你还好吗?
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
22 กันยายน 2551

《夜幕下的哈尔滨》--ฮาร์บินในยุคมืด



ดีจ้าเพื่อน ๆ

ดูหนังโบราณมาซะจนชักจะเบื่อ ๆ พอได้หนังยุคใหม่หน่อยมาก็เลยลองดู กลายเป็นว่าดูอยู่สามเรื่องในเวลาเดียวกัน แต่เรื่องนี้ดูติดต่อกันสองวันก็ดูไปครึ่งเรื่องเสียแล้วโดยไม่คิดจะทำอะไรเลย นอกจากนั่งจ้องหน้าลู่อี้ ในบท "หวังอีหมิน"

《夜幕下的哈尔滨》 เย่มู่เซ๊ยเตอฮาเอ่อปิน หรือให้ชื่อไทยเองเลยว่า "ฮาร์บินในยุคมืด" สร้างจากนวนิยายดังเกี่ยวกับขบวนการต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นที่เข้ามาครอบครองฮาร์บินในปี 1934 จนก่อให้เกิดผู้กล้าไร้นามที่กล้าหาญตายเพื่อชาติมากมาย นิยายดังเรื่องนี้มีผู้อ่านติดใจอ่านมากมายในยุค 80 และได้สร้างเป็นหนังมาแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้ตัวละครทั้งหลายที่ติดตรึงในนักอ่านได้กลับคืนชีวิตมาอีกครั้งหนึ่ง



แรก ๆ เห็นว่ามีดาราที่รู้จักหลายคน คนแรก ก็ลู่อี้(陆毅) ดูเรื่องแรกของเขาก็ "ปาต้าเหาเสีย" (八大豪侠 ขบวนการ 8 วีรชน)บทแฝดในเรื่องไม่ได้ทำให้เราติดใจกับบทนี้เท่าไหร่นัก เรื่องที่แข่งรถเล่นกับเฉาเจิ้นอวี่อีกเรื่องที่เข้าไทย เราไม่ได้ดูเพราะเป็นหนังสมัยใหม่ เลยสะกดเราให้นั่งนิ่ง ๆ ไม่ได้ มาเรื่องนี้เทใจให้เลยค่ะ "หวังอีหมิน"(王一民) ครูหนุ่มโรงเรียนมัธยมที่มีหัวใจรักชาติเต็มเปี่ยม สละแล้วซึ่งชีวิตเพื่อกู้ชาติจากการครอบครองของผู้รุกราน หวังอีหมิน เรียกตัวเองว่าคนตาย เพราะเขาเข้าร่วมกับก้งฉานตั่ง ต่อต้านญี่ปุ่น เขาไม่คำนึงถึงชีวิต ไม่สนใจเรื่องความรัก ไม่สามารถอยู่กับครอบครัว ชีวิตของเขาคือการกู้ชาติ งานเบื้องหน้าของเขาคือครูโรงเรียนมัธยม แต่เบื้องหลังคือมือสังหารที่ทำงานตามคำสั่งจากเบื้องบน เป้าหมายของเขาคือกำจัดทหารญี่ปุ่นที่ข่มเหงชาวจีน




หลี่เสียวหร่าน(李晓冉ชื่อเธอเห็นเขียนเป็นสองแบบอีกแบบคือ李小冉แต่ในหนังเขียนแบบแรก) เคยดูเธอในบทซีหงเล่ย สาวงามอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินขวัญใจของชีเส้าซัง มาเรื่องนี้เธอเล่นหนังสมัยใหม่ ดูสวยกว่าคำโฆษณาว่า"หญิงงามอันดับหนึ่ง" อาจเพราะมีฉายาเลยทำให้รู้สึกต่อต้าน เพื่อนเราก็ว่าไม่สวย แต่เราว่าก็สวยแบบผู้ใหญ่ งามสง่าไปอีกแบบ แต่เรื่องนี้เธอเล่นบทศัลยแพทย์หญิง ทั้งสวย ทั้งรวย แถมเก่งอีกต่างหาก กลับจากเรียนหมอจากญี่ปุ่น เธอเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลในฮาร์บินบ้านเกิดของเธอ คืนหนึ่งไปดูละครที่น้องชายเล่น โชคร้ายที่มือปินสังหารแม่ทัพญี่ปุ่นพาลมาใช้รถของเธอพอดี จนทำให้เธอต้องติดรถไปกับเขา และไม่นึกไม่ฝันว่ามือปืนผู้นี้จะเข้ามาพัวพันกับเธอแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ทุกครั้ง ด้วยความเป็นเพื่อนร่วมชาติกัน หลูชิวอิ่งให้ความช่วยเหลือหวังอีหมินครั้งแล้วครั้งเล่า จนเมื่ออันตรายมาสู่ครอบครัวเธอบ้าง บิดาของเธอจึงขอให้หวังอีหมินช่วยเหลือพวกเขาบ้างโดยการรับปากหมั้นกับเธอเพื่อปกป้องการที่พวกญี่ปุ่นจะเรียกร้องให้เธอแต่งงานกับคนของตนเพื่อหวังฮุบกิจการของตระกูลหลู



โจวเจี๋ย(周杰) แหม....ดูหนังโจวเจี๋ย ทั้งท่านเปาวัยหนุ่มภาค 1 ผิงจ้งเสียอิ่งในบทของหวังต้าเซียนวัยหนุ่ม และหวนจูเก๋อเก๋อหรือองค์หญิงกำมะลอที่ฉายแล้วในบ้านเรา ดูมาหลายเรื่อง เรื่องนี้นับเป็นเรื่องแรกที่เห็นเขาในบททหารญี่ปุ่นผู้รักมั่นในสาวจีนและคลั่งไคล้ในวัฒนธรรมจีน เขาเป็นทายาทซามูไรเพียงหนึ่งเดียวในตระกูล บิดาของเขาเสียชีวิตจากสงคราม ก่อนตายได้บอกเขาว่า สงคราม เป็นความผิดพลาดของมนุษย์ สันติภาพต่างหากที่มนุษย์ควรใฝ่หา เขาหลงรักสาวจีน หมอศัลยแพทย์คนสวย เมื่อเธอจากมา เขาคิดถึงเธอทุกเมื่อเชื่อวัน จนเมื่อลุงของเขาได้รับคำสั่งให้มาดูแลฮาร์บิน เขาจึงขอติดตามมา หนึ่งเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมจีนเพิ่มเติม และสองเพื่อพบกับเธอผู้นั้น...โจวเจี๋ยในบทอวี้จื้อ อีหลาง(玉旨 一郎ดามะชิ อิจิโร่ )เป็นคนดีมากมาย ดีจนไม่น่าเชื่อว่าคนที่เชื่อในความรัก และเคารพในชนชาติของตนและผู้อื่นจะมาเกิดในยุคมืดเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงเป็นตัวละครที่มีความขัดแย้งมาก

หนังแนวนี้ไม่ใช่ไม่เคยดู การต่อต้านญี่ปุ่น ดูมาหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้มิได้ติดใจที่เนื้อเรื่อง แต่ติดใจที่บุคคลิกของตัวละคร ทุกตัวมีทางออกของตัวเองเมื่อเผชิญหน้ากับสงคราม

บางคนเลือกที่จะหลบหนี บางคนเลือกที่จะยอมสยบ บางคนเลือกที่จะหาทางรอดไม่เลือกแม้แต่วิธีการ บางคนอาจฉวยโอกาส บางคนอาจทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่เหนือกว่าชีวิต นั่นก็คือประเทศชาติ บางคนอาจเป็นสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น บางคนอาจทำเป็นไม่เกรงกลัวทั้ง ๆ ที่ใจกลัวเหลือแสน พวกเขาเลือกเผชิญหน้ากับสงครามด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน

ตัวละครเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกว่าโชคดี ที่เกิดมาในยุคสันติภาพ แต่เราอาจพบว่ามนุษย์ทั้งหลายในยุคสันติภาพช่างใฝ่หาสงครามกันเหลือเกิน หากว่าประเทศชาติเรามิวุ่นวาย คงมิได้ดูแล้วเกิดความรู้สึกร่วมขนาดนี้ และเชื่อว่าเรื่องนี้ฉายในเมืองไทยไม่ได้ เพราะยิงกันน่าดู ยิงกันแบบที่เรียกว่าผู้ครองคือเจ้า เจ้าจะทำอะไรก็ได้ ผู้ครอบครองย่อมย่ำยี ฝ่ายถูกครอบครองย่อมดิ้นรน เสรีภาพเอย.....ขอเจ้าจงเป็นจีรัง

ขณะที่เรากำลังดูอยู่ ที่จีนก็กำลังฉาย บ้างว่าหนังเรื่องนี้ดึงเอาลู่อี้และหลีเสี่ยวหรานที่ชื่อเสียงกำลังตกต่ำให้กลับคืนมา เท่าที่ทราบตอนนี้ลู่อี้กำลังจะถ่ายทำหนังชุดของเกาซีซี(高希希ผู้กำกับเจ้าพ่อเซียงไฮ้เวอร์ชั่นหวงเสี่ยวหมิง)เรื่อง "สามก๊ก" ในบทของจูเก๋อเลี่ยง หรือว่า "ขงเบ้ง" นั่นเอง แน่นอน เราก็รอเรื่องนี้อยู่ อีกสักปีสองปีกระมัง



เรื่องย่อ

ณ โรงละครแห่งฮาเอ่อร์ปิน เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น เมื่อทหารญีปุ่นถูกลอบสังหารขณะมาชมละครเรื่อง "เย่หมางหมาง"(月茫茫 คืนมืด) ทหารชั้นผู้ใหญ่ถูกสังหารด้วยฝีมือของมือปืนจากก้งฉานตั่ง ผู้คนพากันหนีตายจ้าละหวั่นเมื่อทหารญี่ปุ้นค้นหาตัวคนร้ายอย่างบ้าคลั่ง หลูชิวอิ่งธิดาของเศรษฐีเจ้าของโรงละครหนีเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นรถไปแต่โชคร้าย คนร้ายใช้รถของเธอขับหลบหนีการตามล่า



แม้จะตามล่าอย่างกระชั้นชิด แต่คนร้ายก็หนีไปได้ ชิวอิ่งติดรถไปด้วย เธฮต้องประหลาดใจที่คนร้ายเป็นหนุ่มท่าทางมีการศึกษา เขาบาดเจ็บ เธอขอรักษาให้เขาและบอกว่าตัวเองเป็นหมอ เพื่อแลกกับการส่งเธอกลับบ้าน ขณะนั้นเอง ทหารญีปุ่นและทหารจีนหลายสิบนายโอบล้อมเข้ามา มือปืนหนุ่มนักศึกษาเห็นเข้าจึงบอกเธอเบา ๆ ว่า

"มีคนมารับคุณแล้ว"



หลูชิวอิ่ง(卢秋影)หันไปมองมาสายตาของเขาก็เห็นว่านายทหารโอบล้อมรถไว้ แต่เมื่อเธอมองกลับไป มือปืนหายไปแล้ว หายสาบสูญไปโดยไม่มีใครเห็น ทหารพยายามค้นหาแต่ก็ไม่เจอ พวกเขาจึงได้แต่พาชิวอิ่งไปส่งที่บ้าน

หลังจากนั้นก็พยายามสอบเธออย่างหนักเพื่อถามว่าหน้าตาของคนร้ายเป็นใคร ในเมื่อเป็นเพื่อนร่วมชาติกัน และมีความรู้สึกบางอย่างที่คนร้ายไม่เหมือนคนร้าย เธอจึงไม่ได้บอกหน้าตาที่แท้จริงให้พวกตำรวจวาดออกมา พวกทหารไม่ลดละเค้นถามเธอ แต่ชิวอิ่งเป็นบุตรีคหบดีชื่อดังผู้มั่งคั่งทั้งยังมีคุณน้าเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่จึงรอดมาได้

มือสังหารหนุ่มยังปฎิบัติการหลายครั้ง เพื่อบั่นทอนกำลังของพวกญี่ปุ่นโดยร่วมมือกับหญิงสาวนามว่าจิ้งเสียนและพรรคพวกอีกหลายคนในเมืองฮาร์บิน มือสังหารหนุ่มพรางตัวโดยการเป็นครูในโรงเรียนมัธยมและออกปฎิบัติการในเวลาค่ำคืน จึงทำให้ตำรวจสืบไม่พบ

วันหนึ่งอีหลางชายหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัย มาหาลุงของเขาที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ที่ฮาร์บิน แต่ลึก ๆ แล้วเขามาหาหญิงสาวที่เขาหลงรัก เธอเคยเป็นเพื่อนนักเรียนของเขาเมื่อครั้งเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อชิวอิ่งได้พบกับอีหลางที่โรงพยาบาลเธอดีใจมาก อีหลางก็เช่นกัน



อีหลางนอกจากจะมาหาชิวอิ่งแล้วเขาอยากศึกษาวัฒนธรรมจีนเพิ่มเติม ด้วยอำนาจของลุงเขาจึงได้เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการในโรงเรียนมัธยมจีน ที่นี่อีหลางได้พบกับหวังอีหมิ่น ครูสอนภาษาจีนโบราณ ที่เขารู้สึกว่ามีความรู้ดีและสอนหนังสือจากความเข้าใจอันลึกซึ้ง เขาจึงพยายามคุยกับหวังอีหมิน แต่เนื่องจากเป็นคนญี่ปุ่น อีหมินที่ระมัดระวังตัวตลอดเวลายังมิได้ไว้วางใจคบค้าเรียกหากันเป็นเพื่อนได้สนิทใจนัก

คืนหนึ่ง กระจกห้องอีหลางถูกนักเรียนเอาหินขว้างแตก และโดนเข้าที่ศีรษะของอีหลาง อีหมินที่พักอยู่ใกล้เคียงจึงพาเขาไปที่โรงพยาบาล ชิวอิ่งรักษาให้อีหลาง และทราบสถานภาพที่แท้จริงของหวังอีหมิน เธอบอกว่าจะเปิดโปงเขา และได้บอกรูปประพรรณสันฐานของเขาให้ตำรวจวาดออกมาแล้ว ตำรวจญีปุ่นกำลังตามจับตัวเขาอยู่ อีหมินไม่ว่าอะไรสักคำพาอีหลางกลับไปส่งที่หอพัก

เมื่อกลับไปแล้ว อีหมินออกมาจากหอพักเพื่อมาหาชิวอิ่งที่โรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง จากการเจรจาหวังอีหมินรู้สึกว่าชิวอิ่งไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเขา จึงได้วางใจว่าสถานภาพของเขาจะไม่ถูกเปิดเผย หลังจากนั้นการปฎิบัติงานที่เสี่ยงอันตราย หลูชิวอิ่งจะเป็นผู้ที่ถูกดึงเข้ามาให้ช่วยรักษาให้พวกใต้ดินเสมอ จนเธอถูกพวกตำรวจสงสัยและพยายามจะตั้งข้อหาให้ โชคดีที่บิดาของเธอยังมีประโยชน์ใช้สอยเป็นที่เกรงใจอยู่บ้าง และอีหลางเองก็ให้ความช่วยเหลือเธออยู่ทุกครั้ง

พวกต่อต้านได้เดินขบวนขับไล่ญี่ปุ่นโดยมีคนร่วมมากมาย ฮั่นเชา(汉超)และหลิวปั๋ว(刘勃)นำขบวนพรรคพวกทั้งหลายและนักศึกษาที่หนีเรียนมาเพื่อร่วมขบวน ปรากฎว่าทั้งหมดถูกกวาดล้าง ตายไปเป็นร้อย ฮั่นเชาที่ได้รับการปกป้องโดยพรรคพวกเอาร่างกันกระสุนให้ เขาเห็นคนตายเพื่ออุดมการณ์มากมายและศพของเพื่อน ๆ ก็ถูกทหารเฝ้าไว้ไม่ยอมให้นำออกมาฝังประกอบพิธีให้ไปสู่สุขคติ ฮั่นเชาคิดแล้วคิดอีก สลัดความกลัวออกจากใจ ลาลูกเมียและออกมารับว่าเป็นพวกก้งฉานตั่งเพื่อขอรับศพของเพื่อนร่วมอุดมการณ์คืน เมื่อฮั่นเชาออกมาแสดงตัวพวกญี่ปุ่นต้องยอมมอบศพคืนไป แต่พยายามทรมานฮั่นเชาเพื่อหวังได้ตัวหัวหน้าองค์กรที่เรียกกันว่า "หมายเลข29"

ไม่ว่าพวกญี่ปุ่นจะทรมานฮั่นเชาอย่างไรเขาก็ไม่ยอมขายเพื่อนเด็ดขาด ส่วนหลิวปั๋วกลับกลัวจนหัวหดหนีไปจากเพื่อนพ้องโดยไม่ให้ใครรู้ คนที่ทราบว่าหลิวปั๋วหายตัวไปคือจิ้งเสียน(关静娴) เธอเป็นลูกสาวของหมายเลข 29 มีแต่เธอที่รู้ว่าหมายเลข 29 เป็นใคร เธอรู้สึกว่าหลิวปั๋วมีลับลมคมนัยน่าสงสัยจึงนำเรื่องนี้รายงานขึ้นไปและบอกให้อีหมินทราบ จิ้งเสียนเป็นคนประสานงานเธอเติบโตมากับอีหมินและหลงรักอีหมิน แต่เธอรู้ดีว่าอีหมินรักเธอเหมือนน้องสาวและดีกับทุก ๆ คน แม้แต่เงินเดือนยังเอาออกมาให้คนที่เดือดร้อนใช้โดยไม่เสียดาย เธอนับถืออีหมินมาก


ฮั่นเชา


ลูกเมียของฮั่นเชารู้ว่าเขาโดนจับพยามหาทางช่วยแต่สุดท้ายแม้จะช่วยฮั่นเชาได้แต่อีหมินบาดเจ็บสาหัสและภรรยาของฮั่นเชาต้องสังเวยชีวิต ฮั่นเชาพาลูกกลับบ้านเกิด อีหมินโดนยิงบาดเจ็บ จิ้งเสียนเป็นห่วงเขามากจึงให้คนที่ไว้ใจได้อย่างชิวอิ่งมาผ่าตัดเอากระสุนออกให้ ขณะกำลังผ่าตัดที่พรรคมู่ปังซึ่งให้ความช่วยเหลืออีหมินเนื่องจากอีหมินมีบุญคุณกับพวกเขา หัวหน้ามู่ปังต้องรับหน้ากับพวกญี่ปุ่นจนถูกคนญี่ปุ่นสงสัยถูกหารังควานในเวลาต่อมา

เนื่องจากบาดเจ็บและถูกตามล่าอีหมินจึงได้รับความช่วยเหลือจากชิวอิ่งให้มาพักที่บ้านของเธอและได้ทราบว่าที่แท้บิดาของอีหมินกับหลูกง(บิดาของชิวอิ่ง)เป็นเพื่อนกันมาก่อน หลูกงจึงให้ความเอ็นดูอีหมินมาก และยอมให้พักอยู่ที่บ้านทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาเป็นคนของก้งฉานตั่ง กว่าอีหมินจะอาการดีขึ้นก็ทราบว่ามู่ปังถูกกวาดล้างไปแล้ว เขาเสียใจมาก

ลุงของอีหลาง พยายามจะฮุบกิจการของหลูกงจึงได้ตั้งเงื่อนไขให้แต่งตั้งเขาเป็นประธานหอการค้าเพื่อยังประโยชน์ให้แก่พวกตน หลูกงไม่ยอมเพราะทราบดีว่าหากทำเช่นนั้นจะเหมือนเสริมกำลังให้กับผู้รุกราน ลุงของอิหลางหรือแม่ทัพอวี้จื้อ(ดามะชิ)จึงพยายามคุกคามด้วยการบังคับให้หลูกงยกชิวอิ่งให้อีหลางเพราะคิดว่าทั้งสองรักกันคงจะทำตาม แต่อีหลางกลับรู้สึกว่าความรักของเขากลายเป็นเครื่องมือในการทำสงคราม ส่วนชิวอิ่งไม่อาจจะทำตามการบังคับได้ในฐานะของหญิงจีนผู้ทระนงที่ไม่ต้องการก้มหัวให้กับการบังคับของผู้รุกราน

หลูกงพยายามหาคนมาแต่งงานกับชิวอิ่งเพื่อปฎิเสธทางญีปุ่น แต่หาอย่างไรก็ไม่พบผู้เหมาะสม คิดไปคิดมาจึงตกลงใจเลือกอีหมิน เมื่อถูกขอร้องอีหมินยังไม่ได้รับปากทันทีเพราะเกรงว่าจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนเนื่องจากตัวเองเป็นคนของก้งฉานตั่ง จึงได้นำเรื่องไปปรึกษาหมายเลข 29 หมายเลข29บอกว่าเป็นเรื่องความรู้สึกของอีหมินด้วย จึงให้ตกลงใจเอง อีหมินกลับไปหาหลูกง เมื่อหลูกงบอกว่าอีหมินไม่กล้าต้านพวกญี่ปุ่น อีหมินจึงตอบตกลง


หลูโส่วเฉวียนน้องชายของหลูชิวอิ่งที่รักการละครเป็นชีวิตจิตใจและกลายเป็นบ้าไปในที่สุด


น้องชายของชิวอิ่งที่เคยเห็นคนญี่ปุ่นยิงผู้กำกับไซ่ตายบนเวทีเนื่องจากไม่ยอมเขียนบทละครเรื่อง "หลางหล่างเทียน"(ฟ้าสว่าง)เพื่อสรรเสริญพวกญีปุ่น เนื่องจากเป็นคนอ่อนไหวจึงตกใจจนกลายเป็นคนสติไม่ดี เขาโดนจับไปเพื่อข่มขู่ให้หลูกงยอมร่วมมือกับญีป่นและโดนคนในละครเดียวกันที่ชื่อว่าเหออีผิงให้ร้ายจนตายในที่สุด ครอบครัวตระกูลหลูเสียใจมาก และถูกบีบหนักข้อขึ้นอีกเพื่อให้ร่วมมือ หลูกงรู้ดีว่าหากร่วมมือต้องส่งอาหารให้ทหารญีปุ่นคนจีนจะตายอีกมาก จึงไม่ยอม อีหมินหาทางให้พวกตระกูลหลูหนีไป แต่พวกญี่ปุ่นก็หาเรื่องบีบอีกจนได้และยังยื่นคำขาดให้อีหลางกับชิวอิ่งรีบแต่งงานกัน เมื่อแต่งงานกันแล้วพวกญีปุ่นจะได้ใช้ประโยชน์ของกิจการทั้งหลายของหลูกงในการทหารได้



มิชูสาวญี่ปุ่นที่หลงรักอีหลางเดินทางมาจากญี่ปุ่นเพื่อหาเขา อีหลางจึงคิดหนีจากการแต่งงานที่เป็นเครื่องมือของการทำสงครามนี้โดยขอเธอแต่งงาน หลังจากทั้งสองแต่งงานกันแล้ว ชิวอิ่งจึงโดนบีบน้อยลงแต่เป้าหมายของคนญี่ป่นกลับเป็นอีหมินแทน เพราะเขาเข้ามายุ่งในหลาย ๆ เรื่องและยังมาขวางแผนการเรื่องจับชิวอิ่งแต่งงานอีก จึงทำให้เขาต้องสงสัยว่าเป็นพวกใต้ดิน
อีหมินถูกทรมานอย่างแสนสาหัส แต่ไม่ยอมรับสารภาพ จนที่สุดเมื่อไม่มีหลักฐาน เขาจึงถูกปล่อยตัวออกมา

เนื่องจากคนที่ปล่อยอีหมินคือทหารจีนที่แม้จะมีอำนาจอยู่บ้างแต่ก็ยังต้องเกรงใจทหารญี่ปุ่น ทำให้พวกญี่ปุ่นโกรธมากและพยายามหาตัวอีหมินออกมา คืนหนึ่งเหออีผิงกับคนญีปุ่นคุยกันเรื่องทำลายล้างคนจีน อีหลางได้ยินเข้า ไม่อยากให้เกิดการตายขึ้นจึงนำความไปบอกอีหมิน อีหมินแจ้งเรื่องขึ้นไปให้พรรคพวกทราบ



ซู่เฟย คนรักของผู้กำกับไซ่โดนเหออีผิงหลอกเอาตัวและกักขังพ่อแม่ของเธอไว้ เธอคิดหนีจากเขาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ อีหมินหาทางช่วยส่งเธอออกไปจากฮาร์บิน จนสำเร็จในที่สุด และยังสังหารเหออีผิงคนชั่วที่ใช้อำนาจของพ่อที่เป็นทหารจีนมีอำนาจ ชอบทำการตามอำเภอใจและยังทำร้ายคนของก้งฉานตั่งอีกมากมาย เมื่อสิ้นเหออีผิงแล้ว ทำให้ลุงของอีหลางสงสัยว่าคนที่เคยเอาข่าวเรื่องทหารญีปุ่นว่าจะบุกที่ไหนไปแจ้งให้กับอีหมินก็คงจะไม่พ้นอีหลาง

เมื่ออีหลางทราบว่าการแจ้งข่าวของเขาเนื่องจากไม่อยากเห็นการตายนั้นทำให้ทหารญี่ป่นตายไปเป็นพัน เขาเสียใจจนถึงที่สุด และเอาเรื่องนี้ไปสอบถามอีหมิน อีหมินตอบว่าการตายในคืนเดียวเป็นพันคนของทหารญี่ปุ่นนับว่ายังน้อยไปเพราะพวกเขาเป็นผู้รุกราน อีหลางได้ยินเรื่องแค่ครั้งเดียวว่ามีคนตายก็โศกเศร้าถึงเพียงนี้แต่พวกเขาได้ยินเรื่องการตายทุกวัน ไม่ใช่หลักพันแต่หลักหมื่น อีหลางพูดในฐานะผู้บุกรุก แต่ผู้ถูกบุกรุกเล่า การตายที่เกิดจากการทิ้งระเบิดของพวกญีปุ่น เลือดนองเป็นท้องธาร เปรียบเทียบกันไม่ได้เลย อีหลางบอกว่าเห็นว่าเป็นเพื่อนจึงบอกไม่นึกว่าความสงสารเพียงชั่ววูบจะฆ่าเพื่อนร่วมชาติไปมากมายอย่างนี้ การกระทำของอีหมินทำให้อีหลางเสียใจอย่างสุดซึ้ง อีหมินบอกว่าไม่ว่าอย่างไรอีหลางก็เป็นเพื่อน และนี่แหละคือสงคราม หากไม่ป้องกันตัวคนที่ตายของต้องเป็นพรรคพวกของเขาอย่างแน่นอน สงครามไม่เคยไม่เห็นเลือด

อีหลางกลับบ้านไป เขาเงียบขรึมและเหมือนมีอะไรในใจตลอดเวลา เมื่อลุงของเขารู้จากปากอีหลางเองว่าความลับที่ทำให้เพื่อนร่วมชาติต้องตายไปเป็นพันนั้นเพราะอีหลางเอาความไปบอกต่อหวังอีหมิน ลุงของอีหลางให้อีหลางไปเป็นทหารเพื่อเอาเลือดล้างบาปที่ตนก่อไว้ อีหลางไม่อยากฆ่าใคร ไม่อยากทำสงคราม

หลูกงพยายามส่งลูกสาวและเมียออกไปจากฮาร์บิน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สำเร็จเพราะหลิวปั๋วคอยจับตามอง อีหมินวางแผนให้หลิวเปี๋ย อวี้หลานสาวในคณะละครเดียวกับหลิวปั๋วนัดเขาออกมาและสังหารเสีย ก่อนตายหลิวปั๋วโทษว่าหากวันนั้นคนลงมือสังหารแม่ทัพญีป่นคือตน รับรองวันนี้คนทรยศต้องเป็นอีหมิน แต่อีหมินบอกว่าเขาไม่มีวันทรยศต่อพรรคอย่างเด็ดขาด

อีหลางตัดสินใจไปรบเพื่อล้างบาปของตนทั้ง ๆ ที่ใจไม่ต้องการ มิชูบอกให้เขาไปลาชิวอิ่ง เมื่อทั้งสองพบกันครั้งนี้แล้วจะไม่มีวันพบกันอีกตลอดกาล ชิวอิ่งร้องไห้วิ่งจากไป เธอรู้ดีว่าอีหลางไปรบแล้วจะไม่สามารถกลับมาอีก

ลุงของอีหลางบีบหลูกงหนักเข้าจนเขายอมรับข้อเสนอทุกอย่างเพื่อหาทางส่งลูกเมียหนีไป จนวันหนึ่งเขาแกล้งป่วยและนัดหมายให้อีหมินไปรับชิวอิ่งที่โรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่ ส่วนตัวเขาจะระเบิดโรงสีข้าวของตนไม่ให้จัดหาเสบียงให้ทหารญีปุ่นได้อีก หลังจากระเบิดโรงงานแล้วขณะกำลังวิ่งออกมาขึ้นรถ หลูกงก็ถูกทหารญีปุ่นยิงเสียชีวิต

พวกก้งฉานตั่งช่วยชิวอิ่งขนยาจากโรงพยาบาล แต่โชคร้ายโดนทหารจีนพบเข้า อีหมินเข้ามาช่วยไว้ให้ทุกคนหนีไปก่อน พวกทหารจีนกลับยอมให้เขาหนีไปสมทบกับพรรคพวกได้ในที่สุด หัวหน้าทหารจีนชื่อฉินเต๋อลี่(秦德利)ที่ยอมปล่อยอีหมินมาสองครั้งรวมครั้งนี้จึงถูกญีปุ่นยิงแสกหน้าตายคาที่

ชิวอิ่งและแม่ทราบข่าวหลูกกง เธอไม่ยอมร้องไห้ให้ใครเห็น ได้ยินแต่เสียงร้องคร่ำครวญเมื่อเธอเดินไปหลบหลังรถ คนของก้งฉานตั้งพาทั้งสองหนีไปที่นัดพบ อีหมินวิ่งไปสมทบกับพรรคพวกพอดี ชิวอิ่งคิดว่าเขาตายไปแล้ว เมื่อได้พบกับเขาอีกจึงดีใจมาก อีหมินบอกว่าจะอยู่ที่นี่ต่อเพราะเป็นคำสั่ง ชิวอิ่งให้เขาระวังตัวและกอดเขาร้องไห้บอกว่าพ่อของเธอตายไปแล้ว อีหมินปลอบใจเธอและบอกว่าให้ไปรอเขาที่เป่ยผิง หากเขารอดชีวิตไม่ว่าเธอไปอยู่ที่ไหน ก็จะตามไปหาเธอ ชิวอิ่งจากไปในที่สุด อีหมินวิ่งกลับไปอีกทิศทางหนึ่ง

มิชูบอกกับลุงของอีหลางว่า อีหลางหายตัวไปไหนไม่รู้ เหมือนเธอจะรู้การตัดสินใจของเขา มิชูเหม่อลอยเอาแต่ร้องหาอีหลาง

"อีจิโร่... โดะโคะนิอิรัสชัยโนะกะ?" (อิจิโร่ คุณอยู่ที่ไหนนะ?)

ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอเดินไปที่ชายหาดที่ทั้งสองเคยไปด้วยกันและดื่มน้ำชาในวันแต่งงาน

บนสะพานอีหลางอยู่บนนั้น เสียงของมิชูที่ร้องเรียกเขาไม่ทราบว่าเขาได้ยินหรือไม่ แต่เสียงหวูดรถไฟกรีดร้องผ่านสายลมชัดเจนยิ่งกว่าเสียงอะไรทั้งสิ้น อีหลางเดินขึ้นไปบนรางรถไฟ เหมือนได้ตัดสินใจแล้ว เลือดของคนบาปในชุดทหารญีปุ่น เขาบาปหนัก ต้องล้างมันออกไป รถไฟแล่นผ่าน เสื้อคลุมของอีหลางหล่นลงบนแม่น้ำ ที่อีกไม่นานคงจะกลายเป็นสีเลือดเช่นกัน

อีหมินเดินอยู่ริมทางรถไฟ เขามุ่งมั่นเพื่อกลับมาฮาร์บินแห่งนี้เขามีหน้าที่ที่ต้องกระทำ


อวสาน


"สงครามก่อให้เกิดความสูญเสียและพลัดพราก ไม่ว่าต่อผู้รุกรานหรือผู้ถูกรุกราน"


我住长江头,君住长江尾;

日日思君不见君,共饮长江水。







Create Date : 22 กันยายน 2551
Last Update : 27 ตุลาคม 2551 22:46:40 น. 91 comments
Counter : 13640 Pageviews.  

 
น่าดูมากๆ เลยค่ะ แต่บ้านเราคงยากที่จะเอามาฉาย อยากดูแบบพากย์ไทยหรือซับไทยจังเลย


โดย: แพร (bookofpear ) วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:22:35:53 น.  

 
สวัสดีจ๊ะมามิ เหมือนไม่ได้คุยกันนานนนนนนมากกกกเลยมั๊ง
รู้สึกผิดเล็กน้อย(จริงๆนะ)ที่ไม่ได้โทรไปขอบคุณเรื่องหนังด้วยตัวเอง

จะโทรคุยก็ไม่ไหว พูดได้สิบนาที ไอต่ออีกพักใหญ่ เหนื่อยมาก ป่วยมาได้ 3 เดือนกว่าๆ แบบเป็นๆหายๆ
ยังทำงานทำการได้อยู่นะ แต่ก็มาๆหยุดๆด้วยแหละ กรรม

ช่วงนี้ดีขึ้น เพราะไม่ต้องลุกมาไอกับหอบตอนกลางคืนอีก
แต่หมอก็ยังไม่หยุดยานะ ยังให้ยาอยู่และให้ดูอีกเกือบ 2 อาทิตย์ (เออ 4 เดือนพอดีเลย)

เพิ่งรู้ว่ามามิก็ไม่ค่อยสบายเหมือนกัน หายดีรึยัง
ที่ทำงานพี่ ก็มีน้องที่เป็นไข้เลือดออกอยู่ ช่วงนี้ต้องระวังหน่อยนะ
รักษาสุขภาพหน่อยนะคะ นึกถึงที่ตัวเองป่วยนี่ก็รู้ล่ะค่ะว่ามันแย่แค่ไหน

ตอนนี้ทางนี้กำลังเพลินกับหวงเสี่ยวหมิง
น้องเล็กเขาไม่รู้นะว่าเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้นี่ เสี่ยวหมิงเล่น
ตอนแรกก็บอกไปเหมือนกัน พอเขามาดูก็ชมใหญ่ว่าหล่อ

เอาเข้าไป ถ้าจะคลั่งเสี่ยวหมิงซะแล้ว

ว่าแต่เรื่องนี้ติดใจตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้วละ ฮาร์บิน
มีคนอยากไปมากนะ ถ้าไม่ผิดพลาดอาจได้ไปปีใหม่นี้

แต่ก็มีคนเตือนว่าหนาววววววววมั่กๆๆค๊า

พี่คงได้เข้ามาติดตามเรื่องนี้ต่อล่ะค่ะ แล้วจะเข้ามาคุยอีกนะคะ

คิดถึงมากๆๆๆๆๆ ค่ะ (^_^'


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:7:46:46 น.  

 
อ่านเนื้อเรื่องย่อข้างบนแล้วค่ะ

น่าจะเรียกว่ารักระหว่างรบนะเนี๊ยะ
เรื่องนี้น่าจะสนุกนะ ถ้าได้ดาราแม่เหล็กอย่างโจวเจี๋ย บทแบบนี้มักจะมีคนสงสารนะ
ถ้านักแสดงเล่นดีจริงบทจะเด่นพอๆหรืออาจเด่นกว่าพระเอกก็ได้ค่ะ(แบบนี้เรียกว่าขโมยซีนคงได้)

หลี่เสี่ยวหราน เคยดูเธอในบทซีหงเล่ย สาวงามอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินขวัญใจของชีเส้าซัง

เห็นด้วยกับความเห็นที่ว่าเธอสวยสง่าแบบผู้ใหญ่
ก็ในหนังสือบรรยายซีหงเล่ยไว้ซะสวยเลิศ
ยังรู้สึกว่าบทของนาลานหมิงฮุ่ยในเจ็ดนักกระบี่ที่หลีเสี่ยวหลาน แสดงยังดูดีกว่าบทซีหงเล่ยเลยนะ

แต่เรื่อง7กระบี่นี่ มามิไม่ดูนี่นา จำได้ว่าเคยบอกพี่ว่าไม่ชอบดาราบางคน
พี่ชอบบรรยากาศทะเลทรายกับบทของเฟยหงจินมากๆเลย

อ้าว ไปเรื่องไหนแล้วเรา กลับมาๆ.......
..........

ว่าด้วยอิจิโร่ในเรื่องนี้ อารมณ์คงสับสนน่าดูเลยนะ
ไหนจะชาติ ไหนจะผู้หญิงที่ตนรัก รวมถึงเพื่อนด้วย
คิดว่าปลายๆเรื่องคงมีซีนอารมณ์แบบว่าต้องเลือกซักอย่างนึงแน่ๆเลยค่ะ (ก็มักจะเป็นแบบนี้แหละ)






โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:12:27:37 น.  

 
พี่คะ ขอให้หายไว ๆ นะคะ หลังจากป่วยแล้ว เราจะรู้สึกว่าสุขภาพสำคัญมากเลย มามิไม่กล้าดูหนังถึงเช้าแล้วค่ะ ตอนนี้ตีสอง หรือสองครึ่งต้องเบรคก่อน เดี๋ยวตาย

พี่ฟงหายไว ๆ นะคะ จะได้มาเมาท์กันเรื่องหนังจีนอีก
เรื่องไอ นี่น่ากลัวจริง ๆ ดีที่พี่เตือนให้รีบไปหาหมอ อาการไอมันมาได้จากหลาย ๆ สาเหตุ เดี๋ยวนี้แทบไม่กล้าแตะของทอดเลยค่ะ ยิ่งคนขายสมัยนี้ไม่ค่อยนึกถึงสุขภาพของคนซื้อสักเท่าไหร่ คุณภาพของอาหารยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เลยล่ะค่ะ

แน่ะ....น้องเล็กชิ้นสดติดเสี่ยวหมิงเข้าให้เสียแล้ว เท่ห์ใช่ไหมล่ะคะ ตอนสวี่เหวินเฉียงยอมโดนไฟนาบเพื่อช่วยเฉิงเฉิง เท่ห์สุด ๆ เลยล่ะค่ะ ไม่รู้ว่าชอบตอนเดียวกันหรือแล้ว ยังมีอีก ตอนที่พระเอกเข้าไปช่วยนางเอกตอนโดนจับเป็นตัวประกัน เท่ห์สุดจะเอ่ย ชอบท่าต่อสู้ แม้เสี่ยวหมิงจะตัวสูงแต่ดูไม่เทอะทะแม้แต่น้อย ชมกันเข้าไป น้องเล็กมาติดใจเสี่ยวหมิง มามิหันไปหาลู่อี้เสียแล้ว แหะ แหะ....

พี่คะ ฮาร์บินมันหนาว มาก ๆ เพื่อนไปมาแล้ว แต่มามิไม่กล้าไป กลัวหูหัก เขาว่าหนาวมาก ๆ ลื่นล้มหูอาจหักได้ (ล้อเล่นค่ะ) ต้องเตรียมเสื้อผ้าไปดี ๆ นะคะ อย่าลืม พี่คะมามิฝากดูด้วยว่าป้ายตามร้านรวงต่าง ๆ มีภาษายึกยืออยู่น่ะใช่ภาษารัสเซียหรือเปล่านะคะ

ในเรื่องนี้ป้ายมีภาษาญี่ปุ่น เข้าใจว่าเป็นอาณานิคม แต่ว่าป้ายภาษาประหลาด ๆ ที่มามิเดาว่ารัสเซีย(ไม่แน่ใจ) จะใช่หรือเปล่า พี่ขาเสื้อผ้าเรื่องนี้มันดูทึม ๆ แต่เท่ห์นะคะ หึ หึ...
เพราะว่าหนาว เลยต้องใส่โอเว่อร์โค้ท โจวเจี๋ยเท่ห์มาก ค่ะ เวลาเดิน ดูดี เหมือนนายแบบเลย ส่วนลู่อี้ใส่เสื้อสูทเหมาะกับตัวเลยไม่ดูหลวมโคร่งและเชย ดูรวมแล้วดีมาก มีฉากที่บาดเจ็บ และนอนบนเตียงดูอ่อนแอน่าสงสารมาก อยากเข้าไปช่วยเหลือ เสียดายที่เข้าไปไม่ได้ เหอ เหอ ขนาดดูเอาจริงเอาจังอย่างนี้ ไม่ยักกะฝันซักกะคืน หวังอีหมิน เมื่อไหร่จะมาปรากฎตัวในฝันของมามิบ้างน้อ....เริ่มเพ้อไปเสียแล้ว

พี่ฟงคะ ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ได้เน้นความรักหรอกค่ะพี่ เน้นเรื่องสภาพบ้านเมืองสมัยนั้นและการตอบโต้ของคนสองฝ่าย การเลือกเผชิญหน้ากับมันมากกว่า มามิย่อเกินไปจนอาจเสียรสบางประการไป


มามิชอบฮั่นเชา เขาเป็นพวกกู้ชาติ วางแผนกันดิบดีว่าจะไปตะโกนด่าญี่ปุ่นและต่อต้านพวกรุกรานที่ลานหน้าโบสถ์ พอประกาศปลุกใจชาวบ้านสลับกับหลิวปั๋ว พวกตำรวจได้ยิน ก็กรูเข้ามา ไม่พูดค่ะพี่ ยิง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ไม่ยั้ง ชาวบ้านที่มีใจรักชาติ ไม่มีอาวุธจะต่อสู้ บ้างก็ถูกยิงตาย บ้างก็ถูกตีหัวแตก บ้างก็ถูกจับขนขึ้นรถไป บ้างก้ถูกใส่กุญแจมือ เด็กนักเรียนก็ถูกจับไปด้วย แต่ ฮั่นเชารอด เพราะเขาเป็นหัวหน้าของคนทั้งหลาย เขามีค่า ดังนั้นจึงมีคนจำนวนหนึ่งที่ใช้ตัวบังเขาไว้ เขารอดตาย กลับไปบ้าน เจอหน้าเมียที่อุตส่าห์พาลูกเดินทางมาหาพ่อถึงฮาร์บิน เขาพูดไม่ออก บอกเมียไม่ได้ เมียคิดว่าเขามีใหม่ พอเข้าห้องนอน เมียกอดเขา เขาสั่น มือสั่น ตัวสั่นด้วยความกลัว เมียเขาถามว่า

"คุณเป็นคนของกงฉานตั่ง?"

".................."

"ฉันคิดอยู่แล้ว คุณต้องเป็นพวกกู้ชาติแน่"

"ผม............ผมขอโทษที่ทำให้คุณแม่ลูกต้องลำบาก ใช่แล้ว 2 ปีที่ผ่านมาผมไม่กล้าติดต่อกลับไป งานผมยุ่งมาก วันนี้ พวกเขาช่วยเอาตัวบังให้ผม ผมกลัว กลัวเหลือเกิน มือของผมสั่นไม่หยุด พวกเขาตายเพื่อผม........"

เมียของเขาปลอบให้เขานอน ไม่นึกไม่ฝันรุ่งเช้าเขาเรียกทุกคนที่อยู่ในชุมชนมาประกาศว่าเขาคือพวกใต้ดิน และจะมอบตัวเพื่อแลกกับศพของคนที่ตายเพื่อเขา ให้คนเหล่านั้นได้กลับสู่ดิน สู่สุขคติ เขาไม่กลัวอีกแล้ว เพราะเมื่อ่ผ่านความตายมาครั้งหนึ่งก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไป

พี่คิดดูสิคะ คนเราไม่กลัวตาย มีจริง ๆ ไหม? อย่างน้อยก็ต้องกลัว หากบอกว่าไม่คงโกหกใช่ไหมคะ? อ้อ พริบตาที่กลัวความตายก่อนความตายจะเข้ามาหามันน่ากลัวกว่าพริบตาที่ตายเสียอีก

มามิจะเล่าเรื่องนักเขียนดังที่ชื่อ เออร์เนสต์ เฮมิ่งเวย์ให้ฟังนะคะ ไปอ่านเจอมาอีกที ถ้าพี่รู้แล้วก็ถือว่าคุยกันแล้วกันนะคะ เขาฆ่าตัวตายเพราะเป็นความสุข ความตายไม่ใช่ความทุกข์ไม่ใช่ความเจ็บปวด โรคร้ายหรือบาดแผลต่างหากที่ทำให้เจ็บปวดและทุกข์ทรมาน บางคนความคิดอย่างนี้ คนที่ไม่เคยเจอคงไม่เข้าใจ มามิเห็นฮั่นเชาแล้วนึกถึงเฮมิ่งเวย์ คนเราผ่านอะไรที่หนักมาแล้ว สิ่งนั้นจะไม่หนักอีกต่อไป

เมื่อสลัดความกลัวออกแล้ว ฮั่นเชาจึงมอบตัว ศพเป็นร้อยได้รับการฝังและทำพิธี แต่ฮั่นเชาก็ไม่ต่างจากคนตายสักเท่าไหร่ เขาโดนลงทัณฑ์ทรมานเพียงเพื่อต้องการคำตอบว่า "หมายเลข 29" เป็นใคร? สงครามโหดร้าย สงครามหนีไม่พ้นความตาย และการทำลายล้าง แต่ทำไมหนอมนุษย์หลาย ๆ คนจึงใฝ่หามัน

เมื่อฮั่นเชาโดนทรมานแล้ว พรรคพวกก็ต้องหาทางมาช่วย และก็ไม่วายต้องเสียเลือดเสียเนื้อกันอีก

ที่ชอบฮั่นเชา เพราะเขาเลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ควรทำ กล้าหาญและไม่กลัวตาย ไม่กลัวทัณฑ์ ไม่เสียดายชีวิตตนเพื่อสิ่งที่เหนือกว่าชีวิตก็คือชาติบ้านเมืองของเขานั่นเอง

พี่คะ อีกคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกับฮั่นเชาก็คือหลิวปั๋ว หลิวปั๋วล้มล้มพร้อมฮั่นเชาในขณะที่เหตุการณ์วุ่นวาย เขากลัวมาก ความกลัวของเขาสามารถเห็นได้ทุกอณูในร่างกาย เขารีบเอาเลือดของศพข้าง ๆ มาทาหน้า แกล้งทำเป็นตาย และถือโอกาสตอนที่หารเฝ้าศพเผลอหนีออกไป

เขาหนีไปที่รังลับของพวกใต้ดิน ได้เจอกับจิ้งเสียน เขาแอบรักเธอ แต่ตอนนั้นหลิวปั๋วไม่อาจปกปิด


โดย: mamiya วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:22:44:48 น.  

 
กำลังพิมพ์เพลิน ๆ อยู่ ๆ คอมก็บอกว่ารีบเชฟนะ จะปิดระบบแล้ว เฮ้ย ไรกัน? ไม่รู้จะทำไงเลยกดส่งเข้ามาก่อน ดุสิคะ ขาดตอนเลย มามิว่า คอมพ์มามิจะลาตายเร็ว ๆ นี้แน่ ๆ เลยค่ะ รึว่าโดนไวร้ายไวรัสเล่นเข้าให้แล้ว....


ต่อคะ ตอนนั้นหลิวปั๋วไม่อาจปกปิดความกลัว ความขลาดต่อหน้าหญิงที่รักได้ จิ้งเสียนเห็นความอ่อนแอของเขาและเข้าใจจึงได้ปลอบใจหลิวปั๋วอยู่พักใหญ่ เขาไม่วายกลัวและแอบหนีไป หนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว เท่าที่จะหนีได้

เขาหนีไปหาพ่อแม่ แต่ก็มีเหตุให้ต้องหลบหนีการตามล่ากลับมาอีก เขาคิดว่าเขาต่างหากที่เก่ง เขาอันตรายกว่าใครตอนหวังอีหมินสังหารทหารญี่ปุ่น ก็เขานี่แหละที่เผชิญหน้ากับทหารญีปุ่นในฐานะช่างไฟของคณะละคร เขานี่แหละที่ไปตะโกนต่อต้านญี่ปุ่นที่ลานโบสถ์ เขาอันตรายกว่าใคร หลิวปั๋วเก่งและสำคัญกว่าใคร ๆ เขาไม่อยากเป็นลูกน้องจิ้งเสียน เขาไม่อยากเป็นผู้ตาม เขาอยากเป็นผู้นำ

พี่คะ เมื่อคนคนหนึ่งเห็นว่าตัวเองเก่ง แน่นอนความพ่ายแพ้เริ่มคลานเข้ามาหาเขาแล้ว หลิวปั๋วริษยาอีหมิน อีหมินสุขุม สุภาพ นิสัยดีมีแต่คนรัก แต่เขาที่ก็ทำงานเพื่อพรรคเหมือนกันแต่กลับไม่มีใครเห็นว่าเขาดี เขาหายไปก็มีคนสงสัยว่าเขาทรยศ คราวนี้เขาขอจิ้งเสียนวางแผนเอง แต่สุดท้ายเมื่อถูกจับได้ หลิวปั๋วเลือกทางออกอย่างไร รู้ไหมคะ? นี่ค่ะ....ขายเพื่อน ขายพรรรค และทรยศ เขาทนการทรมานไม่ได้ เขาทนความเจ็บปวดทางร่างกายไม่ไหว เขาทรยศแม้แต่ต่อคนที่เขารักอย่างจิ้งเสียน

หลิวปั๋วทำให้พรรคพวกต้องตายไปเป็นสิบ เขาบอกทุกอย่าง เขาทรยศ เขาเอาตัวรอด จิ้งเสียนพยายามแจ้งเรื่องที่หลิวปั๋วทรยศให้พรรคพวกทราบโดยหลอกหลิวปั๋วว่าจะพาไปหาหมายเลข29 เมื่อเธอเห็นอีหมินเดินเข้ามาหาหมายเลข 29 จึงตะโกนให้เขาหนีไป หลิวปั๋วจะยิงอีหมิน จิ้งเสียนเข้ามารับกระสุนแทน และพี่คะ หลิวปั่วเลือกที่จะทำอย่างไรรู้ไหมคะ? ค่ะพี่...เขาเอาหญิงที่เขารักไปโรงพยาบาล ยืนเกะกะการทำงานของแพทย์ เขย่าตัวเธอถามว่าทำไมต้องทำเพื่ออีหมินขนาดนั้น

คนจะตายอยู่แล้ว ไปเขย่าถามทำไม นี่หรือคือความรัก?

โชคดีที่ชิวอิ่งมาพอดี และพอจะเดาเรื่องได้ รีบลงมือผ่าตัดเอากระสุนออกจากท้องของจิ้งเสียน ยังไม่พอค่ะ หลิวปั๋วเฝ้าเธอ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าหากตัวเองอยู่ให้จิ้งเสียนเห็นหน้า จิ้งเสียนจะต้องอาการทรุดลง

และเมื่อจิ้งเสียนฟื้นขึ้นมาเธอบอกว่าอีหมินต้องมาช่วยเธอ และคิดบัญชีกับหลิวปั๋ว เขากลัวมาก กลัวจนต้องรีบเอาจิ้งเสียนออกจากโรงพยาบาล แม้ชิวอิ่งจะพยายามทัดทานว่าที่จิ้งเสียนรอดมาได้นี้ก็ปาฎิหาริย์แล้ว( ตอนผ่าตัด จิ้งเสียนเกือบตาย ชิวอิ่งให้คนกระชิบชื่ออีหมินที่ข้างหูเธอ เธอจึงมีกำลังใจผ่านพ้นการผ่าตัดมาได้แต่ยังไม่พ้นขีดอันตราย) หากนำออกจากโรงพยาบาลรรับรองอยู่ไม่เกิน 2 วัน

หลิวปั๋วไม่ฟัง เขารักชีวิตตัวเองมากกว่าจิ้งเสียน นำเธอออกไป คนรักกันเขาทำกันอย่างนี้หรือคะ? จิ้งเสียนเพิ่งผ่าตัดเสร็จ และก็รู้ว่ายังไม่พ้นขีดอันตราย แผลก็ยังใหม่อยู่อยู่อาจปริแตกออกมาได้ แต่หลิวปั๋วนำเธอเข็นออกจากโรงพยาบาล

และเมื่อพวกญี่ปุ่นรู้ว่าจิ้งเสียนใกล้ตาย จะหมดประโยชน์ใช้สอยแล้ว จึงนำเอาตัวจิ้งเสียนไปเป็นเหยื่อล่อโดยมัดไว้กลางลานกว้างแล้วรอพวกก้งฉานตั่งมาติดกับ หลิวปั๋วไม่ทัดทาน ไม่ช่วยเหลือ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น นอกจากบอกว่า ไม่ไปที่ลานเพราะไม่อยากเห็น พี่คะ คนรักกันเขาทำกันอย่างนี้หรือคะ

มามิแค้นตัวละครตัวนี้มาก อยากอัดและเบริ์ดกะบาลมันสักทีหรือจะให้ดีก็ขอเหยียบด้วยสักที ชาติก็ไม่สน หญิงที่รักก็ปล่อยให้ตาย รักแต่ตัวเอง เอาแต่ตัวเองรอด ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น คนอย่างนี้จะเป็นที่รักของผู้อื่นได้ไหมล่ะคะ

ก็แค่ตัวละคร แต่ทำไมหนอ เจอได้ในสังคมทุกยุคทุกสมัย

มามิเมื่อยมือแล้วค่า ไปดูต่อแล้วนะคะ บ่นใหญ่เลย อิ อิ


โดย: mamiya วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:23:15:52 น.  

 
เมื่อสองเปาชิงเทียนวัยหนุ่มมาเจอกันในเรื่องนี้ บทดีทั้งคู่จ้า




โดย: mamiya วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:21:59:53 น.  

 
หลิ่วซู่เฟย ตัวละครหญิงนี้น่าสงสารมาก เมื่อแฟนตายเพราะถูกญี่ปุ่นบังคับให้เขียนบทละครที่เข้าข้างพวกญี่ปุ่น แต่เขาไม่ยอมทำ จึงถูกยิงตาย เธอโดนเหออีผิงหลอกจนได้ตัวแล้ว น้องชายที่อี้ผิงรับปากจะช่วยหากเธอยอมแต่งงานด้วย ก็ช่วยไม่ได้ ตัวเองอยากหนีจากชายโฉดคนนี้ก็ทำไม่ได้เพราะเขาเอาพ่อแม่เธอไปขังเอาไว้ จึงบังคับเธอได้ตามอำเภอใจ




โดย: mamiya วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:22:03:13 น.  

 






โดย: mamiya วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:22:04:27 น.  

 
เหออีผิง ชั่วร้ายสมบูรณ์แบบ เขาเป็นลูกชายนายทหารที่มีอำนาจ อำนาจพ่อระบาดมาถึงลูก ลูกเลยกร่าง เหออีผิงพยายามเอาใจคนญี่ปุ่นโดยคาบข่าวไปบอกเรื่อย ๆ ข่าวที่ได้ก็ใช้วิธีต่ำ ๆ ทำเพื่อให้ได้มา และชั่วช้าที่สุดเมื่อรับปากว่าจะช่วยหลิ่วซู่เฟย สาวที่เขาหมายตามานาน แต่เธอไม่เคยสนใจ จนต้องไปหลอกเธอว่าจะช่วยน้องชายที่โดนจับติดคุกเนื่องจากเดินขบวนต่อต้าน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าน้องของเธอโดนยิงตายแล้วก็ยังเอาเรื่องช่วยน้องมาหลอกจนได้ตัวเธอไป เลวสุด ๆ




โดย: mamiya วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:22:07:36 น.  

 
กวนจิ้งเสียน เธอเป็นลูกสาวของหมายเลข 29 ที่เข้าร่วมขบวนการตั้งแต่เล็ก ๆ โดยทำงานเป็นคนติดต่อประสานงาน ร่วมงานกับอีหมินมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความดีของอีหมิน เธอรักเขา แต่เขารักเธอเหมือนน้องสาวเท่านั้น ไม่ว่าจะทำงานเสี่ยงอันตรายแค่ไหน เธอยินดีหากได้ร่วมงานกับเขา เธอห่วงเขาจนใคร ๆ ก็ดูออก หลิวปั๋วรักเธอ แต่เธอปฎิเสธ ทำให้หลิวปั่วเกิดความริษยาอย่างมาก

แม้จะรอดตายจาการผ่าตัดแต่เธอก็ต้องเสียชีวิตพร้อมกับพ่อของเธอในที่สุด ก่อนตายเธอขอให้อีหมินกอดเธอไว้ให้แน่น ๆ (น่าสงสารจัง)



โดย: mamiya วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:22:11:47 น.  

 
หลิวปั๋ว แรก ๆ ดูเหมือนจะดี แต่เขารักตัวเองกว่าใคร เสียสละหรือ? หลิวปั๋วไม่ใช่คนเช่นนั้น แม้แต่กับหญิงที่เขารัก เขายังไม่ปกป้อง แถมเป็นต้นเหตุให้เธอตายเสียอีก คนแบบนี้สะท้อนความอ่อนแอของคนขลาดเขลาได้ดีที่สุดเลยจริง ๆ




โดย: mamiya วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:22:13:50 น.  

 


โดย: mamiya วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:22:14:35 น.  

 
ชิวอิ่งรู้จักกับอีหลางตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น ทั้งสองมีความทรงจำที่ดีต่อกัน และรักกัน เสียดายที่สถานการณ์แปรเปลี่ยน เมื่อเกิดเรื่องมากมายในสภาพสงครามเช่นนั้น ทั้งสองล้วนมีทางเลือกของตัวเอง













โดย: mamiya วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:22:17:27 น.  

 
อ่านที่มามิกล่าวถึงหลิวปั๋วแล้วของขึ้น เลวจริงๆค่ะ
แต่อย่างว่านะแหละค่ะ ถามว่าคนแบบนี้มีไหม มีจริงๆค่ะ ทุกยุคทุกสมัย

หรือว่าจะเป็นอย่างคำที่กล่าวไว้ คนไม่เห็นแก่ตัว ฟ้าดินย่อมประหาร
หรือจะเป็นฟ้าดินพิฆาตดับสูญ หว่า จำไม่ค่อยได้แฮะ แต่ประมาณแบบนี้แหละค่ะ

หมอนี่คงยึดหลักที่ว่านี้แน่ๆเลยค่ะ คนอื่นเป็นไงไม่สน รักตัวเองไว้ก่อนไงคะ

ถ้าจะให้มองดูตัวละครนี้นะคะ ก็แสดงถึงสันดานของมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวนั่นแหละค่ะ

ดูจากรูปข้างบนนี่ เรื่องนี้เครื่องแต่งตัวโอเคเลยค่ะ ถามว่าโทนสีและภาพที่ออกมา ก็น่าจะเป็นแบบนี้
ยุคที่เกิดหนังประเภทนี้เมื่อก่อนก็มีโทนสีทึมๆแบบนี้ค่ะ
แต่แหม เดี๋ยวนี้นิยมผ้าพันคอลายแบบนี้กันจังเลยนะ

แต่คอสตูมเรื่องนี้สวยดีนะคะ ที่ว่าสองเปาแต่งแล้วเทห์
สนับสนุนค่ะ โดยเฉพาะโจวเจี๋ยแต่งขึ้นมากแถมหน้าให้ด้วยนะ(คล้ายพวกญีุุ่ปุ่นดี)

หลีเสี่ยวหราน เป็นผู้หญิงที่แต่งสมัยใหม่แล้วสวยกว่าหนังโบราณค่ะ(ในความรู้สึกของพี่นะ)
เรื่องนี้เธอดูดีกว่า ซีหงเล่ย จริงๆ หน้าตาแบบนี้ไ่ม่สวยคม
ที่จริงออกจะจืดซะด้วยซ้ำ แต่ก็มีเสน่ห์ และดูสง่างามดีค่ะ

ช่วงนี้พี่ก็กลับมาไออีกแล้วค่ะ ของทอดนะเหรอคะ ไม่ได้ทานมาหลายเดือนแล้วค่ะ
อาหารก็พยายามหลีกพวกทอดๆอยู่เหมือนกัน แต่ก็ได้เป็นบางอย่างค่ะ

ที่ไม่ได้ทานเลยมานานแล้วก็ปาท่องโก๋นี่แหละค่ะ
งดไปเลยมั้ง ตั้งแต่ป่วยนี่นะ กล้วยแขกอะไรพวกนี้ก็ด้วย

เวลาไอมันทรมานจริงๆค่ะ โดยเฉพาะตอนกลางคืนยิ่งแล้วใหญ่ ไอจนไม่ได้นอนก็มีค่ะ

ว่าแต่มาว่าเรื่องหนังกันต่อเถอะ บทของฮั่นเชานี่ก็น่าสนใจดีค่ะ คนเล่นบทนี้ดาราเก่ารึเปล่าหน้าคุ้นๆแฮะ

คนที่ต้องรับผิดชอบ รับภาระสูงๆนี่ แรงกดดันก็สูงตามนะคะ
อยากทำให้ดีที่สุด ในขณะเดียวกันก็มีความกลัว(ก็เป็นเรื่องปกตินะ)
คนที่ไม่เคยกลัวหรือไม่มีความกลัวนี่ คงมีน้อยกว่าน้อยถ้าไม่ใช่คนที่กล้า้บ้าบิ่นมากๆก็เป็นพวกไม่ปกตินะคะ

พี่ค่อนข้างเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีความกลัวในเรื่องบางอย่างแทบทั้งนั้นโดยเฉพาะกลัวตาย
เพียงแต่ความกลัวจะมากบ้างน้อยบ้างขึ้นอยู่กับพื้นฐานและจิตใจของแต่ละคน

มามิช่วยแปะฉากในเรื่องหรือวิวสวยๆในเรื่องลงมาด้วยนะคะ อยากเห็นฮาร์บินให้ชัดๆนะ

เรื่องนี้คงไม่ได้เข้าไทยแน่เลยค่ะ หนังหนักๆแบบนี้ไม่ค่อยมีเข้ามา ถ้าเข้ามานี่ก็จะหวังให้ทำซับไทยได้รึเปล่ายังสงสัยอยู่

อย่านอนดึกนะคะ ซักห้าทุ่มก็พอแล้ว (พี่เองตอนนี้สี่ทุ่มก็จอดแล้วค่ะยิ่งถ้ากลางคืนลุกขึ้นมาไอด้วยแล้วกว่าจะได้นอนอีกทีก็2-3ชั่วโมงให้หลังไปเลยค่ะ)

สุขภาพสำคัญนะคะ ร่างกายแข็งแรงสุขภาพดี เป็นสิ่งวิเศษสุดจริงๆค่ะ



โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 58.9.159.233 วันที่: 28 กันยายน 2551 เวลา:8:59:42 น.  

