Group Blog
 
 
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
30 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
2010 New year in Tokyo # Day 4 - Asakusa & Odaiba

วันที่ 4 เราไป Asakusa กัน

ไป Asakusa จาก Ueno นี่ใกล้มาก นั่ง MRT ไปไม่กี่ป้ายก็ถึง พอออกจากรถไฟก็หาทางออกง่าย ๆ เลย เค้าจะมีป้ายบอกทางว่า ทางนี้ไปออกวัด Sensoji

เดินเลี้ยวออกไป นิดเดียวก็เจอนี่เลย โคมแดงยักษ์วัด Sensoji



2 คนที่สู้ตายค่ะ นั่นใครก็ไม่รู้ ถ่ายรูปที่นี่ยากที่จะไม่ให้ติดคนอื่นเข้ามาด้วย

เราเล็ง ๆ จังหวะอยากถ่ายรูปกะโคมแดงกัน อาเฮียก็ปล่อยรังสีเรียกร้อง "Questionaire" ออกมาอีกตามเคย อิฉันเคยเล่าใน blog ก่อน ๆ ว่า อาเฮียนี่ไม่ว่าไปไหน จังหวัดอะไร ประเทศอะไร มักจะโดนเรียกสัมภาษณ์หรือตอบแบบสอบถามเสมอ สงสัยหน้าตาเหมือนคนเอ๋อ ๆ ไม่มีอะไรทำ


มีน้อง ๆ นักศึกษาจากมหาลัยเมจิ (ใช่ชื่อนี้ป่าวหว่า) เข้ามาขอสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น อาเฮียก็ตอบไป ก่อนจบ เค้าก็ขอถ่ายรูปด้วย 3-4 รูป คงจะเอาไปเป็นหลักฐานส่งครูว่าเนี่ย ถามฝรั่งมาจริง ๆ นะ น่ารักดีค่ะ


เราเดินกันต่อมาตามถนน Nakamise ซึ่งจะมีร้านค้าขายขนม ขายของที่ระลึกเป็นซอยยาวเข้าไป ราคาไม่แพงมาก น่ามาหาซื้อของฝากที่นี่ค่ะ
อิฉันตื่นตาตื่นใจแวะมันทุกร้าน คนเยอะจริง ๆ และได้ยินเสียงคนไทยแว่ว ๆ คุยกันมาเป็นระยะ



เดินไป ๆ ได้ยินเสียงเรียกชื่อคุณสามีจากข้างหลัง ปรากฎว่า แม่สาวที่ขอสัมภาษณ์วิ่งตามมาซะหอบ บอกว่า sorry จริง ๆ เค้าทำรูปถ่ายที่ถ่ายไปเมื่อกี้หายเกลี้ยงโดย accident จะขอถ่ายใหม่ โก๊ะจริงๆ เล้ย..

เดินกันต่อไปจะมีร้านขายของเป็นอย่างนี้ คุณป้าขายขนมอะไรไม่รู้



อันนี้เซมเบ้(มั๊ง) -ข้าวเกรียบญี่ปุ่น- คนเข้าคิวซื้อกันเยอะเลย นี่ถ้าไปเปิดขายขนมครกมั่งคงจะขายดีไม่น้อย



อาเฮียยืนเล็ง อยากกินมั่ง เค้าจัดร้านได้กึ่งเก่ากึ่งใหม่ สะอาดสะอ้าน ดูมีเสน่ห์ดีค่ะ


มีร้านขายหน้ากาก


ตลอดทางเดิน ก็จะแขวนป้ายประดับ เกี่ยวกับปีใหม่ (ปีเสือ) ไปตลอดทาง




แวะกินซาลาเปาชาเขียวทอดภาคบังคับ อ่านกระทู้มาก ๆ แล้วเห็นใคร ๆ ก็บอกว่าต้องกิน อิฉันว่าง่าย ก็กินตาม ๆ เค้า.. อร่อยค่ะ..


