BlogGang.com : : อยู่ไกลบ้าน : หัวใจออกเดินทาง....ตอนที่สาม.....Daulatabad Fort-ถ้ำเอลโลร่า

หัวใจออกเดินทาง....ตอนที่สาม.....Daulatabad Fort-ถ้ำเอลโลร่า

เช้าวันที่12/10/2005 พวกเราออกเดินทางไป ถ้ำเอลโลร่า

ระหว่างทางแวะเที่ยว Daulatabad Fort

Daulatabad Fort
Daulatabad is situated around 13 kms away from Aurangabad. This place is known for its majestic fortress which was build in 12th century on top of a hill. The Daulatabad fort emerges dramatically over 600 ft above the Deccan plain. It is one of the world's best preserved forts of medieval times and also one of the few impregnable forts in Maharashtra with excellent architecture. The city was named Daulatabad 'The city of fortune', by Mohammed bin Tughluq, the sultan of Delhi

History of The Fort

Almost 800 years ago, Daulatabad, then called 'Devigiri' was a thriving city. It was founded by Bhillamraja of the Yadava dynasty in 1187 AD. Later, the fort of Daulatabad passed through the hands of several dynasties in the Deccan. Less than 150 years after the Yadava dynasty, Daulatabad also became the capital of India for a short period during the reign of Sultan Muhammad-bin-Tughluq, who gave the city its present name. But very soon the charm of this ancient city faded.

เอาหล่ะ ค่าผ่านทางจำไม่ได้ว่าต้องเสียหรือเปล่า
แต่นึกแล้วนึกอีก ก็นึกไม่ออก แต่คิดว่าไม่เสีย
ถ้าเสียพวกเราก็คงไม่เข้าไปกัน

ที่นี่เราไม่ได้ขึ้นไปถึงยอดปราสาท เพราะมองจากด้านล่าง
พวกเราตกลงกันว่า ถ้าขึ้นไป
พวกเราคงอดเที่ยวถ้ำเอลโลร่า เพราะยอดปราสาทอยู่บนยอดภูเขา

และที่นี่แม้จะยิ่งใหญ่แต่ ยังไงก็ไม่สวยเท่า Fort
ที่พวกเราเคยไปเที่ยวมา จึงพากันเดิน
ขึ้นไปเท่าที่พวกเราเดินไหว สักชั่วโมง

ตามมาดูรอบบริเวณ Fort กันดีกว่าค่ะ

ภาพนี้ถ่ายจากด้านหน้าปราสาท คนละใบ
ตอนนี้ยังไม่ได้แต้มหน้าผากกัน

เดินเลาะขึ้นไปบนอ่างเก็บน้ำที่
จะมีทางเข้าซ้ายมือ จะเจอวัดค่ะ
ที่เห็นคนตัวเล็กๆอยู่ คือเค้าเข้าไปไหว้พระกัน
วัดฮินดูค่ะ

เรากับพี่ปูจึงเข้าไปไหว้มั่ง

และพวกเราก็เคลื่อนทัพกันต่อ อิอิ

ระหว่างทางเจอกลุ่ม คนอินเดีย ผู้หญิง
พวกเราหยุดรอจะถ่ายภาพ พวกเค้ากลัวจึงเดินหนีไปอีกทาง
กดภาพมาได้สองใบเอง แต่ไกลไปหน่อย

เดินมาไกลพอสมควรเหนื่อยมาก

เพราะทุกที่ที่ไปนี่ต้องใช้พลังกายและใจ

ระหว่างทางบนนี้เจอคนกำลังแบกต้นไม้แห้งเล็กๆน่าจะเป็นต้นหญ้า
พวกเราก็กดภาพกันใหญ่ อิอิ แบบว่าไม่มีไรทำกัน
ถ่าย

และไฮไลท์ของที่นี่คือ ทางเดินขึ้นปราสาท
ที่มืดจนต้องจ้างคนนำทางถือคบไฟส่องให้
เราจ่ายตามแต่เราจะจ่าย เด่นจ่ายไปสิบรูหรือสามสิบก็จำไม่ได้
แต่ไม่มากกว่านี้

