มิถุนายน 2556

 
 
 
 
 
 
2
3
5
6
7
9
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
สัมผัสมนตรา.. Chapter 15 .. ลบเลือนความทรงจำ


Chapter 15

ลบเลือนความทรงจำ

รถยนต์คันหรูแล่นมาหยุดตรงหน้าบ้านหลังคุ้นเคยในหลายสถานที่รันขับรถออกตามหาบุคคลอันเป็นที่รักอย่างร้อนรนหวังเพียงเจอเธอคนนั้น ไฟสีนวลหน้ารถดับลงพร้อมสายฟ้าสว่างแว้บตามด้วยเสียงครืนกังวานเมฆฝนก่อตัวดำทะมึน เตือนให้รู้ถึงพายุกำลังมาเยือนในอีกไม่ช้า ประตูรั้วหน้าที่พักอาศัยเปิดค้างเอาไว้ทำให้จิตใจชาวาบชั่วขณะความห่วงใยแล่นเข้าในสมองอีกเท่าตัว เสียงครวญครางแว่วดังจากใต้พุ่มไม้ใกล้ทางเข้าฉุดความสนใจให้รันเดินเข้าหา แมวตัวน้อยหลบหมอบคล้ายหวาดกลัวกับบางสิ่งบางอย่าง ทำให้มันป้องกันตัวเองโดยการซ่อนกำบังเมื่อเห็นมนุษย์เข้าใกล้ ด้วยความตกใจมันจึงวิ่งหนีเอาตัวรอดในทันที

เสียงคำรามบนท้องฟ้าส่งดังครืนไม่ขาดระยะในบรรยากาศมืดมัวมีเศษใบไม้แห้งปลิวว่อนตามแรงลมพัดพาพร้อมหอบเม็ดฝนร่วงหล่นโปรยปรายบวกกับสายฟ้ายังคงสว่างวับน่ากลัว รันสาวเท้ายาวเพื่อเข้าภายในบ้านอย่างรวดเร็วอยากพบเจอบุคคลซึ่งกำลังติดตาม แม้ต้องพลิกแผ่นดินค้นหาก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประตูบานใหญ่เปิดกว้างทว่าภายในกลับมืดสนิทไม่มีแสงสว่างของไฟฟ้าคล้ายไร้ใครอยู่อาศัย รันจัดแจงกดเปิดไฟพร้อมปิดประตูให้สนิทลงก่อนก้าวขึ้นชั้นบนด้วยความเคยชินถึงแม้ไม่ได้อยู่อาศัยภายในบ้านหลังนี้มานานหลายปีแต่ยังคงจดจำได้ดีทุกซอกมุม

บรรยากาศรอบบริเวณนิ่งสงบมีเพียงเสียงฟ้าร้องและฝนกระหน่ำด้านนอกเท่านั้นที่ทำลายความเงียบกริบนัยน์ตาสีนิลสาดมองทุกส่วนของบ้านจนมาหยุดความสนใจยังห้องนอนพร้อมเข้าสำรวจด้านใน ผ้าม่านหน้าประตูระเบียงสะบัดปลิวละอองฝนสาดกระเซ็นตามขอบประตูห้องซึ่งเปิดแง้มไว้เล็กน้อย เงารางๆ ปรากฏเมื่อแสงของสายฟ้าสว่างแว้บลงมาร่างบอบบางนั่งกอดเข่าคุดคู้ก้มหน้าหลบไว้ รันระบายลมหายใจแทบจะกล่าวได้ว่าโล่งอกเขาสาวเท้าหยุดยืนเบื้องหน้าหญิงสาวร่างกายเปียกปอน มองไม่ออกว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไรระหว่างนิ่งเฉยหรือสั่นสะท้านไปทั้งตัว

รันย่อกายนั่งลงตรงหน้าหญิงสาวความอบอุ่นจากฝ่ามือเมื่อสัมผัสไหล่บอบบางทำให้ฟาสะดุ้งเล็กน้อย วงหน้าหวานค่อยๆ ยกขึ้นจากหัวเข่าร่างกายเย็นเฉียบกลับมามีความรู้สึกอีกครั้งเมื่อเห็นนัยน์ตาสีนิลจ้องมองอย่างอ่อนโยนหัวใจเต้นตึกตักบ่งบอกว่าเธอยังมีชีวิต สติ และวิญญาณ ณ ปัจจุบัน

“เธอเป็นไงบ้างยังเจ็บอยู่ไหมตรงที่ถูกทำร้าย”

“...”ฟาส่ายหน้าเชื่องช้า ความเจ็บปวดภายนอกร่างกายคงไม่ได้เศษเสี้ยวของความเจ็บปวดภายในจิตใจแม้คราบเลือดแดงฉานจะละลายไปกับน้ำฝนแต่ยังคงหลงเหลือร่องรอยให้เห็นอยู่บ้าง

“เข้าบ้านดีกว่าไหม”

รันเอ่ยถามความสมัครใจท่ามกลางสายฝนโปรยปรายไม่มีขาดระยะฟาไม่ตอบสิ่งใดนอกจากขยับกายลุกขึ้นยืนและทำท่าจะเดินหนีให้พ้นเขาตรงหน้าทว่าเดินได้เพียงสองก้าวร่างบางกลับถูกรั้งเอาไว้ด้วยการคว้าเอวอ้อนแอ้นและดึงเข้าหาแผ่นอกกว้างสองมือโอบกอดเธอไว้แนบแน่น

“ปล่อยฉัน!”ฟาเริ่มมีปากเสียงเมื่อถูกห้ามปรามด้วยการกระทำ

“ไม่..ฉันไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้น”

“ฉันไม่อยากทำร้ายนาย..ตอนนี้ฉันไม่ใช่คน! ฉันมันอำมหิตเลือดเย็น!ทำร้ายได้แม้กระทั่งสัตว์โลกตาดำๆ”

ฟายกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง เจ็บปวดเหลือเกินเมื่อนึกถึงสิ่งที่กระทำลงไปอย่างไม่รู้ตัวฟาเข้าใจว่าตนเองต้องทำเรื่องราวเลวร้ายบางอย่าง เนื่องจากภาพเลือนรางที่วนเวียนในความคิดหลังจากมีสติทำให้เห็นถ้วยฟูสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเธอไร้ซึ่งชีวิต พลังในร่างกายทำร้ายมันจนตายรันจับไหล่บอบบางพลิกคนในอ้อมกอดหันหน้าเผชิญ ร่างกายสั่นเทาเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายจนพูดจาไม่รู้เรื่องคล้ายกำลังเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป วงแขนแข็งแรงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอยากรับผิดทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะความผิดพลาดมันมาจากเขาทั้งสิ้น

“ฉันขอโทษ..ที่ทำให้เธอต้องมารับกรรมแบบนี้”

น้ำเสียงทุ้มต่ำกำลังสั่นไหว คงไม่ต่างอะไรกับหัวใจที่กำลังรวดร้าวเวลานี้รันค่อยๆ คุกเข่าทั้งที่มือสองข้างยังกอดเอวฟาไว้แน่น คำขอโทษและให้สัญญาคือทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้หนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เขาจะไม่วิ่งหนีหัวใจตนเองอีกแล้ว

“ฉันฆ่าถ้วยฟูตาย!มันตายแล้ว.. ฉันทำให้มันตาย.. ฮือๆ”

ฟาร่ำไห้เสียใจอย่างหนักย้ำซ้ำๆ กับความผิดของตัวเองสัตว์โลกที่อยู่ใกล้เคียงกับระยะทำลายล้างถูกพลังของฟาปลิดชีพจนล้มตาย ไม่ว่าจะเป็นถ้วยฟูแมวน้อย หรือแม้แต่นกที่กำลังโผบินบนท้องฟ้า ทุกชีวิตต่างล้มลงและตกหล่นสู่พื้นดินบิดเกร็งชักดิ้นชักงอ เลือดแดงฉานไหลออกทางตาและจมูกก่อนสิ้นลมหายใจภาพในความคิดของฟาคือสัตว์เหล่านั้นไร้วิญญาณราวกับเรื่องราวทุกอย่างเป็นภาพมายาหากเลือกได้เธอคงอยากให้มันเป็นเพียงเรื่องโกหกเท่านั้น

“พวกมันไม่ตายถ้วยฟูไม่เป็นไร แมวที่เธอว่าก็ไม่ตาย ฟาไม่ได้ทำให้มันตาย เชื่อฉันสิ”

“ไม่จริง!มันตายแล้ว! ฉันทำร้ายมัน ฮือๆ ฉันไม่อยากมีอีกแล้วพลังบ้าๆแบบนี้! ใครก็ได้ช่วยฉันที!!ฉันไม่อยากเป็นแบบนี้!!”

ฟาตะโกนพูดจาพร้อมกับน้ำตาพร่างพรูเสียงคร่ำครวญเปล่งดังแข่งกับสายฝนที่ตกกระหน่ำรุนแรงราวกับตอกย้ำความเจ็บปวดแสนสาหัสแข้งขาอ่อนแรงแทบพยุงตัวไว้ไม่อยู่รันยันกายลุกขึ้นยืนเพื่อช่วยประคองร่างบอบบางเอาไว้ ฟาร่ำไห้กลางสายฝนและยืนอยู่ในอ้อมกอดอย่างนั้นเนิ่นนานความคิดบางอย่างเกิดผุดขึ้นในใจ วงหน้าหวานแหงนมองชายหนุ่มซึ่งคลายวงแขนออกแต่ไม่ได้ปล่อยร่างอ้อนแอ้นเสียทีเดียวมือสองข้างดึงเสื้อของเขาให้สนใจในสิ่งที่กำลังอยากร้องขอเวลานี้

“นายลบความจำได้..ฮือๆ ช่วยฉันที.. อึกๆ ช่วยทำให้ฉันลืมเรื่องราวพวกนี้อีกครั้ง.. ฉันไม่อยากจำอะไรได้อีกแล้วอึกๆ ฉันอยากลืมพลังบ้าบอนั่น อยากลืมความรู้สึกที่มีต่อนาย.. ฮือๆ ไม่อยากจดจำความรักของนายไม่อยากจำได้ว่าความเจ็บปวดมันคือนาย และไม่อยากรับรู้ว่าฉันเคยทำร้ายใครต่อใครอีกแล้วฮือๆ”

เรื่องราวในอดีตกลับมาเยือนอีกครั้งเฉกเช่นวันนั้นไม่มีผิดหรือนี่จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยตามที่ทุกคนรอบตัวเกรงกลัวมาโดยตลอด ฝ่ามือสั่นไหวของรันเปลี่ยนจากโอบกอดค่อยๆ เลื่อนขึ้นสูงพลางกุมศีรษะของฟาเอาไว้ ใช้ความพยายามอย่างหนักกับการตัดสินใจทำตามในสิ่งที่ฟาร้องขอหรือเขาต้องทำให้เธอลืมเรื่องราวเลวร้ายเหล่านี้จนหมดสิ้นอีกครั้งลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้น ลืมความทรงจำระหว่างกัน ลืมความรัก ลืมแม้กระทั่งเขา..