ผ่านถนน Nakamise เข้าไปในเขตวัด ก็มีสิ่งก่อสร้างสวย ๆ อย่างนี้


และมีประตูโคมแดงอีก 1 ประตู


อันนี้เป็นรูปมังกร อยู่ใต้โคม



Trip นี้ อาเฮียชอบไปเสนอตัวถ่ายรูปให้สาว ๆ


กวักควันธูปเข้าตัว เพื่อเป็นสิริมงคล


มีพระพุทธรูปวางตามรายทาง


แล้วเราก็เริ่มหิว จึงเดินแฉลบออกไปซอยข้างๆ เจอร้านอาหารแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นค่ะ มีโอเด้งขายอยู่ด้านหน้า


เข้าไปด้านใน เจออาม่าพูดอังกฤษไม่ได้เลย เมนูก็ไม่มีภาษาอังกฤษ เลยออกมาข้างนอก ถ่ายรูปหน้าตู้ไปให้ดูว่าอยากกินอะไร



อันนี้เป็น บรรยากาศในร้าน


เค้าให้ชาร้อนมากินด้วย อุ่นดีจัง


บรรยากาศในร้าน


นี่เลยของจริง ข้าวหน้าเนื้อกับอูด้งเทมปุระ อร่อยมาก ๆ อาเฮียติดใจข้าวหน้าเนื้อร้านนี้มาก



เมื่ออิ่มแล้วก็เดินย่อยอาหารกลับเข้ามาในวัดอีกรอบ จะมีรูปปั้นสวมเสื้อผ้าอย่างนี้อยู่



ที่ญี่ปุ่นนี่จะเห็นรูปปั้นหินที่สวมเสื้อผ้า หมวก ผ้าพันคออยู่เยอะ เห็นแล้วอิฉันว่าน่ารักดีค่ะ ดูเหมือนคนญี่ปุ่นช่างใจดีและอ่อนโยนแม้แต่กับรูปปั้น (แต่จิตขี้สงสัยของอิฉันก็ตั้งคำถามขึ้นมาว่า ในเมื่อคนญี่ปุ่นอ่อนโยน ให้ความสำคัญแม้แต่กับสิ่งไม่มีชีวิตขนาดนี้ ทำไมช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือช่วงที่ไปรุกรานนานกิง รุกรานจีน เกาหลี ถึงได้โหดร้ายกับ "มนุษย์" ได้ขนาดนั้นนะ)

