|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
2010 New year in Tokyo # Day 2 - Ueno park, Meiji Jingu Shrine, Harajuku, Omotesando
วันที่ 2 แล้ว...
อากาศชักเริ่มหนาวเย็นขึ้นมา จริง ๆ ก่อนมาก็พอรู้อยู่ว่า ปลายปีนี่เป็นหน้าหนาวของญี่ปุ่น แต่เมื่อวานพอลงเครื่องมา รู้สึกไม่ยักกะหนาวเท่าไหร่ แอบคิดว่าชาวญี่ปุ่นเค้าเว่อร์กันไปเองหรือเปล่า ยังไงก็ไม่น่าหนาวกว่าที่อังกฤษหรอก.. ยังแอบฮิฮะกะอาเฮียว่างั้น ๆ นี่เนอะ ไม่หนาวเลย วันนี้ชักยังไง.. อากาศเย็นจังเยย..
เมื่อคืนก่อนกลับโรงแรม เราไปแวะร้าน Lawson ใกล้ ๆ โรงแรม หาขนมหน้าตาแปลก ๆ มาลอง ก็ได้ไอ้นี่มาสำหรับลองตอนเช้า

มันคืออะหยังหนอ.. จนป่านนี้อิฉันก็ยังคงไม่ทราบว่ามันคืออะไร เหมือนก้อนแป้งหยุ่น ๆ เย็น ๆ รสชาติหยุมแหยะเป็นอันมาก เราต้องแกะซองราดน้ำหวาน ๆ ลงบนก้อนหยุ่น ๆ นั่น แล้วก็จิ้มมันขึ้นมาอย่างนี้

อืม...ก็เหมาะสำหรับการลองน่ะค่ะ แต่ถ้าให้กินอีกคงจะขอผ่านล่ะนะ 
เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์ อิฉันจึงมี Plan มุ่งมั่นอย่างมากที่จะไปดูพวกเด็ก ๆ แต่งตัวบ้าบอกันที่ Harajuku ได้ข่าวว่าพวกเขาจะไปรวมตัวกันที่ สะพานแถว ๆ สถานี Harajuku ช่วงบ่าย ๆ
ช่วงเช้าเราจึงเดินโต๋เต๋สำรวจใกล้ ๆ บ้านเราก่อน ก็นี่เลย สวน Ueno
จากที่ทราบมาจากเพื่อนแกะของอิฉัน หล่อนเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก หล่อนบอกว่าคุณพี่ขา สวน Ueno หน้าหนาวนั้น คงจะมีแต่กิ่งก้านของต้นไม้ให้คุณพี่ดู จากปากคำนี้ทำให้อิฉันมิกล้าคาดหวังความสวยงามอะไรมากมายจากสวนนี้เท่าไหร่ แต่พอได้เข้ามา ก็ค่อนข้างประทับใจกะกิ่งก้านแห้ง ๆ ของมันนะคะ ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ ก็ได้แต่จินตนาการว่าช่วงเมษาที่ซากุระบานสะพรั่ง มันจะงามหยดซักขนาดไหน
คุณสามีหน้าสวน

นี่ค่ะ ถึงจะโกร๋น ก็ยังเก๋นะคะ

ข้างในก็มีอาคารอะไรไม่ทราบ เหมือนเป็นศาลเจ้า เงียบสงบดีค่ะ

ไอ้ขนมแป้งหยุ่น ๆ นั่น แป๊บเดียวก็สลายเป็นพลังงานไปหมดแล้ว ต้องแวะเพิ่มพลังกันหน่อย
ร้าน Pizza ในสวน

กินไอ้นี่กัน

กาแฟเค้าดีนะคะ จ่ายแก้วเดียว เติมกี่ครั้งก็ได้
ถ้าซากุระมีดอก คงจะงามหยดไปเลย แต่อย่างงี้ก็งามไปอีกแบบ

เดินต่อมา ข้างหน้าสวนมีร้านขนมกล้วยชุบช็อคโกแลต 

โคลสอัพน้องกล้วย

อาเฮียตื่นเต้นกะกล้วยช็อคโก้

ไม่รู้เหมือนกันว่าตื่นเต้นกะกล้วยหรือตกใจราคาของมันนะ เพราะพอคิดเป็นเงินไทยแล้วตกไม้ละประมาณ 100 กว่าบาท 
แล้วเราก็นั่งรถไฟไปฮาราจูกุกัน
เราไปถึงประมาณเที่ยง เด็กแนวยังไม่ออกมาแต่งตัวประชันกัน อิฉันผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็เอาวะ เดินเข้าไปศาลเจ้าเมจิก่อนดีกว่า
ออกจากสถานีแล้วก็เลี้ยวซ้าย 2 ที ก็จะเจอนี่
ทางเข้าศาลเจ้า

มีถังสาเกด้วย ไม่ทราบว่าถังสาเกมันมีอะไรเกี่ยวข้องกับศาลเจ้าหนอ

ทางเดินเข้าไป ระยะทางเดินกันพอเหนื่อย ถ้าเป็นคุณแม่อิฉันมาคงได้เดินแบบหอบแฮ่ก แต่คุ้มค่าน่าเข้าไปค่ะ ถึงแม้คนจะเยอะ แต่ตอนที่เดินเข้าไปรู้สึกได้ถึงความสงบ ต้นไม้เขียวครึ้มทีเดียว ได้อ่านมาว่าต้นไม้ที่ปลูกนี้เป็นของประชาชนบริจาคให้มาปลูกเป็นแสนต้น คนญี่ปุ่นสามารถสร้างป่ากลางเมืองกันขึ้นมาได้เลย
มาถึงศาลเจ้าละ


