你还好吗?
<<
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
5 กรกฏาคม 2552

仙剑奇侠传3 เซียนกระบี่พิชิตมาร 3

หายไปเสียนานเต็มที หลังจากเสียใจกับการจากไปของปรมาจารย์เนี่ยอู้เซ็งจนหลับฝันเห็นกันไปแล้ว กลับมาคราวนี้มาพร้อมกับเกอเกอเกอ(พี่เกอ) หยวนหง และพี่ฮั่วเจี้ยนหัว พร้อมกับดาราหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มอีกมากมาย



ความจริงเรื่องแบบนี้ไม่ใช่สไตล์เราเท่าไหร่ แต่เนื่องจากดูสไตล์ที่ชอบจนชักจะเอียน ๆ และเดาได้กันอยู่แล้ว ก็เลยอยากจะดูอะไรที่กุ๊กกิ๊กและเว่อร์ ๆ บ้าง เรื่องนี้กะดูคนนี้เลย "ฮั่วเจี้ยนหัว" จากเซี่ยกว่านเจียในเรื่อง "ธารชีวิตลิขิตรัก" แล้ว ชักจะใช้ได้แฮะ เรื่องนี้ฮั่วเจี้ยนหัวจะผลิตกลเม็ดเสน่ห์ใด มามัดใจสาว ๆ ได้หนอ อะแฮ่ม อะแฮ่ม(ไอ...พอเป็นพิธี) .....ลองดูกันต่อไป

เซียนเจี้ยน 3 ต่างจากเซียนเจี้ยน 1 ตรงที่เนื้อเรื่องจะมีลักษณะแบ่งเป็นภารกิจแต่ละตอน โดยมีตัวเอกเป็นตัวดำเนินเรื่อง ส่วนภาค 1 นั้นจะเป็นเรื่องต่อกันไปจนจบ ทำใจไว้แล้วว่าต้องเจออะไรที่หลุด ๆ ยุคสมัย เลยดูได้เรื่อย ๆ แบบไม่คิดอะไรมาก คอเกมส์คงจะชอบ เพราะมีหลายอย่างที่ถอดแบบเกมส์มา ที่อยากดูอีกอย่างคือจินตนาการของเนื้อเรื่อง มีโทรศัพท์มือถือแบบโบราณที่หน้าตาไม่อิงโนเกีย โซนี่อิริคสัน หรือว่าค่ายไหน ๆ ทั้งนั้น มันหมุนและมีหงอนยื่นออกมาได้ด้วยดีไซน์เก๋เท่ห์อย่าบอกใครทีเดียวเชียว มันฝรั่งที่แปลงร่างเป็นหญิงสาวได้ และร่มใหญ่ประดุจแม่ค้าขายของออกร้าน น่าสนุกเพลิดเพลินดีไม่น้อย ดูไป 1 ตอนแล้วมาเล่าเป็นตอน ๆ กันเลยค่ะ (อ้อ...ไม่ต้องถามหาภาค 2 นะคะ เพราะมันไม่มี ภาค 1 แล้วกระโดดชั๊วะมาภาค 3 เลย)


แนะนำตัวละครกันก่อน


หูเกอ(胡歌)รับบทเป็นจิ่งเทียน(景天)เสี่ยวเอ้อโรงเตี้ยมอั้นตั้ง(安当)นิสัยขี้เล่นแต่จริงใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น

จิ่งเทียน(สถานะ มนุษย์)เดิมเป็นเทพสวรรค์ผู้ปราบปีศาจฉงโหลว แต่เพื่อช่วยมวลมนุษย์ต่อสู้กับปีศาจจนทำผิดกฎสวรรค์ถูกส่งให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ ชาติที่สองเป็นองค์ชายแห่งรัฐเจียง(姜国)แม้เป็นคนรักสันติแต่ต้องปกป้องประเทศชาติ ที่สุดก็ตายในสงคราม ชาติที่สามจึงเกิดเป็นเสี่ยวเอ้อโรงเตี้ยมที่ต้องเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ และภารกิจที่สวรรค์กำหนดมาแต่ชาติปางก่อน



ฮั่วเจี้ยนหัว(霍建华)รับบทสวีฉางชิง (徐长卿)นักพรตหนุ่มสำนักสู่ซัน(蜀山)วิชาอาคมแกร่งกล้า มีชีวิตเพื่อช่วยมนุษย์ให้พ้นภัยจากปีศาจ เป็นคนสุภาพ เรียบร้อย รักพี่น้องร่วมสำนักเป็นยิ่งนัก

สวีฉางชิง(สถานะ มนุษย์) ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าสำนักสู่ซันมาแต่เด็ก สองชาติก่อนได้เกิดมาเพื่อบำเพ็ญพรตเช่นกัน แต่ด้วยกรรมลิขิตกับจื่อเซวียนทายาหนี่วาทำให้เขาต้องรักกับนางแต่ไม่สำเร็จมาแล้วถึง 2 ชาติ จนชาติที่ 3 สวี่ฉางชิงจะจัดการกับความรักของตนได้อย่างไร?


หยางมี่(杨幂)รับบทถังเสวียะเจี้ยน(唐雪见)สาวน้อยหน้าตาสะสวย หลานสาวตระกูลใหญ่ นางเอาแต่ใจแต่กตัญญูรู้คุณคน

ถังเสวี่ยเจี้ยน(สถานะ มนุษย์)สาวน้อยหลานชาวสุดรักแห่งตระกูลถัง หลังจากท่านปู่เสียชีวิต ความลับที่นางเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยงก็เปิดเผยจนถูกไล่ออกจากตระกูลถัง


หลงขุย(龙葵)รับบทโดยหลิวซือ(刘诗诗) เป็นหญิงสาวอมตะอยู่เพื่อรอยคอยจะได้พบกับพี่ชาย ตอนโมโหนางจะเปลี่ยนร่างเป็นสาวชุดแดงที่โหดร้าย

หลงขุยนางเป็นองค์หญิงแห่งรัฐเจียง แต่เมื่อต้องเสียประเทศชาติพร้อมทั้งญาติสนิททุกคนทำให้นางกระโดดลงในเตาหลอมกระบี่และสิงอยู่ในกระบี่มาร เพื่อรอยคอยวันที่จะได้พบกับพระเชษฐาของนางหรือจิ่งเทียนนี่นเอง


จื่อเซวียน(紫萱)รับบทโดยถังเยียน(唐嫣)ทายาทเทพหนี่วา รักมั่นกับฉางชิงชาติแล้วชาติเล่า

จื่อเซวียนเป็นทายาทของเทพหนีวา นางมีหน้าที่ดูแลมนุษย์ตลอดไป เพื่อสืบทอดทายาทนางต้องให้กำเนิดบุตรธิดา แต่เนื่องจากรักมั่นอยู่กับนักพรตเต๋ากู้หลิวฟัง ทำให้นางต้องตามหาเขาทุกภพทุกชาติ


เม่าซาน(茂山)หรือชื่อเล่นเม่าเม่ารับบทโดยหลินจื่อชง(林子聪) เป็นน้องเพื่อนที่เหมือนน้องบุญธรรมของจิ่งเทียนเนื่องจากเติบโตมาด้วยกัน เม่าเม่ากินจุ รักเคารพและเชื่อฟังจิ่งเทียนมาก


ฉงโหลว(重楼)รับบทโดยหวงจื้อเหว่ย(黄志玮) สถานะ มาร เป็นเจ้าแห่งมารทั้งหลาย ตามหาคู่มือที่สูสีกัน เมื่อพบกับเทียนเผิงในชาติใหม่เป็นจึงตามรบเร้าไม่เลิกรา

ตอนที่ 1 Vampire, Twilight

จิ่งเทียน(หูเกอ)กับเพื่อนอธิษฐานขอดาวตกให้ตัวเองรวย ในขณะนั้นเองจิ่งเทียนได้ของวิเศษคล้ายหยกตกจากท้องฟ้า เขาคิดว่าจะขายได้เงินดีจึงเอาไปขายในเมือง แต่นึกไม่ถึงว่าหยกนี้จะมีพลังดึงดูดกับหยกอีกครึ่งซีกที่อยู่บนตัวของหญิงสาวคุณหนูตระกูลถังชื่อว่าเสวี่ยเจี้ยน(หยางมี่) นางโกรธมากที่ต้องอับอายโดนพลังประหลาดดึงดูดให้ไปถูกเนื้อต้องตัวกับชายที่ไม่รู้จัก ทุกคนในตระกูลพยามยามจัดการเรื่องนี้ให้ แต่จิ่งเทียนเอาตัวรอดได้ด้วยการหาวิธ๊ไม่ให้เสวี่ยเจี้ยนที่กำลังใช้การฆ่าตัวตายเป็นเครื่องต่อรองกับทุกคนให้หาทางลงโทษจิ่งเทียน จากนั้นทั้งสองก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด

จิ่งเทียนเจอบุคคลประหลาดที่บอกว่าเขาจะเป็นคนที่มาช่วยมนุษย์ให้พ้นภัยร้าย แต่เขาไม่เชื่อ หยกนั้นถูกคนประหลาดแย่งไป จิ่งเทียนพยายามหาของวิเศษชิ้นใหม่โดยไปขอจากดาวตกเหมือนเดิม ทำให้เขาได้เจอกับเสวี่ยเจี้ยนอีกครั้ง นางขึ้นเขาไปรองน้ำค้างเพื่อเอามาต้มยาให้ท่านปู่ที่กำลังป่วยหนัก ทั้งสองพบว่าบนเขามีตู๋เหริน(มนุษย์พิษ)มากมาย มนุษย์พิษเหล่านี้มีเขี้ยวยาว หากกัดใครแล้วคนผู้นั้นก็จะกลายเป็นมนุษย์พิษไปด้วย ขณะตกอยู่ในวงล้อมมนุษย์พิษ นักพรตหนุ่มฉางชิง(ฮั่วเจี้ยนหัว)ผู้มีอาคมแก่กล้าได้เข้ามาช่วยไว้ทัน ฉางชิงกำลังพยายามสืบเรื่องนี้เพื่อหาทางช่วยเหลือชาวบ้านในหมู่บ้าน

แท้จริงแล้วตระกูลถังมีชื่อเสียงด้านการใช้พิษ อาจารย์ของฉางชิงและเหล่าศิษย์ทั้งหลายจึงได้มาขอคำปรึกษาหาทางช่วยเหลือมนุษย์พิษ หลังจากปรึกษากันเรื่องมนุษย์พิษแล้ว ท่านปู่ของเสวี่ยเจี้ยนเห็นว่าฉางชิงสุภาพเรียบร้อยจึงอยากยกเสวียะเจี้ยนให้กับเขา เสวี่ยเจี้ยนแอบได้ยินพอดี นางรู้สึกพอใจฉางชิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเฝ้าสังเกตเขาตลอดเวลา

ฉางชิงในฐานะศิษย์คนโตได้รับมอบหมายให้สืบเรื่องมนุษย์พิษ(อ้อ ฝรั่งเรียก vampire อ่ะจ้า) เขาพบว่าคนในหมู่บ้านที่หายไปโดนกรอกยาพิษจนทำให้กลายสภาพเป็นมนุษย์กึ่งผีดิบดูดเลือดไป ในคืนที่ผีดูดเลือดมนุษย์พิษออกอาละวาด ฉางชิงได้จับตัวผีดูดเลือดมาตนหนึ่งซึ่งยังไม่กลายพันธุ์ไปเต็มตัว จากการสอบถามทำให้ทราบว่าเขาชื่อ "เหวินเซวียน" พวกเขาโดนคนร้ายจับตัวไปกรอกยา แม่ของเขาก็เช่นกัน เขาขอร้องให้ฉางชิงกับพรรคพวกช่วยแม่ออกมาจากเงื้อมมือคนชั่วด้วย ฉางชิงสืบเท่าไหร่ก็ไม่ได้ความ แต่พบว่าผีดูดเลือดเหล่านี้กลัวผ้าแดง ทั้งเสวี่ยเจี้ยนและจิ่งเทียนจึงได้ใช้วิธีนี้เอาตัวรอดจากผีดูดเลือดมาได้หลายต่อหลายครั้ง นักพรตเฒ่าอาจารย์ของฉางชิงเห็นว่า เรื่องสงบลงจึงได้พากันกลับสำนักสูซันพร้อมพาผีดิบบางส่วนที่จับได้ไปรักษาด้วย

ตกดึกจิ่งเทียนพบว่ามนุษย์พิษกลุ่มใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่กว่าเดิม ออกอาละวาดอีก คราวนี้ผ้าแดงก็ช่วยไม่ได้เสียแล้ว พวกเขาพยายามเอาตัวรอดจากพวกมนุษย์พิษทั้งหลาย แต่ได้ยินเสียงหญิงสาวร้องให้ช่วย ที่แท้เสวี่ยเจี้ยนก็ออกมาหาน้ำค้างในเวลากลางคืนอีกทำให้นางโดนผีดิบพบเห็นจะเข้าไปทำร้าย จิ่งเทียนเข้าไปช่วย ทั้งหมดแยกกันหนี


จิ่งเทียนกับเสวี่ยเจี้ยนหาทางติดต่อกับฉางชิงเพื่อขอความช่วยเหลือ โชคดีที่ยังมีกระจกสื่อสาร(ก็มือถือดีไซน์เก๋ในหนังนั่นแหละ)ที่จิ่งเทียนบังเอิญได้จากฉางชิง พวกเขาส่งเสียงสอบถามฉางชิง ฉางชิงสอนมนต์กับบทเพลงบังคับปีศาจและกำชับให้ทั้งสองใช้ร่วมกันจึงจะได้ผล จิ่งเทียนกับเสวี่ยเจี้ยนหลบภัยไปได้


ทั้งสองพบว่าผีดิบกลุ่มนี้มีคนใช้เสียงเพลงบังคับให้เดินไปในจุดหมายที่ต้องการ ที่แย่กว่านั้นจุดหมายดังกล่าวก็คือตระกูลถังบ้านของเสวี่ยเจี้ยนนั่นเอง นางห่วงท่านปู่มาก รีบกลับบ้านไปแจ้งข่าว แต่กลับพบว่าท่านปู่หายไป ลุงสามที่พยายามจะชิงตำแหน่งเจ้าบ้านมาตลอดบอกว่าจะปราบผีดิบได้ต้องใช้ "อู่ตู่โซ่ว"(สัตว์เบญจพิษ---อันนี้กิ๊บเก๋สุด ๆ ยามปรกติอู่ตู่โซ่วจะเป็นมันฝรั่ง(ไม่ได้อ่านผิด มันฝรั่งที่เรากินกันนี่แหละจ้า)แต่ยามพลังเลเวลต่ำ ๆ จะเป็นเหมือนตุ๊กตามามี่โป๊ะโกะมีปีกเป็นใบไม้ ตอนพลังเลเวลสูง ๆ จะเป็นสาวน้อยชุดเหลืองร่ายมนต์ถอนพิษ) แต่ไม่มีใครเคยเห็น

เมื่อผีดิบบุกมา คนในตระกูลถังหนีกันเตลิดเปิดเปิง พวกเห็นแก่ตัวเก็บสมบัติหนีภัยกันให้วุ่นวาย มีแต่เสวี่ยเจี้ยนที่ตัดสินใจสู้ตายเพื่อตระกูลถังและพยายามตามหาท่านปู่ แม้แต่ลุงสามก็ยังคิดถือโอกาสตอนวุ่นวายไปหาของวิเศษของตระกูลอย่างอู่ตู๋โซ่วมาเป็นสมบัติของตน แต่เสวี่ยเจี้ยนได้มันมาโดยบังเอิญโดยไม่รู้ตัว

จิ่งเทียนสู้กับผีดิบจนไม่ทันระวังโดนผีดิบข่วน ร่างกายเขาเปลี่ยนไป เล็บดำยื่นยาวเหมือนปีศาจ หน้าตาขาวซีด ตาเป็นสีแดง เขี้ยวงอกออกมา เขาไม่อยากทำร้ายใคร จึงพยายามหลบจากเสวียะเจี้ยน แต่ร่างกายไม่ฟังคำสั่งของเขาอีกแล้ว เขาจะดูดเลือดเสวี่ยเจี้ยน ตอนนั้นเอง ฉางชิงที่พอจะรู้ว่าทางนี้เกิดเรื่องจึงเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน

หลังจากสืบเรื่องราวแล้วจึงทราบว่าคนทรยศในตระกูลถังจับตัวท่านปู่ไป ด้วยความน้อยใจว่าตัวเองไม่มีความสำคัญ จึงเกิดทิฐิคิดตั้งตนเป็นใหญ่ ร่วมมือกับพีลี่ถาง(ตำหนักฟ้าผ่า)เป็นหนอนบ่อนไส้ คิดว่ากำจัดท่านปู่ได้แล้วจะได้เป็นใหญ่เสียที ทั้งสองร่วมกันปรุงยาพิษผลิตมนุษย์พิษมาใช้เป็นเครื่องมือ เมื่อท่านปู่ทราบเรื่องทั้งสองปรับความเข้าใจกัน ความน้อยใจทั้งหลายของคนทรยศจึงหายไปกลายเป็นความละอายจึงฆ่าตัวตายในที่สุด ส่วนเจ้าสำนักพีลี่ถางหลบหนีไปได้

อู่ตู่โซ่วปรากฎตัวเป็นสาวน้อยออกร่ายมนต์ช่วยทุกคนถอนพิษ มนุษย์พิษกลับมาเป็นมนุษย์ธรรมดาอีกครั้ง เหวินเซวียนและแม่ก็ได้รับความช่วยเหลือกลับมาเป็นเหมือนเดิมและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขต่อไป

พวกสูซันกลับสำนัก ท่านปู่กลับตระกูลถังอย่างปลอดภัย อู่ตู๋โซ่วหมดพลังกลายเป็นมันฝรั่งอีกครั้งหนึ่ง ท่านปู่ให้อู่ตู๋โซ่วพักผ่อนในกระถางดินเพื่อรักษาตัวและเพิ่มพลัง(ชาร์แบตฯ) และได้มอบให้เป็นสมบัติของเสวี่ยเจี้ยน

เสวี่ยเจี้ยนแม้จะเคยขอฉางชิงแต่งงานเพื่อท่านปู่ เมื่อจะจากกันนางจึงไปอำลาฉางชิง ฉางชิงได้บอกนางว่าคนที่จะดูแลนางได้อยู่ไม่ไกล เสวี่ยเจี้ยนบอกให้เขาเปิดเผยชื่อคนผู้นั้นฉางชิงใบ้ให้ว่าให้มองขึ้นไปบนท้องฟ้า(จิ่งเทียน- จิ่งแปลว่าทัศนียภาพ เทียนแปลว่าท้องฟ้า)เสวียะเจี้ยนมองไม่เห็นอะไร รบเร้าถาม ฉางชิงไม่กล้าเปิดเผย

**จบตอนหนึ่งแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นตอน ๆ นะคะ ตอนแรกเป็นตอนนำเรื่อง ตอนหลังโครงเรื่องใหญ่มากคงไม่จบในตอนเดียวในการปราบปีศาจแน่นอน

ตอนที่ 2 ความลับ ความรัก ความหลัง

ฉางชิงกลับสำนักไปแล้ว หมู่บ้านกลับสู่ความสงบอีกครั้งหนึ่ง เสวี่ยเจี้ยนได้ไปรองน้ำค้างและเจอกับจิ่งเทียน ทั้งสองเริ่มมีความรู้สึกที่ดี ๆ ต่อกัน จิ่งเทียนพบว่าตนเองมีความห่วงใยต่อเสวี่ยเจี้ยนเป็นพิเศษ

กลางดึกคืนนั้นเอง ปีศาจนกเหยี่ยวที่ชื่อว่าฉงโหลวปรากฎตัว เขาต้องการให้จิ่งเทียนหรือคู่ปรับเก่าขุนพลเทียนเผิงกลับมาต่อสู้กันให้รู้แพ้รู้ชนะอีกครั้งหนึ่ง หลังจากการตามหามานาน ก็พบว่าขุนพลเทียนเผิงหน้าตาเหมือนกับจิ่งเทียน เขาบังคับให้จิ่งเทียนสู้กับเขาโดยมอบกระบี่ให้เล่มหนึ่ง แต่จิ่งเทียนคิดว่าตัวเองเจอผีเข้าให้แล้ว

ด้านสำนักสู่ซัน นักพรตทั้งหลายต่างก็กลุ้มอกกลุ้มใจที่จิตมารที่ถูกจับขึงไว้ที่เจดีย์มีพลังเพิ่มมากขึ้นทุกวันและทำท่าจะหลุดออกให้อยู่แล้ว เจ้าสำนักสู่ซันจึงให้ฉางชิงเดินทางไปรับจิ่งเทียนมา โดยไม่ได้บอกความนัยว่าแท้จริงแล้วจิ่งเทียนคือเทพสวรรค์ที่สามารถกำราบจิตมารได้

ฉางชิงเดินทางไปรับจิ่งเทียน พบว่าจิ่งเทียนกำลังถูกฉงโหลวทำร้ายจึงเข้าช่วยเหลือ แต่มนุษย์ธรรมดาอย่างฉางชิงแม้มีอาคมแก่กล้า มีหรือจะต่อกรกับปีศาจพันปีอย่างฉงโหลวได้ ฉางชิงบาดเจ็บสาหัส จิ่งเทียนใช้เล่ห์คารมไล่ฉงโหลวจากไป

จิ่งเทียนพาฉางชิงกลับไปรักษาที่สำนัก และได้ช่วยนำจิตมารนั้นเก็บไว้ในกล่องจนสำเร็จ เขาพบว่าตนเองและฉางชิงสามารถเปิดประตูติดต่อกับสวรรค์ได้ และยังได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ไปหาของวิเศษยังแดนไกล ตามแผนที่ที่ปรากฎด้วยอำนาจของสวรรค์

จิ่งเทียนเดินทางไปพร้อมกับฉางชิง แต่จิ่งเทียนเกรงว่าจะโดนฉางชิงที่มีฝีมือสูงกว่าทำร้ายจึงให้เขายอมลดตัวเชื่อฟังจิ่งเทียนตลอดทาง ฉางชิงสุภาพเรียบร้อย ไม่รังแกใครอยู่แล้วจึงกล้ารับปากและยอมเชื่อฟังจิ่งเทียนตลอดทาง ระหว่างทางฉางชิงพบปีศาจมากมายจึงขอไปตามจับเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จิ่งเทียนยอม จึงเดินทางกลับไปที่หมู่บ้านก่อน

