Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
2829 
 
21 กุมภาพันธ์ 2559
 
All Blogs
 
2016 New year in Japan: เดินหาของกินที่อาซากุสะและโตเกียวสกายทรี

วันนี้เริ่มต้นวันแรกเต็มๆ วันที่โตเกียว เนื่องจากมาคราวนี้เป็นทริปแบบหลังยาวมาก เราไม่มี plan อะไรใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วแต่ว่าตื่นมาวันนั้นอยากจะทำอะไรอยากจะไปไหน ดังนั้น ทริปนี้จึงออกแนวมั่วตามใจฉันมาก

คิดถึงโตเกียวมาหลายปีละ  วันแรกเลยนึกอยากไปไหนที่มันโตเกี๊ยวโตเกียว เราจึงตกลงกันว่าไปเดินหาขนมญี่ปุ่นกินกันแถวอาซากุสะแล้วกัน  แถมแถวนั้นยังมีของใหม่ที่เราไม่เคยไปกันด้วย นั่นคือโตเกียวสกายทรี มาเมื่อครั้งที่แล้ว มันยังสร้างไม่เสร็จเลย Smiley


เมื่อวานแวะหยิบแผนที่รถไฟใต้ดิน มีหลาย ๆ ภาษาให้เลือกหยิบ มีภาษาไทยด้วยยย



จากอุเอโนะ นั่งรถไฟมาแป๊บเดียวก็ถึงอาซากุสะ



ป๊ะเข้าอย่างแรกคือเมลอนปัง มันมีมานานแล้วล่ะฮ่ะ ได้ยินชื่อเสียงมาน๊านนาน แต่ไม่เคยกิน อิฉันก็นึกว่ามันจะมีรสชาติหรือกลิ่นเมลอนอยู่ด้วย




แต่เปล่าเล้ยยย  ชื่อเมลอนปังเพราะลายมันเหมือนเมลอนเท่านั้นเอง




เป็นขนมปังกะโหลกก้อนเท่าหน้า ข้างนอกกรอบ ๆ เบา ๆ แต่ข้างในเบากว่า เคี้ยวหนึบ ๆ 




อร่อยมั้ย?? ก็อร่อยมั้ง อิฉันเฉย ๆ แต่อาเฮียชอบมากกกก




แหลกคนเดียวเกือบทั้งก้อน  Smiley


เดินต่อมา 


อ้อ..ลืมไป เมื่อกี้เดินในซอยด้านหลัง เพราะไปกันเช้าเกิ๊น ร้านยังเปิดไม่หมด เดินไปกินไป แล้วอ้อมมาเข้าด้านหน้า  เจอประตูทางเข้าวัดเซนโซจิละ



คนเริ่มเยอะละ  นากามิเสะโดริ
แทบจะไม่ต้องอธิบายอะไรเกี่ยวกับถนนเส้นเล็ก ๆ นี้ คนไทยไปเดินกันซะยังกะสยามสแควร์

ถ้าไปญี่ปุ่นแล้วต้องการความช่วยเหลืออะไรจากคนไทย อิฉันคงมาเดินหาเอาแถว ๆ ถนนนากามิเสะ รึไม่ก็อุเอโนะล่ะค่ะ เอาลูกอมเขวี้ยงหัวคนข้างหน้า 10 ครั้ง ก็จะเจอคนไทยซัก 3 ครั้ง (และอาจเจอติงกลับมา 1 ครั้ง)






ตลอดทางเดิน (น่าจะเป็นกิโลอยู่) จะมีร้านค้าเรียงรายขายของกินอร่อย ๆ แบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น Smiley ของฝากของที่ระลึกน่ารัก ๆ แบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่นน่าสนใจเต็มไปหมด





เจอร้านซาลาเปาทอดในตำนานละ  มาคราวที่แล้วก็กิน  อากาศเย็น ๆ กินเปาทอดร้อนๆ อร่อยสุดๆ



คนละก้อน อาเฮียกินไรไม่รู้ ของอิฉันเป็นชาเขียว




ข้างนอกแข็ง ๆ หน่อย



กัดเข้าไปจะนุ่ม ๆ หนึบ ๆ ร้อนหอม




คนขายบอกไม่ให้เดินกิน เข้าไปกินข้าง ๆ ร้านซะดี ๆ มีจัดโต๊ะไว้ให้ยืนกินข้าง ๆ ร้าน

