มิถุนายน 2556

 
 
 
 
 
 
2
3
5
6
7
9
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
สัมผัสมนตรา.. Chapter 14 .. ควรเข้าใกล้หรือถอยห่างไกล

Chapter 14

ควรเข้าใกล้หรือถอยห่างไกล

‘ทำใจดีๆ ไว้นะซัน คุณต้องไม่เป็นอะไร เราสองคนยังมีเรื่องต้องคุยกันผมขอสั่งห้ามคุณเป็นอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณรักผมจริงๆ’

ประโยคร้องขอแกมบังคับเอ่ยบอกระหว่างซันถูกนำเข้าห้องฉุกเฉินเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาแอลนั่งนิ่งใช้ความคิดอยู่ตรงเก้าอี้พักซึ่งทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้สำหรับญาติผู้ป่วยโดยเฉพาะมือของแอลสั่นระรัวยังคงรู้สึกถึงความเย็นเยือกจากผิวกายของซันไม่จางหายแววตาเศร้าโศกยามมองสบกันไม่ว่าจะเวลาใด ทำให้แอลหวนคิดถึงมันทุกครั้งประกายความรู้สึกเหล่านั้นซึ่งซันมีให้เขามันคือความรักอย่างนั้นหรือเขาไม่เคยนึกเอะใจ

แอลพยายามค้นหาคำตอบให้ตนเองเหตุใดเขาจึงไม่เคยคิดอยากหาคนรักเป็นตัวเป็นตนเฉกเช่นชายหนุ่มทุกคนพึ่งมีแท้จริงแล้วหัวใจของเขามีเธอคนนั้นถือครองไว้ต่างหาก เธอซึ่งเป็นทั้งพี่น้องต่างสายเลือดและเป็นคนที่เขาแอบห่วงใยในฐานะเพื่อนสนิทตลอดมาไม่เคยสักครั้งจะกล้าคิดเกินเลยเป็นอย่างอื่น ทั้งที่จริงจิตใต้สำนึกของแอลมีซันอยู่ตลอดเวลาโดยที่เขาไม่เคยรู้ตัวด้วยซ้ำไปว่าความรู้สึกวูบไหวเวลามองสบตากันมันคือความรักซึ่งเคยมอบให้แด่เธอมาแล้วเนิ่นนาน

“แอล!”

เสียงฝีเท้าวิ่งตรงเข้าหายังบุคคลที่ถูกเรียกความเหนื่อยหอบของรันและฟาไม่ได้ครึ่งของความห่วงใยที่มีให้ซันเวลานี้ แอลโทรติดต่อรันทันทีเมื่อนำผู้ป่วยโรคหัวใจส่งถึงมือแพทย์เป็นที่เรียบร้อยทั้งรันและฟาเปลี่ยนจุดหมายและเส้นทางเพื่อตามมายังโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน โดยทั้งสองชายหญิงยอมละทิ้งความไม่ลงรอยเอาไว้ชั่วคราวรอเวลาสะสางปัญหาและค้นหาหนทางกันต่อไปว่าควรทำอย่างไรระหว่างคนรักซึ่งกลายเป็นคู่อริอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ซันเป็นไงบ้าง”

น้ำเสียงทุ่มต่ำแสดงออกถึงความกระวนกระวายเอ่ยถามพลางแตะไหล่แอลเขย่าเบาๆคล้ายเตือนสติให้เขารับรู้การสนทนาระหว่างกันเนื่องจากเวลานี้แอลเหม่อลอยราวกับวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง

“แอล! พี่ซันเป็นไงบ้าง นี่นายมีสติหน่อยได้ไหม!” ฟาส่งเสียงดังช่วยเรียกให้แอลหลุดจากภวังค์ความคิดอีกแรง

“ตอนนี้ซันอยู่ในห้องไอซียูยังไม่มีหมอคนไหนเดินออกมาจากห้องนั้นเลย”

แอลพยายามดึงสติกลับมาเมื่อเห็นรันและฟายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกัน รู้สึกจนปัญญากับการตัดสินใจว่าควรทำอย่างไรระหว่างปล่อยให้เรื่องทุกอย่างดำเนินต่อไปตามโชคชะตา หรือห้ามปรามให้ชายหญิงตรงหน้าหยุดเข้าใกล้กันเพื่อยุติพลังรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา

“ทำไมซันถึงอาการกำเริบ”

และความคิดที่จะห้ามปราบเป็นอันสิ้นสุดลงชั่วคราวเมื่อรันเอ่ยถามถึงสาเหตุที่นำซันเข้าโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วนเช่นนี้ความผิดมันควรเป็นเขาที่พยายามรื้อฟื้นเรื่องราวเก่าๆ หรือเป็นความผิดของรันซึ่งทำให้เขาลืมเลือนคนที่รักหมดสิ้น

