานได้มา 

เมื่อลูคัสโตจนอายุ 10 ขวบ เขาก็ถูกบังคับให้ทำงานตั้งแต่เช้าจนเย็น ติดแอลกอฮอล์ ต่อมาเขาได้ทะเลาะกับพี่ชายและถูกแทงที่ตาซ้าย หากแต่แม่ของเขากลับละเลยอาการบาดเจ็บปานตายของลูคัส ซ้ำยังปล่อยทิ้งไว้นานถึงสี่วัน และต่อมาตาได้ติดเชื้อ ทำให้ตาบอดจนต้องเปลี่ยนแก้วตาสำรองใหม่ เมื่อโตขึ้นจนสามารถไปโรงเรียนได้ ลูคัสกลับถูกแม่จับเขาแต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิง (ชุดของพี่สาว) แล้วพาเขาในชุดผู้หญิงเพื่อไปเรียนหนังสือ จนกลายเป็นเป้าหมายการกลั่นแกล้งในโรงเรียน ซึ่งอาจารย์บรรยายลูคัสตอนนั้นว่าเขาเป็นเด็กที่มีปัญหาด้านการเรียน เป็นโรคขาดสารอาหารอย่างต่อเนื่อง และมีปัญหาการเรียนรู้ ทำให้ทางโรงเรียนต้องดูแลเป็นพิเศษ หากแต่ที่บ้านลูคัสยังปล่อยละเลยอยู่เหมือนเดิม

ในเดือนธันวาคม ปี 1949 อันเดอร์สัน พ่อของลูคัส เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว เนื่องจากเมานอกบ้านแล้วล้มกับพื้นในระหว่างมีพายุหิมะ ว่ากันว่าการจากไปของพ่อทำให้ลูคัสข่มขืนและก้าวร้าวมากขึ้น ไม่นานหลังจากที่ลูคัสออกจากโรงเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่หกและหนีออกจากบ้าน เร่ร่อนอยู่แถว รัฐเวอร์จิเนีย ลูคัสได้อ้างว่าช่วงเวลาดังกล่าวเขามีความวิปริตทางเพศ ถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ป่า และมักทรมานสัตว์จนตาย ในขณะเดียวกันเขาต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ ขโมยเล็กขโมยน้อย ย่องเบาเพื่อมีชีวิตรอด

ลูคัสได้เล่าว่าเขาได้พยายามก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งแรกของเขา (เมื่อ 14 ปี) ในปี 1951 เมื่อเขาได้บีบคอผู้หญิงอายุ 17 ปีคนหนึ่งชื่อลอร่า โดยสาเหตุก็คือผู้หญิงคนดังกล่าวปฏิเสธมีเพศสัมพันธ์กับเขา พออายุ 17 ปี เขาลักพาตัวผู้หญิงจากป้ายรถประจำทาง ด้วยการทุบเธอจนสลบจากนั้นก็ลากเธอไปยังพื้นที่ห่างไกลแล้วพยายามจะข่มขืนเธอ แต่ผู้หญิงตื่นมาร้องไห้เสียก่อน ลูคัสโมโหมากเลยใช้มือบีบคอเธอจนตาย แต่เรื่องดังกล่าวเชื่อถือไม่ค่อยได้เพราะเมื่อลูคัสสารภาพเรื่องการฆาตกรรมแต่ละเรื่อง ภายหลังเขามักกลับคำรับสารภาพ

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 1954 ลูคัสถูกตัดสินว่าความผิดในคดีลักทรัพย์หลายคดี (เกือบโหล) ในริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย ถูกพิพากษาจำคุกสี่ปีในคุก ในช่วงอยู่ในคุกนั้นเขาปรับตัวอย่างรวดเร็ว หากแต่ภายหลังเขาก็ออกหลบหนีออกมาในปี 1957 แต่ไปไหนไม่รอด เขาถูกจับในสาม
วันให้หลัง และถูกปล่อยตัวเมื่อวันที่ 2 กันยายน 1959 เพราะคุกแออัด

