Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2561
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
13 กุมภาพันธ์ 2561
 
All Blogs
 

เรื่องลี้ลับใต้ชายคา (2)



หลังจากนั่งอ่านข่าวผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจเข้าป่าล่าเสือดำ
มาทำซุปรักษาเบาหวาน(รู้ได้ไงว่าเป็นเบาหวานน่ะเหรอ
เดาเอา เห็นแผลเฟะ เฟะที่ขาก็สันนิษฐานได้) ก็ให้นั่งนึกถึง
เรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจากสัตว์ภายใต้ชายคาบ้านเกิดของเจ๊ริบบิ้น
 เจ๊บิ้นเกิดมาที่บ้านจะมีสัตว์เลี้ยงหลายชนิด อันดับแรก คือ
 สุนัขหรือน้องหมานั่นเอง ตามแต่จะเรียก แล้วก็มีแมวแก่ ๆ
1 ตัว แค่ตัวเดียวจริง ๆหลังจากนั้นไม่เคยปรากฏว่าที่บ้าน
จะเลี้ยงแมวอีกเลย ทำไมเหรอคะ ไม่น่ารักเหรอน่ารักสิ
น่ารักมาก แต่ขี้เหม็นมาก สมัยนั้นยังไม่มีส้วมแมวที่สามารถ
เก็บกลิ่นได้อย่างเช่นทุกวันนี้  นอกจากนี้ ก็มีพวกนก ปลา
 เต่า กระรอกส่วนที่ไม่ได้รับเชิญ แต่มาอาศัยอยู่ในชายคาเอง
 เช่น จิ้งจก ตุ๊กแก หนู แมลงสาบ ก็มีเยอะอยู่นะไม่เว้นแม้แต่
ตัวเงินตัวทอง สมัยก่อนหลังบ้านเจ๊บิ้นคุณตาจะมีแปลง
สวนครัวล้อมรั้วมิดชิด เพื่อความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย
 แต่วัตถุประสงค์หลักเอาไว้ป้องกันน้องหมาที่ชอบเข้าไป
ขุดคุ้ยนั่นแหละพวกนี้เห็นดินซุย ๆ หน่อยไม่ได้เป็นอันช่วยขุด
ในทันใด จู่ ๆ วันดีคืนดีก็มีตัวเงินตัวทองจากที่ไหนก็ไม่รู้
 ขนาดตัวก็ไม่ใหญ่ไม่โตมาก ประมาณไม่ถึงเมตร มาอาศัยอยู่
ในสวนครัวของคุณตาคุณตาก็ดีใจหาย คอยหาเนื้อไก่สด
ดิบ ๆ มาคอยปรนเปรอนาง นางจึงตอบแทนคุณตาโดยการ
นอนกลิ้งบิดไปบิดมาให้คุณตาดูอย่างน่าเอ็นดู เราจึงตั้งชื่อ
ให้นางว่า
“เถิดเทิง” อยู่ไปนาน ๆ เข้า เถิดเทิงชักคุ้นเคย
ปีนออกจากสวนครัวมาเดินส่ายอาด ๆในบ้าน เริ่มมีการ
โผล่มาทักทายผู้คนบ่อยครั้งเข้า ในที่สุดชาวบ้านก็เริ่มซุบซิบ
ดังๆ บอกว่ามันเป็น
“เหี้ย” (อ้าว! ไม่สุภาพยังไง ถ้อยคำเรียก
ตามกฎหมายเลยนะเนี่ย) มันผิดตรงที่มันเป็น
“เหี้ย”
จึงถูกพิพากษาให้เนรเทศออกจากบ้าน กว่าจะจับเถิดเทิง
ลงกระสอบเอาไปปล่อยที่อื่นได้เล่นเอาลำบากน่าดู
นางขึ้นไปบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเอาหางกวาดเครื่องสำอาง
 น้ำหอม แป้ง หล่นลงมากองกลางพื้น สุดท้ายนางพุ่งเข้าไป
สิ้นฤทธิ์ในกางเกงคุณตาที่แขวนอยู่ประมาณว่าเข้าทางเอว
 ช่องมันใหญ่ แต่ตอนออกจะออกทางขากางเกงก็ออกไม่ได้
 ขากางเกงเล็กเกิน จึงจับได้โดยละม่อมคากางเกง

พูดถึงเถิดเทิงแล้วก็ให้นึกถึงอีกเรื่องหนึ่งจริง ๆ ก็ไม่ได้
เกิดขึ้นในบ้านหลังเก่าที่เล่ามาหรอกแต่เกิดขึ้นในบ้าน
หลังปัจจุบันที่เจ๊บิ้นอาศัยกินอยู่หลับนอนนี่แหละ
บ้านหลังนี้ใหญ่กว่าบ้านหลังเก่ามีเนื้อที่เกือบไร่
เหตุเกิดคืนวันหนึ่งประมาณเกือบ 3 ทุ่ม พ่อกับแม่เจ๊บิ้น
ออกไปงานแต่งงานยังไม่กลับทั้งบ้านมีแค่เจ๊บิ้นกับลูกชาย
อายุ 6 ขวบ และแม่บ้านอีก 1 คน เจ๊ก็นั่งดูทีวีกับลูกชาย
อยู่ในห้องนั่งเล่นจู่ ๆ ก็มีเสียงคนเดินลากของหนัก ๆ
เสียงดังสากกกกกกกก สากกกกกกก มาจากห้องนอน
พ่อกับแม่ที่อยู่ชั้นบนที่ล็อคอยู่เจ๊บิ้นตกใจทำอะไรไม่ถูก
ไม่แน่ใจว่าเป็นขโมยหรืออะไร ทั้งบ้านก็มีเพียงผู้หญิงกับเด็ก
 สุดท้ายเจ๊ตัดสินใจหอบลูกขึ้นบันไดไปเคาะประตูห้องนอน
พ่อแม่กะให้ขโมยตกใจจะได้รีบหนีไปซะ ได้ผลเสียงลากของ
เงียบหายไป เมื่อพ่อแม่กลับมาเปิดประตูเข้าไปดูก็ไม่มี
ร่องรอยงัดแงะอะไรรุ่งเช้าแม่ได้ยินเสียงกุกกักเบา ๆ
เหนือเพดานห้องกินข้าวที่อยู่ใต้ห้องนอนพ่อกับแม่
แม่จึงคิดว่าหนูชัวร์ งานนี้นางเลือดขึ้นหน้าขอเปิดฝ้าเพดาน
กะจะเอาให้หนูตกใจหัวใจวายเตลิดไปเองโทษฐานที่บังอาจ
มาอาศัยใต้ห้องนอน เปิดฝ้าเพดานไป 1 แผ่นปุ๊บ
ได้เรื่องเลยจ้าเห็นส่วนหางดำ ๆ เหลือง ๆ ขนาดใหญ่
ผ่านช่องที่ฝ้าเพดานที่เปิดไว้อย่างช้า ๆแม่ของเจ๊ก็คุมสติ
ดีมาก ค่อย ๆ เลื่อนฝ้าเพดานปิดช่องไว้ แล้วหันมากระซิบ
 สงสัยงูเหลือม จากนั้นจึงโทรเรียก รปภ. หมู่บ้านมาเป็น
กำลังเสริม รอบแรก รปภ. มา 2นาย เข้ามาเปิดฝ้าเพดาน
เอาไฟฉายส่อง ไม่ใช่งูเหลือมที่ไหนหรอกตัวเงินตัวทอง
นั่นเอง แต่ที่น่าสยดสยองตรงที่ขนาดตัวใหญ่มาก
น้อง ๆ จระเข้เลยยาวไม่ต่ำกว่า 2 เมตร แถมน่าจะตั้งครรภ์
 เพราะนางเอาเศษผ้าจากไหนก็ไม่รู้มาเยอะแยะเตรียมตัว
ทำรังใต้ฝ้าเพดานบ้านเจ๊ มันคิดว่ามันเป็นจิ้งจกน้อยรึยังไง
 รปภ. จึงเรียกกำลังเสริมอีก รวมเป็น 5 คน กว่าจะลากนาง
ลงมาจากฝ้าเพดานได้แผ่นฝ้าเพดานแบบทีบาร์พังไป 7 แผ่น
กันเลยทีเดียว รปภ. จับนางมัดมือมัดขาใส่กระสอบนำไป
ปล่อยในทุ่งนาข้างหมู่บ้านนั่นแหละแถวนี้ไม่ค่อยมีใคร
เค้ากินกันหรอก เพราะมันเยอะเหลือเกิน บ้านเจ๊ยังโชคดีนะ
มีบ้านอีกหลังในหมู่บ้านเดียวกันนี่แหละ ซื้อบ้านมือ 2 มา
แต่ยังใหม่เอี่ยมกิ๊กไม่เคยมีใครอยู่ ปรากฏเปิดฝ้าเพดาน
ชั้นบน เจ้าของร้องกรี๊ด วิ่งเตลิดเปิดเปิงกันแทบไม่ทัน
ก็จะอะไรล่ะคะ ตัวเงินตัวทอง อยู่กันเป็นหมู่บ้าน งานนี้
ต้องตามมืออาชีพมาจับวันนั้นจับได้ทั้งหมดประมาณ 50 ตัว
 ทั้งหมดอยู่ในบ้านหลังเดียวกันนี่แหละตัวใหญ่สุด
หนักประมาณ 50 กว่ากิโลได้ สยองงงงงงงง