“เธออยากลืมทุกอย่าง..ลืมฉัน.. ไม่อยากจดจำความรักของฉัน ใช่! นั่นมันความคิดของเธอ แต่เธอคงลืมไปอย่างหนึ่งนะฟาแม้สมองจะเป็นของเธอ.. แต่หัวใจเธอเป็นของฉัน.. ได้ยินไหมฟา!หัวใจเธอเป็นของฉัน.. และต่อจากนี้ ฉันจะไม่ทำให้เธอลืมมันอีกแล้ว”

รันดึงฟาโอบกอดอีกครั้งท่ามกลางสายฝนเยือกเย็นร่างบอบบางถูกความอบอุ่นปกป้องเอาไว้ราวกับเป็นเกราะคุ้มกันภัย ชายหนุ่มและหญิงสาวซึ่งมีความสูงเลื่อมล้ำต่างฝ่ายต่างโหยหาสัมผัสความอ่อนโยนเหล่านี้อยากเก็บมันเอาไว้ตลอดไปตราบนานเท่านาน รันผละไหล่ของหญิงสาวในอ้อมกอดออกห่างจากตัวเล็กน้อยนัยน์ตาสีนิลทรงเสน่ห์มองลึกยังดวงตากลมโตสบกันอย่างนั้นชั่วครู่ ใบหน้าคมคายค่อยๆโน้มลงใกล้ชิดกับวงหน้าหวาน แม้ความหนาวเย็นจะทำให้ร่างกายสั่นสะท้านทว่าริมฝีปากกลับอบอุ่นเมื่อได้สัมผัสซึ่งกันและกัน ลมหายใจรดรินพร้อมจิตใจเต้นระส่ำระส่ายไม่เป็นจังหวะหวั่นไหวในรอยจุมพิตซึ่งกลบความหวาดกลัวเลือนหายและลืมทุกสิ่งรอบกายเวลานี้


นานร่วมชั่วโมงพายุกระหน่ำยังไม่มีทีท่าจะผ่อนลงแม้แต่น้อยเสียงร้องครืนยังคงดังไกลๆ อย่างต่อเนื่องสายฟ้าสว่างแว้บทำให้ภายในห้องนอนพอมองเห็นความสลัว เสื้อผ้าเปียกหมาดวางเกลื่อนกลาดบนพื้นห้องถัดขึ้นบนเตียงนุ่มเงาเลือนรางของชายหญิงต่างมองซึ่งกัน หยดน้ำตกจากไรผมยังคงหลงเหลือความชื้นบนใบหน้าก่อนซึมซับกับผิวหนังเมื่อถูกนิ้วเรียวยาวปาดไล่ตามวงหน้าอย่างอ่อนโยนเวลานี้ไม่มีแม้คำพูดจาใดๆ แววตาเท่านั้นคือการเจรจาระหว่างใจสองดวง

จากความหนาวเหน็บแปรเปลี่ยนเป็นร้อนระอุสลับไปมาราวกับคนกำลังจะเป็นไข้ความใกล้ชิดจากสัมผัสของร่างกายทวีความอบอุ่นภายใต้วงแขนแข็งแรง คล้ายกำลังทะนุถนอมร่างบางเอาไว้ราวไข่ในหินลมหายใจรดรินตามใบหน้าลงลำคอถึงเนิ่นอกอิ่ม เมื่อริมฝีปากไล้ผ่านตามร่างกายขาวเนียนเสียงกระซิบกระซาบข้างใบหูยังคงกังวานในโสตประสาทตลอดเวลา ‘ฉันรักเธอ’ยิ่งสร้างความวาบหวามก่อตัวราวกับเป็นเชื้อไฟอย่างดี

ความบอบช้ำภายในจิตใจความคลั่งแค้นที่เคยสั่งสม เวลานี้สลายหายไปในอากาศ ไม่มีสิ่งใดฉุดดึงความสนใจให้นึกถึงนอกเสียจากสัมผัสอบอุ่นของความรักซึ่งเคยก่อตัวมาแล้วเนิ่นนาน ความรู้สึกเหล่านั้นกำลังถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งแรงอารมณ์ปั่นป่วนจนหลุดการควบคุม รอยสวาททำหลงเคลิ้มผ่านม่านความบริสุทธิ์ เจ็บแปลบและเป็นสุขในคราเดียวกันตามแรงปรารถนาร่างสองร่างและใจสองใจรวมเป็นหนึ่งเดียว


ความสดใสของเช้าวันใหม่ปรากฏเป็นแสงแดดอ่อนสาดส่องจากขอบฟ้ารอกลบร่องรอยของหยาดน้ำค้างซึ่งเกาะกุมตามต้นไม้ใบหญ้า บ่งบอกให้รู้ว่าพายุโหมกระหน่ำสลายลงได้เพียงไม่นานร่างบางซุกกายในผ้าห่ม หลับตาพริ้ม ยังไม่ได้สติรับรู้สิ่งใดแม้แต่ความเหนื่อยล้าและปวดเมื่อยตามร่างกายผิวพรรณละเอียดอ่อนของหญิงสาวถูกนิ้วเรียวยาวไกล่เกลี่ยอย่างอ่อนโยนวงหน้านวลขาวถูกนัยน์ตาทรงเสน่ห์จับจดด้วยความหลงใหลตลอดเวลาตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อหลายนาทีก่อนไรผมถูกปัดทัดใบหูพร้อมก้มหน้าจรดปลายจมูกลงบนไหล่กลมกลึงทำให้คนในอ้อมแขนขยับเคลื่อนไหวคล้ายรู้สึกตัว

ดวงตากลมโตปรือเปิดสิ่งแรกที่เห็นคือเพดานขาวสะอาดของห้องนอนคุ้นเคย แสงสะท้อนของแดดอ่อนทำให้ตื่นเต็มตาวันนี้ตื่นขึ้นมาโดยไม่สะดุ้งตกใจจากฝันร้ายเฉกเช่นทุกครั้ง สัมผัสอบอุ่นของใครบางคนด้านข้างทำให้ฟาใส่ใจและปรายตามองหัวใจเต้นตูมตามแทบระเบิดเมื่อนึกถึงภาพระหว่างกันเมื่อคืนนี้ รอยสัมผัสต่างๆยังคงหลงเหลือให้จดจำในทุกฉากทุกตอน ฟาขยับเลื่อนตัวลงต่ำ มุดร่างกายภายใต้ผ้าห่มความอบอุ่นวิ่งวนบนใบหน้าจนแก้มแดงระเรื่อหลบสายตาพร้อมกับดึงผ้าห่มปกปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้

“หลบทำไม”

รันกระชับวงแขนดึงร่างอ้อนแอ้นขึ้นเกยบนท้องแขนพร้อมพลิกกายนอนตะแคงจ้องมองฟาไม่ละสายตาทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผะผ่าว และมันคงแดงเป็นลูกตำลึงอย่างแน่นอน

“ใครหลบนายฉันเปล่า..”