ฟังจากที่เด่นเล่าคือ น้องเค้าว่า ทางที่มืดนี้ สมัยนั้นจะมี
ไว้เพื่อเวลาศัตรู หรือข้าศึกเดินเข้ามา
ก็จะโดน ทหารที่รออยู่ในอุโมงค์ สังหาร

น่ากลัวดีที่ไม่เห็นทางเดินไม่งั้นอาจจะเจอรอยเลือดตามผนังหลงเหลือยู่บ้างก็ไม่รู้

ที่นี่จะมีทางเดินอีกทางที่ไม่ต้องเข้าไปในอุโมงค์ก็ได้ค่ะ
เลือกได้ถ้าใครที่กลัวความมืด เพราะมันมืดสนิทจริง
เค้าทำการดับไฟโชว์พวกราด้วยว่ามันมืดจริงๆ
แบบมองไม่เห็นอะไรเลย แม้จะรอให้ตาชินกับความมืด
ก็มืดสนิทจริงๆ

พวกเราเดินขึ้นไปจนเห็นแสงสว่าง
และที่นี่มีทางแยกให้พวกเราไปต่อ
ไม่มืดนะค่ะ แต่ที่พวกเราพร้อมใจกันส่ายหัว
ไม่ขึ้นไปเพราะ บันไดสี่ร้อยกว่าขั้น

ทางนี้ที่น้องเด่นบอกคือ เวลาข้าศึกมาเดินทางนี้ก็จะเจอน้ำมันร้อนๆสาดลงมาค่ะ

และพวกเราก็เลือกที่จะออกอีกทางเพื่อจะเดินกลับกัน
และก็เจอวิวแบบนี้ค่ะ

สวยจริงๆ

และที่นี่พวกเราเหล่านางแบบทั้งหลายก็ถ่ายภาพกันใหญ่

และก็พากันกลับขึ้นรถเพื่อไปเที่ยวเอลโลร่ากันต่อ

ที่นี่ตอนที่พวกเราไปกัน เปิดแต่โซนวัดฮินดูกับพุทธค่ะ

จึงไปถ้ำของฮินดูก่อน ที่นี่ถ้ำที่16เท่านั้นที่ต้องเสียเงินนะค่ะ วัดไกรลาศ
เสีย250 รูปี

มาดูภาพกันดีกว่า

ไปถึงเจอเจ้าตัวนี้อยู่ปากทางเข้า
ชอบมากๆเราว่ามันน่ารักดี
วัดฮินดูที่นี่ เป็นวัดของพระศิวะ เพราะมีแต่ศิวะลึงค์

และภาพพระอุมาและศิวะเป็นส่วนใหญ่

และที่นี่ พวกเราสงสัยกันมากๆ ว่าทำไมต้องจับนม
เพราะเห็นบ่อยมากๆ ว่ามือจะอยู่ตรงนม
เกิดการเดากันไปต่างๆนานา อิอิ ไม่บอกว่าเดาว่าไง
ไปคิดเอาเอง

ภาพนี้ไม่รู้ว่าเทพองค์ไหน
ชอบก็เลยถ่ายมา

ขอโทษนะค่ะเพื่อนๆ ไว้คืนนี้ดึกจะมาต่อตอนใหม่ให้
วันนี้ติดธุระจะออกไปข้างนอก
ไว้จะแวะไปทักทายตอนดึกๆนะค่ะ

Create Date : 13 มกราคม 2549

Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2549 13:08:09 น.

13 comments

Counter : 943 Pageviews.

มาแอบตามคุณอุ๋ยไปเที่ยวด้วยค่ะ

งืองือ ไว้แอนมีตังค์ก่อนนะ จะขออนุญาตตามไปเยือนจริงๆ

ขอบคุณที่นำมาฝากกันค่ะ

โดย: มรกตนาคสวาท

วันที่: 13 มกราคม 2549 เวลา:12:06:51 น.

ชอบภาพบรรยากาศจังเลยค่ะ....

ตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะ

โดย: Batgirl 2001

วันที่: 13 มกราคม 2549 เวลา:12:09:56 น.