“ทำไมนายต้องลบความจำระหว่างฉันกับซัน” สายตาคมเข้มของแอลจ้องมองใบหน้าคมคายอยากได้คำตอบโดยเร็วที่สุด

“นี่นายรู้เรื่องแล้วเหรอแอล”ฟาตั้งคำถามทั้งที่ตกตะลึงไม่แพ้รันซึ่งยืนนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าแอลจะรับรู้เรื่องราวที่เก็บเป็นความลับมาโดยตลอด

“เราสองคนไม่ต่างกันหรอกฟาเพราะเราโดนคนที่รักปกป้องด้วยการลบเลือนความทรงจำ และทิ้งพวกเราให้อยู่อย่างเดียวดายโดยปิดบังความจริง”

แอลระบายความอัดอั้นคล้ายน้อยเนื้อต่ำใจรู้สึกเจ็บปวดที่กลายเป็นบุคคลชั่วช้า ปล่อยให้คนรักบาดเจ็บโดยมีเขาเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุครั้งนั้น

“ฟา..ผมขอสั่งห้ามไม่ให้คุณและรันอยู่ใกล้กันอีกต่อไป นายก็ด้วยนะรัน ได้ยินแล้วใช่ไหมนายกับฟาห้ามรักกันเด็ดขาด”

ฟาได้แต่ยืนนิ่งอึ้งรู้สึกชาวาบที่หัวใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ คำสั่งห้ามไม่ให้รักกันทำไมช่างทำร้ายจิตใจได้รุนแรงเช่นนี้แตกต่างกับรันที่ยืนสงบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดๆ บนใบหน้าคมคาย รันพยักหน้าน้อยๆ สื่อให้รู้ว่านั่นคือข้อตกลงระหว่างเขาและแอลรันไม่พูดจาใดๆ ทำได้เพียงหันหลังและเดินหลบให้พ้นจากตรงนั้น หนีห่างบุคคลทั้งสองอย่างเงียบเชียบแม้เวลานี้จะเป็นห่วงและกังวลเกี่ยวกับอาการของซันมากเพียงใดแต่คงต้องหลบไปทำใจสักพัก รอเวลาติดต่อกลับมายังโรงพยาบาลเพื่อสอบถามอาการของซันอีกครั้งคงไม่สายเกินไปในเมื่อเวลานี้มีแอลอยู่ทั้งคน ซันคงมีเขาคอยดูแลใกล้ๆ อย่างแน่นอน

“นี่นายเป็นบ้าอะไรแอล! อยู่ๆก็ลุกขึ้นมาออกคำสั่งกับฉัน แล้วก็ห้ามคนนั้นคนนี้!” ฟาออกอาการหงุดหงิดเมื่อเห็นแอลแสดงอารมณ์โกรธอย่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย

“ไม่เพราะมันหรอกเหรอ! ทำให้ฟาต้องมีพลังบ้าๆจนควบคุมไม่อยู่ ทำให้ผมเกือบตาย ทำให้ซันจงใจคิดสั้นจนเป็นโรคหัวใจแบบนี้ แถมยังลบความทรงจำของใครต่อใครเป็นว่าเล่น”

“สิ่งที่นายนั่นทำมันเป็นเพราะความต้องการของฉันและพี่ซันทั้งนั้นเมื่อก่อนฉันเป็นคนสั่งให้นายนั่นลบความทรงจำเอง ส่วนพี่ซันก็เหมือนกันเธอไม่อยากให้นายจดจำเรื่องราวเลวร้ายก็เท่านั้น เข้าใจบ้างไหมแอลตอนนี้นายเป็นอะไรไป ความบ้าเข้าสิงหรือไง!”

“ใช่!ความบ้ามันคงเข้าสิงผมแล้วจริงๆ ตอนนี้ผมกำลังจะบ้าได้ยินไหมฟา! ผมกำลังจะบ้า!”

“นี่แอล..ฉันจะบอกอะไรให้นายรู้เอาไว้ ในเมื่อนายเองก็ถูกลบความจำ และตอนนี้ก็คงอยากรู้ว่าความรักระหว่างนายกับพี่ซันเป็นมายังไงมันก็ไม่ต่างกันหรอกนะแอล เพราะฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าในอดีตเคยรักกับนายนั่นยังไงหลังจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะไม่หนีปัญหาโดยการอยู่ห่างจากนายนั่นอีกแล้ว!”

“ฟา!”

