อันว่าด้วยเรื่องบวชชีพราหมณ์ ถือศีล 8 แบบแนว แนว (3)
สวัสดีค่ะหลังจากที่ได้ถ่ายทอดประสบการณ์บวชชีพราหมณ์ครั้งแรกไปแล้ว คราวนี้เป็นการบวชครั้งที่2 ในวัดสายที่เน้นการสอนวิปัสสนากรรมฐานกันบ้าง หลังจากวันเวลาผ่านไปหลายปีคราวนี้ข้าพเจ้าก็ได้ฤกษ์บวชอีกครั้ง เหตุแห่งการบวชครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรมากแค่เพื่อนร่วมงานชวนไปบวช หลังจากรวบรวมสมัครพักพวกได้ประมาณ5 6 คน ประกอบกับช่วงนั้นใกล้หยุดยาว3 วันติดกัน ไม่ต้องลางานเพิ่ม แค่ขอออกก่อนเวลาเลิกงานจริงๆ เท่านั้น ซึ่งเจ้านายก็ดีใจหายอนุญาตโดยไม่มีเงื่อนไขอันใด (เด็กดีก็งี้แหละนายรัก นายหลง นายตามใจ) วัดนี้อยู่ใกล้กรุงเทพฯมาก มากจนกระทั่งแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของกรุงเทพฯ อยู่แล้ว วัดนี้เคยตกเป็นข่าวดังประมาณ2 ครั้ง ครั้งแรก อันนี้ดังระดับโลก เรื่องการนำร่างแม่ชีท่านหนึ่งมาทำกระบวนการแปรสภาพเป็นอาจารย์ใหญ่เพื่อการปลงอสุภะ โดยภาพการดำเนินการแปรสภาพได้หลุดออกไปเป็นข่าวทั่วโลก กลับกลายเป็นว่ามีการกินเนื้อมนุษย์กันในวัด และครั้งที่2 เป็นคดีเรื่องการแย่งการเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินพิธีศพ ของอดีตเจ้าอาวาสที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสายกรรมฐาน จึงมีลูกศิษย์ลูกหามากมายหลายวัดบรรยากาศทางเข้าวัดสมัยนั้นต้องผ่านสวนทุเรียนเก่า (เดาได้แล้วใช่มั๊ยว่าจังหวัดไหน) ถ้าไม่นำรถไปเองก็สามารถนั่งสองแถวเข้าไปได้
บรรยากาศวัดก็ดูสงบร่มรื่นเย็นสบาย แต่ปริมาณคนมาถือศีลบวชค่อนข้างมากมายมหาศาล จนกระทั่งที่พักแทบไม่พอกันเลยทีเดียวและแน่นอน ผู้หญิงทั้งน้านนนนนน กระบวนการบวชก็ไม่ยุ่งยากแค่เข้าไปที่อุโบสถที่มีรูปร่างแปลกแต่สวยงามไม่เหมือนวัดอื่น ลงไปชั้นล่างจะมีจุดให้ลงทะเบียน การลงทะเบียนก็ใช้เพียงบัตรประชาชนเท่านั้น โดยวัดจะเก็บไว้เป็นหลักฐานจะกระทั่งเราลาบวชแล้วจึงจะมารับคืนได้ และมีค่าธรรมเนียมนิดหน่อยประมาณว่าช่วยค่าน้ำค่าไฟ ลงทะเบียนเสร็จเราก็ไปติดต่อเช่าเครื่องแบบชีพราหมณ์ที่อาคารนอน โดยมีให้เช่าครบชุดทั้งเสื้อผ้าถุง ซับใน สไบ เห็นมั๊ยแสนจะสะดวกสบาย จากนั้นเราก็ขึ้นศาลานอนซึ่งเป็นศาลาขนาดใหญ่ จุคนได้มาก พื้นปูด้วยไม่กระดานลงชะแล็คมันปล๊าบและเนื่องจากเป็นพื้นไม้ ใครเดินไม่ระวังจะลงส้นดังตึงๆ บางคนเดินทีอาคารแทบไหวยังกะแผ่นดินไหว 10 ริคเตอร์ อากาศเดือนธันวาคมเย็นสบายไม่ร้อนไม่หนาว แถมในศาลานอนยังมีพัดลมเพดานติดตั้งเป็นระยะ หลังจากอาบน้ำผลัดผ้าเป็นชุดขาวเราก็มารวมตัวกันที่อุโบสถเวลา 17.00 น. เพื่อทำการรับศีล8 เข้าเป็นชีพราหมณ์เต็มตัว ซึ่งจากนี้ไปเราจะต้องถืออุโบสถศีลงดจากการใช้เครื่องหอม นอนที่นอนหนา และงดอาหารต่างๆ ถ้าหิวเหรอ ไม่มีปัญหา ในโรงครัวจะมีการทำน้ำปานะไว้พอให้คลายหิวได้บ้าง จากนั้นช่วงเย็นบรรดาชีพราหมณ์จำนวนมากมายก็จะมารวมตัวกันที่ลานสมาธิ เป็นลานกลางแจ้งพื้นเป็นทรายกวาดไว้เรียบ พระอาจารย์จะนำสวดทำวัตรเย็น ฟังเทศน์แล้วก็นั่งสมาธิจนถึงประมาณ 4 ทุ่ม ถึงจะเดินกลับศาลานอนกัน พูดถึงศาลานอนไม่ใช่ว่าใครใคร่จะเข้าออกเวลาไหนก็ได้นะ มีเวลาปิดเปิด ต่อให้ง่วงจะขอเข้าไปงีบก่อนก็ไม่ได้ต้องรอให้ถึงเวลาปิดเปิด ด้วยเหตุเรื่องความปลอดภัยและเกรงปัญหาเรื่องทรัพย์สินหาย จึงต้องกุญแจคล้องปิดไว้ตลอด เนื่องจากคนมาบวชมีจำนวนมากการหลับนอนจึงค่อนข้างแออัด ทางวัดมีเสื่อหมอน และผ้าห่มให้ โดยนอนเรียงกัน ตัวแทบจะชิดติดกันเลย สำหรับคนที่มาทีหลังศาลานอนไม่พอ ก็ต้องไปขอยืมกลดกางนอนบริเวณลานสมาธิกันไป นับเป็นบุญของข้าพเจ้าจริงๆ ที่ตอนไปยังคงมีที่นอนริมฝาผนังในศาลาเหลืออยู่บ้าง สำหรับห้องน้ำจะอยู่หลังศาลานอนลงบันไดมาชั้นล่าง เป็นห้องน้ำเรียงแถวยาว ซึ่งมีความมหัศจรรย์น้ำอุ่นอาบสบายมากทั้ง ๆ ที่อยู่ในหน้าหนาวและวัดก็ไม่ได้มีเครื่องทำน้ำอุ่น เล่นเอาข้าพเจ้าอาบเพลินไปเลยตอนลาศีลจึงต้องทำบุญค่าน้ำเยอะกว่าใครเพื่อน ตอนแรกก็จะว่าสั้นๆ แล้ว แต่สุดท้ายติดลมยาวไปโลด พรุ่งนี้เรามาต่อตอนต่อไปนะคะ บายยยย
Create Date : 29 มกราคม 2561 |
Last Update : 31 มกราคม 2561 17:06:00 น. |
|
1 comments
|
Counter : 339 Pageviews. |
|
|