ในปลายปี 1959 ลูคัสได้เดินทางไป ทีคัมเซห์ มิชิแกน เพื่อไปอาศัยอยู่กับน้องสาว(พี่น้องผู้หญิงที่ร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน)โอปอล ในช่วงเวลานี้ลูคัสได้พบเพื่อนทางจดหมาย(ระหว่างเขียนจดหมายในคุก) และดูตัวกันถึงขั้นมีความคิดจะแต่งงาน หากแต่ในวันคริสมาสต์ระหว่างที่ลูคัสพาเพื่อนดังกล่าวมารู้จักกับแม่ของลูคัส หากแต่แม่กลับไม่อนุญาตพร้อมไล่ให้ลูกชายของเธอกลับไปยังที่ของเขาในแบล็กส์เบิร์กซะ แต่ลูคัสปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งของแม่ และทั้งคู่ก็โต้เถียงรุนแรง โดยเรื่องการแต่งงานลูคัสจะอารมณ์เสียเป็นพิเศษ และนั้นเองเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ลูคัสถึงขีดสุด ในวันที่ 11 มกราคม 1960 ลูคั้สได้ฆ่าแม่ของตัวเอง (เหยื่อรายแรกอย่างเป็นทางการ) ในขณะที่ทั้งคู่โต้เถียงอย่างรุนแรง ลูคัสได้อ้างว่าเขาตีหัวแม่ด้วยไม้กวาด จากนั้นก็บีบคอจนเธอล้มลง จากนั้นก็แทง ก่อนที่เขาจะหนีไป และนี้คือคำให้การบางส่วนของลูคัส

“ทั้งหมดที่ผมจำได้ ผมตีรุนแรงที่คอของเธอ จากนั้นเธอก็ล้มคะมำลงกับพื้น ผมรีบคว้าเธอขึ้นมา ปรากฏว่าเธอตายแล้ว ผมตื่นตระหนก จากนั้นผมก็สังเกตว่ามือของผมมีมีดที่เต็มไปด้วยเลือด เธอถูกผมฆ่า”




ในเวลาต่อมาโอปอลน้องสาวของลูคัส (กับเพื่อน) ได้พบว่าแม่ของเธอถูกฆ่า นอนลอยบนสระว่ายน้ำที่เต็มไปด้วยเลือด เธอเรียกรถพยาบาล แต่มันสายเกินไปที่จะช่วยชีวิตไวโอล่า ลูคัสไว้ได้ จากรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเธอเสียชีวิตจากหัวใจวายเฉียบพลันเพราะถูกทำร้าย ในขณะนั้นลูคัสกลับไปยังเวอร์จิเนียและเขาตัดสินใจจะขับรถกลับไปยังรัฐมิชิแกน แต่ถูกจับกุมที่โอไฮโอเพราะทำผิดกฎจราจร จากการสืบสวนลูคัสได้อ้างว่าเขาทำร้ายแม่ของตนเองเพราะต้องป้องกันตัวเอง แต่ศาลไม่เชื่อคำอ้างดังกล่าว เขาถูกพิพากษาถึง 20 และ 40 ปี ต้องะวางโทษจำคุกอีกเพราะเขาทำก่อคดีฆาตกรรมที่มิชิแกน ในช่วงเวลาดังกล่าวเขาถูกส่งไปโรงพยาบาลโรคจิตไอโอเนียสสเตทในมิชิแกนเนื่องจากเขามีความคิดจะฆ่าตัวตายจากการเชือดข้อมือ ลูคัสอ้างว่าช่วงที่อยู่ใคกเวลานั้นเหมือน "ฝันร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุด" เขาได้เริ่มยิงเสียงในหัวของเขาเหมือนผีสิงทั้งวันทั้งคืน และด้วยเรื่องดังกล่าวทำให้เขาถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช ซึ่งทางโรงพยาบาลรักษาลูคัสด้วยการช็อตด้วยไฟฟ้า ก่อนที่จะกลับเขาเรือนจำมิชิแกนอีกครั้งในปี 1966 และสี่ปีต่อมาปีต่อมา ลูคัสได้ถูกปล่อยตัวออกจากคุก ว่ากันว่าลูคัสวินวอนขอร้องให้เจ้าหน้าที่ว่า "อย่าปล่อยผมออกไป ถ้าปล่อยตัวผม ผมจะฆ่าคนอีก" และก็เป็นเช่นนั้นจริง หากแต่อย่างไรก็ตาม สิบสองเดือนต่อมาเขาก็กลับมาอยู่ในเรือนจำอีกครั้งในข้อหาลักพาตัวผู้หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งที่กำลังรอป้ายรถเมล์และข้อหาพกอาวุธปืน เขาถูกจำคถกจนถึงเดือนสิงหาคม 1975 เขาก็ถูกปล่อยตัวอีกครั้ง