 
ดูจบไปเมื่อคืนค่ะพี่ เสร็จแล้วก็ดูเรื่องใหม่ที่ได้มานิดหน่อย เป็นเรื่องในสมัยต้นศตวรรษที่ 20 โหยเรื่องนี้ดูไตเติ้ลแล้วละครสุด ๆ ชื่อเรื่อ'ว่า "Fengyue: Flower of Evil" ดูไปแล้วส่งสัยจะไม่โดน เลยเปลี่ยนมาดูเรื่อง "ต้าฮั่นเทียนจื่อ" เสี่ยวหมิงเล่นเป็นเรื่องแรกหลังจากไม่มีใครจับเล่นบทเด่นมาหลายปี จริง ๆ แรก ๆ มามิดูไม่ผ่านเพราะพระเอกอ้อนผู้หญิงมากไปหน่อย เมื่อคืนดูแล้วก็หลับ แต่เพื่อเสี่ยวหมิงจะพยายามต่อไปค่ะ

พี่คะ ตอนนี้มามิว่าจะเอาเรื่องฮาร์บินนี่มาดูอีกรอบ ยังคิดถึงกลิ่นอายและบรรยากาศของเรื่องนี้อยู่ค่ะ ตอนจบก็จบไม่ค่อยเคลี่ยร์เท่าไหร่ แต่ไม่ถึงกับร้อง "บ๊ะ....จบแบบนี้เหรอ" จบให้คิดเอง และทุกชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปล่ะค่ะ


หลิวปั๋วนี่มันเลวจริง ๆ ตอนหลังที่ทรยศแล้ว เจอพระเอกมาล้างแค้น เขาบอกอีหมินว่า ถ้าวันนั้น(ฉากแรก) เขาถูกวางตัวให้สังหารแม่ทัพนาคามูระล่ะก็ วันนี้คนที่จะทรยศก็คืออีหมิน อีหมินตอบไปว่า เขาไม่มีทางทรยศ พี่ดูสิคะ คนที่แม้ยืนอยู่ปากทางลงนรกแล้วยังคิดไม่ได้เลยว่าสิ่งที่ตัวทำน่ะผิด สิ่งที่คิดก็ผิด หลิวปั๋วมันไม่เคยสำนึกเลย มันนึกแต่ว่าตัวเองเก่งจะตาย เป็นผู้นำได้ คนอย่างนี้เป็นผู้นำก็ตายกันทั้งกระบวนนั่นแหละค่ะ คนเล่นดาราเก่าหรือเปล่าไม่แน่ใจ ชื่อว่าเฉินหาว(陈昊)

อีตาหลิวปั๋วนี่มีสาวมารักด้วยนะคะ เป็นนักแสดงในคณะละครเดียวกัน เพราะหลิวปั๋วชอบทำตัวเหมือนเก่ง มีโครงการเยอะ และพูดหวานกับสาวคนนี้เธอชื่อว่า "หลิวเปี๋ยอวี้หลาน"(ชื่อแปลก ๆ แฮะ) ตอนท้ายเมื่อเธอรู้ว่าหลิวปั๋วทรยศต่อพรรค เธอไม่เชื่อ แต่อีหมินบอกว่าเขาทรยศแล้วจริง ๆ และทำให้เพื่อนต้องตายไปหลายคน หลิวเปี๋ยอวี้หลาน จึงเชื่อและยอมช่วยอีหมินล่อหลิวปั๋วออกมา


หลี่ฮุ่ยหราน(李卉然)นักแสดงหน้าใหม่เพิ่งเล่นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สอง


โดย: mamiya วันที่: 28 กันยายน 2551 เวลา:18:32:21 น.  

 

ฉินเก๋อลี่ เขาเป็นลูกน้องของลุงชิวอิ่ง กระเหี้ยนกระหือจะจับคนของก้งฉานตั่งให้ได้ เมื่อจับได้ก็จะจับมาทรมานให้สารภาพ หลายต่อหลายคน รวมทั้งอีหมินด้วย กับอีหมินเขายิ่งทรมานหนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรอีหมินก็ไม่ยอมรับสารภาพ เมื่อพวกญีปุ่นจะมาสอบอีหมินเอง ฉินเต๋อลี่กลับช่วยอีหมินไว้โดยปกปิดแผลจากปืนที่เกิดจากการที่อีหมินไปลอบสังหารแม่ทัพญีปุ่น ด้วยการเอาเหล็กนาบไฟมาจ่อที่แผลของอีหมิน จนพวกญี่ปุ่นนึกไม่ถึงว่าอีหมินเป็นผู้สังหารคนของตน ครั้งที่สองเขาถามอีหมินทุกคำถามอีหมินตอบตามจริง ทำให้ฉินเก๋อลี่ยอมปล่อยตัวอีหมิน และถูกคนญีปุ่นยิงตายในที่สุด

ตัวละครตัวนี้ทำหน้าที่ของเขาในฐานะตำรวจจีน แต่ก็หวังเอาตัวรอด และหาประโยชน์ตลอดเวลา อะไรไม่มีประโยชน์จะไม่ทำ เช่นการส่งตัวอีหมินให้พวกญุ่ปุ่น ไม่ว่าอย่างไรฉินเก๋อลี่ก็เป็นคนชาติเดียวกับอีหมิน เหตุผลของการไม่ฆ่าอีหมินอาจเป็นเพราะเรื่องนี้เป็นสาเหตุหนึ่งด้วย


โดย: mamiya วันที่: 28 กันยายน 2551 เวลา:19:30:20 น.  

 
พี่ฟงคะ คนแสดงเป็นหลิวปั๋ว หลิวเปี๋ย อวี้หลาน หลูโส่วเฉวียน เป็นดาราใหม่ทั้งหมดค่ะ





รูปวิวฮาร์บินไม่ค่อยมีค่ะ ไม่รู้เป็นอะไรเห็นชิวอิ่งรักษาคนแล้วนึกถึงหลิงเอ๋อร์ตลอดเลย

ภาพวันแถลงข่าวค่ะ








โดย: mamiya วันที่: 28 กันยายน 2551 เวลา:19:36:59 น.  

 
เรื่องนี้มีความตั้งใจดีที่จะใช้ภาษาญี่ปุ่นเมื่อคนญี่ปุ่นคุยกันเอง แต่แหม...ทำไม๊ไม่ทำให้ตลอด บางทีก็คุยกันเป็นจีน บางทีก็คุยกันเป็นญี่ปุ่น สุก ๆ ดิบ ๆ ไงก็ไม่รู้

ความเห็นส่วนตัวว่าเรื่องชุดญี่ปุ่นยังมีข้อตำหนิอยู่ ไม่เหมือนกิโมโน โดยเฉพาะชุดแต่งงานของมิชูกับอีหลาง ออกแนวจีน ๆ มากกว่า รวมทั้งพิธีชงชาด้วย ถ้วยชาใหญ่เกินไป ไม่สมจริง เหมือนดื่มน้ำร่วมสาบานมากกว่าดื่มชาค่ะ แต่ทหารญี่ปุ่นที่เอาคนจีนเล่นก็พอได้อยู่ นับว่าตั้งใจดีค่ะ


โดย: mamiya วันที่: 28 กันยายน 2551 เวลา:19:42:14 น.  

 
ระยะนี้เรื่องแนวนี้ออกมาเยอะจัง เป็นอันว่าเรื่อง "เย่มู่เซี่ยเตอฮาร์เอ่อปิน" นี้ประทับใจค่ะ เดี๋ยวคงต้องย้อนดูอีก

ตั้งแต่ดูมานาน ๆ นอกสายตาจะได้เรื่องสักที แต่ความชอบคงขึ้นกับผู้ดูด้วยกระมังคะ

ไว้เจอกันเรื่องหน้าค่ะ



โดย: mamiya วันที่: 28 กันยายน 2551 เวลา:19:44:59 น.  

 
อ้าว จบซะแล้วเหรอนี่

อย่างว่าแหละนะ ถ้าดาราต้องพูดญี่ปุ่นด้วยก็แย่เลย
แต่เดี๋ยวนี้ดาราบางคนพูดได้นะ ถ้าไม่ได้จริงๆคงต้องฝึก

เห็นดาราบางคนถึงขนาดไปเข้าคอร์สเลยก็มี เพื่อให้สมจริงนะ(นี่เรียกว่าตั้งใจจริงๆ)

ภาพสุดท้ายนี่ สวยดีค่ะ

สรุปว่าเรื่องนี้ มีคนรอดไหมนี่หรือว่าตายหมดโดยเฉพาะตัวเอกนะ
อีหมิน ชิวอิ่ง(น่าจะรอดนะ) อี้หลาน เหลือใครกันบ้างนี่



โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 29 กันยายน 2551 เวลา:12:23:25 น.  

 
แวะมาทักทายพี่มามิครับ
ยังอ่านเรื่องย่อไม่จบเลย เดี๋ยวกลับอ่านต่อครับ
เดี๋ยวอ่านจบแล้วมาคุยด้วยอีกรอบนะครับ
ได้ดูคลิปเพลง Beijing Huanying Ni ที่เฮียหมิง กับหูเกอร้องหรอยังครับ
มีนักร้องหญิงคนนึงในคลิปนั้นที่น้องเล็กชอบเธอมากเลย
เธอชื่อ เหลียงหย่งฉี ครับ ดูหญิงดีจัง

เอาลิ้งค์มาแปะให้คนอื่นดูด้วย

//www2.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000051704


โดย: หงส์น้อยแ๋ซ่เล็ก IP: 58.9.160.185 วันที่: 29 กันยายน 2551 เวลา:16:55:57 น.  

 
ตอนจบ ตัวละครไม่ดีหลัก ๆ ตายหมดค่ะ แต่อีหลางไม่แน่ใจว่าตายหรือเปล่า แต่เขาเดินขึ้นไปบนทางรถไฟและตอนหวูดรถไฟร้อง เสื้อคลุมของเขาก็ปลิวหล่นลงน้ำ มามิคิดว่าตายค่ะ เสื้อคลุมจะหลุดมาได้ไงสงสัยไม่รอด หรืออีกแนวหนึ่งคืออีหมินมาเห็นอีหลางพอดี และช่วยไว้ได้จากนั้นทั้งสองก็แยกจากกันทำหน้าที่ของตน แต่ภาพสุดท้ายมีแค่ที่เขียนข้างบน เหมือนเรื่องอะไรหนอของทีวีบี ที่โจวฮุ่ยหมินป่วยหนักไม่รู้ว่าตายหรือเปล่าแต่ผ้าพันคอปลิวไปตามลม เจ้าพ่อตลาดหุ้นหรือเปล่าหนอ? จำไม่ค่อยได้แล้ว

มามิมาคิดคำต่อว่าของหลิวปั๋วที่ว่าหากมือสังหารแม่ทัพนาคามูระในวันนั้นเป็นเขา รับรองวันนี้คนทรยศต้องเป็นอีหมิน คิดไปคิดมา ว่าจะจริงไหม มามิว่าหากมือสังหารเป็นหลิวปั๋ว งานคงไม่สำเร็จ เพราะเขาตื่นตระหนก ลุกลี้ลุกรน ไม่นิ่ง คงทำให้งานล้มเหลวไปแล้ว ดังนั้นคำกล่าวหานี้เป็นแค่ความคิดของเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว

ดูเรื่องนี้ใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ เพราะเล่นดูอย่างเดียวต่อเนื่อง แม้ไม่ได้ดูทุกฉากแต่ก็เดาได้ เก็บรายละเอียดของเนื้อเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากบางอย่างมันช้าเกินไป เวลามีจำกัด ต้องรีบไปดูเรื่องอื่นต่อ แต่เรื่องอุ้ยเสี่ยวป้อดูทุกฉากทุกตอนทุกคำพูด ก็แล้วแต่เรื่องกันไป เรื่อง “ต้าถังหยิวเสียจ้วน” ที่มามิรอคอยก็น่าเบื่อในบางตอนจนต้องหยุดไว้ มังกรหยกก็ต้องหยุดเหมือนกัน เพราะไม่ได้อย่างหวังสักเท่าไหร่ เรื่องที่ดูแล้วต้องหยุดเพราะหลับไปก็มีมากมาย เรื่องที่ทำให้นอนไม่ได้มีน้อย เลยต้องดูแล้วเก็บเรื่องดี ๆ ไว้มาแนะนำ

พี่ฟงคะตอนนี้ถ้าให้ดูเรื่องจอมนางกระบี่หงส์รอบสองมามิคงดูไม่ได้แล้ว เริ่มเบื่อแนวโบราณตามกาลเวลา แต่หนีไม่พ้นหรอกค่ะ เดี๋ยวหายเบื่อก็กลับมาดูอีก ตอนนี้ไปอ่านนิยายรักหวานแหว๋วเพื่อทิ้งห่างจากแนวกำลังภายในไปสักพักจะได้กลับมาสดชื่นใหม่ได้อีก ไม่ต้องกลัวนะคะมามิภักดีกับกำลังภายในอยู่แล้ว พอเบื่อก็ลองเปลี่ยนรสชาติดูบ้าง พี่คงเคยเห็นนิยายจีนหน้าปกผู้หญิงในภาพวาดสวย ๆ ใส่ชุดโบราณของแจ่มใส หนีไปอ่านแนวนั้นและค่ะ คืนละเล่ม เดี๋ยวก็คงอ่านได้หลายเล่มอยู่ มามิเห็นแล้วนึกถึงนิยายกำลังภายในที่เราอ่านกันอยู่ซึ่งออกแนวชาย แต่หวานแหว๋วนี่แนวหญิงจริง ๆ ค่ะเรียกได้ว่านิยายแนวผู้หญิ้งผู้หญิง ความจริงไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ อ่านแล้วประสมความเลี่ยนบ้างเพราะอาจเลยวัยหวานแหว๋ว แต่ก็ฉีกแนวรสชาติดีไม่จำเจ เหมือนกินอาหารกินอยู่แบบเดียวก็เบื่อไปกินอย่างอื่นบ้างล่ะค่ะ

ดูเรื่องนี้จบกลายเป็นว่าไม่มีอะไรดูไปเสียอีกแล้ว อ่านนิยายไปก่อนก็แล้วกัน

น้องเล็ก พี่มีเพลงนี้แล้วค่ะ จะพลาดได้ไง แต่ไม่เต็มเวอร์ชั่นค่ะ พี่รู้สึกว่าหนักกลองไปหน่อย เหมือนเพลงมาร์ชเลย ไม่รู้เวอร์ชั่นเด็มจะเป็นเพลงที่น้องเล็กลิงค์ให้หรือเปล่านะคะ ส่วนเรื่อง “ต้าฮั่นเทียนจื่อ”ที่เสี่ยวหมิงเล่น ไม่รู้ทำไม ขนาดตั้งใจดูอย่างนี้ยังหลับไปได้อีก เฮ้อ.....จะพยายามต่อไป


โดย: mamiya วันที่: 29 กันยายน 2551 เวลา:21:32:56 น.  

 
ยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ไม่วายสิน่า จะว่าไปแล้วดาราเนี่ยความจำดีนะคะ ต้องท่องบทยาว ๆ ถ้ามีคนมาช่วยต่อบทก็ยังพอไหว แต่ถ้าต้องพูดคนเดียวนาน ๆ นี่น่ะสิคะ

มีอยู่ฉากหนึ่งที่หวังอีหมินแสดงโดยลู่อี้ต้องสอนนักเรียน ท่องบทยาวมาก ไม่รู้มีคัทหรือเปล่า

หลี่เสี่ยวหรานพูดภาษาญี่ปุ่นด้วยในเรื่อง แต่มามิคิดว่าคงเสียงพากย์มากกว่าเพราะเสียงไม่ค่อยเหมือนกันกับเสียงจีน

ตอนนี้อ่านนิยายรักหวานแหว๋วรู้สึกว่ามันโป๊กว่าหนังกำลังภายในเยอะเลย เฮ้อ .....คงอ่านได้อีกไม่นาน



โดย: mamiya วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:21:54:02 น.  

 
เมื่อคืนนั่งดูซ้ำ ฉากที่พระเอกเข้าไปช่วยฮั่นเชาที่ถูกกักตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เท่ห์สุด ๆ ทั้งจิ้งเสียนและอีหมินเลยล่ะค่ะ

หลังจากช่วยแล้วพระเอกบาดเจ็บถูกยิงเข้าที่ท้องแต่ไม่บอกใคร ตัวเองเจ็บจะตายอยู่แล้วแต่บอกคนอื่นว่า ให้หนีไปก่อนจะระวังข้างหลังให้ พอขึ้นรถหนีไปได้ทุกคนส่งเสียงเฮแต่อีหมินเงียบไป เพื่อนก็มาเรีก "หวังอีหมิน หวังอีหมิน" แต่เขาสิ้นสติไปเสียแล้ว เพื่อนพลิกตัวอีหมินกลับมาจึงทราบว่าเขาบาดเจ็บแล้ว ทั้งหมดพาอีหมินไปรักษาแต่แน่นอนย่อมไปที่โรงพยาบาลไม่ได้ พวกมู่ปังเอาอีหมินกลับไปที่พรรคของต้น จิ้งเสียนร้องไห้และขอร้องให้หัวหน้าพรรคมู่ปังช่วยอีหมินให้ได้ หัวหน้าพรรคมู่ปังรับปาก ตอนนี้อีหมินเกือบตายถ้าไม่ได้ชิวอิ่งมาช่วยรักษา ฉากรักษาตื่นเต้นมากค่ะ เพราะข้างในห้องก็รักษากันไป ข้างนอกห้องพวกตำรวจก็มาขอค้นพรรคมู่ปัง หวาดเสียวมาก



โดย: มามิยะ IP: 58.8.187.65 วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:12:14:43 น.  

 
ยังค่ะ ยังไม่หายมันส์ในอารมณ์ มาเล่ากันต่อไป เล่นอันนี้กันดีกว่า

เล่าภาพจากฉากหนัง

ตอนนี้เป็นตอนที่หวังอีหมินบาดเจ็บและสลบไป แล้วถูกนำตัวไปพรรคมู่ปัง(พรรคท่อนซุง หน้าพรรคมีซุงเต็มไปหมด บ้านก็ทำด้วยซุง) จิ้งเสียนไปเรียกชิวอิ่งมาทำการผ่าตัดให้ค่ะ ส่วนด้านนอกห้องเป็นพวกญี่ปุ่นมาขอค้น ขณะที่ชิวอิ่งก็ต้องทำการผ่าตัดไปด้วย

ดูจิ้งเสียนสิคะ เธอร้อนรนขนาดไหน...



ตอนนี้เป็นตอนที่อีหมินถูกจับเนื่องจากไปช่วยตระกูลหลู เลยถูกทรมาน ไม่ว่าฉินเต๋อลี่จะทรมานอย่างไร อีหมิน ก็ไม่ร้อง ไม่ขอความเห็นใจ และไม่ยอมสยบ ฉินเต๋อลี่เลยพูดกับเขาว่า "ฉันชักจะชอบแกเสียแล้ว" ความหมายคือ ทนดี จะทรมานให้ตายไปเลย แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าสุดท้ายฉินเต๋อลี่ก็ยอมปล่อยอีหมินไป เพราะอย่างไรก็เป็นคนชาติเดียวกัน ความหมายว่าชักจะชอบ สงสัยจะชอบจริง ๆ เมื่อฉินเต๋อลี่ชอบความกล้าหาญของศัตรูเขาจึงต้องสังเวยด้วยชีวิต



ส่วนฉากนี้เป็นฉากที่หลังจากชิวอิ่งผ่าดัดให้อีหมินแล้ว พาเขามาพักรักษาตัวที่บ้านของเธอเพื่อหลบรอดสายตาของพวกตำรวจจีนและทหารญี่ปุ่น ชอบฉากนี้จัง ชิวอิ่งทำแผลให้อีหมิน


ภาพนี้ถูกใจเลยเอามาปะไว้ด้วยค่ะ



โดย: mamiya วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:22:00:49 น.  

 
เข้ามาดูภาพแจ่มๆค่ะ

ภาพที่นอนเจ็บอยู่นี่ สีหน้าดีจังค่ะ แต่ที่ถืออยู่ในมืออีหมินนี่เข็มฉีดยานี่นา (ไม่ยอมให้คุณหมอชิวอิ่นฉีดยารึไงจ๊ะ)

ภาพล่างก็เท่ห์ แต่ฉากไม่สวยเลยค่ะ (ปืนก็ดูเหมือนของเล่นไปหน่อยว่าไม๊)

ที่ถามถึงตอนจบว่าใครรอดบ้างนี่ เพราะทำใจว่าหนังแบบนี้ตัวเอกมักไม่รอดหรือไม่รู้ชะตากรรมอะไรแบบนี้นะ

ดูมากๆก็พลอยเศร้าไปด้วย ที่จริงถ้าเป็นหนังที่ได้แนวมาจากเรื่องจริงก็ทำใจได้นะ
แต่ถ้าสร้างเอง ไม่ค่อยอยากให้พระเอก นางเอกตายเลยค่ะ ไม่อยู่ด้วยกันไม่เป็นไร อยากให้มีชีวิตอยู่มากกว่า

2-3 วันมานี่เริ่มกลับมาไอใหม่อีกแล้ว ไม่ค่อยดีเลย
นอนไม่เต็มอิ่มด้วย

มามิจะไปงานสัปดาห์หนังสือรึเปล่าคะ พี่ยังไม่มีโปรแกรมเลย กลัวคนเยอะๆแล้วจะไม่ไหว
ถ้าจะไปอยากไปวันธรรมดามากกว่าเสาร์-อาทิตย์ค่ะ

หนังกำลังภายในนี่ สำหรับพี่ก็คงเหมือนกันค่ะ ช่วงไหนติดก็ดูมันได้เป็นเดือนๆ แล้วก็หยุดไปเหมือนกัน
แต่ไม่มีทางเบื่อหรอกค่ะ

จริงสิ พี่จะถามมามิหน่อย จำเรื่อง "ฮวากูจือ" ที่เสี่ยวไห่เล่นใช่รึเปล่าคะ
มามิมีแผ่นเรื่องนี้รึเปล่าคะ จะรบกวนไปไหมคะ ถ้าจะขอยืมมาดู
คุยกับน้องเล็กเรื่องเสี่ยวไห่แล้วก็นึกถึงเฮียฉิว
พี่ก็บอกไปว่านี่ๆๆๆ เสี่ยวไห่เล่นเรื่องนี้นะ แต่เจ้าตัวนึกไม่ออก
น้องเล็กก็เลยอยากดูเรื่องนี้ (พี่ก็อยากดูด้วยเหมือนกัน)ไม่แน่ใจว่ามีขายรึเปล่า
ถ้ามีขายก็อยากได้มาเก็บไว้เหมือนกันค่ะ

ถ้ายังไง มามิ ตอบให้พี่รู้ด้วยนะคะ





โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:17:44:42 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ฟง

เพิ่งสังเกตเห็นว่าในมือมีอะไรบางอย่าง แต่ตอนนั้นในฉากนี้ไม่มีเข็มฉีดยานี่นา เป็นฉากที่พระเอกนอนอ่านหนังสือ แล้วชิวอิ่งก็เข้ามาดูบาดแผลให้ หรือว่ามันจะเป็นปากกาหว่า? ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่เรื่องนี้ชิวอิ่งทำแผลให้อีหมินหลายต่อหลายครั้งค่ะพี่ มามิชอบอยากให้พระเอกเจ็บตัวบ่อย ๆ จะได้มีคนมาดูแลให้ ซาดิสต์ไปไหมคะ?

เล่าเพิ่มอีกนิด พ่อของอีหมินเป็นนักเขียนลายมือ(ซูฝ่าเจีย)ชื่อดังที่เคยมีสัมพันธ์คบหากับพ่อชิวอิ่งค่ะ และบ้านเดิมของพระเอกอยู่ที่จี๋หลิน ไม่ได้อยู่ฮาร์บิน ตอนมาอยู่ใหม่ ๆ (ไม่มีฉายแต่จากคำสนทนาของตัวละคร) น่าจะไปเช่าบ้านของหญิงรัสเซียคนหนึ่งที่พูดจีนได้ดี ผู้หญิงคนนี้ชื่อเสวี่ยะเหมย และแน่นอนล่ะค่ะ คุณสมบัติของอีหมิน สาวรัสเซียก็อดแอบชอบเขาไม่ได้ มามิชอบเรื่องที่ไม่ได้ฉายแต่ตัวละครพูดกันแล้วทำให้คนดูคิดจินตนการพฤติกรรมของตัวละครต่าง ๆ ได้ คิดไปแล้ว เวลาบ้านเมืองเกิดเหตุการณ์ กลุ่มคนที่มักจะออกมาแสดงบทบาทบางอย่างก็มักจะเป็นปัญญาชนนะคะ ชาวบ้านร้านตลาดคงไม่รู้เรื่องด้วย และไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับบ้านเมือง แต่พวกปัญญาชนนี่แหละกลุ่มแรกเลย ตอนนี้มามิอยากอ่านนิยายเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ

ถามว่าใครรอดบ้าง ฉากสุดท้ายทิ้งท้ายไว้ให้คิดกันน่ะค่ะ คิดว่าอิจิโร่(อีหลาง)น่าจะฆ่าตัวตายค่ะ มิชูก็กลายเป็นเหม่อ ๆ ท่าจะเกิดจากความเสียใจ ชิวอิ่งหนีกับแม่ไปจากฮาร์บินได้ค่ะ ส่วนอีหมินยังอยู่ที่ฮาร์บินต่อเพื่อปฎิบัติหน้าที่ให้ลุล่วง แต่ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะรอดหรือเปล่า อีหมินบอกว่าหากรอดตายไม่ว่าชิวอิ่งไปอยู่ที่ไหนเขาก็จะตามหาให้เจอ ฉากนี้ชิวอิ่งเข้ามากอดอีหมิน เหมือนจะรักกัน แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเพราะตอนก่อนที่อีหมินจะรับปากประกาศลงหนังสือพิมพ์ว่าจะแต่งงานกับชิวอิ่งนั้น เขาตั้งเงื่อนไขว่า ในอนาคตหากชิวอิ่งต้องการแต่งงานกับใคร หรือเขารักใครก็ต้องมีอิสระของตนเอง พ่อของชิวอิ่งก็รับปาก เพราะอยากให้อีหมินมาเป็นโล่ห์กันกระสุนให้กับลูกสาวของตน

งานหนังสือไปแน่นอนค่ะ คงไปเย็น ๆ หลังเลิกงาน แล้วก็ไปซ้ำเสาร์ใดสักเสาร์หนึ่ง แต่ตอนนี้เดินคนเยอะ ๆ ก็มึน ๆ และอึดอัดมากค่ะ สงสัยจะเพราะอายุเยอะแล้วกระมังคะ งานนี้มามิหมายตาหนังสือไว้หลายเล่มเลยค่ะ หมายตาไว้มากกว่าครั้งอื่น ๆ อีกด้วยค่ะ

เรื่อง “ฮวากูจื่อ” เป็นเรื่องหนึ่งที่มามิดูฉากเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเสียวไห่จะกลายเป็นคนในครอบครัวไปแล้ว อิ อิ ตู่เอาเอง ชอบมากค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ดูแล้วค่ะ ฉากที่มามิชอบคือฉากที่จงซู่ชิวนำตัวเถาจุ้ยมารักษาที่บ้านแล้วเถาจุ้ยตื่นขึ้นมาพบว่านอนอยู่บนตักของซู่ชิว กับฉากที่ซู่ชิวสารภาพต่อหน้าคนทั้งหลายว่ารักเถาจุ้ย พอเถาจุ้ยได้ยินแล้วก็เดินออกไปทันที(เพราะตัวเองเป็นปีศาจเลยไม่กล้ามีความรักกับมนุษย์) ฉากที่เถาจุ้ยร่ายมนต์ให้เจ้าเมืองปล่อยตัวเฮียฉิว(ชื่อในเรื่องจำไม่ได้)แต่ต้วเองเสียพลังมาก เลยบาดเจ็บ และฮวากู่จื่อก็ไม่ใส่ใจเขาสักนิด ดูซ้ำไปซ้ำมา ดูจนพอใจ และอิ่มหนำสำราญใจค่ะ

น่าแปลกที่มามิก็ชอบเรื่อง “นี่สุ่ยหาน” มาก แต่ไม่ค่อยหยิบมาดูซ้ำเลยค่ะ ความประทับใจที่ไม่ต้องดูซ้ำค่ะ อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้เคลียร์ทุกอย่างในตอนจบก็ได้ ส่วนฮวากู่จื่อไม่ค่อยเคลียร์เลยต้องมาทบทวนความรู้สึกของตัวละครกันหน่อย เรื่องนี้ไม่มีขายค่ะ เท่าที่ทราบ แต่พี่จะยืมไปดูก็ได้เลยค่ะ ให้น้องเล็กมารับไปก็ได้ค่ะ มีเป็นวีซีดี 30 กว่าแผ่น ส่งทางไปรษณีย์คงหนัก จะมารับวันไหนก็บอกไว้ได้เลยค่ะ จะได้เตรียมไว้ให้ได้ถูกวัน

อ้อ เรื่องฮวากู่จื่อ มีเพลงเพราะด้วยค่ะ ชื่อเพลง "ซันเซิงโหย่วซิ่ง"(วาสนา3 ภพ) แต่มามิเชิร์สไงก็ไม่เจอ ไปเจอเพลงอื่นที่ชื่อเดียวกันแทน หรือเจอก็ลิงค์ตายไปเสียแล้ว เศร้าใจจัง

พี่ชอบดูการ์ตูนไหมคะ ตอนเบื่อมามิก็หันมาดูการ์ตูนด้วยล่ะค่ะ ดูหลายเรื่อง มีเรื่องที่ชนะใจมามิ ชื่อเรือง "แบล็คแจ็ค" ค่ะ ตัวเองเป็นหมอศัลยกรรมมือหนึ่งค่ะ ตอนเด็กเคยโดนระเบิดจนร่างฉีกและมีหมอช่วยไว้ ต่อมาเขาได้กลายเป็นหมอชื่อดัง รักษาคนรวยด้วยค่ารักษาแพง ๆ และรักษาคนจนฟรี ๆ มีพฤติกรรมคล้าย ๆ "จอมยุทธ" เลยล่ะค่ะ


โดย: mamiya วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:21:26:25 น.  