แวะถ่ายรูปกะรองเท้าแตะยักษ์ในวัด


เค้าว่ารองเท้าแตะหนักตั้ง 2500 Kgs แน่ะ


เดินออกมา ถ่ายรูปต่อ กับ item แปลก ๆ แถว ๆ นั้น



ออกจากวัด เดินมาทางแม่น้ำ Sumida เจอตึกอึ
สำนักงานใหญ่เบียร์อาซาฮีค่ะ


ช่วงนี้ตามทางเดินที่ญี่ปุ่น เค้าจะปลูกกะหล่ำกันเยอะ น่ารักดี อิฉันเห็นแล้วหิว


แม่น้ำ Sumida อยู่ระหว่างวัด Sensoji กับตึกอึ กว้างกว่าที่คิดไว้แฮะ


หลังจากนั้น เราก็เดินทางต่อ ไปเที่ยว Odaiba กัน

Odaiba เป็นเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยญี่ปุ่นที่มีพื้นที่ของประเทศเล็กกะจิ๋วหลิว แต่คนเยอะแยะ ในเมื่อมันแออัดนัก พี่ก็ถมทะเลขยายพื้นที่ออกไป (อิฉันก็ว่าไปนั่น แต่จริง ๆ แล้วเหตุผลการถมทะเล สร้างพื้นที่ใหม่ ๆ อาจเป็นอย่างอื่นก็ได้ ใครจะไปรู้) อิฉันออกจะสงสัยอยู่ว่าการขยายพื้นที่ออกไปในทะเลนั้น ประเทศไหน ๆ จะทำก็ได้งั้นหรือ? เพราะเวลาถมพื้นที่ในทะเล กระแสน้ำ ก็น่าจะเปลี่ยนไป เมื่อกระแสน้ำเปลี่ยน อะไรต่อมิอะไรก็น่าจะเปลี่ยนไปตาม ๆ กัน เช่น ฝูงสัตว์น้ำ กระแสน้ำร้อน น้ำเย็นอะไรประมาณนั้น เห็นประเทศเศรษฐีเค้านิยมถมทะเลสร้างเกาะกันแล้วอิฉันก็แอบสงกะสัยอยู่ อย่างพวกเกาะ The world หรือ Palm ที่ Dubai มันจะทำให้สภาพแวดล้อมทางทะเลเปลี่ยนไปไหม

เรานั่งรถไฟไป โดยไปต่ออีกขบวนกันที่ Yurikamome


นั่งรถไฟไป Odaiba ระหว่างทางเห็น Rainbow bridge และ Odaiba อยู่ลิบ ๆ แล้ว



ถ่ายจากบนรถไฟ เห็นสะพานอยู่ใกล้ ๆ


ลงมาจากสถานี มาเหยียบพื้นทรายบนเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้น


เห็นมียานอะไรวิ่งมาด้วย เก๋ไก๋ไม่เบา



แถว ๆ ท่าเรือ เดินมาหน่อยจะมีคนจูงน้องหมามารับอากาศบริสุทธิ์กัน ไอ้เจ้าดัชชุนขนยาวนี่ท่าทางจะเป็นที่นิยมกันแฮะ


นั่งเรียงให้ถ่ายรูป


แถว ๆ นั้นมีเทพีเสรีภาพด้วย


เมื่อมองหันกลับไปจะเห็นนี่ สำนักงานใหญ่ของ Fuji TV




เมื่อเดินเข้า Fuji TV ก็เจอหมาแว่นดำตัวสีฟ้าตัว Mascot ของเค้า อิฉันไม่รู้จักอะค่ะ แต่คงจะดัง เด็ก ๆ ต่อคิวถ่ายรูปกันเต็ม อิฉันกะคุณสามีก็ไปต่อกะเค้าด้วย



ซื้อตั๋วขึ้นไปดูวิวชั้น 25 ไอ้ตรงที่เป็นลูกกลม ๆ นั่น



วิวจากด้านบนค่ะ วิวนี้ต้องซื้อมาด้วยค่าตั๋วเข้าชมนะเนี่ย


จำไม่ได้ว่าจ่ายตังค์ค่าเข้าเท่าไหร่ เมื่อซื้อตั๋วแล้ว เราจะสามารถเข้าไปได้ชั้น 24-25 และลงมาดูที่ชั้นอื่น ๆ ที่เค้ามี Studio ให้แอบส่องดู และมีจุดที่เค้าทำไว้ให้ถ่ายรูปเหมือนเราอยู่ใน Studio ถ่ายรายการ อิฉันว่ามันไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ เพราะดาราของ Fuji TV นี่อิฉันไม่รู้จักซักกะคน

อันนี้ก็น่าจะเป็นรายการดังที่ญี่ปุ่นล่ะมั๊ง


อันนี้ หน้าทางออก


หิวแล้ว เราแวะกินกันที่ Foodcourt ชั้นใต้ดินที่ Aqua city

ทาโกะยากิของอิฉัน โรยปลาหมึกแห้งมาให้เต็มเลย แต่เค้าทำเป็นแป้งนุ่ม ๆ แฮะ ก็อร่อยไปอีกแบบ เคยกินแต่แบบแข็ง ๆ อ่ะ



คุณสามีกินเครปครีม + มะม่วง



เราเดินช็อปปิ้งกันจนมืด เพราะได้ยินว่า Odaiba จะสวยที่สุดก็ตอนที่ rainbow bridge เปิดไฟ ก่อนกลับเลยได้ภาพนี้มาค่ะ






Create Date : 30 มกราคม 2553
Last Update : 12 มิถุนายน 2554 17:20:11 น. 3 comments
Counter : 2946 Pageviews.