หลังจากออกจากคุกลูคัสได้เร่ร่อนแถวอเมริกาใต้ อยู่กินกับภรรยาม่ายซึ่งเป็นหนึ่งในญาติของเขา ตอนแรกเป็นแค่เพื่อนแต่ต่อมาความสัมพันธ์ก็พัฒนาจนได้แต่งงานกันเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1975 ก่อนที่จะเลิกกันอย่างรวดเร็วเมื่อจับได้ว่าเขาพยายามล่วงละเมิดทางเพศลูกของเธอ เพราะเหตุดังกล่าวทำให้ลูคัสต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่ในรถพ่วงหางานทำเล็กน้อยและขโมยของในฟลอริด้า จนกระทั้งในปี 1976 และที่นั้นเอง เขาได้รู้จักออตติส เอลวูด ทูเล ทั้งสองสนิทกันจนกลายเป็นคู่หูเพื่อคู่หูก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในเวลาต่อมา

ออตติส เอลวูด ทูเล (เกิด 5 มีนาคม – 15 กันยายน 1996) เขาเกิดในแจ็กสันวิลล์, ฟลอริด้า ชีวิตของเขาค่อนข้างเหมือนลูคัสเพราะเลวร้ายพอๆ กัน จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่เขายินดีที่จะเป็นเพื่อนรักกับลูคัส แม่ของทูเลนั่นเป็นพวกคลั่งศาสนา (พร้อมกับบรรดาญาติ ๆ) ทูเลได้อ้างว่าเขามักถูกล่วงละเมิดทางเพศ และแม่ของเขาชอบให้เขาแต่งตัวเป็นผู้หญิง และเรียกเขาว่า “แบคกี้” เขามักถูกทำร้ายทางเพศและร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง โดยญาติที่สนิทกันมาก พี่สาว และเพื่อนบ้านใกล้เคียง คุณยายของเขาเป็นพวกนับถือลัทธิซาตาน ที่สั่งสอนเขาแต่เรื่องเลวร้าย การปฏิบัติพิธีกรรมโดยการทำร้ายตนเองและปล้นสุสาน และเขาถูกตั้งฉายาว่า “เด็กปีศาจ” และนั้นเองทำให้ทูเลมีความเชื่อเรื่องกินเนื้อมนุษย์ เวลาที่เขาฆ่าเหยื่อเขาจะกินเนื้อของศพไปด้วยตามความเชื่อของเขา

ทูเลนั้นเป็นเด็กปัญญาอ่อน ที่ทุกข์ทรมานจากสมองพิการ มีไอคิวเพียง 15 แต่เชื่อกันว่าไอคิวของเขาน่าจะสูงกว่านี้หากแต่เขากลับได้คะแนนต่ำเพราะว่าต้องทนทุกข์ทรมานกับความพิการหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการพิการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็น Dyslexia (ความบกพร่องในการอ่าน)
หรือ ADHD(สมาธิสั้น) และการไม่รู้หนังสือ เขายังได้รับความเดือดร้อนจากโรคลมชัก ชอบชักโดยไม่ทราบสาเหตุ ตลอดวัยเด็กเขามักหนีออกจากบ้านเพื่อไปนอนในบ้านร้าน และเมื่อถึงวัยหนุ่มสาวเขาก็มีความวิปริตทางเพศต้องกระตุ้นทางเพศด้วยไฟฟ้า และกลายเป็นนักลอบวางเพลิง 