มีป้ายบอก



ระหว่างเคี้ยวหนุบหนับ ๆ ก็เดินไปสอดส่องตุ๊กตาร้านข้าง ๆ 

แมวเหมียวหน้าโหดดีแท้






ร้านนี้มีขายขนมด้วย  และขนมเค้าแพคเกจจิ้งชนะเลิศ

ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะอร่อยหรอก คงเป็นแป้งยัดไส้ถั่วแดง เซมเบ้ ข้าวเกรียมแห้ง ๆ เค็ม ๆ ทั้งนั้น แต่หีบห่อนี่สุดยอดจริง ๆ  ขนมไทยทั้งสวยทั้งอร่อย ถ้าพยายามพัฒนาเรื่องหีบห่อให้ได้อย่างงี้มั่ง คงทำเป็นสินค้าส่งออกกันได้มหาศาล







ขนมในร้านแถว ๆ นั้น ก็ขายขนมพวกนี้เกือบทั้งหมด





เดินต่อมา เจอร้านขายเซมเบ้ แต่ไม่ชอบกินเลยไม่ได้แวะ








อาเฮียเจอสาวแจกของฟรี ก็ไปเดินชิมทันที

ถั่วตัดสีพาสเทลแข็งปั้ก ฟันปลอมพังสะบั้นกันได้ทีเดียว




เดินต่อเพื่อหาอะไรที่พอเหมาะกับสภาพฟันของพวกเรา



เจอละ ไอติมในเวเฟอร์





เป็นเยี่ยงนี้



อันนี้อิฉันว่างั้น ๆ  แต่อาเฮียชอบมากกก




เกือบสุดปลายทาง เกือบหมดย่านของกินละ จะเจอโคมอีกอันตรงประตูทางเข้าวัด





บริเวณในวัด จุดธูป กวักควันเข้าหาตัวแล้วจะโชคดี



ข้าง ๆ วัดมีถังสาเกเรียงรายอย่างสวย





















มีบ่อปลาคราฟ ที่น้ำใสแจ๋ว จนมองเห็นเหรียญที่คนโยนลงไปเพียบ คงเป็นบ่อน้ำไว้อธิษฐานอะไรละมั้ง






เก่ากะใหม่อยู่ด้วยกัน   ข้างหลังเป็นโตเกียวสกายทรี




เดินดูวัดกันแป๊บนึง เนื่องจาก จุดประสงค์ของการมาวันนี้มิใช่วัด แต่มารับประทานเป็นเรื่องหลัก เรื่องวัดเป็นเรื่องรองค่ะ

อ้อมไปด้านข้าง ๆ มีตรอกซอกซอย และมีร้านนึงขายขนมหวานแบบญี่ปุ่น ที่นั่งของร้านต้องขึ้นบันไดไปชั้นสอง

เมนู




ที่นั่งเป็นแบบเตี้ย ๆ  เหมือนนั่งยอง ๆ กะเก้าอี้ซักผ้า



จัดเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่นทั้งร้าน  




ที่เด็ดครือพนักงานเสริฟชายหน้าตาประมาณ J-pop แต่แต่งตัวด้วยชุดญี่ปุ่นแบบโบราณ มานั่งคุกเข่ารับ Order อยู่ข้าง ๆ ได้อารมณ์แบบเมดคาเฟ่มากมาย 

ปล. //กระซิบ// มิได้ถ่ายรูปมาฮ่ะ เดี๋ยวสามีตบ


ขนมเป็นอย่างงี้  ข้าง ๆ มีชาเขียวแบบโครตญี่ปุ่นข้นคลั่กและขมปิ๊ดปี๋  มันคนละสปีชี่กับชาเขียวคุณตันแน่นอน






อาเฮียก็สั่งอะไรคล้าย ๆ ของอิฉันนี่แหละค่ะ 

แต่เฮียไม่ชอบ เฮียไม่อิ่ม

จึงต้องสั่งเมลอนปังขึ้นมาให้เฮียอีกก้อนนึง




เดินออกมาจากร้านขนม ก็เป็นเวลาบ่ายกว่า ๆ ละ นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กินทั้งข้าวเช้าและข้าวเที่ยงกันเลย  กินแต่ขนมของกินเล่นเนอะ