แวะมาติดตามไปเที่ยวด้วย

โดย: ชายคา

วันที่: 13 มกราคม 2549 เวลา:12:10:49 น.

จ๊ะเอ๋พี่อุ๋ย
ขอบคุณนะคะที่แวะไปเยี่ยมบล็อกไม่ได้ขาด
ช่วงนี้งานสุมหัวอย่างแรงค่ะ

คิดตึ๊งเสมอๆน๊า

ปล.ไว้ไปอินเดียจะให้พี่อุ๋ยเป็นไกด์ให้นะคะ

โดย: หมูน้อยหน้าใส

วันที่: 13 มกราคม 2549 เวลา:12:12:39 น.

ทิวทัศน์และบรรยากาศน่าเที่ยวจัง ภาพสวยมากค่ะ

โดย: ซออู้

วันที่: 13 มกราคม 2549 เวลา:12:14:10 น.

แวะมาเที่ยวด้วยคนค่ะ ตอนนี้ยังไม่อยากไปอินเดียจริงๆ ขอเที่ยวทางสายตาไปก่อนละกัน มีเวลาเด๋วจะแวะมาอ่านตอนต้นๆอีกนะคะ

โดย: jeab&michelle IP: 62.195.13.219 วันที่: 13 มกราคม 2549 เวลา:15:54:50 น.

เที่ยวด้วยๆๆๆๆ

โดย: แป้งแดง

วันที่: 13 มกราคม 2549 เวลา:16:08:50 น.

เกาะติดมาเที่ยวต่อค่ะคุณอุ๋ย ^^

...

โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie

) วันที่: 13 มกราคม 2549 เวลา:16:48:37 น.

ตามมาเที่ยวต่อค่ะคุณอุ๋ย

เห็นด้วยค่ะว่าถ้าต้องเดินเที่ยวในที่แบบนี้ คงต้องไปช่วงที่ยังมีกำลังวังชาดีอยู่ อายุมากๆ ให้ไปเดินทรหดแบบนี้ก็คงไม่ไหว

โดย: jan_tanoshii

วันที่: 13 มกราคม 2549 เวลา:18:04:35 น.

"เที่ยวอินเดียนี่ รอแก่แล้วคงไม่ไหว
เพราะทุกที่ที่ไปนี่ต้องใช้พลังกายและใจ"

โดนใจมากเลยค่ะคุณอุ๋ย

ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ อยากไปด้วยมากๆเลยอ่ะ

โดย: จันทร์สวย

วันที่: 14 มกราคม 2549 เวลา:10:34:08 น.

ตามน้องอุ๋ย เที่ยวด้วยคนนะคะ
น่าสนุกไปเที่ยวเป็นกลุ่ม แถมคนไทยด้วย อิจฉา อิจฉา

โดย: tukata001

วันที่: 14 มกราคม 2549 เวลา:11:19:32 น.

ตามมาเที่ยวครับ อิจฉามากๆ เลย...

รูปสุดท้ายนี่เป็นพระศิวะในปางดุร้ายครับ
สังเกตจากบริเวณหน้าผากจะมีตาที่สาม
เคล็ดลับในการสังเกตเทวรูปโบราณที่มีตาที่สามกลางหน้าผาก ถ้าตาวางตัวในแนวตั้งจะหมายถึงเทพ แต่ถ้าตาวางตัวในแนวนอนหมายถึงยักษ์ครับ

โดย: T_Ang

วันที่: 15 มกราคม 2549 เวลา:16:45:44 น.

ถือว่าไปแบบทรหดมากเลยนะค่ะ แก่ตัวไปเดินไม่ไหวแน่
เลยคุณอุ๋ย ...

เห็นข้อสังเกตุของคุณอุ๋ยแล้วทำให้เราเห็นขึ้นมาทันทีว่า
เออจริงแฮะ ทำไมถึงได้ชอบจับหน้าอกนักล่ะ ... ชวน งง กันแล้วแบบนี้มีเฉลยไม๊ค่ะ

โดย: JewNid

วันที่: 31 มกราคม 2549 เวลา:17:40:18 น.