นอกจากนี้ทูเลยังอ้างว่าเขาถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับพ่อของเพื่อนเขาเมื่อเขาอายุ 5 ปี ทำให้เขากลายเป็นพวกรักร่วมเพศ เมื่อเขาอายุ 10 ปี เขาอ้างอีกว่าเขามีเพศสัมพันธ์รักร่วมเพศกับเด็กเพื่อนบ้าน เมื่ออายุได้ 12 ปีเขาออกจากขั้นมัธยมศึกษาแล้วทำอาชีพในบาร์เกย์ เขาขายตัวโดยแต่งตัวเป็นผุ้หญิงออกหากิน และสุดท้ายเขาได้อ้างว่าเขาได้ก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งแรกเมื่ออายุ 14 หลังจากมีเพศสัมพันธ์กับเซลล์แมน และยังขโมยรถของเซลล์แมนเป็นของตัวเองด้วย ทูเลถูกจับกุมครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 1964 ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุ 17 ปีในขณะเดินเตร่ผิดกฎหมาย เขาถูกจำคุกระยะสั้น และถูกปล่อยตัวออกมา

ในช่วงทูเลปล่อยตัวออกมาในระหว่างปี 1966-1973 ชีวิตในช่วงนั้นไม่มีใครทราบ แต่เชื่อว่าเขาเร่ร่อนในตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ขายบริการทางเพศและขอทานเพื่อเลี้ยงชีวิต ในขณะที่อยู่อาศัยในรัฐเนแบรสกา เขาเป็นหนึ่งผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในคดีฆาตกรรมแพทริเซีย เว็บบ์ ฃอายุ 24 ปี ที่ถูกฆ่าเมื่อปี 1974 หลังจากนั้นไม่นานก็ออกไปจากเนแบรสกา ไปยังโบลเดอร์, รัฐโคโลราโด หนึ่งเดือนต่อมาเขาก็ได้กลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในคดีฆาตกรรมเอลเลน ฮอลแมนอายุ 31 ที่ถูกฆาตกรรมในวันที่ 14 ตุลาคม 1974 และด้วยหลายข้อหาดังกล่าวทำให้ทูเลต้องหนีออกจากโบลเดอร์ และกลับไปตั้งหลักยังบ้านเกิดแจ็กสันวิลล์อีกครั้ง

ในช่วงต้นปี 1975 ทูเลได้กลับมายังบ้านเกิด หลังจากเร่ร่อนในป่าเขาอเมริกาใต้ วันที่ 14 มกราคม 1976 เขาแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ถูกทิ้งอย่างรวดเร็วเพียงสามวัน หลังจากที่เธอรู้ว่าสามีของเธอเป็นพวกรักร่วมเพศ

ในปี 1976 นี้เองที่ทูเลได้พบกับลูคัส ในห้องครัวซุปแจ็กสันวิลล์ พวกเขาคบเป็นเพื่อนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พัฒนาความพันธ์ทางเพศ นอกจากนี้ทั้งคู่ยังเป็นพวกเบี่ยงเบนทางเพศและวิปริตทางเพศเหมือนกัน ครั้งหนึ่งลูคัสยังเคยมีเพศสัมพันธ์กับหลานสาวของทูเลอายุ 12 ปี ชื่อฟรีดา พาวเวลล์ ที่หลบหนีมาจากสถานควบคุมเด็กและเยาวชน ซึ่งลูคัสและทูเลได้เรียกเธอว่า “เบคกี้” เพื่อปิดบังตัวตนของเธอ (เธอเป็นคนขอร้อง) เบคกี้กลายเป็นคนรักของลูคัสและเชื่อกันว่าฟรีดามีส่วนร่วมการก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องแก่สองคนด้วย