 
ฉากนี้เป็นฉากที่เหออีผิง ออกลายความสารเลวในสันดานมาให้ซู่เฟยได้เห็น อีผิงหลอกซู่เฟยว่าจะช่วยน้องชายของเธอที่ถูกจับไปเพราะเดินขบวนต่อต้านญีปุ่นออกมาให้ได้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องหมั้นกับเขา ซู่เฟยอยากช่วยน้อง เลยรับปาก แต่ก่อนวันหมั้นอีผิงเข้าไปเยี่ยมน้องซู่เฟยและรู้ว่าเขาถูกยิงตายแล้ว อีผิงยังไม่วายเอาเรื่องช่วยน้องมาเป็นข้ออ้าง บีบให้ซู่เฟยยอมหมั้นด้วย คืนหมั้นอีผิงได้ตัวซู่เฟยแล้ว ก็ยังไม่ยอมบอกความจริง กว่าซู่เฟยจะรู้ เธอรู้สึกว่าชายคนนี้สารเลวจริง ๆ



โดย: mamiya วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:21:34:12 น.  

 
ฉากนี้เป็นฉากในความฝัน หากอีหลางกับซิวอิ่งแต่งงานกัน พวกเขาคงมีความสุขและในขณะเดียวกันก็มีความทุกข์ด้วย



โดย: mamiya วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:21:36:00 น.  

 
ฉากนี้อีหมินถูกตำรวจจีนจับไปทรมาน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับตระกูลหลู จนถูกสงสัยว่าจะเป็นพวกก้งฉานตั่ง ฉินเต๋อลี่ทรมานอีหมินซะหมดสภาพเลยล่ะค่ะ







โดย: mamiya วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:21:38:21 น.  

 
คนนี้คือ หลูโส่วเฉวียน น้องชายของหลูชิวอิ่ง ที่สุดท้ายกลายเป็นบ้าเพราะเห็นญีปุ่นยิงผู้กำกับตายคาเวที ตัวละครตัวนี้บ้าการแสดงเป็นอย่างมาก คำพูดคำจาในชีวิตประจำวันยังเป็นบทละคร บทกวีเลย

อินบทมากไป และเป็นคนอ่อนไหว จึงถูกคนชั่วเหออีผิงทำร้ายจนตายในที่สุด

แหม...ถ้าโส่วเฉวียนไม่บังคับแกมขอร้องชิวอิ่งให้ไปดูละครที่เขาเล่น ชิวอิ่งจะไปเจออีหมินได้ยังไงล่ะคะ อิ อิ



โดย: mamiya วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:21:42:04 น.  

 
นี่เบื้องหลังค่ะ หม่ำเค้กกันหย่าย....



ยิ้มกันเข้าไว้ น่าจะหลังฉากเพราะในเรื่อง ตัวละครจะเครียด ๆ กันทั้งนั้น




พี่ฟงคะ ข่าวดีคือ ว่า สามก๊ก จะมีหวงเวยเต๋อและลู่อี้เล่นด้วยล่ะคะ มามิจะตั้งตารอ ร้อ รอ และรีบหามาดูให้ได้เมื่อหนังออกมาค่ะ


โดย: mamiya วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:21:51:26 น.  

 
เวลาเปิดแล้วภาพมันไม่ค่อยจะขึ้นแล้วค่ะ
เข้าใจว่าช่วงนี้sever ที่ออฟฟิศมีปัญหาค่ะ ตัวหนังสือนะขึ้นค่ะแต่ภาพ โหลดนานมากพอหยุดก็เป็น x ไปหมด
ไม่มีภาพค่ะ 5555

ฉากนี้เป็นฉากในความฝัน หากอีหลางกับซิวอิ่งแต่งงานกัน พวกเขาคงมีความสุขและในขณะเดียวกันก็มีความทุกข์ด้วย

ภาพไม่ขึ้นซะแล้ว แง...ไม่เห็นฉากซึ้งๆเลย


ว่าแต่ว่าสามก๊กที่หวงเว่ยเต๋อกับลู่อี้เล่นนี่ใครกำกับคะ
คงอีกนานมั๊งกว่าจะได้ดู

ถามเรื่องการ์ตูนรึคะ ถูกคนแล้วค่ะ พี่เป็นสาวกของการ์ตูนด้วยนะคะ นอกจากนิยายจีน
Black Jack ของเท็ตสึกะ โอซามุ ดูสิคะมามิ ทั้งหมดตอนเขียนเป็นการ์ตูนมี 56 ตอน

ตัวโอซามุเสียชีวิตไปหลายสิบปีแล้ว แต่การ์ตูนเรื่องนี้เคยออกฉายเมื่อตอนพี่ยังเด็กๆเลย นี่เอากลับมาทำใหม่ค่ะ
ภาพคมชัดขึ้นมาก เหมือนเรื่องเจ้าหนูปรมณู หรือAstro boyนะแหละค่ะ

รู้สึกว่า Black Jack จะมีภาคพิเศษด้วย พี่ไม่แน่ใจว่าเนื้อเรื่องเดิมโอซามุแต่งไว้รึเปล่า หรือค่ายหนังเอามาสร้างใหม่เองค่ะ
ตัวจริงของโอซามุก็จบแพทย์นะ เอาความสามารถจริงมาเขียนการ์ตูนด้วย แจ๋วจริงๆค่ะ
แต่บางตอนก็เว่อร์มากๆค่ะ โดยเฉพาะกำเนิดพิโนโกะ
เด็กหญิงที่อยู่กับblack jack นี่ พอรู้ว่าเกิดมาได้ยังไงนี่ โอ้ สุดยอดความคิดจริงๆ (มันเว่อร์มั่กๆค่ะ แต่ก็สนุกมากๆด้วย)

อ้าว อ้าว ไปถึงไหนแล้วล่ะนี่ คุยเรื่องอีหมินอยู่นี่นา
คงเป็นเพราะชิวอิ่นเป็นหมอใช่ไหมคะ มามิถึงดู Black jack ด้วย นึกถึงหลิงเอ๋อร์เลยค่ะ

เรื่องฮวากูจื่อ แล้วพี่จะให้น้องเล็กไปรับก็แล้วกันค่ะ
ขอบคุณนะคะ มามิ


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:7:59:56 น.  

 
ว่าแต่ว่าสามก๊กที่หวงเว่ยเต๋อกับลู่อี้เล่นนี่ใครกำกับคะ
คงอีกนานมั๊งกว่าจะได้ดู

ผู้กำกับเกาซีซีค่ะ คนที่กำกับเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ภาคเสี่ยวหมิงค่ะ อีกนานกว่าจะได้ดูค่ะ อยากดูเร็ว ๆ จังเลยนะคะ

ตอนนี้บ้าลู่อี้อยู่ค่ะ เขาเล่นเรื่อง "ซูตงปอ" ด้วย ต้องล่ามาดูให้ได้เล้ย


ดูภาพกันต่อค่ะ

อีหมินกำลังสอนหนังสือค่ะ





อีหมินเล่นบาสค่ะ


อีหมินรับข่าวสารจากจิ้งเสียน เธอมักจะกำชับเขาเสมอว่า "ระวังตัวด้วย"


อีหมินเดินถนน


หวังอีหมิน


มองหาอะไรไม่รู้




โดย: mamiya วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:22:27:23 น.  

 
กำลังบ้าอีหมิน ดูมากจนฝันถึงเลย อีหมินอีกจ้า

ตอนนี้เป็นตอนที่อีหมินขี่ม้าไปช่วยคนที่โดนทหารญี่ปุ่นยิงที่ลานหน้าโบสถ์


บุกเข้าไปสังหารคนทรยศในโรงพยาบาล


ลอบสังหาร


โดย: mamiya วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:23:07:02 น.  

 


โดย: mamiya วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:23:09:29 น.  

 
ข้างบนเป็นคลิปรวมคำพูดเด็ด ๆ ของอีหมินค่ะ อยากอ่านนิยายจังเลย อาทิตย์นี้อ่านนิยายรักหวานแหว๋วไปสี่เรื่อง เอียนเต็มที ทนไม่ไหว เปลียนรสไม่ได้นานกลับมาอ่านกำลังภายในเหมือนเดิมดีกว่า พี่ฟงคะ นิยายรักวัยรุ่นความจริงมันก็โป๊นะคะ โป๊กว่านิยายกำลังภายในเสียอีก(หวงอี้ไม่เกี่ยวนะคะงานนี้ ขอยกเว้นไปเลย) หันมาอ่านนิยายที่ตัวละครดูมีเลือดมีเนื้อดีกว่า อย่างหวังอีหมินนี่คล้าย ๆ ชาวยุทธจักรเหมือนกันนะคะ มามิคงเลิกชอบจอมยุทธไม่ได้เสียแล้ว

บทสนทนาเรื่อง "ฮาร์บินในยุคมืด" นี้ก็ดีค่ะจริง ๆ ควรแปลตรง ๆ ว่าฮาร์บินในม่านราครีมากกว่านะคะเนี่ย อ้อ อีหลางตายค่ะ เพราะตอนสุดท้ายมีนักเรียนมาท่องกลอน เขาเขียนว่ามาท่องกลอนเพื่อเคารพศพอีหลางค่ะ

พี่ฟงคะ อีหลางตาย ชิวอิ่งก็คงจะคู่ใครไม่ได้นอกจากอีหมินใช่ไหมคะ ถ้ามามิเป็นชิวอิ่งล่ะก็จะเลือกอีหมินอย่างแน่นอนค่ะ พ่อก็บอกว่าเขาดี เก่ง ฉลาด ใจเย็น เข้มแข็ง รอบคอบ ในหนังบอกว่านักฆ่าคนนี้หน้าตาหล่อเหลามาก หลายต่อหลายครั้ง แหม เฟอร์เฟ็ค เสียอย่างเดียวไม่อยากมีความรัก นี่ก็โดนอีก แหะ แหะ ต้องงี้สี เรื่องงานเพื่อชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน อีหมินชอบสอนหนังสือและรักนักเรียนมากค่ะ นักเรียนก็รักเขามากเช่นกัน ตอนถูกยิงอีหมินลากิจไปหลายวัน พวกนักเรียนคิดถึงกันมาก พอเขามาสอนท่าทางอ่อนเพลีย นักเรียนเลยเป็นห่วงกันใหญ่

มามิ...เป็นอะไรไปแล้วคะพี่ฟง สองสามสี่ห้าวันนี้ ........โรคฮาร์บินกระมังคะ ไม่ได้ ไม่ได้ต้องหานิยายมาอ่าน....อ้าก(เกือบลงแดง เพราะความอยากอ่านนิยาย)

พี่ฟงคะลองดูประมวลภาพในเอ็มวีข้างบนนะคะ พี่จะเห็นฉากขว้างมีด โอ๊ะโอ....แม่นหลาย ๆ


เอ้าดูพ่อบ้าง พ่อของชิวอิ่งชื่อหลูวิ่นฉี หรือ หลูกง




โดย: mamiya วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:23:29:58 น.  

 
ดูจากการแต่งตัวและเสื้อผ้าตัวละคร
ฮาร์บินนี่คงหนาวน่าดู เท่าที้ทราบ ก็ติดลบเกือบ10
หรืออาจมากกว่าด้วย อยู่ติดกับรัสเซียนี่นา
คงได้รับวัฒนธรรมและภาษารัสเซียมาบ้างหรอกค่ะ
ที่เห็นป้ายบางอย่างในเรื่อง น่าจะเป็นภาษารัสเซียจริงๆ

มามิกำลังเป็นโรคอีหมินละสิ เหมือนตอนโค้วอิงเจี๋ยเลยนี่นา ตอนนั้นก็หายใจเข้าออกเป็นเสี่ยวไห่ๆ

มีช่วงที่เป็นโรคเฉินคุนด้วยนี่นา แบบว่าปล่อยผมสยายแล้วเท่ห์สุดๆ อะไรแบบเนียะ
ไม่เป็นไรค่ะ โรคพวกนี้มาเป็นพักๆ ตามระยะเวลากับหนังที่ดู แถมเป็นโรคที่ไม่เป็นอันตรายด้วย 555

วันนี้เน็ตน่าจะดี ภาพเมื่อวานเริ่มมาแล้วค่ะ อืมมมม ได้เห็นภาพอีหลางกับชิวอิ่นแล้ว โรแมนติกจัง

ลูอี้เล่นเป็นซูตงปอ จีนกลางออกเสียงว่า โซวตงปอ ใช่รึเปล่าคะ เป็นกวีที่มีชื่อเสียงมากเลยนี่นา
งั้นก็ต้องเป็นหนังย้อนยุคละสิ
ว่าแต่หนังดีๆแบบนี้จะได้เข้ามาให้ชมกันไหมนี่
ทุกวันนี้มีแต่ซีรีส์เกาหลี เบื่อจะแย่แล้วค่ะ

เสียดายว่าเดี๋ยวนี้แปะไอคอนไม่ได้ เสียอารมณ์ไปเยอะเลยค่ะ

นิยายรักหวานแหว๋ว พี่ไม่ค่อยอ่านค่ะ (สมัยก่อนตอนยังวัยสะรุ่นก็อ่านเหมือนกันแต่เป็นของโสภาคค่ะ)
ที่ว่านิยายพวกนี้โป๊นะ เป็นความจริงค่ะ ตัวอักษรที่บรรยายนะมันทำให้คนอ่านนี่สร้างอารมณ์ประเภทนี้จริงๆ
พวกเด็กๆมัธยมเดี๋ยวนี้ชอบอ่าน ยิ่งพวกหน้าปกเป็นรูปการ์ตูนหวานๆด้วยแล้วพี่เห็นอ่านกันเยอะเลย
เวลาเข้าร้านหนังสือ ก็จะเห็นมุมหนังสือพวกนี้มีแต่เด็กๆมัธยมทั้งนั้น แล้วนิยายพวกนี้ก็ออกใหม่ๆได้ทุกเดือนนะ แปลกดี

ภาพในเอ็มวี ไม่ขึ้นค่ะ มามิ เน็ตที่ทำงานคงไม่ได้ เดี๋ยวต้องกลับไปเล่นที่บ้านดูค่ะ

ภาพบนที่อีหมินถูกทรมาน ดูไม่ค่อยสมจริงเลย มามิ
ก็เชือกที่ผูกข้อมือนะเหมือนพันไว้เฉยๆ แต่ภาพมันเล็กค่ะ ไม่ค่อยชัด ในหนังจริงๆคงไม่เป็นแบบนี้นะ

เวลาดูฉากพวกนี้ บางทีถ้าคนเซ็ทฉากไม่ระวังมันก็ทำให้ออกมาให้จับผิดจริงๆ (รึเราจะคิดมากไปเอง)

คุณครูอีหมินสอนวิชาอะไรคะ ประวัติศาสตร์รึเปล่า ครูหล่อๆแบบนี้ นักเรียนรักตายเลยค่ะ (ว่าเข้าไปนั่น)

หมดเวลาอีกแล้วค่ะ ต้องไปทำงานก่อนค่ะ (^_^')








โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:7:53:14 น.  

 
พี่ฟง ฮาร์บินหนาวมาก ๆ ชุดเลยสวย แต่งกันอย่างนี้ทั้งเรื่องอ่ะค่า

มามิก็เดาว่าป้ายตามร้านรวงต่าง ๆ เป็นภาษารัสเซียนะคะ

แหะ แหะ....ยังขาดอีกคนค่ะพี่ หวงเวยเต๋อค่ะ ตั้งแต่อิงเจี๋ย(เสียวไห่) ดูหนังแล้วผิดหวังค่ะ ตอนนั้นกริ๊ดอิงเจี๋ย แต่พอได้หนังมาดู ค่อย ๆ เบื่อแล้วก็เลิกบ้าโค่วอิงเจี๋ยไปเลย แล้วก็เฉินคุนในบทฟ่านหลี โหย....เล่นเอามามิหาประวัติฟ่านหลีกันควั่ก แล้วยังหาประวัติเฉินคุนอีกด้วย แต่พี่คะ ตอนนี้จะบอกจริง ๆ เฉินคุนดู "เหนียงเหนียงเชียง" (ท่าทางเหมือนผู้หญิง)ไปหน่อยอ่ะค่า แต่ก็ยังดูได้ค่ะ ประวัติฟ่านหลีนี่มีแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยนะคะ ต่อมาก็หวงเวยเต๋อจากเรื่อง "ตงฟังป้าจู่" ตอนนี้ก็ยังเอากลับมาดูฉากบู๊บ้าง แต่หวงเวยเต๋อ มามิสังเกตว่าเขามักจะไม่รู้จะวางมือตัวเองไว้ที่ไหน เลยชอบเท้าเอวประจำ โดยเฉพาะบทสุดโปรดของมามิคือบท "เถี่ยหมอเล่อ" (จากเรื่องต้าถังหยิวเสียจ้วน กำลังดูอยู่แต่หยุดดู ณ ขณะนี้ เพราะเบื่อการเปลี่ยนบท ไม่ได้เปลี่ยนจนเสีย แต่ไม่ชอบ ชอบเถี่ยหมอเล่อแบบในหนังสือมากกว่าค่ะ) ต่อมาก็เสี่ยวหมิง แต่อาจเป็นเพราะชอบเสี่ยวหมิงในบทเสียวเป่าเลยชอบเสี่ยวหมิงไปด้วย อันนี้ไม่ค่อยจะนานเท่าไหร่

เสียวไห่ชอบนานหน่อย ถึงไม่ค่อยหล่อแต่ก็เล่นหนังเก่งค่ะ มาปัจจุบันชอบลู่อี้หรือชอบบทนี้ มามิว่าชอบบทอีหมินที่ลู่อี้เล่น เลยพลอยชอบลู่อี้ไปด้วยน่ะค่ะ ลู่อี้เดินสวย และใส่เสื้อผ้าสวยเพราะหุ่นดี(ลู่อี้แต่งงานแล้วนะคะ เท่าที่รู้)บทนี้เข้ากับเขามาก ๆ แต่มามิคิดว่าเล่นหนังกำลังภายในไม่สวย ไม่เหมือนเสี่ยวหมิงกำลังภายในก็ได้แต่สมัยใหม่ก็ดูดี ลู่อี้กับเสี่ยวหมิงเหมือนกันตรงที่ยิ้มไม่สวย ยิ่งเสี่ยวหมิง ไม่ยิ้มจะดีกว่า ยิ้มแล้วจะดูหน้าตาประหลาด ๆ และโรคจิตยังไงก็ไม่รู้ ลู่อี้ถึงจะยิ้มไม่สวยแต่ก็ยังเบากว่าเสี่ยวหมิง หมายถึงระดับความไม่สวยของรอยยิ้มน่ะค่ะ

ไป ๆ มา ๆ มามิก็ดูอยู่หลายคนนี้แหละค่ะ ส่วนดาราหญิง ชอบนางเอกเรื่อง "ตงฟังป้าจู่" ชื่อ ซือเยี่ยน ลืมแซ่ไปแล้วค่ะ แหะ แหะ......ส่วนอีกคนที่ชอบก็หวังเยี่ยนแต่เธอแต่งงานเลี้ยงลูกไปเสียแล้ว ตั้งแต่องเหม่ยหลิง มามิยังไม่เคยชอบใครมาก ๆ เลยสักคน หลีเสี่ยวหรานก็ดูได้ บางฉากดูสูงวัยไปนิ้ดนึงค่ะ

ฉากทรมานภาพที่เหมือนเอาเชือกพัน มามิเดาเองว่าจะเป็นภาพนิ่งถ่ายโปรโมท เดี๋ยวจะลองไปจ้องในหนังอีกทีค่ะ

วันนี้ขณะกำลังเขียน ฟ้าร้องอีกแล้วทั้ง ๆ ที่ฟ้าไม่มืด ฝนคงจะตกอีก พี่ฟงระวังสุขภาพด้วยนะคะ มามิก็ต้องกินยาต่อเนื่องจนถึงตอนนี้เหมือนกัน สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญมาก ตอนป่วยทำอะไรไม่ได้อย่างที่ใจอยากทำ จะรู้สึกแย่มากเลยค่ะ

เจ้านิยายวัยรุ่นที่ว่านี้ ออกมาเยอะจริง ๆ นะคะ อ่านแล้วห่วงเด็กวัยรุ่นเหมือนกัน แต่ว่ามามิคงเต่าล้านปี เพราะน้อง ๆ ที่ยืมไปอ่านเขาบอกว่า "นิดเดียวเอง" แล้วำไมเรารู้สึกว่ามันเยอะ สงสัยจะมีช่องว่างกันเสียแล้ว หรือไม่เราก็เป็นน้อง "โบ" โบราณ ไงคะ.....อิ...อิ... แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะมามิยังเป็นน้องอัลด้วย อัลไซเมอร์ค่ะ เดี๋ยวก็ลืมหมดแล้ว

อ้อ...โรคลืมมาเยือนมามิแล้วค่ะพี่ ลืมง่ายไปหน่อย ต้องกินแปะก๊วยให้มากสักนิด (หาข้ออ้างกินอีกแล้ว สารช่วยจำมันมีที่ใบแปะก๊วยหรือที่เม็ดมันก็ไม่รู้นะคะ อ้างไว้ก่อน)

พาพี่ฟงกลับมาที่อีหมินอีกครั้งหนึ่ง เมื่อคืน มือแทบหักเซฟรูปอีหมินซะขนาด โอย อัพไม่ขึ้นเลย เดี่ยวมาอีกค่ะ

ทานข้าวกลางวันหรือยังคะพี่?


โดย: mamiya วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:11:57:32 น.  

 
เริ่มดึกอีกครา มามิมาพร่ำหาคนคนนั้น....หวังอีหมิน

ฉากนี้ชุดแบบนี้ ถ้าจำไม่ผิด หลังจากอีหมินไปลอบสังหารคนทรยศคนแรกแล้ว จิ้งเสียนบาดเจ็บเพราะถูกยิง เขาจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดแล้วออกไปซื้อยารักษาจิ้งเสียน



โดย: mamiya วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:20:45:54 น.  

 
王一民



Wang Yi Min



那天,你在课堂上讲解苏轼的醉翁亭记。你说,“醉翁亭记,是中国古代的名篇名章。为什麼这麼有名呢?这看上去不就是一篇游山玩水的闲记吗?欧阳修先生看到了山川石涧,风光山色,高兴了,喝醉了,著文记事,就有了这篇游记,仅此而已。这麼看醉翁亭记,真是焚琴煮鹤,太煞风景了。要看懂此文,一定要看此文的文意:醉翁之意不在酒,在乎山水之间也。他游山玩水,山,望之蔚蓝而深秀,真是好山;水,泻出於两峰之间,绝美好水。他喝醉了,陶醉了,山水之乐,得於心而寓之酒也。有这般好山好水,不醉何为?山中有前呼后应,老者和幼儿,领著扯著,呼著唤著,逶迤而行,一路缕缕行行,来著来,去者去,各忙各的,捕鱼的临深溪,鱼真肥大,真是好一派安逸的田园牧歌呀!不独你向往,我亦向往之。田园美好,炊烟飘直,夕阳西斜,牛羊唱晚,牧童吆归,老妪倚望。好一幅田园美景图!可是现在,我看不见了,没有了!欧阳修先生要是在今天,他会不会写出醉翁亭记呢?写不出来!真的写不出来了!‧‧‧欧阳修先生为何流连山水,徘徊不去?山水间有平和,有爱意,有深情,有至美,此山此水,此生难得,珍惜它,画下它,不要糟塌它。一炉寁行,惹无数风骚客称赞。散文之意,也就在其中了!”


**หาฉากนี้ไม่เจอ เอารูปนี้แทนไปก่อน ความจริง ข้างล่างที่อีหมินพูด พูดตอนกลางคืนอ่ะจ้า

一民 :“静娴,我们同志那麼多年,有多少次死里逃生你是亲眼看到的。我现在身上的枪伤还没好,这一枪打在腹部,如果手再往上抬一点点,我今天就不可能和你站在这儿,你让我怎麼敢去爱呢?我从来没有对一个女人说过爱,更不敢想和一个女人去结婚生子。像我这样天天拼命,天天流血,哪个好姑娘嫁给我会得好?自从我参加了革命,我的生命就不是我自己的了。我就发过一回慈心,就是把汉超的老婆孩子接来哈尔滨,但是没想到,让石玉芳陪上了性命。看著汉超我心里想,我不能去爱,不能结婚,我既然不能和心爱的女人相爱一辈子,就不能爱我的女人为我痛苦一辈子!”

静闲:“你不对女人说爱,女人就不心痛了吗?”

一民 :“静娴,如果我侥幸活到胜利的那一天,我会对我心爱的女人说的!”

静闲:“..................”

一民 :“我先走了”




静闲:“一民,你不能再领著我了,还记得小时候,你总领著我吗?”

一民 :“记得,我都记得!”

静闲:“男人粗心,女人记得的事,男人大都不记得了!刘勃,刘勃打了我两枪,去医院动手术,医生问我,有没有亲人?有没有丈夫?我很想说有!想说你的名字!可是我不能,他们正要抓你!卢医生来了,她帮我签了字,动了手术,她说,有她在,我死不了。一民,你娶她吧!她也爱你!”

一民 : “不!我不会娶她的!”

静闲: “一民,她真的爱你。她嘴不说,但她心里...(咳咳...)你能娶她,她就能照顾你。像你这样,得有个人照顾。一民,我真自私,你知道吗?有爸爸在,有他陪我,我们又能在一起......”






โดย: mamiya วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:21:57:56 น.  

 
ระกับความคลั่งมาพร้อมกับการอัดภาพ เยอะ ๆ ฮ่า ฮ่า


ชิวอิ่ง - อีหมิน








































โดย: mamiya วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:22:51:16 น.  

 
ได้ข่าวว่าที่เมืองจีนกำลังฉายและเรตติ้งดีมาก ๆ เลย มิน่าล่ะลู่อี้ถึงมีงานใหม่เข้าอีกหลายเรื่อง เรื่องต่อไป ตอนนี้กะว่าจะดูเรื่อง "เจีย" (บ้าน) ที่เขาเล่น ไม่แน่ใจว่าเสี่ยวหรานเล่นด้วยหรือเปล่า? เล่นเน็ตมากชักปวดตา

ไปอ่านนิยายต่อนะคะ เจอกันใหม่ค่า


โดย: mamiya วันที่: 5 ตุลาคม 2551 เวลา:21:08:45 น.  

 
ถ้าเล่นเน็ตกลางวันนี่ภาพไม่ขึ้นเลยแฮะ

พาพี่ฟงกลับมาที่อีหมินอีกครั้งหนึ่ง เมื่อคืน มือแทบหักเซฟรูปอีหมินซะขนาด โอย อัพไม่ขึ้นเลย เดี่ยวมาอีกค่ะ

เวลาใช้เน็ตมากๆ จะปวดข้อมือและรู้สึกเหมือนนิ้วจะเริ่มเกร็งด้วย ให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยการขยับข้อมือ
แล้วก็หยุดเล่นซักพักนะคะ ไม่งั้นมันจะแย่เอา
ขยับนิ้วไปมาคล้ายดีดเปียโนก็ได้ค่ะ แต่ไม่ใช่บนคีย์บอร์ดนะ
คนที่เล่นคอมนานๆ จะทำให้กล้ามเนื้ออักเสบโอยเฉพาะข้อมือกับนิ้วมือ
บางคนคีย์งานวันละเกือบสิบชั่วโมง แม้ว่าจะมีพักบ้างก็เถอะแต่ไม่ดีต่อสุขภาพ(มือ)ค่ะ

ถ้าปวดตาก็หยุดจ้องคอมฯซักพักสิ มามิ หันไปมองวิวบ้าง ต้นไม้บ้างแบบกวาดมองไปเรื่อยๆ มันช่วยได้จริงนะ

ภาพข้างบน อีหมินกอดจิ้งเสียนใช่รึเปล่าคะ ภาพมันขึ้นมาแค่ครึ่งเดียว ที่เหลือเป็น x หมดค่ะ
อีหมินบาดเจ็บรึว่าจิ้งเสียนบาดเจ็บกันแน่คะ

ถ้าเรื่องนี้เข้ามาฉายจริง ดูจากเนื้อเรื่องน่าจะเรตติ้งดีนะคะ
ช่วงนี้คนเริ่มเบื่อหนังเกาหลีกันบ้างแล้วนะ
เชียร์ลู่อี้ด้วยคนค่ะ เสี่ยวหรานเป็นผู้ใหญ่ไปหน่อย เหมาะกับบางบทเท่านั้น(ในความรู้สึกของพี่เองนะ)


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:12:30:45 น.  