แอลตะโกนเรียกชื่อน้องสาวซึ่งเดินจากไปโดยไม่คิดเหลียวหลัง สำนึกผิดเริ่มก่อตัวต่อการกระทำก้าวร้าวเมื่อครู่หนำซ้ำยังเผลอกล่าวคาดโทษบุคคลในครอบครัวแม้จะคนละสายเลือดก็ตามแอลกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูด พยายามข่มความวิตกกังวลเอาไว้ นาทีนี้คงต้องตัดทุกสิ่งที่รุมเร้าสมองทิ้งให้สิ้นซากเพียงอาการของซันเท่านั้นที่น่าเป็นห่วง ณ ตอนนี้


รถแท็กซี่จอดสนิทยังประตูรั้วหน้าที่พักอาศัยฟายื่นค่าโดยสารให้คนขับก่อนก้าวลงจากรถ ตลอดเส้นทางกลับบ้านฟาได้แต่นึกถึงบุคคลที่อยากพบเจอเขาคงหมกตัวอยู่ไหนสักแห่งซึ่งเกินคาดเดา รู้สึกอับจนหนทางเสียเหลือเกินกับการติดตามเมื่อความรู้สึกเย็นลงฟาต่อสายหาแอลเพื่อถามไถ่อาการของซัน หากมีความคืบหน้าอย่างไรคงได้ทราบข่าวคราวเป็นระยะแม้จะห่วงใยซันซึ่งเป็นครอบครัวเดียวกันแต่ธุระสำคัญไม่แพ้กันคือตามตัวนายรันติมาให้เจอ

ประตูรั้วหน้าบ้านถูกเปิดพร้อมถ้วยฟูวิ่งถลากระดิกหางสั่นระริกเข้าหาราวกับคิดถึงเจ้านายของมันเต็มที ฟาคว้าสัตว์เลี้ยงขึ้นอุ้มพลางมองหนุ่มหน้าตี๋เบื้องหน้า

“รอนานไหมเก่งโทษทีที่ช้า พอดีแวะไปมหาวิทยาลัยมา”

“มาถึงซักพักว่าแต่เจ้แวะไปมหาลัยทำไมอะ”

“หารัน”

“หารัน!หาทำไม หรือที่เรียกผมมาเพราะเรื่องนี้”

“อืม..ฉันจะให้แกพาไปสนามแข่ง”

“เอ๊ะ..หมูนี้ชักยังไงๆ อยู่นะ”

รอยยิ้มทะเล้นบวกกับท่าทางเหย้าแหย่ไม่ได้ช่วยให้เพื่อนรุ่นพี่แย้มยิ้มแม้แต่น้อยวงหน้าหวานดูจริงจังจนเก่งเริ่มเสียวสันหลังกลัวเหลือเกินกับการเดาอารมณ์ของผู้หญิงอย่างฟา เมื่อมองจากสถานการณ์แล้วเก่งควรรูดซิบปากให้เงียบดีกว่าก่อสงครามทำลายตัวเองฟาเดินหายเข้ายังตัวบ้านนำสัมภาระและเจ้าถ้วยฟูไปเก็บก่อนกลับออกมาหาเก่งอีกครั้งเพื่อเดินทางยังสถานที่ในความคิด


ตามท้องถนนพลุกพล่านไปด้วยยวดยานพาหนะหลากหลายชนิด แม้จะเป็นช่วงหัวค่ำ การจราจรยังคงหนาแน่นทำให้บรรยากาศชวนอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกรถจักรยานยนต์แล่นไปตามเส้นทาง อากาศร้อนวูบวาบพร้อมกลิ่นควันจากท่อไอเสียปะทะใบหน้าของทั้งสองชายหญิงที่กำลังมุ่งหน้ายังปลายทางแต่ทุกอย่างซึ่งกล่าวมานั้นไม่ได้มีส่วนทำให้ฟาอยากรับรู้ สิ่งเดียวที่คิดถึงคืออยากไปให้ถึงสนามแข่งโดยเร็วที่สุดแม้เธอจะเสกร่ายเวทมนตร์ได้แต่ในเขตชุมชนซึ่งมีผู้คนมากมายเช่นนี้คงไม่เหมาะอย่างยิ่งไม่อย่างนั้นคงได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์บินได้สักวัน

หลังจากทนใจเย็นมาเกือบหนึ่งชั่วโมงรถคู่ใจก็ขับทะยานมาถึงจุดหมายในที่สุดฟาไม่รอช้าก้าวลงจากรถและตรงดิ่งยังข้างสนามแข่งซึ่งคาดว่ารันคงอยู่ละแวกนั้นปล่อยให้เก่งยืนคอยอยู่ที่เดิมเฉกเช่นทุกครั้งฟายังตอบคำถามตัวเองไม่ได้เหตุใดจึงต้องการพบเจอผู้ชายมาดนิ่งเฉยชา สิ่งเดียวที่รับรู้คือหัวใจมันโหยหาอยากเจอะเจอกับเขาเหลือเกิน เหตุผลอาจเพราะสงสารเห็นใจเมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดก่อนที่เขาจะหลบเลี่ยงออกจากโรงพยาบาล