เมื่อเดินกลับออกมาที่ฮาราจูกุเราก็มาเจอนี่ค่ะ

ช่างเป็นหงอคงที่น่าเอ็นดูเจง ๆ 
แล้วก็มีนี่

มีเมดด้วย แต่ออกแนวเอาฮานะเนี่ย 

มีลุง ๆ มาแจก Free Hug อาเฮียผู้ซึ่งชอบของฟรีก็ไม่รอช้า เข้าไปขอ Free Hug ทันที

แล้วเราก็เดินข้ามสะพานลอยมา จะเห็นสะพานที่เด็ก ๆ แต่งตัวกันที่สะพานนี้

หิวแล้วค่ะ เราพักทานข้าวเที่ยวกันที่ร้านเล็ก ๆ ตีนสะพานลอยกันเลย ข้าวไก่ทอดนี่ อิฉันเห็นภาพแล้วยังคิดถึงไม่หายเลย แม้แต่อาเฮียผู้ซึ่งไม่เคยพิศมัยอาหารญี่ปุ่น ยังบอกว่าอร่อยดี ชุดนี้ ราคา 800 เยน

เดินต่อมา โดยมุ่งหน้าไป Omotesando Hill ผู้คนยุ่บยั่บ

มี Celeb แมวเหมียว เห็นเค้ามุงถ่ายกัน อิฉันก็เลยมุงกะเค้ามั่ง

แวะกินพุดดิ้งชาเขียว หน้าตามีสกุลจาก 7-11 เอ่อ..มันหลอกอิฉันค่ะ ดูดีแต่หน้าเท่านั้น แต่เจือกขมปี๋ กินได้แค่ 2-3 คำเท่านั้น รู้สึกเสีย Self เป็นอันมาก สำหรับอิฉันผู้ซึ่งกินได้ทุกอย่าง (น่าภูมิใจเหรอเนี่ย )
แถบ ๆ นี้จะมีซอกซอยเล็ก ๆ ที่มีร้านน่าสนใจมากมายดูกันไม่หวาดไม่ไหว อย่างที่ใครซักคนเคยบอกว่า โตเกียวของใครก็ไม่เหมือนกัน สงสัยจะจริงของเค้าแฮะ
เราเดินดูโน่นนี่ไปเรื่อย ๆ จนไปจบที่ถนนTakeshita ซึ่งมีร้านร้อยเยน ขนาดมหึมาอยู่ อิฉันกวาดขนมนมเนย และเครื่องเขียนสารพัดมาจากร้านที่นี่
ตัวอย่างของ 



เราแวะกินขนมกัน ของอิฉันข้างในจะเป็นสตอร์เบอรี่และโมจิ โป๊ะด้วยวิปครีม หย่อยมั่ก ๆ ส่วนอาเฮียกินแต่กาแฟ

ส่วนอาหารเย็นนี่ ไม่อยากจะนึกถึงค่ะ แต่เอาวะขอบันทึกไว้เตือนใจตัวเองละกัน
ที่ญี่ปุ่น ร้านอาหารส่วนมากตามข้างทาง เค้าจะเป็นระบบต้องซื้อตั๋วจากตู้หน้าร้านก่อนเอาตั๋วไปให้ที่เคาน์เตอร์เพื่อสั่งอาหาร
ทีนี้ เราไปเข้าร้านข้าวราดแกงกะหรี่ ซึ่งก็จะมีหน้าหลากหลายมาก ทุกอย่างราดทับด้วยแกงกะหรี่ อิฉันอยากกินข้าวหมูทอดราดแกงกะหรี่ ก็เล็งอยู่นาน.... อ่านไม่ออกซักกะตัว... ก็เลือกไปหนึ่งปุ่ม (เค้ามีรูปเล็ก ๆ แปะไว้ด้วย) เข้าใจว่ามันน่าจะเป็นหมูทอด
แต่...แต่...แต่...
มันเป็น "ข้าวราดนัตโตะกับกิมจิราดแกงกะหรี่" ค่ะ พระเจ้าช่วยด้วย ใครที่ไหนกันมันอุตส่าห์สร้างสรรค์คิดเมนูนี้ขึ้นมาได้(วะ) ตักขึ้นมาแต่ละคำ นัตโตะงี้ยืดดดดด... ยังกะเต้าส่วน รสมัน ๆ ยืด ๆ เมื่อไปกะรสชาติบูด ๆ ดอง ๆ ของกิมจิ แถมราดทับด้วยกลิ่นแรง ๆ ของแกงกะหรี่
อิฉันไม่อยากจะนึกถึงมันอีกเลยค่ะ 
Create Date : 18 มกราคม 2553 |
Last Update : 12 มิถุนายน 2554 17:20:58 น. |
|
2 comments
|
Counter : 2283 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: นก (Kukas ) วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:20:33:58 น. |
|
|
|
โดย: จือ IP: 115.67.35.61 วันที่: 3 มกราคม 2554 เวลา:21:49:15 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
สมุทรปราการ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]

|
อิฉันทำรีวิวเพื่อที่จะเก็บบันทึกการเดินทางไว้เหมือนไดอารี่ เอาไว้มาดูอัลบั้มการท่องเที่ยวของตัวเองที่ผ่านมา ดังนั้น จึงมีรูปตัวเองและอาเฮียเยอะแยะ ไม่ได้เป็นรีวิวเพื่อแนะนำการท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ แต่ถ้าใครผ่านไปผ่านมาและอาจได้ประโยชน์จากบล็อกบ้าง ก็นับเป็นโชคดีของอิฉันที่ยังอุตส่าห์มีอะไรมาแบ่งปันนะคะ
|
|
|
|
|
|
|
คิดถึงฮาราจูกุค่า