บันทึกจากเมลบิร์น บทที่ 4 : Bloody Indo
ถ้าถามความรู้สึกของเราที่มีต่อชาวอินโดฯ เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว เราก็ต้องบอกว่า เป็นชนชาติที่เราไม่อยากคบหาด้วยเลย เพราะข่าวคราวที่ออกมาทางทีวี และทางอินเตอร์เนท แต่ถ้าเป็นวันนี้ ก็ต้องบอกว่า ความรู้สึกของเรามันเปลี่ยนไป (แหะๆๆๆๆ) ชนชาติอินโดฯ มีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าที่เราคิด ทั้งเรื่องภาษา วัฒนธรรม และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เรื่องที่เราชอบมากที่สุดก็เรื่องการตั้งนามสถุลของเขานี่แหละ
ในเมืองไทย เวลาตั้งชื่อก็จะสื่อความหมายในเรื่องต่าง ๆ เช่น บุคลิก ลักษณะ โชค ลาภ หรือแม้แต่สื่อถึงวัน เดือน ปี ที่เกิดก็มี แต่ถ้าเป็นนามสกุล โดยส่วนใหญ่เราก็จะใช้นามสกุลของพ่อ หรือแม่กัน แต่ไม่ใช่สำหรับชาวอินโดฯ คุณสามารถตั้งนามสกุลของคุณเองได้ แล้วแต่ความพอใจ คนในครอบครัวเดียวกัน อาจไม่มีใครใช้นามสกุลเดียวกันเลยก็ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่มีอยู่ครั้งนึง ที่เราต้องเสียน้ำตา ให้กับการตั้งนามสกุลของชาวอินโดฯ นึกถึงทีไร บางทีน้ำตาก็ยังไหลเลย
เหตุมันเกิดจากเพื่อนเราคนนึงชื่อ ลูกัส เขาทำงานที่ออสเตรเลียนี่แหละแต่อยู่คนละแผนก เป็นชาวอินโดฯ พอดีต้องไปทำงานที่ปากีสถานด้วยกัน ด้วยความที่ (ต่างคนต่างไม่มีใครคบ เอ้ย) มาจากต่างถิ่น ไปไหนมาไหนก็ต้องไปด้วยกัน
ค่ำวันหนึ่ง หลังจากทำงานเสร็จ มันก็พาเราไปกินข้าว นั่ง ๆ กินข้าวอยู่ เขาก็เริ่มออกอาการของคนช่างพูด อย่างที่เรียกกันว่า พูดจนลิงหลับนั่นแหละ เขาก็เริ่มจากการซักประวัติเรา ว่านามสกุลนี้ท่านได้แต่ใดมา ประมาณนั้น พอจบเรื่องนามสกุลก็ซักถามเรื่องอื่น ๆ ไปเรื่อย ถามอะไรเราก็บอกไป แต่เห็นเขาคุยจ้อไม่หยุด เราก็ชักเริ่มจะรำคาญ
คนอะไรวะ ผีเจาะปากมาพูดรึไง พูดได้เป็นต่อยหอยเลย
เราก็เลยเอากับเขาบ้าง พอเขาเริ่มเว้นระยะการพูด เราก็เริ่มซักไซ้ไล่ประวัติซะเลย ให้มันรู้ไปว่าใครจะพูดเป็นต่อยหอยได้มากกว่ากัน ซักประวัติกันไปได้สักพัก ก็มาถึงเรื่องนามสถุล เราก็เลยถาม
What does Aprijantos mean? (Aprijanto แปลว่าอะไรอ่ะ)
Emm, it means the man whos born in April (อืม หมายถึงผู้ชายที่เกิดในเดือนเมษายนไง)
AHH??? (อันนี้เราต๊กกะใจ) นึกไม่ถึง ว่าความหมายมันจะเป็นแบบนั้น ตอนนี้เราเริ่มมีหัวเราะนิด ๆ ก็พอดีเราเป็นคนที่เรียกว่าเส้นตื้น
Why do you want to tell the world that youre born in April? Is that your fathers surname? Whats about the others in your family? (ทำไมถึงอยากจะประกาศให้โลกรู้ว่าเธอเกิดเดือนเมษายนหละ เป็นนามสกุลดั้งเดิมของคุณพ่อเหรอ แล้วคนอื่น ๆ ในครอบครัวเธอนามสกุลอะไร)
Woh, woh, woh.. one by one, youre crazy !! (โวๆๆๆ ทีละอย่างดิ๊ จะบ้าเหรอ)
น๊านนน มาว่าเราอี๊ก สะใจเจง ๆ ที่ทำให้มันสับสนได้
I was born in April. Only me who uses this name (ก็ฉันเกิดเดือนแมษายนนี่ ก็มีแต่ฉันนี่แหละที่ใช้)
Whats about the rest? (แล้วคนอื่น ๆ หละ)
They have their own!! (เขาก็มีของเขาเองไง)