 
พี่คะ มามิว่าคงเข้าฉายในไทยยาก ฉากที่พระเอกลอบสังหารแม่ทัพญี่ปุ่น ฉากยิงคนที่ลานโบสถ์ ฉากอีหมินปามีดใส่คนทรยศ ฉากทหารญี่ปุ่นฆ่านักเรียนจีน หากเซ็นเซ่อร์หมดก็ไม่มีอะไรให้ดูแล้วล่ะค่ะ อาจารย์มามิที่จีนบอกว่าเรตติ้งดีมาก ๆ มิน่าล่ะลู่อี้งานเข้าเต็มเลย ยังมีเรื่อง "ซูตงปอ" ด้วยนะคะ ซูตงปอเป็นกวีทีน่าสงสารมาก เรื่องนี้ลู่อี้เล่นตั้งแต่หนุ่มยันแก่เลยล่ะค่ะ

ส่วนภาพที่อีหมินกอดจิ้งเสียน เพราะถูกหลิวปั๋วยิงแล้วยังเอาเธอไปมัดประจานกลางลานโบสถ์ จิ้งเสียนกำลังจะตาย เลยบอกอีหมินว่า

จิ้งเสียน : “อีหมิน คุณไม่ต้องคอยจูงฉันแล้ว จำได้หรือเปล่า ตอนเล็ก ๆ คุณคอยจูงฉันเสมอ?”

อีหมิน : “จำได้ ผมจำได้

จิ้งเสียน : “ผู้ชายไม่ละเอียดอ่อน สิ่งที่ผู้หญิงจำได้ ผู้ชายมักจำไม่ได้อีกแล้ว หลิวปั๋ว หลิวปั๋วยิงฉันสองนัด ก่อนผ่าตัด คุณหมอถามฉันว่ามีญาติหรือเปล่า มีสามีหรือเปล่า ฉันอยากบอกว่ามี ฮยากบอกชื่อของคุณ แต่ว่าฉันบอกไม่ได้ ตำรวจกำลังตามจับคุณ คุณหมอหลูมาถึงเธอช่วยฉันเซ็นต์ชื่อยอมให้ผ่าตัด เธอบอกว่า ขอเพียงมีเธออยู่ ฉันก็จะไม่ตาย อีหมิน คุณแต่งงานกับเธอเถอะ เธอก็รักคุณ”

อีหมิน : " ไม่...ผมแต่งงานกับเธอไม่ได้"

จิ้งเสียน: "อีหมิน เธอก็รักคุณ จริง ๆนะ แม้จะไม่ได้เอ่ยออกจากปาก แต่ในใจของเธอ(แค่ก แค่ก...)คุณแต่งงานกับเธอเถอะ เธอจะได้ดูแลคุณ คนอย่างคุณนี่น่ะนะ จะต้องมีคนดูแล อีหมิน ฉันเห็นแก่ตัวเหลือเกิน คุณรู้หรือเปล่า? มีพ่ออยู่กับฉัน พวกเราจะอยู่ด้วยกัน.............”

(พ่อจิ้งเสียนถูกยิงและสิ้นใจไปก่อนแล้ว เมื่อจิ้งเสียนพูดจบก็สิ้นใจ)

พี่คะ ฮือ ฮือ มามิเศร้าไปกับหนังด้วยอีกแล้ว จิ้งเสียนรักอีหมินมากเลย ก่อนตายยังไม่วายคิดแทนเขา ที่เธอรอดมาได้ เพราะชิวอิ่งในคนกระซิบขื่ออีหมินข้างหูตอนผ่าตัดตลอดเวลาเลยทำให้จิ้งเสียนมีกำลังใจ รอดมาเจออีหมินได้ พี่คะ เศร้าใช่ไหมล่ะคะ

มามิบ้าไปแล้ว เป็นโรคฮาร์บินค่ะ ในเมื่อเป็นแบบนี้มามิเลยต้องสั่งซื้อนิยายเรื่องนี้มาอ่านแก้ลงแดงโดยด่วนที่สุดค่า ไว้จะมาเล่าเจาะใจตัวละครอีกทีนะคะ กลัวแต่ว่าหายบ้าแล้วจะอ่านไม่หนุกนะซีคะ เพราะถ้ามามิได้ดูซูตงปอ คงจะบ้าซูตงปอไปอีกค่ะ นี่ก็เอาเรื่องเก่า ๆ ของลู่อี้ที่มีมาดู เช่น "เปาชิงเทียน" ภาควัยหนุ่ม ลู่อี้ไม่ควรยิ้มเลย แต่เรื่องนี้ยิ้มหลายครั้งมาก ขรึม ๆ ไปน่ะดีแล้ว และยังมีอีกเรื่อง คือ เรื่อง "เจีย" บทประพันธ์ของปาจินค่ะ น่าจะดี เล่นกะเสี่ยวหรานเสียด้วย(ถ้าดูไม่ผิดเห็นหน้าปกแว๊บ ๆ )




พี่คะ สงสัยจังทำไมมองเห็นตัวละครในเรื่องมีแต่อีหมิน อิ อิ....



โดย: mamiya วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:21:44:58 น.  

 
กลอนตอนจบของเรื่อง

《卜算子》李之仪

我住长江头,君住长江尾;

日日思君不见君,共饮长江水。

此水几时休?此恨何时已?

只愿君心似我心,定不负相思意。

[注释]
长江头:指上游四川一带。[已]止。

[译文]
我住长江源头,君住长江末尾。天天思念你呵不见你,却共饮着一条长江水。这条江水何时止,这份离恨何时息?只愿你心像我心,我定不会负你的相思意。


【赏析】
  李之仪这首《卜算子》深得民歌的神情风味,明白如话,复叠回环,同时又具有文人词构思新巧。

  词以长江起兴。开头两句,“我”、“君”对起,而一住江头,一住江尾,见双方空间距离之悬隔,也暗寓相思之情的悠长。重叠复沓的句式,加强了咏叹的情味,仿佛可以感触到主人公深情的思念与叹息,在遥隔中翘首思念的女子形象在此江山万里的悠广背景下凸现出来。

  三、四两句,从前两句直接引出。江头江尾的万里遥隔,引出了“日日思君不见君”这一全词的主干;而同住长江之滨,则引出了“共饮长江水”。如果各自孤立起来看,每一句都不见出色,但联起来吟味,便觉笔墨之外别具一段深情妙理。这就是两句之间含而未宣、任人体味的那层转折。字面意思浅直:日日思君而不得见,却又共饮一江之水。深味之下,似可知尽管思而不见,毕竟还能共饮长江之水。这“共饮”又似乎多少能稍慰相思离隔之恨。词人只淡淡道出“不见”与“共饮”的事实,隐去它们之间的转折关系的内涵,任人揣度吟味,反使词情分外深婉含蕴。毛晋盛赞这几句为“古乐府俊语”(《姑溪词跋》),可谓一语中的。

  “此水几时休,此恨何时已。”换头仍紧扣长江水,承上“思君不见”进一步抒写别恨。长江之水,悠悠东流,不知道什么时候才能休止,自己的相思离别之恨也不知道什么时候才能停歇。用“几时休”、“何时已”这样的口吻,一方面表明主观上祈望恨之能已,另一方面又暗透客观上恨之无已。江水永无不流之日,自己的相思隔离之恨也永无销歇之时。此词以祈望恨之能已反透恨之不能已,变民歌、民间词之直率热烈为深挚婉曲,变重言错举为简约含蓄。

  写到这里,词人翻出一层新的意蕴:“只愿君心似我心,定不负相思意。”恨之无已,正缘爱之深挚。“我心”既是江水不竭,相思无已,自然也就希望“君心似我心”,我定不负我相思之意。江头江尾的阻隔纵然不能飞越,而两相挚爱的心灵却一脉遥通。这样以来,单方面的相思便变为双方的期许,无已的别恨便化为永恒的相爱与期待。这样,阻隔的双方在心灵上便得到了永久的滋润与慰藉。从“此恨何时已”翻出“定不负相思意”,是感情的深化与升华。江头江尾的遥隔在这里反而成为感情升华的条件了。这首词的结拍写出了隔绝中的永恒之爱,给人以江水长流情长在的感受。

  全词以长江水为抒情线索。悠悠长江水,既是双方万里阻隔的天然障碍,又是一脉相通、遥寄情思的天然载体;既是悠悠相思、无穷别恨的触发物与象征,又是双方永恒相爱与期待的见证。随着词情的发展,它的作用也不断变化,可谓妙用无穷。


โดย: mamiya วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:22:02:30 น.  

 
แปะรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ไว้ที่นี่ คือว่าหาอะไรได้ก็เก็บในบล็อคหมดเลยค่ะ ถ้าบล็อคล่มล่ะก็.............ใจสลายแน่ หวาดเสียวจริง ๆ


โดย: mamiya วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:22:05:13 น.  

 
มามิอย่าพูดเรื่องบล็อคล่มสิคะ พี่ก็หวาดเสียวเหมือนกัน
ได้คุยกับมามิเรื่องหนังต่างๆนี่สนุกมากๆ ถ้ามันหายไปหมดนี่ โอย ใจสลายเลยค่ะ

นี่ภาพไม่ขึ้นอีกแหล่ว ฮือออออ
ช่วงนี้ออฟฟิศมีการปรับย้ายsever กลัวเหมือนกันค่ะ
ทำงานแล้วเครื่องแฮ้งค์บ่อยเหลือเกิน

ว่าแต่สมแล้วที่ลงรายละเอียดเรื่องนี้ไว้ซะยิบเลยก็ขนาดเสียงไอ(แค่กก...กก)ของจิ้งเสียนยังหลุดเข้ามาได้เลยนี่นา ฮุฮุฮุ

อาจจะจริงอย่างมามิว่าถ้ามีฉากที่รุนแรงมากๆคงไม่ผ่านกรรไกรเซ็นเซอร์แน่เลย
แล้วก็ถ้าตัดซะไม่เหลือหนังจะไปสนุกได้ยังไงคะ

ที่จริงแผ่นผีซีดีเถื่อนบางเรื่องฉากยังรุนแรงกว่านี้เลยค่ะ
เอาแค่หนังผีบางเรื่อง ไม่รู้คนเขียนบทคิดได้ไงฉากทรมานคนนี่อะไรมันจะขนาดนั้นก็ไม่รู้ค่ะ
หนังประเภทนี้ยิ่งเต็มไปด้วยความรุนแรงแต่ก็ออกมาฉายได้นะคะ ไม่มีตัดด้วยค่ะ แปลกจริงๆ
ไม่รู้มาตรฐานกบว.นี่อยู่ตรงไหนกันแน่ งงงงงง??????

เดี๋ยววันหยุดนี่ว่าจะไปเช่าสามก๊กมาดูค่ะ ยังไม่ได้ดูเลย
เห็นบอกว่าหนังดีมากนี่คะ

คอมฯที่ออฟฟิศนี่จะไม่ขึ้นภาษาจีนค่ะมามิ
ที่เห็นนี่เป็น ตัวสี่เหลี่ยมหมดเลย 5555
แบบนี้นะ [] [] [] [] [] [] [] [] [] [] [] []
เวลาจ้องมากๆตาลายเลยค่ะ

ลูอี้นี่เล่นดนตรีเป็นรึเปล่าคะ แต่ดูหน้าอ่อนๆแบบนี้ไม่นึกว่าจะแต่งงานแล้วเลยค่ะจำได้ว่าตอนเล่นเปาชิงเทียนยังดูเด็กๆเลยนี่นา
แล้วแต่งกับคนในวงการรึเปล่าคะนี่ มามิ




โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:7:24:50 น.  

 
เจ่เจ๊ก็มา่เล่นคอมฯไฮสปีดที่บ้านซิครับ
มัวไปนั่งจิ้มเน็ตเต่าที่ออฟฟิศอยู่ได้ 555
แวะมาเที่ยวฮาร์บินด้วยคนครับ วันนี้เอาคลิปน่ารักๆมาฝากครับ
น้องเล็กไม่แน่ใจว่าแปะโค๊ดแล้วมันจะขึ้นเป็นหน้า youtube ให้หรือเปล่า
ถ้าไม่ขึ้น ฝากพี่มามิ edit แล้วแปะโค๊ดใหม่ละกันนะครับ
เดี๋ยวน้องเล็กจะแปะอีกรีพลายข้างล่างครับ


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.162.36 วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:20:25:35 น.  

 
แหะๆๆๆ
มันขึ้นมาบอกว่า เป็นแค่คอมเม้นต์ใส่โค๊ด HTML ไม่ได้ครับ( ไม่เจียมเลยตรู แหะๆ )
น้องเล็กแปะลิ้งค์ให้ดูแทนละกันนะครับ ลองไปดูนะครับ
น่ารักมั่กๆเลย

//www.youtube.com/watch?v=PNKOB8Do7zE



โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.162.36 วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:20:33:39 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่ฟง น้องเล็ก(ชิ้นสด) อิ อิ

พี่คะ คุยกับพี่มามิก็ได้ระบายความสนุกในใจออกไปด้วย พี่ดูเรื่อง “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” จบหรือยังคะ อย่าช้านะคะ หนังน่าดูยังมีอีกเยอะ แหะ ๆ ต้องรีบ ๆ ดู เดี๋ยวก็มีหนังดี ๆ อีก เรื่อง “ฮาร์บิน” เป็นหนังชุดไม่ใช่กำลังภายในที่มามิติดมากเรื่องหนึ่งตั้งแต่ดูมา เมื่อคืนก็นั่งจ้องอีหมิน สอนหนังสือ “หวังเหล่าซือ” น่าร้าก.......มากเลยค่ะ มามิชอบตอนหวังเหล่าซือสอนหนังสือ กับตอนที่ไปปราบมาร เอ้ย...กู้ชาติ ชัดมีดออกมาทีเดียวหลายเล่ม นึกว่าดูลี้คิมฮวงเสียอีก ยิงปืนก็แม่น ว่าไปแล้วก็ชอบทุกฉากนั่นแหละ

พี่ฟง น้องเล็ก อย่าเพิ่งเบื่อนะ ตอนนี้โรคฮาร์บินลุลามมาก จนเริ่มเป็นไข้ลู่ลู่(ลู่อี้)เสียแล้ว เมื่อคืนดูเปาชิงเทียนลู่อี้อีก แหม บอกว่าอย่ายิ้ม อย่ายิ้ม ไม่เคยเชื่อเลย และทุกตอนจะต้องเริ่มด้วยการโผล่หัวลู่อี้ในชุดท่านเปามาพูดว่า “หมีตี๋จงหยูเจี่ยไคเลอ” (ในที่สุดปริศนาก็คลี่คลาย) จะมาพูดทำไม๊? ในเรื่องมีฟ่านปิงปิงเป็นตัวเอก ตอนพูดน่ารำคาญมาก เสียงปริ๊ดฟังแล้วแสบ ๆ หูพิกล สรุป เปาหนุ่ม 2 ไม่หนุกเท่าไหร่ กลับไปฮาร์บินดีกว่า

นี่...มามิไม่กล้าดู “เจีย” เพราะเดี๋ยวติดแล้วไม่ต้องทำการทำงานกัน พี่จ๋า ขอเล่าเรื่องอีหมินอีกเรื่องนะคะ ในเรื่องมีสาวรัสเซียที่บาร์ หน้าตาสะสวย คาดว่าเมื่ออีหมินมาถึงฮาร์บินใหม่ ๆ ไปพักที่ห้องเช่าของเธอ เธอชื่อว่าเสวียะเหมย ตอนที่จิ้งเสียนบาดเจ็บแล้วไปพักที่บ้านของชิวอิ่ง อีหมินก็เกรงใจ เลยไปขอเสวียะเหมยเช่าห้องที่เขาเคยเช่า เสวียะเหมยมองอีหมินแปลก ๆ อยู่แล้ว พอพูดก็แน่ใจเลยว่าโป๊ะเชะ

อีหมิน : “ ห้องที่ผมเคยเช่ายังว่างหรือเปล่า?”
เสวียะเหมย : “ใครจะพักล่ะคะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย?”
อีหมิน : “ผู้หญิง”
เสวียะเหมย : “ไม่ได้”
อีหมิน : “ถ้าผู้ชายล่ะ” (อีหมินหมายถึงหลิวปั๋วซึ่งกำลังไร้ที่อยู่เหมือนกัน)
เสวียะเหมย : “ก็ไม่ได้ ฉันปล่อยห้องออกไปแล้ว”

อีหมินได้แต่ยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินออกไป ปล่อยให้เสวียะเหมยหน้าบูดบึ้งอยู่อย่างนั้น ต่อมาภรรยาของฮั่นเชามาฮาร์บินเพื่อหาสามีและรู้ว่าสามีเป็นพวกใต้ติน เมื่อฮั่นเชาถูกจับ ภรรยาเขาเลยต้องซ่อนตัว อีหมินหาที่พักให้(ตัวอีหมิน พักที่หอพักครูชายในโรงเรียนที่เขาประจำอยู่) เขาก็ไปหาเสวียะเหมยอีก

อีหมิน “ เรื่องห้องพักที่ผมเคยถาม คุณปล่อยออกไปแล้วจริง ๆ หรือ?”
เสวียะเหมย : “ต้องดูว่าใครจะพัก ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
อีหมิน : “ถ้าผู้หญิงล่ะ”
เสวียะเหมย : “ถ้าผู้หญิงก็ต้องให้ภรรยาในอนาคตของคุณพัก..... โอเค”
อีหมิน : “แล้วถ้าผู้ชายล่ะ”
เสวียะเหมย : “ถ้าผู้ชาย ก็คุณไง ถ้าเป็นคุณพักก็ได้เลย”

ฉากนี้มามิดูแล้วอมยิ้มทุกที แต่เสวียะเหมยน่าสงสารค่ะ เธอตายเพราะพยายามช่วยจิ้งเสียนและภรรยาของฮั่นเชากับลูก โดนยิงจนตาย ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าพวกอีหมินเป็นคนของก้งฉานตั่งน่ะค่ะ
ไม่มีรูปของเธอเลย เป็นสาวฝรั่งที่พูดจีนได้ค่ะ เรื่องนี้มามิคิดว่าใช้เสียงจริงค่ะ

ขอบคุณพี่ฟงที่เข้ามาฟังมามิบ่นทุกวันนะคะ และก็ทุกครั้งด้วย ตอนนี้มามิเศร้าใจที่บ้านเมืองของเราวุ่นวายค่ะ
น้องเล็กค่ะ พี่ดูคลิปแล้ว เด็กน้อยน่ารักดีค่ะ แต่เดี๋ยวนี้เด็ก ๆ ก็ชอบเต้นเซ็กซี่แล้วนะคะ ดูก่อนวัยไปนิ้ดหนึ่ง แต่ไม่ซีเรียสค่ะ ขอบคุณสำหรับคลิปค่ะ ตอนแรกนึกว่าคลิปเสี่ยวหมิงเสียอีก หุ หุ





โดย: mamiya วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:22:11:45 น.  

 
น้อยหน่อยน้อง หาว่าเน็ตที่ออฟฟิศเป็นเน็ตเต่า
มันใช้เรื่องงานเป็นหลักเฟ้ย...

เสวียะเหมย คงชอบอีหมินจริงๆนะแหละค่ะ ชอบแบบไงดี
ไม่น่าจะเรียกว่ารักนะ แต่คงชอบอีหมินตั้งแต่แรกเห็นมั๊ง แบบว่าถูกชะตานะ มีความรู้สึกดีๆให้นะ

เดี๋ยวนี้คนฝรั่งพูดจีนได้มีเยอะนะคะ เวลาได้ยินนะมันรู้สึกแปลกๆทุกที แหม มันไม่เข้ากับหน้านะสิ (คิดมากจริงๆเลยเรา)

อีกอย่าง พี่ก็ทึ่งฝรั่งที่พูดสำเนียงจีนได้ชัดขนาดนี้ด้วย
เก่งมากๆเลยค่ะ

ฟังข่าวทุกวันค่ะ ต้องทำใจค่ะ บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ทุกคนก็มีความเห็นแตกต่างกัน คงไม่จบง่ายๆหรอกค่ะ
ทุกวันนี้ต้องมีสติ ระมัดระวังตัวเองด้วยค่ะ พี่สาวเขาทำราชการ พี่ก็เป็นห่วงค่ะ

“หมีตี๋จงหยูเจี่ยไคเลอ” (ในที่สุดปริศนาก็คลี่คลาย)
คำพูดยังกะการ์ตูนคินดะอิจิกับโคนันเลยค่ะ
ตัวการ์ตูนญี่ปุ่นชอบมีคำพูดติดปากหรือสโลแกน
ไม่คิดว่าท่านเปาจะพูดแบบนี้แฮะ แปลกดี...(- -'

เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ยังดูไม่จบค่ะ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ค้างอยู่แบ่งเวลาดูไม่ค่อยได้เลย

อีหมินๆๆๆๆๆ เป็นโรคอีหมินอีกแล้ว มามิ
ไม่เป็นไร ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใด แล้วก็เป็นลาภอันประเสริฐของพี่ด้วย (เหมือนกำลังดูหนังเลย)
มามิ เล่าเรื่องได้เห็นภาพทุกครั้ง คุยแล้วสนุกดี แถมอินไปด้วย ไม่นานพี่คงติดโรคอีหมินอีกคนเช่นกัน 555555

ว่าแต่อย่าถึงขนาดอดหลับอดนอนเพื่อดูอีหมินล่ะ
พักผ่อนมากๆนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวแย่อีก สุขภาพก็สำคัญค่ะ




โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 8 ตุลาคม 2551 เวลา:7:28:06 น.  

 
ขอบคุณค่ะพี่ มามิก็ไม่รู้ว่าจะอีหมินอีกนานแค่ไหน เพราะตอนนี้ความชอบเซียวเซียวหลังจากดูพากย์ไทยแล้วความชอบสลายไปหมดเลยล่ะค่ะ

ไม่รู้แล้ว....วันนี้ก็คิดถึงอีหมินอีก ฉากที่เถียงกับอิจิโร่ก็มันส์นะคะ เดี๋ยวมามิไปเปิดดูแล้วจดบทสนทนามาก่อน อิ อิ อยากไปเล่นแทนชิวอิ่ง รึว่าจะไปท่องบทชิวอิ่งแทนดี เอ...แต่เข้าฉากกะอีหมินน้อยกว่าอิจิโร่หรือเปล่า คิดไปคิดมา เป็นคนดูดีกว่า ได้ดูทุกตอน อยากสั่งอีหมินเดินหน้า ถอยหลังก็ได้ ตามบัญชา

รักพี่ฟงจัง มีความรู้สึกร่วม ฮ่า ฮ่า ชอบ ชอบ


โดย: มามิยะ IP: 58.8.187.29 วันที่: 8 ตุลาคม 2551 เวลา:12:47:11 น.  

 
พี่ฟงคะ ไปดูที่นี่ค่ะ ตอนหวังอีหมินถูกทรมาน กับตอนบาดเจ็บ รวมเหล่าอยู่นี่หมดเลย

//hi.baidu.com/mimao4/album/item/4ff4b351b7cb3d958c54305a.html

คาดว่าแฟน ๆ ลู่อี้ทำ เพราะเน้นอยู่คนเดียว และก็นี่ค่ะ รูปเสวียะเหมย หน้าตาสวยดีนะคะ แต่ออกมาไม่กี่ตอนก็ตายค่ะ


ขอบ้าอีหมินต่อค่ะ ด้วยรูป








โดย: mamiya วันที่: 8 ตุลาคม 2551 เวลา:22:02:37 น.  

 
ส่วนนี่ภรรยาลู่อี้ ชื่อ "เปาเหล่ย" ค่ะ ท้องแล้ว ซาวน์แล้วเป็นลูกสาวค่ะ โหย...นึกไม่ออก พ่อ-แม่ หน้าตาแบบนี้แล้วลูกจะขนาดไหน?



โดย: mamiya วันที่: 8 ตุลาคม 2551 เวลา:22:18:24 น.  

 
แฟนลูอี้ สวยดีค่ะ หน้าตาน่ารักมากเลย
เอ....แต่หน้าคุ้นๆ เป็นดารารึเปล่าคะ มามิ

หนุ่มหล่อ สาวสวย ลูกออกมาก็เพอร์เฟ็คสิคะ

เข้าไปดูตามเวปแล้ว มีแต่ฉากตอนลู่อี้ถูกทรมานจริงๆ
ดูแล้วสงสารจริงๆค่ะ ฉินเก๋อลี่ คงพอใจที่ได้ทรมานอีหมิน
หน้าตาหมอบอกว่าสะใจมาก คงถูกใจอีหมินด้วยล่ะมั๊งที่เป็นคนเข็มแข็งและอดทนได้ขนาดนั้นนะ
คนแบบนี้ก็ดีนะ แสดงออกตรงๆ ที่คิดไม่ถึงคือยังมีความรักชาติบ้านเมืองของตัวเองอยู่นะสิ
ยังไงก็ยังเข้าข้างคนจีนใช่ไหมคะ ถึงไม่ยอมส่งอีหมินให้ญี่ปุ่นนะ
เสวียะเหมย หน้าตาสวยดีเหมือนกัน อย่างมามิว่าเลย

นอนดึกมาสองคืนแล้ว ม่ายหวายค่ะ รู้สึกว่าเจ็บคอ
วันนี้คงต้องรีบพักผ่อนแล้วล่ะค่ะ


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:7:27:59 น.  

 
พี่ฟง ยังไม่ได้เช็ค แต่รู้สึกว่าจะเป็นดาราค่ะ สองคนนี้ไปออกรายการกอดกันดูน่ารักดี แรก ๆ ก็ว่าทำไมกอดกันสนิทสนมจัง ที่แท้ สามี-ภรรยากันนี่เอง

ภาพทรมาน เป็นภาพรวมเหล่าค่ะ ตอนแรกอีหมินจะโดนยิงก่อนตอนช่วยฮั่นเชา แล้วก็เอาตัวไปรักษาที่มู่ปังโดยให้ชิวอิ่งผ่าตัดเอากระสุนออกให้ ต่อมาก็ถูกฉินเก๋อลี่เอาไปทรมาน เจ้าหมอนี่มันถูกใจอีหมิน คงจะทรมานหนุกดีค่ะ ดวลกันว่าใครจะอึดกว่ากันระหว่างคนกระทำ กับคนถูกกระทำ พี่คะ มามิมาคิดดูแล้วหากเราถูกทรมานอย่างนี้ คงตายไปแล้วค่ะ ไม่รอดแน่นอน ไหนจะฟาด โบย เฆี่ยน เหยียบมือ หักนิ้ว ตอกเล็บ ราดน้ำ เอาแท่งเหล็กจี้ ดีนะยังไม่ควักลูกตาด้วย โหย เสียวสุด ๆ ตายไปคงจะสบายกว่า

พี่รีบพักผ่อนนะคะ ดูแลสุขภาพดี ๆ ค่ะ ทุกคนเลยนะคะ
วันนี้มามิงานยุ่งมาก ๆ ไม่มีเวลาเอาหัวไปคิดถึงอีหมินเลย แว่บเข้ามาแปร๊บ ๆ ดุจสายฟ้าฟาดแล้วก็โดนงานมากระชากความคิดกลับไป คืนวันศุกร์ค่ะ เป็นคืนที่มามิจะได้เจอกับอีหมินอีกครา


รอเวลามาพบกัน......


โดย: มามิยะ IP: 124.121.244.88 วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:20:49:01 น.  

 





































โดย: mamiya วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:21:26:17 น.  

 




โดย: mamiya วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:21:42:50 น.  

 


ข้อเขียนจากพี่ฟงค่ะ ขออนุญาตโพสต์ใหม่อีกครั้งนะคะ

วันนี้น้องเล็กจะส่งของไปให้นะคะ มามิ ที่อยู่ตามนี้ใช่ไหม

ตามมาดูภาพของอีหมินต่อค่ะ ฮุฮุฮุ
ได้เห็นหน้าเสวียะเหมยแบบชัดๆจากภาพข้างบน น่าเสียดายที่บทน้อยนะคะ
เธอดูกระตือรือร้นดีค่ะ คงเพราะมีเชื้อฝรั่ง(เข้าใจว่าบทตัวละครคงเป็นแบบนี้จริงๆ น่าจะเป็นรัสเซีย)

จริงๆแล้วพอดูเซียวเซียวจบนี่ พี่กลับคิดว่าตัวเองดูตำนานรักดอกเหมยฉบับกำลังภายในนะ
ผู้ชายเรื่องนี้โลเลกันจัง แถมร้องไห้พอๆกับผู้หญิงเลยแฮะ
โดยเฉพาะหยางว่อ อะไรจะปานนั้น

พอดูจบก็ไม่ประทับใจเท่าที่ควรจริงๆแหละค่ะ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ชอบมากเลยสำหรับเรื่องนี้
ก็เวลาที่เซียวเซียวสอนฟ่งหวงว่าวิถีจอมยุทธเป็นยังไง
แปลกนะปกติพี่จะไม่ค่อยเห็นจอมยุทธยอมรับอะไรง่ายๆแบบนี้เลยแฮะ มีความรู้สึกว่าเซียวเซียวก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกัน
ก็แหมคิดถึงเรื่องเงินๆทองๆแบบว่าเราต้องทำมาหากิน
ยังมีแรงหางานได้(แม้ขาจะหักก็เถอะ)
แต่พอไปดูเสี่ยวหมิงในเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ โอ้ อะไรจะเท่ห์ซะไม่มี 55555 (ว่าเข้าไปนั่น)

กลับไปหาอีหมินดีกว่าค่ะ มามิ

ตอนนี้ก็เริ่มอินกับอีหมินแล้วค่ะ เข้าไปดูฉากทรมานอีกรอบค่ะ อีหมินอดทนจริงๆนะ
ถ้าเป็นคนอื่นถูกทรมานแบบนี้ สงสัยตายไปหลายรอบแล้วมั๊ง

เวลาครูอีหมินสอนนักเรียนนี่ คงย้ำเรื่องรักชาติด้วยมั๊งคะ มามิ
ครูที่มีอุดมการณ์แรงกล้าแบบนี้ คงมีบ้างหรอกที่ต้องสร้างความรู้สึกแบบนี้ให้นักเรียนบ้าง

มามิ แปะภาพอิจิโร่ด้วยสิคะ เอาแบบซีนอารมณ์กับตอนทะเลาะกับอีหมินด้วย คงมีฉากทะเลาะกับญี่ปุ่นด้วยมั๊งคะ
มีฉากหวานๆกับชิวอิ่นอีกไหมคะ อยากเห็นจัง

วันนี้ฝนน่าจะตกนะ (^_^'


โดย: mamiya วันที่: 11 ตุลาคม 2551 เวลา:11:03:56 น.  

 
กำลังแปลกใจอยู่พอดีว่า ทำไมช่วงนี้จามบ่อยจัง ที่แท้ ถูกพาดพิงนี่เอง

พี่ๆไม่สบายกันเหรอคะเนี่ย ต้องดูแลตัวเองดีๆนะคะ
ของทอดน่ะไม่ดีหรอก อย่าไปกินเลย

ช่วงนี้หลิงเอ๋อร์งานยุ่งมากๆ เหนื่อย ทำงานเสร็จ ก็ไม่มีกะใจอ่านหนังสือเรียน อ่านแต่เรื่องเบาสมอง เลยไม่มีความรู้เลย เฮ้อ

ล่าสุดเพิ่งอ่านนิยายแปลของท่านหลินโหม่ว เรื่องจอมนางคู่บัลลังก์ ชอบมากๆ

อ่านเจ็ดนักกระบี่จบแล้ว ชักอยากเห็นฉบับหนังซะแล้ว


โดย: หลิงเอ๋อร์ IP: 125.26.156.226 วันที่: 11 ตุลาคม 2551 เวลา:21:43:27 น.  

 
สวัสดีค่ะ หลิงเอ๋อร์
ไม่ได้คุยกันนานเลยค่ะ นิยายแปลเรื่องจอมนางคู่บัลลังก์รึคะ
เหมือนเคยเห็นนะ แล้วจะไปดูในงานหนังสือค่ะ

ไม่คิดว่าหลิงเอ๋อร์จะอ่านเจ็ดนักกระบี่ด้วย สำนวนแปลค่อนข้างอ่านยากค่ะ
แล้วอ่านสามนักกระบี่สาวที่เป็นภาคต่อรึเปล่าคะ
เป็นบทสรุปของทั้งหมดนะค่ะ

ฉบับหนังที่พี่เคยดูมีเจ้าเหวินจั๋วเล่นบทชอเจียวน้ำ(ฉู่จาวหนาน) ถามว่าสนุกไหม ก็สนูกนะคะ
แต่มีตัวละครใหม่บางตัวที่ไม่มีในนิยายด้วยค่ะ ก็ไม่น่าเกลียดนะ

ฮุฮุฮุ แต่อย่าถามมามินะคะ รายนั้นไม่ชอบเรื่องนี้เพราะดาราบางคนค่ะ

มามิ พี่ต้องขอโทษจริงๆค่ะ ลืมข้อห้ามบางอย่างของการโพสต์ข้อความลงไปซะสนิทเลยค่ะ

เสียใจจริงๆค่ะ ต้องขอโทษอีกครั้งค่ะ -/\\-
โดนน้องเล็กต่อว่าแทบแย่เลยค่ะสำหรับเรื่องนี้ T T

เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้วค่ะ รอดูภาพอิจิโร่ต่อไปอีกว่าค่ะ
วันนี้เข้ามาเคลียงาน เลยแว่บเข้ามาคุยได้หน่อยนึง



โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:8:29:52 น.  

 

下的哈尔滨插曲主题曲歌词

破晓(刘可)

夜幕沉沉低垂 彷徨无边深邃
谁的罪让命运美到心碎
眼眸里的光辉 温柔却不能给
爱上我 才流生离死别的泪
让彼此 享受每道伤痕的珍贵
夜色还在呼啸 只能让我跌倒
黎明在前方燃烧 用热血给天空破晓
多情却似无情 只能许你来生
不要在我怀里一睡不醒
温暖我 孤独的生命
眼眸里的光辉 温柔却不能给
爱上我 才流生离死别的泪
让彼此 享受每道伤痕的珍贵
夜色还在呼啸 只能让我跌倒
黎明在前方燃烧 用热血给天空破晓
多情却似无情 只能许你来生
不要在我怀里一睡不醒
温暖我 孤独的生命

เพลงประกอบละครชุดเรื่อง “ฮาร์บินในยุคมืด”

ขับร้องโดย หลิวเข่อ

破晓 พ่อเซี่ยว (ก่อนอรุณรุ่ง)

ม่านราตรีค่อย ๆ คลี่คลุม มืดมนอนธการ
ความผิดใครก่อที่ทำให้ชะตาชีวิตต้องงดงามจนใจสลาย
ความอ่อนโยนปรากฎได้ที่ดวงตาแต่ไม่สามารถแสดงออกมา
หากรักฉัน คุณต้องหลั่งน้ำตาแห่งความพลัดพรากตายจาก
ขอให้พวกเราได้รักษาถนุถนอมร่องรอยแห่งความเจ็บปวดของกันและกัน
ราตรียังคงร้องเรียก ทำให้ฉันต้องล้มลุกคลุกคลาน
แสงแห่งรุ่งอรุณรออยู่รำไรที่ขอบฟ้า ให้เลือดอันอุ่นระอุของฉันเบิกฟ้ารับอรุณ
มีรักมีน้ำใจมากกลับเหมือนดั่งไร้รักไร้น้ำใจ ได้แต่มอบหัวใจให้คุณในชาติหน้า
อย่าได้หลับไปโดยไม่มีวันตื่นในอ้อมกอดของฉัน
ขอจงมอบความอบอุ่นให้แก่ชีวิตอันเดียวดายของฉัน


ฮือ ฮือ............
ดาวน์โหลดที่นี่ค่ะ คลิกขวาที่ลิงค์แล้ว save target as ....

//www.5583.com/down.asp?id=7229

กลับไปร้องต่อค่ะ ฟังไป 50 กว่ารอบแล้ว คาดว่าจะ 100 เร็ว ๆ นี้ เพลงนี้มันมีเครื่องดนตรีอะไรบ้างนะ น่าจะเป็นเปียนโน กลองชุด ? เสียงกลองที่เคาะลงไปหนัก ๆ มันให้อารมณ์มากเลย เนื่องจากมันสร้างความตกตะลึงให้กับความนิ่มนวลของเนื้อเพลงที่เชื่องช้าและมันก็จะเบรคความรู้สึกเศร้าให้แตกตื่น หวาดหวั่น รุ่มร้อนและกังวล มากไปเปล่าเนี่ย? ชักอินหนัก



โดย: mamiya วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:23:20:12 น.  

 
โหลดไม่ได้อะพี่มามิ เปิดไปมีแต่ภาษาจีน อ่านไม่ออกเลยคับ
พี่มามิอัพใส่โฮสหรือส่งให้น้องเล็กทางเมล์แทนได้ป่าวคับ
อันนี้เป็นฟรีโฮสนะครับ อัพเพลงใส่แล้วเอาลิ้งค์มาแปะได้เลยครับ

//s1.zidoupload.com/

ไม่รู้ว่าแผ่นที่ส่งให้มันแตกบ้างหรือเปล่าครับ ตอนแรกจะใส่กล่อง
แต่มันแค่ 4 แผ่น เดี๋ยวเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาในกล่องจะกระแทกันแตก
เลยใส่เป็นซองกันกระแทกไปแทนอะครับ


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.157.47 วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:13:32:15 น.  

 
อัพให้แล้วค่ะ ไปดาวน์ดูนะคะ

//www.zidoupload.com/f-CQvTo3s7

ขอบคุณสำหรับเพลงที่ส่งมาให้ค่ะ ตาเจ้าเผิงเนี่ย มีคนเคยแนะนำให้ฟังแล้ว แต่ตอนนั้นเกิดงกสตางค์เลยไม่ยอมซื้อ มาฟังวันนี้อีกที โอโห.....ไม่เลวจริง ๆ โดยเฉพาะเพลง “จันทร์แทนใจ” (เยว่เลี่ยงไต้เปี่ยวหว่อเตอซิน) ร้องได้ดีมาก ๆ เสียงต่ำ ๆ ของเสียงผู้ชาย เปรียบกับเสียงหวาน ๆ ของเติ้งลี่จวินแล้ว ได้อารมณ์อีกแบบหนึ่งค่ะ ส่งนเพลงอื่น ๆ ยังไม่ได้ฟังค่ะ ฟังไปแค่สองแผ่นเองค่ะ ซึ่งทั้งสองแผ่นดีมาก โดยเฉพาะแผ่นInvincible Dynastyไพเราะมากค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

น้องเล็กลองฟังเพลง “ก่อนอรุณรุ่ง” ดูนะคะ พี่ว่าฟังกลางคืนดีกว่ากลางวัน เพราะว่ากลางคืนเงียบและเย็นกว่า กลางวันมันร้อนและมีกิจธุระยุ่งเหยิงไปหมด อารมณ์ การรับรู้ สัมผัส การตอบสนองต่อเพลงจะแตกต่างกันมากค่ะ

ส่วนภาพโจวเจี๋ยของพี่ฟงยังไม่ลืมนะคะ แต่ตอนนี้ขอแก้งานตามครูสั่งก่อนค่ะ แล้วค่อยกลับมาอีกที ยังคงอยู่ด้วยกันกับเรื่องนี้ค่ะ “เย่มู่เซี่ยเตอฮาร์เอ่อปิน”

และเนื่องจากติดใจลู่อี้จึงลองดูเรื่อง “จ้านเชอ” ที่เล่นกับเจ้าเวยแล้ว รู้สึกว่าไม่เหมาะกับวัยค่ะ ดูได้หวานแหว๋วกันไป แต่สุดท้ายกระชากใจเหลือเกินเพราะพระเอกตายในวันที่ไปหานางเอก แถมยังไม่ได้ทำความฝันให้เป็นจริงอย่างที่หวังอีก ดูแล้วเจ็บใจมาก ทำไมไม่ได้คู่กัน และทำไมพระเอกมาตาย แต่หนังอย่างนี้ส่วนมาก จารึกในความทรงจำมากกว่าหนังสมหวัง บอกตรง ๆ ว่าเจ้าเวย ทำน่ารักได้ แต่ทำเซ็กซี่อย่างไรก็ดูไม่เซ็กซี่ค่ะ ออกแนวน่ารักมากกว่า

ปลายเดือนนี้คาดว่าจะได้หนังสือนิยายเรื่องนี้มาไว้ในครอบครอง รอ ร้อ รอ ความจริงมีหลายฉากที่น่าสงสัยว่าโดนตัดออกไปค่ะ



โดย: มามิยะในฮาร์บิน IP: 124.120.71.50 วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:22:20:44 น.  

 
โหลดมาฟังแล้วครับ
เหมาะจะฟังตอนกลางคืนจริงๆครับ ดนตรีเย็นๆสบายๆ เพราะมากเลยครับ
น้องเล็กมีเพลงของเจ้า เผิง อีก 2 ชุดนะครับ
แต่อาจจะมีบางเพลงที่ซ้ำกับในชุด Invincible Dynasty นะครับ
ถ้าพี่มามิชอบเดี๋ยวน้องเ็ล็กไรท์ไปให้ครับ
ชุด Invincible Dynasty มีเพลงที่จ้าวเผิงร้อง 2 เพลงที่น้องเล็กชอบคือ

船歌 กับ 我的神話·葉塞尼婭

船歌 นี่ มีเพลงชื่อนี้ที่เติ้งลี่จวินร้องไว้ก็เพราะเหมือนกันครับ

ส่วนเพลงที่ผู้หญิงร้องในชุดนั้น น้องเล็กชอบเพลง 單身情歌 ครับ
ดนตรีมันเก๋ดี ชอบเมโลดี้ของเพลงอะคับ


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.162.34 วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:1:18:36 น.  

 
เข้ามาฟังมามิกับซือตี๋คุยกันเรื่องเพลง

“จันทร์แทนใจ” (เยว่เลี่ยงไต้เปี่ยวหว่อเตอซิน)

เพลงนี้ฟังหลายคนร้องมากทั้งชายและหญิง แล้วก็หลายเวอร์ชั่นด้วย
ส่วนใหญ่ก็เพราะๆทั้งนั้น แต่ชอบผู้ชายร้องมากกว่า
ตอนนี้ติดใจนักร้องหญิงที่ชื่อ Nicole เสียงดีมากค่ะ เธอร้องเพลงได้ชัดมากเลย
Nicole ชื่อจีนว่าอะไรไม่รู้ค่ะ

ช่วงนี้คงไม่ได้เข้ามาคุยอีกหลายวัน ยังไงก็จะรอดูรูปอิจิโร่แน่ๆค่ะ มามิ

คงคิดถึงอีหมินไปอีกหลายวันเลย (^_^'





โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:7:11:23 น.  

 
เพิ่งสังเกตว่าหน้าศรีภรรยาของลู่อี้ คล้ายๆ วรรณษา ทองวิเศษ

แปะรูปไม่ได้ แปะแต่ลิ้งค์รูปแทนละกันคับ แหะๆ

//star.sanook.com/story_picture/m/15333_002.jpg





โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.164.25 วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:9:47:48 น.  

 
น้องเล็กพี่ว่าไม่ค่อยเหมือนนะคะ เพราะเปาเหว่ย หน้ากลมกว่า

พี่ฟงรออีกนิดนะคะ ช่วงนี้งานเยอะ แต่คิดถึงอีหมินเหมือนกันค่ะ


เมื่อกี้หาข่าว อ่านเล่นอ่านไปอ่านมาไปเจอข่าวนี้ ดารากับโรคเครียดค่ะ ลู่อี้ เฉินคุน ลีจุนกิ หลันเจี๋ยอิง ไจ่ไจ๋ จางป๋อจือ โจวหัวเจี้ยน จางเฟย หวงจื่อเจียว(2คนนี้เป็นพิธีกรของไต้หวัน) ไช่หย่าเหยียน ซุนเยี่ยนจือ แอลล่าS.H.E. กัวฟู่เฉิง หลีหย่ง คนเหล่านี้ล้วนเป็นโรคซึมเศร้าและเครียด-ซึมเศร้า(抑郁症)จากสาเหตุต่าง ๆ และมีความหนักเบาต่างกันบางคนข้างบนมีวิธีแก้ไขแต่อาการเครียดช่างน่ากลัวเหลือเกิน บอกตรง ๆ ว่าไม่ได้อ่านเรื่องของลู่อี้มาเท่าไหร่เมื่อเห็นข่าวนี้ค่อนข้างตกใจเหมือนกัน อย่างหวงจื่อเจียวมามิยะเคยดูรายการที่เขาเป็นพิธีกร ตลกจะตายไปนะคน ๆ นี้ จางเฟย หรือที่เรียกกันว่า เฟยเกอก็ด้วย ทีแท้คนเราทุกคนมีเรื่องทุกข์ใจแตกต่างกันไป แม้จะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ดูลู่อี้กันก่อนค่ะ
(อ้างอิงจาก//q.sohu.com/forum/2/topic/4007159#photoset)

陆毅 《永不瞑目》之后,各种好的坏的评论都有,就像一块石头一样,压得陆毅透不过气来。他说自己已经找不到以后的方向,于是把自己关在家里,天天打电玩、酗酒,不省***的时候甚至还自残,拿烟缸砸自己的头,还在身上划了一道道的伤痕。陆毅说当时自己是麻木的,只有疼痛感,才能让他觉得一点点的清醒。



หลังจากเรื่อง "หย่งปู้หมิงมู่"(ตายตาไม่หลับตลอดกาล(คำแปลห้วนมากเล้ย..)) มีการวิจารณ์ในทางดีและไม่ดีมากมาย กับลู่อี้เป็นเสมือนหินก้อนใหญ่ที่กดทับจนหายใจแทบไม่ออก เขาบอกว่าหาทางออกให้อนาคตไม่เจอ ได้แต่ขังตัวเองอยู่แต่ในบ้าน เล่นเกมส์ ดื่มเหล้าทุกวัน เมื่อหาทางออกไม่ได้ก็ได้แต่ทำร้ายตัวเอง เอาที่เขี่ยบุหรี่ตีหัวตัวเอง และกรีดตามลำตัวไปหนึ่งแผล ลู่อี้บอกว่าตอนนั้นเหมือนท่อนไม้ไม่มีความรู้สึก มีแต่ความเจ็บปวดเท่านั้นที่ทำให้ตัวเองได้สติขึ้นมา



มามิก็ยังไม่ได้ดูเรื่อง "หย่งปู้หมิงมู่" มันเรื่องอะไรกัน บทหนักขนาดได้รับการวิจารณ์จนกลายเป็นแบบนี้เลยหรือ คงต้องทำความรู้จักลู่อี้ให้มากกว่านี้แล้วค่ะ เท่าที่ดูเป็นคนจริงจังกับการแสดงมากคนหนึ่ง อ้อ ที่รู้คือ สูบบุหรี่ด้วยค่ะ ชายจีนมักจะสูบบุหรี่เก่ง ๆ กันทั้งนั้น เสียวไห่ก็สูบ เสี่ยวหมิงบอกว่าไม่ได้สูบ แต่ไม่แน่ใจ

ไปดูมาเมื่อกี้ "หย่งปู้หมิงมู่" เป็นหนังประมาณปี 2000 ของเจ้าเป่ากัง ผู้กำกับคนนี้น่าจับตามองทีเดียว มามิชอบเรื่อง "ฮาร์บิน" เจ้าเป่ากัง กำกับเหมือนกัน ต้องหามาดูเสียแล้วว่ามันขนาดไหน ทำให้ลู่อี้กลายเป็นโรคเครียดไปได้ แล้วพี่แกก็ไม่เข็ดนะ รับเล่นหนังของเจ้าเป่ากังอีก อ๊ะหา...ไม่มีแรงกดดันก็ไม่เติบโตใช่ไหม เป็นไงล่ะ หัวแตกเลือดอาบสนองความเครียดกันไป.....

มามิเคยเครียดกับงานเหมือนกัน อาการออกทางร่างกายใครไม่เคยเจออธิบายแล้วจะเข้าใจหรือเปล่า อาการเครียดทำให้คันไปทั้งตัว และเป็นผื่นแดง เป็นอาการคันที่เกาแล้วไม่หาย มันเหมือนคันอยู่ใต้ผิวหนัง หลังจากไปหาหมอแล้ว หมอวิเคราะห์ว่าเกิดจากความเครียดคะ อุเหม่ แม่เจ้า เป็นไปได้ ดังนั้นชีวิตคนเราต้องปล่อยวางค่ะ บางอย่างเราก็ควบคุมไม่ได้ บางอย่างก็ควบคุมจากตัวเองได้ แล้วแต่เรื่องราวและสถานการณ์

ต่อไปมาฟังเฉินคุนเล่าบ้างค่ะ

陈坤 被传拍摄李少红最新悬疑惊悚片《门》而“走火入魔”,导致精神抑郁,精神状况出现不稳定的征兆。后来在接受采访的时候,陈坤说其实每个人或多或少都有抑郁症,他是比较严重,需要吃药的那种。
เฉินคุน ได้รับเลือกให้มาเล่นหนังลึกลับสยองขวัญของหลี่เส้าหงเรื่อง "เหมิน"(ประตู) ทำให้เฉินคุน "ธาตุไฟเข้าแทรก" จนกลายเป็นโรคเครียด อารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอย ต่อมาเมื่อเฉินคุนให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาบอกว่า ที่จริงพวกเราก็มีความเครียดกันอยู่ทุกคนแล้วแต่ใครจะเครียดมากเครียดน้อย แต่สำหรับเขาเป็นความเครียดที่ต้องใช้ยารักษาทีเดียว

เรื่อง "เหมิน" เป็นหนังลึกลับสยองขวัญ ซึ่งตอนที่มามิยะกำลังจับตามองเฉินคุน ได้อ่านและฟังสัมภาษณ์เหมือนกัน "เหมิน" ถึงกับทำให้เฉินคุนยกเลิกการออกรายการหลายต่อหลายรายการ แสดงว่าหนักเอาการอยู่ โดยเฉพาะกับคนอย่างเฉินคุนซึ่งมามิยะคิดว่าเขามีความอ่อนไหวมาก อย่างที่อาจารย์ชุยเคยบอกว่าเขาแสดงบทบาทต่าง ๆ ได้ดีเพราะอินกับอารมณ์ในบทได้ง่าย ไม่น่าแปลกใจเลยที่เฉินคุนจะมีอาการเครียดที่ถึงกับต้องกินยา ส่วนใหญ่คนที่จริงจังกับงานและเป็นพวกเพอเฟ็คนิยมจะป่วยกันเยอะทีเดียว





โดย: mamiya วันที่: 18 ตุลาคม 2551 เวลา:20:24:04 น.  

 
น้องเล็ก พี่ฟังเพลงไปหลายเพลงแล้วค่ะ ชอบอัลบั้ม "หวังเจอะเทียนเซี่ย" (Invincible Dynasty )มากเป็นพิเศษ

船歌 กับ 我的神話·葉塞尼婭

船歌 นี่ มีเพลงชื่อนี้ที่เติ้งลี่จวินร้องไว้ก็เพราะเหมือนกันครับ


เพลงที่น้องเล็กชอบพี่ก็ชอบด้วยแหละ ตอนนี้ฟังเพลงนี้ไปทั้งวัน

ส่วนขณะที่เขียนนี่คิดถึงเสี่ยวหมิงเลยฟังเพลง .อั้นเลี่ยน" (แอบรัก) ของเสี่ยวหมิงไป เขียนการบ้านไป โอย......สมาธิกระเจิงเพราะมัวแต่จะร้องไปกับเสี่ยวหมิงด้วย อ้อ เสี่ยวหมิงมีเพลงหนึ่งที่มีทำนองเดียวกับที่วงเป๊ก ออฟ ไอซ์ ร้อง ไม่รู้ใครในสามคนนี้น่ะค่ะ แต่คืนนี้พี่ขออยู่กับ "แอบรัก" ของเสี่ยวหมิงก็แล้วกันค่ะ น้องเล็กจะร้องด้วยกันไหม? ไปที่นี่ค่ะ เนื้อเพลงมันเฟ้อเจ้อดีมากสำหรับคนอายุ 20 ขึ้นไป เสียดายจัง หมิงเจี้ยวจู่(แฟน ๆ เรียกเสี่ยวหมิงว่า "เจี้ยวจู่"(หัวหน้าพรรคหมิง(จรัส))อายุ 30 ขึ้นแล้วจ้า ..... เหอ เหอ หลานหมิงยังดูรุ่นกระเตาะอยู่เมื่อใส่เสื้อปักรูปหมีน้อย.....



อัพให้ค่ะ

//www.zidoupload.com/f-b4mz8WBI


暗恋 - 黄晓明 歌词

你的发象月光 不能握在手上
却是一线希望
你脸庞花一样 轻滑过玻璃窗
留下一道感伤

你的世界离我有多遥远 我不思量
只为你红尘路上寂寞情场
靠近你身旁把痴心隐藏
默默欣赏爱你的人过往

你的眼泪落在风里使我一生难忘
转眼间 多少春秋孤独收场
不曾走入你心房
在梦里把你探望
你会不会依偎在我的身旁

你曾否知道在我的肩膀
只有你一个人的地老天荒



และขณะเดียวกันก็ไม่ลืมพี่ฟง นี่ค่ะ "อิจิโร่คุง"

Ichiro Kun = Zhou Jie
















แถมด้วย หวังอีหมิน...แหะ แหะ....

"这个人,骨头硬,嘴硬,心硬肯定是共产党!"












โดย: mamiya วันที่: 18 ตุลาคม 2551 เวลา:21:36:45 น.  

 
อ๊างงงงงงงงงงงง
อยากฟังๆ รบกวนพี่มามิอีกรอบได้ป่าวคับ
ช่วยทำเป็นzip file แล้วอัพเพลงของเสี่ยวหมิงให้อีกทีได้ปะคับ
ไฟล์นี้โหลดแล้วมันเสียอะครับ มันชอบเป็นแบบนี้เวลาอัพเป็น mp3 ครับ

เรื่องเครียดนี่ ส่วนมากน้องเล็กจะปวดท้องถ้าเครียด
คนดังก็มีความเครียดแบบคนดังครับ ถ้าไม่คิดว่ามันเป็นเพียงแค่งาน
ที่บังเอิญที่มีคนจำนวนมากชื่นชอบ ก็คงทำใจลำบาก
คนสมัยนี้เป็นโรคซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัวกันเยอะนะครับ
ดูยุ่งๆ ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่น่าจะเหตุให้ซึมเศร้า ก็ยังเป็นได้
เพราะงั้น อย่าคิดมากดีที่สุด ช่วงก่อนหน้าที่จะฉายเปาบุ้นจิ้นเวอร์ชั่นใหม่ทางช่อง 3
มีซีรียส์หนังจีนเป็นเรื่องแนวอภินิหารเรื่องนึง จำชื่อเรื่องไ่ม่ได้แล้วแหะ
น้องเล็กได้ดูบางตอน ก็ไม่ได้ชอบอะไร แต่ติดใจประโยคประจำตัวของนางเอกในเรื่อง
เธอชอบพูดว่า

" ยิ้มแย้มแจ่มใสแล้วโชคดีจะมาหาเอง "

ครับ ยิ้มแย้มแจ่มใสเวลาที่เรามองอะไรก็จะดีไปเอง
โชคดีคงไม่อยากมาหาคนอารมณ์ไม่ดีหรอกครับ น้องเล็กว่านะ


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.168.10 วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:16:28:44 น.  

 
น้องเล็ก โหลดไม่ได้หรือคะ เดี๋ยวพี่หาวิธีก่อนนะคะ ไม่แน่อาจอัพใหม่

เรื่องที่น้องเล็กว่า น่าจะเป็นหนูโชคดี แสดงโดยจงเจียซิน(ถ้าจำไม่ผิด) ชื่อภาษาไทยไม่รู้แต่ชื่อภาษาจีนเรียกว่า "โซวเสินจี้" เรื่องนี้ออกเมืองไทยก่อนเมืองจีนเสียอีก เรื่องนี้พากย์ไทยน่ารักออกนะคะ ตั้งชื่อหนูโชคดี น่ารักดีค่ะ

รอยยิ้ม อาจไม่ได้บ่งบอกว่ามีความสุข แต่มีรอยยิ้มย่อมทำให้บรรยากาศดีขึ้น เห็นด้วยค่ะ ยิ้มไว้แล้วดีเอง

เล่าเรื่องลู่อี้ต่อ

ก่อนถ่ายทำหนังเรื่องนี้ มีข่าวว่าลู่อี้จะเล่นบทหวังอีหมิน มีคนลือกันว่าลู่อี้ไม่ถูกกับเจ้าเป่ากัง ต่อมาไม่นานก็มีคนส่งข่าวทางเอสเอ็มเอสให้สนับสนุนให้เจ้าเป่ากังเปลียนตัวคนเล่นหวังอีหมินเป็นคนอีกคนหนึ่งแซ่ตู้(ไม่รู้จักเหมือนกันชื่อตู้จวิ้นเจ๋อ)

เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการโปรโมทตัวเองของนักแสดงแซ่ตู้ โดยหลังจากคนมากมายได้เห็นเอสเอ็มเอสแล้วต่างสับสนกันไปหมด นักแสดงชื่อตู้จวิ้นเจ๋อได้เรียกนักข่าวมาสิบกว่าสำนักเพื่อบอกว่าเรื่องที่มีคนส่งเอสเอ็มเอสเป็นความเข้าใจผิด ที่ต้องออกมาป่าวประกาศก็เพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ของเขากับเจ้าเป่ากังจะไม่ดี

ต่อมาผู้ช่วยผู้กำกับเรื่อง "ฮาร์บิน" ได้ออกมาบอกว่าเจ้าเป่ากังไม่รู้จักคน ๆ นี้และทั้งเจ้าเป่ากังกับตัวเขาเองจะรู้สึกโกรธแต่ก็จะไม่ไปยุ่งจนเรื่องบานปลายออกไป ความจริงแล้วก็เคยมีคนแนะนำนักแสดงคนนี้ให้เจ้าเป่ากังได้คุยเหมือนกัน แต่ก็เป็นปรกติที่จะมีคนพานักแสดงมาให้ผู้กำกับดูตัวอยู่แล้ว ซึ่งผู้กำกับเจ้าเองก็เช่นกัน

ลู่อี้ได้แต่ดับข่าวลือโดยการออกมาให้สัมภาษณ์ว่าหนังเรื่องต่อไปของเขาก็คือ "เย่มู่เซี่ยเตอฮาร์เอ่อปิน" ลองไปดูคลิปค่ะ เล่นเอานักข่าวแต่ละช่องวิ่งหาข่าวกันจ้าละหวั่น
เป็นข่าวดังไปพักหนึ่งค่ะ


//ent.sina.com.cn/v/m/bn/2007-04-28/230711431.html


พี่มามิว่าถ้าเปลี่ยนน่าจะเป็นต่งเสวียนมากกว่า เพราะรายชื่อนักแสดง หรือแม้แต่ในปกของแผ่นเองก็ยังมีชื่อต่งเสวียน ซึ่งจริง ๆ แล้วเธอไม่ได้เล่นเรื่องนี้เลย แรก ๆ วางตัวว่าจะให้เล่นเป็นหลิ่วซู่เฟย แต่ต่อมาทำไมไม่มีเธอร่วมเล่นด้วยก็ไม่รู้ เปลี่ยนเป็นนักแสดงหน้าใหม่แทน ยังไม่เจอข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไว้เจอแล้วจะมาเล่าใหม่ค่ะ


ชีวิต มิใช่ของง่าย.........




โดย: mamiya วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:23:05:07 น.  

 
น้องเล็ก พี่ก๊อปให้เสร็จแล้วนะคะ ดูแล้วจะบ้าเหมือนพี่หรือเปล่าก็ไม่รู้

ในเรื่องนี้มีสิ่งที่ต้องสังเกตุอยู่ 2 ประการ
1.โบสถ์รัสเซีย
2.สะพานบนแม่น้ำแห่งหนึ่งในฮาร์บิน

สองสิ่งนี้ออกฉากบ่อยมาก มันเป็นสัญญลักษณ์อะไรบางอย่างในความเห็นของพี่ ตราบใดที่ยังไม่แน่ใจและยังไม่ได้อ่านข้อมูล พี่ไม่กล้าบ่งชีลงไป

โบสถ์ - สถานที่ที่คนไปพึงพึงเมื่อไร้ที่พึ่งทางใจ / สถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา / สถานที่อันสุขสงบ ไม่มีการฆ่าฟัน/ สถานที่อันบริสุทธิ์ แต่ทำไมต้องเป็นโบสถ์แบบรัสเซีย หรือว่าเป็นเพราะฮาร์บินอยู่ใกล้รัสเซีย มีคนต่างชาติเข้ามาหลายชนชาติ และแม้แต่ญี่ปุ่นเองที่เป็นชนชาติหนึ่งก็เข้ามาด้วย การเข้ามาของ 2 ชนชาติด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่าง

สะพาน- สิ่งที่เชื่อมสองฟากฝั่งเข้าด้วยกัน สะพานจะมีความเกี่ยวข้องกับอีหลางมาก เหมือนจะบ่งบอกว่าเขาอยากเป็นสะพานเชื่อมวัฒนธรรมทั้งสองชาติ แต่สะพานนี้กลับอยู่เหนือแม่น้ำสีเลือดที่เกิดการฆ่าฟัน

โอ้ย...คิดบ่ออกแล้ว ให้ได้หนังสือมาก่อนเถอะ(แล้วจะมีเวลาอ่านเปล่าเนี่ยเรา?


คุยเล่นเรื่อยเปื่อย กำลังตอคลิปโหลดอยู่ นานจัง




โดย: mamiya วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:23:19:15 น.  

 
หนูโชคดี ชื่อเรื่องอะไรน้า กำเนิดเทพสามตารึเปล่าคะ
ฉายช่อง3 ตอนเย็น เพิ่งจบไปนี่ พี่ก็ไม่ได้ดูหรอกค่ะ กลับไม่ค่อยทัน

แต่เคยเห็นแว่บๆ ในเวปผู้จัดการ เป็นเด็กน่ารักดีค่ะ
เห็นว่าเสียงคนพากย์ก็ได้ใจมากๆเลยค่ะ

ได้รูปอิจิโร่แล้ว แต่แหม ไม่ยอมยิ้มเล้ยยยย เป็นเสือยิ้มยากส์รึไงเนี๊ยะ
พอใส่โค๊ดยาวๆแล้วเท่ห์มากเลยแฮะ ชอบจัง

ว่าแต่ว่าเรื่องเกี่ยวกับโบสถ์น่าจะเกี่ยวกับจิตใจจริงๆนะคะฮาร์บินติดกับรัสเซีย ปกติชาวตะวันตกก็ต้องการติดต่อกับจีนอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นการเข้ามาเผยแพร่ศาสนานะ
คล้ายๆกับช่วงที่มิชชั่นนารีเข้ามาในจีนนั่นแหละค่ะ(นึกถึงหวงเฟยหงค่ะ)
ก็เป็นช่วงที่มีความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมค่อนข้างมาก

หมอสอนศาสนาพวกนี้ก็มีส่วนช่วยเยอะนะคะ นอกจากนี้ก็ช่วยเรื่องการแพทย์ การศึกษาด้วยนี่คะ

ส่วนเรื่องสะพานนี้ คงมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเอกของเรื่องโดยตรงอย่างมามิว่าแหละ
ในหนังสือนิยายน่าจะมีบอกไว้มากกว่าในละคร

เรื่องแบบนี้เวลาทำละครถ้าไม่ให้ตัวละครนึกถึงความผูกพันหรือความเกี่ยวข้องกับสถานที่ คนดูอย่างเราก็ไม่เข้าใจหรอกค่ะ
บางครั้ง ผู้กำกับก็คิดว่าเรื่องพวกนี้ไม่สำคัญ ตัดทิ้งไปก็เยอะ ตัวละครคิดอะไรนึกอะไร ไม่รู้หรอกค่ะ
แต่ละครบางเรื่องก็ทำได้ดีค่ะ ขนาดว่าอ่านนิยายมาแล้วยังรู้สึกว่า.... อืมมม จริงๆแล้วมันเป็นเพราะยังงี้นี่เองเรอะ...
อะไรแบบนี้แหละค่ะ

พี่ก็พูดไปนั่น ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้เลย อ่านจากที่มามิเขียนเท่านั้นเองนะเนี๊ยะ
.
.
.
พี่ฟง.. 'มามิ ตอนนี้ในหัวพี่ก็มีอีหมินกับอิจิโร่ลอยมาเป็นพักๆแล้วค่ะ'

มามิ ... 'ดีจังค่ะพี่..มามิจะได้มีเพื่อนคุยไปอีกนานๆ ....(ในหัวกำลังคิดว่า....คิดถึงอีหมินอีกแล้วเรา)'

พี่ฟง... 'ช่วงนี้เป็นโรคอีหมินนะ ไงๆก็อย่านอนดึกนักล่ะ สุขภาพก็สำคัญ ไม่งั้นไม่มีแรงทำงานแล้วก็ยังเหลืออีกหลายเรื่องไม่ใช่เรอะ'

มามิ... 'ค่ะ พี่ ยังมีอีกเป็นกะตั๊กเลย ..แต่ช่วงนี้เพ้อแต่อีหมินค่ะ ว่าแล้วเดี๋ยวไปดูต่อดีกว่าค่ะ'

พี่ฟง.... ' อ้าวๆๆ พึ่งบอกว่าให้พัก อีหมินอีกแล้ว .เฮ้อออ..... ..เอ่ออออแต่ถ้ามีรูปอิจิโร่ก็ช่วยแปะให้พี่ด้วยนะคะ ...(55555)'


ว่าแล้วก็ไปทำงานก่อนค่ะ





โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 21 ตุลาคม 2551 เวลา:7:37:06 น.  

 
อ่านแล้วอดยิ้มไม่ได้ พี่ฟงก็มีมุขเหมือนกันแฮะ คิดไม่ถึง คิดไม่ถึง

อิจิโร่ ไม่ยิ้มหรอกค่ะพี่ หน้าจะกังวล+ ทุกข์อยู่ตลอดเวลา เป็นตัวละครที่ทุกข์ทรมานตัวหนึ่ง ทุกข์กว่าสวี่เหวินเฉียงอีกค่ะ สวี่เหวินเฉียงยังสูบบุหรี่คลายทุกข์ได้ อิจิโร่ไม่สูบ ในหัวมีแต่เรื่องดี ๆ และพยายามเข้าใจคนจึน ทำตัวให้กลมกลืน แต่คนจีนส่วนใหญ่ในเรื่อง น้อยคนที่จะยอมรับเขาได้ นอกจากอีหมินกับชิวอิ่งแล้ว ตัวละครตัวอื่นปฎิเสธเขาทั้งนั้น แม้แต่นักเรียนของเขาเอง

ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นอิจิโร่เรียนมหาวิททยาลัยเดียวกับชิวอิ่ง ชิวอิ่งอยู่คณะแพทย์ แต่อิจิโร่เรียนศิลปศาสตร์ เอกจีน เขารักวัฒนธรรมจีนมาก ในเรื่องพูดไม่ค่อยชัด โจวเจี๋ยหลุดพูดชัดมาหลายครั้งเหมือนกัน ใช้เสียงจริงค่ะ

เรื่องลู่อี้ กว่าจะได้เล่นบทนี้ ก็มีอุปสรรคอยู่เหมือนกัน จริง ๆ บทอีหมินนี่เหมาะกับเขามาก หรือพอมีอุปสรรค คนเราก็จะพยายามทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปก็ไม่รู้นะคะ อย่างบทที่ถูกแย่งกันนี่ คนที่ได้รับมาจะต้องเล่นให้สุดฝีมือเลยจริง ๆ แต่มามิว่าเพราะลักษณะนิสัยของหวังอีหมินคล้ายลู่อี้มาก ลู่อี้บอกในคลิปว่าที่เล่นยากสำหรับบทนี้น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของตัวละคร หวังอีหมิน ที่กลางวันเป็นครู สอนนักเรียน แต่กลางคืนเป็นหัวหน้าคณะใต้ดินทำการบั่นทอนกำลังของพวกญี่ปุ่น กลางวันเหมือนครูอ่อนแอ กลางคืนเหมือนจอมยุทธ โลดโผนโจนทะยาน

พี่คะ จริง ๆ มามิมีแว่บปันใจไปให้คนอื่นนิดหนึ่งเหมือนกัน เรื่องนี้ชื่อเรื่องว่า "เกินไจ้จงหยวน" (รากอยู่ที่จงหยวน) เป็นหนังชุด 38 ตอนอิงประวัติศาสตร์ที่ทำให้มามิรู้สึกแปลกใหม่ เพราะว่าดูเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่ได้เน้นการได้ตังค์ แต่เน้นการเทิดทูนวีรบุรุษในสมัยถังท่านหนึ่ง ซึ่งไม่มีอยู่ในบันทึกทางการ แต่บันทึกอยู่ในประวัติของท้องที่ นั่นก็คือ "เฉวียนโจว" นั่นล่ะค่ะ พี่ "เฉวียนโจว" มามิเพิ่งไปมาเอง จำได้หรือเปล่าคะ? ที่เล่าว่าไปเจออัลบั้มของเสี่ยวหมิงหน้าปกเปลือยร่างท่อนบนแล้วก็เขียนลายบนตัวน่ะค่ะ ในชื่อว่า "It's Ming" พอจะนึกออกแล้วใช่ไหมคะ?

มามิก็ไม่รู้จักบุคคลผู้นี้หรอกค่ะ แต่ในเรื่องตอนท้ายบอกว่า ทำประโยชน์ให้ท้องที่มากมาย จนคนเอามาบูชาเป็นเทพ บุคคลท่านนี้ชื่อว่า "เฉินหยวนกวง" ค่ะ เป็นแม่ทัพสมัยถังที่ต่อสู้กับคนพื้นเมืองของไต้หวัน เฉวียนโจวอยู่ตรงข้ามกับไต้หวันค่ะ ท่านพยายามทำให้คนฮั่นกับคนพื้นเมืองเข้ากันได้ สุดท้ายก็ตายในมือของหัวหน้าเผ่าพื้นเมือง และจากนั้นก็เกิดความสงบค่ะ เรียกว่าเสียชีพเพื่อความสงบ

เรื่องนี้ชุดไม่สวย เนื้อเรื่องก็เปลืองเทปมากกับบทสนทนาที่ยาวเหลือหลาย และการทำสงครามที่ยาวนานมาก ตั้งแต่พระเอก อายุ 13 ยัน 50 กว่า นักแสดงก็แสดงตั้งแต่เด็กจนแก่เลยล่ะค่ะ ไม่มีใครในเรื่องนี้ที่มามิรู้จักซักกะคน แต่ว่าเมื่อดูแล้ว รู้สึกว่าทุกคนตั้งใจที่จะถ่ายทอดเรื่องนี้ออกมาค่ะ เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้รู้ว่าบรรพบุรุษของพวกเขามีประวัติความเป็นมาอย่างไร และสิ่งที่เขาอยากจะบอกที่สุดคือว่า ไม่ว่าคนจึนแผ่นดีนใหญ่ หรือว่าไต้หวัน มีรากเดียวกันค่ะ นั่นก็คือเป็นคนจงหยวนเหมือนกัน เขาจึงตั้งชื่อหนังว่า "เกินไจ้จงหยวน"(เกิดร่วมรากเดียวกันที่จงหยวน)น่ะค่ะ

คนที่เล่นเป็นเฉินหยวนกวง ดูยังไงก็คิดถึงลุคของโค่วจง ตอนแต่งชุดขุนศึก แต่ไม่คมเข้มเท่า ทรงผมเดียวกันเลย(ไม่รู้เลียนแบบมาหรือเปล่า เพราะตอนถ่ายภาพนิ่งไม่ได้ใช้ผมทรงนี้) หน้าตาเด็กมากและยิ้มน่ารักดี นอกจากพระเอกแล้วยังมีขุนพลอื่น ๆ ตั้งแต่สมัยพ่อพระเอกอีกมากมายที่ไปแต่งงานกับสาวชาวเผ่าพื้นเมือง ทำให้เกิดความผูกพันทางสายเลือดขึ้นมา

เมื่อคืนมามิดูคลิปของเรื่องนี้ปรากฎว่าคนเล่น เป็นอาจารย์กันทั้งนั้นเลยค่ะ ไม่แน่ใจว่าอาจารย์สอนการแสดงหรือเป็นพวกนักแสดงชั้นครู เรื่องนี้นับเป็นหนังเรื่องยาวที่มามิทนไม่ไหวต้องดูตอนสุดท้ายไปเลย มันอึดอัดค่ะ เพราะดำเนินเรื่องช้ามาก และบทพูดเปลือง ซึ่งดูข้าม ๆ ได้ คาดว่าเขาอยากให้รายละเอียดที่เขาศึกษามาเพื่อให้คนดูทราบความยากลำบากของบรรพบุรุษของเขา

ตอนนี้ดูเรื่องนี้ มามิบอกตรง ๆ ว่าอินได้ง่ายกว่ายามปรกติค่ะ


โดย: มามิยะ IP: 124.122.134.55 วันที่: 21 ตุลาคม 2551 เวลา:20:57:39 น.  

 
ขอออกความเห็นเกี่ยวกับหนังที่พยายามทำเพื่อเชิดชูประวัติศาสตร์หรือวีรบุรุษทั้งหลายหน่อยนึงนะครับ
น้องเล็กมีความคิดว่า ถ้าต้องการทำให้เด็กหรือเยาวชนคนรุ่นใหม่มดูเนี้ย
การทำหนังแบบนี้ออกจะเสียเปล่าเพราะรายละเอียดที่ใส่ไปมันยิ่งทำให้หนังดูน่าเบื่อ
และน้อยคนที่จะจดจำรายละเอียดเหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆได้ทั้งหมด
ถ้าอยากใส่รายละเอียดมากขนาดนั้น ควรทำเป็นสารคดีเลยจะดีกว่า
หนังควรทำหน้าให้ความบันเทิงและกระตุ้นให้คนได้รับรู้ถึงเรื่องราวของบุคคลสำคัญเหล่านั้น
ทำให้คนที่ได้ดูอยากจะไปศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ที่เหลือเพิ่มเติมมากกว่า
หนังที่มีรายละเอียดเยอะๆแบบนี้ ถ้ามาฉายอาทิตย์ละวันสองวัน กว่าจะดูจนจบ
อารมณ์ร่วมก็คงหายหมดแล้วถ้าไม่ทำให้ดูสนุกตื่นเต้น ใครจะไปทนดูจนจบ
อาจจะเหมือนเป็นการเสียเปล่า เหมือนหนังใหญ่อิงประวัติศาสตร์ไทยบางเรื่อง
ขนาดเป็นเรื่องที่เราเคยเรียนมาแล้ว พอมาทำเป็นหนังใส่รายละเอียดเยอะมากๆ
เราเป็นคนไทยเอง ดูแล้วยังมึนว่าใครเป็นใคร ตัวละครเยอะไปหมด
ไม่แพ้นิยายเรื่องสามก๊กเลย ไม่รู้ฝรั่งดูจะเข้าใจแค่ไหนเหมือนกัน
เอ๋.....น้องเล็กซีเรียสไปหรือเปล่าเนี้ย แหะๆๆๆ


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.163.251 วันที่: 22 ตุลาคม 2551 เวลา:0:03:42 น.  

 
เห็นด้วยกับเรื่องอารมณ์ร่วมค่ะ เพราะว่าถ้าดูต่อเนื่องกัน จะอินและเข้าใจได้มากกว่ามาฉายวันละนิดแล้วไม่ปะติดปะต่อกัน เพราะมันลืมไปแล้ว จะดูไม่สนุก

เมื่อคืนพี่ก็ดูต่อกันค่ะ เพราะเกิดความสงสัยหลายในเรื่อง เนื่องจากดูไปข้าม ๆ เลยต้องมานั่งดูเป็นช่วงยาว ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น้ในรายละเอียดบ้าง บทพูดยาวจริง ๆ ค่ะ และละเอียดแม้กระทั่งชีวิตทหารของพ่อเฉินหยวนกวง และชีวิตทหารในบังคับบัญชาของเฉินหยวนกวง เยอะแยะไปหมดแต่ถ้าได้ฟังดูแล้ว มีเรื่องจริงอยู่ด้วย ที่ประกอบเข้ามา ไม่ทราบว่าเป็นตำนาน หรือ ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์

อย่างน้องเล็กว่า ไปทำสารคดีดีกว่า สารคดีมีแต่ข้อเท็จจริง ไม่มีความบันเทิง จึงสงสัยว่าหนังน่าจะมีเกร็ดของความจริงร่วมกับตำนานจากคำเล่าขานและมีการตกแต่งเข้าไปบ้าง เฉินหยวนกวงมีอารมณ์ด้านต่าง ๆ น้อยไปหน่อย เป็นคนที่เดินไปตามครรลองของประเพณีและกรอบโดยไม่ได้ออกนอกกรอบเลย แม้จะมีบ้างที่อยากออกจากกรอบจนทำให้ตัวละครต้องมาทนทุกข์กับกรอบนั้น แต่ไม่มีการสาดอารมณ์ใส่กันแบบรุนแรง ยิ่งต้องเล่นเพื่อเชิดชูด้วยแล้ว ยิ่งต้องมี"อารมณ์"บ้างแต่พอควร

หากจะว่าบันเทิงไหม? เรื่องนี้ก็บันเทิงอยู่ค่ะ เล่าประวัติชีวิตของเฉินหยวนกวงและคนรอบข้าง อย่างยาว แม้กระทั่งราชสำนึกถัง ได้ดูแล้ว ต้องบอกว่า ราชสำนักฟอนเฟะจริง ๆ สมัยนั้นคาดว่าเป็นสมัยที่บู๊เช็คเทียนเริ่มมีอำนาจ ผู้หญิงในสังคมมีสิทธิมีเสียงกว่าผู้ชาย แม้จะมีฮ่องเต้อยู่แต่ก็ต้องขอความเห็นจาก "องค์รอง" หรือ "เอ้อเซิ่ง" ตลอดเวลา ยิ่งเรื่องราวในราชสำนักถังยิ่งดูแล้วต้องถอนหายใจเลยล่ะค่ะ

ตอนนี้กำลังดูเรื่องนี้อยู่ เพราะอยากรู้ประวัติของ "เฉินหยวนกวง" ให้มากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นตำนานก็ดี อิงประวัติศาสตร์ก็ดี เมื่อลองเสิร์ชหาชื่อเฉินหยวนกวงแล้ว จากภาษาไทยมีประวัติน้อยมาก (หรือมามออาจยังหาไม่เจอ) แต่เรื่องนี้มีประวัติอย่างยาว เพราะฉะนั้นรู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม แม้จะยืดยาว ทนดูไปก่อน คนเล่นหน้าตาดูได้ และเรื่องนี้เป็นหนังแผ่นดินใหญ่แบบเพียว ๆ เลยล่ะค่ะ ธรรมเนียมปฎิบัติอะไรก็ดูจีนใหญ่มากค่ะ นี่ว่าจะเขียนบล็อคต่อไปดีไหมเนี่ย?

แต่ก็อยากเขียนเกี่ยวกับอีหมินต่อ สองจิตสองใจกระไรนี่เรา?..............


โดย: มามิยะในหมิ่นหนัน IP: 124.120.45.38 วันที่: 23 ตุลาคม 2551 เวลา:11:56:09 น.  

 
กลับมาเขียน "ฮาร์บินในยุคมืด"ต่อค่ะ

ในที่สุดมามิก็รู้แล้วว่า ที่ข้อสงสัยมีคำตอบอย่างไรบ้าง

1) หวังอีหมินรักใครกันแน่?

คำตอบ รักหลูชิวอิ่งค่ะ คำตอบนี้ลู่อี้บอกเองในบทสัมภาษณ์ เพราะว่าหลูชิวอิ่งค่อย ๆ ก้าวเข้ามาในใจหวังอีหมิน แต่สำหรับกวนจิ้งเสียน อีหมินรักเหมือนน้องค่ะ ลู่อ้บอกว่า ความรักนั้นค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมา และจากประโยคที่อีหมินพูดกับจิ้งเสียนว่า
"จิ้งเสียนหากผมมีชีวิตรอดไปจนถึงวันแห่งชัยชนะได้ ผมจะบอกกับคนที่ผมรักว่าผมรักเธอ"
แต่กับชิวอิ่งไม่เหมือนกัน เขาบอกกับเธอว่า
"ชิวอิ่ง หากผมโชคดีรอดชีวิตได้ ไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหน ผมจะตามหาคุณจนเจอให้ได้"
ลู่อี้เลยบอกว่า วิธีพูดที่ต่างกันเช่นนี้ ถือว่า หวังอีหมินรักหลูชิวอิ่ง
(ถูกใจคนดู อยากให้มีภาคสองจังเลยค่ะ อยากดูภาระกิจของอีหมินต่อ เท่ห์ดีค่ะ ไม่นึกว่าลู่อี้จะต่อยตีกับเขาได้เหมือนกัน)

2) หลูชิวอิ่งรักใครกันแน่?
คำตอบ ไม่แน่ใจว่ารักใครค่ะ คำตอบนี้หลี่เสียวหร่านบอกเอง เพราะว่าเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนและไม่ชัดเจน เนื่องจาก แม้ปากหลูชิวอิ่งจะบอกว่ารักอีหลาง แต่อีหลางเป็นคนญีปุ่นซึ่งทำให้ความรักของคู่นี้เป็นไปไม่ได้ ชิวอิ่งจึงพูดว่า ถ้าอีหลางไม่ใช่คนญีปุ่นเธอคงจะแต่งงานกับเขา ในความรู้สึกของชิวอิ่งกับคนรักที่รักกันไม่ได้และเป็นไปไม่ได้ก็เหมือนกับฝ่ายตรงข้ามตายจากกันไปแล้ว

3) อีหลางตายในตอนจบหรือไม่?

คำตอบ ตาย เพราะเสื้อคลุมของเขาหล่นสู่แม่น้ำ และตอนสุดท้ายผู้กำกับบอกว่าตัดออกไป เพราะมีฉากที่อีหมินกับพรรคพวก ก่อตั้งสุสานให้อีหลาง และเขียนหน้าหลุมฝังศพว่า "เพื่อของชาวจีนตลอดกาล ดามะชิ อิจิโร่" เจ้าเป่ากังบอกว่าที่ต้องตัดออกไปเพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สื่อถึงจีนผู้ถูกรุกราน หากตอนจบไปตกที่หลุมฝังศพของอีจิโร่ ดูเหมือนจะไม่ยืนอยู่ข้างคนจีนอย่างไรก็ไม่รู้ เลยต้องให้จบที่หวังอีหมินผู้เดินไปสู่เบื้องหน้าในการประกอบภาระกิจต่อไป แต่แท้จริงแล้ว ตัวละครอีหลางนั้นเป็นตัวแทนแห่งสันติภาพ เป็นคนที่ใฝ่หาความปรองดองของชนชาติตลอดเวลา

อีกปัญหาหนึ่งคือ ทำไมฉินเต๋อลี่ถึงยอมปล่อยอีหมินถึงสองครั้งสองครา ครั้งแรก ตอนทรมานอีหมินในคุก ทำไมฉินเต๋อลี่ไม่ส่งตัวอีหมินให้ทหารญี่ปุ่นเพื่อเอาความดีความชอบ ครั้งที่สองตอนอีหมินปฎิบัติการขนเวชภัณฑ์ออกจากโรงพยาบาลและพวกฉินเต๋อลี่ก็เข้ามาแต่ทำไม่ไม่ยิงอีหมินให้ตายไปเลย ในเมื่อเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน แต่กลับปล่อยอีหมินไปพร้อมของกลาง และทำให้ตัวเองต้องถูกญีปุ่นยิงตาย ประเด็นนี้คงต้องไปหาในนิยาย

เห็นเจ้าเป่ากังบอกว่า บทของหวังอีหมิน จริง ๆ จะให้อีกคนหนึ่งเล่น แต่เขาไปรับหนังของเฉินข่ายยเกอ เรื่อง "เหมยหลานฟัง" แทนทั้ง ๆ ที่บอกว่าจะเล่นเรื่องนี้ก่อน เพราะไม่มีเวลาให้ เจ้าเป่ากังเลยไปหาลู่อี้แทน

ผู้กำกับบอกว่า แท้จริงแล้วเขาไม่ยอมให้อีหมินมีความรักก็เพราะว่า ตัวละครตัวนี้เป็นหัวหน้าสมาคมใต้ดิน มีภาระกิจเสี่ยงอันตรายทุกคืน นั่นหมายความว่าอาจตายได้ตลอดเวลา หากผู้จากความรู้สึกของผู้ชายอย่างหวังอีหมินแล้ว หากรักใครแล้วควรจะทุ่มเทให้ความรัก แต่ในเมื่อมีภาระกิจและหน้าที่ที่รออยู่ หากรักใครแล้วต้องทำให้คน ๆ นั้นเสียใจหากเขาตายไป ฝ่ายหญิงต้องเจ็บปวด มิสู้ล็อคประตูหัวใจ ไม่มีความรักเสียเลยจะดีกว่า ดังนั้นตัวละครหวังอีหมินจึงมีความรักไม่ได้ แต่เพื่อให้ผู้ชมเกิดอาการอยากติดตาม ผู้กำกับเจ้าเป่ากังจึงให้อีหมินพบกับชิวอิ่งก่อน เมื่อพบกันแล้ว ผู้ชมก็หวังว่าทั้งสองจะคู่กัน แต่ผู้กำกับก็ให้อิจิโร่ออกโรงมา ออกมาปุ๊บก็พูดถึงเรื่องความรักกับชิวอิ่งเลย ผู้ชมก็ชักจะนึกไปว่าแล้วอีหมินล่ะ? แล้วชิวอิ่งจะคู่กับอิจิโร่ไหมในเมื่อเขาเป็นคนญีปุ่น เมื่อเนื้อเรื่องความรักของชิวอิ่งของอิจิโร่ดำเนินไป แทนที่จะสำเร็จ กลับยิ่งบอกว่ารักกันยิ่งมีอุปสรรค ผู้ชมก็หันมาคิดเชียร์อีหมิน ซึ่งเดิมก็เชียร์อยู่แล้ว ผู้กำกับเจ้าจงใจให้อีหมินเจอกับชิวอิ่งเสมอด้วยเหตุต่าง ๆ นานา ในขณะที่คู่ของชิวอิ่งไม่สมหวัง ก็ให้จิ้งเสียนเปิดเผยความรักที่มีต่ออีหมินออกมา พอผู้ชมดูออกอย่างนี้ ก็ยิ่งจะติดตาม แต่สุดท้ายไม่ว่าใครจะรักกับใคร สิ่งทีอยากสื่อออกมาก็คือสงครามซึ่งทั้งสองฝ่ายไม่ว่าผู้รุกรานหรือผู้ถูกรุกรานก็สูญเสียคนที่รักไปเหมือนกัน

เราอยากจะบอกคุณผู้กำกับว่า คุณทำสำเร็จแล้ว เพราะ

1.เราสงสัยชิวอิ่ง เราสงสัยอีหมิน
2.เรารับรู้ถึงความเจ็บปวดของสงครามไม่ว่าจะเป็นผู้รุกรานหรือผู้รุกรานก็สูญเสียทั้งนั้น

และสุดท้าย เราก็ชอบผู้กำกับเจ้าเป่ากัง แหะ แหะ ....


โอ้ย....ค่อยยังชั่ว หายข้องใจขึ้นมากหลาย ไปโหลดดูคลิปกันที่นี่เลยจ้า

//so.tudou.com/isearch.do?kw=%DAw%8C%9A%84%82%A1%A2%EA%91%D2%E3%A1%A2%CB%E5%BF%A1%B2%A8%A1%A2%D6%DC%BD%DC%A1%A2%C0%EE%D0%A1%C8%BD%A1%A2%97%EE%C6%E6%F8Q%A1%A2%C8%FD%C6%D6%D1%D0%D2%BB%A3%A8%CF%C2%A3%A9%A1%BFpart2


รายการออกอากาศ 2 วันคือวันที่ 20 กับ 21 ตุลาคม ให้โหลดดูวันที่ 20 ก่อนนะคะ

ลู่อี้(อีหมิน)หัวร่อได้สะใจมากเลย ดูแมนดีค่ะ ส่วนโจวเจี๋ย(อีหลาง)ก็เป็นคนตรง ๆ หลี่เสียวหร่าน(ชิวอิ่ง)ดูเรียบร้อยและเงียบ ๆ สุยจินปอดูเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพดี หยางฉีหมิง(เหออีผิง)ก็คุยไปเรื่อยเปื่อยและเหมาะกับบทร้ายดี เจ้าเป่ากังหัวร่อมันส์สะใจ และยิ้มเก่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะโมโหเก่งด้วย จนใคร ๆ ก็กลัว แต่ลู่อี้บอกว่าชินเสียแล้ว คนแสดงเป็นเสี่ยวหยวน(โนฮะระ-ทหารญ๊ปุ่น) เป็นคนญีปุ่นที่พูดจีนและฟังได้ดีทีเดียว คงจะเป็นลูกครึ่ง



โดย: มามิยะในฮาร์บินยามสนธยา (mamiya ) วันที่: 23 ตุลาคม 2551 เวลา:22:06:03 น.  