“งั้นเหรอ”

‘หยุดนะขอร้องอย่าพูดอะไรตอนนี้’ นั้นคือความคิดและความต้องการของฟาซึ่งตะโกนดังภายในจิตใจเท่านั้นความกล้าหาญของเสือสาวกลับกลายเป็นแมวน้อยแสนเชื่องไปเสียแล้ว เขี้ยวเล็บและความดุร้ายหายไปไหนหมดเธอได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ ฟารวบรวมความกล้าขยับกายเตรียมลุกขึ้นนั่งทว่าแรงกดจากอ้อมแขนทำให้เธอหยุดการกระทำราวกับถูกบังคับเสียดื้อๆ

“ฉันหิวแล้วจะไปหาของกิน” ฟาหาทางเอาตัวรอดอย่างแนบเนียน

“ไม่ให้ไป”

“นี่นาย! ปล่อยฉันนะ!”

แม้จะเขินอายแต่การบังคับฝืนใจของเขาทำให้ฟาลืมอายได้ชั่วคราวดวงตากลมโตตวัดมองคนด้านข้างอย่างจงใจต่อว่า แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มละมุนมุมปากทำให้เธอหลบตาจากเขาซึ่งจ้องมองไม่วางตาฟาตัดสินใจลุกขึ้นพร้อมดึงผ้าห่มพันกายโดยไม่หันหลังกลับไปมองใครบางคนที่กำลังหัวเราะขำขันในท่าทางเก้ๆกังๆ ของเธอ

ประตูห้องน้ำถูกปิดลงเตรียมพร้อมกับการทำภารกิจก่อนเผชิญหน้ากับเรื่องราวต่างๆ อีกครั้งกระจกส่องเงามองเห็นใบหน้านวลขาวในนั้น ฟายืนมองตัวเองพลางทวนความคิดหลายอย่างมือยกแตะริมฝีปากช้าๆ สัมผัสอบอุ่นจากเขายังคงวนเวียนจนหัวใจวูบวาบ อีกแล้ว..นายนั่นเข้ามามีอิทธิพลต่อจิตใจมากมายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน และจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ใจไม่รักดีปล่อยให้ร่างกายเป็นของเขาอย่างเต็มใจ

หลังจากปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเสร็จสิ้นฟายืนทำใจอยู่หน้าห้องน้ำนานหลายนาที เนื่องจากรู้สึกหวั่นไหวต่อการเผชิญหน้ากับเขาคนที่เธอเคยเกลียดนักหนาทว่าเวลานี้แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกบางอย่างซึ่งเธอเองก็ตอบไม่ได้ว่ามันคือ ความรักหรือไม่ ผ้าขนหนูผืนใหม่ยังไม่เคยใช้งานถูกหยิบพาดไหล่ พร้อมแล้วกับการสู้ความจริงประตูถูกเปิดพร้อมฟาค่อยๆ ย่างกรายออกมา

“นี่ผ้าของนายอาบน้ำซะ ฉันจะลงไปเตรียมอาหาร”

รันยกมือท้าวศีรษะนอนตะแคงมองหญิงสาวเบื้องหน้าก่อนแย้มยิ้มเอ็นดูความร้ายกาจที่เคยมีจากเธอคนนี้ดูคล้ายจะเลือนหายไปจนหมดสิ้น ณ ตอนนี้นี่สิถึงเป็นฟาคนเดิม ผู้หญิงที่เขาเคยรักมากมาย ทั้งแสนดี อ่อนหวาน เอาอกเอาใจสารพัดอย่างทำให้เขาหลงรักจนหัวปักหัวปำ ฟาหลบเลี่ยงสายตาพลางโยนผ้าขนหนูในมือลงเตียงก่อนรีบรุดออกจากห้องเพื่อเตรียมอาหารเช้าตามที่ได้บอกกล่าวเอาไว้


“รัน!!”

เพียงไม่ถึงนาทีเสียงเรียกดังสนั่นจนเจ้าของชื่อรีบลุกจากเตียงนอนและคว้าผ้าขนหนูพันรอบกายวิ่งลงชั้นล่างเพื่อหาต้นตอของเหตุการณ์ซึ่งทำให้ฟาตกใจมากมาย

“มีอะไร!”แขนของฟาที่ยืนนิ่งราวกับตกตะลึงถูกคว้าดึงให้ตอบคำถาม

“มนตรา..”

“มนตราทำไม”

“มันหายไป..”

ในทุกวันเมื่อเดินถึงโถงห้องรับแขกสิ่งแรกที่ฟาต้องทำนั่นคือเสกร่ายให้โทรทัศน์เปิดเองโดยอัตโนมัติ ทว่าวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วเธอไม่สามารถร่ายเวทย์ที่เคยมีได้ดังใจต้องการ ฟาลองตั้งสมาธินึกคิดสิ่งต่างๆทั้งเปิด- ปิดไฟ ผลักประตู ดันโต๊ะ เคลื่อนย้ายสิ่งของสารพัดอย่าง แต่ไม่มีผลใดๆเกิดขึ้นอย่างที่ควรเป็น

“เธอแน่ใจเหรอว่าตั้งสติดีแล้ว”

“ฉันแน่ใจมันหายไปแล้วจริงๆ หรือเป็นเพราะอยู่ใกล้นายเกินไป มนตราเลยไม่มีผลเหมือนตอนที่ฉันทำอะไรนายไม่ได้”

“ไม่เกี่ยว..เธอใช้พลังนั้นไม่ได้กับฉันคนเดียว”

“แล้วมันเพราะอะไร”รันยกมือจับศีรษะหมุนให้ฟาหันมองสบตากับเขาจริงจัง

“เพราะเธอเป็นของฉันยัยโง่ รู้งี้ทำแบบเมื่อคืนตั้งนานแล้ว จะได้ไม่เกิดเรื่องวุ่นวาย”

รันกระตุกยิ้มก่อนผละจากปล่อยให้ฟายืนงงต่อคำพูดของเขาก่อนยกมือปิดปาก รู้สึกตกตะลึงไม่น้อยกับเหตุผลซึ่งทำให้มนตราที่เคยมีจางหายไปเพราะเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อีกแล้วนับจากนี้ ความโล่งอกถาโถมรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก รอยยิ้มหวานระบายออกมาพลางเดินเข้าห้องครัว แต่บางอย่างก็ทำให้ฟาตกตะลึงอีกเป็นเท่าตัวเมื่อเสียงเล็บขูดข่วนข้างลังนอนที่อยู่อาศัยของถ้วยฟูหมาน้อยส่งเสียงเห่าเรียกเจ้าของพลางกระดิกหางรัวแรงจนก้นแทบจะหลุดเสียให้ได้

“รัน!!”

“อะไรของเธอ..”อีกครั้งที่เสียงเรียกชื่อทำให้เขาต้องรีบรุดลงจากชั้นบนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ถ้วยฟูไม่ตาย!มันยังไม่ตาย!” ฟาระบายความดีใจ พูดจาด้วยรอยยิ้มและน้ำตาซึม

“ก็ฉันบอกเธอแล้วว่ามันไม่เป็นอะไรสิ่งที่เธอเห็นคงเป็นภาพหลอกหลอนตอนที่เธอพยายามควบคุมพลังจิตไม่ให้มันรุนแรงขึ้นมา”

“งั้นที่ฉันเห็นว่าแมวข้างบ้านหรือแม้แต่นกที่บินอยู่บนฟ้าตาย มันไม่เป็นความจริงใช่ไหม”

“อืม..แมวตัวนั้นมันวิ่งหนีไปตอนฉันมาถึงที่นี่เมื่อคืนนี้”

“ถ้วยฟูฉันดีใจจริงๆ ที่แกไม่เป็นอะไร แกยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ตายจากฉันไป”รันเลื่อนส่งมือปาดน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มซึ้งใจพร้อมระบายยิ้มละมุนให้แก่หญิงสาวเบื้องหน้าที่นำแก้มแนบบนตัวสัตว์เลี้ยงของเธอ

“เลิกงอแงได้แล้วยัยโง่ที่หลังก่อนจะตีโพยตีพายช่วยดูให้เห็นกับตาก่อนนะว่าอะไรเป็นอะไร”

“ฉันไม่ได้โง่!แล้วก็ไม่ได้ตีโพยตีพายด้วย ก็ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ จำอะไรไม่ได้ด้วย”ฟาปัดมือที่ยุ่มย่ามบนใบหน้าของเธอออกราวกับขัดใจขึ้นมาตงิดๆ “ไปอาบน้ำเหอะตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์ดี เดี๋ยวเกิดวีนแตกขึ้นมา แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน”

รังสีแห่งความสุขเผยออกจากรอยยิ้มของคนทั้งคู่หลังจากนี้เป็นต้นไปเรื่องราวทุกอย่างคงจบลงด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นความไม่ลงรอยหรือแม้แต่พลังพิเศษที่เคยควบคุมไม่อยู่


บรรยากาศเงียบสงบอย่างห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ส่งกลิ่นฉุนคล้ายยาซึ่งมีเฉพาะสถานที่ชวนอึดอัดหากแต่ความเคยชินทำให้คุ้นเคยเมื่อต้องสัมผัสกับมันมานานเป็นวันๆนิ้วเรียวกระตุกเคลื่อนไหวคล้ายรู้สึกตัว ความพร่าเบลอทำให้ใช้เวลาหลายนาทีปรับความชัดเจนของดวงตาก่อนจะรับรู้ว่าเวลานี้นอนอยู่ที่ไหนสักแห่งซึ่งไม่ใช่บ้านหลังคุ้นตาซันกวาดมองไปรอบห้องจนหยุดลงตรงด้านข้าง เมื่อปลายหางตาเห็นใครบางคนฟุบใบหน้าหมอบอยู่บนเตียงซึ่งเธอครอบครองไว้มือที่ติดกับสายน้ำเกลือระโยงระยางพยายามเอื้อมสัมผัสเขาคนนั้นผมสีน้ำตาลเข้มถูกลูบไล้เบาๆ ทำให้บุคคลผู้หลับไหลตื่นตัว

“ซัน!คุณฟื้นแล้ว!”

แอลยกร่างกายเมื่อความง่วงอันตรธานหายเป็นปลิดทิ้งกระตือรือร้นเข้าหาผู้ป่วยที่นอนระบายยิ้มอ่อนๆ ให้เห็น มือส่งลูบไล้ใบหน้านวลเนียนซึ่งไม่เหลือความเย็นชืดที่เคยรู้สึกเมื่อครั้งก่อนพาเธอมาโรงพยาบาลผิวกายมีเลือดฝาดไม่ซีดขาวเป็นกระดาษอีกต่อไปทำให้รู้ในทันทีว่าเธอตรงหน้าอาการดีขึ้นจนเกือบเป็นปกติ

“ทำไมไม่กลับไปดูแลสนามแข่ง”

“คุณยังอยู่ในโรงพยาบาลแบบนี้ผมไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้น”

“แล้วรันกับฟาล่ะไม่มาหรอกเหรอ”

“มาเมื่อวานแต่..” น้ำเสียงแผ่วหยุดไว้ในลำคอเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา

“มีอะไรหรือเปล่าแอล”

“ตอนนี้ฟาหายตัวไปรันกำลังออกตามหา ผมพยายามโทรติดต่อทั้งคู่หลายครั้งแต่ยังไม่มีใครรับสายไม่รู้ตอนนี้เป็นไงบ้าง”

“แล้วทำไมแอลไม่ช่วยรันตามหาฟาล่ะ”

“ผมเป็นห่วงคุณนะซันกับฟาก็ยิ่งเป็นห่วงมาก แต่เธอยังมีรันออกตามหา หากผมไปอีกคนคุณจะไม่มีใครอยู่ด้วยผมคงทิ้งคุณไปไม่ได้หรอกซัน”

ซันเลื่อนสายตาทางอื่นหลบหลีกการมองสบกันกับเขาตรงหน้า ลังเลกับความคิด ควรหรือไม่จะเอ่ยพูดบางอย่างออกมาตอนนี้แต่ถึงอย่างไรสักวันก็ต้องพูดมันอยู่ดี เธอจึงตัดสินใจเจรจา

“แอล..ยังโกรธซันหรือเปล่าที่สั่งให้รันลบความทรงจำระหว่างเรา และทำเหมือนไม่เคยสนิทสนมกันมาก่อน”

“หากบอกว่าไม่โกรธมันคงเหมือนโกหก”แอลจับมือของซันกุมไว้แน่นพลางจ้องมองลึกยังนัยน์ตาสีน้ำตาลแน่วแน่“แต่ผมจะหายโกรธก็ต่อเมื่อคุณยอมคบกันอีกครั้ง ตกลงไหมซัน”

“เอ่อ..ตอนนี้เราอย่าเพิ่งมาพูดเรื่องนี้ดีกว่านะแอล เอาเป็นว่าไปช่วยรันตามหาฟาก่อนเถอะ”

“ผมไปแน่แต่เมื่อคุณตอบตกลง”

ซันเลื่อนสายตามองชายหนุ่มพร้อมระบายยิ้มเจือจางก่อนพยักหน้ายืนยันในคำตอบแอลโน้มกายจุมพิตลงตรงหน้าผากด้วยความรู้สึกเปี่ยมสุข ถึงแม้จะจดจำเรื่องราวระหว่างกันไม่ได้ก็ตามหากเริ่มสร้างความทรงจำใหม่ระหว่างเธอและเขาก็คงไม่สายเกินไปสำหรับการดูแลและปกป้องผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเคยรักใคร่และมอบสิ่งดีๆให้แก่กัน

เมื่อเจรจาเสร็จสิ้นแอลเตรียมตัวออกเดินทางตามที่ได้ตกลงกับซันเอาไว้นางพยาบาลเฝ้าไข้เข้ามาดูแลและทำหน้าที่ แอลจึงหมดห่วงซันไปกว่าครึ่งระหว่างเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแอลผงะกายชั่วครู่ด้วยความตระหนกน้องสาวคนที่กำลังห่วงใยปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า

“แอล..พี่ซันเป็นไงบ้าง”

“คุณหายไปไหนมาฟา”

“นี่!ฉันถามนายก่อนนะ ทำไมไม่ตอบคำถามฉัน ยังจะย้อนกลับอีก เดี๋ยวนายจะโดนไม่ใช่น้อยรู้ไว้ซะ”

“แล้วรันล่ะรันไปเจอคุณได้ไง”

“...”ฟากระตุกยิ้มพลางส่ายศีรษะเล็กน้อยพร้อมผลักแผ่นอกกว้างที่ยืนขวางทางเบาๆให้เขาหลบหลีกเนื่องจากเธอต้องการพบเจอผู้ป่วยที่มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ แอลหันมองตามหลังน้องสาวด้วยสายตาละห้อยถามสิ่งใดไปกลับไม่ได้รับคำตอบสักคำ แอลหันเหความสนใจยังประตูทางเข้าอีกครั้ง เมื่อเห็นชายหนุ่มอีกคนหยุดยืนตรงนั้นแทนที่ฟา

“ซันเป็นไงบ้าง..”หนุ่มมาดนิ่งถามไถ่อาการของพี่สาว

“หยุดเลย..ยังไม่ต้องถามอะไรตอนนี้ นายตอบมาก่อนไปเจอฟาที่ไหน แล้วเจอได้ไง”

ปัญหาคาใจควรยุติเสียทีสีหน้าจริงจังของแอลทำให้รันยอมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนได้เข้าเยี่ยมพี่สาวภายในห้องพักผู้ป่วย


สายตาคมเข้มจ้องมองน้องสาวตัวเองรู้สึกฟาเปลี่ยนไปจนผิดสังเกต แอลพยายามสำรวจทุกอิริยาบถรอยยิ้มที่ดูสดใสจนผิดหูผิดตา รวมทั้งการพูดจาดูสำรวมขึ้นกว่าเก่าไม่เหมือนหญิงสาวที่เอาแต่ใจ โวยวาย เจ้าอารมณ์คนเดิมจนใครบางคนเริ่มเห็นความผิดปกติของเขาเช่นกัน

“มีอะไรหรือเปล่าแอลทำไมต้องจ้องฟาอย่างนั้นล่ะ”

“ผมรู้สึกว่าฟาเปลี่ยนไปแค่อยู่กับรันคืนเดียว ทำไมสองคนนั้นถึงดูสนิทสนมไม่เห็นเหมือนคนเกลียดกันเลย”

ซันแย้มยิ้มระหว่างสนทนากับแอลซึ่งสองสายตาหันมองยังจุดสนใจเดียวกันทั้งฟาและรันแม้จะนั่งห่างกันในระดับหนึ่งแต่ทั้งสองกลับพูดจาถามไถ่และส่งยิ้มให้แก่กันราวกับคนกำลังมีความรักความใคร่รู้ทำให้แอลอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป ทั้งที่รับรู้เรื่องราวว่ารันตามหาฟาเจอระหว่างเดินทางยังที่พักอาศัยและพลังพิเศษนั้นก็ไม่ได้ทำร้ายใครต่อใคร ทว่าเหตุการณ์คงไม่หมดเพียงเท่านั้นทั้งสองต้องมีอะไรปิดบังเขาอย่างแน่นอน

“ฟาตอบคำถามผมมาเดี๋ยวนี้ทำไมคุณกับรันถึงญาติดีกันได้”

น้ำเสียงดูเคร่งขรึมจริงจังเริ่มออกอาการสืบหาเบาะแสของความสงสัยราวกับกำลังจับผิดชายหญิงทั้งสองตรงหน้า

“เอ่อ..”