การพบกันของสองที่มีประวัติชีวิตที่เลวร้าย กลายเป็นจุดเริ่มต้นของคู่หูฆาตกรต่อเนื่องที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดอีกคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐ ตอนแรกพวกเขาเร่ร่อนด้วยการ ไปไหนก็ดื่มไปเทรี่นส เงินหมดก็ปล้นร้านสะดวกซื้อจนาดเล็ก, ธนาคาร หรือขโมยเงิน อาหาร หรือเ
บียร์ การก่ออาชญากรรมรุนแรงมากขึ้นตามลำดับ จนกระทั้งมาจุดถึงการฆาตกรรมต่อเนื่องในที่สุด ลูคัสและทูเลตั้งชื่อทีมของพวกเขาว่า “ฆาตกรรักร่วมเพศ”และเริ่มต้นในการฆ่าคนทั่วรัฐประเทศอเมริกา จากรัฐหนึ่งไปยังอีกรัฐหนึ่ง (ประมาณ 26 รัฐ) ในระหว่างนั้นลูคัสได้อ้างว่าพวกเขาได้ฆ่าคนร้อยแปดคน โดยมีทูเลเป็นลูกมือ เขาออกอาละวาดในฟลอริดา เท็กซัส เขาได้สอนทูเลถึงศิลปะการสังหาร เทคนิคในการฆ่า เหยื่อของเขาส่วนมากเป็นนักโบกรถ โสเภณี หรือไม่ก็ผู้หญิงทีร่อยู่ตามป้ายจอดรถประจำทาง ที่พวกเขาใช้อาวุธปืน.22 ข่มขู่ ก่อนที่ลากไปข่มขืม รัดคอ และจบด้วยการซ่อนศพด้วยการขุดหลุมตื้น ๆ บางครั้งลูคัสลากผุ้หญิงลงจากรถแล้วยิง 6 นัดซ้อนเลยก็มี ซึ่งส่วนมากเลยลูคัสเป็นตัวตั้งตัวดีในการเลือกเหยื่อ ฆ่าเหยื่อ ส่วนทูเลเป็นคนที่รอคำสั่งจากลูคัสเท่านั้น ซึ่งลูคัสได้อ้างว่าเขาไม่มีความรู้สึกหรืออารมณ์เสียใจอะไรเลยเมื่อฆ่าเหยื่อที่เป็นผู้หญิง

การฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อครั้งแรกประสบผลสำเร็จครั้งที่สองและครั้งที่สามก็ตามมา หากไม่มีฝ่ายรักษากฎหมายออกมาเคลื่อนไหว เนื่องจากคดีที่ทั้งสองก่อนั้นข้ามรัฐหลายรัฐ ยากที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นคดีเดียวกัน และเมื่อทั้งสองลอยนวล ยิ่งทำให้ฆาตกรกระหายที่อยากจะฆ่าเหยื่อมากขึ้น สาเหตุที่ทำให้ลูคัสฆาตกรรมต่อเนื่องได้สำเร็จก็เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ห่างไหลไม่มีพยาน รถที่ใช้ส่วนมากขโมย การฆ๋าก็ปราศจากแรนงจูงใจ นอกจากนั้นทูเลยังชักชวนให้ลูคัสเข้าลัทธิ “มือแห่งความตาย” ศาสนาซาตานที่สอนพวกสาวกว่าให้ฆ่าเด็กเพื่อสังเวยซาตาน บางครั้งพวกเขาทำตามคำสั่งทางลัทธิโดยการลักพาตัวเด็กจากหลายๆ รัฐมาทำพิธีกรรมดังกล่าว หากแต่เมื่อตำรวจทำการค้นหาลัทธิดังกล่าวก็พบว่าไม่มีอยู่จริง ทำให้เชื่อว่าทูเลก็มีนิสัยคล้ายๆ กับลูคัสก็คือสิ่งที่เขาสารภาพว่าเขาฆ่าคนนั่นเชื่อถือไม่ค่อยได้ ภายหลังทูเลกล่าวว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก ที่เขาโกหกดังกล่าวก็เพื่อเอาเงินมาปรับปรุงสภาพเป็นอยู่ในคุกของเขาเท่านั้น จากการวิเคราะห์ของนักจิตวิทยาการที่ลูคัสฆ่าผู้หญิงดังกล่าวเนื่องจาก พื้นฐานลูคัสมีความเกลียดชังผู้หญิงที่เกิดจากบาดแผลในใจ ที่เกลียดแม่ตนเอง เฉื่อยชาเป็นปรปักษ์ต่อสังคม หากแต่เหยื่อส่วนใหญ่กลับเป็นผู้หญิงวัยรุ่น บางทีอาจเป็นเพราะการฆ่าเสมือนหนึ่งการมีเพศสัมพันธ์ และปิติสุขที่ได้ฆ่า โดยเหยื่อมักเปลือย และถูกแทงหลายครั้งที่หน้าอก คอ แขน หลัง ลึกจนถึงกระดูก และจุดฆาตกรรมก็เห็นได้ชัดว่าฆาตกรใช้เส้นทางหลักในการเดินสายฆ่าเหยื่อ