 
....มามิยะในหมิ่นหนัน

....มามิยะในฮาร์บินยามสนธยา

ช่างเป็นช่วงเวลาที่แตกต่างเสียนี่กระไร

กลางวันอยู่ในหมิ่นหนัน ตกกลางคืนแว่บไปฮาร์บินซะแล้ว

บทสรุป 3 ข้อนั้น ตรงกับใจพี่แค่ 2 ข้อค่ะเพราะเรื่องแบบนี้เคยดูมาหลายเรื่องแล้ว คิดว่าพอจะเข้าใจความรู้สึกของตัวละครทั้ง 3 นี่พอสมควร
โดยเฉพาะลูอี้ ที่ทำตัวสองบุคลิคแบบนี้ คล้ายๆแบทแมนนะคะ(เปรียบกันได้แค่เรื่องทำตัว 2 บุคลิกเท่านั้นนะ นอกนั้นไม่เกี่ยวกันเลยค่ะ)
วีรชนคนกล้าแบบนี้มักมีชะตาชีวิตแสนเศร้าค่ะ ไม่คล้ายวีรชนหรือจอมยุทธที่ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ ในนิยายกำลังภายในค่ะ แบบนั้นสบายกว่าเยอะ
(ตอนแรกคิดจะเรียกว่าฮีโร่แต่ไม่เข้ากับบรรยากาศเล๊ย ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นผู้กล้าดีกว่า)

ทั้งหมดที่ว่ามาพี่ก็ยังรู้สึกชอบอิจิโร่ค่อนข้างมาก(หรือจะถูกใจโจวเจี๋ยตอนใส่ชุดญี่ปุ่นก็ไม่รู้)
บทแบบนี้ ถ้าดูคงต้องเตรียมใจตั้งแต่ต้นว่า ไม่น่าจะรอดนะ
ไม่จากเป็นก็จากตาย(เปอร์เซ็นหลังน่าจะมากกว่าด้วยซ้ำ)

แต่ต้องขอบคุณเจ้าเป่ากังกับหนังดีๆแบบนี้แหละค่ะ ไม่งั้นคงได้เห็นลูอี้เป็นอีหมิน แล้วก็โจวเจี๋ยเป็นอิจิโร่ แบบนี้ ฮิฮิ

มามิ พี่เพิ่งดูเสี่ยวหมิงในเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้จบ โอยยย ..ติดใจหมอนี่ในหลายๆฉากเลยค่ะ เท่ห์ซ๊ะไม่มี
(แอบร้องไห้ไปกับเสี่ยวหมิงในหลายๆตอนด้วย แม้ว่าจะฟังไม่รู้เรื่องก็เถอะค่ะ)
ยิ่งตอนจบพอเหวินเฉียนถูกยิ่งแล้วกล้องจับที่หน้าเสี่ยวหมิงซักพักแล้วค่อยล้มลงนะ น้ำตาซึมเลยค่ะ
แล้วก็ถูกใจฉากที่อุ้มนางเอกเพื่อพาไปหาหมอนั่นอีก เท่ห์ซะไม่มีล่ะ
เรื่องนี้ฉากต่อสู้ในหลายๆซีน ทำเอาพี่เพ้อถึงเสี่ยวหมิงไปเลยค่ะ ผกก.คงอยากให้เสี่ยวหมิงดูเป็นแมนสุดๆ ทั้งเก่งทั้งเท่ห์
คิวบู๊ที่ออกมาเลยโชว์มาดพระเอกซะสุดๆไปเลย ทั้งต่อยทั้งเตะทั้งยิง
จริงๆทำใจไม่ได้อย่างเดียวสำหรับเรื่องนี้คือติงลี่หรืออาลี่ ถ้าไม่เคยดูหลีเหลียงเว่ยมาก่อนนะ คงไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้
ก็ติงลี่เวอร์ชั่นเก่าหล่อกว่าเยอะนี่ค่ะ (เศร้าเลยค่ะ)


สุดท้ายปีนี้ก็ไม่ได้ไปงานหนังสือจนได้ค่ะ แม้ว่าเมื่อวานจะเป็นวันหยุดก็ตาม







โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 24 ตุลาคม 2551 เวลา:18:02:01 น.  

 
แต่ต้องขอบคุณเจ้าเป่ากังกับหนังดีๆแบบนี้แหละค่ะ ไม่งั้นคงได้เห็นลูอี้เป็นอีหมิน แล้วก็โจวเจี๋ยเป็นอิจิโร่ แบบนี้ ฮิฮิ

ตั้งใจจะบอกว่า ไม่งั้นคงไม่ได้เห็นลู่อี้เป็นอีหมิน แล้วก็โจวเจี๋ยเป็นอิจิโร่ แบบนี้

(พิมพ์ตกไป ความหมายเพี้ยนไปเลยเรา)


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 24 ตุลาคม 2551 เวลา:18:06:25 น.  

 
มาคุยเรื่องโจวเจี๋ยหน่อยค่ะ เรื่องนี้ตอนแรกผู้กำกับเลือกดาราชายมาสองคน(ทีมีเวลาให้)คือโจวเจี๋ยกับลู่อี้ ซึ่งยังไม่แน่ว่าใครจะเป็นอีหมินเป็นอิจิโร่ ผู้กำกับก็ถามโจวเจี๋ยว่าอยากจะเล่นเป็นใคร โจวเจี๋ยบอกว่าอิจิโร่ก็ได้อีหมินก็ได้ แต่ใจอยากเล่นเป็นอีหมินตัวเอกมากกว่า ผู้กำกับบอกว่าเล่นเป็นอิจิโร่เถอะ รับรองว่าผลที่ได้ออกมาต้องพิเศษแน่นอน โจวเจี๋ยกลับบ้านไปคิดและด้วยความเชื่อมั่นในตัวผู้กำกับเจ้าเป่ากัง โจวเจี๋ยจึงตกลงรับเล่นเป็นอิจิโร่

ที่ตอนแรกโจวเจี๋ยไม่อยากเล่นเป็นอิจิโร่เพราะว่า บทคนญีปุ่นน่าจะเอาดาราญี่ปุ่นมาเล่น คือไม่เล่นก็เหมือนไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ว่าพอผู้กำกับถามกลับว่าหาให้หน่อยได้ไหมล่ะ โจวเจี๋ยหาให้ไม่ได้เลยต้องเล่นเอง

ปัญหาต่อมาคือเล่นอย่างไรให้เหมือนไม่ใช่คนจีนล่ะ โจวเจี๋ยกลับบ้านไปหัดพูดไม่ชัด ซึ่งเขาสังเกตุจากซันผู่(คนที่เล่นเป็นโนะฮาร่า การพูดภาษาจีนของเขามีสำเนียงที่ไม่เหมือนคนจีน โจวเจี๋ยเลยใช้วิธีการเว้นจังหวะการพูดแบบที่คนจีนไม่ควรจะหยุดก็หยุด ให้มันดูไม่เป็นธรรมชาติ เช่นประโยคว่า "อาจารย์หวัง คุณไปสอนหนังสือหรือยัง?"

ภาษาจีน ว่า "หวังเหล่าซือ หนี่ฉวู้ซรั่งเคอเลอมา?"
แต่โจวเจี๋ยต้องพูดเว้นวรรคใหม่ว่า "หวังเล่าซื่อ หนี่ ฉวู้ ซรั่งเคอเลอมา?"
มันเลยออกมาแบบไม่เป็นธรรมชาติ โจวเจี๋ยบอกว่าขอให้คนดูรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนจีนแท้ ๆ ก็ใช้ได้

ส่วนลู่อี้เมื่อโจวเจี๋ยเป็นอีหลาง เขาก็ต้องเป็นอีหมิน เรื่องนี้ไม่ยอมให้อีหมินมีความรัก แต่สาว ๆ หลายคนก็อยากจะมารักกับอีหมิน ลู่อี้บอกว่าสวนใหญ่ฉากต่าง ๆ เล่นเองหมด ในเรื่องมีอยู่ฉากเดียวคือฉากที่ปีนจากชันสองขึ้นไปบนตึกที่ไม่ใช่เขา นอกนั้นเล่นเองหมด แม้แต่บทถูกทรมาน ซึ่งแผลบนตัวของเขาที่เหมือนจริงมาก ผู้กำกับเจ้าเป่ากังเป็นคนทำให้เอง (เหมือนมากจริง ๆ ) ฉากที่เอาเหล็กมานาบ ลู่อี้บอกว่าหนังที่แปะอยู่บนตัวเขาคือหนังหมูซึ่งมันมีน้ำมันอยู่ด้วย พอเหล็กมานาบมันก็หนาพอที่เขาจะไม่รู้สึกร้อนมาก แต่ก็มีร้อน ๆ บ้าง ลองกันหลายครั้งกว่าจะได้ ผู้กำกับบอกว่าที่ต้องใช้หนังหมูเพราะเวลาเอาเหล็กนาบแล้วมันจะมีควันออกมาเหมือนนาบบนเนื้องคนมาก


พี่ฟงคะ มามิบ้าสวี่เหวินเฉียงที่หลานหมิงแสดงไปพักใหญ่เหมือนกัน แต่ตอนนนี้มีคนใหม่ในใจแล้วค่ะ(เอาอีหมินกดสต็อปไว้ก่อน คนนี้ที่บอกว่าหน้าเหมือนโค่วจง หรือจะทรงผมทำให้รู้สึกเหมือนโค่วจงก็ไม่ทราบค่ะ คิดถึงอยู่ทั้งวันเหมือนกัน อกจะแตกตายอยู่แล้ว ไม่มีใครดูเรื่องนี้เลยสักคน เพื่อนที่มีแผ่นก็ยังไม่มีใครดูเลย มามิพยามยามเล่าให้น้องฟังแต่ไม่มีใคอยากฟังเลย เดี๋ยวคงต้องขึ้นบล็อคมาอีกแหละค่ะ

คนนี้ยังไม่รู้ชื่อเลย ขอหาประวัติสักนิดนะคะ แล้วจะมาเล่าค่ะ

อีหมินขักราง ๆ แล้วล่ะค่ะ แต่ก็ยังชอบอยู่นะคะ เว้นวรรคนิดหนึ่งค่ะ เหอ เหอ

ตอนนี้ชอบฟังเพลงที่น้องเล็กให้มาอยู่ค่ะ เอาเป็นริงโทนไปแล้ว ชอบเพลง
ฉวนเกอ กับ ห่าวหนันเหริน(แทร็ก6)ค่ะ



โดย: มามิยะในกรุงสยาม IP: 124.120.86.110 วันที่: 24 ตุลาคม 2551 เวลา:22:56:31 น.  

 
ดูรูปกันหน่อย เหมือนโค่วจงไหมคะพี่น้อง ดาราคนนี้ชื่อว่า "ฉีจี้" (แหมพ้องเสียงกับคำศัพท์ว่าฉีจี้ที่แปลว่ามหัศจรรย์เลยนะคะหลานฉี) เห็นที่ไรคิดถึงโค่วจงทุกทีเลย
มัวไปหน่อย ถ่ายจากมือถือ





โอ้ย เจอแล้ว.....อะไรกันเนี่ย "เด็กหวังจิง" เซ็งสุด ๆ .....................คราวที่แล้วหวังจิงทำลู่อี้แป้กในเรื่อง "ปาต้าเหาเสีย" ไปแล้ว นี่ฉีจี้เซ็นต์สัญญาเข้าสังกัดหวังจิง อุแม่เจ้า แล้วได้รับบทชื่อแปลก ๆ อีกในเรื่องอะไรสักเรื่องหนึ่ง แต่งตัวก็ประหลาด ขี้เกียจจะใส่ใจแล้ว
คล้าหลินฟงไหม?


โอย ขอเลิกหาประวัติ ให้ดูเรื่อง"เกินไจ้จงหยวน"จบก่อนก็แล้วกัน เซ็ง เซ็ง เซ็ง








โดย: mamiya วันที่: 24 ตุลาคม 2551 เวลา:23:55:04 น.  

 
หมอนี่เล่นเป็น เฉินหยวนกวง รึคะ

อืมมม มีเค้าคล้ายหลินฟงเหมือนกันโดยเฉพาะลูกกะตา
แต่หลินฟงรูปหน้าจะกลมกว่านะ แล้วก็จะดูเศร้ากว่า คล้ายคนมีความในใจค่ะ

เด็กน้อยข้างบนนี่รูปหน้าเรียวเกินไป ที่จริงรูปหน้าแบบนี้เหมาะกับผู้หญิงนะคะ หน้าแบบนี้สวยไปค่ะ ไม่แมน
(อย่างนี้ไม่มีสิทธิไปเล่นเป็นตัวเอกของฮุ้นตงงักแน่ๆ 5555)

ถ้าถามว่าหน้าตาดีไหมก็นับว่า สวย.....เอ่อ!!!! ทำใจบอกว่าหล่อไม่ได้แฮะ ????

แต่ภาพแรกสุดนี่คล้ายโค่วจงจริงๆค่ะ ชื่อฉีจี้ รึคะ

ชอบใจตอนท้ายมากกว่าค่ะ ' มามิยะในกรุงสยาม'
เหมือนกับบอกว่า...กลับเป็นตัวเองแล้วนะ นี่ไง ฮุฮุฮุ

ยกเรื่อง เกินไจ้จงหยวน ไปขึ้นเป็นเรื่องใหม่ก็ดีค่ะ ไม่ค่อยมีหนังอิงประวัติศาสตร์นานแล้วเหมือนกันหลังจากเรื่อง เจิงป้าฉวนฉี ของเฉินคุน

เอ..แต่เรื่อง เกินไจ้จงหยวน นี่เป็นตำนานท้องถิ่นหรือประวัติคนสำคัญเฉพาะท้องถิ่นรึเปล่าน้า
ยังไม่ถึงกับเป็นรัฐบุรุษที่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ใช่ไหมคะ หรือว่าพี่เข้าใจผิดไป

ลืมไปค่ะ มามิ พอจะทราบไหมคะ ว่านอกจากอุ้ยเสี่ยวป้อแล้ว จงฮั่นเหลียงมีหนังเล่นอีกรึเปล่าคะ อยากทราบนะค่ะ

อากาศชักจะเย็นๆแล้วนะ ระวังจะเป็นหวัดนะ







โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:7:42:30 น.  

 
เข้ามาบอกพี่มามิว่า
โหลดเพลงของเสี่ยวหมิงได้แล้วคับ อิ อิ อิ
โฮสเฮงซวยต้องให้เรามานั่งเปลี่ยนไฟล์ กว่าจะได้ฟังเหอๆๆ




โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.165.202 วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:12:29:51 น.  

 
ดีจังเลย น้องเล็กโหลดไพล์ได้แล้ว พี่กำลังยุ่ง ๆ กับหยวนกวง และดูคลิปของลู่อี้เลยไม่ทันได้อัพใหม่ ขอโทษด้วยนะคะ น้องเล็กคะ ตอนนี้พี่ก็ร้องอยู่ 2-3 เพลง “船歌” “破晓” แล้วก็“好男人”(Track 6 Invincible Dynasty) แหม เพราะถูกใจจริง ๆ เลย ต้องขอบคุณนะคะ ที่ส่งเพลงดี ๆ มาให้ฟัง

วันนี้นั่งทำการบ้านไปก็โหลดคลิปลู่อี้มาดูไปด้วย ลู่อี้น่ารักดีค่ะ ภรรยาก็สวย จะเล่าให้ฟังนะคะ


ลู่อี้กับเปาเหล่ยรู้จักกันมา ตั้งแต่เป็นนักเรียนแล้ว และก็รักกันมา 12 ปีตั้งแต่ปี 1996 จนปัจจุบัน ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายต่างก็ชอบทั้งคู่และยอมรับได้ตั้งแต่แรก ลู่อี้จดทะเบียนกับเปาเหล่ยตั้งแต่ปี 2006 ก็สองปีแล้ว ทั้งสองวางแผนว่าจะมีลูกไม่เกินปี 2009 แต่ตอนนี้คลอดแล้วมั้งคะ ลู่อี้ชอบลูกชายเพราะว่าจะได้เล่นกับเขาได้ ลูกสาวเกรงว่าจะจับมานั่งเล่นเกมส์ด้วยกันไม่ได้ แต่เปาเหล่ยบอกว่าลูกสาวลูกชายก็ได้ทั้งนั้น ลูกสาวน่าจะละเอียดอ่อนเอาใจเก่งกว่า

ลู่อี้กับเปาเหล่ยเป็นคนขับรถเร็วทั้งคู่ เคยขับคนละคัน ซิ่งบนทางด่วนถูกจับปรับ หักคะแนนกันมาแล้ว ตอนที่ทั้งคู่ขับรถโดนใบสั่ง เปาเหล่ยจะเอาไปให้เพื่อนที่รู้จักกันช่วยเคลียร์และกำชับเพื่อนว่า “อย่าบอกลู่อี้นะ” เพื่อนหัวเราะแล้วบอกว่า “ทำไมตอนลู่อี้โดนใบสั่งก็บอกว่า “อย่าให้เปาเหล่ยรู้นะ” เหมือนกันเลยล่ะ?” เปาเหล่ยหัวเราะและบอกว่า ตอนที่พ่อของทั้งสองฝ่ายขับรถโดนใบสั่งก็บอกเหมือนกันว่า “อย่าให้ลู่อี้กับเปาเหล่ยรู้นะ” ตลกจัง

ทั้งสองอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ตอนเรียนทั้งคู่เคยเล่นละครคู่กัน เรื่อง “เจีย” (ของปาจิน) โดยเล่นเป็นคู่รักกัน ครูสั่งว่า 2 คนนี้อยู่ด้วยกันตลอดจะเล่นกันได้ไม่ดี ให้ลองแยกจากกันสักอาทิตย์หนึ่ง แต่ทั้งสองแยกกันได้ไม่กี่วัน ตอนทานข้าวด้วยกันในโรงอาหารเจอครูพอดี เปาเหล่ยแก้ตัวไปว่า “ครูคะ พวกเราเพิ่งเจอกันวันนี้เอง” มีอยู่ครั้งหนึ่ง เปาเหล่ยคิดถึงลู่อี้ ไปหาเขา แต่เขาชอบเล่นเกมส์มาก เล่นทีนึงก็เล่นถึงเช้าเลย พอเจอหน้าเปาเหล่ย ลู่อี้ก็ถามว่า “มาทำไม?” เปาเหล่ยตอบว่า “อยากเจอคุณ” ลู่อี้รู้สึกว่าถูกขัดจังหวะการเล่นเกมส์ต่อหน้าเพื่อน ๆ เลยโชว์พาวเวอร์ บอกว่า “เจอแล้ว ก็กลับได้” วันนั้นพอดีฝนตก ลู่อี้วิ่งตากฝนหนีไป เปาเหล่ยเสียใจและโกรธมาก ลู่อี้บอกว่าความจริงตอนนั้นแกล้ววิ่งตากฝน เปาเหล่ยบอกว่า “แผนทรมานตัวเองน่ะสิ” ลู่อี้บอกว่าแผนนี้ผู้ชายทำเป็นกันทุกคนนั่นแหละ ต่อมาเปาเหล่ยแปลกใจว่าไอ้เกมส์นี่มันสนุกขนาดไหนหนอ ทำเอาลู่อี้บ้าขนาดนี้ เธอเลยลองเล่นดูบ้าง อ้าวหนุกดีนี่นา เลยเข้าใจว่าลู่อี้ทำไมถึงชอบเล่นเกมส์ขนาดนี้


รักกันมาตั้งสิบกว่าปีจนแต่งงานกัน เคยถ่ายรูปแต่งงานกันหรือเปล่า ลู่อี้บอกว่าไปถ่ายกันตั้งแต่ตอนเรียนหนังสือแล้ว เพราะตอนนั้นนักเรียนถ่ายได้ในราคาประหยัด คู่ละ 3000 หยวน เมื่อถ่ายไปแล้วตอนแต่งงานกันจึงไม่ต้องถ่ายอีก ถามว่าเคยโกรธกันบ้างไหม ? ลู่อี้บอกว่ามีสิครับ ทำไมจะไม่มี เขาค่อนข้างนิสัยไม่ดี(ว่าตัวเอง) เขาโกรธเปาเหล่ยด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นมีอยู่คืนหนึ่ง เปาเหล่ยบอกว่าหิว แต่ในบ้านไม่มีอะไรนอกจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ลู่อี้เลยไปทำให้ แต่เขาเป็นกุ๊กใหญ่ เวลาทำบะหมี่ทำนานไปหน่อย เพราะต้องหั่นต้นหอมโรย ใส่เครื่องให้ดูน่ากินก่อนเสิร์ฟ ทำไปครึ่งชั่วโมง เปาเหล่ยรอจนหลับไป ลู่อี้เห็นเธอหลับไม่กินแล้ว เลยโกรธ นั่งหน้าบูดอยู่ข้างชามบะหมี่ แต่เปาเหล่ยหลับแล้วไม่รู้ว่าเขาโกรธ ลู่อี้เลยกระแทกโต๊ะ จนเธอตื่น พอเห็นอาการลู่อี้เปาเหล่ยรู้สึกสงสารเลยไปนั่งกินบะหมี่ ส่วนลู่อี้กระแทกเก้าอี้จนหิว ทั้งสองเลยแบ่งกันกินคนละครึ่ง
น่ารักดีนะคะคู่นี้ ขอให้รักกันไปชั่วฟ้าดินสลายเลย ตอนนี้เปาเหล่ยน่าจะคลอดแล้ว ลู่อี้บอกว่าเดือนตุลานี้ลางานทั้งเดือนเพื่อคอยดูแลคุณแม่ลูกอ่อนค่ะ

ส่วนเฉินหยวนกวงที่แสดงโดยฉีจี้ วันนี้ไม่มีอารมณ์อยากดูเลยเมื่อรู้ว่า ฉีจี้เป็นเด็กหวังจิง โดยมีสมญานามว่า “จิงหวังจื่อ” (เจ้าชายของจิง) ฟังแล้ว คลื่นเหียนอย่างไรก็ไม่รู้สิคะ

ดูแต่หนังก็ดีอยู่หรอก อย่าเพิ่งไปคุ้ยประวัติเลย เดี๋ยวจากหล่อจะกลายเป็นสวยอย่างพี่ฟงว่าไปเสียนั่น (ความจริงยังไม่รู้ แค่ความรู้สึกเบื้องต้นนะคะ)

เซ็งอีกครา......ตอนนี้โหลดคลิปเติ้งเชาอยู่จ้า


โดย: mamiya วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:21:24:45 น.  

 
ไม่น่าเชื่อว่าพอเห็นภาพฉีจี้ในเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นหนังของหวังจิง จะทำให้หมดอารมณ์ในการดู "เกินไจ้จงหยวน" ไปมากมายขนาดนี้

เมื่อคืนนั่งดูชักรู้สึกรำคาญฉีจี้ ขึ้นมาตะหงิด ๆ เอ๊ะ นี่เราเป็นอะไรไป อคติบังเกิดอย่างแรงกล้า ทั้ง ๆ ที่แรก ๆ ชอบเฉินหยวนกวงมาก

ตอนนี้เริ่มรู้สึก จะพูดเป็นกลอนดอกสร้อยสุภาษิตไปอีกนานแค่ไหน (ฉานฟังไม่เข้าใจเล้ย) ท่องบทลำบากน่ะสินะ ฉีจี้เอ๋ย ต้องทำเสียงเข้ม ๆ (ตามสไตล์แม่ทัพแล้วยังต้องแบกชุดเกราะอีก เอ้า...จะเห็นใจกันไปก่อนที่ต้องลำบากขนาดนี้ ดูกันต่อไป ....ไหน ๆ ก็ซื้อแผ่นมาแล้วนี่นา


ลืมตอบปัญหาพี่ฟง ตอนนี้มีหนังใหม่ล่าสุดของจงฮั่นเหลียงอยู่ในมืออยู่หนึ่งเรื่องค่ะ ชื่อเรื่อง "ซรั่งไห่หวัง" มีคนบอกว่าดูจนไม่หลับไม่นอนเลยยันสว่างเลยค่ะ มามิยังไม่ได้เปิดดู แต่เห็นปกแล้วเหมือนอยู่ในยุคประมาณกับเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ และ เรื่อง "ตงฟังป้าจู่" ที่หวงเวยเต๋อเล่นน่ะค่ะ ฉากบู๊ออกแนวเว่อร์ ๆ หน่อยค่ะ


โดย: มามิหนีจากหมิ่นหนันแล้ว IP: 124.120.76.234 วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:16:45:20 น.  

 
ดูตัวอย่างหนังได้ที่นี่ค่ะ

//tieba.baidu.com/f?kz=462796530


โดย: มามิยะไม่รู้จะไปไหนจึงกลับไปหมิ่นหนันอีกครา (mamiya ) วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:22:33:46 น.  

 
ตกใจหมดเลย เลือกสไตล์บล็อคแบบเก่าอยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูหวานแหว๋วแต๋วจ๋า อยากใช้แบบเดิมก็ไม่ได้ เลยต้องเปลี่ยนเป็นแบบนี้แหละ เซ็งจิต ทั้ง ๆ ที่เซตค่าเดิมไม่เปลี่ยนแต่มันก็กลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ เลยต้องเปลี่ยนมาใช้อันนี้


โดย: mamiya วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:22:41:53 น.  

 
มามิ ขอบคุณสำหรับข่าวจงฮั่นเหลียงค่ะ

เอ...แปลกใจ สีของบล็อกเปลี๋ยนไป (เมื่อก่อนไม่ใช่สีแบบนี้นี่หว่า) แต่ก็เย็นตาดีเหมือนกันค่ะ

...ว่าแต่ว่า มามิยะไม่รู้จะไปไหนจึงกลับไปหมิ่นหนันอีกครา...

ฮ่าฮ่าฮ่า นึกว่าทำใจไม่ได้กับเด็กหวังจิ้งซะอีก

....ตอนนี้เริ่มรู้สึก จะพูดเป็นกลอนดอกสร้อยสุภาษิตไปอีกนานแค่ไหน (ฉานฟังไม่เข้าใจเล้ย)..(นี่ก็ด้วย 555)

หนังโบราณที่บทพูดเป็นกลอนนี่คงลำบากน่าดูนะ
เคยดูเรื่องโรมิโอกับจูเลียตฉบับคลาสสิก ตอนพากย์ไทยนะ (เกี่ยวกันมั๊ยเนี๊ยะ)
คนแปลก็เก่งนะ เข้าใจว่าฉบับภาษาอังกฤษคงใช้สำนวนเช็คสเปียร์เต็มๆ
เพราะพอแปลไทย ฟังครั้งแรกทำใจแทบแย่ มันคล้ายๆกลอนแต่ก็ไม่ใช่ เป็นที่สำนวนมากกว่า
เอามาดูอีกรอบค่อยซึมซาบความไพเราะของสำนวน(แม้ว่าจะน่าเบื่อในบางฉากก็เถอะ)

นึกถึงภาษาจีนที่เป็นกลอน นี่ยังนึกไม่ออกค่ะ นึกได้ในหนังบางเรื่องเช่นมังกรหยกนะ
แล้วก็อย่างนิยายท่านเนี่ย จำได้ไหม มามิ ที่เราคุยกันว่าภาษาของท่านเพราะมาก(แปลไทยนะ)
เข้าใจว่าต้นฉบับจีน ภาษาที่ใช้ต้องงดงามมากๆ(พี่ใช้คำว่างดงาม มันได้อารมณ์กว่านะ)
แล้วก็ชอบมีกลอนแทรกมาในหลายๆเรื่องด้วย
.
.
.
.
.
. ทำมายวันนี้หนังตามันหนักจังแฮะ

นั่งทำงานอยู่ด้วยแต่ง่วงมากเลยค่ะ คงจะพยายามลากไปได้แค่ทุ่มครึ่งล่ะมั๊งเรา

ม่ายหวายค่ะ คงต้องไปก่อนล่ะค่ะ ZZZZZZ


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 203.144.164.158 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:17:39:56 น.  

 
ได้หนังสือนิยายมาอ่านแล้วค่ะ คนแต่งชื่อ "เฉินหยู" ยังใช้ภาษาแบบเก่า ๆ อยู่บ้าง แต่บรรยายละเอียดดี และก็ไม่ค่อยเหมือนกับบทหนังสักเท่าไหร่ แต่มีความละเอียดกว่าเช่นประวัติของหวังอีหมิน เขาเป็นลูกของบัณฑิตตกยาก และร่างกายไม่ค่อยดี ตัวอีหมินเอง ตอนเด็กป่วยบ่อยมาก และไม่ได้อยู่ที่ฮาร์บินแต่อยู่ที่จี๋หลิน อีหมิน สามวันดีสี่วันไข้ตลอด แต่ต่อมาได้ลุงที่หนีการกลั่นแกล้งของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากเมืองอื่นมาอยู่ด้วย ลุงคนนี้เป็นกังฟู จึงสอนวิชากังฟูให้กับอีหมินเป็นเวลานับสิบปี จึงทำให้อีหมินร่างกายแข็งแรงมาก และเป็นกังฟู กระโดดข้ามกำแพงได้ไม่ยาก
แต่ในหนังพ่ออีหมินเป็นซูฝ่าเจีย(นักเขียนตัวอักษรด้วยพู่กัน)

อ่านต่อไปก่อนนะคะ รู้สึกนางเอกจะไม่ได้ชื่อหลูชิวอิ่งแต่ชื่อหลู่ซิ่วเจวียน(ยังไม่ออก ยังอ่านไม่ถึงค่ะ เปิดไปดูผาด ๆ ยังไม่แน่ใจ ไว้รู้แล้วจะมาเขียนอีกค่ะ

หน้าปกหนังสือค่ะ ใครสนใจลองไปหาอ่านดูบ้างก็ได้นะคะ

นวนิยายฮาร์บินในยุคมืด



โดย: mamiya วันที่: 28 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:02:51 น.  

 
เรื่องนี้ถูกใจจัด ลงทุนซื้อแผ่นแท้มาหลังจากดูแผ่นเทียมไปแล้ว โอโห เห็นชัด ไผฝ้าราคินของทุกตัวละคร แหม ท่าลู่อี้จะสูบจัดนะ ปากดำเชียว หล่อน้อยลงตอนแผ่นชัดมาก ๆ

รู้งี้ดูแผ่นเทียมก็ดีอยู่แล้ว หนังสือก็ซื้อมาอ่าน ปรากฎว่าสาว ๆ ของอีหมินน้อยกว่าในหนังตั้งเยอะ นี่สั่งหนังสือนิยาย “เยียนจือเสวี่ย” มาอ่านด้วย จะผิดหวังอีกหรือเปล่านี่ แต่นิยายเรื่องเย่มู่ฯ ใช้ได้นะ อ่านยากหน่อย ตัวหนังสือเยอะ แต่บรรยายได้ดีเลยทีเดียว อ่านต่อไป


โดย: mamiya IP: 124.121.244.3 วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:22:43:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

mamiya
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคนี้ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิทางปัญญา โดยลิขสิทธิเป็นของผู้เขียน กรุณาให้เกียรติผู้เขียนเมื่อนำไปเผยแพร่ต่อควรขออนุญาตก่อน
[Add mamiya's blog to your web]