มาถึงตอนนี้ เราเริ่มหัวเราะไม่หยุดแล้ว พอหัวเราะมาก ๆ น้ำตามันก็เริ่มไหล แต่คู่กรณีของเราน่ะ เริ่มจะมองเราแปลก ๆ และสงสัยแล้วว่า มันตลกตรงไหน
Hey, what if I was born in July? (แล้วถ้าฉันเกิดเดือนกรกฎาคมหละ) เรายังถามต่อทั้งที่ยังหัวเราะอยู่
Em, Junni-antee, possibly (อืม ก็อาจจะเป็น จูนิอานตี้) เราพยักหน้าหงึก ๆ นึกถึงว่า
อย่างเราเกิดเดือนกันยาฯเนี่ย ควรจะนามสกุลอะไรดีว๊า จะ จานโต หรือจานตี่ ดี คงจะตลกดีพิลึก อ่ะจึ๊ย
Whats about September?? Is it Septi, Septosomething? (แล้วคนที่เกิดเดือนกันยายนหละ จะเป็น เซบตี้ หรือเซบโต้ หรือยังไง
SEPTIJANTEE (ก็เป็น เซบติจานตี้ไง้)
ก๊ากกกกกกกกกกกก เอิ๊กกกกก อันนั้นเป็นเสียงหัวเราะของเราเอง ตอนนี้เราหัวเราะเหมือนคนบ้าไปแล้ว น้ำตาไหลพรากเลย
Why are you trying to make fun of my name? (จะมาขำอะไรกันนักหนากะไอ้นามสกุลฉันเนี่ย)
ตั้งแต่ทำงานมา เจอลูกค้าก็หลากหลายรูปแบบ บางคนก็เฮี๊ยบสุดขั้ว บางคนก็ดีใจหาย แต่นาน ๆ ครั้งจะเจอประเภทที่คาดเดาอะไรไม่ได้เอาซะเลย ที่บอกว่าคาดเดาอะไรไม่ได้ ก็อย่างเช่น เมื่อเราเริ่มงาน ก็ได้มีการวางแผนกันไว้อย่างดีและทุกคนก็เห็นด้วยว่าจะทำอะไรตอนไหน ในระหว่างนั้นพวกเราก็เตรียมงานไป โดยที่ไม่มีใครทักท้วงหรือมีสัญญาณว่าจะมีการเปลี่ยนแผนหรือระงับ แต่พอถึงเวลาที่จะต้องดำเนินงาน หรือเมื่อเราไปถึงหน้างาน (ถ้าเป็นการจอดเรือ ก็ต้องเรียกว่าเรือมาจ่อรอที่ปากอ่าวแล้ว) ก็โดนสั่งระงับไปเฉย ๆ ก็มี ด้วยสาเหตุที่แตกต่างและหลากหลาย บางครั้งก็เป็นเหตุผลที่พอจะรับฟังได้ แต่บางทีก็เกิดเพราะมีบางคนที่อยู่ในคณะกรรมการที่มีหน้าที่ตัดสินใจเกิดอาการลังเล ไม่แน่ใจในแผนงานขึ้นมาเฉย ๆ ทั้ง ๆ ที่ก็เคยยอมรับไปแล้วและก็มีเวลาคิดอยู่หลายวัน
เจอลูกค้าแบบนี้ ก็อาจทำให้เราป่วยไปเลยในบางครั้ง
ลูกค้าที่จะพูดถึงวันนี้ เป็นลูกค้าในอินโดอินโดเนียเซีย ในฐานะที่เราทำงานอยู่ Regional office ลูกค้าของเราในที่นี้ก็จะเป็น Market unit ซึ่งก็คือบริษัทเดียวกัน นิสัยอีกอย่างของคนอินโดฯ ก็คือ เขาไม่ชอบพูดคุยกันแบบประจันหน้าที่เรียกว่า Face to Face อาจเป็นเพราะประจันหน้ากันทีไรก็มีเรื่องทุกที (หรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ) วิธีที่เขาใช้สื่อสารกันส่วนใหญ่จึงเป็นพวก Chat MSN และ Mail ถ้าอยู่ไกลหน่อยก็ SMS เขาเป็นกันอย่างนั้นจริงๆ แม้ว่าจะนั่งอยู่ติดกัน เพียงแค่มีทางเดินกั้น เขายังไม่ค่อยคุยกัน ส่วนใหญ่จะใช้วิธีที่กล่าวมาข้างบน
พฤติกรรมแบบนี้ ทำให้เราอดแปลกใจไม่ได้ว่าแชมป์ประเทศที่ใช้ SMS ไม่น่าตกเป็นของฟิลิปปินส์ไปได้เลย น่าจะเป็นของอินโดซะมากกว่า
วันนั้นเราก็ไปทำงานที่อินโดนีเซีย เราก็ได้ที่นั่งใกล้ ๆ กับวิศวกรคนที่เราจะต้องไปทำงานด้วยนั่นเอง ระยะห่างระหว่างเราก็ไม่น่าจะเกิน 2 เมตร เรียกได้ว่าพูดกันโดยไม่ต้องตะโกนก็ได้ยิน วันหนึ่งเราก็นั่งทำงานอยู่เป็นปกติ ก็ได้รับเมล์จากคน ๆ นี้
What time are you going to the customer site? (คุณจะไปที่หน้างานกี่โมงครับ)
เราเห็นชื่อ เห็นข้อความ เราก็เงยหน้าไปมอง เขาคนนั้นก็นั่งมองเราอยู่แล้วก็ยิ้มให้ เราก็ได้แต่อึ้ง คิดอยู่ในใจ อยู่แค่นี้ทำไมจะต้องส่งเมล์ด้วย แต่เราก็ตอบไปเขาให้พอได้ยิน
In about half an hour, is it ok? (อีกสักหนึ่งชั่วโมง เป็นไง) เขาก็พยักหน้าหงึก ๆ เราก็ได้แค่ฮึ่ม ๆ อยู่ในใจ
วันต่อมา เราก็นั่งทำงานของเราอยู่เหมือนเช่นเคย ไม่นานก็ได้เมล์จากคนเดิม ซึ่งก็นั่งอยู่ใกล้ ๆ เรานั่นเอง
Do you know where can I get the installation document? (รู้ไหมครับ ว่าผมจะหาคู่มือได้ที่ไหน)
เราชำเลืองมอง เห็นเขากำลังมองเราอยู่พร้อมด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม เราก็นึก ๆ อยู่ในใจ
ตบกะโหลกมันนี่ เราจะออกจากประเทศมันได้ไหมวะ แต่ก็ต้องระงับเอาไว้ก่อน ก่อนจะตอบเมล์กลับไปว่า
Of course I know (แน่นอน ฉันรู้) เขาอ่านเมล์จบก็ส่งเมล์กลับมาว่า
Can you tell me? (บอกหน่อยได้ไหม)
เราจึงเมล์ตอบเขากลับไปว่าจะหาไอ้คู่มือเล่มนั้นได้จากที่ไหน เหตุการณ์ก็เป็นแบบนี้อยู่หลายวัน จนเรานึกอยาก (แก้แค้น เอ้ย) แก้เผ็ดคน ๆ นี้ขึ้นมาเพียงแต่ก็ยังหาโอกาสเหมาะ ๆ ไม่ได้สักที
และแล้ว วันที่รอคอยก็มาถึง เรายังคงนั่งอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมเหมือนเคย กำลังทำงานเพลิน ๆ ก็ได้รับเมล์ ๆ หนึ่งจากคู่กรณีคนเดิม
Would you mind if I borrow your Cross-Cable? (ผมขอยืมสายครอสหน่อยได้ไหม - สายครอสในที่นี้หมายถึงสายส่งสัญญาณที่เราใช้เชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิมเตอร์สองเครื่องโดยไม่ต้องผ่านตัวแปลงระหัสที่เรียกว่าโมเด็ม)
เรื่องราวก็เกิดขึ้นเหมือนเดิมค่ะ เขานั่งยิ้มอยู่ใกล้ ๆ นี้แหละ เพียงแต่ว่าวันนี้เขายังไม่รู้ชะตาตัวเอง ว่าเรากำลังจะให้บทเรียนอะไรบางอย่าง เราจึงตอบเมล์ไป
No, I wouldn't. I'd love to give it to you. But I dont know how (ฉันยินดีที่จะให้ แต่ก็ไม่รู้จะทำไง)
พอส่งเมล์เสร็จเราก็คอยแอบมองว่าเขาจะมีปฏิกิริยายังไงต่อคำตอบของเรา ตอนแรกเราเห็นเขายิ้ม แล้วก็หุบยิ้มทันทีที่อ่านจบ สีหน้าเปลี่ยนเพราะเกิดอาการงงงวยเสียเต็มประดา แล้วเราก็เห็นเขาเขียนเมล์
What do you mean? (หมายความว่ายังไงเหรอ)
อารมณ์ของเราตอนนั้นคือ เราอยากจะหัวเราะให้โลกแตกไปเลยแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่กลั้นเอาไว้ มันช่างทรมานเสียนี่กระไร เราเหลือบมองดูคุ่กรณี ก็ยังเห็นเขามองมาทางเราด้วยสีหน้างง ๆ อยู่เหมือนเคย เราก็เลยเขียนเมล์ตอบกลับไป
Im so sorry, I dont know how to send the Cross-Cable over email (ขอโทษจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าจะส่งสายครอสนี้ผ่านเมล์ไปได้ยังไง)
|
Create Date : 22 มีนาคม 2551 |
|
2 comments |
Last Update : 22 มีนาคม 2551 23:42:42 น. |
Counter : 397 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Melbourne Australia
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
Noise219 นะคะเพื่อน ๆ มาในบล็อกใหม่เพราะของเดิมโดนไวรัสค่ะ
ขอบคุณป้ามด คุณ N_BEE810 และคุณเนยสีฟ้า สำหรับของแต่งบล็อกสวย ๆ นะคะ
^-^ ^_^ ^_^ ^_^
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|