ว่ากันว่าแบ็กกี้นั้นเป็นผู้หญิงที่ลูคัสรักที่สุด หากแต่ไม่มีใครทราบว่าแบ็กกี้นั้นมีส่วนร่วมในการฆาตกรรมของลูคัสและทูเลหรือไม่ จากคำให้การของลูคัสบอกว่าเธอไม่เกี่ยวข้องดังกล่าว เขามักให้เธออยู่ในรถส่วนเขากับทูเลไปก่ออาชญากรรม เธอก็รู้บ้างไม่รู้บ้างว่าพ
วกเขาเขาทำอะไร หลังจากนั้นที่พวกลูคัสตะลอนฆ่าเหยื่อหลายรัฐ(จนไม่รู้ว่าอันไหนเรื่องจริงอันไหนเท็จ) ทูเลก็ได้ตัดสินใจแยกทางจากลูคัสเนื่องจากลูคัสขึ้นปักหลักเป็นเรื่องเป็นราว เมื่อทูเลออกไปลูคัสและแบ็คกี้ได้ตัดสินใจตั้งรกรากที่สโตนเบิร์ก เท็กซัส ในชุมชนศาสนาที่เรียกว่า “บ้านแห่งคำอธิษฐาน” ซึ่งเจ้าของชุมชนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ที่อนุญาตให้ลูคัสอาศัยอยู่พาร์เม้นท์ขนาดเล็กของชุมชน เพราะเชื่อลูคัสที่อ้างว่า เขาและเบ็คกี้เป็นสามีภรรยากัน ต่อมาลูคัสก็เกิดปัญหาขึ้น เมื่อเบ็กกี้เป็นโรคคิดถึงบ้าน เธอเบื่อหน่ายสภาพความเป็นอยู่ที่นี้ เธออาจกลับไปฟลอริด้า ซึ่งลูคัสพยายามโน้มนาวให้แบ็คกี้เปลี่ยนความคิด หากแต่เธอไม่ยอม คูคัสจำเป็นต้องตามใจเธอเพราะไม่อยากสูญเสียเธอไป เขากับแบ็คกี้จึงใช้รถบรรทุกเดินทาง ระหว่างทางทั้งคู่เถียงกันจนกระทั่งถึงโบวี่ เท็กซัส ทั้งคู่เถียงกันอย่างรุนแรง จนเหมือนกรณีแม่ของลูคัส เมื่อแบ็คกี้ตบหน้าลูคัส ที่ลูคัสเลือดขึ้นหน้าทนไม่ไหว จัดการฆ่าเธอด้วยมีดแล่เนื้อแทงที่หน้าอกของเธอ