เสียงโทรศัพท์ส่งดังระหว่างกำลังตามหาบุคคลในความคิดทำให้ฟาหยุดฝีเท้าเพื่อกดรับสายโทรเข้าหน้าจอปรากฏชื่อของแอลความโล่งใจทำให้ฟาคลายกังวลลงไปกว่าครึ่งเมื่อแอลส่งข่าวว่าซันพ้นขีดอันตรายและคงพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหลายวันแต่สิ่งหนึ่งที่แอลฝากวานให้ฟาช่วยเหลือ นั่นคือบอกข่าวกับรัน เนื่องจากแอลติดต่อรันไม่ได้เลยและไม่แน่ใจว่าเขาจะอยู่ที่สนามแข่งตามฟาเข้าใจหรือไม่

ฟาก้าวเดินต่อเมื่อจบจากการสนทนาทางโทรศัพท์รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างหลังจากทราบข่าวของพี่สาวในครอบครัวดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบบริเวณสนามแข่งพบเห็นผู้คนประปราย ตั้งแต่ซันเจ็บปวดป่วยจนต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแอลคงไม่มีเวลาว่างมาดูแลสถานที่แห่งนี้เต็มที่รายละเอียดของเรื่องราวส่วนตัวแม้ฟาจะยังไม่รู้ชัดเจนแต่นายรันติมาคงต้องดูแลสนามแข่งไม่ต่างจากแอลเช่นกันเธอจึงติดตามเขามายังที่แห่งนี้

รถเก๋งคันงามสีดำเงาวับเมื่อสะท้อนแสงไฟกำลังเร่งเครื่องยนต์อยู่ในสนาม ฟาจำได้ในทันทีว่าเป็นรันอย่างแน่นอนที่นั่งอยู่ในรถคันนั้นเนื่องจากเคยเห็นจากการแข่งขันคราวก่อน ไม่รอช้าสองเท้าเร่งเดินก่อนรถคันดังกล่าวจะออกตัวและหนีห่างจากเธอร่างบอบบางยืนข้างรถส่งมือเคาะกระจกให้คนขับด้านในรู้ตัวเสียงเครื่องยนต์ผ่อนลงเมื่อรันยกเท้าขึ้นจากคันเร่งพร้อมกระจกด้านคนขับเลื่อนต่ำจนเห็นใบหน้าคมคายซึ่งจ้องมองฟานิ่งเฉย

“ขอเวลาคุยหน่อยได้หรือเปล่า”

ฟาเปิดปากพูดจาหลังจากมองสบตากันอยู่พักหนึ่งกุญแจรถถูกบิดดับเครื่องพร้อมคนตัวสูงเปิดประตูก้าวลงจากรถ พร้อมแล้วกับการเจรจาตามแต่เธอเบื้องหน้าต้องการรันปิดประตูสนิทเมื่อลงมายืนบนพื้นตรงหน้าหญิงสาวผมยาวสลวยรวบเป็นหางม้าสูง เขานำแผ่นหลังกว้างพิงด้านข้างของรถยกมือกอดอกหลบตาลงต่ำเมื่อเห็นว่าฟาจ้องมองเขาไม่มีกะพริบ

“มีอะไรกับฉัน”

“แอลฝากมาบอกว่าพี่ซันพ้นขีดอันตรายแล้ว”

“อืม..รู้แล้ว”

“นายรู้ได้ไงก็แอลบอกว่าติดต่อนายไม่ได้”

“ฉันโทรไปที่โรงพยาบาล”

“ก็ดี..จะได้ไม่เสียเวลาคุยเรื่องอื่นต่อ”

“...”ดวงตาทรงเสน่ห์จ้องมองคู่สนทนานิ่งๆ รอฟังประโยคเจรจา

“ไม่รู้เพราะอะไรฉันถึงมายืนอยู่ตรงนี้และกำลังสับสนกับเรื่องราวระหว่างเราจนไม่รู้ว่าควรเกลียดหรือญาติดีกับนายกันแน่แต่ฉันอยากบอกว่านายไม่จำเป็นต้องทำตามที่แอลสั่งเพราะฉันก็จะไม่ทำแบบนั้นเหมือนกัน”

“เพื่ออะไร”

“อย่าถามเลยว่าเพื่ออะไรเพราะฉันเองก็ไม่รู้ มันอาจเป็นเพราะฉันอยากรู้เรื่องราวระหว่างเราในอดีตว่าเคยรักกันยังไงก็ได้ฉันไม่สนหรอกนะว่าพลังบ้าบออะไรนั่นจะเพิ่มขึ้นหากต้องอยู่ใกล้นายจะอธิบายยังไงดีเพื่อนายจะได้เข้าใจในสิ่งที่ฉันคิดตอนนี้”

“ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้นทำตามที่แอลบอกมันดีที่สุดแล้วสำหรับเธอ อยู่ให้ห่างจากฉันไว้”

รันขยับกายหันหลังกลับเตรียมเปิดประตูก้าวขึ้นรถอีกครั้งถึงอย่างไรการอยู่ห่างกันไว้มันคงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เรื่องต่างๆ จบสิ้นลงโดยเร็ว

“หยุดหนีซะที!นายไม่เข้าใจ! ต่อให้ฉันถอยห่างหรือนายจะทำเป็นไม่ใยดียังไงมันก็ไม่ได้ช่วยให้พลังบ้าบอเหล่านั้นลดลงเลย ณ ตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามันกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มควบคุมไม่อยู่ ทุกวันนี้ฉันต้องสะกดกั้นมันเอาไว้ พยายามบอกตัวเองซ้ำๆว่าต้องเกลียดนาย เกลียดให้มากที่สุด เพื่อที่พลังเหล่านั้นจะได้ไม่รุนแรงไปกว่านี้แต่ทุกครั้งที่นายทำเมินหรือเย็นชาใส่ฉันรู้ไหมหัวใจมันเจ็บปวดอย่างที่ฉันก็บอกตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไร”

“...”

“ฉันไม่รู้ว่าในอดีตเราสองคนเคยรักกันมายังไงแล้วมันมากมายแค่ไหน จริงอยู่ฉันเคยเกลียดนายเพราะสิ่งที่นายฝังสมองแต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทุกอย่างนายกุขึ้นมาเพื่อต้องการให้ฉันอยู่ห่างจากนายและตอนนี้ฉันต้องการรู้ความจริงในเรื่องของเรา ฉันจะไม่ยอมห่างนายอีกแล้ว”

“ไม่มีประโยชน์หรอกเธอไม่มีทางจำเรื่องราวระหว่างเราได้เธอไม่ได้สมองเสื่อมถึงมีสิทธิ์ฟื้นคืนความจำ”

“ฉันไม่สนว่ามันจะฟื้นคืนหรือไม่แต่ฉันอยากรู้ เวลาอยู่ใกล้นายทำไมหัวใจต้องสั่นไหว ทำไมทุกครั้งที่นายเฉยชามันถึงเจ็บปวดสมองมันสั่งให้ฉันเกลียดนาย ต้องอยู่ให้ห่างไกลจากนาย แต่ทำไมหัวใจมันกลับวิ่งเข้าหาอยากเจอ คิดถึง นี่หรือเปล่าความรักที่ฉันเคยมีให้กับนาย”

“ไม่ใช่..กลับไปซะ..”

ประตูรถถูกกระชากเปิดรันก้าวขึ้นรถและสตาร์ทเครื่องพร้อมขับเคลื่อนออกตัวอย่างรวดเร็วทิ้งให้ฟายืนสงบนิ่ง สะเทือนที่หัวใจจนแทบแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ นี่ใช่ไหมหัวใจไม่รักดีมันถึงไม่ฟังคำห้ามปรามของตัวเองสักครั้งขอบตาร้อนผ่าวความรู้สึกเจ็บจุกวิ่งวนในอก และเพียงไม่นานหยาดน้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่ทันตั้งตัวมันคงเป็นคำตอบสำหรับสิ่งที่ฟาเคยถามตัวเองหลายครั้งหลายหน แท้จริงแล้วความรู้สึกต่างๆที่เธอมีให้เขามันมาจากความรักที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกตลอดเวลา

รถของรันวิ่งจากไปจนพ้นสายตาความรู้สึกคล้ายกับเขาห่างไกลจนไม่อาจเอื้อมคว้าได้อีกแล้วฟาหันหลังและเดินออกจากสนามแข่งอย่างเชื่องช้า ในทุกฝีก้าวมีแต่ความรู้สึกหลากหลายทั้งสับสน เจ็บปวด อึดอัด ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปหลังจากนี้ทั้งที่เธอพยายามเข้าหา แต่เขากลับผลักไสพร้อมหนีห่างจนไกลลับตา ฟาคงฝืนใจใครไม่ได้ทั้งนั้นนอกจากควบคุมจิตใจตัวเองให้เข้มแข็งกว่าที่เป็นอยู่เวลานี้


