อันว่าด้วยเรื่องบวชชีพราหมณ์ ถือศีล 8 แบบแนว แนว (9) Buffet สายพาน
สวัสดีค่ะเมื่อวานเราว่ากันด้วยประสบการณ์หลอนชวนขนหัวลุก ที่วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร แล้วนะคะวันนี้เรามาว่าด้วยเรื่องอาหารการกินกันบ้าง ก็เรื่องกินเรื่องใหญ่มากสำหรับเจ๊ริบบิ้นแล้ว สำคัญรองจากเรื่องนอนกันเลยเชียว เนื่องจากการบวชชีพราหมณ์ถือศีล 8 เราจะถือ วิกาลโภชนา เวรมณี สิกขาปทัง สมาทิยามิ คือการละเว้นจากการบริโภคในเวลาตั้งแต่หลังเที่ยงวันเป็นต้นไปจนกระทั่งเช้าวันใหม่ ดังนั้น การบริโภคอาหารให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ วัดญาณสังวรารามฯ แม้ว่าวัดแห่งนี้จะเป็นพระอารามหลวงที่สำคัญและเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่แสนจะโด่งดังในระดับโลก สิ่งปลูกสร้าง อาคารและสถานที่ต่าง ๆ ภายในวัดล้วนแต่ มีการบริหารจัดการและดูแลให้สวยงามอยู่เสมอ ก็ตามแต่สำหรับพระภิกษุที่วัดแห่งนี้ กลับมีแนวทางปฏิบัติเฉกเช่นสายวัดป่าทั่วไป โดยพระภิกษุที่วัดแห่งนี้ส่วนใหญ่ จะฉันมื้อเดียวโดยจะฉันในบาตรปกติพระวัดป่าจะนำอาหารทั้งคาวหวาน ใส่ลงไปในบาตรฉันรวมกันไปเลยทีเดียว ทั้งนี้เพื่อให้ละทิ้งซึ่งกิเลศในรสชาติของอาหาร และเมื่อฉันเสร็จจะต้องล้างทำความสะอาดบาตรด้วยตนเองอันถือเป็นกิจของสงฆ์ที่สำคัญ และในหลังเพลจะฉันได้แต่น้ำปานะน้ำผลไม้ที่มีขนาดไม่ใหญ่กว่า 1 กำปั้น เช่น น้ำเก็กฮวย น้ำขิงน้ำหวานเฮลบลูบอยชงน้ำ น้ำชา สำหรับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของนมสด นมข้นหวาน เช่นชาเย็นใส่นมหวาน ๆ โอเลี้ยงยกล้อใส่นมสดหอม ๆ กาแฟเย็น เป็นอันงดเว้นไปเลย สำหรับเครื่องดื่มอีกประเภท ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งในวงการพระป่าและอุบาสก สุภาพบุรุษนั่นก็คือ เครื่องดื่มชูกำลัง จะลิโพ M150คาราบาวแดง ก็ได้ ซึ่งได้รับความนิยม ไม่น้อยเลย การกินของเราจะเริ่มประมาณ 7 โมง หลังจากได้อาบน้ำอาบท่าขับไล่ความง่วงไปได้บ้างแล้ว บรรดาผู้ปฏิบัติธรรมจะทยอยกันเดินไปศาลาอเนกประสงค์ เพื่อเตรียมตัวรับประทานอาหาร มื้อBrunch (Breakfast + Lunch)กัน เนื่องจากวัดนี้เป็นสายวัดป่า ฉันมื้อเดียว การรับประทาน อาหารเช้าจึงเริ่มกันสายนิดนึงหากใครตื่นเช้าแล้วทนรอไปจนถึงเวลารับประทานอาหาร ไม่ไหว ก็คอยนั่งส่องเส้นลายมือไปหากมีแสงสว่างพอเห็นเส้นลายมือได้ ถึงจะรับประทาน อาหารได้ แต่มีข้อระวังถ้ารับประทานอาหารหนัก ๆ ตั้งแต่เช้า พอถึงเวลารับประทานรวมกัน ก็จะทนอิ่มกินไม่ไหวคราวนี้อาจจะเดือดร้อน หลังเพลกินอาหารหนักไม่ได้ เล่นเอาท้องร้อง ไม่ต้องปฏิบัติกันเลยเชียวนา ประมาณตี 5 กว่า พระภิกษุทั้งที่อยู่บนเขาและภาคพื้นดินจะทยอยลงมาเตรียมตัวออกบิณฑบาต โดยมีการแบ่งออกเป็นสาย ๆ หากสายไหนไปไกลหน่อยก็มีรถสองแถวพาไปสายไหนไปใกล้ วัดก็เดิน แต่อย่างว่า ขนาดสายที่อยู่ใกล้วัดยังต้องเดินเป็นกิโลเลยสำหรับญาติโยมบางคน ก็จะนำอาหารมาถวายพระที่วัดบางบ้านยกหม้อหุงข้าวอุ่นทิพย์ชนิดข้าวร้อนหอมกรุ่น ตลอด 24 ชั่วโมงอุ้มใส่รถมาวัดกันเลย บางคนก็นำอาหารร้อน เช่น ก๋วยเตี๋ยว ข้าวต้ม โจ๊ก มาปรุงสด ๆหน้าศาลาอเนกประสงค์ โดยทางวัดจะมีจาน ชาม ถ้วย ถาด และช้อนส้อม วางไว้ให้ตรงกลางศาลา และบริเวณด้านหน้าศาลาบรรดาผู้ปฏิบัติธรรมก็จะไปหยิบ เครื่องมือการกิน พร้อมที่กรวดน้ำ ไปหาที่นั่งส่วนใหญ่จะยึดฝาผนังเป็นสรณะ เนื่องจากต้องนั่งนาน ในช่วงเช้า บริเวณหน้าศาลาอเนกประสงค์จะมีร้านค้ามาบริการปรุงอาหารร้อนๆ จำหน่าย ใครใคร่ซื้อใส่บาตรก็ได้ เค้าจะปรุงอาหารหลากหลายชนิดใส่ชามเปลพร้อมนำพลาสติกแรป ปิดไว้เรียบร้อยดูสะอาดสะอ้านน่ารับประทาน สนนราคาก็ไม่แพงมากประมาณ 100 200 บาท แล้วแต่ชนิดอาหาร และยังมีข้าวสวยใส่ขันร้อนกรุ่นระหว่างรอใส่บาตรอุ้มขันไว้ แก้หนาวได้ดีแท้ นอกจากนี้ ยังมีผลไม้ต่าง ๆ หั่นใส่จานปิดแรปไว้วางจำหน่ายอีกด้วย บางคนก็สั่งแม่ค้าให้ทำอาหารใส่ถุงไว้สำหรับนำกลับไปรับประทานมื้อกลางวัน นื่องจากวัดไม่ได้ห้ามผู้ปฏิบัติธรรมรับประทานอาหารกลางวัน เพียงแต่ถ้าถือศีล 8 ก็ระวังไม่ให้เลยเพลเป็นใช้ได้ เมื่อได้อาหารใส่บาตรแล้ว ก็เดินไปหยิบถาดไม้ขนาดย่อมๆ ที่ติดล้อไว้ข้างใต้ ใครเคยถวายอาหารพระวัดป่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีจากนั้นเราก็นำจานอาหาร วางบนถาดล้อเลื่อนแล้วนำไปต่อคิวที่เรียงเป็นแถวยาวสำหรับเตรียมนำขึ้นประเคนพระ เมื่อประเคนแล้วพระท่านจะตักอาหารใส่ในบาตรแล้วเลื่อนถาดไปยังพระภิกษุรูปต่อไป ได้ตักอาหารบ้าง ช่างเหมือนเราไปกินซูชิสายพานแบบญี่ปุ่นยังไงยังงั้นเลย สำหรับข้าวสวย เราก็จะบรรจงอุ้มขันไปตักใส่บาตรพระ ในช่วงนี้จะมีความน่ารักเกิดขึ้นหน่อย ๆ พระภิกษุหลายรูปจะเลือกขนมเด็ก ๆ และนมกล่อง เอาวางไว้ข้างตัวเมื่อมีเด็กเดินมาตักบาตร พระท่านจะส่งขนมหรือนมนั้นแจกให้เด็ก ๆนับว่าเป็นกุศโลบายชักชวนให้เด็กเข้าวัดได้ สำหรับอาหารที่พระบิณฑบาตได้ตอนเช้าส่วนใหญ่จะมีญาติโยมหรือผู้ปฏิบัติธรรมรับไป แกะใส่ภาชนะแล้วจึงนำมาวางรวมกันบนโต๊ะใหญ่ที่ตั้งด้านนอกศาลา ในมุมนี้จะจัดไว้ สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม นอกจากนี้อาหารที่พระภิกษุบิณฑบาตมาบางส่วนจะยังไม่แกะ ออกจากถุง แต่จะวางไว้ให้ผู้ปฏิบัติธรรมสามารถนำกลับไปรับประทานอาหารกลางวัน ที่ที่พักได้รวมทั้งญาติโยมบางส่วนก็จะเอาอาหารกลับไปบ้านด้วย เมื่อพระภิกษุตักอาหารเสร็จท่านก็จะให้พรแล้วกรวดน้ำ จากนั้นจึงลงมือฉันอาหาร ส่วนญาติโยมและผู้ปฏิบัติธรรมต่างก็แยกย้ายกันไปตักอาหารมารับประทาน ว่าจะไม่ดราม่าก็อดไม่ได้ขอซักนิด เกี่ยวกับการจัดระบบบริหารจัดการอาหารในวัด เมื่ออาหารบนสายพานถาดล้อเลื่อนได้เดินทางมาจนถึงพระภิกษุรูปสุดท้าย จะมีคนมารับอาหารนั้นไปวางไว้ให้ญาติโยมได้รับประทานกันรวมทั้งบรรดาผู้ปฏิบัติธรรมด้วย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า อาหารปรุงใหม่เหล่านี้แทบไม่เคยได้เดินทางไปยังมุมอาหาร ของผู้ปฏิบัติธรรมเลย แล้วมันไปไหนน่ะเหรอคะก็บรรดาแม่ค้า รวมทั้งทีมงาน ที่มาช่วยงานในวัดนั่นแหละรวมทั้งญาติโยมบางคนก็ถือโอกาสนำทั้งจานไปตั้งกลางวง เฉพาะครอบครัวของตนไม่มีแบ่งให้คนอื่นกันล่ะ บางคนเตรียมถุงพลาสติกและภาชนะ มาโกยกลับบ้านกันเลยเชียวสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมก็จะได้รับประทานอาหารเย็น ๆ ชืด ๆ ที่พระภิกษุท่านเมตตาบิณฑบาตให้ตอนเช้า แถมผู้ปฏิบัติธรรมตักไม่ทันเสร็จบรรดาแม่ค้า และทีมงานก็จะกรูกันเข้าไปตักอาหารในมุมของผู้ปฏิบัติธรรมต่อพอเห็นผู้ปฏิบัติธรรม รายไหนเพิ่งเดินไปตักอาหาร ก็จะส่งเสียงโหวกเหวก ให้ผ้าขาวตักก่อน ให้ผ้าขาวตักก่อน แต่ขอโทษนะคะคุณป้าก็ไม่ยอมหยุดโกยอาหารใส่จานของตนเองเลย ผู้ปฏิบัติธรรมรายไหน ไปช้าก็มักจะได้แต่ข้าวสวยเย็น ๆ กับน้ำแกงชืดๆ เนื้อสัตว์น่ะเหรอ ละลายไปหมดแล้ว ส่วนผลไม้ก็จะถูกคุ้ยจนเละเทะ น้ำงี้เจิ่งนองถ้าเทใส่แก้วคงใช้แทนน้ำปานะได้ นับว่าเป็นการฝึกให้เราได้ละจากกิเลสในการรับประทานอาหารได้เป็นอย่างดีเยี่ยม สำหรับยาคูลท์ กาแฟกระป๋อง นมเปรี้ยว ดันกิ้นโดนัท คริสปี้ครีม พัฟแอนด์พาย ที่เห็นคนนำมาประเคนขึ้นสายพานไปถาด ๆ มันหายเรียบ ไม่เคยมาถึงปากท้อง ผู้ปฏิบัติธรรมแถมพวกนี้มาเป็นทีม และมีวิธีบริหารจัดการยอดเยี่ยมเริ่มตั้งแต่ กระบวนการคัดแยกอาหารที่ได้จากการบิณฑบาต ถุงไหนน่าอร่อยจะถูกเม้มแอบไว้อีกด้าน (เห็นกะตาเลยเจ้าค่ะ) เพื่อเอากลับบ้าน อาหารจานไหนลงจากสายพานหากอร่อย ดูน่ารับประทาน ก็จะถูกนำกลับไปโรงครัวทั้งถาด โดยให้คุณยายแก่ ๆนั่งเฝ้าไว้ 1 คน สำหรับอาหารมื้อเช้าของพวกนางก็อาหารของผู้ปฏิบัติธรรมนั่นแหละค่ะ แบบนี้ จะไปเหลืออะไร ดังนั้น การไปปฏิบัติธรรมครั้งที่ 2เจ๊บิ้นจึงตัดปัญหา พกอาหารเจกระป๋อง ไปรับประทานเอง