จิ่งเทียนพบว่าหมู่บ้านตระกูลถังเปลี่ยนไป ท่านปู่ป่วยตาย เสวี่ยเจี้ยนถูกไล่ออกจากตระกูลเพราะทุกคนรู้ว่าเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง จิ่งเทียนหาตัวนางจนพบ และช่วยเหลือนางให้อำลาปู่ในวันส่งศพเป็นครั้งสุดท้าย จื่งเทียนเห็นนางกำลังเศร้าเสียใจ จึงพยายามเอาใจนาง แต่เสวี่ยเจี้ยนหายตัวไป นางไปพบกับสาวใช้เดิมที่เอาของสำคัญที่ท่านปู่มอบให้มาส่งให้กับนายเก่า ของสำคัญนั้นคือ จดหมายของท่านปู่และอู่ตู๋โซ่ว ในจดหมายเขียนปลอบใจเสวี่ยเจี้ยนและให้นางมีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งต่อไป

จิ่งเทียนเห็นนางหายตัวไปจึงตามหา เขาต้องประหลาดใจเมื่อกระบี่เล่มที่ฉงโหลวให้มามีชีวิตจิตใจตามติดเขาตลอด เขาออกตามหาเสวี่ยเจี้ยนก็ต้องคอยหลบกระบี่ไปด้วย จิ่งเทียนตามหาเสวี่ยเจี้ยนถึงกลางดึก ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย เขาเห็นในศาลเจ้าร้างมีหญิงสาวถูกอัลธพาลรุมทำร้าย เขาเข้าไปช่วยหญิงสาวนั้นไว้ กระบี่ตามมาช่วยด้วย จิ่งเทียนพยายามหนีกระบี่ที่ตามรังควาญเขาตลอด แต่มันก็ไม่ไปไหน ในกระบี่นี้มีหญิงสาวชื่อหลงขุย(หลิวซือซือ)สิงอยู่ เมื่อนางออกมาจากกระบี่ได้ก็เข้ามากอดจิ่งเทียนเรียกหาเขาเป็น "หวังซยง"(王兄พระเชษฐา)


ที่แท้ชาติก่อนจิ่งเทียนเป็นรัชทายาทเจียงกั๋วชื่อ "หลงหยาง" พระบิดาเสียชีวิตจากการรบเพื่อป้องกันประเทศ เขาจึงต้องออกศึกแทน การทำศึกยากลำบากมาก ทำให้เขาต้องห่างออกจากน้องสาว "หลงขุย" นางเฝ้ารอเขาทุกวัน เมื่อทราบว่าเขาไม่ต้องการทำศึก โดยจะรบให้ชนะต้องใช้กระบี่มารซึ่งต้องใช้หญิงสาวที่มีสายเลือดเดียวกันโดดลงไปตายในเตาหลอมกระบี่ นางขอหลงหยางใช้ตัวนางเป็นเครื่องบูชา แต่หลงหยางไม่ยอมบอกตัดพี่ตัดน้องกับนาง และออกไปรบจนตัวตาย หลงขุยไม่มีใคร ประเทศชาติก็สิ้นแล้ว จึงได้โดดลงเตาหลอมและสิงอยู่ในกระบี่ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาเพื่อรอพบกับหลงหยางในชาติใหม่นั่นก็คือจิ่งเทียนนั่นเอง กระบี่มารตกทอดต่อมาและที่สุดก็อยู่ในเจดีย์บนสำนักสู่ซัน หลงขุยถูกจิตมารที่ถูกขังใจเจดีย์รังแกจนต้องช่วยตัวเองโดยมีอีกร่างหนึ่งเป็นร่างในชุดสีแดงที่โหดร้ายและเข้มแข็ง แถมมีวิชาฝีมือแก่หล้า หากใครมากระตุ้นให้นางโกรธนางจะกลายเป็นสาวชุดแดงผู้มีธนูเพลิงเป็นอาวุธในทันที นางสามารถช่วยจิ่งเทียนสู้กับอันธพาลได้เพราะเห็นว่าจิ่งเทียนถูกรังแกนั่นเอง หลังจากช่วยจิ่งเทียนแล้ว นางก็สามารถหลุดออกมาจากกระบี่จนได้



หลงขุยเมื่อโกรธจะกลายเป็นสาวชุดแดง "หงขุย" (ทานตะวันสีแดง)ทันที



หลงขุย ยามปรกติจะสวมเสื้อยาวสีฟ้า


จิ่งเทียนไม่รู้นางพูดเรื่องไร้สาระอะไร แต่เห็นท่าทางน่าสงสารจึงบอกว่าจะช่วยตามหาพี่ชายให้ แต่ห้ามเรียนเขาเป็นพระเชษฐาให้เรียกพี่ชายก็พอ นางเข้ามากอดเขาไว้ เสวี่ยเจี้ยนเข้ามาเห็นพอดี ด้วยความหึงหวงจึงเกิดทิฐิออกเดินทางไปแสวงโชคโดยลำพังโดยมีอิ๋งฮวาหรืออู่ตู่โซ่วในร่างมันฝรั่งเก็บใส่ในกระเป๋าไว้กับตัวตลอดเวลา


จิ่งเทียนไม่พบเสวียะเจี้ยนจึงชวนเม่าเม่าน้องชายบุญธรรมและหลงขุยออกเดินทางไปด้วยกัน พอดีฉางชิงกลับมาจึงนำเงินมาให้เถ้าแก่โรงเตี้ยมตังอันเพื่อจ่ายหนี้ที่จิ่งเทียนค้างเถ้าแก่อยู่ เงินจำนวนนี้พอกับที่จิ่งเทียนจะซื้อโรงเตี้ยมไว้ได้ตามคำสัญญาของนักพรตสู่ซันที่บอกว่าจะให้เขาเป็นเจ้าของโรงเตี้ยมหากช่วยนำจิตมารออกจากเจดีย์ จิ่งเทียนให้เพื่อนช่วยดูแลโรงเตี้ยมไว้จนกว่าเขาจะกลับมาจากการปฎิบัติภารกิจต่าง ๆ

ทั้งหมดออกเดินทางไปเจอเสวี่ยเจี้ยนระหว่างทางจึงร่วมขบวนไปด้วยกัน จิ่งเทียนกับเสวี่ยเจี้ยนปะทะคารมกันตลอดเวลา หลงขุยมักกลายเป็นสาวชุดแดงอยู่เสมอแต่ไม่เคยกลายร่างให้จิ่งเทียนเห็น ทำให้จิ่งเทียนไม่เชื่อว่า สาวน้อยที่อ่อนแอและเรียบร้อยจะกลายร่างเป็นนางมารไปได้ ฉางชิงสงสัยว่านางจะเป็นมารหรือไม่ก็ปีศาจ จึงคอยจับตาสังเกตตลอด

ฉงโหลวได้กลับมาหาจิ่งเทียนเพื่อขอให้มาสู้กันอีก ฉางชิงขวางไว้ จนถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ฉงโหลวกำลังจะทำร้ายซ้ำ ทันใดนั้นเองมีงูใหญ่สีแดงเข้ามาช่วยฉางชิงไว้ก่อน ทั้งสองต่อสู้กันดุเดือด ฉงโหลวทราบว่างูใหญ่(ขนาดอนาคอนด้า)นี้คือทายาทของเทพธิดาหนี่วา เมื่อสู้ไม่ได้ก็ต้องถอยไป หญิงสาวผู้นี้ชื่อว่าจื่อเซวียน นางกลับมาหาฉางชิงที่สลบอยู่แล้วพร่ำรำพันว่า "รู้หรือเปล่า ตลอดมาก็มีแต่เจ้าคนเดียว เจ้าคนเดียวเท่านั้น" แต่ฉางชิงที่สลบอยู่ไม่ทันได้ยิน หญิงสาวผู้นี้โดนหญิงสาวสูงวัยกว่าชื่อเซิ่งกู(นารีเทพ)มาดึงตัวไปและสั่งไม่ให้นางขัดขวางฉางชิงสู่หนทางแห่งการเป็นเซียน ฉางชิงฟื้นขึ้นมารู้สึกประหลาด ๆ แต่ไม่เห็นใคร พอดีจิ่งเทียนมาพบเข้า พวกเขาจึงออกเดินทางต่อ

เมื่อมาถึงจุดหมายแรกเพื่อไปกระทำภารกิจในการหา "ถู่หลิงจู"(ไข่มุกธาตุดิน) พวกเขาก็ได้พบกับเรื่องประหลาด คหบดีในหมู่บ้านโดนสูบพลังชีวิตจนร่างซูบซีดตายอยู่กลางป่า สาววัยกลางคนหน้าตาสวยงามเป็นที่ต้องสงสัย นางมีพฤติกรรมประหลาด ชอบออกจากบ้านในตอนกลางคืน ฉางชิงออกไปสืบ เขาได้พบกับหญิงสาวที่ชื่อจื่อเซวียนอีก เขารู้สึกเหมือนเคยเจอนางที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออก ฉางชิงเห็นว่านางเปิดร้านเหล้าโดนชายหนุ่มทั่งหลายบังคับให้ดื่มเหล้า ด้วยความมีเมตตาเขาจึงดื่มเหล้าแทนนางเพราะเห็นว่าที่ชายเหล่านั้นมาเร่งรัดให้นางดื่มเนื่องจากตนเองได้รับเชิญแล้วไม่ยอมดื่อม ฉางชิงเมาสลบไป ตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองถอดเสื้อผ้าจึงเข้าใจผิดว่าล่วงเกินนาง จื่อเซวียนบอกว่าเสื้อผ้าเขาเปียกเสี่ยวเอ้จึงถอดให้ ไม่มีอะไรเกินเลย ฉางชิงจึงอำลาจากไป

จิ่งเทียนเห็นว่าฉางชิงท่าทางเหนื่อยอ่อนจึงให้พักอยู่ที่โรงเตี้ยมแล้วให้เม่าเม่าช่วยดูแล เขาไปเจอกับจิงจิง จิงจิงมีร่างเป็นลิงยักษ์ที่ช่วยคณะจิ่งเทียนโดยบังเอิญของจนได้ไข่มุกธาตุดินมาในที่สุด แต่จิงจิงต้องเสียชีวิตจากการต่อสู้กับผู้เฝ้าไข่มุก และเลี่ยหลูเจ้าสำนักพิลี่ถางที่หนีไปได้หลังจากปะทะกับคนของตระกูลถังในครั้งก่อน(ในตอนแรก)ก่อนตายจิงจิงได้ถ่ายทอดวิชาให้จิ่งเทียนทำให้เขาเพิ่มพลังฝีมือขึ้นอีก 1 ขั้น(เก็บเลเวลได้แล้วจ้า)

จิ่งเทียนและพรรคพวกฝังศพจิงจิง และทั้งหมดก็พบเห็นสาววัยกลางคนอีกครั้ง ทั้ง 3 รีบตามไปจนพบว่าสาววัยกลางคนเข้าไปที่บ้านร้างหลังหนึ่ง ทุกคนเห็นนางกำลังร่ายมนต์ใส่ผู้ชายคนหนึ่ง จิ่งเทียน หลงขุย และเสวียะเจี้ยนจะเข้าไปช่วย สาววัยกลางคนที่แท้เป็นปีศาจจิ้งจอกแดง นางจับทั้ง 3 เอาไว้ และแย่งเอาไข่มุกธาตุดินไป เพราะมันมีพลังในการรักษาสามีที่ป่วยของนางได้ คณะของจิ่งเทียนเม่าเม่ากับฉางชิงที่อยู่ที่โรงเตี้ยมทราบเรื่องจากกระจกสื่อสารรีบตามไปช่วย

ฉางชิงมาถึงบ้านของสาวปีศาจจิ้งจอกแดงเพื่อช่วยทั้งหมดฉางชิงรีบช่วยคนจึงต่อสู้กับจื่อเซวียนจนทำร้ายนางบาดเจ็บ จื่อเซวียนเสียใจมาก เซิ่งกูบอกว่าเห็นหรือยังว่าคนที่ลืมนางไปแล้วทำกับนางอย่างไรบ้าง แต่นางกลับเฝ้าคิดถึงแต่เขา แท้จริงแล้วเขาเป็นคนอย่างไร ให้นางตัดใจเสียเพราะอย่างไร ฉางชิงก็จะตัดสินใจบำเพ็ญพรต รับใช้ลัทธิเต๋าอยู่ดี จนในที่สุดต้องกลายเป็นเซียน เมื่อเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าจื่อเซวียนจะไม่คุ้มค่ากับการรอยคอยอย่างยาวนานถึง 200 ปีเลยสักนิด จื่อเซวียนฟังด้วยความเศร้าและบอกว่าจะไม่พบกับเขาอีกแล้ว เซิ่งกูบอกให้คิดถึงเลือดเนื้อเชื้อไขที่ชื่อ “ชิงเอ๋อร์”(青儿) ให้มากไว้ จื่อเซวียนนิ่งคิดไม่ตอบคำ



จื่อเซวียน ความรักของนางมีแต่คำว่า "รอคอย"


ฉางชิงช่วยทั้งหมดไว้ได้ จิ่งเทียนไม่เชื่อว่าหลงขุยจะเป็นสาวเสี้อแดง แต่เมื่อนางเปลี่ยนร่างบ่อย ๆ จิ่งเทียนเริ่มเชื่อเมื่อหลายคนบอก แม้แต่เม่าเม่าก็เคยเจอ จิ่งเทียนให้หลงขุยสารภาพ นางยอมรับและเล่าเรื่องเมื่อชาติปางก่อนให้ฟัง จิ่งเทียนทราบเรื่องรู้สึกเห็นใจ แต่ฉางชิงได้รับคำสั่งให้ส่งนางกลับไปยังที่ที่ควร จิ่งเทียนเข้าใจว่าฉางชิงจะฆ่านาง แต่แท้จริงแล้ว เขาเปลี่ยนเอาเลือดของเขาให้กับนาง ต่อไปนางจะกลายเป็นมนุษย์ไม่ต้องหลบแดดเนื่องจากเป็นคนของเมื่อ 400 ปีแล้วสิงอยู่ในกระบี่จนเป็นกึ่งคนกึ่งวิญญาณอีกต่อไป

ทั้งหมดกลับไปที่บ้านจิ้งจอกแดง เซิ่งกูคืนไข่มุกธาตุดินให้กับทั้งหมด เนื่องจากได้ใช้รักษาสามีของปีศาจสาววัยกลางคนเรียบร้อยแล้ว และบอกให้นางรีบหนีไปไกล ๆ เมื่อคณะของจิ่งเทียนกลับมาจึงไม่เจอกับปีศาจจิ้งจอกอีก ฉางชิงใช้กระจกสื่อสารรายงานอาจารย์ว่าภารกิจแรกสำเร็จแล้ว อาจารย์บอกให้เขาเดินทางต่อไปเพื่อค้นหา "หั่วหลิงจู" (ไข่มุกธาตุไฟ)


(*ตอนติดต่อกับอาจารย์ที่เขาสู่ซันนี่เดิ้นจริง ๆ ฉางชิงเอาอะไรมาจุดก็ไม่รู้คล้าย ๆ กำยาน มันจะมีควันออกมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์กราฟฟิคเป็นควันยาว ๆ แล้วรูปอาจารย์ทั้ง 5 ก็ปรากฏเป็นภาพ เหมือนเล่นเว็บแคมฯ เลยแต่เดิ้นกว่าตรงที่จอมันจะโผล่ขึ้นมาในอากาศเลย เห็นเป็นภาพซีเปียร์ ชอบ ๆ นอกจากมีโทรศัพท์แบบกระจกที่ส่งไพล์เป็น audio ได้แล้วยังมีการสื่อสารทางภาพแบบ video ได้อีก ชักอยากเป็นศิษญ์สำนักนี้เสียแล้ว ไม่ต้องถืออะไรให้เมื่อยมือ เสกเอาได้ทันใจ อิ อิ ....)

จิ่งเทียนบอกให้ฉางชิงออกไปก่อนเพราะเขามีเรื่องจะคุยกับอาจารย์ทั้ง 5 จิ่งเทียนรู้ความลับว่าหลังจากกลับไปแล้ว อาจารย์ของฉางชิงอาจมีภัยถึงชีวิต แต่เหล่าอาจารย์ห้ามไม่ให้จิ่งเทียนบอกความลับนี้แก่ฉางชิง จิ่งเทียนรายงานเพิ่มเติมว่าฉางชิงมีอาการประหลาด ๆ เมื่อพบกับจื่อเซวียน จิ่งเทียนเล่าว่าเห็นเขายืนเหม่ออยู่หน้าระฆังเหมือนคิดอะไรบางอย่างแต่คิดไม่ออก เหล่าอาจารย์เริ่มกังวล โดยเฉพาะอาจารย์สายตรงของฉางชิง

จิ่งเทียนรบเร้าให้พวกอาจารย์บอกความจริงเกี่ยวกับความลับของฉางชิง พวกอาจารย์ไม่ยอมบอกเพราะมันลับสุดยอดจริง ๆ แต่จิ่งเทียนขู่ว่าไม่อย่างนั้นหากเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีคนช่วยฉางชิงได้เลย และยิ่งไปกว่านั้นเขาอาจจะไม่ช่วยปราบจิตมารให้อีกด้วย เหล่าอาจารย์กังวลในตัวฉางชิงมาก จึงให้จิ่งเทียนคอยจับตาดูอารมณ์ต่าง ๆ ของเขาให้ดี จากนั้นก็ปรึกษากันจนได้ข้อสรุปว่าจะบอกความจริงนี้กับจิ่งเทียนโดยหารู้ไม่ว่าเสวี่ยเจี้ยนแอบอยู่ใต้เตียงฟังความลับนี้เช่นกัน ก่อนบอกอาจารย์ทั้งหลายให้จิ่งเทียนสาบาน เขาสาบานว่าจะไม่บอกความลับนี้อออกไปเป็นอันขาด หากแพร่งพรายออกไปขอให้หาเมียไม่ได้ และไม่มีลูกหลานสืบสกุล อาจารย์ทั้งหลายจึงบอกความลับ ความรัก ความหลังนั้นให้จิ่งเทียนฟัง

จิ่งเทียนพยายามจับตาดูฉางชิงตามที่สัญญาไว้ แต่กลับสังเกตเห็นปฎิกริยาของเสวี่ยเจี้ยนที่แปลกออกไป เขาพบว่านางก็รู้ความลับนี้เหมือนกันจิ่งเทียนบอกให้เสวี่ยเจี้ยนสาบานว่าจะไม่แพร่งพรายเพราะเขาสาบานแรง ๆ ออกไปแล้ว เสวี่ยเจี้ยนไม่ยอมจึงได้ทะเลาะกันอีก นอกจากนี้ปฎิกริยาที่เสวี่ยเจี้ยนมีต่อฉางชิงก็เปลี่ยนไปด้วย เสวี่ยเจี้ยนบอกว่าผู้ชายไม่ใช่ตัวดีทั้งนั้นจึงวิ่งไล่ตีจิ่งเทียน หลงขุยมาเห็นจึงโกรธจนกลายร่างเป็นสาวชุดแดงเตรียมจะสังหารเสวี่ยเจี้ยน จิ่งเทียนปกป้องนางสุดชีวิต กระบี่มารก็โกรธเสวี่ยเจี้ยนด้วยจึงดึงทั้งคู่ขึ้นฟ้าไปอย่างหยุดไม่ได้ หลงขุยกลับสู่ร่างสีฟ้าดังเดิม และแจ้งให้ฉางชิงทราบว่านางทำให้ทั้งสองต้องโดนกระบี่ลากไป แต่ไม่รู้ไปไหน

ฉางชิง หลงขุย เม่าเม่าขึ้นขี่กระบี่บินไปในท้องฟ้า แต่เม่าเม่าที่ฝันอยากไปที่ฉางอันมานานเห็นว่าด้านล่างเป็นเมืองฉางอันจึงก้มลงดูจนเวียนหัวตกลงไป ฉางชิง หลงขุย เม่าเม่าตกลงไปที่เมืองฉางอัน เม่าเม่าวิงเวียนหนัก(เมาเครื่องของกระบี่มารแอร์ไลน์น่ะค่ะ)จึงต้องพักผ่อนในโรงเตี้ยม วันรุ่งขึ้นจึงจะออกเดินทางได้



ด้านจิ่งเทียนกับเสวี่ยเจี้ยนตกลงมาที่เมืองเมืองหนึ่ง เมืองเมืองนี้คือเมือง “จี๋เล่อ”(สุดหฤหรรษ์)ที่มีหั่วหลิงจูอยู่นั่นเอง แต่พวกเขาพบว่าเมืองนี้ไม่ได้สุดแสนจะสุขสบายอย่างที่พวกเขาคิด เพราะบรรยากาศในเมืองอึมครึมและแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของความตายอยู่ทุกอณู เสวี่ยเจี้ยนได้ยินเสียงของฮวาอิ๋ง(อู่ตู่โซ่ว-สัตว์เบญจพิษ ชื่อนี้เสวี่ยเจี้ยนเป็นคนตั้งให้)ส่งผ่านกระจกสื่อสารมา จึงส่งเสียงตอบและบอกว่าพวกเขาอยู่ที่เมืองจี๋เล่อแล้ว เมื่อจิ่งเทียนสอบถามว่าพวกฉางชิงอยู่ที่ไหน ฉางชิงบอกว่าพวกเขาอยู่ที่ฉางอันโดยไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ต้องรอถึงรุ่งสาง ฉางชิงเตือนให้จิ่งเทียนอย่าพูดกับใครในตอนกลางคืน เพราะพวกเขาอาจไม่ใช่คนก็ได้ เสวี่ยเจี้ยนรู้สึกกลัวมากแต่แสร้งทำเป็นไม่กลัว ฉางชิงบอกให้พวกเขาหาโรงเตี้ยมพักก่อนแล้วพรุ่งนี้จะไปสมทบ