แบ็กกี้ตายคาที่ในเวลาต่อมา แต่ลูคัสไม่รู้สึกเสียใจที่แบ็คกี้ตายเลย เขาเอาผ้าห่มตัวแบ็คกี้ ซ้ำยังข่มขืนเธอ จากนั้นก็ตัดชิ้นส่วนศพ ตัดหัวเธอ ตามด้วยตัดลำตัวออกเป็นสองชิ้นส่วน และตัดส่วนต่างๆ รวมเป็น 9 ชิ้นส่วน จากนั้นก็นำมายัดใส่เหมือนปลอกหมอน และเขาก็ทิ้งชิ้นส่วนกระจัดกระจายไปที่หลุมสนามในบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้เขายังทิ้งกระเป๋าเงินและกระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก ภายหลังลูคัสสังหารแบ็คกี้ จู่ ๆ เขากับมีรู้สึกแสดงความเสียใจต่อการจากไปของเธอ ความจริงแล้วเขายังต้องการความรักของแบ็คกี้อยู่ ทำให้มีครั้งหนึ่งลูคัสกลับมาพื้นที่ฝังศพบางส่วนในหลุมตื้นใกล้ป่าละเมาะในจุดที่เขาฝังเธออีกครั้ง ซึ่งไม่รู้ว่าความรู้สึกดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอน หลังจากที่เขาฆ่าแบ็กกี้แล้วเขาได้เปลี่ยนไป เขาเริ่มไม่ค่อยใส่ใจกับรายละเอียดของเหยื่อที่เขาฆาตกรรม



ลูคัสถูกจับเมื่อ 11 มิถุนายน 1983 โดยนายอำเภอเท็กซัสชื่อไรอัล ฟิล โดยข้อหาตอนแรกก็คือเขาครอบครองอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย ขณะที่เขาถูกคุมขังเขาได้เขียนโนตถึงนายอำเภอว่า "ผมพยายามขอความช่วยเหลือมานานเต็มที แต่ไม่มีใครช่วย ตลอดเวลา 10 ปีที่ป่านมา ผมฆ่าคนไปหลายราย แต่ไม่มีใครเชื่อ ผมฆ่าแม้กระทั่งเด็กสาวคนเดียวที่ผมรัก ผมไม่สามารถปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปได้อีกแล้ว" ก่อนที่ภายหลังจะถูกตั้งข้อหาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเคท ริช อายุ 82 ปี ในริงโกลด์ เท็กซัส ซึ่งเธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และลูคัสเป็นผู้ต้องสงสัย แต่ไม่มีหลังฐาน และถูกตั้งข้อหาเพิ่มจากคดีฆาตกรรมแบ็กกี้ ซึ่งลูคัสอ้างว่าตอนที่เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับนั้น เขาถูกบังคับให้สารภาพ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจับเขาเปลือยกาย ไม่ให้บุหรี่ ไม่มีเตียง และถูกปฏิเสธการขอทนาย ทำให้เขาต้องตากอากาศเย็นจนล้มป่วย 

หลังจากสี่วันเมื่อลูคัสตัดสินใจยอมที่จะสารภาพเพื่อแลกกับการรักษา เขาสารภาพว่าเขาฆ่าคนมากกว่า 100 ศพ ในทั่วรัฐอเมริกา โดยลูคัสได้กล่าวว่า"ผมได้ทำสิ่งที่เลวร้ายมาพอสมควร" ซึ่งนั่นทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใน 35 รัฐ ต้องระดมกำลังกันในการพยายามเชื่อมโยงลูคัสกับคดีปริศนากว่า 210 คดี เพื่อสามารถปิดสำนวนดังกล่าวให้ได้มากที่สุด ซึ่งในตอนนั้นลูคัสได้มีโอกาสเดินทางไปไกลๆ โดยเครื่องบินหรือรถยนต์ พักตามโมเต็ล กินอาหารดีๆ ตามภัตตาคาร ได้รับปฏิบัติราวกับเป็นดารา หากแต่ด้วยวาทศิลป์หรือหลักฐานไม่เพียงพอ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถสรุปได้ว่าลูคัสฆ่าคนกี่คนกันแน่ โดยเฉพาะกรณีของแบ็กกี้และเคท สองคดีดังกล่าวสรุปไม่ได้ว่าทั้งสองถูกใครฆ่ากันแน่ เนื่องจาศพทั้งสองไม่สมบูรณ์ มีเพียงแค่ซากกระดูกที่ถูกเผาไหม้ จนไม่สามารถระบุว่าพวกเธอตายเพราะเหตุใดกันแน่ อีกทั้งส่วนใหญ่การสิ่งที่ลูคัสสารภาพเขามักกลับคำในภายหลัง หรือจากการสอบสวนแล้วไม่ตรงกับสิ่งที่ลูคัสเล่า ทำให้คดีของลูคัสมีความยุ่งยากในการสืบสวน ซึ่งลูคัสเองก็รับสารภาพในภายหลังว่าเขาโกหกหลายคดี โดยเขาให้เหตุผลโกหกว่า "พูดไปอย่างงั้นแหละ จะได้รู้บ่างว่า ตำรวจก็งี่เง่าเป็นเหมือนกัน"