ไม่ต้องแย่งกันกับใคร ขอแค่ข้าวสวยที่แต่ละวันมีปริมาณเหลือเฟือ เป็นกะละมังๆ ก็พอ หลังรับประทานอาหารเช้าอันแสนชุลมุนเสร็จผู้ปฏิบัติธรรมจะนำภาชนะไปล้าง ทำความสะอาดแล้ววางคว่ำไว้เสร็จแล้วจึงเดินกลับที่พัก ปฏิบัติธรรมภายในห้องพักของตน ไม่ต้องเดินเพ่นพ่านไปไหน เที่ยงก็รับประทานอาหารในห้องพักของตนไปส่วนใหญ่ ก็เป็นอาหารที่เก็บไว้ตั้งแต่มื้อเช้า รับประทานเสร็จก็เก็บขยะทิ้งเศษอาหารให้เรียบร้อย ในถังขยะหน้าอาคารเนื่องจากในห้องมดชุมมาก ขนาดวางน้ำไว้ แพล๊บเดียวลงในนอนตาย ในแก้วน้ำกันเป็นเบือบาปเราอีก หลังเพลแล้วผู้ปฏิบัติธรรมก็รับประทานได้แค่เครื่องดื่ม ที่ไม่มีนมเหมือนกับพระภิกษุช่วงนี้ขอสารภาพว่า ถ้าเจ๊บิ้นไม่ได้กาแฟดำไม่ใส่นม ไม่ใส่น้ำตาลก็ไม่เป็นอันต้องปฏิบัติธรรมกันล่ะ เรื่องอาหารนี้ นับเป็นดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดีในครั้งแรก ที่เจ๊บิ้นไปปฏิบัติธรรม คนนำอาหารมาถวายพระวันส่งท้ายปีเก่าและวันขึ้นปีใหม่ กันอย่างล้นหลาม มีอาหารดี ๆ มีราคา น่ารับประทานมากมาย อาหารใส่บาตรก็เยอะแยะ แถมมีทหารเรือคอยอำนวยความสะดวกให้ ระบบการบริหารจัดการอาหารจึงค่อนข้าง ราบรื่นแต่ในรอบหลังเศรษฐกิจคงแย่ลง ปริมาณอาหารน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดบางคน ไปวัดมือเปล่าใจล้วน ๆ แต่ขากลับพี่เล่นหอบข้าวปลาอาหารกลับไปเจนตัวเอียง เจ๊บิ้นได้แต่ถอนใจ ได้แต่โลกสวยว่าเรายังมีโอกาสไปซื้อหาอาหารดี ๆรับประทานเองได้ สำหรับเค้านี่อาจจะเป็นอาหารชั้นเลิศที่ต้องเลี้ยงหลายชีวิตแต่ที่ตลกบางคนแหวนเพชรพราว สิบนิ้ว แต่ขนอาหารกลับบ้านเพียบ พอใครถามแกบอกแกถือเคล็ดว่าของจากวัดกินแล้ว เป็นสิริมงคล เอากับป้าแกสิ การเข้าวัดถือศีล จริง ๆจะต้องเป็นการเข้าไปขัดเกลาจิตใจเราให้ละทิ้งซึ่งกิเลสทั้งมวล แต่.............. เจ๊บิ้นไม่ค่อยแน่ใจแฮะว่าที่เจ๊เข้าวัดจะเป็นการลดกิเลสหรือเพิ่มกิเลสกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ เจ๊ไม่เคยไปยุ่มย่ามกับใครและไม่ไปพิจารณาโทษผู้ใด ไม่ทำตัวเหนือกว่า แต่อาจจะมีบ้างในใจ ก็พยายามลดละมันลงส่วนใหญ่เจ๊จะประพฤติตนเรียบร้อยนะ ขอโม้หน่อย แต่จะมีเผลอบ้างเวลาดื่มน้ำในห้องโดยจริยาวัตรของผู้ถือศีล จะกินจะดื่ม ก็ควรนั่งให้เรียบร้อยแต่เจ๊ลืมตัวชอบยืนซดโฮกทุกทีสิน่า คราวหน้าเรามาว่าด้วยเรื่องการนอนนะจ๊ะ บาย
Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2561 |
|
1 comments |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2561 14:33:33 น. |
Counter : 1572 Pageviews. |
|
|
|