2 กค 55 กล้วยไม้ดิน - Spathoglottis
กล้วยไม้ดิน //en.wikipedia.org/wiki/File:LR072_72dpi_Spathoglottis_plicata.jpg "กล้วยไม้ดิน" ไม้ดอกประดับอีกชนิดที่ชอบ ซื้อมาเยอะๆใส่กระถางใหญ่ๆ ตั้งตรงไหนก็สวย แต่ไม่เคยสังเกตนิสัยใจคอสักที หลายวันก่อนเดินสำรวจดูที่เคยมีหลายสีหายไปหมด ยิ่งปลูกยิ่งเล็กเน่าตายไปหมด ไม่กี่วันก่อน เกิดฉุกใจคิดได้ว่า ชื่อ "กล้วยไม้ดิน" ก็ต้องปลูกให้เหมือนกล้วยไม้สิ จัดแจงรื้อออกจากกระถาง เปลี่ยนเป็นกระถางรู ปลูกกล้วยไม้ และเปลี่ยนเครื่องปลูกใส่ถ่าน และ กาบมะพร้าวลงไปแทนดิน เอามาตั้งตากแดด คอยสังเกตไม่ให้น้ำแฉะขัง ดูน่าจะดี เก็บภาพมาฝาก สีขาวสะอาด และเหลืออีกต้นอาการดีขึ้นเยอะแล้ว ออกดอกอยู่เรื่อยๆ ถ้าตั้งใจเลี้ยงน่าจะเลี้ยงไม่ยากค่ะ ถ้ามีเวลาจะหาซื้อมาเพิ่ม ซื้อมาเยอะๆใส่กระถางใหญ่ (ราคาไม่แพง ประมาณ กอละ 30-100 บาท) ไปจัดตั้งตรงไหนก็สวยงาม มาชมภาพกันดีกว่าค่ะ จับมาปลูกใหม่ใส่กระถางรู และวางตากแดด สวยจริงค่ะ ลักษณะนิสัยของกล้วยไม้ดินสกุล Spathoglottis 1)สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพที่มีแสงตลอดวันไปจนถึงร่มแต่จะดีที่สุดเมื่อมีการพรางแสง๓๐-๗๐ % 2)อุณภูมิที่เหมาะสม อยู่ระหว่าง ๑๕-๒๕ องศาเซลเซียส ถ้าอุณภูมิต่ำมากจะทิ้งใบและพักตัว 3)ชอบวัสดุปลูกระบายน้ำได้ดี เก็บความชื้นได้พอสมควร มีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์ 4)ชอบที่โปร่งอากาศถ่ายเทและไม่มีลมโกรกมากนัก 5)ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกและปุ๋ยละลายช้าเหมาะสมที่สุด การใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์มาก จะทำให้ใบไหม้และลำต้นเน่าได
๏ วัสดุปลูก วัสดุปลูกของกล้วยไม้สกุลนี้ สามารถผสมใช้ได้หลายอย่าง ไม่มีสูตรตายตัวแต่ควรมีหลักคำนึง ดังนี้ 1) มีความโปร่ง เพื่อให้ระบายน้ำได้ดี และอากาศถ่ายเทสะดวก 2) ปราศจากโรคและแมลง 3) หาง่ายราคาถูกมีมากในท้องถิ่น 4) ไม่เป็นพิษกับต้นไม้ 5) มีแร่ธาตุอาหารตามสมควร 6) ควรเป็นวัสดุเก่า ผ่านการย่อยสลายมาบ้างแล้ว สำรับวัสดุที่จะนำมาผสมเป็นเครื่องปลูกนั้นมีหลายชนิด เช่น กาบมะพร้าวสับ,ใบก้ามปู, ใบสน,เปลือกถั่วลิสง, แกลบ, ถ่าน, อิฐ, ขี้เถ้าแกลบ, ดิน, ทรายหยาบ, ปุ๋ยหมัก, ปุ๋ยคอก ฯลฯ
๏ การผสมวัสดุปลูก สามารถ ผสมได้หลายสูตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมหลายอย่าง เช่น สภาพโรงเรือน ภาพดินฟ้าอากาศ การดูแลรักษา หากว่าปลูกในโรงเรือนมีการพรางแสง มีหลังคาพลาสติก มีโต๊ะ สำรับตั้งกระถางควรใช้วัสดุปลูกที่เบา (ไม่ใช้ดิน) ทั้งนี้พอจะยกตัวอย่าง สูตรผสมวัสดุปลูก ดังนี้ สูตรที่ ๑ : : ดินร่วน / กาบมะพร้าวสับ/ แกลบดิบ อัตราส่วน ๑ : ๑ : ๑ สูตรที่ ๒ : : ดินร่วน / แกลบดิบ / ปุ๋ยคอก/ เปลือกถั่ว อัตราส่วน ๑ : ๑ : ๑ สูตรที่ ๓ : : ใบก้ามปู /ปุ๋ยคอก / เปลือกถั่ว / กาบมะพร้าวสับ อัตราส่วน ๑ : ๑ : ๑ สูตรที่ ๔ : : ถ่าน/ เปลือกถั่ว / แกลบดิบ /ปุ๋ยหมัก อัตราส่วน ๑ : ๑ : ๑ สูตรที่ ๕ : : กาบมะพร้าว / ใบสน / ใบก้ามปู / แกลบ / เปลือกถั่ว อัตราส่วน ๒ : ๑ : ๑ : ๑ : ๒ การขยายพันธุ์ การขยายพันธ์โดยการแยกหน่อเป็นวิธีการที่ง่ายและสะดวกที่สุดช่วงเวลาที่ เหมาะสม ก็คือ ฤดูฝน ตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน สำรบช่วงฤดูหนาวไม่นิยมทำกันเพราะกล้วยไม้จะทิ้งใบ มีโอกาสตายสูงมาก เนื่องจากกำลังพักตัว วิธีการแยกหน่อ เริ่มจากการนำกล้วยไม้ออกกระถาง เขย่าเบาๆ ให้วัสดุปลูกร่วงหล่นให้มากที่สุด จากนั้นให้ พิจารณาดูลักษณะการแตกหน่อ ของแต่ละลำ ใช้มีดหรือกรรไกร ตัดแยกโดยให้มีหน่อใหม่และลำเก่าติดมาด้วย ๑-๒ ลำจะทำให้ต้นที่แยกออกมาเจริญเติบโตและตั้งตัวได้เร็วขึ้น นำหน่อที่แยกไว้มาลงปลูกให้วัสดุปลูกที่เตรียมไว้เสร็จแล้วรดน้ำ ผสมฮอร์โมน เร่งรากแล้วรดตามด้วยยาฆ่าเชื้อรา การขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด กล้วยไม้ดินนี้เป็นดอกสมบูรณ์เพศคือมีเกสรตัวและเกสรตัวเมียในดอกเดียวกันใน ธรรมชาติการผสมเกสรเกิดขึ้นจากแมลง การผสมเกสรอาจเป็นการผสมตัวเอง หรือข้ามพันธุ์ก็ได้ หลังการผสมพันธุ์ ดอกจะพัฒนาเป็นฝัก อายุของฝักไม่แน่นอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฤดูกาล และการดูแลรักษา และชนิดพันธุ์ โดยเฉลี่ยอายุฝักจะอยู่ที่ ๓๐-๖๐ วัน เมื่อฝักแก่ตัวฝักจะแตกออก ภายในจะมีเมล็ดเป็นผงขนาดเล็กอยู่เป็นจำนวนมาก วิธีการเพาะที่ง่ายที่สุดคือ การโรยเมล็ดลง ในกระถางต้นแม่พันธุ์ แต่การเหลือรอดมีน้อย อีกวิธีหนึ่งคือการเพาะลงบนอาหารวุ้นในห้องปฏิบัติการที่มีเครื่องมือที่ทัน สมัย สะดวกที่สุดคือการตัดฝักส่งให้หน่วยงานที่มีห้องปฏิบัติการรับจ้างเพาะโดย ทั่วไปจะใช้เวลาในการเพาะจนเป็นต้นกล้าในขวดวุ้นประมาณ ๗-๑๐ เดือน ก็สามารถนำกล้วยไม้ขวดออกอนุบาลได้//www.orchidtropical.com/spathoglottis-grow.php
|