อันว่าด้วยเรื่องบวชชีพราหมณ์ ถือศีล 8 แบบแนว แนว (11) Countdown
สวัสดีค่ะวันนี้เราเดินทางมาถึงบทสุดท้ายของซีรีย์ บวชชีพราหมณ์ ถือศีล 8 แบบแนว แนวแล้วนะคะ นั้นก็คือ พิธีสวดมนต์ข้ามปี แม้ว่าพระภิกษุในวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหารจะมี แนวปฏิบัติเฉกเช่นพระสายวัดป่าทั่วไปไม่เน้นพิธีรีตองอะไร แต่วัดนี้ก็มีการสวดมนต์ข้ามปีกับเค้าเหมือนกันนะสำหรับการ ไปปฏิบัติธรรมของเจ๊ริบบิ้นทั้ง 2 ครั้งนี้ ก็มีวัตถุประสงค์ประการหนึ่ง คือ การสวดมนต์ข้ามปี ซึ่งนับว่าเป็นวัตถุประสงค์หลักของเจ๊บิ้น เลยเชียวนะถ้าไม่นับเรื่องการขอพรสมเด็จพระพุทธญาณเรศวร์ องค์พระประธานในพระอุโบสถวัดญาณสังวรารามฯ แห่งนี้ ฮั่นแน่!อยากรู้วิธีขอพรสมเด็จพระพุทธญาณเรศวร์แล้วใช่มั๊ยล่ะ งั้น!ตามมา สมเด็จพระพุทธญาณเรศวร์องค์พระประธานในพระอุโบสถ วัดญาณสังวรารามฯสร้างขึ้นเพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศลถวาย แด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์พระพุทธรูปเป็นสีทองอร่ามที่มีความงดงามมาก สำหรับความงาม ของพระพักตร์นี้มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่าในการจัดสร้างสมเด็จ พระพุทธญาณเรศวร์ ได้ใช้ต้นแบบจากสมเด็จพระพุทธชินสีห์ พระประธานในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร โดยพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตรได้เสด็จ พระราชดำเนินประกอบพระราชพิธีเททองหล่อองค์สมเด็จ พระพุทธญาณเรศวร์ด้วยพระองค์เองครั้นเมื่อแกะแบบออก องค์พระกลับไม่งดงามสมดังที่คณะผู้ดำเนินงานตั้งใจไว้ แต่กระนั้นก็นำขึ้นประดิษฐานบนฐานชุกชี เพื่อรอประกอบ พระราชพิธีฉลองแต่ในวันรุ่งขึ้นกลับเกิดเหตุอัศจรรย์ เมื่อเปิดประตูพระอุโบสถเข้าไปกลับพบว่าองค์สมเด็จ พระพุทธญาณเรศวร์กลับมีพระพักตร์ที่งดงามยิ่งนัก พระรัศมีเปล่งประกายแผ่บารมีน่าเกรงขาม ในขณะที่พระเนตร เปี่ยมไปด้วยความเมตตาจึงเป็นที่เลื่องลือว่ามีเทพยดา เสด็จลงมารักษาองค์พระ จึงบังเกิดความงดงามแห่งพระพักตร์ และพระรัศมีเปล่งประกาย สำหรับความศักดิ์สิทธิของสมเด็จพระพุทธญาณเรศวร์ เจ๊บิ้นสัมผัสได้ด้วยตนเองหลายเรื่อง เริ่มตั้งสมัยวัดญาณสังวรารามฯ สร้างเสร็จใหม่ ๆ สิ่งก่อสร้างในวัดยังไม่มากมายเท่าในปัจจุบันนี้ พ่อของเจ๊บิ้นจะพาครอบครัวเราไปกราบสมเด็จพระพุทธญาณเรศวร์ อยู่เสมอๆ แม้พ่อจะติดภารกิจเรื่องงานมากมาย ไม่เว้นแต่วันเสาร์ อาทิตย์แต่พ่อก็พยายามพาครอบครัวไปกราบพระแบบไปเช้า เย็นกลับสมัยนั้นถนนหนทางไปวัดก็ไม่ได้สะดวกสบาย มีมอร์เตอร์เวย์ดังเช่นปัจจุบัน โดยพ่อไปได้ข้อมูลมาว่า หากเราได้ทำวัตรเช้าร่วมกันกับพระภิกษุหน้าสมเด็จ พระพุทธญาณเรศวร์ในพระอุโบสถวัดญาณสังวรารามฯครบ 3 วัน แล้วให้ตั้งจิตอธิษฐานขออะไรก็ได้ แล้วจะได้ผลสมดังใจปรารถนา เมื่อคราวเจ๊กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยพ่อเจ๊อุตส่าห์ลงทุน เช่าโรงแรมนอน 3 คืน เพื่อการนี้โดยเฉพาะ โดยวางแผนไว้ว่า เช้าตรู่ขับรถไปวัดเพื่อทำวัตรเช้ากันหาอะไรกินแล้วกลับมา อ่านหนังสือที่โรงแรม กลางคืนนอนหัวค่ำ เช้าลุกขึ้นไปวัดอีก (แทบไม่ได้เห็นทะเลเลยซักกะติ๊ด) จนครบ 3 วัน แล้วจึงตั้งจิต อธิษฐานแต่ในความเป็นจริงภารกิจไม่ได้ลุล่วงสมู๊ทอีอะไรเช่นว่านั้น เนื่องจากเวลาทำวัตรเช้าของพระภิกษุจะเริ่มประมาณตี 4 กว่า เกือบ ๆ ตี 5 แต่กว่าคณะเราจะตื่นก็ปาเข้าไปตี5 ครึ่ง กว่าจะอาบน้ำ ขับรถออกไปวัด พระท่านก็แทบจะกลับจากบิณฑบาตกันแล้ว แต่กระนั้นเราก็ไปกันทุกเช้า แม้ทำวัตรเช้าไม่ทันก็ไปนั่งสวดมนต์กัน แต่เช้าทุกวันครบ 3 วันก็อธิษฐานขอสิ่งที่อยากได้กันตามระเบียบ ซึ่งก็ไม่มีพลาดได้ดังใจปรารถนาเสียทุกครั้งไป ในการไปปฏิบัติธรรมครั้งแรกเจ๊บิ้นก็เตรียมตัวเต็มที่ว่าครบ 3 วันจะตั้งจิตอธิษฐานขอในสิ่งที่ปรารถนา แถมครั้งนี้ช็อตบังคับ ยังไงเราก็ต้องลุกขึ้นทำวัตรเช้าครบ 3 วันแน่นอน แต่เมื่อถึงเวลา ครบ 3 วันกลับนึกไม่ออกว่าแท้จริงแล้วเราอยากได้อะไร สุดท้ายก็ได้แต่อุทิศให้บรรพบุรุษญาติโยมครูบาอาจารย์ พ่อแม่เพื่อนที่ช่วงนั้นได้ถึงแก่กรรมหลายคนโดยไม่ได้ขออะไร ให้ตัวเองเลย แต่กลับมาก็ยังปรากฏว่า สิ่งดี ๆ ได้ไหลมาเทมาในชีวิต มากมายสำหรับการไปปฏิบัติธรรมครั้งที่สองนี้ เจ๊มีเรื่องที่ตั้งใจไว้ว่า จะขอพรองค์สมเด็จพระพุทธญาณเรศวร์ โดยได้ดำเนินการ ตั้งอธิษฐานจิตขอพรไปแล้วแต่ยังไม่ทราบผล ได้ผลเช่นไร ไว้จะมาเล่าสู่กันฟังนะจ๊ะ ด้วยเหตุนี้เจ๊บิ้นจึงศรัทธาในความ ศักดิ์สิทธิของสมเด็จพระพุทธญาณเรศวร์เป็นยิ่งนักโดยความเห็น ส่วนตัวเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดญาณสังวรารามฯ แห่งนี้มีอยู่จริง แต่หาใช่ผีสางทั่วไป แต่น่าจะเป็นเทพยดาต่าง ๆ ที่คอยปกป้อง คุ้มครองสถานที่ตลอดจนทุกชีวิตที่อาศัย ณ วัดญาณสังวรารามฯ แห่งนี้ ตลอดจนเกจิอาจารย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ซึ่งได้มีการบรรจุพระอัฐิของพระองค์ท่านไว้ ที่พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์บริเวณโถงชั้น 1 ผู้ใดสนใจ ขอเชิญไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลได้ หากท่านคิดดีทำดี และขอพรให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ไม่ไกลเกินวาสนาของเรา เจ๊บิ้นเชื่อว่าท่านย่อมต้องประสบความสำเร็จแน่นอน เรามาว่าที่การสวดมนต์ข้ามปีกันต่อในปัจจุบันการสวดมนต์ ข้ามปีถือเป็น แฟชั่น ที่เข้ามาแทนที่การเมาข้ามปี และกำลังเพิ่ม