จิ่งเทียนกับเสวี่ยเจี้ยนตกลงจะรอฉางชิงมาเพื่อเดินทางไปหาหั่วหลิงจูด้วยกัน แต่พลันมีพบว่าบนพื้นมีป้ายผ่านทางแดนนรกอยู่ พวกเขาหยิบขึ้นมาดูทันใดนั้นเองก็มีคนประหลาดหน้าตาซีดขาวออกมาแนะนำตัวว่าเป็นทูตแห่งยมโลก เอาน้ำแยกวิญญาณออกมาขายให้กับทั้งสอง น้ำนี้เมื่อดื่มแล้ววิญญาณจะออกจากร่างและสามารถเข้าไปในแดนนรกได้ จิ่งเทียนต่อรองราคาและซื้อไว้ เพื่อคืนนี้อาจมีโอกาสเดินทางสู่ประตูนรกไปเที่ยวยมโลกสักครั้ง คนผอมซีดมองดูเสวี่ยเจี้ยนอย่างกรุ้มกริ่ม ดวงตาของเขาไม่น่าไว้ใจ จิ่งเทียนประกาศว่าเสวี่ยเจี้ยนเป็นเมียของเขาเพื่อไม่ให้คนผอมซีดคิดไม่ซื่อ จากนั้นทั้งสองก็ไปหาโรงเตี้ยมจากการนำทางของคนผอมซีด

จิ่งเทียนและเสวี่ยเจี้ยนมาถึงโรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง พบกับเถ้าแก่เนี้ยชรา หน้าตานางน่ากลัวอย่างประหลาด แต่ก็ยังเป็นคน นางบอกว่าน้ำแยกวิญญาณที่แท้ก็เป็นน้ำจับเลี้ยงธรรมดานั่นเอง เสวี่ยเจี้ยนโกรธมาก จิ่งเทียนอยากฆ่าคนผอมซีดที่มาหลอกพวกเขา ก่อนแยกเข้าห้องพัก คนผอมซีดมากระลิ้มกระเหลี่ยเสวี่ยเจี้ยนอีก ทั้ง 2 กลัวคนผู้นี้จึงต้องพักรวมกัน คืนนั้นเอง มีเสียงประหลาดจนเสวี่ยเจี้ยนตื่น ที่แท้เป็นเสียงกรนของจิ่งเทียน แม้เขากับนางจะไม่ค่อยถูกกัน แต่เสวี่ยเจี้ยนก็รู้สึกดี ๆ เมื่อมีจิ่งเทียนอยู่ใกล้คอยให้ความช่วยเหลือและดูแลนางเสมอ

เถ้าแก่เนี้ยชรากำลังจะปิดร้าน แขกคนใหม่ของโรงเตี้ยมก็มาถึง นางคือจื่อเซวียนเดินทางมาเพื่อช่วยเหลือฉางชิงเพราะนางรู้ว่าเขาจะมีภัยเมื่อมาถึงเมืองนี้ นางบอกให้เถ้าแก่เนี้ยชรานำเครื่องเขียนมาให้ แต่จิ่งเทียนที่ตื่นขึ้นมากลางดึกเช่นกันซุกซนไม่มีอะไรจะทำจึงอาสาเถ้าแก่เนี้ยไปส่งเครื่องเขียนให้แขกผู้นี้ เขาแอบเอาพู่กันวาดรูปหมูบนคอของเสวี่ยเจี้ยนที่นอนหลับอยู่ เหมือนกับฉายาที่เขาตั้งให้นางว่า “แม่หมู” จากนั้นก็ไปที่ห้องของจื่อเซวียนเพื่อส่งของ

เขารู้สึกว่าจื่อเซวียนเป็นหญิงสาวที่สวยมาก จื่อเซวียนให้เขาทานขนมจนหลับไป และแปลงร่างเป็นจิ่งเทียนสู้กับทหารแห่งโลกหฤหรรษ์(จี๋เล่อเจี้ย)แล้วบุกไปยังแดนมารโลกันตร์แห่งนี้ ในโลกแห่งนี้มีนางมารชุดแดงเป็นผู้ดูแล แต่ถูกฉงโหลวควบคุมไว้ ฉงโหลวได้พบกับจื่อเซวียนอีกครั้ง เขารู้สึกประทับใจที่นางมีรักอันมั่นคงให้แก่ฉางชิงในชาตินี้หรือกู้หลิวฟังในชาติก่อนเมื่อ 200 ปีที่แล้วนั่นเอง ทั้งสองต่อสู้กันฉงโหลวทำร้ายนางบาดเจ็บสาหัส

เจ้าสำนักสู่ซันเข้าฝันจิ่งเทียน เพื่อให้เขาไปช่วยจื่อเซวียน และสอนมนต์สะกดให้บทหนึ่ง แต่มนต์บทนี้จะต้องใช้ในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น จิ่งเทียนถามว่าเวลาเหมาะสมคืออะไร เจ้าสำนักสู่ซันบอกว่าเดี๋ยวก็รู้เอง จิ่งเทียนช่วยจื่อเซวียนได้สำเร็จด้วยการพูดกระตุ้นให้ฉงโหลวเกิดอารมณ์ 3 แบบคือ ดีใจ เสียใจและซึ้งใจ เมื่อใช้มนต์วิเศษในเวลาที่ฉงโหลวมีอารมณ์เช่นนั้นจึงสะกดฉงโหลวได้ ลูกน้องของฉงโหลวเห็นนายบาดเจ็บจึงรีบพาหนีไป

จิ่งเทียนบอกว่าฉางชิงเป็นหนี้เขาแล้วเพราะเขาได้ช่วยคนรักของฉางชิงเอาไว้ คณะของจิ่งเทียนได้พาจื่อเซวียนกลับมายังที่พัก เมื่อฉางชิงมาถึง เขาพยายามช่วยจื่อเซวียนโดยการถ่ายทอดพลังให้ แต่กลับพบว่าจื่อเซวียนเป็นเทพทายาทของเจ้าแม่หนี่วา ตบะการบำเพ็ญเพียรเพียง 27 ปีของเขาไม่สามารถช่วยเทพที่มีการบำเพ็ญเพียรถึง 200 ปีได้ จิ่งเทียนติดต่อ(ผ่านระบบดาวเทียมสื่อสารทางภาพ)กับเจ้าสำนักสู่ซัน อาจารย์ทั้งหลายเห็นว่ามีอยู่ทางเดียวคือ เปิดผนึกความจำของฉางชิง ให้การบำเพ็ญพรตถึง 3 ชาติของเขากลับคืนมาก็จะมีพลังพอที่จะช่วยจื่อเซวียนได้ แต่อาจารย์สายตรงของฉางชิงขัดขวางไว้เนื่องจากเกรงว่าจะรบกวนทางสู่การเป็นเซียนของฉางชิง ทั้งหมดถกถึงปัญหานี้กันยกใหญ่ เกรงว่าหากฉางชิงรู้ความจริงแล้วจะกลับสู่เพศฆราวาส จิ่งเทียนเร่งรัดเนื่องจากจื่อเซวียนกำลังจะตายอยู่แล้ว ในที่สุดเจ้าสำนักทั้งหลายก็เห็นว่าเพื่อช่วยชีวิตจื่อเซวียนแล้ว มีแต่เปิดผนึกความจำในชาติก่อนของฉางชิงเท่านั้น ฉางชิงถูกเรียกตัวเข้ามา เพื่อให้เตรียมตัวรับรู้อดีตชาติของตน

ฉางชิงบอกว่าตัวเองรับไหว แต่เขารู้สึกว้าวุ่นใจมาก เขาเดินเข้ามาหาจื่อเซวียน ทุกคนออกจากห้องไป ฉางชิงเริ่มร่ายมนต์เพื่อช่วยจื่อเซวียนอีกครั้ง และแล้วภาพในอดีตชาติก็เริ่มปรากฏ......

เมื่อ 200 ปีที่แล้ว ในตลาดยามค่ำคืน งานโคมไฟมีผู้คนเต็มไปหมด สาวน้อยนางหนึ่งใส่หน้ากากออกมาเดินชมความคึกคักในตลาด นางชื่อว่าจื่อเซวียนปีนี้อายุ 16 ปี นางมิได้มาคนเดียวแต่มากับพี่เลี้ยงที่ชื่อเซิ่งกู จื่อเซวียนสนใจการเล่านิทานของชายผู้หนึ่ง เขาเล่าเรื่องเทพเจ้าหนี่วาและฝูซี ทั้งสองเริ่มสร้างโลกและสร้างมนุษย์ จื่อเซวีนเห็นว่าคนเล่านิทานเล่าช้าเพราะต้องการเก็บเงินจากผู้ฟังในแต่ละรอบ นางจึงเล่าเอง ขณะนั้นเองมีชายหนุ่มสวมหน้ากากผู้หนึ่งมองดูนางอย่างชื่นชม จื่อเซวียนเล่าจบแล้ว นางเดินชมงานโคมไฟ(งานนี้เป็นงานโคมไฟบวกกับแฟนซีหน้ากากนะจ๊า คนที่มาเที่ยวงานก็สวมหน้ากากกันทั้งนั้น) ด้วยความซุกซน นางเล่นซ่อนแอบกับเซิ่งกูจนไปปะทะเข้ากับชายหนุ่มสวมหน้ากากผู้นั้น ทั้งสองรู้จักกันและได้ทราบว่าเขาชื่อกู้หลิวฟัง เป็นนักธรรม(ระดับประเทศ)ที่มาสนทนาธรรมตามคำเชิญของเจ้ารัฐ เขาตั้งใจว่าหลังจากงานนี้แล้วจะบวชเป็นนักพรต จื่อเซวียนพาเขาไปเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ ในฐานะเจ้าบ้าน ทั้งสองเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น จื่อเซวียนรู้สึกว่าตัวเองหลงรักกู้หลิวฟังเข้าให้แล้ว แต่แล้ววันหนึ่งกู้หลิวฟังบอกว่าจะต้องกลับแล้ว นางบอกว่าจะแต่งงานกับเขา แต่หลิวฟังบอกว่าเขาจะบวชแล้ว หาก 3 ปีนางยังไม่เปลี่ยนใจเขาจะรักษาสัญญาแต่งงานกับนาง เขาให้หน้ากากสีทองไว้แทนสัญญารัก


จื่อเซวียน ในชาติแรก นางเกิดมาเพื่อรักชายคนหนึ่งชาติแล้วชาติเล่า


หลิวฟังกลับไปเริ่มศึกษาเต๋าและบวชเป็นนักพรต แต่ใจของเขากลับไม่สงบเลย ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็คิดถึงวันเวลาที่อยู่กับจื่อเซวียนท่องเที่ยวไปด้วยกันและสอนหนังสือให้กับนาง ด้านจื่อเซวียนก็คิดถึงแต่หลิวฟัง นางเริ่มหัดเรียนหนังสือและเขียนจดหมายถึงเขา หลิวฟังรออ่านจดหมายของนางเสมอ การบำเพ็ญพรตของเขาเริ่มมีปัญหาเสียแล้ว วันหนึ่งอาจารย์ให้ศิษย์เอาหนังสือ(แบบร้อยไม้ไผ่)มาตาก หลิวฟังที่กำลังตอบปัญหาธรรมอยู่ เมื่อทราบว่าอาจารย์ให้เอาหนังสือมาตากก็ตกใจ รีบกลับไป อาจารย์เห็นท่าทางเขาแปลก ๆ จึงตามมาดูและพบว่าในห้องของเขามีภาพของหญิงสาวที่เคยมาขวางคณะนักพรตไว้ อาจารย์ทั้งหลายเห็นว่าหลิวฟังมีคุณสมบัติบรรลุเป็นเซียนได้ จึงพยายามส่งเสริมเขาให้เดินในมรรคาแห่งเต๋าโดยยอมโกหกว่าจื่อเซวียนตายไปแล้ว ที่พวกเขาสืบทราบได้ นางป่วยจนได้ แรก ๆ หลิวฟังไม่เชื่อแต่ต่อมาอาจารย์ทั้งหลายพูดจนเขาเชื่อจนได้

วันเวลาผ่านไป แม้หลิวฟังจะศึกษาเต๋าแต่เขาก็ไม่เคยลืมจื่อเซวียน เมื่อมีโอกาสกลับไปยังสถานที่ที่เขาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง หลิวฟังก็ได้กลับมาระลึกความหลังยังสถานที่ต่าง ๆ ที่ทั้งสองเคยไปด้วยกัน หลิวเซวียนพบว่ามีใครแอบสะกดรอยเขา จื่อเซวียนนั่นเอง เขาพบว่านางยังไม่ตาย หลิวฟังไม่อาจห้ามความรักที่อัดอกได้อีกแล้ว เขาบอกกับนางว่าจะหวนคืนสู่ฆราวาสและแต่งงานกับนาง หลิวฟังพาจื่อเซวียนไปหาอาจารย์ เขาเข้าไปถามอาจารย์ว่าทำไมต้องหลอกเขา ยังไม่ทันจะได้สะสางกันอย่างชัดเจน จื่อเซวียนที่รออยู่ด้านนอกก็เผาอารมนักพรตจนไฟลามไปทั่ว พวกนักพรตช่วยกันดับไฟ หลิวฟังรีบมาช่วยจื่อเซวียนออกจากกองเพลิง รีบพานางหนีเพราะอารามแห่งนี้เป็นอารามหลวง นางวางเพลิงเช่นนี้ต้องถูกทางการจับไปทำโทษแน่นอน

นักพรตที่อารามต่างวิ่งตามจับทั้งสอง เมื่อถึงบริเวณหน้าผา หลิวฟังถามจื่อเซวียนว่ายังจำเรื่องของเทพหนี่วาได้หรือไม่ว่า มีอยู่วันหนึ่งที่เทพหนี่วาขึ้นไปบนเขากับพี่ชายฝูซี เนื่องจากทั้งสองเป็นพี่น้องกัน ไม่สามารถมีอะไรกันได้ แต่เทพหนี่วาได้อธิษฐานกับสวรรค์ว่าหากสวรรค์ต้องการให้ทั้งสองคู่กันให้เมฆปิด เมฆก็ปิดท้องฟ้าไปจริง จากนั้นทั้งสองจึงมีทายาทด้วยกัน เนื่องจากตอนนั้นมีมนุษย์หญิง- ชายเพียง 2 คนเท่านั้น(อดัมกับอีฟนี่นา) คราวนี้หลิวฟังกับจื่อเซวียนอธิษฐานบ้าง แต่ท้องฟ้ากับเปิดจนสว่าง สวรรค์ไม่ต้องการให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน หลิวฟังจึงชวนนางโดดจากหน้าผา หลิวฟังเป็นมนุษย์เมื่อตายไปแล้วจึงไปเกิดชาติใหม่เป็นหลินเย่ผิง ส่วนจื่อเซวียนเป็นทายาทเทพหนี่วา ไม่มีวันตาย นางรอหลิวฟังจนกว่าจะได้พบกับเขาในชาติต่อมา


100 ปีต่อมา ในอารามนักพรต นักพรตหนุ่มที่เคร่งต่อการปฎิบัติธรรมกำลังสั่งสอนศิษย์อยู่ เขาชื่อว่า หลินเย่ผิง หลังจากสอนศิษย์เรียบร้อยแล้วเขายังไปช่วยคนกวาดลานวัดกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาเต็มพื้น ขณะกำลังกวาดลานวัดอยู่นั้นเอง เขาก็พบเห็นผ้าพันคอผืนหนึ่ง เมื่อมองขึ้นไปบนต้นไม้เขาเห็นหญิงสาวอายุเยาว์กำลังจ้องมองเขาอยู่ นักพรตเย่ผิงอดหวั่นไหวใจไม่ได้ หญิงสาวผู้นี้สวมชุดชนเผ่าแม้ว ดูไปแล้วไม่ใช่คนพื้นที่นี้ นางมองเขาทำให้ไม่ทันระวังพลัดตกลงมาจากคบไม้ เย่ผิงเข้าไปรับร่างนางไว้ได้ทัน ทั้งสองเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน เย่ผิงรู้ตัวว่าชาย-หญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน เขาขอโทษนาง นางยิ้มให้กับเขาอย่างอ่อนหวาน

ชาวบ้านกลุ่มใหญ่ขอร้องให้นักพรตเย่ผิงช่วยไปเตือนสามีพวกนางที่ตอนนี้ไปติดพัน สาวแม้วซึ่งมาเปิดร้านเหล้าอยู่จนทำให้สามีพวกนางไม่เป็นอันกินอันนอน ต้องไปหานาง ดื่มเหล้ากับนางทุกคืน นักพรตเย่ผิงไปตามคำขอร้อง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่มีคนสนใจ เย่ผิงไม่รู้จะทำอย่างไร จึงดื่มเหล้าแทนสาวสวยชนเผ่าแม้วผู้นั้น เขาเมาหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าสาวแม้วกำลังจ้องมองเขาอยู่ สาวแม้วบอกว่านางดูออกว่าเย่ผิงใจเต้นแรงเมื่ออยู่ต่อหน้านาง เย่ผิงปฎิเสธ แต่ความจริงแล้วเขารู้สึกทั้งประหม่า ทั้งขวยอาย เนื่องจากเขาเป็นนักพรต ไม่สามารถจะใกล้ชิดกับผู้หญิงได้ เย่ผิงกลับไปสู่อารามของตน แต่ใจเขาไม่สงบเสียแล้ว เย่ผิงได้รับการขอร้องจากชาวบ้านให้ไปเตือนสาวแม้วอีก แต่ไม่รู้ว่าเพราะต้องการช่วยชาวบ้านหรือว่าหัวใจเรียกร้องกันแน่ เขาไปตามคำขอร้องและพยายามห้ามนางดื่มเหล้าทำร้ายตัวเอง แต่ไม่สำเร็จ เย่ผิงประกาศให้ทุกคนทราบโดยการเคาะระฆังประกาศว่าเขาจะแต่งงานกับสาวแม้วผู้นี้ เขาไปที่อารามและประกาศเรื่องแต่งงานให้ทุกคนทราบ ชาวบ้านล้วนแต่สาปแช่ง ส่วนเหล่าลูกศิษย์ก็รู้สึกเสียดายอาจารย์ พวกเขาพยายามขอร้องให้นักพรตเย่ผิงกลับมาสอนธรรมะพวกเขาเหมือนเดิม แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร นักพรตเย่ผิงก็ไม่ยอม เพราะได้ตัดสินใจแล้ว เขาจูงมือสาวแม้หรือจื่อเซวียนจากไปอย่างไม่สนใจใยดีผู้ใดอีกฃ
คืนนั้นพวกเขาทั้งสองจัดพิธีแต่งงานกันในตอนเข้าหอ เย่ผิงค่อย ๆ ถอดเสื้อของนางออก เขาพบว่าบนไหล่ของนางมีรอยสักประหลาดอยู่ เขาถามนาง นางบอกว่าไม่อยากพูดถึง ตอนนี้ขอเพียงมีเราสองคน เย่ผิงคิดไปว่านางอาจผ่านชายอื่นมาก่อน หรืออาจมีชายอื่นในใจ ในเมื่อนางไม่พูดเขาจึงไม่ถาม ตอนเช้าเย่ผิงตื่นขึ้นมาลืมตามองดูจื่อเซวียนด้วยความรัก แต่นางกลับละเมอหาชื่อของคนอื่น นางเรียกหาคนผู้นั้นว่า “หลิวฟัง”

ชีวิตคู่ของทั้งสองน่าจะไปได้ด้วยดีหากไม่มีคนชื่อหลิวฟัง เย่ผิงเก็บเรื่องนี้ไว้ในหัวใจจนเป็นหนามที่บ่งให้เจ็บปวดตลอดเวลา วันหนึ่งทั้งสองไปเดินตลาด จื่อเซวียนเห็นคนขายหน้ากาก หน้าการใบหนึ่งเหมือนกับที่หลิวฟังเคยให้เป็นของหมั้นกับนาง นางเข้าไปซื้อและมอบให้เย่ผิง เย่ผิงถามว่าให้ทำไม จื่อเซวียนบอกว่าเพราะนางอยากให้เขามอบหน้ากากให้นาง นางชอบคนที่มอบหน้ากากให้ เมื่อเย่ผิงได้ยินความไม่พอใจต่าง ๆ ก็ปะทุขึ้นมาทันที เขาอาละวาดระบายอารมณ์โดยการทำลายเผิงขายของจนพินาศ

ชีวิตคู่ของเย่ผิงและจื่อเซวียนจากนั้นก็ไม่ดีมาตลอดจนจื่อเซวียนไม่รู้จะทำอย่างไร นางเสียใจมากจึงหนีเย่ผิงไปที่แคว้นของตน ที่แคว้นหนันเจ้าของนางนั้นพอดีเกิดการกบฏ นางถูกจับตัวไว้ ขณะจะโดนทำร้ายเย่ผิงผ่าอันตรายเข้ามาช่วย เย่ผิงตัวคนเดียวไหนเลยจะสู้ทหารเป็นกองร้อยได้ เขาถูกทหารระดมหอกแทงจนถึงแก่ชีวิต ก่อนสิ้นลมเขาถามนางว่า ในใจนางยังมีใครนอกจากเขาอีก จื่อเซวียนบอกว่า “ล้วนเป็นเจ้า ตลอดมาล้วนเป็นเจ้า หลิวฟังก็คือเจ้า เย่ผิงก็คือเจ้า” เมื่อเย่ผิงตายแล้ว จื่อเซวียนเสียใจอย่างหนัก นางนำเด็กคนหนึ่งไปให้เจ้าสำนักสู่ซัน เด็กผู้นี้เจ้าสำนักทั้งหลายบอกว่าอีก 27 ปีต่อมาจะมีเคราะห์ จื่อเซวียนจึงมอบลูกชายที่ชื่อ “ชิงเอ๋อร์” ไว้ให้นักพรตทั้งหลายเลี้ยงดู จากนั้นนางก็จากไป



ฉางชิงเห็นภาพถึงตรงนี้ก็เข้าใจทุกอย่างจนกระจ่างแจ้ง เขาร่ำลาจื่อเซวียนและบอกว่าภาระกิจของเขายังไม่เสร็จสิ้น ก่อนจากกันเขาหาของใช้ เสื้อผ้าต่าง ๆ ให้กับนางเพื่อใช้ในการเดินทางมากมาย จื่อเซวียนเริ่มเข้าใจและเริ่มปลงได้ นางบอกว่าทุกชาตินางต้องเห็นฉางชิงจากไป มาคราวนี้ขอนางไปก่อนบ้าง จื่อเซวียนขี่ม้าจากไป

(มาถึงตรงนี้เกิดปัญหาสำคัญ ที่แท้ฉางชิงเป็นคนรักที่กลับชาติมาเกิดหรือเป็นลูกชายของจื่อเซวียนกันแน่ หลังจากตามหากระทู้จากเน็ตแล้ว พบว่ามีคนดูสงสัยจุดนี้มากมาย ยังมีความสัมพันธ์กับฉงโหลวอีก แต่เรายังดูไม่ถึง คงต้องดูกันต่อไป ความเห็นแตกเป็นสองกระแส