ในที่สุดลูคัสก็ถูกตัดสินลงโทษจากคดีฆาตกรรม 11 กระทง ซึ่งหนึ่งในนั้นเขาได้ฆาตกรรมผู้หญิงที่ไม่ปรากฏว่าเป็นใคร โดยตำรวจขนานนามว่า “ถุงเท้าสีส้ม” ซึ่งระบุตามเสื้อผ้าที่พบในร่างกายที่สวมใส่ในตัวของเธอ โดยร่างกายของเธอถูกพบในเขตวิลเลียมสัน เท็กซัสในวันฮาโลวีนปี 1979 เขาถูกพิพากษาให้ประหารชีวิต ทางด้านทูเลหลังจากที่เขาแยกตัวจากลูคัส เขาได้ถูกจับในเดือนเมษายน 1983 ในข้อหาลอบวางเพลิงในแจ็กสันวิลล์ และวันที่ 21 ตุลาคม เขาก็สารภาพฆาตกรรมหลายคดี และหลายคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถหาเอาผิดเขาได้เพราะไม่มีหลักฐาน ในเดือนเมษายนปี 1984 เขาถูกตัดสินให้ประหารชีวิตจากคดีที่เขาสารภาพสี่คดี ก่อนที่จะลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งในช่วงที่เขาอยู่ในคุกในรัฐฟลอริดา (เขาอยู่แดนเดียวกับเท็ด บัดดี้ฆาตกรโรคจิตชื่อดัง) เขาก็ยังสารภาพคดีฆาตกรรม 10 คดีในฟลอริด้าทางตะวันตกเฉียงเหนือ โดยพาตำรวจไปที่ฝังศพตามที่ต่าง ๆ สุดท้ายทูเลเสียชีวิตตายคาห้องขังจากภาวะตับล้มเหลว เมื่อวันที่ 15 กันยายน 1996 เขาถูกฝังในสุสานของคุก ทางด้านลูคัสนั้นยังต้องชดใช้กรรมต่อไปในคุกฟลอริดา ในปี 1998 เขาอยู่ในแดนประหารนานถึง 15 ปี จนถึงเดือน 1999 จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ผู้ซึ่งเป็นผู้ว่าเท็กซัสในขณะนั้นได้ลดโทษประหารชีวิต โดยเปลี่ยนมาเป็นจำคุกตลอดชีวิตแทน และลูคัสก็อยู่แต่ในห้องขังแคบๆ เรื่อยมาจนกระทั่งเสียชีวิตในคุกจากภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2001 รวมอายุได้ 64 ปี

เรื่องราวของลูคัสถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์มากมายที่ดัง ๆ ก็เช่น Henry: Portrait of a Serial Killer (1986) และล่าสุด Drifter: Henry Lee Lucas (2009) ซึ่งเป็นหนังเกรดบีที่ไม่ได้ตรงเหตุการณ์จริงเท่าใดนัก








Create Date : 13 กรกฎาคม 2558
Last Update : 28 กรกฎาคม 2558 15:35:50 น. 0 comments
Counter : 1461 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.