ความนิยมขึ้นเรื่อย ๆเนื่องจากไม่เป็นภัยอันตรายต่อทั้งตนเอง และผู้อื่น อีกทั้งประหยัด อิ่มทั้งบุญอิ่มทั้งท้องเนื่องจากหลายวัด มักจะมีผู้มีจิตศรัทธานำโรงทานมาตั้งเลี้ยงผู้มาร่วมงานแถมยังได้ ของฝากจำพวกหนังสือธรรมะ พระพุทธรูป เหรียญต่าง ๆ ที่วัดญาณสังวรารามฯก็เช่นกัน การเตรียมงานสวดมนต์ข้ามปีส่วนใหญ่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม เนื่องจากต้องมีการจัดเตรียมที่นั่งให้เพียงพอทั้งเก้าอี้ เสื้อ เตรียมตั้งเต็นท์ไว้สำหรับกันน้ำค้าง เตรียมโต๊ะเก้าอี้สำหรับ โรงทานซุ้มแจกของที่ระลึก ประดับไฟเพิ่มเติมให้สว่างไสว เตรียมเครื่องเสียง ลำโพง โยงสายสิญจน์เป็นใยแมงมุม สำหรับงานจะเริ่มจริงๆ ตั้งแต่ 2 ทุ่ม เป็นต้นไป สำหรับ ผู้ปฏิบัติธรรมก็ละเสียไม่ได้ซึ่งการทำวัตรเย็น5 โมงครึ่งตามปกติ แต่สถานที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสม ปกติ เราทำวัตรเย็นกันที่ศาลาอเนกกุศลมวก.สธ. แต่ในปีแรกที่เจ๊บิ้น ไปปฏิบัติธรรม ในวันส่งท้ายปีเก่าวันที่ 31 ธันวาคมเกิดความ โกลาหลเกี่ยวกับสถานที่ทำวัตรเย็นกันมากบ้างก็มีข่าวว่า พระท่านจะลงทำวัตรเย็นที่พระอุโบสถ บ้างก็ว่าที่ศาลาอเนกกุศล มวก.สธ. ที่เดิม เราไปคนเดียวโดดเดี่ยวเดียวดายจึงต้องคอยเงี่ยหู ฟังชาวบ้าน แล้วหอบอาสนะและหนังสือสวดมนต์ย้ายตามคนอื่นเค้า ไปมาสุดท้ายสรุปความได้ว่า ให้ย้ายสถานที่ทำวัตรเย็น ไปที่พระอุโบสถ ร่วมกับญาติโยมที่มารอสวดมนต์ข้ามปีตั้งแต่เย็นๆ เลย เจ๊บิ้นคำนวณแล้วว่าเราน่าจะต้องนั่งยาว ๆ ไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง จึงขอยึดผนังหรือไม่ก็เสาเป็นสรณะ แต่เอาเข้าจริงคนแน่นล้นหลาม มาก เจ๊เลยโดนกดดันให้ย้ายไปนั่งไปอยู่หน้าองค์พระประธาน ชิดกับอ่างน้ำพระพุทธมนต์เลยเชียว จากนั้นพระท่านก็จะเริ่มสวด ทำวัตรเย็นแต่เป็นที่น่าสังเกตว่า พระภิกษุที่จำพรรษาอยู่บนเขา จะไม่ลงมาร่วมพิธีนี้กันแต่มีคนเล่ามาว่า ท่านก็จะปฏิบัติของท่าน ไปตามปกติเหมือนทุกวันไม่มีพิเศษอะไรสำหรับพระภิกษุที่มา ทำพิธีนี้ เจ๊บิ้นไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นพระภิกษุจากวัดญาณสังวรารามฯ หรือไม่อันนี้ไม่ค่อยชัวร์เท่าไหร่ คือ จะอธิบายว่าไงดีล่ะ คือ มีบุคลิกที่แตกต่าง แต่หลวงพี่ก็นำสวดได้ไพเราะเสียงดังฟังชัดดี สำหรับการสวดมนต์จะสลับสวดพักสวดพัก ไปเรื่อย ๆ ใครหิวหรือกระหายน้ำ ก็สามารถเดินไปเต๊นฑ์โรงทานซึ่งจะมี น้ำสมุนไพร จำพวกน้ำตะไคร้ น้ำเก็กฮวย และน้ำมะขามป้อม (อร่อย หอม หวาน ชื่นใจ)จากผู้มีจิตศรัทธามาตั้งเลี้ยงผู้ร่วมงาน จวบจนกระทั่งเวลา 24.00 น. ก็จะมีการลั่นระฆังเพื่อความ เป็นสิริมงคลแล้วจึงมีการประพรมน้ำพระพุทธมนต์ จากนั้น