กลับมาที่บ้านหลังเก่ากันสมัยคุณตาคุณยายยังมีชีวิตอยู่
ทั้ง 2 ท่านเป็นที่เคารพของบรรดาญาติจึงมีการมาเยี่ยมเยียน
กันบ่อย ๆ หนึ่งในนั้นเป็นป้าท่านหนึ่งท่านมีศักดิ์เป็นหลาน
ของคุณตา ขอเรียกว่า ป้าเขียว ล่ะกัน ป้าเขียวเป็นคน
อารมณ์ดีสนุกสนาน มาที่ไรจะครึกครื้นมาก แกชอบร้องเพลง
เด็ก ๆ จะรักแกมาก แต่ในที่สุดพวกเราก็ได้รับข่าวร้าย
ป้าเขียวเป็นมะเร็งนอนอยู่โรงพยาบาล จนวาระสุดท้าย
เกินกว่าจะรักษา หมอแนะนำให้แกได้จากไปอย่างสงบ
แต่หัวใจป้าเขียวยังไม่ยอมหยุด สามีและลูก ๆจึงได้โทรตาม
คุณตาของเจ๊ไปที่โรงพยาบาล เพื่อให้มาดูใจหลาน
เป็นครั้งสุดท้ายทันทีที่คุณตาิดประตูเข้าห้องพัก
ในโรงพยาบาลเข้าไปลูก ๆ หันไปกระซิบป้าเขียวว่า
คุณตามาแล้ว ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของป้าเขียวก็หมดลง
 พวกเราต่างไปร่วมงานศพป้าเขียวด้วยความเศร้าโศก
คืนนั้นหลังจากเจ๊บิ้นกลับจากงานศพป้าเขียว ดึกแล้ว
แต่เจ๊ยังไม่ได้อาบน้ำมัวแต่นั่งฟังเพลงจนดึกดื่น ยิ่งดึก
น้ำยิ่งไม่ค่อยไหล โดยเฉพาะชั้นบนเจ๊จึงต้องลงมาอาบน้ำ
ที่ห้องน้ำข้างล่าง ด้านหลังห้องน้ำจะเป็นบริเวณหลังบ้าน
มีม้าหินตั้งไว้1 ชุด ติดกับกำแพงห้องน้ำเลย ยิ่งดึกเสียง
ยิ่งเงียบ เจ๊บิ้นจึงส่งเสียงร้องเพลงเบาๆ แต่ทันทีที่เจ๊ร้องเพลง
กลับมีเสียงกระแทกฝาห้องน้ำตามจังหวะเพลง
ตึง ตึง ตึง
เจ๊เงียบกริบเลยค่า แต่ยังไม่เข็ดพอส่งเสียงร้องอีก
เสียงกระแทกฝาห้องน้ำตามจังหวะเพลงก็ดังขึ้นอีก
ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง
งานนี้ไม่ต้องคิดเลย ป้าเขียวแน่นอน เวลาลูกหลานร้องเพลง
 ป้าเขียวจะชอบตบมือตบโต๊ะให้จังหวะไปด้วย คราวนี้
ไม่ต้องล้างสบู่กันล่ะค่ะ เจ๊คว้าผ้าเช็ดตัวนุ่งเสร็จก็วิ่งโครมๆ
 ขึ้นห้องนอนไปนอนคลุมโปงกันเลยเชียว (ดีนะที่ไม่ได้
สระผม) ไฟห้องน้ำยังเปิดไว้สว่างโร่รุ่งเช้าจึงได้พบตัวการ
 เจ้าเกี๊ยมอี๋หมาน้อยที่มีขี้เรื้อนอยู่ในสายเลือดปกติกลางคืน
จะขังไว้ในกรง แต่คืนนั้นคงลืมขัง มันเลยแอบขึ้นไปนั่ง
แป้นแล้นบนม้าหินหลังห้องน้ำพอได้ยินเสียงอันไพเราะ
ของเจ๊ คงเกิดอาการคันขี้เรื้อนไป จึงเกาด้วยความเมามัน
ลำตัวอ้วน ๆ ของมันจึงโยกม้าหินไปกระแทกกับฝาห้องน้ำ
ดัง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึงเสมือนป้าเขียวมาให้ตบโต๊ะให้จังหวะ
กันเลยเชียว