 
เราจะไปเที่ยวที่ Osaka Kyoto Nara Tokyo วันที่18ก.พ.-5 มีค.นี้ค่ะแบบ Backpacker ค่ะ
มีอะไรแนะนำบ้างคะ
งบประมาณ 50,000 บาท 2 อาทิตย์จะพอไหมคะ
ขอบคุณมากค่ะ


โดย: ไผ่ค่ะ (chabori ) วันที่: 30 มกราคม 2553 เวลา:21:40:47 น.  

 
ขอบคุณ K.ไผ่ค่ะ (chabori ) ที่เข้ามาเยี่ยมกัน

เรื่องคำแนะนำยังไม่อาจหาญจะแนะนำได้น่ะค่ะ เพราะเพิ่งไปเองเป็นครั้งแรกเหมือนกัน แถมยังอยู่แต่แถบโตเกียวเท่านั้นซะด้วย

คงอาจจะบอกได้แค่ว่า เตรียมตัวไปให้พร้อมที่สุดนะคะ แต่พอไปถึงแล้วไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลยถึงแม้จะพูดญี่ปุ่นกันไม่ได้เลยก็เถอะ คนญี่ปุ่นน่ารักสุด ๆ เลย พยายามช่วยเหลือนักท่องเที่ยวมาก ๆ

งบประมาณหลัก ๆ (หลังจากจ่ายค่าตั๋วไปแล้ว) ก็เห็นมีแค่ค่าที่พักกับอาหาร ซึ่งอาหารก็ตก 600-800 เยน/มื้อ อ้อ..แล้วของคุณต้องมีค่าเดินทางระหว่างเมืองอีกเนอะ ลองหาข้อมูลอีกหน่อยละกันค่ะ แต่ขอบอกเลยว่าเที่ยวญี่ปุ่นนี่ถูกกว่าที่คิด

ขอให้สนุกนะคะ


โดย: จขบ. (คนดีผีคุ้ม) IP: 203.144.144.164 วันที่: 30 มกราคม 2553 เวลา:22:08:51 น.  

 
rainbow bridge สวยมากค่ะ

เที่ยวน่าสนุกจังค่ะ เราเที่ยวโตเกียวก็ชอบใช้เมโทรเพราะตั๋ววันถูกและเที่ยวได้ทั่วถึง

มหาลัยเมจินี่ดังมากๆค่ะ พอดีญาติเคยเรียนที่นี่เลยรู้จัก

เซมเบ้ทำเสร็จใหม่อร่อยแต่เราว่าแพงค่ะ

ต้นกะหล่ำ สวยดี เห็นแล้วนึกถึงกะหล่ำเหมือนกันค่ะ ชื่อจริงๆเรียกว่าอะไรจำไม่ได้


โดย: ari1019 วันที่: 31 มกราคม 2553 เวลา:20:28:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนดีผีคุ้ม
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




อิฉันทำรีวิวเพื่อที่จะเก็บบันทึกการเดินทางไว้เหมือนไดอารี่ เอาไว้มาดูอัลบั้มการท่องเที่ยวของตัวเองที่ผ่านมา ดังนั้น จึงมีรูปตัวเองและอาเฮียเยอะแยะ ไม่ได้เป็นรีวิวเพื่อแนะนำการท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ แต่ถ้าใครผ่านไปผ่านมาและอาจได้ประโยชน์จากบล็อกบ้าง ก็นับเป็นโชคดีของอิฉันที่ยังอุตส่าห์มีอะไรมาแบ่งปันนะคะ
Friends' blogs
[Add คนดีผีคุ้ม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.