บรรดาคณะผู้ปฏิบัติธรรมก็จะเดินสะโหล่สะเหล่กลับที่พัก กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบตี 2 นอนได้แป๊บเดียวก็ต้องตื่น มาทำวัตรเช้ากันแล้ว สำหรับการไปปฏิบัติธรรมครั้งที่สองก็เกิดความสับสนเรื่อง สถานที่ทำวัตรเย็นกันอีก เจ๊เลยแก้ปัญหา เอาอาสนะไปวางจองที่ ติดผนังพระอุโบสถกะเลือกทำเลทองพิงผนัง ใกล้ทางลม และได้ชมพระพักตร์สมเด็จพระพุทธญาณเรศวร์ได้อย่างชัดเจน จากนั้นเจ๊ก็เดินถือหนังสือสวดมนต์เดินขึ้นศาลาอเนกกุศล มวก.สธ. ยอมทนนั่งบนพื้นหินอ่อนเย็นๆ และก็คาดไม่ผิด ปีนี้กำหนดให้ พระภิกษุและผู้ปฏิบัติธรรมทำวัตรเย็นที่ศาลาอเนกกุศลมวก.สธ. ก่อน จากนั้นใครจะไปร่วมงานสวดมนต์ข้ามปีก็ไปนั่งที่พระอุโบสถ ต่อแต่เจ๊เห็นหลายคนเดินกลับที่พักไปพักผ่อน สำหรับเจ๊และสหาย เลือกไปสวดมนต์ข้ามปีกันจึงเดินกลับไปที่พระอุโบสถ พบว่าอาสนะ ที่เราปูจองไว้หายไปแล้ว พร้อมสัมภาระที่เราวางจองไว้ด้วยถามใคร ใครก็ส่ายหน้าไม่รู้ ที่สำคัญของผู้ปฏิบัติธรรมหายทั้งหมดจ้า บรรดาผ้าขาวจึงเดินหาของกันท่ามกลางคนที่เข้ามาล้นบริเวณ ด้านในพระอุโบสถในที่สุดพบว่า มีคณะผู้จัดงาน จัดการย้าย ของของพวกเราไปวางเรียงให้หลังอาสนะพระด้วยความเคารพ ในความเห็นส่วนตัวของเจ๊ การจัดให้ผู้ปฏิบัติธรรมซึ่งส่วนใหญ่ เป็นสุภาพสตรีไปนั่งด้านหลังอาสนะพระภิกษุที่เข้าร่วมพิธีนั้น สร้างความลำบากให้กับทั้งพระภิกษุและผู้ปฏิบัติธรรมเนื่องจาก พระท่านต้องขึ้นลงอาสนะทางด้านหลัง กว่าจะเดินฝ่าดงชีพราหมณ์ หญิงล้วนไปถึงอาสนะรวมทั้งกว่าพระท่านจะปีนขึ้นอาสนะ ที่ค่อนข้างสูงได้ มันช่างอิหลักอิเหลื่อซะนี่กระไรหากคณะผู้จัดงาน ท่านใดหลุดเข้ามาอ่านขอได้โปรดพิจารณาถึงความเหมาะสม ในเรื่องนี้ด้วย ในปีใหม่ครั้งนี้ หลวงพี่เสียงทองของเราก็ยังคงทำหน้าที่ เป็นผู้ดำเนินรายการเช่นเดิมซึ่งก็สวดพัก สวดพัก เหมือนเดิมเป๊ะ แต่ที่แตกต่างกว่า คือ พอใกล้ 24.00 น. หลวงพี่เสียงทองสั่ง โยมทุกคนไม่ต้องสวดเดี๋ยวอาตมาจะสวดเอง แล้วท่านก็โชว์ พลังเสียงเอื้อนยาวแบบบทสวดตามสไตล์อินเดีย ยิ่งใกล้เวลาข้ามปี ญาติโยมก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก จะสวดตามก็สวดแบบนี้ไม่เป็นซะด้วย สิ สุดท้ายภารกิจสวดมนต์ข้ามปีจึงตกเป็นของหลวงพี่เสียงทอง แต่เพียงรูปเดียวในขณะที่ญาติโยมและผู้ปฏิบัติธรรมก็ได้แต่นั่งฟัง ข้ามปีกันไปก็เข้าใจนะว่าท่านคงได้ร่ำเรียนวิธีการสวดมนต์แบบนี้มา ซึ่งก็มีความไพเราะพอสมควรเลย แต่ท่านคงลืมไปนิดนึง หลายคน เค้าตั้งใจมาทำอะไรดี ๆข้ามปี และอยากทำสิ่งดี ๆ เหล่านั้นด้วย ตนเองหลวงพี่ก็คงอยากให้เราได้ฟังเสียงสวดมนต์อันแสนไพเราะ ข้ามปี ในขณะที่ญาติโยมหลายคนก็อยากเปล่งเสียงสวดมนต์ข้ามปี ด้วยตนเองเมื่อ Demand และ Supply ไม่ตรงกัน งานเลยแอบ กร่อยนิด ๆ (ตรูวิจารณ์แบบนี้จะบาปมั๊ยเนี่ย) หลังจากเราได้ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยกันพร้อมรับฟัง โอวาทและรับน้ำพระพุทธมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลแล้วเราก็เร่งฝีเท้า กลับอาคารที่พักเพื่อไปงีบ ขอใช้คำว่างีบ เพราะกว่าเราจะได้นอน ก็เกือบตี2 พอตี 3 กว่าก็ต้องลุกเตรียมตัวมาทำวัตรเช้ากันแล้ว ทำให้หลายคนไม่อาบน้ำจ้าเมื่อไม่ได้อาบน้ำมาตั้งแต่เย็นวาน แถมร่วมพิธีกันเกือบทั้งคืน คนก็มากมายอากาศร้อนเหงื่อออกกัน ทั้ง ๆ ที่เป็นฤดูหนาว กลับถึงที่พักก็รีบซุกหัวนอน ที่หลับที่นอน แทบไม่ได้ปูเช้ามากว่าจะตื่นก็เกือบตี 4 แถมบางคน มาวัดไม่สระผมเลยโดยเฉพาะสุภาพสตรีที่ต้องเซ็ตผม เมื่อมาถือศีล 8 ก็ย่อมต้องละเว้นจากการเสริมสวยใดๆ การเซ็ตผมก็เช่นกัน หลายคนจึงสระผมและเซ็ตมาอย่างสวยงาม ตั้งแต่คืนแรกที่เข้าพัก กะให้ครบ3 คืน ค่อยลาบวชแล้วค่อยพุ่งตรง ไปร้านทำผมฉลองปีใหม่กันเลย ผลก็คือการทำวัตรเช้าวันขึ้นปีใหม่ ปีไหนปีนั้น จะมีกลิ่นตุ่ย ๆ เค็ม ๆ หืน ๆ ลอยมาด้วยความเคารพ อันนี้ถือเป็นข้อเท็จจริง ไม่ได้ตั้งใจจะสร้างความขบขันแต่ประการใด หลังจากทำวัตรเช้าเสร็จจึงจะได้เดินกลับที่พักอาบน้ำอาบท่า กลิ่นต่าง ๆ จึงคลายลงไปบ้างสำหรับการทำวัตรเช้าในวันขึ้นปีใหม่นี้ บรรยากาศจะค่อนข้างสงบเสียงสวดมนต์จะค่อนข้างเอื่อย ๆ เนื่องจากได้นอนมาไม่กี่ชั่วโมงเป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ปฏิบัติธรรม ที่กลับที่พักไปตั้งแต่ทำวัตรเย็นเสร็จ โดยไม่ได้เข้าร่วมพิธีสวดมนต์ ข้ามปีกลับมีความสดชื่นแจ่มใส สวดมนต์ทำวัตรเช้าได้สบาย ๆ ในขณะที่ผู้เข้าร่วมพิธีหลายคน(ไม่ได้ทุกคนนะ) แทบจะทำวัตรเช้า ไป หลับไปด้วยซ้ำ แต่อย่างว่านะ ลางเนื้อชอบลางยาไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก อันนับว่าเป็นความต้องการส่วนบุคคลไม่ว่าทางใด ก็ถือว่าเป็นการทำความดีทั้งนั้น ดีกว่านั่งกินเหล้าเมาหัวราน้ำ กระดกแก้วข้ามปี ตื่นมาทีกลิ่นเหล้าฟุ้งเลยเชียว บวชชีพราหมณ์ ถือศีล 8 แบบแนว แนว ต้องขอยุติลงไว้ เพียงแค่นี้ เนื่องจากข้อมูลดิบหมดสต็อคแล้วสำหรับสัปดาห์หน้า เราจะมาพบกันด้วยเรื่องอะไรนั้น โปรดติดตามต่อไปขอขอบคุณ สำหรับทุกกำลังใจ เจ๊ริบบิ้นขอสัญญาว่าจะปรับปรุงงานเขียนให้ดีขึ้น ชอบแบบไหน Comment มาได้นะจ๊ะ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าถ่ายทอด จากประสบการณ์จริงล้วน ๆ แล้วเจอกันใหม่นะ บาย
Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2561 |
|
1 comments |
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2561 11:35:39 น. |
Counter : 697 Pageviews. |
|
|
|