ดังนั้น  เราจึงแวะร้านข้าวร้านนึง เพราะเห็นรูปที่แปะด้านหน้า น่าจะเป็นข้าวหน้าเนื้อ  ก็ชี้กะคนขายว่าจะเอาไอ้เนี่ยที่อยู่ในรูป

นั่งรอ..  ต้องอร่อยแน่ ๆ Smiley




มาละ




นั่งมองหน้ากะอาเฮีย เคี้ยวหงุบ ๆ กัน ไม่มีใครพูดอะไร



เคี้ยวไปได้สองชิ้น อิฉันก็สงสัยเป็นกำลัง ว่าไอ้ที่กำลังเคี้ยวกันหงุบ ๆ เนี่ย มันคือชิ้นส่วนไหนของวัววะคะ Smiley  หน้าตาชิ้นส่วนมันก็ไม่คุ้น รสชาติยิ่งไม่คุ้นใหญ่ 
พยายามคุ้ยหาชิ้นส่วนที่หน้าตาคุ้นเคย แต่มันไม่มี Smiley

มองอาเฮีย ซึ่งเลิกเคี้ยวละ เฮียคุ้ยกินผักด้านบน ๆ กับข้าวอีก 2 คำ แล้วก็วางตะเกียบ


ดูแล้วมันคงเป็นข้าวหน้าเครื่องในวัว แบบไม่ระบุอวัยวะ เพราะมีหลากหลายมากมายในชาม ไอ้อร่อยมั้ยอ่ะ ถ้าเป็นคนกินเป็นคงอร่อยนะคะ เพราะเห็นลูกค้าเค้าก็เข้ามาเรื่อย ๆ แต่เรากินไม่เป็น และไม่อยากเหลือทิ้งไว้ในชามแบบเต็มชาม เพราะเจ้าของร้านเค้าคงรู้สึกไม่ดี ก็เลยได้แต่เขี่ย ๆ และคีบชิ้นส่วนบางอย่างแอบใส่มาในทิชชู่ เพื่อเอาไปทิ้งที่อื่น 


รีบจ่ายตังค์ รีบออกมา ก็เจอป้ายหน้าร้านมีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษด้วย  มันคือไรก็ไม่รู้ อาเฮียพยายามอธิบายว่ามันคืออวัยวะตรงส่วนไหน  แต่อิฉันไม่อยากรู้วววว Smiley




ร้านถัดไป มีป้ายขายเกาลัด  ไม่ได้อยากกินเท่าไหร่หรอก แต่อยากได้รสชาติอะไรซักอย่างมากลบรสชาติข้าวราดอวัยวะชามนั้น Smiley






เกาลัดญี่ปุ่นเม็ดใหญ่ เนื้อหยาบ ๆ 



ของไทยอร่อยกว่าเยอะ


เดินต่อมาจากโซนวัด มุ่งหน้ามาทางโตเกียวสกายทรี จะต้องข้ามสะพาน เพื่อข้ามแม่น้ำสุมิดะ  








มีตึกอึที่มีชื่อเสียง ตึกของเบียร์อาซาฮีค่ะ

เอาไว้บนหัวอาเฮียพอดี  Smiley





มุ่งหน้าไปยังโตเกียวสกายทรีโลด มันเป็นหอคอยส่งสัญญาณโทรทัศน์อะไรประมาณนั้น ที่ตอนนี้สูงสุด ๆ และมาเบียดโตเกียวทาวเวอร์ตกกระป๋องไป ซึ่งตามสไตล์นิปปงอ่ะนะ พอสร้างทาวเวอร์ขนาดยักษ์อย่างนี้ขึ้นมา พี่ก็จะไม่ปล่อยให้เป็นแค่ทาวเวอร์แน่ ๆ พี่จะสร้างมาสคอตประจำทาวเวอร์ไว้เพื่อเปิดร้านขายทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นมาสคอตนี้ และมีร้านค้าขายของกันอีกเป็นอาคารอย่างแน่นอน