สนามหญ้าถูกเหยียบย่ำตามจังหวะก้าวเดินสายตาทอดมองต่ำตามพื้นดินด้านล่าง ไม่สนใจสิ่งใดรอบกาย มือยกปาดน้ำตาซึ่งไหลลงมาโดยฟาเองยังไม่รู้จะร้องไห้เพื่ออะไรระหว่างทางฟารู้สึกคล้ายมีใครบางคนติดตามจากทางด้านหลัง คงเป็นผู้คนซึ่งเดินอยู่บริเวณนั้นเลยไม่คิดอยากใส่ใจเมื่อน้ำตาเหือดหาย ความรู้สึกในหัวใจค่อยๆ กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สายตาก็แลเห็นหญิงสาวที่เกือบจะคุ้นเคยหยุดยืนเบื้องหน้าทำท่าลุกลี้ลุกลนคล้ายพยายามจะหลบหนีเธอ

“ไม่ต้องหลบหรอกวันนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะแกล้งใคร”

“เอ่อ..ฟามาหารันหรือเปล่า”

ท่าทางหลุกหลิกหวาดกลัวของฝนไม่ได้ทำให้ฟาตลกขบขันตามเนื่องจากเวลานี้ความเจ็บปวดที่เกาะกินหัวใจยังคงวนเวียนในความรู้สึกตลอดเวลาไม่จางหายไปเสียที

“อืม..นายนั่นคงรอเธออยู่”

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะฟา”

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกฉันเข้าใจ เอาเป็นว่าขอตัวแล้วกัน วันนี้ฉันไม่อยากคุยกับเธอ”

ฟาก้าวเดินต่อโดยไม่ใส่ใจฝนซึ่งยืนกระอักกระอ่วนรู้สึกผิดที่มายืนอยู่ผิดที่ผิดเวลาเช่นนี้แม้ฝนจะรู้จักทั้งแอล ซัน และฟา แต่เธอยังคงสนิทกับรันมากกว่าใครทั้งหมด เนื่องจากฝนและรันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายระหว่างฟาก้าวเดินพลางคิดอะไรหลายอย่าง รอบกายเงียบเชียบไร้ผู้คนบริเวณนั้น หรืออาจเรียกได้ว่าลับตาสำหรับใครซึ่งกำลังคิดร้าย

“ยัยตัวดี!”

สิ้นเสียงของแข็งและหนักกระแทกเข้าที่ศีรษะอย่างจังระหว่างฟากำลังหันกลับไปมองว่าใครเรียกหาเธอร่างบอบบางล้มลงกองบนพื้นทั้งงงและมึน ความรู้สึกชาวิ่งซ่านไปทั่วร่างกายก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะด้านข้างเมื่อตั้งสติได้ฟาหันเหความสนใจยังหญิงสาวไม่คุ้นตาสามคนซึ่งยืนแสยะยิ้มสะใจในการกระทำที่เรียกได้ว่าทำร้ายร่างกายอย่างจงใจ

“สิ้นฤทธิ์หรือยังนังตัวดี!ทีหลังอย่ามายุ่งกับรันของพวกฉันเป็นอันขาด!นี่แค่สั่งสอนเบาะๆ เท่านั้น”

ความเจ็บปวดตามร่างกายไม่หนักหนาเท่าความรู้สึกร้อนวูบวาบภายในบางสิ่งบางอย่างที่หลับไหลกำลังถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้งฟาหลับตาตั้งสมาธิพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมความรู้สึกให้มีสติตลอดเวลาดวงตาเริ่มพร่ามัว เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามรูขุมขน

“ไปให้พ้น..”

เสียงเบาหวิวพยายามเปล่งให้ดังเพื่อออกคำสั่งกับหญิงสาวทั้งสามที่ยืนมองคนบาดเจ็บอย่างสาแก่ใจฟาเริ่มรู้ตัวว่ากำลังมีบางอย่างผิดปกติกับร่างกายจนเริ่มต้านทานไว้ไม่อยู่

“เจ้! เป็นไงบ้างนี่พวกเธอทำบ้าอะไรกัน!”

เก่งรีบรุดเข้าประคองเพื่อนรุ่นพี่อย่างร้อนรนเมื่อเห็นเลือดแดงฉานไหลหยดเลอะเชิ้ตขาวดูน่ากลัวจากสถานการณ์ที่เห็นคงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน ไม้ตะบองในมือของหญิงสาวเบื้องหน้าถูกโยนทิ้งต่อหน้าต่อตาของฟาและเก่ง

“เก่งรีบออกไปจากตรงนี้..”มือบางปัดป่ายพยายามขับไล่เพื่อนรุ่นน้องให้พ้นจากรัศมีอันตรายรอบกายเธอ

“ทำไมล่ะเจ้!ตอนนี้เจ้บาดเจ็บอยู่นะ!”

“ฉันบอกให้ไปไงล่ะ!”แรงผลักมหาศาลทำให้เก่งหงายหลังนั่งกองกับพื้นสองตามองฟาด้วยอาการตกตะลึงอย่างหนัก

“เจ็บตัวแบบนี้ล่ะดีแล้วแกจะได้จำว่าอย่ามายุ่งกับขวัญใจของพวกฉันอีก”

หญิงสาวหนึ่งในสามเปิดปากพูดด้วยการเหยียดเสียงเย้ยหยันกระตุกยิ้มก่อนพยักหน้าให้พวกของตนเตรียมเดินจากคู่กรณีที่มีหนุ่มหน้าตี๋พยายามพยุงให้ลุกขึ้นยืนนัยน์ตากลมโตแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่น จ้องมองยังสามสาวอย่างดุดันเพียงชั่วพริบตาร่างอ้อนแอ้นของพวกเธอค่อยๆ บิดไปมาล้มลงทีละคนร้องโอดโอยทรมานอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“ฉันบอกให้หนีไป!!”

เสียงตะโกนส่งดังพร้อมมีคลื่นพลังบางอย่างกระแทกร่างกายของบุคคลที่อยู่ใกล้ฟาคล้ายถูกผลักให้ออกห่างจากเธอกระจัดกระจาย

“เจ้!!”

เสียงกรีดร้องลนลานหาทางหนีให้พ้นจากแรงผลักไสปริศนาสามสาวต่างช่วยกันพยุงพวกของตนให้ลุกขึ้นอย่างทุกลักทุเลเอาชีวิตรอดด้วยการกระเสือกกระสนเลี่ยงหนีไปทางอื่นคล้ายหวาดกลัวกับอะไรบางอย่างไม่ต่างจากเก่งซึ่งมองเพื่อนรุ่นพี่ด้วยอาการประหลาดใจรอบกายของฟาเริ่มเกิดออร่าสีขาวสว่างทำให้เก่งที่ยืนมองถึงกับอึ้งไปนานหลายนาทีเกิดคำถามวนเวียนในความคิด เจ้ของเขาเป็นใครกันแน่

“ฉันไม่อยากอยู่ตรงนี้!!”

และเพียงไม่นานแสงสว่างก็ปรากฏวูบหนึ่งก่อนจะกลับมาอยู่ในสภาวะปกติอีกครั้งแต่สิ่งหนึ่งซึ่งแตกต่างไปจากเดิมคือฟาหายไปต่อหน้าต่อตาของเก่งจนไม่หลงเหลือใครให้เห็นตรงนั้นดวงตาเบิกกว้าง ยืนอ้าปากค้าง เจ้ของเขาหายไปไหน และหายไปได้อย่างไรเกิดคำถามขึ้นในใจซ้ำๆ เก่งยกมือขึ้นปิดปากก่อนกุมขมับคล้ายทำอะไรไม่ถูกเอาเสียเลย

เวลาผ่านไปนานหลายนาทีกับอาการช็อคขั้นโคม่าเมื่อเก่งพอมีสติ เขารีบก้าวเดินตามหารันทันที หากได้บอกกล่าวกับใครสักคนซึ่งเคยสนิทสนมกับฟาเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น คงดีกว่าเก็บความลับนั้นไว้กับตัว โดยไม่มีปัญญาแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเธอ

“รุ่นพี่..ผมขอเวลาคุยแปบได้ไหม”

ท่าทางกระวนกระวายของเก่งทำให้รันผละจากหญิงสาวเพื่อนสนิทและเดินยังเขาในทันทีตามร้องขอคงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับฟาอย่างแน่นอน รันได้แต่คาดเดาจากสีหน้าและท่าทางของหนุ่มหน้าตี๋คนนี้

“มีอะไร”

เก่งนำมือผลักอกจนรันเซถอยหลังเล็กน้อยเกิดความไม่เข้าใจต่อบุคคลตรงหน้าเอาเสียเลย ไม่พอใจอะไรเขาหนักหนาถึงต้องเดินมาหาเรื่องกันอย่างนี้

“เป็นเพราะรุ่นพี่! ทำให้เจ้โดนทำร้าย!ผู้หญิงพวกนั้นเอาไม้ฟาดเจ้จนเลือดท่วมไปหมด แล้วรับรู้ไว้ซะ! ตอนนี้เจ๊ฟาหายตัวไปแล้ว! หายไปต่อหน้าต่อตาพอจะอธิบายได้ไหมว่านี่มันเรื่องอะไร ทำไมเจ้ถึงหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ไง”

อาการช็อคฉายแววหวาดผวาบนใบหน้าของเก่งทำให้คนรับฟังถึงกับนิ่งอึ้งชั่วครู่รันผละจากคู่สนทนาโดยอัตโนมัติ สองเท้าออกวิ่งยังรถยนต์เพื่อติดตามหาเธอเก่งพยายามควบสติและยืนทำใจให้หายสับสน หันมองตามหลังชายหนุ่มที่เขาโกรธเคืองเมื่อครู่ทบทวนตนเองว่าควรทำอย่างไรต่อไป เพียงไม่นานเก่งก็ติดตามรันไปอีกคน ปล่อยให้ฝนยืนพะว้าพะวังทั้งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กับสิ่งใดสักเรื่องราว


หญิงสาวผิวกายซีดขาวราวกับเนื้อกระดาษนอนหลับตาแน่นิ่งไม่มีสติรับรู้ใดๆ มือถูกกำกุมไว้โดยชายหนุ่มดวงตาคมเข้มส่อแววห่วงใยชัดเจนแอลนั่งเฝ้าซันอยู่อย่างนั้นนานหลายชั่วโมง รอคอยให้เธอฟื้นตื่นจากนิทราอีกครั้งใบหน้านวลขาวถูกจับจ้องไม่มีละสายตาสักนาที เมื่อไหร่จะฟื้นเสียทีเขาได้แต่ภาวนา

“ลืมตาซะทีซันผมรอคุณอยู่ ผมเป็นห่วงคุณ”

ผู้ป่วยโรคหัวใจยังคงหลับตาพริ้มไม่มีการตอบสนองใดๆทำให้แอลผ่อนลมหายเหนื่อยล้าและหมดหวัง หลายชั่วโมงแล้วกับการพยายามทำให้ซันรู้สึกตัวระหว่างส่งแรงใจถึงหญิงสาวเบื้องหน้าประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออกพร้อมฝีเท้าหนักเดินเข้ามาใกล้ๆ ทำให้แอลละสายตาจากซันหันมองยังผู้มาเยือน

“ฟามาที่นี่หรือเปล่า”

แอลแสดงสีหน้าประหลาดใจกับคำถามของเขาตรงหน้าในใจเกิดกระตุกวูบเมื่อคิดถึงเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับน้องสาวได้ทุกเวลา

“ฟาเดินตามนายออกไปแล้วไม่ได้กลับมาที่นี่อีกมีอะไรงั้นเหรอ นายทำอะไรฟาหรือเปล่ารัน”

“ฟาหายตัวไปจากสนามแข่ง”

“รัน..นายต้องตามหาฟาให้เจอ ฉันทิ้งซันตอนนี้ไม่ได้ ขอร้องรีบไปตามฟากลับมา”

รันไม่มัวเสียเวลาพูดจาเขาพยักหน้าส่งสัญญาณให้แอลได้รับรู้ ถึงอย่างไรต้องตามหาฟาให้เจอแม้เวลานี้จะยังมืดแปดด้านก็ตาม ด้วยความรักและความห่วงใยที่เขามีให้ ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนคงละความพยายามไม่ได้รันก้าวเท้าออกจากห้องพักผู้ป่วยรวดเร็ว พร้อมแล้วกับการเดินทางเพื่อติดตามฟาอีกครั้งทุกสถานที่ซึ่งฟาชอบไปคงมีไม่กี่แห่งและทุกแห่งรันรับรู้มันทั้งหมด เนื่องจากเขาติดตามเฝ้าดูเธออยู่ห่างๆมาเนิ่นนาน



To be continued..




Create Date : 08 มิถุนายน 2556
Last Update : 8 มิถุนายน 2556 9:04:34 น.
Counter : 540 Pageviews.

6 comments
  
สวัสดีครับ

ลูกสาวชอบอ่านนิยายมากเลยครับ

ชวนช่วยโหวตผลงานสิ่งประดิษฐ์ของผม Foot Stool ประกวดในเวปPantip ครับ รายละเอียดเชิญที่บ้านผมครับ
โดย: จิรโรจน์ วันที่: 8 มิถุนายน 2556 เวลา:10:22:10 น.
  
ยินดีนะคะ รีบไปโหวตให้เลยค่ะ

โดย: มาโซคิส IP: 110.168.12.12 วันที่: 8 มิถุนายน 2556 เวลา:11:13:04 น.
  
พี่มาโซ
นุ่นรอฟาปล่อยพลังอยู่นะคะ

(^O^)>3<
โดย: lovereason วันที่: 8 มิถุนายน 2556 เวลา:14:43:26 น.
  
กำลังบรรเลงเลยล่ะ
โดย: มาโซคิส IP: 115.87.34.2 วันที่: 8 มิถุนายน 2556 เวลา:18:20:38 น.
  
เจ็บปวดทางใจมากกว่าทางกายสินะ เลยต้องหนีไปไกลๆๆก่อน
โดย: sakeena IP: 124.120.67.156 วันที่: 10 มิถุนายน 2556 เวลา:9:20:26 น.
  
ค่ะ ตอนหน้าคงไม่ปวดใจแล้ว อิอิ
โดย: มาโซคิส IP: 115.67.38.200 วันที่: 10 มิถุนายน 2556 เวลา:9:35:44 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments