Group Blog
 
 
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
18 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
2010 New year in Tokyo # Day 2 - Ueno park, Meiji Jingu Shrine, Harajuku, Omotesando

วันที่ 2 แล้ว...

อากาศชักเริ่มหนาวเย็นขึ้นมา จริง ๆ ก่อนมาก็พอรู้อยู่ว่า ปลายปีนี่เป็นหน้าหนาวของญี่ปุ่น แต่เมื่อวานพอลงเครื่องมา รู้สึกไม่ยักกะหนาวเท่าไหร่ แอบคิดว่าชาวญี่ปุ่นเค้าเว่อร์กันไปเองหรือเปล่า ยังไงก็ไม่น่าหนาวกว่าที่อังกฤษหรอก.. ยังแอบฮิฮะกะอาเฮียว่างั้น ๆ นี่เนอะ ไม่หนาวเลย วันนี้ชักยังไง.. อากาศเย็นจังเยย..

เมื่อคืนก่อนกลับโรงแรม เราไปแวะร้าน Lawson ใกล้ ๆ โรงแรม หาขนมหน้าตาแปลก ๆ มาลอง ก็ได้ไอ้นี่มาสำหรับลองตอนเช้า



มันคืออะหยังหนอ.. จนป่านนี้อิฉันก็ยังคงไม่ทราบว่ามันคืออะไร เหมือนก้อนแป้งหยุ่น ๆ เย็น ๆ รสชาติหยุมแหยะเป็นอันมาก เราต้องแกะซองราดน้ำหวาน ๆ ลงบนก้อนหยุ่น ๆ นั่น แล้วก็จิ้มมันขึ้นมาอย่างนี้



อืม...ก็เหมาะสำหรับการลองน่ะค่ะ แต่ถ้าให้กินอีกคงจะขอผ่านล่ะนะ


เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์ อิฉันจึงมี Plan มุ่งมั่นอย่างมากที่จะไปดูพวกเด็ก ๆ แต่งตัวบ้าบอกันที่ Harajuku ได้ข่าวว่าพวกเขาจะไปรวมตัวกันที่ สะพานแถว ๆ สถานี Harajuku ช่วงบ่าย ๆ

ช่วงเช้าเราจึงเดินโต๋เต๋สำรวจใกล้ ๆ บ้านเราก่อน ก็นี่เลย สวน Ueno

จากที่ทราบมาจากเพื่อนแกะของอิฉัน หล่อนเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก หล่อนบอกว่าคุณพี่ขา สวน Ueno หน้าหนาวนั้น คงจะมีแต่กิ่งก้านของต้นไม้ให้คุณพี่ดู จากปากคำนี้ทำให้อิฉันมิกล้าคาดหวังความสวยงามอะไรมากมายจากสวนนี้เท่าไหร่ แต่พอได้เข้ามา ก็ค่อนข้างประทับใจกะกิ่งก้านแห้ง ๆ ของมันนะคะ ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ ก็ได้แต่จินตนาการว่าช่วงเมษาที่ซากุระบานสะพรั่ง มันจะงามหยดซักขนาดไหน

คุณสามีหน้าสวน



นี่ค่ะ ถึงจะโกร๋น ก็ยังเก๋นะคะ


ข้างในก็มีอาคารอะไรไม่ทราบ เหมือนเป็นศาลเจ้า เงียบสงบดีค่ะ



ไอ้ขนมแป้งหยุ่น ๆ นั่น แป๊บเดียวก็สลายเป็นพลังงานไปหมดแล้ว ต้องแวะเพิ่มพลังกันหน่อย

ร้าน Pizza ในสวน


กินไอ้นี่กัน



กาแฟเค้าดีนะคะ จ่ายแก้วเดียว เติมกี่ครั้งก็ได้

ถ้าซากุระมีดอก คงจะงามหยดไปเลย แต่อย่างงี้ก็งามไปอีกแบบ



เดินต่อมา ข้างหน้าสวนมีร้านขนมกล้วยชุบช็อคโกแลต


โคลสอัพน้องกล้วย


อาเฮียตื่นเต้นกะกล้วยช็อคโก้


ไม่รู้เหมือนกันว่าตื่นเต้นกะกล้วยหรือตกใจราคาของมันนะ เพราะพอคิดเป็นเงินไทยแล้วตกไม้ละประมาณ 100 กว่าบาท


แล้วเราก็นั่งรถไฟไปฮาราจูกุกัน

เราไปถึงประมาณเที่ยง เด็กแนวยังไม่ออกมาแต่งตัวประชันกัน อิฉันผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็เอาวะ เดินเข้าไปศาลเจ้าเมจิก่อนดีกว่า

ออกจากสถานีแล้วก็เลี้ยวซ้าย 2 ที ก็จะเจอนี่

ทางเข้าศาลเจ้า




มีถังสาเกด้วย ไม่ทราบว่าถังสาเกมันมีอะไรเกี่ยวข้องกับศาลเจ้าหนอ



ทางเดินเข้าไป ระยะทางเดินกันพอเหนื่อย ถ้าเป็นคุณแม่อิฉันมาคงได้เดินแบบหอบแฮ่ก แต่คุ้มค่าน่าเข้าไปค่ะ ถึงแม้คนจะเยอะ แต่ตอนที่เดินเข้าไปรู้สึกได้ถึงความสงบ ต้นไม้เขียวครึ้มทีเดียว ได้อ่านมาว่าต้นไม้ที่ปลูกนี้เป็นของประชาชนบริจาคให้มาปลูกเป็นแสนต้น คนญี่ปุ่นสามารถสร้างป่ากลางเมืองกันขึ้นมาได้เลย

มาถึงศาลเจ้าละ




เมื่อเดินกลับออกมาที่ฮาราจูกุเราก็มาเจอนี่ค่ะ



ช่างเป็นหงอคงที่น่าเอ็นดูเจง ๆ

แล้วก็มีนี่


มีเมดด้วย แต่ออกแนวเอาฮานะเนี่ย



มีลุง ๆ มาแจก Free Hug อาเฮียผู้ซึ่งชอบของฟรีก็ไม่รอช้า เข้าไปขอ Free Hug ทันที


แล้วเราก็เดินข้ามสะพานลอยมา จะเห็นสะพานที่เด็ก ๆ แต่งตัวกันที่สะพานนี้


หิวแล้วค่ะ เราพักทานข้าวเที่ยวกันที่ร้านเล็ก ๆ ตีนสะพานลอยกันเลย
ข้าวไก่ทอดนี่ อิฉันเห็นภาพแล้วยังคิดถึงไม่หายเลย แม้แต่อาเฮียผู้ซึ่งไม่เคยพิศมัยอาหารญี่ปุ่น ยังบอกว่าอร่อยดี ชุดนี้ ราคา 800 เยน



เดินต่อมา โดยมุ่งหน้าไป Omotesando Hill ผู้คนยุ่บยั่บ



มี Celeb แมวเหมียว เห็นเค้ามุงถ่ายกัน อิฉันก็เลยมุงกะเค้ามั่ง


แวะกินพุดดิ้งชาเขียว หน้าตามีสกุลจาก 7-11 เอ่อ..มันหลอกอิฉันค่ะ ดูดีแต่หน้าเท่านั้น แต่เจือกขมปี๋ กินได้แค่ 2-3 คำเท่านั้น รู้สึกเสีย Self เป็นอันมาก สำหรับอิฉันผู้ซึ่งกินได้ทุกอย่าง (น่าภูมิใจเหรอเนี่ย )

แถบ ๆ นี้จะมีซอกซอยเล็ก ๆ ที่มีร้านน่าสนใจมากมายดูกันไม่หวาดไม่ไหว อย่างที่ใครซักคนเคยบอกว่า โตเกียวของใครก็ไม่เหมือนกัน สงสัยจะจริงของเค้าแฮะ

เราเดินดูโน่นนี่ไปเรื่อย ๆ จนไปจบที่ถนนTakeshita ซึ่งมีร้านร้อยเยน ขนาดมหึมาอยู่ อิฉันกวาดขนมนมเนย และเครื่องเขียนสารพัดมาจากร้านที่นี่

ตัวอย่างของ




เราแวะกินขนมกัน ของอิฉันข้างในจะเป็นสตอร์เบอรี่และโมจิ โป๊ะด้วยวิปครีม หย่อยมั่ก ๆ ส่วนอาเฮียกินแต่กาแฟ



ส่วนอาหารเย็นนี่ ไม่อยากจะนึกถึงค่ะ แต่เอาวะขอบันทึกไว้เตือนใจตัวเองละกัน

ที่ญี่ปุ่น ร้านอาหารส่วนมากตามข้างทาง เค้าจะเป็นระบบต้องซื้อตั๋วจากตู้หน้าร้านก่อนเอาตั๋วไปให้ที่เคาน์เตอร์เพื่อสั่งอาหาร

ทีนี้ เราไปเข้าร้านข้าวราดแกงกะหรี่ ซึ่งก็จะมีหน้าหลากหลายมาก ทุกอย่างราดทับด้วยแกงกะหรี่ อิฉันอยากกินข้าวหมูทอดราดแกงกะหรี่ ก็เล็งอยู่นาน.... อ่านไม่ออกซักกะตัว... ก็เลือกไปหนึ่งปุ่ม (เค้ามีรูปเล็ก ๆ แปะไว้ด้วย) เข้าใจว่ามันน่าจะเป็นหมูทอด

แต่...แต่...แต่...


มันเป็น "ข้าวราดนัตโตะกับกิมจิราดแกงกะหรี่" ค่ะ พระเจ้าช่วยด้วย ใครที่ไหนกันมันอุตส่าห์สร้างสรรค์คิดเมนูนี้ขึ้นมาได้(วะ) ตักขึ้นมาแต่ละคำ นัตโตะงี้ยืดดดดด... ยังกะเต้าส่วน รสมัน ๆ ยืด ๆ เมื่อไปกะรสชาติบูด ๆ ดอง ๆ ของกิมจิ แถมราดทับด้วยกลิ่นแรง ๆ ของแกงกะหรี่

อิฉันไม่อยากจะนึกถึงมันอีกเลยค่ะ





Create Date : 18 มกราคม 2553
Last Update : 12 มิถุนายน 2554 17:20:58 น. 2 comments
Counter : 2234 Pageviews.

 
แวะมาเที่ยวด้วยคนค่า
คิดถึงฮาราจูกุค่า


โดย: นก (Kukas ) วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:20:33:58 น.  

 
ข้าวราดนัตโตะ พะจ้าวช่วย แล้วกินหมดมั๊ยคะ

ถ้ากินหมดต้องยกนิ้วให้


โดย: จือ IP: 115.67.35.61 วันที่: 3 มกราคม 2554 เวลา:21:49:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนดีผีคุ้ม
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




อิฉันทำรีวิวเพื่อที่จะเก็บบันทึกการเดินทางไว้เหมือนไดอารี่ เอาไว้มาดูอัลบั้มการท่องเที่ยวของตัวเองที่ผ่านมา ดังนั้น จึงมีรูปตัวเองและอาเฮียเยอะแยะ ไม่ได้เป็นรีวิวเพื่อแนะนำการท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ แต่ถ้าใครผ่านไปผ่านมาและอาจได้ประโยชน์จากบล็อกบ้าง ก็นับเป็นโชคดีของอิฉันที่ยังอุตส่าห์มีอะไรมาแบ่งปันนะคะ
Friends' blogs
[Add คนดีผีคุ้ม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.