ใกล้เข้าไปทุกที




ระหว่างทางจะมีสวนสาธารณะเล็ก ๆ ที่มีไม้ลื่นหน้าตาน่าสนใจเป็นอันมาก 



อันใหญ่สูงและยาววววววว  น่าเล่นมาก แต่วันนั้นอิฉันไปเห็นมีแต่พวกเด็ก ๆ มาเล่นกัน จะเข้าไปร่วมเล่นด้วยก็เดี๋ยวจะถูกถีบออกมา Smiley

มีดอกไม้ปลูกไว้สวย ๆ 




มีกระจกที่เอาไว้ถ่ายกะโตเกียวสกายทรีด้วย  ดูท่าแล้วคนที่ไปเจอแต่ละคนดูไม่ค่อยออกว่าต้องทำท่ากันยังไงทั้งนั้น อิฉันว่ามันต้องเป็นท่ากำลังวิ่งขึ้นทาวเวอร์แน่ ๆ แต่แอ๊คกันไม่ทันละ คนมารอต่อคิวถ่ายรูปกันเพียบ



มาจนถึง




ด้านล่างตึกจะเป็นช่องขายตั๋ว ที่จะเจอคิวชาวประชาผู้ต้องการขึ้นทาวเวอร์ คิวยาวเฟื้อยยยยย และมีหลายคิว ซึ่งเค้ามีการแบ่งแยกเป็นโซนธรรมดาซึ่งต้องรอกัน 1-2 ชั่วโมงเลยเชียว กับโซน Express ที่ต้องเพิ่มตังค์ แต่ก็จะได้เข้าอีกคิวนึงตามประสาคนมีตังค์

อาเฮียปกติจะเกลียดสถานที่ท่องเที่ยวอย่างงี้ อย่างที่สร้างไว้ล่อ Tourist และพยายามฉกตังค์จากกระเป๋าในทุก ๆ โอกาส ยิ่งพอบอกมีช่องทางด่วนที่ต้องเพิ่มตังค์ อาเฮียจะรู้สึกเหมือนโดนหลอกลวง อาเฮียจึงไม่อยากขึ้นไปเลย





แต่อิฉันอยาก Smiley






เราจึงได้ขึ้นไป.... แบบ Express ด้วย.. Smiley

แต่ขึ้นไปไม่ถึงจุดสูงสุด เราขึ้นไปแค่ Tembo deck ส่วน Birthday สติกเกอร์น้องโซระคาระจัง ไม่รู้อาเฮียไปทำอีท่าไหนถึงปะเหลาะขอมาได้จากแม่นางที่เคาน์เตอร์



ถึงเป็นแบบ Express แต่คิวก็ไม่น้อยเลย ต้องรอคิวประมาณ 15 นาทีถึงได้ขึ้นลิฟท์ 

ลิฟท์เร็วมากกกกกกก  ถ้าเปิดใสแบบลิฟท์แก้วนี่คงมีคนกรี๊ดกันบ้างล่ะ




ขึ้นมาข้างบนละ เจอมาสคอตของโตเกียวสกายทรี โซระคาระจัง 



อาเฮียบอกใครแปะสติกเกอร์ นางจะมาถ่ายรูปด้วย

เห็นมีแต่เด็กเบบี๋ เข้าไม่ถึงเลย Smiley




มาดูวิวมุมสูงของโตเกียวกันค่ะ 















มีอยู่มุมนึงที่เป็นพื้นกระจก ใสแหนว น่าหวาดเสียวเป็นอันมาก



ถ่ายเองและกล้องกะหลั่ว ๆ จะมองไม่ค่อยเห็น




แต่เค้ามีบริการถ่ายภาพให้นะคะ ซึ่งก็ตามสไตล์ เพิ่มตังค์ แล้วท่านจะได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้


เดินวนลงมาเรื่อย ๆ มีช็อปปิ้งมอล ขายของที่ระลึกและขายของอื่น ๆ มากมาย 










อิฉันกะลังเลือกอีไข่ขี้เกียจ กุเดะทามะอย่างเมามัน





ชอบจริงๆ คนที่โตเกียว แต่งตัวกันแบบใครใคร่ชอบอะไรก็แต่งตามนั้น Smiley



ลงมาข้างล่างละ ถ่ายรูปกะโตเกียวสกายทรีและบริเวณรอบ ๆ 













เดินย้อนกลับมาทางวัดเซนโซจิ เพราะตอนขามาดันเดินเลย หาสวนสาธารณะไม่เจอ เลยย้อนกลับไปเดินเล่นในสวนซักหน่อย

อากาศเย็น แวะกดถั่วแดงร้อนกระป๋องมากิน





หวานเจี๊ยบบบบบ...


เดินผ่านร้านค้าเยอะแยะ เนื่องจากเริ่มหลงทาง  Smiley


ผ่านศาลเจ้าเล็ก ๆ เงียบ ๆ 







เดินวนเวียนผ่านบ้านชาวบ้าน และได้ถามทางนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ก็มาจนถึงสวนละ

ใหญ่ดีเหมือนกัน










เดินกลับมาจนถึงแถว ๆ วัด ก็จะมีกองทัพรถลาก หนุ่ม ๆ คนลากหน้าตาน่าเอ็นดูมากมาย Smiley



บ่ายแก่ ๆ ก็นั่งรถไฟกลับมาเดินช็อปของกินเล่นที่สถานีอุเอโนะ ก่อนจะกลับมาพักผ่อนที่ห้อง  

ที่สถานีมีซุปเปอร์มาร์เก็ตของกินเยอะดี






ได้สตรอเบอรี่และดังโงะหวาน ๆ มากินเล่น



แป้งหนึบ ๆ หยุ่น ๆ ปิ้งแล้วเคลือบด้วยน้ำเชื่อมหนาๆ หวาน ๆ เค็ม ๆ 



 ต่อมา ไอติมโมจิของฮาเก้นดาส 



อันนี้ recommend มากๆๆๆๆๆๆ   เค้าว่ามันออกมาเฉพาะช่วงหน้าหนาวเท่านั้น 

เปิดมาเจอโรยผง ๆ ถั่วเหลืองรึไงเนี่ยแหละฮ่ะ อะไรก็ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าอร่อย Smiley



ตักลึกลงไปอีก จะเจอแป้งโมจินุ่ม ๆ หยุ่น ๆ ไม่แข็งปั้กเหมือนโมจิแช่แข็งบ้านเรา



อร่อยโคตร อร่อยค่ะ อร่อยมากๆๆๆๆๆ Smiley เว็ปพี่ม้าพาเที่ยวญี่ปุ่นบอกว่าถ้าไม่อร่อย ไปสอยฟันหน้าพี่ม้าได้เลย ใครกินแล้วไม่อร่อย ไปสอยฟันพี่ม้านะคะ ไม่ใช่ของอิฉัน


เริ่มมืดละ ออกมาเดินหาของกินมื้อดึก แถว ๆ ตลาดอะเมะโยโกะ






ได้เกี๊ยวซ่ากะข้าวผัด และข้าวราดอะไรก็ไม่รู้ ทีแรกนึกว่าแกงกะหรี่ แต่พอชิมแล้วมันไม่ใช่แน่ ๆ Smiley











วันแรกนี้ เป็นการทัวร์ตระเวนแหลกทั่วอาซากุสะกับอุเอโนะ จบลงที่อาเฮียต้องลุกขึ้นมาอ้วกแตกตอนกลางคืน เนื่องจากกินมั่วซั่วเยอะแยะไปหมด ฮ่วยยยย

บล็อกหน้าจะพาไปกิน เอ๊ย พาไปเที่ยวโยโกฮามาค่ะ





Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2559 14:13:04 น. 0 comments
Counter : 1508 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนดีผีคุ้ม
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




อิฉันทำรีวิวเพื่อที่จะเก็บบันทึกการเดินทางไว้เหมือนไดอารี่ เอาไว้มาดูอัลบั้มการท่องเที่ยวของตัวเองที่ผ่านมา ดังนั้น จึงมีรูปตัวเองและอาเฮียเยอะแยะ ไม่ได้เป็นรีวิวเพื่อแนะนำการท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ แต่ถ้าใครผ่านไปผ่านมาและอาจได้ประโยชน์จากบล็อกบ้าง ก็นับเป็นโชคดีของอิฉันที่ยังอุตส่าห์มีอะไรมาแบ่งปันนะคะ
Friends' blogs
[Add คนดีผีคุ้ม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.