สายตาคมเข้มพยายามสำรวจท่าทางของน้องสาวละเอียดยิบดวงตากลมโตหลบต่ำต้องการหลบเลี่ยงสายตาจ้องเขม็งจริงจัง อีกสิ่งหนึ่งของความผิดปกติที่ไม่อาจหลบซ่อนสายตาคมเข้มของแอลไปได้

“ที่คอรอยอะไร”

ฟายกมือขึ้นคลำรอบคอตัวเองด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนราวกับคนทำความผิดเหตุใดเธอจึงไม่เห็นร่องรอยต่างๆ ที่ชายหนุ่มด้านข้างฝากรอยตีตราเป็นเจ้าของเอาไว้ฟาพยายามก้าวหนีจากความกดดัน เรื่องส่วนตัวระหว่างคนสองคนจะให้เปิดเผยง่ายๆได้อย่างไร แม้แต่พี่ชายในไส้ก็คงไม่ละเว้นเนื่องจากเธออาจถูกล้อเลียนหรือถูกตำหนิก็เป็นได้ ยังไม่ทันที่ฟาจะได้ก้าวหนีไปไหนแรงหนักๆ ก็พาดวางบนบ่าคว้าร่างกายเธอดึงเข้าหาความอบอุ่น หัวใจออกอาการเต้นแรงจนแทบระเบิดโดยอัตโนมัติ

“ยัยนี่เป็นของฉัน”

ทั้งฟาและแอลมองหน้ากันด้วยอาการตกตะลึงอย่างหนักเมื่อดึงสติคืนกลับมา ฟารีบดึงมือของรันออกจนพ้นร่างกายและลุกหนีด้วยความเขินอายใบหน้าร้อนวูบวาบหลบเข้าห้องน้ำต้องการสำรวจร่องรอยที่ทำให้ความลับถูกเปิดเผยส่วนแอลได้แต่มองตามหลังน้องสาวจนพ้นสายตาก่อนหันหาชายหนุ่มเบื้องหน้าอีกครั้ง

“หมายความว่านายกับฟา..”

“...”ไร้เสียงสนทนาใดๆ ตอบกลับ รันยังคงความนิ่งเฉยไว้ได้เป็นอย่างดีตามมาดของเขา

“งั้นแสดงว่าพลังในตัวฟาก็หายไปหมดแล้วใช่ไหม”

รันเลื่อนสายตามองแอลส่อแววประหลาดใจเหตุใดแอลจึงคาดเดาได้แม่นยำราวกับรู้เรื่องราวเหล่านั้นเป็นอย่างดี ทั้งที่ตัวเขาเองไม่เคยรู้วิธีแก้ไขเรื่องพลังพิเศษแม้แต่น้อยคำถามเกิดบนใบหน้าของรันชัดเจน

“นายรู้เรื่องนี้ได้ไง?”

“ฉันเคยคุยกับพ่อแม่ตั้งแต่รู้ว่านายมีพลังจิตลบความทรงจำได้พลังพวกนั้นมันถูกถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษของนาย ในรุ่นหนึ่งจะมีคนได้รับการถ่ายทอดพลังเหล่านั้นคนละแบบหากเป็นหญิงเมื่อไหร่ที่ความบริสุทธิ์ถูกทำลาย พลังเหล่านั้นก็จะหายตามไปด้วย”

“นี่นายคิดจะบอกพวกฉันเมื่อไหร่?”

“ฉันแค่ไม่อยากให้นายทำลายความบริสุทธิ์ของน้องสาวฉันก็เท่านั้นแต่ตอนนี้.. มันช่วยไม่ได้แล้วนี่”

แอลยักไหล่คงต้องปล่อยเลยตามเลย รอยยิ้มมุมปากปรากฏ รู้สึกโล่งใจ ต่อจากนี้ไปคงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพลังพิเศษที่จะทำร้ายใครต่อใครอย่างที่ควบคุมไม่ได้อีกแล้วแอลปรายสายตามองรันซึ่งจ้องหน้าเขานิ่งเงียบ ทว่าในความเฉยชานั้นคล้ายมีบางอย่างอยากพูดจา

“งั้นนายอย่าหวังว่าจะได้อยู่ใกล้พี่สาวฉัน”

รันลุกยืนเต็มความสูงผละจากด้วยการตีสีหน้านิ่งขรึมทว่ากลับรู้สึกขำขันไม่น้อยเมื่อเห็นอาการตกตะลึงของคู่สนทนาแอลคงลืมไปเสียสนิทว่าตนเองก็หลงรักซันซึ่งเป็นพี่สาวของคนที่เขาพยายามห้ามปรามไม่ให้เข้าใกล้น้องสาวตนเองและนั่นคงเป็นความคิดที่ผิดมหันต์เมื่อรู้ตัวว่าควรถอนคำพูดทั้งหมดทิ้ง


ในหลายวันต่อมาอาการของซันดีขึ้นตามลำดับจนเธอสามารถออกจากโรงพยาบาลเพื่อพักฟื้นร่างกายที่บ้านของตัวเองการเปลี่ยนแปลงที่อยู่จึงเกิดขึ้นเมื่อแอลย้ายออกจากบ้านของฟามาอาศัยอยู่กับซันด้วยเหตุผลที่ว่าเขาจะได้มีเวลาดูแลเธออย่างใกล้ชิดและแอลก็เอ่ยปากอย่างยินดีให้รันย้ายไปอยู่กับฟาเพื่อทั้งสองจะได้รื้อฟื้นความรักที่เคยมีซึ่งกันทำให้ทุกเรื่องราวดูลงตัวตามตั้งใจ

ระหว่างที่คอยดูแลซันทำให้ฟาขาดเรียนหลายวันเมื่อพี่สาวอาการดีขึ้นทุกอย่างจึงกลับสู่สภาวะปกติ กับใครบางคนซึ่งคุ้นเคยอาจหลุดจากความคิดไปชั่วขณะเมื่อกลับมายืนยังมหาวิทยาลัยอีกครั้งทำให้ฟาหวนคิดถึงใบหน้าของชายหนุ่มคนหนึ่งและเรื่องราววันนั้น วันที่เธอถูกทำร้ายและหายตัวไปต่อหน้าต่อตาเขาก็ปรากฏชัดเจนฟาเปลี่ยนทิศทางจากอาคารเรียนของตนเป็นสวนหย่อมของอีกคณะเรียนซึ่งเป็นที่ประจำของเพื่อนรุ่นน้องที่กำลังนึกถึง

“เก่ง..ช่วงนี้แกหายไปเลยนะ” ฟาเอ่ยทักหนุ่มหน้าตี๋ที่นั่งเล่นอยู่ในสถานที่ซึ่งเธอคาดเดาเอาไว้

“เจ้นั่นล่ะขาดการติดต่อบ้านก็ไม่อยู่ โทรศัพท์ก็ไม่พกติดตัว จะให้ผมติดต่อเจ้ยังไงล่ะ”

มันจริงอย่างเก่งว่าไว้เธอต่างหากที่เป็นฝ่ายลืมไปเสียสนิทว่ายังมีเก่งอีกคนคล้ายคนในครอบครัวแม้จะคนละสายเลือดก็ตามตลอดหลายวันมานี้ฟาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวซึ่งเธอไม่เคยมีมาเนิ่นนานมันเป็นความสุขทั้งกายใจเมื่อได้ดูแล พูดคุยและรับรู้ว่ายังมีใครอีกหลายคนที่รักและห่วงใยเธอตลอดมา

“โทษทีช่วงนี้ยุ่งๆ กับการย้ายข้าวของเข้าบ้านแล้วก็ต้องดูแลซันอีก”

“ต่อไปนี้เจ้คงไม่ต้องฝันร้ายอีกแล้วนะแถมมีหวานใจคอยดูแลแล้วนี่ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมคาใจมากๆ อยากให้เจ้อธิบายความจริงได้ไหม.. เอาแบบจริงจังเลยนะ”

“เรื่องที่ฉันหายตัวไปใช่ไหม”ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาสิ่งที่เป็นปัญหาคาใจของเพื่อนรุ่นน้องของเธอคงไม่มีอย่างอื่นยกเว้นเพียงเรื่องนี้เท่านั้น

“อืม..เจ้เป็นใครกันแน่ อย่าบอกนะว่าเจ้ไม่ใช่คน หรือเจ้เป็นมนุษย์ต่างดาวนี่ผมคุยอยู่กับมนุษย์ต่างดาวหรือไงกัน”

“อย่าบ้าน่า!ฉันก็เป็นฉัน ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวอย่างแกว่าไว้ซะหน่อย จะให้เล่าไงดีล่ะเรื่องมันยาว”

“เล่ามาเถอะผมจะฟังยาวแค่ไหนก็จะฟัง เออ.. แต่ก่อนจะเล่าเรื่องเจ้ ผมอยากบอกอีกเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องอะไรของแกอีกล่ะ”

“เจ้จำผู้หญิงสามคนที่ทำร้ายเจ้คราวก่อนได้ไหม”

“อืม..มีไร” ฟาตั้งคำถามพร้อมใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เริ่มระแวงว่าพลังของตนจะส่งผลให้เธอเหล่านั้นเกิดอาการปางตายความคิดแล่นนำไปแล้วต่างๆ นานา

“หลังจากเจ้หายตัวไปผมก็ตามหานายรัน แล้วก็บอกเขาทุกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น ก่อนผมจะออกรถตามหาเจ้อีกแรงผมเจอผู้หญิงสามคนนั้นล้มนอนหมดสติกับพื้น เลยตามคนมาช่วยเพื่อพาพวกเธอส่งโรงพยาบาลเจ้รู้ไหม.. พอพวกเธอฟื้นขึ้นมากลับจำอะไรไม่ได้ซักอย่างแม้แต่ตัวเองพวกเธอไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนเหมือนคนสติแตก หมอผู้ดูแลพูดคำเดียว หมดทางเยียวยาคงต้องส่งเข้าหลังคาแดงสถานเดียว”

“แกโกหกฉันหรือเปล่าเก่งมันจะเป็นได้ไง ในเมื่อพลังพวกนั้นไม่น่าจะทำให้พวกเธอเสียสติได้”

“พลังอะไรเจ้”

“พลังจิตมันอาจเหมือนเรื่องโกหก แต่ฉันอยากบอกแกว่า ฉันมีพลังพิเศษสามารถเสกร่ายมนตราได้”

เก่งฉุกคิดถึงเรื่องราวทุกอย่างที่อยู่เหนือธรรมชาติซึ่งเขาเคยเจอบ่อยครั้งระหว่างอยู่ใกล้ชิดเพื่อนรุ่นพี่คนนี้มันเป็นสิ่งที่เก่งเองก็ไม่เคยหาคำตอบอธิบายตัวเองได้ จนกระทั่งวันนี้เขาได้รับรู้ความจริงว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากพลังจิตของฟาทั้งสิ้นนั่นคงเป็นคำตอบจากการที่ฟาหายตัวไปในคืนนั้นอย่างไร้ร่องรอยทุกอย่างถูกคลี่คลายจนกระจ่างชัดเจนเมื่อทั้งสองได้เล่าเรื่องราวต่างๆตามที่เคยเกิดคำถามมากมาย



To be continued..




Create Date : 10 มิถุนายน 2556
Last Update : 10 มิถุนายน 2556 20:08:45 น.
Counter : 511 Pageviews.

3 comments
  
เย้ๆๆ ใกล้แฮปปี้แล้ว
รันฟา แอลซัน สองคู่เลยพี่มาโซ

โดย: lovereason วันที่: 10 มิถุนายน 2556 เวลา:23:47:17 น.
  
เห็นมะว่าอยู่ด้วยกันแล้วแก้ปัญหาได้ ^^
โดย: sakeena IP: 124.120.62.204 วันที่: 12 มิถุนายน 2556 เวลา:11:35:34 น.
  
อิอิ ค่า จริงด้วย
โดย: มาโซคิส วันที่: 13 มิถุนายน 2556 เวลา:8:11:54 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments