ฉบับ 1108 23/8/56 : โรงหนังภูธร ในยุคเปลี่ยนผ่าน
จากยุคหนังฟิล์ม 16 มม.มาสู่ระบบ 35 มม.และระบบ Digitalในปัจจุบัน ที่มาพร้อมกับระบบ 3D และ 4DX จากเวลาทองของโรงหนัง StandAloneมาสู่ช่วงรุ่งเรืองของโรงหนัง Multiplex และการเกิดขึ้นของห้างสรรพสินค้า Community Mall ธุรกิจสายหนังต่างจังหวัด และโรงหนังภูธรต่างก็ยืนหยัดและเดินหน้ามาได้เรื่อยๆ ไม่ว่าสภาพสังคมจะเปลี่ยนไปเช่นใด เมื่อมาถึงยุคเปลี่ยนผ่านทั้งธุรกิจก็ผลัดรุ่นผู้บริหารเป็นรุ่นลูกขึ้นมาสืบทอดกิจการมีโมเดลน่าสนใจของโรงหนังภูธรแห่งหนึ่ง ซึ่งว่ากันว่ากำลังเป็นที่จับตามองของสายหนังภาคอีสาน ม็อคค่าปาท่องโก๋ ได้รับเกียรติจากผู้บริหารโรงภาพยนตร์เครือเนวาด้าซึ่งสยายปีกครอบคลุม 4 จังหวัดสำคัญของภาคอีสาน (อุบล-อุดร-สกล-ร้อยเอ็ด) หนุ่ม-ณัฐพล พันธ์นิกุลทายาทเนวาด้าแห่งอุบลราชธานี Mr. Coffee : ช่วงเล่าประวัติความเป็นมาของ เนวาด้า คุณหนุ่ม : เนวาด้า ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2518 โดยเกิดจากความต้องการทำธุรกิจโรงภาพยนตร์ในจังหวัดอุบลราชธานีของคุณพ่อของผม ซึ่งในขณะนั้นก็มีโรงภาพยนตร์อยู่แล้วหลายแห่งโดยไม่ได้มีพื้นฐานทางด้านธุรกิจภาพยนตร์มาก่อนแต่อย่างใด ก็เริ่มจากการติดต่อหาหนังมาฉายยุคแรกๆ จะเป็นหนังแขก หนังอินเดีย สมัยนั้นคนดูหนังแขกเยอะ ซึ่งเมื่อก่อนหนังที่มาฉายจะเป็นเครือใคร โรงใคร ก็จะฉายหนังที่ตนเองได้ติดต่อมา ไม่ซ้ำกันหนังโรงนี้ก็จะฉายของค่ายนี้ Mr. Coffee : สมัยนั้นเป็นโรง StandAlone คุณหนุ่ม : ใช่ครับ สมัยนั้นยังเป็นโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่โรงเดียวและจากหนังอินเดีย ก็เริ่มมีฉายหนังจีน หนังฝรั่ง หนังไทย เพิ่มขึ้นมาราคาตั๋วเริ่มแรกก็อยู่ที่ประมาณที่นั่งละไม่ถึง 10 บาทหลังจากนั้นธุรกิจโรงหนังซบเซาลง จากการเข้ามาของโทรทัศน์ วิดีโอ มีผลกระทบทำให้โรงภาพยนตร์หลายๆแห่งในจังหวัด มีปัญหา จากที่เคยมีถึง 5 โรงก็ทยอยปิดตัวลงจนเหลือแต่เนวาด้าแห่งเดียว ประมาณช่วงปี พ.ศ. 2533-2534 Mr. Coffee : เนวาด้าผ่านช่วงซบเซานั้นไปได้อย่างไร คุณหนุ่ม : จากการที่เหลือที่เดียวทำให้มีปริมาณหนังที่จะฉายมากกว่าจำนวนโรง คุณพ่อของผม ก็เลยตัดสินใจสร้างโรงภาพยนตร์โรงที่ 2-3-4 ประมาณ พ.ศ. 2534-2535 โดยปรับปรุงพื้นที่เดิมทั้งหมดเปลี่ยนชื่อโรงเป็น A-B-C-D-E และสร้างต่อไปเรื่อยๆจนปัจจุบันมีทั้งหมด7 โรง A ถึง G จึงกลายเป็นเนวาด้ามัลติเพล็กซ์ และเป็นมัลติเพล็กซ์ แห่งแรกๆ ในประเทศไทย Mr. Coffee : หลังจากนั้นมีการปรับปรุงอะไรเพิ่มเติมบ้าง คุณหนุ่ม : ก็มีในเรื่องของระบบเสียงโดยปรับปรุงเป็นระบบเสียงรอบทิศทาง เป็นแห่งแรกในโรงภาพยนตร์ในส่วนภูมิภาคเรื่องที่ฉายเป็นระบบเสียงรอบทิศทางเรื่องแรกน่าจะเป็นเรื่อง Apollo 13 ปัจจุบันที่เนวาด้าจะเป็นระบบเสียงรอบทิศทาง 7.1 ทั้งหมด Mr. Coffee : จำได้ว่าโฆษณาในหนังสือพิมพ์สมัยก่อนเนวาด้าจะเป็นโรงภูมิภาคมีรอบฉายที่ฉายพร้อมกับโรงภาพยนตร์ในเขตกรุงเทพฯ คุณหนุ่ม : ใช่ครับ ตรงนี้ถือว่าเราทำได้ดีต้องขอย้อนกลับไปที่สมัยที่ยังไม่มีการพากย์เสียงไทยลงไปในฟิล์ม (สำหรับโรงต่างจังหวัดที่นิยมดูหนังพากย์ไทย)ดังนั้นจะต้องมีการพากย์และอัดเสียงพากย์ลงเทปเพื่อนำไปเปิดพร้อมกับหนังที่ฉายตอนนั้นโรงเนวาด้าได้รับการยอมรับว่าเป็นโรงที่มีห้องอัดเสียงพากย์ที่ดีมากนักพากย์ส่วนใหญ่จะชอบมาพากย์ที่นี่ ทำให้โรงเนวาด้าจะได้ฉายหนังเร็วกว่าโรงต่างจังหวัดอื่นๆเพราะจะต้องมาพากย์อัดเสียงไทยที่นี่แล้วจึงส่งต่อให้จังหวัดอื่นต่อไปแม้ภายหลังจะมีการพากย์เสียงไทยลงบนฟิล์มแล้วแต่โรงเนวาด้าอุบลราชธานีก็ยังคงได้ฉายหนังพร้อมกรุงเทพฯ อยู่เหมือนเดิมครับ Mr. Coffee : เคยมีปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับหนังไทยอะไรเกิดขึ้นที่นี่บ้าง คุณหนุ่ม : หนังไทยมีทั้งช่วงที่ดีและช่วงที่ซบเซา ยุคหนึ่งหนังไทยวัยรุ่นก็ทำรายได้ได้ดีแต่ถ้าระดับปรากฏการณ์น่าจะเป็น เรื่อง บางระจัน กับสุริโยไท สุริโยไทเป็นหนังที่มีหน่วยราชการเหมาโรงค่อนข้างเยอะนักเรียนก็มาดู ฟิล์ม 1 ชุด ทำรอบฉายได้เกือบ 30 รอบต่อวัน หลังจากช่วงนั้นหนังไทยก็เริ่มดีขึ้น Mr. Coffee : แล้วก่อนจะมาถึง พี่มาก...พระโขนงมีหนังไทยที่น่าสนใจอีกหรือไม่ คุณหนุ่ม : หลังจากยุค บางระจันกับสุริโยทัย หนังไทยจากค่าย GTH ก็ได้รับความนิยมและทำเงินมากกว่าค่ายอื่นๆ และในหนังไทยสัปดาห์นี้ก็ถือว่าเป็นปรากฏการณ์เช่นกันกับ แหยมยโสธร 3 คนดูแน่นกว่าพี่มาก...พระโขนงในช่วงวันแรกๆด้วยซ้ำ Mr. Coffee :ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางเนวาด้าจากการที่ค่ายภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่เข้ามาเปิดสาขาในจังหวัดอุบลราชธานี คุณหนุ่ม : ประมาณปี 2548 ทางเครือ Major ก็เข้ามาเปิดโรงภาพยนตร์ในอุบลราชธานีแน่นอนว่าทางเนวาด้าก็เสียส่วนแบ่งไปให้กับทาง Major พอสมควร แต่ตลาดหนังโดยรวมในจังหวัดก็โตขึ้นด้วยทางเนวาด้าก็ยืนราคาเดิม เพราะทาง Major ก็มีราคาค่าตั๋วที่แพงกว่าทางเรา ทั่วไปๆก็จะแพงกว่าทางเราประมาณที่นั่งละ 10-20 บาทแต่ราคาขนมขบเคี้ยวก็จะแตกต่างกันเยอะพอสมควร ของทางเนวาด้า ป็อบคอร์นราคาก็ประมาณ 25-30 บาท รวมน้ำดื่มแล้วก็ไม่เกินค่าตั๋วหนัง Mr. Coffee : มีปรับตัวและการวางแผนธุรกิจอย่างไรบ้าง คุณหนุ่ม : ที่จริงตั้งแต่ประมาณช่วงปี2547 ทางเนวาด้าก็ได้มีการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ไปที่จังหวัดสกลนคร และปี 2548ขยายไปที่จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งใน 2 จังหวัดที่กล่าวมาขณะนั้นก็จะมีแต่โรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก ยังไม่มีเครือใหญ่เข้าไป แต่ ณ ปัจจุบัน ทาง Major ก็เริ่มขยายไปจังหวัดร้อยเอ็ดและสกลนครแล้วเช่นกัน Mr. Coffee : การขยายสาขาของทั้งเนวาด้าและ Major มีผลอย่างไรทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้นหรือไม่ ทำให้คนหันมาดูหนังมากขึ้นหรือไม่ คุณหนุ่ม : ก็ทั้ง 2 ทางแน่นอนว่าเราก็กระทบกระเทือนเหมือนทุกครั้งที่มีเครือใหญ่เข้ามาแต่ก็ขึ้นอยู่กับที่ผู้บริโภคจะเลือก ลูกค้าของทางผมก็ค่อนข้างจะเหนียวแน่น แรกๆที่อุบลราชธานีทาง Major ก็มีจุดเดียว หลังจากนั้นทางค่าย SF ก็เข้ามาและหลังจากมีเซ็นทรัลมาเปิด Major ก็เข้ามาเพิ่มอีก Mr. Coffee : สรุปแล้วปัจจุบัน ที่อุบลราชธานีมีโรงภาพยนตร์ทั้งหมดกี่แห่ง คุณหนุ่ม : มีทั้งหมด 4 แห่ง เนวาด้ามี7 จอ Major แห่งแรกมี 5 จอ SF มี 7 จอ และ Major แห่งใหม่ที่เซ็นทรัล มี 8 จอ รวมแล้วทั้งหมดก็ 27 จอน่าจะเยอะที่สุดแล้วในจังหวัดที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ Mr. Coffee : การที่มีจำนวนโรงมากขนาดนี้ เราปรับตัวอย่างไร มีการวาง Positioning ของตัวเองไว้อย่างไร คุณหนุ่ม : ตลาด Premium ก็คงปล่อยให้เจ้าอื่นๆไปของผมเป็นระดับกลางๆ Mr. Coffee : ราคาตั๋วภาพยนตร์ของเนวาด้าเป็นอย่างไร คุณหนุ่ม : ถ้าวันพุธ Movie day ก็ราคา50 บาท วันอื่นก็เริ่มต้นที่ 70 บาท วันสุดสัปดาห์ก็เริ่มต้นที่ 80 บาทของผมเน้นให้กลุ่มผู้ชมดูหนังได้ไม่ลำบากมากเกินไปนัก Mr. Coffee : ต้นทุนของโรงภาพยนตร์ในการฉายหนัง 1 รอบต้องมีคนดูกี่คนถึงจะไม่ขาดทุน คุณหนุ่ม: ตรงนี้ตอบยากแต่ทางผมไม่มีนโยบายงดการฉาย ถึงแม้จะมีคนดูแค่คนเดียว จะงดก็ต่อเมื่อมีไม่เลยแต่ถึงจะไม่มีเลย ก็จะฉายไปประมาณ 10 นาทีเผื่อมีคนเข้ามาดูเหตุการณ์นี้มีในกรณีหนังที่ไม่ได้รับความนิยมและฉายเป็นวันท้ายๆใกล้จะออกจากโปรแกรม แต่ถ้าตัวเลขประมาณคร่าวจริงๆ ก็ต้องมีต่อ1 รอบประมาณ 10 ที่นั่ง ถ้า มีแค่ 5-6 ที่นั่ง ไม่พอแน่นอน (โปรดติดตามตอนจบในสัปดาห์หน้าครับ)
Create Date : 30 กันยายน 2557 |
Last Update : 6 ตุลาคม 2557 10:49:58 น. |
|
0 comments
|
Counter : 694 Pageviews. |
|
|