ความเชื่อเรื่องสัตว์บางชนิดถือว่าเป็นลางมรณะอยู่คู่คนไทย
มาเป็นเวลาช้านานหนึ่งในนั้นคือนกน้อยที่มีใบหน้ารูปหัวใจ
 ซึ่งออกหากินในยามค่ำคืน ก็
“นกแสก” ไงล่ะคะ
ปกตินกแสกจะกินหนูเป็นอาหาร ชาวไร่ชาวนาจะชอบมาก
เนื่องจากนกแสกช่วยกำจัดหนูซึ่งเป็นหนึ่งในศัตรูของชาวนา
 คอยกัดกินต้นข้าวจนวอดวาย แต่ด้วยความลับ ๆ ล่อ ๆ
ของนกแสก จึงทำให้มันได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูต
แห่งความตายการรับรู้เกี่ยวกับความเชื่อเรื่องนกแสกของเจ๊
เปลี่ยนไปตามช่วงวัย ตอนเด็ก ๆเจ๊บิ้นได้ยินว่า ถ้าใครเห็น
นกแสกบินเฉียดหลังคาบ้านใครไปทางทิศตะวันตก
บ้านนั้นจะมีคนตาย  ทั้งนี้ต้องบินเฉียดหลังคาไปทาง
ทิศตะวันตกเท่านั้น (
Go west only นะจ๊ะ) ทิศอื่นไม่ว่ากัน
 ต่อมาเจ๊ก็ได้ยินมาว่าถ้านกแสกไปเกาะหลังคาบ้านไหน
บ้านนั้นจะมีคนตาย คราวนี้ต้องมาเกาะให้เห็นกันจะ ๆ
เลยนะจ๊ะและต่อมาความเชื่อดังกล่าวได้ขยายขอบเขต
ไปยังนกเค้าแมวและนกฮูกด้วย ยิ่งนกเค้าแมวและนกฮูก
มันมีความสามารถพิเศษหันหัวได้รอบทิศได้ มันยิ่งใช่เลย
ถึงขนาดบางคนเรียก
“นกผี” กันเลยทีเดียว (มันคงคิดว่า
กรูอยู่ของกรูดี ๆ แท้ ๆ)

ช่วงเจ๊บิ้นกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเย็น ๆ เจ๊ชอบไปนั่ง
อ่านหนังสือที่ระเบียงหลังบ้าน เนื่องจากลมพัดเย็นสบาย
วันหนึ่งขณะที่กำลังอ่านหนังสืออย่างติดพัน ขณะนั้น
เริ่มจะหัวค่ำแล้วเจ๊หันไปทางทิศตะวันตก
พลันเห็นเงานกขนาดใหญ่ ตัวใหญ่ขนาดแม่ไก่ตัวโต ๆ
เสียงปีกดังผับผับ ผับ บินเฉียดหลังคาบ้านที่อยู่ถัดไปอีก
สองหลัง สองวันต่อมาจึงได้ข่าวว่ามีคนเสียชีวิต
ในบ้านหลังนั้นแต่เรื่องนี้ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรืออะไร
 แถมนกที่เจ๊บิ้นเห็นจะเป็นกหรือค้างคาวแม่ไก่ก็ไม่มีใครรู้

อีกเรื่อง คราวนี้บนหลังคาบ้านเจ๊เองก็บ้านเก่าหลังนี้นี่แหละ
 ช่วงนั้นพี่สาวคุณยาย ชื่อ คุณยายเล็กและพี่เลี้ยงคุณยาย
ชี่อ คุณยายจัน  มาจากต่างจังหวัดรถไฟมาถึงกรุงเทพฯ
แต่เช้ามืด ลุงของเจ๊บิ้นขับรถไปรับที่หัวลำโพง ขณะนั่งรถ
ไปที่พักคุณยายเล็กพูดขึ้นมาว่ามากรุงเทพฯ รอบนี้
จะอยู่นาน ๆ เลย คุณยายจันก็ช่วยสนับสนุนว่า นาน ๆมาที
จะอยู่ให้น้าน นาน นาน พูดไม่ขาดคำ รถมาถึง 4 แยก
ขณะนั้นเวลาประมาณตี 5ถนนยังโล่ง รถไม่มาก
ปรากฏว่า แยกดังกล่าวสัญญาณไฟจราจรเสีย
ทั้ง 4 ด้านเป็นไฟเขียวขณะที่รถคุณลุงอยู่กลางแยกพอดี
จู่ ๆ รถสิบล้อห้อตะบึงมาจากไหนไม่รู้พุ่งเข้าชนรถคุณลุง
อย่างจัง คุณลุงบาดเจ็บเล็กน้อย แต่คุณยายจันตายคาที่
ส่วนคุณยายเล็กบาดเจ็บสาหัสนอนไม่ได้สติอยู่ที่
โรงพยาบาลที่ใกล้บ้านเจ๊บิ้น ผู้ใหญ่ที่บ้านก็ผลัดกันไป
เฝ้าตลอดคุณยายเล็กไม่ฟื้นเลยเกือบปี กระทั่งเย็นวันหนึ่ง
 เวลาโพล้เพล้ประมาณทุ่มกว่าเจ๊บิ้นได้ยินเสียงคนตะโกน
เอะอะอยู่หลังบ้าน จึงออกไปดูพบว่าชาวบ้านที่อยู่ด้านหลัง
ต่างชี้ขึ้นไปบนหลังคาบ้านเจ๊พบว่ามีนกเค้าแมวขนาดมหึมา
เกาะอยู่มุมหลังคาบ้าน ขนาดตัวของนกใหญ่กว่าแม่ไก่แน่นอน
 เห็นเป็นเงาทะมึน ๆ โดยมีรูปร่างและหูที่เป็นเอกลักษณ์
ของนกเค้าแมวงานนี้เจ๊ขนลุกซู่ ถึงขนาดถอดใจไม่กล้า
นอนคนเดียว ขอหอบผ้าไปนอนกับน้ากันเลยคุณน้า
ก็ดีใจหายอนุญาตในทันใด (อาจจะหนาว ๆ ใจเหมือนกัน)
 และในคืนนั้นทางโรงพยาบาลโทรเข้ามาแจ้งข่าวร้าย
คุณยายเล็กที่นอนโคม่ามานานได้เสียชีวิตลงแล้ว

เรื่องสุดท้ายสำหรับวันนี้ เกิดขึ้นในคืนวันหนึ่งเวลาประมาณ
เกือบ 3 ทุ่ม ทุกคนในบ้านอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ส่วนใหญ่
นั่งทำธุระของตนไปยังไม่มีใครนอน จู่ ๆ ที่หน้าบ้านก็มีเสียง
รถตุ๊กตุ๊กวิ่งมา จากนั้นมีเสียงชนดังโครมใหญ่ตามด้วย
เสียงคน เสียงคนจริง ๆ ค่ะ ร้องดังโหยหวน
“โอยยยยยยยยยยยโอยยยยยยยยย โอยยยยยยยยยยย”
คนทั้งซอยได้ยินเสียงร้องโหยหวนนี้กันหมด(ซอยบ้านเก่า
ของเจ๊บิ้นก็ไม่ได้ยาวมาก น่าจะแค่กิโลกว่านิด ๆ) ชาวบ้าน
ต่างวิ่งมาหน้าบ้านเจ๊ตะโกนกันเซ็งแซ่
“รถชนคนตาย
รถชนคนตาย
”ปรากฏว่า รถตุ๊กตุ๊กชนหมาข้างถนนอย่างแรง
 แต่กะโหลกศรีษะหมานั้นเป็นที่รู้กันว่าแข็งมากมันจึงไม่ได้
ขาดใจตายในทันที แต่ก็คงกระเสือกกระสนมาสิ้นใจ
ตรงหน้าประตูบ้านเจ๊พอดี๊พอดีเลือดเป็นฟอง ๆ
ออกมาทางปาก จมูก และหู แลดูน่าสยดสยอง
เสียงโอดร้องโหยหวนยังก้องอยู่ในหูเจ๊ แถมคนยังซุบซิบว่า
เสียงหมามันร้องเหมือนคนจริงๆ (เอากันเข้าไป)
คืนนั้นเจ๊ก็เช่นเคย เป็นอีกครั้งที่เจ๊ต้องขอไปนอนหน้าเตียง
คุณน้าแถมวันรุ่งขึ้นคุณตายังลากศพหมาเคราะห์ร้ายดังกล่าว
มาจัดการขุดหลุมฝังในบ้านยิ่งเพิ่มความสยองใจให้เจ๊
ต้องไปขออาศัยนอนหน้าเตียงน้าอีกเกือบทั้งสัปดาห์
กว่าจะทำใจกลับมานอนห้องตัวเองได้

ทั้งหมดนี้เจ๊ริบบิ้นขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้นเวลาเล่า
อาจจะแลดูเหมือนเป็นเรื่องขำขัน แต่บรรยากาศและสถานที่
ที่เกิดเหตุการณ์จริงน่ากลัวกว่านี้เยอะแต่ก็ว่ากันตามตรง
มันก็ไม่ได้มีผีสางอะไรเลย แต่น่าจะเป็นเหตุบังเอิญมากกว่า
 คุณว่ามั๊ย วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อนนะคะ ไว้พบกันใหม่นะคะ
บ้ายบาย




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2561
0 comments
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2561 12:02:00 น.
Counter : 411 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สมาชิกหมายเลข 4341744
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คุณป้าวัยใส ผู้ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 4341744's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.