1. ลูกของจื่อเซวียนกับเย่ผิง เป็นผู้ชาย จื่อเซวียนเอาไปให้นักพรตเลี้ยง เด็กคนนี้อยู่ที่สุ่ซัน และบอกว่าอายุ 27 มีภัย นั่นก็คือฉางชิง ตัวชิง ของฉางชิงกับตัวชิงของชื่อเด็ก ชิงเอ๋อร์นั้นออกเสียงเหมือนกัน แต่เขียนคนละตัว มีสิทธิ์ว่าจะเป็นฉางชิง นี่คือเนื้อหาของหนังที่บอกว่าลูกของจื่อเซวียนเป็นผู้ชาย

2. ในเกมส์ลูกของจื่อเซวียนกับเย่ผิงเป็นผู้หญิง ซึ่งก็คือ ชิงเอ๋อร์แม่ของหลิงเอ๋อร์(หลิวอี้เฟย) ในภาค 1 หมายความว่าจื่อเซวียนเป็นย่า และหลินเย่ผิงเป็นปู่ของหลิงเอ๋อร์นในภาค 1 นั่นเอง
สองประการนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ กลุ่มที่เล่นเกมส์มาก่อนบอกว่า จื่อเซวียนกับฉางชิงเป็นคนรักกัน 3 ชาติ แต่กลุ่มที่ดูหนังชุดนี้บอกว่าเป็นลูก เพราะเป็นผู้ชาย คงต้องรอดูจนจบแล้วเราจะมาสรุปอีกทีค่ะ)

รู้ความจริงแล้วไปเฉลยข้างล่างนะคะ ตรงนี้เขียนอะไรมากไม่ได้แล้ว

เสวี่ยเจี้ยนเห็นฉางชิงไม่ทัดทานจื่อเซวียนทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยพอใจเขา พวกผู้ชายล้วนไม่ใช่ตัวดี นางต่อว่าฉางชิงและไม่อยากร่วมทางกับเขา แต่ฉางชิงไม่สนใจ จิ่งเทียนพยายามหยอกเย้านาง ทั้งสองยังคงเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเหมือนเดิม

ภาระกิจในการหาหั่วหลิงจูยังคงดำเนินต่อไป จิ่งเทียนใช้ความหล่อและเจ้าคารมของตัวเองในการหลอกล่อปีศาจสาวที่ต้องดื่มน้ำแกงที่แกว่งด้วยหั่วหลิงจูจึงจะคงความงามไว้ได้ เขายอมล่อนางเข้าหอและให้นางถอดสร้อยที่ร้อยหั่วหลิงจูเอาไว้ เสวี่ยเจี้ยนพบว่าตัวเองหลงรักจิ่งเทียน นางหึงหวงเขามากที่เขาทำดีกับนางปีศาจ เสวี่ยเจี้ยนไม่เข้าใจจิ่งเทียนคิดว่าเขาเปลี่ยนใจไปหานางปีศาจจริง ๆ นางบอกเสียงดังว่าเขาหลอกนางปีศาจเพื่อเอาหั่วหลิงจู แต่ยังไม่ทันพูดจบก็โดนจิ่งเทียนจบ เพราะจิ่งเทียนไม่รู้จะห้ามนางไม่ให้เปิดโปงได้อย่างไร เสวี่ยเจี้ยนโกรธมาก งอนหนีไป


หัวกุ่ยหวัง(火鬼王) รับบทโดย หานเสี่ยว(韩晓)ปีศาจสาวที่ดำรงรูปโฉมไว้ด้วยหั่วหลิงจู



เมื่อทั้งหมดได้หั่วหลิงจูมา และปีศาจสาวเมื่อไม่มีหั่วหลิงจูก็สลายกลายเป็นอากาศไป จิ่งเทียนต่อสู้กับพวกปีศาจและรอดออกมาได้ที่สุด คนผอมซีดมาทวงสัญญาว่าเขาจะได้หญิงที่จิ่งเทียนกอดคนแรกเป็นภรรยา นั่นก็คือเสวี่ยเจี้ยนนั่นเอง แต่จิ่งเทียนเข้าใจว่าตัวเองกอดคนแรกก็คือเม่าเม่า คนผอมซีดคงไม่ต้องการ เมื่อคนผอมซีดเห็นเสวี่ยเจี้ยนจึงตามนางไป และหลอกนางว่าจิ่งเทียนมีจดหมายมาง้อ นางเปิดอ่านแต่ในจดหมายมีควันสลบ เสวี่ยเจี้ยนสลบไป ดีที่คุณชายตระกูลเหลย(หยวนหง)ชื่อเหลยอวิ๋นถิง(雷云霆)มาช่วยไว้ได้ทัน แท้จริงแล้วอวิ๋นถิงมีโรคประหลาดที่ต้องใช้หั่วหลิงจูรักษาเขาจึงมาหาของวิเศษดังกล่าวที่เมืองนี้

ตอนที่ 3 เหลยอวิ๋นถิง



อวิ๋นถิงพานางกลับไปที่ตระกูลของเขาซึ่งอยู่อีกเมืองหนึ่ง พวกจิ่งเทียนสืบทราบว่านางถูกจับตัวไปจึงรีบตามไปทันที ระหว่างทางจิ่งเทียนมอบเหล้าฉางชิงจึงรู้ว่าฉางชิงรักจื่อเซวียน(บอกว่ารัก ตะโกนว่ารัก แต่ไม่รู้ว่ารักแบบไหน หรือจะหลอกคนดูไปก่อนหว่า? หรือหนังจะพลิกผันตอนหลัง ยังไม่แน่ใจ) เมื่อฉางชิงถูกเปิดโปงความในใจ เขาบอกว่า วาจาหลังฤทธิ์สุรา ไม่น่าเชื่อถือ

เมืองของอวิ๋นถิงอุดมสมบูรณ์ ทุกคนต่างให้การยกย่องตระกูลเหลย จิ่งเทียนเที่ยวเล่นสนุกสนานเนื่องจากได้หั่วหลิงจู และถู่หลิงจูมาแล้ว ฉางชิงเตือนว่ายังมีเหลยหลิงจู(ไข่มุกสายฟ้า)อีกที่คาดว่าจะอยู่ในเมืองนี้เหมือนกัน และต้องช่วยเสวี่ยเจี้ยนด้วย จิ่งเทียนทำเป็นไม่สนใจ

เสวี่ยเจี้ยนได้รับการต้อนรับอย่างดี นางให้ฮวาอิ๋งไปหาจิ่งเทียนและให้เขาหาทางมาช่วยนาง แต่จิ่งเทียนไม่ใยดี เสวี่ยเจี้ยนที่แอบมองอยู่เห็นจิ่งเทียนมีความสุขดีไม่เห็นสนใจเป็นห่วงนางสักนิด จึงโกรธมาก อวิ๋นถิงเอาใจใส่นางมาก ถึงกับตกแต่งห้องของนางให้เหมือนกับที่นางเคยอยู่ เสวี่ยเจี้ยนแม้จะซาบซึ้งและรู้สึกของคุณแต่คนที่นางรักก็คือจิ่งเทียน หลงขุยเข้ามาช่วยพูดให้ทั้งสองคืนดีกัน แต่เสวี่ยเจี้ยนและจิ่งเทียนก็ยังเล่นแง่ หลงขุยไม่รู้จะทำอย่างไรจึงต้องถอยไปก่อน

เสวี่ยเจี้ยนมาเจอจิ่งเทียนอีกครั้ง ทั้งสองพบกับอวิ๋นถิง อวิ๋นถิงเชิญทั้งสองไปที่บ้านของเขา จิ่งเทียนบอกว่าเขาเป็นญาติผู้ใหญ่ของเสวี่ยเจี้ยนเพราะก่อนตายท่านปู่ได้ฝากฝังนางไว้กับเขา เสวี่ยเจี้ยนได้แต่เออออตามไปด้วย แต่จิ่งเทียนกลับยัดเยียดเสวี่ยเจี้ยนให้อวิ๋นถิง ทำให้เสวี่ยเจี้ยนเสียใจมาก วิ่งหนีไป อวิ๋นถิงไปปลอบใจนางและทราบความในใจของนาง คืนนั้นเขาไปที่หลุมศพของภรรยา นางตายในวันเข้าหอ เนื่องจากอวิ๋นถิงเป็นคนประหลาดหากใครเข้าใกล้จะโดนพลังฟ้าผ่าในตัวเขาดูจนตาย จิ่งเทียนก็เคยโดนมาแล้วเช่นกัน ด้วยเหตุนี้อวิ๋นถิงจึงเป็นคนที่โดดเดี่ยวตลอดมา และไม่สามารถแต่งงานให้กำเนิดทายาทได้

วันหนึ่งจิ่งเทียนไปท่องเที่ยวชมตลาด เห็นเสวี่ยเจี้ยนออกมาเดินตลาดกับอวิ๋นถิงเช่นกัน เขาแอบน้อยใจเล็กน้อย แต่เมื่อม้าตัวหนึ่งผยศ อวิ๋นถิงรีบเข้าไปช่วยเสวี่ยเจี้ยนไว้ เขาพบว่าเสวี่ยเจี้ยนไม่ถูกสายฟ้าฟาดเหมือนคนอื่น ๆ เขาดีใจมาก ทุกคนในตระกูลของเขาก็ดีใจเช่นกัน เนื่องจากมีสาวคนหนึ่งที่แม้อยู่ใกล้อวิ๋นถิงแล้วก็ไม่เป็นอะไรเลย ทุกคนเห็นว่าคู่นี้เหมาะสมกันมาก

เสวี่ยเจี้ยนได้พบกับจิ่งเทียนอีก แต่จิ่งเทียนบอกให้นางรีบไปแต่งงานกับคุณชายตระกูลใหญ่ที่อ่อนโยนและเอาใจอย่างอวิ๋นถิงดีกว่าจะได้ไม่ต้องลำบากอีก เสวี่ยเจี้ยนโกรธและต่อว่าเขาที่เอานางเป็นเดิมพันกับคนผอมซีด จิ่งเทียนอธิบายว่าเขาเข้าใจว่าคนที่เขากอดคนแรกคือเม่าเม่า เขาไม่เคยคิดว่าจะเป็นนางเลย(แต่จิ่งเทียนก็กอดเสวี่ยะเจี้ยนเป็นคนแรกไปแล้วจริง ๆ ตอนที่ทั้งสองบุกเข้าไปในแดนหฤหรรษ์) เสวี่ยเจี้ยนเชื่อเขา นางขอหั่วหลิงจูไปช่วยอวิ๋นถิง เนื่องจากทราบว่าเขาต้องการมันไปรักษาโรคประหลาด จิ่งเทียนไม่ยอม ทั้งสองจึงทะเลาะกันอีก จี่งเทียนไล่ให้นางไปแต่งงานกับอวิ๋นถิง ญาติผู้ใหญ่อย่างเขาจะได้หมดภาระ เสวี่ยเจี้ยนงอนจึงบอกว่าจะไปแต่งกับอวิ๋นถิงจริง ๆ จิ่งเทียนไล่นางไป คืนนั้นเขากินเหล้าเมาและตะโกนว่าตัวเองรักเสวี่ยเจี้ยน ฉางชิงก็บอกอีกว่า วาจาหลังฤทธิ์สุรา ไม่น่าเชื่อถือ จิ่งเทียนที่สร่างเมาในตอนเช้ารีบสนับสนุนคำพูดนี้ทันที ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อน เขามักบอกว่าวาจาหลังดื่มสุราเป็นวาจาจากใจจริง

จิ่งเทียนเริ่มรู้สึกตัวว่าทำเกินไป จึงไปขอโทษหลงขุยและบอกให้นางรีบหาทางช่วยพูดกับเสวี่ยเจี้ยนแทนตนเอง หลงขุยเห็นว่าจิ่งเทียนอ่อนโยนกับนางและพูดกับนางด้วยวาจาหวานหู นางอยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป จึงคิดไปว่าหากไม่มีเสวี่ยเจี้ยนจิ่งเทียนหรือหลงหยางในชาติก่อนก็จะรักและเอ็นดูนางคนเดียว หลงขุยตัดสินใจไม่ไปพูดกับเสวี่ยเจี้ยนแทนจิ่งเทียน

จิ่งเทียนเห็นพิธีวิวาห์จัดเตรียมกันเป็นงานใหญ่ คนทั้งเมืองตื่เต้นกับงานนี้มาก ทุกคนดีใจ และอวิ๋นถิงกับเสวี่ยเจี้ยนก็ออกมาประกาศงานแต่งงานให้ทุกคนทราบ เขารู้สึกเจ็บปวดและอยากได้เสวี่ยเจี้ยนกลับคืนมา แต่สายไปเสียแล้ว



เหลยอวิ๋นถิง(หยวนหง-ดารารับเชิญ) ทายาทตระกูลเหลยผู้สูงส่งและอ่อนโยน มีโรคประหลาดติดตัว




เอาอีกแล้วจ้า เกินกว่าบล็อคจะรับเนื้อเรื่องย่อได้อีกแล้ว ไปต่อกันข้างล่างนะจ๊ะ




ไว้ค่อยมาเล่าต่อค่ะ

















Create Date : 05 กรกฎาคม 2552
Last Update : 20 กรกฎาคม 2552 21:33:17 น. 160 comments
Counter : 29052 Pageviews.  

 



ฉางชิงใช้กระจกสื่อสารติดต่อกับจิ่งเทียน



หลงขุยปลอมตัวเป็นทหารเพราะออกช่วยหลงหยางออกศึกป้องกันประเทศ



หลงขุยมองจิ่งเทียนที่สลบไสลด้วยความดีใจ ในที่สุดนางก็พบพระเชษฐาหลงหยางอีกครั้ง



ฮวาอิ๋งหรืออู่ตู๋โซ่ว ในคราบมนุษย์เป็นสาวน้อยแสนสวย นางมีอิทธิฤทธิ์ต่ำแม้จะสามารถช่วยคนได้แต่มักหมดแรงก่อนเสมอ




โดย: mamiya วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:38:51 น.  

 
จิ่งเทียน



















โดย: mamiya วันที่: 9 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:09:04 น.  

 
หลงขุย - หลงหยาง

















โดย: mamiya วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:33:44 น.  

 
สวีฉางชิง










































โดย: mamiya วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:40:05 น.  

 
ทำไมไม่ให้หลิวอี้เฟย

เป็นนางเอก

โปงๆๆๆ


อยากให้หลิวอี้เฟยเป็นนางเอกคับ



และจะมีภาคต่อมะคับ


โดย: ปอน IP: 124.121.76.44 วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:17:07 น.  

 
คุณปอนคะ "เซียนกระบี่ ภาค 1" ฉายที่เมืองไทยแล้ว พระเอกคือ หูเกอ นางเอกคือหลิวอี้เฟย ค่ะ

ภาค 2 ไม่มี ภาค 3 ย้อนอดีตไปที่ยุคก่อนหลิงเอ่อร์(นางเอกซึ่งก็คือหลิวอี้เฟยในภาค 1)ค่ะ

ส่วนภาค 3 นี้เมืองไทยยังไม่ฉายค่ะ ภาค 4 เห็นว่ามีคนถามถึงอยู่แต่ที่เมืองจีนก็ยังไม่ได้สร้างค่ะ

ดูภาพกันต่อ

顾留芳กู้หลิวฟัง(ฉางชิง ชาติแรก) - จื่อเซวียน






จื่อเซวียนฟังกู้หลิวฟังบรรยายเรื่องเต๋าอย่างใจจดใจจ่อ


林业平หลินเย่ผิง(ฉางชิง ชาติที่สอง) เขาเป็นนักพรตผู้เคร่งครัดแต่เมื่อเจอกับจื่อเซวียน จึงแต่งงานกับนาง ชีวิตคู่ที่ไม่ลงรอยทำให้นางหนีกลับหนันเจ้ากั๋ว สุดท้ายเขาก็ตามมาช่วยนางจนสิ้นชีวิต


โดย: mamiya วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:43:40 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ น่าสนุกจัง แต่คงต้องรอให้เป็นพากยืไทยหรือซับอังกฤษค่ะ ไม่งั้นคงดูไม่รู้เรื่อง


โดย: มิโดริ (momoka ) วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:25:59 น.  

 
หวงจื้อเหว่ย -เจ้าแห่งมาร เท่โคตร
เดี๋ยวนี้คอสตูมหนังจีน ยิ่งดูยิ่งปวดหัว
นึกว่าหูเกอใส่เสื้อยืดอยู่ข้างใน 555

ภาคแรกดูแต่ตอนต้น ยังดูไม่จบเลยยย
หย่างมี่สวยดีนะคับ
เดี๋ยวดึกๆแวะมาอ่านเนื้อเรื่องต่อคับ อิ อิ


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.163.5 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:51:21 น.  

 


เรื่องย่อ

ต่อตรงนี้จ้า

จิ่งเทียนเห็นพิธีวิวาห์จัดเตรียมกันเป็นงานใหญ่ คนทั้งเมืองตื่นเต้นกับงานนี้มาก ทุกคนดีใจ และอวิ๋นถิงกับเสวี่ยเจี้ยนก็ออกมาประกาศงานแต่งงานให้ทุกคนทราบ เขารู้สึกเจ็บปวดและอยากได้เสวี่ยเจี้ยนกลับคืนมา แต่สายไปเสียแล้ว จิ่งเทียนขอร้องให้หลงขุยไปช่วยพูดกับเสวี่ยเจี้ยนให้แกล้งแต่งงานเพื่อเอาหั่วหลิงจูมาก็พอ ไม่ต้องแต่งจริง ๆ แต่หลงขุยบอกว่าเสวี่ยเจี้ยนอาจชอบคุณชายเหลยจริง ๆ ก็ได้ จิ่งเทียนขอให้นางไปช่วยพูดให้ หลงขุยไม่อยากขัดใจจิ่งเทียน จึงยอมไปหาเสวี่ยเจี้ยน

เสวี่ยเจี้ยนดีใจที่ได้เจอหลงขุย รีบถามถึงจิ่งเทียน แต่หลงขุยบอกว่าพี่ชายฝากให้อวยพรให้กับงานแต่งงานของเสวี่ยเจี้ยน เสวี่ยเจี้ยนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ถามย้ำอีกหลายครั้ง หลงขุยบอกว่าพี่ชายของตนไม่เคยรักเสวี่ยเจี้ยนเลย ที่ดูแลก็เพราะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับปู่ของนางก่อนตายเท่านั้น เสวี่ยเจี้ยนเสียใจมาก

อวิ๋นถิงให้คนจัดคณะละครเข้ามาแสดงในตอนกลางคืนเพื่อฉลองงานแต่งงาน เสวี่ยเจี้ยนออกไปหาซื้อของในตลาดกับบริวารของอวิ๋นถิง นางได้พบกับจิ่งเทียนที่ออกมาเดินเล่นกับหลงขุยและเม่าซาน ทั้งสองแม้เจอหน้ากันก็เหมือนคนแปลกหน้า ต่างเดินไปอีกทางหนึ่ง สุดท้ายทั้งสองคนก็สลัดหลุดจากการตามของคนอื่น ๆ มาพบกันอีกจนได้ ทั้งสองเคอะเขินเมื่อเจอกันอีกครั้ง เสวี่ยเจี้ยนบอกว่านางกำลังจะไปทำผมเพื่องานคืนนี้ จิ่งเทียนอาสาสระผมและหวีผมให้นางเอง เขาว่าคนรู้ใจเสวี่ยเจี้ยนคงไม่มีใครเกินเขา


หลงขุยกับเสวี่ยเจี้ยน



จิ่งเทียนเอาน้ำผสมใบสมุนไพร(ใบงา sesame ไม่ใช่งาช้างนะจ๊า)มาสระผมให้เสวี่ยเจี้ยน เขาบอกว่าจะทำให้ผมของเสวี่ยเจี้ยนดำขลับเป็นเงา เขาค่อย ๆ บรรจงหวีผมให้นางและชมนางว่าสวยมาก เสวี่ยเจี้ยนหวั่นไหวอย่างหนัก จึงย้ำคำพูดว่าจะแต่งงานกับอวิ๋นถิง เพราะฉางชิงบอกว่าเขาเป็นเนื้อคู่ของนาง จิ่งเทียนสอบถามว่าฉางชิงพูดอะไร เสวี่ยเจี้ยนบอกว่า เนื้อคู่ของนางต้องมองไปที่ท้องฟ้า อวิ๋น(เมฆ) ดังนั้นเนื้อคู่ของนางก็คือ อวิ่นถิงนั่นเอง จิ่งเทียนบอกว่า บางทีมองไปบนท้องฟ้าอาจไม่ใช่เห็นแต่เมฆเสมอไป เสวี่ยเจี้ยนถามว่าเห็นอะไร จิ่งเทียนบอกคำเดียวว่า “เทียน(ท้องฟ้า)” เสวี่ยเจี้ยนตกใจมากจึงวิ่งหนีไป

คืนนั้นอวิ๋นถิงดูดอกไม้ไฟและการแสดงพร้อมกับเสวี่ยเจี้ยน พวกของจิ่งเทียนก็มาด้วย เสวี่ยเจี้ยนมองดูจิ่งเทียน สายตาของจิ่งเทียนก็ไม่ละจากเสวี่ยเจี้ยนจนคนข้าง ๆ จับสังเกตได้ เมื่องานแสดงจบ ทุกคนก็แยกย้ายกันเดินเล่น เสวี่ยเจี้ยนสะบัดมืออวิ๋นถิงออก จิ่งเทียนก็สลัดหลุดจากการติดตามของหลงขุยและเม่าซาน ทั้งสองคนประจันหน้ากัน จิ่งเทียนบอกกับนางว่า ความจริงแล้วเขารักนางมาก เสวี่ยเจี้ยนบอกว่าเขาน่ะรักนางก่อนนะ ไม่ใช่นางรักเขาก่อน จิ่งเทียนบอกว่าอย่างไรก็ตามใจนางหมด เสวี่ยเจี้ยนถามว่าทำไมยอมให้นางแต่งงานกับอวิ๋นถิง จิ่งเทียนบอกว่าให้แกล้งแต่ง ไม่ได้ให้แต่งจริง ๆ แกล้งเอาเหลยหลิงจูมาได้ก็พอ เสวี่ยเจี้ยนบอกว่าหลงขุยไม่ได้บอกอย่างนี้ จิ่งเทียนรู้สึกไม่พอใจ แต่เสวี่ยเจี้ยนห้ามไม่ให้เขาโกรธหลงขุย จิ่งเทียนตามใจเสวี่ยเจี้ยนทุกอย่าง เสวี่ยเจี้ยนยอมทำตามแผนของจิ่งเทียนเพื่อเอาเหลยหลิงจูมาจากอวิ๋นถิง




ฉางชิงให้ของวิเศษที่ร้อยกับนิ้วทั้ง 5 แล้วจะควานเอาเหลยหลิงจูออกมาจากกลางอกของอวิ๋นถิงได้ จิ่งเทียนอาสาทำเองเพราะไม่อยากให้เสวี่ยเจี้ยนใกล้ชิดกับอวิ๋นถิง แต่ฉางชิงเตือนว่าคราวที่แล้วจิ่งเทียนก็เคยถูกฟ้าผ่าเพราะไปสัมผัสถูกอวิ๋นถิงมาก่อนแล้ว เสวี่ยเจี้ยนอาสาทำงานนี้เอง

ในงานมงคลเจ้าบ่าวเจ้าสาวกราบไหว้ฟ้า-ดินและเข้าหอ เสวี่ยเจี้ยนมอมเหล้าอวิ่นถิงแล้วร้อยของวิเศษที่นิ้วเตรียมเอาเหลยหลิงจูออกมาจากตัวของอวิ๋นถิง อวิ๋นถิงแกล้งทำเป็นเมาเหล้าสลบไป แต่แท้จริงแล้วเขาสงสัยพฤติกรรมของเสวี่ยเจี้ยน เมื่อรู้ว่าถูกหลอกจึงโกรธมาก เสวี่ยเจี้ยนขอโทษและยอมรับผิด นางไม่ควรเอาความรัก ความรู้สึกมาเป็นของเล่น แต่คนที่นางรักมีแต่จิ่งเทียนเท่านั้น เขาเป็นผู้ชายที่กล้าหาญและเป็นวีรบุรุษในใจนางตลอดมา และเป็นชายที่จะบันดาลรอยยิ้มและน้ำตาให้กับนางได้เพียงผู้เดียวในโลกนี้ นางเล่าให้อวิ๋นถิงฟังว่าในตัวของเขามีเหลยหลิงจู จึงทำให้เขาเหมือนแหล่งรวมสายฟ้า จนไม่สามารถสัมผัสกับใครได้ ในขณะเดียวกันเหลยหลิงจูในตัวเขาทำให้ปีศาจต่าง ๆ กลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ทำให้หมู่บ้านของเขาสงบสุขตลอดมา

อวิ๋นถิงรู้ความจริงว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่ไม่ใช่โรค เขาอยากเป็นเหมือนคนธรรมดาไม่อยากเป็นมนุษย์สายฟ้า จึงยอมให้เสวี่ยเจี้ยนเอาเหลยหลิงจูออกจากตัวเขา ตอนนั้นเองท้องฟ้าแปรปรวน พวกปีศาจต่าง ๆ กร้ำกรายเข้าสู่หมู่บ้านตระกูลเหลยอย่างไม่เกรงใจใครอีกแล้ว จิ่งเทียน ฉางชิงและเม่าซานที่อยู่ด้านนอกต่างเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง

คนหนึ่งที่รู้สึกตกใจมากคือหลงขุย ตลอดเวลาที่เสวี่ยเจี้ยนอยู่บ้านตระกูลเหลย นางโดนปีศาจในกล่องที่จิ่งเทียนนำมาด้วย หลอกล่อให้มอบความริษยาให้กับมัน มันได้ใช้ความริษยาและความหลอกลวงของนางที่นางยอมมอบให้เพื่อแลกเปลี่ยนกับการรั้งจิ่งเทียนให้มารักนางคนเดียว ปีศาจในกล่องได้ใช้ความคิดชั่วของหลงขุยเป็นอาหารและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนร่วมมือกับปีศาจด้านนอก ก่อเกิดเป็นตัวตน หลงขุยเริ่มเกรงกลัวว่าจิ่งเทียนจะมีอันตราย

ท้องฟ้าแปรปรวน เหลยหลิงจูออกมาจากร่างของอวิ๋นถิงแล้ว อวิ๋นถิงพาเสวี่ยเจี้ยนออกมาจากห้องและประกาศข่าวดีว่าเขาหายจากโรคร้ายแล้ว ทุกคนดีใจที่ฮูหยินคนใหม่นำเรื่องดี ๆ เข้ามาสู่ตระกูลเหลย แต่ว่าอวิ่นถิงกลับประกาศหย่ากับเสวี่ยเจี้ยนและบอกว่าตอนนี้นางไม่ใช่ฮูหยินของเขาแล้ว พริบตานั้นเอง ท้องฟ้าที่มืดมิดก็นำปีศาจมามากมาย หัวหน้าปีศาจปรากฏร่าง จะทำร้ายทุกคน อวิ๋นถิงแม้ไม่มีฤทธิ์สายฟ้าเหมือนเดิมแล้ว แต่ก็ยินดีปกป้องทุกคนในฐานะลูกผู้ชาย เสวี่ยเจี้ยนจะเข้าไปช่วย อวิ๋นถิงห้ามไว้และบอกว่า แม้เขาไม่ใช่วีรบุรษในใจนางอย่างจิ่งเทียน แต่เขาก็ต้องปกป้องทุกคนในฐานะลูกผู้ชาย

ปีศาจจู่โจมเข้ามา ผู้คนในตระกูลเหลยล้มตายเป็นใบไม้ร่วง จิ่งเทียนกับฉางชิงเข้ามาช่วย จิ่งเทียนขอฉางชิงอย่าทำตัวเด่นเพราะเขาจะเด่นอวดเสวี่ยเจี้ยนเอง ฉางชิงเชื่อฟัง แต่ที่สุดก็ต้องช่วยอยู่ดี เสวี่ยเจี้ยนถูกปีศาจฉุดไว้ จิ่งเทียนเข้ามาช่วย และนำเสวี่ยเจี้ยนขึ้นขี่กระบี่ เขาบอกว่าไม่ต้องไปสนใจคนอื่น ขอให้เราสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพังจะดีกว่า เสวี่ยเจี้ยนรู้สึกแปลก ๆ เมื่อมองไปข้างล่างเห็นจิ่งเทียนกำลังต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกคน จึงฉุกใจคิดว่าจิ่งเทียนที่พานางมาขี่กระบี่นี้เป็นใครกัน ที่แท้มันคือปีศาจที่ปลอมตัวเป็นจิ่งเทียนนั่นเอง เสวี่ยเจี้ยนโดนตีจนสลบไป ปีศาจหัวเราะชอบใจและบอกว่าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหลงขุย เอาเสวี่ยเจี้ยนไปซ่อนยังที่ไม่มีใครเคยไปมาก่อน


หลงขุยกลายร่างเป็นหงขุยเพื่อช่วยเหลือจิ่งเทียน


หลงขุยได้ยินเสียงปีศาจ กลายร่างเป็นหงขุย(สาวชุดแดง)อีกครั้ง นางเสกอาวุธคู่กายเป็นธนูเพลิงมายิงปีศาจที่บินว่อนอยู่เต็มท้องฟ้า นางเริ่มสำนึกผิดเสียแล้ว นางไม่ควรให้ความริษยาเข้าครอบงำจนเสวี่ยเจี้ยนถูกจับตัวไปเช่นนี้

ทั้งหมดช่วยกันปราบปีศาจ เม่าซานได้ยินเสียงปีศาจจากกระเป๋าของจิ่งเทียนแต่ใจเม่าซานไม่คิดเป็นอื่นจึงไม่ถูกคำลองของปีศาจให้ปล่อยพวกมันออกมาจากกล่อง เม่าซานจึงนั่งทับกระเป๋าจิ่งเทียนเอาไว้ไม่ยอมให้ปีศาจออกมา หลงขุยยิงธนูเพลิงดอกแล้วดอกเล่า แต่ดูเหมือนปีศาจจะมีมากมายเหลือเกิน ด้วยความร่วมมือและอิทธิฤทฺธิ์ของฉางชิงที่สุดปีศาจก็ถูกปราบจนราบคาบ





จิ่งเทียนถามหลงขุยว่าเสวี่ยเจี้ยนหายไปไหน หลงขุยบอกว่าจะไปตามให้ แล้วรีบออกไปตามหาเสวี่ยเจี้ยน จิ่งเทียนและพรรคพวกกลับไปที่โรงเตี้ยมเพื่อพักผ่อนเอาแรง ส่วนอวิ๋นถิงก็จัดการเรื่องในตระกูลต่อไป จิ่งเทียนเล่าให้เม่าซานฟังว่าเสวี่ยเจี้ยนหอมแก้มเขา เขาก็รักนางมาก หลงขุยที่กลับมาหาจิ่งเทียนโดยเดินตามอยู่ด้านหลังก็นิ่งเงียบ จิ่งเทียนเข้าใจว่านางกลัวไม่มีใครรักจึงปลอบใจนางว่า พี่น้องกับภรรยาไม่เหมือนกัน แต่ไม่มีใครมาแทนที่หลงขุยได้ หลงขุยรู้สึกเสียใจกว่าเดิม คืนนั้นจึงไปเล่าความจริงให้จิ่งเทียนฟัง

จิ่งเทียนแทบคลั่ง หาทางตามหาเสวี่ยเจี้ยน อวิ๋นถิงเล่าให้จิ่งเทียนฟังว่าเสวี่ยเจี้ยนบอกว่าจิ่งเทียนคือวีรบุรุษในใจนาง และเป็นชายที่ทำให้นางร้องไห้หรือหัวเราะและเป็นคนที่ทำให้นางจะเป็นจะตายได้ ฉางชิงได้ยินจึงพึมพัมชื่อของจื่อเซวียนออกมา จิ่งเทียนได้ยินจึงล้อเขาว่าคราวนี้ไม่เมาก็คิดถึงจื่อเซวียนได้แล้วหรือ ฉางชิงนิ่งคิดเนิ่นนาน



ตอนเช้าจิ่งเทียนตื่นขึ้นมาเห็นฉางชิงนั่งสมาธิทั้งคืน จึงเข้าไปแกล้งเขา ฉางชิงบอกว่าต้องขอตัวไปทำธุระบางอย่าง เนื่องจากเขายังติดอยู่ในอารมณ์ อาวรณ์ และความรู้สึกต่าง ๆ เขาต้องหาทางสู่เต้า(เต๋า)ให้หมดจดกว่านี้ ฉางชิงติดต่อกับอาจารย์ อาจารย์เกรงว่าเขาจะไม่กลับมาเป็นนักพรตอีก ฉางชิงบอกว่าเขาจะต้องหาความหมายของคำว่าชีวิตที่แท้จริงให้ได้ เนื่องจากสองชาติที่ผ่านมาล้วนแต่มีแต่ทุกข์ อาจารย์อนุญาตและบอกที่อยู่ของจื่อเซวียนให้



ฉางชิงเสกเรือ บินแหวกอากาศไปหาจื่อเซวียน นางรอเขาอยู่ที่ริมน้ำ เมื่อเห็นฉางชิง จึงบอกกับเขาว่านางรอเขามาเป็นเวลานานแล้ว ฉางชิงไม่พูดอะไร ทั้งสองสวมกอดกัน ภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความทรงจำ

ไว้ค่อยมาเล่าต่อค่ะ




โดย: mamiya วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:22:27 น.  

 
น้องเล็ก สวัสดีค่ะ

พี่ได้ sniper มาจากจีน แหม...อุตส่าห์ซื้อแผ่นอย่างแพงเลย ภาพชัดกิ๊ก แต่ขอโทษ เนื้อเรื่อง น่าเบื่อสุด ๆ เกือบหลับไปตั้งหลายครั้ง


มาคราวนี้เสี่ยวหมิงเล่นโกงแฮะ "เย่เยี่ยน" ก็แค่ไม้ประดับ มาเรื่องนี้ เจ้าตัวแสบกว้านซีเหมือนกับเป็นพระเอกเลย เห็นเขาว่าหั่นฉากที่มีเฉินกว้านซีไปเยอะ แต่ก็ยังเด่นอยู่ดี เซ็งจิต

ไม่น่าซื้อมาเล้ย ไม่หนุก ไม่โดนเลยสักนิด อุตส่าห์รอคอย ตอนนี้ได้หนังใหม่เสี่ยวหมิงมาอีกเรื่อง ความจริงยังไม่แน่ใจ อาจเป็นหนังเก่าที่เล่นตอนไม่ดัง พอดังก็มาออกใหม่ก็ได้ นี่พี่ก็เจอไปเรื่องหนึ่งแล้ว เป็นละครเวทีของเสี่ยวหมิง

อ้าว เรื่องนี้มันเรื่องของหูเกอนี่หว่าแล้วไปพูดอะไรเรื่องดาราคนโน้น กลับมาก่อน

วันนี้เมื่อยมือแล้ว ไว้คุยกันอีกทีค่ะ


โดย: mamiya วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:27:56 น.  

 
จริงๆน้องเล็กว่าคาแรคเตอร์ของเสี่ยวหมิงใน sniper ก็น่าสนใจดีนะครับ
แต่เนื้อเรื่องมันน่าเบื่อไปหน่อย ถ้าเขียนบทให้มันน่าตื่นเต้นกว่านี้
มีเรื่องราวกว่านี้อีกหน่อย ก็จะดีมาก เฉินกว้านซีในเรื่องดูๆแล้วมันเหมือนส่วนเกินยังไงไม่รู้
เหมือนตัวละครจับยัดเข้ามาไม่มีอะไรน่าสนใจเลย
แถมเป็นดาราที่ทำหน้าตาได้อารมณ์เดียวตลอด
หน้านิ่งๆบึ้งๆเป็นตูดที่เค้าทำประจำอะคับดูนานๆก็รำคาญอยู่เหมือนกัน

หูเกอนี่เค้าเล่นหนังปัจจุบันบ้างป่าวคับ
น้องเล็กเห็นแต่เล่นพวกหนังกำลังภายในแต่โบราณๆ


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.160.6 วันที่: 14 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:27:12 น.  

 
เสี่ยวหมิง หลอกตัวเองตลอดเลยว่าคนรักยังอยู่ทั้ง ๆ ที่เธอตายไปตั้งนานแล้ว พี่เพิ่งรู้ตอนดูไปก็ยังสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้ทำไมมานั่งข้าง ๆ เสี่ยวหมิงเสมอเลย ที่แท้เป็นภาพหลอนของเสี่ยวหมิงเอง

เนื้อเรื่องมันน่าเบื่อจริง ๆ น่ะแหละค่ะ เห็นด้วยอย่างแรง


หูเกอเคยเล่นหนังสมัยใหม่ค่ะ เรื่องแรก ๆ ที่เข้าวงการ

ส่วนเร็ว ๆ นี้หูเกอรับบทร้ายไปในเรื่อง "เจี้ยนเตี๋ย" (เมืองไทยมีขายแล้ว เล่นกับอู๋จุน อาซา) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "อู๋เสียเหลียงจู้" น้องเล็กดูหรือยังคะ?


นอกจากได้เรื่องนี้มาแล้วพี่ยังได้เรื่อง Frozen Flower มาด้วย เพราะอยากดูท่านแม่ทัพจากเรื่อง "มูซา" ผิดคาดอย่างแรง คิดว่าจะหลายฉาก แต่จูจินโมมีฉากเดียวนอกนั้นองค์รักษ์กับมเหสีทำคะแนนไปลิ่ว เมืองไทยคงตัดไม่ก็ให้ดูโมเสคกันไป ดูแล้วเฉย ๆ เพราะว่ากษัตริย์อย่างนั้น ไม่มีทางปรกครองบ้านเมืองได้ พี่สรุปได้ว่าองค์รัชทายาทที่จูจินโมสวมบท สมควรแล้วที่ลงเอยเช่นนั้น มัวแต่มัวเมาอยู่แต่ในจิตราคะของตน น้องเล็กลองหามาดูก็ได้ค่ะ


ส่วนเรื่องอี่น ๆ พี่ซื้อมาเป็นกิโล คงต้องค่อย ๆ ดูกันไป ได้ซื้อเรื่อง Change ของคิมูระ ทาคูยะ มาด้วย ภาพชัดกี๊กจริง ๆ ราคาก็ไม่แพง อิ อิ .....วันหลังจะกวาดมาอีก ไม่เสียทีที่ลุยฝนไปซื้อเลย เมืองจีนไอเลิฟยู

ตอนนี้เบื่อ "เซียนเจี้ยน" เพราะมัวแต่วุ่นวายอยู่กับความรักอยู่นั่นแหละ พอมาก็ไล่ไป พอไปก็อยากให้กลับมา ส่วนฉางชิงก็งง งง อยู่ว่าเป็นลูกหรือเป็นสามีกันแน่ ไม่อยากให้เป็นสามีในชาติที่ 3 เลย อยากให้เป็นลูกมากกว่า มันจะได้มีอะไรที่น่าตกใจกันบ้าง พลิกล็อคเสียหน่อย รสชาติจะมันส์ขึ้น ยังดูไม่จบ ยังสรุปไม่ลงค่ะ

น้องเล็กคะ หนังจีนยุคใหม่ กลุ่มคนดูเป็นวัยรุ่นซึ่งมีพื้นฐานมาจากการเล่นเกมส์และอ่านการ์ตูน ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของหนังจีนกำลังภายในจึงกลายเป็นแฟนตาซี เรื่อง "เซียนเจี้ยน" นี้เป็นตัวอย่างที่ดีมาก มันจะเป็นลูกผสม ที่มีทั้ง นิทานพื้นบ้าน เรื่องปรัมปรา จินตนาการ กำลังภายใน เกมส์ วิทยาศาสตร์ เวทย์มนตร์คาถา ผสมกันไปหมด กลายเป็นจินตนาการยุคใหม่ หนังแบบนี้ จัดเป็นแฟนตาซีกึ่งเทพนิทานกึ่งวิทยาศาสตร์ ซึ่งมองได้จากหนังสือ เกลื่อนตลาดมาก จะอิงประวัติศาสตร์รึก็ไม่ เพราะไม่มีการอิงยุคสมัยที่ชัดเจน จะอิงเทพนิทานรึก็กลายๆ มีการอ้างอิงถึงเป็นระยะ ๆ จะเป็นวิทยาศาสตร์รึก็เปล่า มันจะกึ่ง ๆ อยู่แบบนี้

ทำให้เกิดรสชาติใหม่ในการเสพของคนยุคใหม่ เมื่อทำมาเป็นหนัง ชุดก็เลยต้องหลุด ๆ หากดูหนังประเภทนี้อย่างที่บอก ต้องทำใจไว้ก่อน อย่าได้คิดหาเหตุผลกับมันมากนัก


ส่วนเรื่องที่อิงกับชีวิตจริง หากไม่สมเหตุผลล่ะก็ จับให้มั่นคั้นให้ตายไปเลย หนังดีล่าสุดนั้นก็คือ "เยียนจื่อเสวี่ย" ค่ะ ไม่น่าเชื่อนะคะ หนังเรื่องนี้สร้างโดย "ฟ่านปิงปิงกงจั้วซื้อ" (สตูดิโอของฟ่านปิงปิง) เธอเก่งไม่หยอกทีเดียว เมื่อหนังเรื่องแรก คือ "ธารชีวิตลิขิตรัก" ดังติดตลาด ก็ทำหนังสือนวนิยายออกมาต่อเนื่อง ในหนังสือมีภาพของดาราในเรื่อง พร้อมทั้งให้ฮั่วเจี้ยนหัวเขียนคำนำให้ด้วย

จากนั้นฟ่านปิงปิงก็ได้หานักแสดงมาเข้าสังกัด คือ "หานเสี่ยว" หรือที่รับบทคุณหนูสี่ในเรื่อง "เยียนฯ" นั่นเอง


คอยจับตาดูกันต่อไป สำหรับสาวเก่งคนนี้.......หลายปีที่ผ่านมา นับว่าเธอประสบความสำเร็จไม่น้อยเลยทีเดียว


ยังมีหนังอีกเรื่องที่พี่ดูค้างไว้ ชื่อเรื่อง "สั่วชิงชิว" เรื่องนี้เศร้ามาก และออกแนวชีวิตหนัก ๆ ดูไม่นานก็ต้องหยุดเพราะมันหนัก มันทำให้เราอึดอัดใจ มีแต่มรสุมโหมกระหน่ำเข้ามา ไว้ดูต่อแล้วค่อยมาเล่านะคะ


ไปเมืองจีนครั้งนี้ พบความเปลียนแปลงที่สำคัญมาก คือไม่ว่าคุณจะซื้ออะไรในห้าง ในเซเว่นฯ ตามร้านค้า ตามตรอกซอกซอย เขาจะไม่มีถุงใส่ให้ ถ้าคุณจะเอาต้องซื้อในราคา 2 เหมา พอให้ซื้อคนส่วนใหญ่จะเอาถุงมาเอง ตอนนี้พลาสติกจะล้นโลกอยู่แล้ว เคยมีอีเมล์ส่งมาให้ดูว่าพวกสัตว์ป่าไม่น้อยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ กินเอาถุงพลาสติกที่นักท่องเที่ยวทิ้งไว้ จนตาย ผ่าท้องออกมามีแต่พลาสติก เรื่องน่าเศร้ามาก

ถ้าโลกเราไม่หยุดใช้พลาสติกอย่างฟุ่มเฟือยกันแบบนี้ พลาสติกจะล้นโลก เราไปซื้อของไม่มีถุงพลาสติก ก็ดีซื้อน้อยหน่อย หรือไม่ก็เอาถุงผ้าไปขนมา นำถุงเก่ากลับมาใช้อีก จะทำให้ขยะพลาสติกน้อยลง


เขาไม่ให้ก็ไม่ให้จริง ๆ ไม่ต้องวอนขอ หรืออ้างว่าซื้อของเยอะ ถ้าจะเอาก็ต้องซื้อเจ้าค่ะ แต่ความงกมันทำให้พวกเราต้องขนของกลับซะงั้นแหละ เออ การให้ซื้อนี่มันก็ช่วยได้เหมือนกันเนอะ ขยะจะได้ไม่ล้นโลก


อ้าว....อะไรกัน จากเรื่องหนังกลายเป็นเรื่องอะไรไปเสียแล้ว ไว้คุยกันใหม่นะคะ



โดย: mamiya วันที่: 14 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:33:14 น.  

 
จื่อเซวียน ทายาทของเทพหนี่วา









































โดย: mamiya วันที่: 15 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:31:24 น.  

 
T T ช่วยอัพเรื่องย่อต่ออย่างด่วนได้ไหมคับบบ กะลังมันส์ๆ ชอบๆๆๆ : P


โดย: ผู้ติดตาม IP: 118.172.2.1 วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:17:40 น.  

 
แล้วเมื่อไรจะวางขายคับ


โดย: ปอน IP: 124.121.73.13 วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:17:55 น.  

 

อาทิตย์นี้ทำงานดึกทุกวัน กลับบ้านมาก็หมดแรงกลายเป็น TARE PANDA ลองนึกท่าของเจ้าทะเระ พังด้า นะคะ มันจะพังพาบเหมือนสภาพของเราไม่มีผิด

เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ตีสาม ฉางชิงเลยไม่มาหลอน แต่อยู่หน้าจอโทรศัพท์ไปแล้ว ตอนนี้ชักอยากรู้ว่า จื่อเซวียน กับฉงโหลว มีความสัมพันธ์กันอย่างไร

คืนนี้จะดูต่อแล้วมาเล่าให้ฟังค่ะ


หนังเรื่องนี้ เมื่อไหร่มา ก็ตอบไม่ได้ค่ะ เมืองไทยยังไม่มี แต่เราซื้อมาจากเมืองจีนก็เพิ่งออกเหมือนกัน เห็นปุ๊บหยิบปั๊บ มีหนังใหม่หลายเรื่องที่เมืองไทยยังไม่มี รวมถึงเรื่องที่เสี่ยวหมิงเล่นกับหยางมี่ด้วย


เอาล่ะค่ะ ไปเก็บเรื่องย่อก่อน



โดย: มามิยะ IP: 124.121.243.137 วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:19:36 น.  

 
เอ่อ เรื่องนี้มีกี่ตอนอ่ะคับ ?

แล้วพอมีเวปไหนที่ลงจนจบมั่งอ่าคับ


โดย: ผู้ติดตาม IP: 118.172.21.139 วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:22:35 น.  

 
เรื่องsniper เนี้ย ชอบอยู่มุขเดียวคือมุขแฟนของเสี่ยวหมิงนั่นแหละครับ
มันช่วยตอกย้ำความสติแตกของเสี่ยวหมิงได้ดีเลย

เรื่อง frozen flower น้องเล็กโหลดมาดูแล้วนะคับ
ดูจบแล้วแวปแรกที่รู้สึกคือ องค์รักษ์หน้าเด้งกว่ามเหสีอีก
ออกมากี่ฉากไม่มีโทรมสักฉาก 555 เนื้อเรื่องอยากใช้คำว่า
เกือบจะโดน ดูแล้วก็โอเคนะครับ ก็ไ่ม่ได้คาดว่าเนื้อเรื่องมันจะโดนใจมาก
เพราะน้องเล็กดูหนังเกาหลีมาหลายเรื่อง ก็ยังไม่ค่อยคุ้นกับวิธีเดินเรื่องแบบหนังเกาหลี
ดูแล้วชอบเป็นบางเรื่องเท่านั้น อย่าง frozen flowerก็ทำได้ดีแต่เหมือนมันยังขาดเสน่ห์อะไรไปบางอย่าง
ไปอ่านในพันทิพย์ช่วงที่หนังเรื่องนี้ฉาย ก็ขำคนพันทิพย์เหลือเกิน คือเค้าสงสัยกันมากว่า
ระหว่างพระราชากับองครักษ์ ใครเป็นแบบไหน ..... เหอๆๆ
แล้วก็ยกเหตุผล บวกกับตีความสัญลักษณ์ในเรื่องกันมากมาย น้องเล็กอ่านไปก็ขำไป
เก่งกันจริงๆ จะสนใจอยากรู้ไปทำไม ไม่เข้าใจเลยยยยยยยยย

แต่ชอบทู้นึงที่มีคนถามว่าชื่อเรื่อง frozen flower ( ดอกไม้แช่แข็ง ) หมายถึงใคร
ใครคือดอกไม้ที่ถูกแช่แข็งไว้

ซีรี่ยส์เรื่อง Change น้องเล็กโหลดมาดูแล้ว สนุกดีนะครับ สั้นดีด้วย ชอบๆ 555
ไม่เคยดูหนังที่ทาคุยะเล่น แต่มาดูเรื่องนี้ ชอบเค้ามาก รู้สึกว่า
เค้าตีบทแตกเลย คาแรคเตอร์นายกหนุ่มในเรื่องโดนมากดาราหญิงที่เล่นประกบคู่กันเธอก็เล่นดีครับ
ที่ชอบอีกคนคือคนที่เล่นเป็นเลขาคณะรัฐมนตรี คนที่ผลักดันให้พระเอกลงชิงตำแหน่งนายก
ร้ายนิ่งๆ ได้ใจจริงๆครับ โดนอย่างแรง ดูมีพลังมากมาย

ช่วงนี้ไม่ได้ดูซีรี่ยส์จีนเลยครับ ในเวปบิทที่โหลดซีรี่ยส์อัพเดทส่วนมากจะเป็น
ซีีรี่ยส์ญี่ปุ่นกับเกาหลีเป็นหลัก ซีรี่ยส์จีน ส่วนมากจะเป็นพวกหนังเก่าเอามาปล่อยโหลดอะครับ
ช่วงนี้น้องเล็กเลยดูแต่พวกซูชิกับกิมจิครับ อิ อิ

เรื่องถุงพลาสติค มีคนส่งฟอร์เวิร์ดเมล์มาให้ดูเหมือนกันครับ
น่ากลัวมาก ขอเล่าเรื่องห้างของไทยให้ฟัง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเบื่อมากสำหรับน้องเล็กและเจ่เจ๊

เวลาไปซื้อของที่ซุปเปอร์ ไม่ว่าจะโลตัส หรือห้างไหนก็ตาม
ของบางอย่างน้องเล็กจะบอกว่า ไม่ต้องใส่ถุงก็ได้ เช่น พวกทิชชู่ม้วนเป็นแพ๊ค
สไปร์ยขวดลิตร หรือพวกนมแพ๊ค หรือของชิ้นใหญ่ แล้วทุกครั้ง
น้องเล็กก็จะได้รับคำตอบเหมือนเดิมว่า

ไม่ได้คะ สินค้าทุกชิ้นต้องใส่ถุงถึงจะนำออกไปได้ ถ้าไม่ใ่ส่ถุงจะต้องทำใบนำสินค้าออก ( อะไรสักอย่างประมาณนี้ )

น้องเล็กก็สงสัยมากว่า แล้วไอ้บิลใบเสร็จนี่มันใช้ไม่ได้หรือไง
เบื่อจนขี้เกียจจะเถียง เพราะพูดทุกรอบ ก็ได้คำตอบแบบนี้ทุกรอบ
บางทีเค้าซ้อนถุงให้สองถุง น้องเล็กก็จะบอกเค้าว่า ไม่ต้องซ้อนหรอกครับ เดี๋ยวก็เอาใส่รถแล้ว
ก็จะได้คำตอบด้วยความปรารถนาดีว่า

ไม่เป็นไรคะ ใส่กันไว้เดี๋ยวถุงขาด - _ - "

เอ่อ... ได้ยินมั้ยว่าไม่ได้ขึ้นรถเมล์ เดี๋ยวจะก็หยิบจากรถเข็นไปใส่รถแล้ว แต่ก็ขี้เกียจเถียง

ได้ยินข่าวเหมือนกันครับ เรื่องเมืองจีนรณรงค์งดใช้ถุงพลาสติค
ก็ดีนะครับ บางทีเราไม่อยากได้ แต่คนขายก็หวังดีซะเหลือเกิน
อย่างเวลาน้องเล็กไปซื้อผักที่ตลาด ซื้อผัก 10 อย่าง ก็ใส่ถุงแยกคิดมา 10 อย่าง พอเราบอกว่า
เจ๊ใส่รวมกันก็ได้ ก็จะได้รับคำตอบพร้อมรอยยิ้มอันงดงามว่า

ไม่เป็นไรหรอก แล้วก็เป็นแบบนี้ตลอด จนเบื่อที่จะพูด

อ้าว บ่นเพลินไปหน่อย เดี๋ยวมารออ่านเรื่องย่อต่อนะครับ





โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.11.6.226 วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:30:01 น.  

 
คุณผู้ติดตาม สวัสดีค่ะ ไม่ทราบจริง ๆ ว่าจะออกขายเมื่อไหร่ มีทั้งหมด 37 ตอน และเว็บไหนลงจบก็ไม่ทราบค่ะ เรื่องนี้ดูเอาแล้วเอามาเขียนเล่า บล็อคนี้ลงจบแน่ค่ะ ถ้าใครได้แผ่นมาดูแล้วมาคุยกันได้ค่ะ

สวีดัดค่ะน้องเล็ก

ไปอ่านในพันทิพย์ช่วงที่หนังเรื่องนี้ฉาย ก็ขำคนพันทิพย์เหลือเกิน คือเค้าสงสัยกันมากว่า
ระหว่างพระราชากับองครักษ์ ใครเป็นแบบไหน ..... เหอๆๆ

อันนี้พี่ขอตอบจากที่ดูมาในซับจีนนะคะ องค์รักษ์เป็นหญิงค่ะ แล้วราชาเป็นชาย เพราะมีฉากหนึ่งที่ราชาบังคับให้องค์รักษ์ไปมีอะไรกับมเหสีตัวเอง หลังจากคืนนั้น ราชาก็ถามองครักษ์ว่า "เป็นอย่างไร รสชาติของความเป็นชาย?" องครักษ์ไม่ตอบคำถาม แต่ถามว่า ทำไมต้องเป็นเขาด้วย ราชาตอบคำถามที่เกือบแหวะเอาของที่กินเข้าไปแล้วออกมาว่า "เพราะจะได้มีลูกน่ารักเหมือนเจ้า" ซับจ้ะ ซับ ภาษาต้นฉบับก็คงจะประมาณกันกระมัง จบเรื่องนี้ไปว่ากันเรื่องหนังของเราดีกว่า

น้องเล็กคะ พี่ถูกหนังหลอกค่ะ อกอีแป้นจะแตก หลอกกันชัด ๆ เรื่องฉางชิง ไม่รู้จงใจทำซับแบบนั้นหรือเปล่า คือลูกของฉางชิงชาติก่อนหรือหลินเย่ผิงกับจื่อเซวียนน่ะ ตอนต้น ๆ เรียกว่าชิงเอ๋อร์ ใช้ตัว 他เป็นสรรพนามของเขาผู้ชาย ไม่ใช่她ที่แปลว่าเขาผู้หญิงหรือเธอซึ่งเป็นบุรุษที่ 3 เมื่อพูดถึงชิงเอ๋อร์ เอาล่ะสิ เราก็นึกว่าเป็นฉางชิงเพราะเขาเป็นเด็กที่นักพรตทั้งหลายเลี้ยงจนเล็ก แล้วจื่อเซวียนก็ดันไม่เลี้ยงเอง ยิ่งนึกว่าเอาไปฝากนักพรต แต่จริง ๆ พอดูถึงตอนท้าย หนังจะเฉลยค่ะ ว่าเป็นผู้หญิง สรุป

ฉางชิง ไม่ใช่ลูกของจื่อเซวียน แต่เป็นคนรักที่กลับชาติมาเกิด เป็นชาติที่สาม

ชิงเอ๋อร์ เป็นลูกสาวของฉางชิง สับสนเล็กน้อย ชอบมาทำ hint งานนี้ คนจีน คนไทยถูกทีมงานหลอกเหมือนกัน แต่ก็สะใจค่ะ ได้เข้าใจกันไปให้เกิดความสงสัยอย่างนี้ก็มันส์ในหัวใจดีเหมือนกัน จริง ๆก็ไม่คิดจะหาเหตุผลกับหนังแฟนตาซีอยู่แล้ว

เรื่องนี้อยากบอกว่า Fusion กันมากมาย หลายศาสนา ศาสนาเต๋า ลัทธิเต๋า พุทธศาสนา นิยายโบราณ เห็นเงาของเรื่องรามเกียรติ์ด้วย ตอนที่พระลักษณ์ถูกหอกโมขสักข์แล้วหากโดนแสงอาทิตย์ยามเช้าจะตาย แต่เรื่องนี้กลับกัน เสวี่ยเจี้ยนถูกเผาหากพระอาทิตย์ตกดินจะตาย เสียดายความรู้จำกัด อาจมีอย่างอื่นแฝงอยู่แต่มองไม่เห็น

ที่เห็นความผิดพลาดก็คือเรื่องการเขียนตัวอักษร มีอยู่ตอนหนึ่งที่หลงหยางเขียนจดหมายถึงหลงขุย เนื้อหาประมาณว่า การรบครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะลำบากก็ต้องผ่านไปให้ได้ ขอให้หลงขุยมีชีวิตอยู่ต่อไป พร้อมกับเมล็ดดอกทานตะวันที่มอบให้นี้ คำว่าสุดท้าย 后 เป็นตัวย่อแบบตัวเขียนปัจจุบันเลย ในขณะที่คำว่ายาก 难 ยังเป็นตัว traditional Chinese อยู่เลย

นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนหัวใจ ใช้โทรศัพท์มือถือ ใช้เสริ์ชเอ็นจิ้น สื่อสารแบบเห็นภาพและเสียงยิ่งกว่าวิทยาการในปัจจุบันเสียอีก แต่ศิษย์สูซัน จัดให้ได้ทุกกระบวน อิ อิ ......มันส์ไปอีกแบบ ไปเล่าต่อข้างล่างนะคะ


โดย: mamiya วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:58:17 น.  

 



เรื่องย่อ ต่อ 3


ฉางชิงเสกเรือ บินแหวกอากาศไปหาจื่อเซวียน นางรอเขาอยู่ที่ริมน้ำ เมื่อเห็นฉางชิง จึงบอกกับเขาว่านางรอเขามาเป็นเวลานานแล้ว ฉางชิงไม่พูดอะไร ทั้งสองสวมกอดกัน ภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความทรงจำ



ฉางชิงพาจื่อเซวียนขึ้นเรือสำเภายนตร์ ทั้งสองคลอเคลียกันขณะเรือสำเภาเสกบินขึ้นไปในอากาศ จิ่งเทียนส่งเสียงผ่านกระจกสื่อสารมาด้วยความร้อนใจจนถึงขีดสุด เขาหาเสวี่ยเจี้ยนไม่พบ เขา หลงขุย และเม่าซานขี่กระบี่มองลงไปบนพื้นดินก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเสวี่ยเจี้ยนแม้ในละแวกใกล้เคียง พวกเขาจึงตามหาไกลออกไป ไม่ว่าจะตามหาอย่างไรก็ไม่พบ จิ่งเทียนบอกฉางชิงว่าปีศาจในกล่องเติบโตขึ้นจากเสียเนี่ยน(แปลว่าความคิดหรือจิตใจอันชั่วร้าย)ซึ่งขณะนี้ได้ก่อตัวเป็นรูปร่างจนกลายเป็นปีศาจแล้วปล่อยเสียชี่(ไอปีศาจ)ออกมาทำร้ายมนุษย์ ปีศาจเสียเนี่ยนบอกว่าได้จับเอาเสวี่ยเจี้ยนไปยังดินแดนโลกันตร์ จิ่งเทียนให้ฉางชิงสืบว่าแดนโลกันตร์อยู่ที่ไหน เขาจะรีบไปช่วยแล้วให้ฉางชิงรีบตามมา ฉางชิงติดต่อกับศิษย์ผู้น้องที่ชื่อฉางอิ้น(แหม....กล้าใช้ตัวอิ้นมาตั้งชื่อเนอะ เพราะเป็นตัวเดียวกันกับชื่อของปฐมกษัตริย์ราชวงศ์หมิงเลย) ฉางอิ้นมีฤทธิ์ที่สามารถจะสืบประวัติคนในโลกนี้ได้ทุกคนโดยใช้ไม้เท้าหัวมังกรชี้ทางให้ ฉางอิ้นพบว่าเสวี่ยเจี้ยนถูกปีศาจเสียเนี่ยนจับตัวไปไว้ในป่าแห่งหนึ่ง โดยสาปให้เสวี่ยเจี้ยนกลายเป็นต้นไม้หนึ่งต้นในจำนวนต้นไม้นับพันนับหมื่นต้นในป่าแห่งนี้ ขณะนี้เพลิงโลกันตร์กำลังเผาป่าให้มอดไหม้ จนร้อนดุจแดนนรก ฉางชิงรีบส่งเสียงผ่านกระจกสื่อสารบอกจิ่งเทียนและพวกถึงร่องรอยของเสวี่ยเจี้ยน

แม้จิ่งเทียนจะทราบที่อยู่ของเสวี่ยเจี้ยนแล้ว แต่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน จึงถามฉางชิงและเร่งบังคับกระบี่ให้พุ่งไปด้วยความรวดเร็วจนทั้งสามแทบหล่นลงจากตัวกระบี่ ฉางชิงบอกทางให้จิ่งเทียนว่าเขาต้องผ่านดวงตาของลมไปก่อนจึงจะถึงแดนโลกันตร์ได้ จิ่งเทียนเร่งความเร็วของกระบี่จนเม่าเม่าเกือบตกลงไป หลงขุยรีบจับมือของเม่าเม่าเอาไว้ ทั้ง 3 มาถึงดวงตาของลม ที่นี่ทั้งมืดทั้งน่ากลัว กระบี่หมุนจนทั้งสามบังคับไม่ได้ หากตกลงไปก็ต้องตายแน่นอน ทั้งสามแม้ขี่อยู่บนกระบี่ด้วยกันมองไม่เห็นกันเลย จิ่งเทียน(โทรมือถือ)ส่งเสียงผ่านกระจกสื่อสารถามฉางชิงว่าต้องทำอย่างไรจึงจะผ่านดวงตาแห่งลมไปได้ ฉางชิงบอกว่าให้ทั้งหมดคิดแต่เรื่องที่มีความสุข อย่าให้จิตใจสับสนเพราะจะทำให้พลังในการบังคับกระบี่สับสนไปด้วย


บรรดาศิษย์หนุ่มแห่งเขาสูสันที่มีอิทธิฤทธิ์แตกต่างกัน

จิ่งเทียนจินตนาการภาพตัวเองอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ในบ้านมีเงินทองกองอยู่เต็มโต๊ะ เขากอดมันไว้ด้วยความสุข หลงขุยคิดถึงเรื่องของนางกับหลงหยางเมื่อหนึ่งพันปีก่อน นางมีความสุขที่ได้เล่นรถเลื่อนกับพระเชษฐาอย่างสนุกสนาน เม่าเม่าคิดถึงของกินโดยเฉพาะน่องไก่กับตูดไก่ของโปรดของเขา นอกจากนี้เขายังได้นอนกินอย่างสุขสบายในบ้านที่มีจิ่งเทียนอยู่ด้วย กระบี่เริ่มเข้าสู่การควบคุมของทั้งหมด ทั้งสามนึกถึงความสุขต่อไป จิ่งเทียนมองเงินทองบนโต๊ะ หันไปด้านหน้าเห็นเม่าเม่ากำลังกินอาหารอยู่อย่างมีความสุข มองไปด้านข้างเห็นเสวี่ยเจี้ยนกำลังสอนหลงขุยปักผ้า เขามีความสุขเหลือเกิน หลงขุยคิดถึงหลงหยางที่นำเสื้อชุดยาวสีฟ้ามามอบให้กับนาง นางชอบชุดนี้มากและเรียกมันว่า “ชุดแขนยาวสีฟ้า” เม่าเม่าทานอาหารจนท้องป่องมีอาหารมากมายล้อมรอบ กระบี่กลับมาอยู่ในสภาวะที่ควบคุมได้แล้ว ท้องฟ้าก็สว่างไสว ทั้งสามบังคับกระบี่ลงมายังสถานที่ที่มีควันไฟ ควันไฟนี้เกิดจากการเผาไหม้ พวกเขาเชื่อว่ามาถึงจุดหมายแล้ว


เม่าซาน เพื่อนรักของจิ่งเทียน เขาเชื่อฟังจิ่งเทียนทุกอย่าง

ที่นี่ทั้งสามได้กลิ่นไหม้รุนแรงจนหายใจไม่ออก จิ่งเทียนส่งเสียงบอกฉางชิงว่าพวกเขามาถึงแล้วให้ฉางชิงรีบตามมาทันที ทั้งหมดเดินหาเสวี่ยเจี้ยน เมื่อมองไปด้านหน้าหุบเขาก็ต้องตกตะลึงที่ไฟไหม้ป่าใหญ่แห่งหนึ่งจนร้อนกลายเป็นสีแดงฉานไปทั่วท้องฟ้า ทั้ง 3 พร้อมทั้งฮวาอิ๋นที่ออกมาจากกระเป๋ากลายร่างเป็นคน คนทั้งหลายรีบร้องเรียกหาเสวี่ยเจี้ยนหวังว่านางจะขาน แต่เมื่อเห็นว่าเป็นต้นไม้ไปเสียทุกต้นแล้ว นอกจากร้องเรียกแล้วเผื่อว่าเสวี่ยเจี้ยนจะขานรับได้ทุกคนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ จิ่งเทียนนึกได้ว่า ตอนอยู่โรงเตี้ยมเขาได้แอบเอาชุดฝนหมึกของจื่อเซวียนไปเขียนรูปหมูไว้ที่ก้านคอของเสวี่ยเจี้ยน จิ่งเทียนจึงรีบหาต้นไม้ที่มีรูปหัวหมูทันที


จิ่งเทียนกับคณะเดินทางและภาระกิจตามหาไข่มุกวิเศษ 5 ธาตุเพื่อปราบปีศาจในเจดีย์

จิ่งเทียนค้นพบต้นไม้ที่มีรูปหัวหมูในที่สุด เขารีบถอนต้นไม้เสวี่ยเจี้ยนขึ้น ฮวาอิ๋ง เม่าเม่า หลงขุยต่างเข้ามาช่วยถอน ฮวาอิ๋นรีบขุดดินที่รากและร้องเรียกหานายของตนตลอดเวลา ต้นไม้ล้มลงเสวี่ยเจี้ยนกลายร่างเป็นคนเหมือนเดิม นางสลบไสลไม่ได้สติ จิ่งเทียนส่งเสียงผ่านกระจกสื่อสารสอบถามฉางชิงว่าจะช่วยเสวี่ยเจี้ยนได้อย่างไร ฉางชิงบอกว่าต้นไม้เผาไหม้อยู่ในแดนโลกันตร์นานเกินไป ไม่มีน้ำไม่ได้รับแสงแดด ต้องให้นางได้รับน้ำและแสงแดดก่อน จิ่งเทียนให้เม่าเม่าไปตักน้ำมาแต่เสวี่ยเจี้ยนก็ไม่ดีขึ้น จิ่งเทียนเห็นพระอาทิตย์จะตกดินแล้วจึงรีบอุ้มเสวี่ยเจี้ยนไปที่ปลายฟ้า พระอาทิตย์กำลังจะลาลับ จิ่งเทียนขอให้พระอาทิตย์รอก่อน แต่พระอาทิตย์ลาลับไปตามปรกติ จิ่งเทียนอุ้มเสวี่ยเจี้ยนไว้อย่างหมดอาลัยตายอยาก น้ำตาของเขาไหลออกมาไปโดนไปหน้าเสวี่ยเจี้ยน เสวี่ยเจี้ยนลืมตาขึ้นมา ทุกคนดีใจมาก แต่เสวี่ยเจี้ยนไม่มีปฎิกริยาใดตอบสนองเลย


ฮวาอิ๋นสาวน้อยชุดเหลือง ที่มีสามร่างคือ มันฝรั่ง สัตว์เบญจพิษปีกใบไม้ และ สาวน้อยดังภาพนี้

ฮวาอิ๋นรีบถ่ายทอดพลังช่วยเหลือเสวี่ยเจี้ยน นางใช้พลังมากเกินไปจนอ่อนแรงต้องกลับไปเป็นมันฝรั่งอีกครั้งหนึ่ง ฉางชิงและจื่อเซวียนมาถึงพอดี จิ่งเทียนอุ้มเสวี่ยเจี้ยนขึ้นเรือสำเภายนตร์ ฉางชิงบอกว่าจะถ่ายพลังเจินชี่(พลังจากการบำเพ็ญพรต)ของตนและน้ำในร่างกายให้เสวี่ยเจี้ยนก่อน จื่อเซวียนนั่งมองเขาร่ายเวทย์ถ่ายทอดพลังด้วยความกังวล จิ่งเทียนถามว่าฉางชิงจะช่วยได้ไหม จื่อเซวียนบอกว่าในที่นี้ก็มีแต่ฮวาอิ๋นกับฉางชิงที่จะร่ายเวทย์และทำเช่นนี้ได้ นางเองแม้เป็นทายาทของเทพหนี่วา ตามเหตุผลแล้วก็ถ่ายทอดพลังและร่ายเวทย์ได้เหมือนกัน จื่อเซวียนเหมือนมีความในใจอะไรสักอย่าง แต่ไม่ได้พูดออกมา จิ่งเทียนและพรรคพวกก็ไม่ได้สนใจเพราะมัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับเสวี่ยเจี้ยน



ฉางชิงถ่ายทอดพลังของตนให้กับเสวี่ยเจี้ยนจนเส้นเลือดของเขาบวมเป่ง ฉางชิงเสียพลังไปมาก สีหน้าของเขาผิดปรกติเหมือนมีอะไรบางอย่างในร่างกายของเสวี่ยเจี้ยนที่ต่อต้านพลังของเขาแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดถ่ายทอดพลังช่วยเหลือ จื่อเซวียนเห็นจึงรีบเข้ามาขัดขวางเนื่องจากเกรงว่าฉางชิงจะมีอันตรายถึงชีวิต นางร้องบอกให้รีบเอาน้ำให้ฉางชิงดื่อม ส่วนนางหันไปร่ายเวทย์ถ่ายทอดพลังต่อจากฉางชิง จื่อเซวียนพบว่าในร่างกายของเสวี่ยเจี้ยนมีพลังประหลาดที่มนุษย์ไม่มี จื่อเซวียนจัดให้เสวี่ยเจี้ยนนอนลง ส่วนตัวเองก็เหนื่อยอ่อนเพราะสูญเสียพลังไปมาก


จิ่งเทียนร้อนใจที่เสวี่ยเจี้ยนไม่ยอมฟื้เสียที

จิ่งเทียนจัดให้เสวี่ยเจี้ยนนอนและห่มผ้าให้ จื่อเซวียนบอกทุกคนว่าคงต้องทราบก่อนว่าเสวี่ยเจี้ยนเป็นใครมาจากไหนจึงจะหาญาติมาช่วยได้ จิ่งเทียนบอกเท่าที่เขารู้ แต่จื่อเซวียนบอกว่าเมื่อครู่นางรู้สึกว่าในร่างกายของเสวี่ยเจี้ยนมีพลังบางอย่าง ซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์เหมือนเทพสวรรค์ เหมือนกับต้นไม้ที่เพิ่งงอก ไม่น่าจะเป็นแค่คนธรรมดาอย่างที่จิ่งเทียนเล่าให้ฟัง ฉางชิงจึงให้ฉางอิ้นช่วยสืบหาประวัติของเสวี่ยเจี้ยนโดยส่งเสียงผ่านกระจกสื่อสาร ฉางอิ้นใช้ไม้เท้าหนวดมังกรร่ายเวทย์หาประวัติของเสวี่ยเจี้ยนทันที

(โหย...ตอนหาประวัตินี่เท่ห์มาก คือฉางอิ้นจะมีไม้เท้าใหญ่ ๆ เหมือนไม้เท้าของท่านย่าในเรื่องสิบสี่นางสิงห์เจ้ายุทธจักร หรือเรื่องของขุนพลตระกูลตระกูลหยางนั่นแหละค่ะ บนไม้เท้ามีหนวดมังกรกระดิกดิ้นได้ เริ่มจากเอาไม้เท้ากระแทกลงบนพื้น แล้วให้หนวดกระดิก หัวมังกรสั่น ในห้องที่เก็บประวัติของมนุษย์โลกไว้เต็มไปหมด ขนาดประมาณ Encyclopedia of Encarta หรือ Britannica เอาให้เข้าใจง่าย ๆ ก็เหมือนกับเครื่องมือ search engine พอเจอกับ source data แล้วหนังสือบนแคร่(คิดภาพหนังสือโบราณนะคะ) แล้วข้อมูลนั้นก็จะบินออกมาเป็นตัวอักษรแต่ละตัว จากนั้นบนอากาศตรงหน้าของฉางอิ้นก็จะมีเหมือนกลุ่มควันจาง ๆ สีทอง และตัวอักษรรอยมาเรียงรวมกันเหมือนหนังสือโบราณที่คลี่ออกมาจากม้วน ฉางอิ้นอ่านอักษรนั้นแล้วก็จะได้ข้อมูลที่ต้องการหา เหมือนจอ LCD มารอยอยู่บนอากาศพร้อมข้อมูลที่ต้องการ เท่ห์ไม่หยอก ทันสมัยกว่าตรงที่จอแอลซีดีนี้ไม่มีรอยต่อเลย มันเหมือนโปรเจ็คเตอร์ที่ฉายไปบนอากาศได้ตามต้องการ และหายไปเมื่อไม่อ่านจบแล้ว)
ไม่ว่าฉางอิ้นจะพยายามหาเท่าไหร่ก็ไม่มีข้อมูลชาติกำเนิดของเสวี่ยเจี้ยนอยู่เลย ฉางอิ้นนำความไปรายงานอาจารย์ อาจารย์ทั้ง 5 พึมพำกันว่า “ในที่สุดจิ่งเทียนก็มาถึงขั้นนี้จนได้”

กล่องปีศาจส่งเสียงออกมาเรียกจิ่งเทียน จิ่งเทียนโมโหมากจะทำลายกล่อง ปีศาจในกล่องบอกว่ามีแต่มันเท่านั้นที่จะช่วยเสวี่ยเจี้ยนได้ ทั้งหมดเตือนให้จิ่งเทียนระงับอารมณ์โกรธเพราะมันจะไปหล่อเลี้ยงให้ปีศาจในกล่องโตขึ้นมา เหมือนกับอารมณ์ริษยาของหลงขุยที่ทำให้ปีศาจเติบโตจนออกจากกล่องมาทำร้ายมนุษย์ จิ่งเทียนพยายามระงับอารมณ์ ปีศาจเห็นว่ายุจิ่งเทียนไม่ได้ผล เลยไปหลอกล่อเม่าเม่าว่ามีเงินทองและของกินให้มากมาย แต่เม่าเม่าเคยเห็นหลงขุยถูกหลอกมาแล้ว จึงไม่สนใจเสียงของปีศาจที่เล็ดรอดออกมาจากกล่องอีกเลย ปีศาจส่งเสียงร้องไม่หยุด แต่คนทั้งหลายทำเป็นไม่สนใจ

ฉางชิงสอนมนต์ระงับจิตใจให้ทุกคนท่อง ปีศาจพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้ทุกคนเชื่อมันจะได้เกิดอารมณ์และความคิดชั่วร้ายต่าง ๆ จนมาถึงจื่อเซวียน “จื่อเซวียน เชื่อข้าสิ ข้ามีวิธีทำให้เจ้าคงรูปโฉมไว้ได้ตลอดกาล เจ้ากลัวความแก่ไหม ข้าช่วยเจ้าได้นะ” จื่อเซวียนมีอาการลังเลเล็กน้อย ฉางชิงจับมือนางบีบเบา ๆ จื่อเซวียนหลับตาลงท่องมนต์ต่อไป คืนนั้นจื่อเซวียนยืนเหม่อลอย ไม่ทราบในใจคิดอะไร ฉางชิงเดินออกมา เอาอาหารให้นางรับประทาน นางบอกว่าไม่อยากทานและกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี ฉางชิงไม่ว่าอะไร แต่บอกว่าอยากกินเมื่อไหร่เรียกเขาได้ จะนำอาหารมาให้เมื่อนางอารมณ์ดีแล้ว จื่อเซวียนกรีดเส้นผมพบว่ามีผมขาวหลายเส้นแซมอยู่ในผมดำขลับเป็นมันวาวของตน ใบหน้านางแสดงสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด

สำเภายนตร์ลอยไปเรื่อย ๆ จนมาถึงสุดสายรุ้ง ที่วัดเจ้าแม่หนี่วา จื่อเซวียนแอบกลับมาพบกับเซิ่งกู เซิ่งกูคิดว่าเมื่อนางติดตามฉางชิงไปจะไม่กลับมาอีก จื่อเซวียนกลับมาเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องเสวี่ยเจี้ยนและเรื่อเกี่ยวกับการที่จะคงรูปโฉมของตนไว้ไม่ให้แก่ เฒ่า เซิ่งกูบอกว่าภพต่าง ๆ แยกกันชัดเจน เสวี่ยเจี้ยนเป็นคนของสวรรค์มีแต่สวรรค์ที่ช่วยได้ ส่วนเรื่องของจื่อเซวียน คราวก่อนอยากได้หัวใจปีศาจจิ้งจอก แต่ใจอ่อนปล่อยนางไปก่อน คราวนี้หากจะหาหัวใจดวงใหม่มาแทนคงต้องลงมือกับมาร โดยเฉพาะเทพแห่งมารอย่างฉงโหลว แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาทายาทเทพหนี่วาไม่เคยไปยุ่งกับปีศาจ เซิ่งกูจึงได้เตือนว่าอย่าไปยุ่งกับฉงโหลวจะดีกว่า จื่อเซวียนนิ่งคิดไม่ตอบคำถาม

ด้านจิ่งเทียนเมื่อไม่มีข้อมูลของเสวี่ยเจี้ยนจึงได้สืบสาวจึงต้องติดต่อกับเจ้าสำนักทั้ง 5 เจ้าสำนักสู่ซันบอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจิ่งเทียนหรือชาติก่อนตอนอยู่สวรรค์ก็คือเทพขุนพลเทียนเผิงนั่นเอง ทั้ง 5 ลังเลว่าจะเล่าหรือไม่เล่าในที่สุดก็เล่าว่าหากจะสอบถามประวัติของเสวี่ยเจี้ยนต้องเดินทางไปยังแดนมารเพราะที่นั่นจะสามารถเข้าไปสู่ประตูสวรรค์ได้ เมื่อจื่อเซวี่ยนกลับมาทั้งหมดจึงพากันเดินทางไปยังแดนมาร ในเมื่อจะไปสวรรค์ก็ขอให้ไปหาเฟิงหลิงจูมาด้วย แล้วยังมีภารกิจอีกอย่างคือให้นำกล่องปีศาจไปถ่วงไว้ในบ่อสวรรค์ด้วย เพื่อมันจะไม่ได้เติบโตมาทำร้ายมนุษย์ได้อีกต่อไป

สำเภายนตร์เดินทางไปถึงน่านฟ้าของแดนมารก็โดนมรสุมพัดจนเรือแตก เรือตกลงมาพื้นริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง ทุกคนตกลงมาในน้ำ เรือก็เดินทางต่อไม่ได้อีกแล้ว ทุกคนเดินทางต่อไปจนถึงจุดหมาย แดนมารซึ่งเป็นสถานที่น่ากลัวและอึมครึมไปด้วยไอมาร ทางเข้าเป็นถ้ำที่เหมือนลงยันต์บางอย่างไว้จนทุกคนเข้าไปไม่ได้ แต่ทุกคนเห็นกับตาว่า พวกนกป่า ห่านป่า อีกา และผีเสื้อต่างก็เข้าไปได้ ฮวาอิ๋นกลายร่างเป็นสัตว์ปีกตัวเล็กที่มีปีกเป็นใบไม้ บินไปสอบถามกับผีเสื้อจึงได้ความว่าหากมีปีกจะเข้าไปได้ ความจริงฮวาอิ๋นตอนเป็นสัตว์เบญจพิษพูดภาษาประหลาดที่ไม่มีใครเข้าใจนอกจากเสวี่ยเจี้ยน แต่มาคราวนี้จิ่งเทียนเดาจนเข้าใจความหมายและบอกกับทุกคนว่าเขามีทางแล้ว พอดีนกเหยี่ยวฝูงใหญ่บินมา จิ่งเทียนให้เอาปีกของพวกมันมาใส่เข้าที่แขน และขึ้นกระบี่บังคับให้บินเข้าไป ขอให้มีปีกก็จะบินเข้าไปได้แล้ว

คณะของจิ่งเทียนบินเข้าไปในถ้ำ จนสุดปลายของถ้ำหรือก็คือแดนมารนั่นเอง ปีศาจทั้งหลายผุดขึ้นมาจากพิ้นดินราวดอกเห็ด ไม่ว่าจะสังหารเท่าไหร่ก็ไม่หมด ยามคับขันหลงขุยกลายร่างเป็นหงขุยอีกครั้งและยิงธนูเพลิงสังหาร ปีศาจเป็นจำนวนมาก แต่ก็สังหารไม่มีวันหมดสิ้น ทุกคนกำลังเหนื่อยสาหัส ซีเฟิงลูกสมุนของฉงโหลวปรากฎตัวและบอกให้ปีศาจเหล่านั้นอย่าได้ทำร้ายพวกของจิ่งเทียน พวกจิ่งเทียนจึงใช้แดนมารเป็นทางผ่านเข้าไปยังแดนสวรรค์ซึ่งเป็นเขตแดนต่อกันได้

คนที่จะเข้าไปในแดนสวรรค์ได้มีเพียงจิ่งเทียนและฉางชิงเท่านั้น ทั้ง 2 แตะมือบนเสาที่มีเครื่องหมายหยินหยาง ประตูสวรรค์ก็เปิด จิ่งเทียนล่ำลาทุกคน ฉางชิงมองจื่อเซวียน นางบอกว่าจะรอเขาอยู่ที่นี่ จิ่งเทียนและฉางชิงเดินทางไปสู่แดนสวรรค์ ฉับพลันประตูก็เหมือนวังน้ำวน วนไหลไปมาวูบหนึ่งก็หายไป สภาพรอบข้างกลับเป็นเหมือนปรกติ


ฉงโหลว จอมมารผู้ครองแดนมารอันลึกลับ ฉงโหลวไม่เคยรู้จักคำว่า "ความรัก" มาก่อน

บนแดนสวรรค์เทพทหารคำนับจิ่งเทียนและเรียกเขาว่าท่านขุนพลเทียนเผิง จิ่งเทียนจำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็รู้สึกดีที่มีคนมายกย่อง เขาเห็นประตูโค้งบนสวรรค์มีอัญมณีล้ำค่าประดับอยู่จึงคิดอยากแกะแอบเอาไปขายบนโลกมนุษย์ ฉางชิงบอกว่าช่วยเหลือคนสำคัญกว่าจิ่งเทียนจึงเดินทางไปตามการนำของทหาร ทั้ง 2 ได้เข้าเฝ้าเทียนตี้(จักรพรรดิสวรรค์) เมื่อบอกจุดประสงค์ เทียนตี้จึงเล่าว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเทียนเผิงด้วยเช่นกัน เทียนตี้ให้นางฟ้าทั้งหลายไปนำตัวเสวี่ยเจี้ยนขึ้นมาบนสวรรค์ และเริ่มเล่าเรื่องครั้งอดีตให้ฟังว่า....


จอมทัพจอมเทพขุนพลแห่งสวรรค์ในชุดเกราะสีเงิน "เทียนเผิง"



เทียนเผิงเดิมเป็นเทพสวรรค์ขุนพลในขุนพลของกองทัพสวรรค์ เขาเก่งมากจนปราบไปทั่วทุกภพ สวรรค์สุขสงบ เขาได้รางวัลเป็นจวนของเทพชั้นสูง แต่เขาเหงาเหลือเกิน เขาอยากได้คู่มือที่สูสีกันมาประลองให้สะใจกันไป แต่ไม่มีใครมีฝีมือเทียบเท่าเขาเลย ยามเหงาเขาได้ไปหาซีเหยา ซีเหยาเป็นเทพธิดาที่เฝ้าต้นไม้ทิพย์อยู่ นางเป็นเทพธิดาที่เลอโฉมและอ่อนโยน ทุกครั้งที่เทียนเผิงบาดเจ็บจากการทำศึกหรือว่าเหงา เขาจะมาหานาง ซีเหยามองดูเขา เขามองดูซีเหยา ทั้งสองถือว่ารู้ใจกันเป็นอย่างมาก เทียนเผิงอยากอยู่กับซีเหยาตลอดไป ซีเหยาก็อยากมีเขาตลอดไปเช่นกัน แต่ด้วยความทระนงและใฝ่หาคู่มือที่คู่ควรกับตนเอง วันหนึ่งก็เกิดเรื่องจนได้



โดย: mamiya วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:33:06 น.  

 



เรื่องย่อ ต่อ 4


ในแดนมาร ฉงโหลวปราบมารทุกตัวได้ราบคาบ แม้แต่เจ้าแห่งมารเดิมยังโดนฉงโหลวกำราบไม่เหลือ ต่อสู้จนไร้คู่มือจะมาต่อสู้อีกแล้ว ฉงโหลวจึงต้องกำราบลูกน้องตนเองที่ไม่ยอมศิโรราบอย่างซีเฟิง เขาบอกว่าซีเฟิงไม่มีทางต่อกรกับเขาได้ไม่ว่าจะฝึกปรืออีกกี่ปีก็ตาม ซีเฟิงบอกให้ฉงโหลวไปท้าสู้กับขุนพลเทียนเผิงซึ่งเป็นจอมทัพแห่งสวรรค์ ฉงโหลวเมื่อทราบว่ามีคู่มือที่สูสีกับตนจึงรีบบินไปสวรรค์เพื่อท้าสู้กับเทียนเผิง


แดนสวรรค์ที่เทียนเผิงมักมาพบกับซีเหยาเทพธิดาผู้ดูแลรักษาต้นไม้

กระบี่ในมือของเทียนเผิงสั่นสะท้านเนื่องจากทราบว่ามีคู่มือมาต่อกรด้วยแล้ว เทียนเผิงยิ้มอย่างพอใจ ทั้งสองประจันหน้ากัน ต่อสู้กันจนรู้สึกว่านี่แหละคือคู่ต่อกรที่ต่างค้นหามานาน หลังจากสู้กันอย่างดุเดือดโดยมีซีเหยาเป็นพยานเห็นการต่อสู้ของทั้งสองแล้ว เทียนเผิงและฉงโหลวก็นอนอยู่บนพื้นหญ้าและคุยกันเหมือนเพื่อนแต่ทั้งสองไม่ใช่เพื่อน เพราะเทพกับมารจะอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันไม่ได้ ฉงโหลวบอกว่ามวันนี้ค้นพบแล้ว ไว้วันหลังจะมาสู้กันใหม่ เทียนเผิงรับปาก ซีเหยาเตือนเขาอย่ายุ่งกับฉงโหลวให้มากนักเพราะอาจถูกเข้าใจผิดว่าชักนำมารขึ้นมาบนสรวงสวรรค์ที่มีกฎเคร่งครัดแห่งนี้


ซีเหยาเทพธิดาผู้รู้ใจเทียนเผิง นางต้องรอเขา หลั่งน้ำตาเพิ่อเขา และยังส่งเสวี่ยเจี้ยนไปตามหา เขา แต่ความรักและการรอคอยของนางสูญเปล่า


เทียนเผิงต่อสู้กับฉงโหลวอีกหลายครั้ง จนครั้งนี้ฉงโหลวชวนเขาไปหาที่กว้าง ๆ ต่อสู้ให้สนุกกว่าเดิม ฉงโหลวได้พาลูกน้องมาด้วย ลูกน้องจึงไปโจมตีเทพสวรรค์อื่น ๆ เรื่องนี้รู้ไปถึงจักรพรรดิสวรรค์ ท่านพิโรธมากสั่งให้ทหารจับตัวเทียนเผิงที่ละทิ้งหน้าที่ดูแลดประตูสวรรค์จนทำให้พวกมารบุกเข้ามาก่อความวุ่นวายได้ แต่เทียนเผิงไม่ทราบหายไปไหนเสียแล้ว

จักรพรรดิสวรรค์จึงเบิกตัวซีเหยาเข้ามาสอบถาม ซีเหยาไม่ยอมบอกว่าเทียนเผิงอยู่ที่ไหน แต่ที่รู้ก็คือตอนนี้เขามีความสุขมาก เทียนตี้พิโรธที่เทียนเผิงมีความสุขในขณะที่สวรรค์กำลังจะวิบัติ จึงส่งกำลังทหารไปปราบมารและให้กองทหารไปจับเทียนเผิงมา ฉงโหลวโดนไล่จนกลับแดนมารไปเนื่องจากบาดเจ็บ เทียนเผิงถูกคาดโทษแต่เขาไม่สำนึกผิด รู้แต่ว่าสวรรค์น่าเบื่อ เงียบสงบ ไม่มีอะไรน่าสนใจชั่วนาตาปี เขาอยากได้ความสนุกสนานสะใจจากการประลองก็ไม่ได้ หากเขาทำผิดให้เทียนตี้ลงโทษไปเลย เทียนตี้โกรธมาก ในเมื่อเทียนเผิงอยากให้ชีวิตมีรสชาติก็ให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ดู มนุษย์มีการเวียนว่ายตายเกิด เทียนเผิงจึงไปเกิดเป็นรัชทายาทแห่งรัฐเจียงในชาติแรก เขารบแพ้ สูญเสียประเทศ สูญเสียญาติมิตร และเสียชีวิตในสนามรบ ต่อมาจึงได้มาเกิดเป็นจิ่งเทียน

ทางด้านซีเหยา ในฐานะคนสมรู้ร่วมคิด ปิดบังไม่ยอมบอกความจริงจึงโดนทำโทษให้เฝ้าดูแลต้นไม้(เป็นคนสวน)ไปตลอดชีวิต ด้วยความคิดถึงเทียนเผิง น้ำตานางที่หลั่งทุกวันได้ผนึกตัวเป็นผลไม้ทิพย์ 2 ผล ซีเหยาได้ส่งผลไม้ทิพย์1 ผลให้เหล่าเทพธิดาดูแล ส่วนผลไม้ทิพย์อีกลูกนางเก็บไว้เอง ความทุกข์ระทมที่ซีเหยาคิดถึงเทียนเผิงมีเพิ่มขึ้นทุกวัน เล่าถึงตอนนี้ทุกคนเข้าใจว่าซีเหยาเป็นชาติแรกของเสวี่ยเจี้ยน แต่เทียนตี้บอกว่าไม่ใช่ ซีเหยากับเสวี่ยเจี้ยนเป็นคนละคนกัน

ผลไม้ทิพย์เติบโตขึ้น แต่ความคิดถึงของซีเหยาก็ไม่ยิ่งหย่อน ความคิดถึงนี้ทำให้ผลไม้ทิพย์ได้กลายเป็นเด็กทารก ซีเหยามอบหน้าตาของนางให้กับเด็กคนนี้ และส่งนางไปยังโลกมนุษย์เพื่อตามหาเทียนเผิง เด็กที่ส่งลงไปพอดีพ่อแม่ของจิ่งเทียนเก็บได้แต่เลี้ยงไม่ไหวจึงส่งไปให้คนของตระกูลถังเลี้ยงจนกลายเป็นถังเสวี่ยเจี้ยนนั่นเอง

เมื่อทราบชาติกำเนิดของเสวี่ยเจี้ยนแล้ว เหล่าเทพธิดาได้นำเอาผลไม้ทิพย์ของซีเหยาออกมาและเสกเข้าร่างเสวี่ยเจี้ยนทำให้นางมีหัวใจดวงใหม่และฟื้นขึ้นมาได้ในที่สุด เทพธิดาทุกองค์ต่างก็สงสารซีเหยาที่เห็นจิ่งเทียนสนิทสนมกับเสวี่ยเจี้ยน ทั้งสองได้ยินจึงถามหาซีเหยา แต่ซีเหยากลายเป็นหนึ่งในดอกไม้ในสวนสวรรค์ไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าซีเหยากลายเป็นดอกอะไร เสวี่ยเจี้ยนและจิ่งเทียนจึงไปตามหาที่สวนสวรรค์ ทั้งสองเรียกหาซีเหยาแต่ไม่พบ เสวี่ยเจี้ยนบอกให้จิ่งเทียนจูบนางเพราะเดี๋ยวซีเหยาหึงก็จะปรากฏตัวออกมาซึ่งก็ได้ผล ซีเหยาปรากฏตัวออกมาจริง ๆ


ขุนพลเทียนเผิงถูกส่งลงมาเกิดยังโลกมนุษย์


หลงหยาง เจ้าชายแห่งรัฐเจียงผู้รักสงบแต่ไม่วายต้องตายเพราะสงคราม





จิ่งเทียน เสี่ยวเอ้อโรงเตี้ยมตั้งอั้นในเมืองเล็ก ๆ ผู้รักเงินทองเป็นชีวิตจิตใจ แต่สุดท้ายต้องมีภาระกิจช่วยเหลือมวลมนุษย์

ซีเหยาเรียกหาเทียนเผิง แต่จิ่งเทียนบอกว่าเขาไม่ใช่เทียนเผิง ซีเหยาจับมือเสวี่ยเจี้ยนเดินไปที่ใต้ต้นไม้ที่นางกับเทียนเผิงเคยนั่งเล่นอยู่ด้วยกัน ซีเหยาบอกให้เสวี่ยเจี้ยนดูแลจิ่งเทียนให้ดีและรักษาความรักของทั้งคู่ไว้ให้มั่นคง อย่าได้เหมือนกับนางและเทียนเผิงที่ไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว ซีเหยาบอกกับเสวี่ยเจี้ยนว่าให้หาหยกคู่ให้เจอเพราะคนที่ได้มันไปจะเป็นชายเนื้อคู่ของนาง เสวี่ยเจี้ยนอยากให้ซีเหยาระบายความเศร้าออกมาแต่ซีเหยาใบหน้าสงบนิ่ง ไม่ขอพูดอะไรทั้งสิ้นเพราะทุกอย่างจบลงไปแล้ว เสวี่ยเจี้ยนแอบฟังความในใจของซีเหยาที่บอกกับต้นไม้ นางจึงทราบว่าซีเหยามีความในใจมากมายและรักเทียนเผิงอย่างสุดซึ้ง ที่เกิดตัวเสวี่ยเจี้ยนขึ้นมาได้ก็เพราะความคิดถึงของซีเหยาที่มีต่อเทียนเผิงนั่นเอง


เทียนเผิง ขุนพลแห่งสวรรค์ผู้ไม่มีใครกล้าต่อกร เทียนเผิงเฝ้าใฝ่หาคู่มืออันทัดเทียมจนต้องทำผิดกฎสวรรค์


เทียนเผิง - ซีเหยา



เสวี่ยเจี้ยนกลับไปหาจิ่งเทียน ชวนเขาไปหาเทียนตี้และขออนุญาตให้เสกจิ่งเทียนให้เป็นเทียนเผิงเพื่อให้ซีเหยาได้เจอกับชายคนรักตามปรารถนาเป็นเวลานานของนาง เทียนตี้อนุญาตให้จิ่งเทียนใส่ชุดเกราะเงินของขุนพลเทียนเผิง จิ่งเทียนกลับไปหาซีเหยา นางดีใจมากที่ได้พบกับเทียนเผิงอีกครั้ง ทั้งสองนั่งมองหน้ากันเหมือนในอดีต จิ่งเทียนแสดงได้ดีมาก เขาทำเหมือนเป็นเทียนเผิงตัวจริงได้ดีเลยทีเดียว

ฉงโหลวกำลังเบื่อจัด เห็นท้องฟ้ามีแสงแวบวาว เมื่อโปกมือไปที่หน้าต่างก็ปรากฏภาพของขุนพลเทียนเผิง นั่งอยู่กับเทพธิดาซีเหยา เขายิ้มอย่างพึงใจและบอกว่าเทียนเผิงกลับมาแล้ว จากนั้นก็รีบบินไปยังสวรรค์ ด้านจื่อเซวียนเมื่อเห็นว่าทุกคนไปกันหมดแล้ว นางอยากจะจัดการธุระของนางบ้าง จื่อเซวียนแอบเข้าไปจนถึงห้องของฉงโหลว ในห้องมีกระจกทองเหลืองเต็มไปหมด จื่อเซวียนได้ยินเสียงผิดปรกติ(จากจอแอลซีดีขนาดใหญ่เท่าหน้าต่าง)ก็พบว่า ขุนพลเทียนเผิงได้พบกับซีเหยาอีกครั้งแล้ว ความรักของทั้งสองช่างน่าประทับใจ จื่อเซวียนยืนดูอย่างซาบซึ้ง นางเริ่มคิดถึงตนเอง และวางแผนอยู่ในใจ ทันใดนั้นเองจื่อเซวียนได้ยินเสียงผิดปรกติดังขึ้น ซีเฟิงลูกสมุนเอกของฉงโหลวนั่นเอง ซีเฟิงพ่ายแพ้ต่อฉงโหลวนับครั้งไม่ถ้วนจนกลายมาเป็นทาสรับใช้ของฉงโหลวเป็นเวลาเนิ่นนาน จื่อเซวียนสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับฉงโหลว จุดอ่อนของเทพแห่งมาที่แท้เป็นอย่างไรกัน?

ฉงโหลวไปท้าสู้กับเทียนเผิงอีก เทียนตี้รู้เรื่องที่ฉงโหลวบุกแดนสวรรค์แต่คราวนี้ไม่ได้ห้าม ทุกคนปล่อยให้ฉงโหลวได้ต่อสู้กับเทียนเผิงเป็นครั้งสุดท้าย เสวี่ยเจี้ยนเดินตามฉางชิงเพื่อไปรอจิ่งเทียนที่บ่อแห่งสวรรค์ ฉางชิงและจิ่งเทียนจะต้องเอากล่องปีศาจถ่วงน้ำ ฉางชิงหันมามองเสวี่ยเจี้ยนด้วยความประหลาดใจ เสวี่ยเจี้ยนเดาออกว่าฉางชิงสงสัยว่าเหตุใดนางจึงยอมให้จิ่งเทียนไปอยู่กับหญิงอื่น เสวี่ยเจี้ยนบอกว่าเพื่อตอบแทนผู้ที่สร้างนางขึ้นมานั่นก็คือซีเหยา นางน่าสงสาร แต่ฉางชิงบอกว่าความรักแบบนี้เรียกว่าเสวี่ยเจี้ยนรักจิ่งเทียนหรือ เสวี่ยเจี้ยนมักเป็นคนที่รู้ความต้องการของตัวเองเสมอและไม่ยอมแพ้แก่อะไรทั้งสิ้น แต่ตอนนี้เหมือนไม่ยึดมั่นในความรัก เสวี่ยเจี้ยนบอกว่าถ้าจิ่งเทียนกลับมาคราวนี้ และยังอาลัยซีเหยา นางจะสู้ไม่ถอยเพื่อให้ได้จิ่งเทียนมา ฉางชิงเริ่มรู้สึกว่านางไม่ใช่ไม่ยึดมั่นแต่นางมีความคิดของตัวเองต่างหาก เขาคิดถึงจื่อเซวียน เป็นเวลากี่ร้อยปีแล้วที่นางต้องรอเขาอย่างมุ่งหวัง ฉางชิงสลัดความคิดทั้งหมดและนำกล่องเดินทางสู่บึงสวรรค์ แต่ทันใดนั้นเองเสวี่ยเจี้ยนเห็นจิ่งเทียนต่อสู้กับฉงโหลวอย่างดุเดือดจึงรีบตามไปดูโดยให้ฉางชิงไปรอที่บึงก่อน

เสวี่ยเจี้ยนไปดูเทียนเผิงหรือจิ่งเทียนต่อสู้กับฉงโหลว แม้จิ่งเทียนจะฝีมือดีขึ้นมาก แต่ไหนเลยจะสู้เจ้าแห่งมารได้ จิ่งเทียนต่อสู้เต็มที่ ฉงโหลวพอใจมาก แต่รู้สึกว่าเทียนเผิงหลังจากไปเกิดใหม่สองชาติพลังลดลง ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด เทพธิดาซีเหยามองดูด้วยความเป็นห่วง เสวี่ยเจี้ยนเห็นเทียนเผิงกำลังจะแพ้จึงตะโกนกระตุ้นบอกว่าจิ่งเทียนคนโง่สู้ใครก็ไม่ได้ ฉงโหลวเท่ห์กว่าตั้งเยอะ จิ่งเทียนบอกว่าชักจะหึงเลยฮึดสู้ขึ้นมา ฉงโหลวบอกว่าที่แท้หญิงผู้นี้มีอิทธิพลกับเทียนเผิงมาก หากรู้เช่นนี้จับตัวไปเสียนานแล้ว จิ่งเทียนยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ เลยสู้กันได้อย่างสูสี


หยกที่มีเป็นคู่จะทำให้เสวี่ยเจี้ยนได้พบกับชายที่เป็นเนื้อคู่

ด้านจื่อเซวียนสอบถามซีเฟิงเกี่ยวกับเรื่องของฉงโหลวได้ความว่า ฉงโหลวเป็นคนที่เหงาจริง ๆ เก่งจนไม่มีใครสู้ได้ ร้ายจนไม่ไม่ใครเข้าใกล้ ใหญ่จนไม่มีเพื่อนคุย เลยเหงา นอกจากต่อสู้กับตัวเองในกระจกแล้ว ไม่เคยมีเพื่อนหรือหญิงคนรักเลย จื่อเซวียน ถามเรื่องหญิงคนรัก ซีเฟิงบอกว่าฉงโหลวรักใครไม่เป็น ไม่เคยรัก และคงไม่รักใครอีกด้วย จื่อเซวียนถามว่าหากว่าฉงโหลวหลงรักสตรีนางใด จะมีสภาพเป็นอย่างไร ซีเฟิงบอกว่าไม่มีทาง และฉงโหลวก็จะไม่กลายเป็นอย่างนั้นด้วย และถ้าหากมีก็คงจะเดาไม่ออก จื่อเซวียนยิ้มและบอกว่า ไม่แน่เจ้าอาจได้เห็น
ฉางชิงไปที่บึงสวรรค์ เสียงปีศาจในกล่องบอกว่าฉางชิงน่ะโง่ ไม่มีใครโง่เกินเขาอีกแล้ว เรื่องที่จิ่งเทียนรู้ เขาก็ไม่รู้ เรื่องที่ควรรู้เพราะมีความสำคัญถึงชีวิต คนแก่ 5 คนก็ไม่ยอมบอก อย่างนี้ฉางชิงจะได้ชื่อว่าเป็นศิษย์สูซันหรือ? อะไร อะไรก็ไม่รู้ ฉางชิงไม่ฟัง แต่เมื่อได้ยินว่าคนแก่ 5 คนก็เริ่มหวั่นไหวใจ ปีศาจส่งเสียงต่อไป แม้กระทั่งส่งมันลงบ่อจะทำให้คนแก่ 5 คนต้องตายก็ไม่ได้บอก ฉางชิงคงเดาออกสินะ ว่าคนแก่ 5 คนเป็นใคร ดวงตาฉางชิงเริ่มหวั่นไหวหนัก เมื่อทราบว่าเรื่องนี้จิ่งเทียนทราบ หากเขานำกล่องปีศาจถ่วงน้ำอาจารย์ของเขาก็จะต้องตาย นี่มันเป็นเรื่องจริงหรือ?

เทียนเผิงต่อสู้กับฉงโหลว ด้วยเสียงร้องเชียร์ของเสวี่ยเจี้ยน เทพธิดาซีเหยาเห็นแล้วก็ทราบว่า ทั้งสองรักกันมาก แต่อาจทะเลาะกันตลอดเวลา ชีวิตเช่นนี้ช่างน่าสนุกกว่าความจืดชืดที่ผ่านมานัก นางเริ่มทราบว่า เทียนเผิงที่นางเห็นไม่ใช่ขุนพลเทียนเผิงในใจของนางอีกต่อไป แต่เป็นจิ่งเทียนวีรบุรุษในใจของเสวี่ยเจี้ยน ผลไม้ทิพย์ที่เกิดจากความคะนึงหาของนางนั่นเอง จิ่งเทียนใช้ลูกบ้าและความหึงต่อสู้จนแทงไปในหัวใจของฉงโหลว ฉงโหลวบอกให้หยุดมือและประกาศว่าเทียนเผิงชนะแล้ว การต่อสู้นี้เป็นการต่อสู้ที่มันส์สะใจจริง ๆ เขายอมรับการพ่ายแพ้ทั้งกายและใจ ขณะนี้เริ่มเหนื่อยแล้ว ในเมื่อได้สมหวังแล้ว คงต้องกลับไปพักยาวเสียที จากนั้นก็กลายเป็นนกเหยี่ยวสีดำบินกลับไปแดนมารอย่างรวดเร็ว

จิ่งเทียนต่อสู้ชนะฉงโหลว แม้แต่ตัวเองก็ยังงงงงอยู่ ซีเหยาอวยพรทั้งคู่และขอตัวจากไป ก่อนไป นางได้มอบ เฟิงหลิงจู(ไข่มุกสายลม)ให้กับเสวี่ยเจี้ยน นางเข้าใจถึงความรักของทั้งสองแล้ว และไม่อาจได้เทียนเผิงกลับคืนมาอีก จิ่งเทียนและเสวี่ยเจี้ยนไปเข้าเฝ้าเทียนตี้ เทียนตี้เห็นว่าจิ่งเทียนมีความดีความชอบจึงมอบรางวัลให้เขาขอได้ตามใจชอบ จิ่งเทียนขอกลับไปเป็นมนุษย์อย่างเดิม เพราะเป็นเทพสวรรค์ชีวิตจืดชืดไม่น่าสนุกเหมือนโลกมนุษย์สักนิด เทียนตี้หัวร่อชอบใจคำพูดของจิ่งเทียน และบอกว่าจะมอบอวยพรให้สมปรารถนา 1 ข้อ จิ่งเทียนยังไม่ขอแต่เตือนว่าอย่าลืมสัญญาก็แล้วกัน จากนั้นจิ่งเทียนและเสวี่ยเจี้ยนก็ทูลลาเทียนตี้เพื่อไปสมทบกับฉางชิงที่รออยู่ที่บ่อสวรรค์ เทียนตี้มองตามเงาหลังของทั้งสองพลางคิด “ความจริงสวรรค์ก็น่าเบื่ออยู่บ้างเหมือนกัน”


จิ่งเทียนและเสวี่ยเจี้ยนหยอกเย้ากันไปตลอดทาง เมื่อไปถึงบ่อสวรรค์ ทั้งสองก็ต้องตกใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อพบว่าเหนือบ่อมีปีศาจตัวอ้วนลอยอยู่ มันมีฤทธิ์มาก เนื่องจากจิตโทสะได้หล่อเลี้ยงมันจนโต เป็นจิตโทสะของใครกัน หากไม่ใช่ ฉางชิงซึ่งขณะนี้มีเพลิงแห่งความโกรธเผาผลาญจนสองตาแดงฉาน และมีกลุ่มไอร้อนสีแดงอยู่บนศีรษะ “สวีฉางชิง” ที่อ่อนโยน นุ่มนวล สุขุม รอบคอบ และใจเย็น ได้เปลี่ยนไปแล้ว อาจารย์ของเขาต้องตาย หากเขาทำงานนี้สำเร็จ จิ่งเทียนก็รู้ ทำไมไม่บอกเขา เขาเป็นศิษย์สูซันแต่กลับไม่รู้อะไรเลย แม้กระทั่งการส่งอาจารย์ไปตาย นี่มันอะไรกัน เขาตะโกนถามจิ่งเทียน

“หากกล่องปีศาจถูกถ่วงน้ำ อาจารย์ของข้าต้องตาย เจ้ารู้เรื่องนี้ดีใช่ไหม?! ตอบข้ามาจิ่งเทียน เจ้ารู้ใช่ไหม?!….”


โปรดติดตามตอนต่อไป




โดย: mamiya วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:33:53 น.  

 
T T สุดยอดเลย คับ มันส์มากๆ


โดย: ผู้ติดตาม IP: 118.172.35.50 วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:57:04 น.  

 


เรื่องย่อ ต่อ 5



เขาตะโกนถามจิ่งเทียน

“หากกล่องปีศาจถูกถ่วงน้ำ อาจารย์ของข้าต้องตาย เจ้ารู้เรื่องนี้ดีใช่ไหม?! ตอบข้ามาจิ่งเทียน เจ้ารู้ใช่ไหม?!….”



จิ่งเทียนมองไปที่กล่องซึ่งฝาเปิดออก พร้อมกับเสียงยุยงของปีศาจเหนือบึงสวรรค์ ปีศาจจากกล่อง ตัวอ้วนใหญ่สมบูรณ์ มันได้รับการหล่อเลี้ยงจากโทสะจิตของฉางชิง สีหน้าของมันมีแต่ความยินดีที่ฉางชิงกับจิ่งเทียนจะแตกคอกันในไม่ช้า จิ่งเทียนตกตะลึง เสวี่ยเจี้ยนตาค้าง จิ่งเทียนอดส่งเสียงขึ้นมาไม่ได้

“นั่นไง ว่าแล้ว ตาแก่ก็บอก ถ้าเจ้ารู้แล้วต้องสติแตกแน่.....”

ฉางชิงตวาดด้วยความโมโห น้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยนไม่ปรากฏให้ได้ยินอีก

“แสดงว่ารู้! แต่เจ้าปิดบังข้ามาตลอด นี่หรือคือสหาย?”

“เจ้าน่ะมันบ้าสำนักจะตาย ถ้ารู้ว่าตาแก่ 5 คนนั่นต้องตาย จะยอมทำงานนี้ไหมล่ะ?



ฉางชิงโกรธมาก ไอโทสะของฉางชิงกลายเป็นอาหารอย่างดีของปีศาจ ฉางชิงจู่โจมจิ่งเทียน จิ่งเทียนต้านรับเต็มที เสวี่ยเจี้ยนไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร ได้แต่ส่งเสียงร้องเตือน ฉางชิงโกรธจนไม่มีสติ ในฐานะศิษย์คนโตของสำนักสู่ซัน เขาถึงกับเอากล่องปีศาจมาถ่วงน้ำและส่งอาจารย์ที่เคารพไปตาย เขาทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน? สมกับเป็นศิษย์สำนักสู่ซันหรือเปล่า? ในใจฉางชิงมีแต่คำถาม ด้วยความโกรธ ฉางชิงรุกจิ่งเทียนอย่างไม่ออมมือ เขาบ้าไปแล้ว เขาเอาชีวิตอาจารย์มาเสี่ยงได้อย่างไร นี่คือจุดอ่อนของฉางชิง เขารักศิษย์ร่วมสำนักและอาจารย์มาก ในฐานะศิษย์สู่ซันเขามีแต่ความภาคภูมิใจ แต่บัดนี้เขาไม่คู่ควร ยิ่งคิดฉางชิงยิ่งวุ่นวายใจ ในที่สุดเขาก็ร้องออกมาเสียงดัง และพลัดตกไปยังอีกภวังค์หนึ่ง เขาเดินเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกต เดินไปเรื่อย ๆ สถานที่นี้คุ้นเคยนัก ไม่ทราบเป็นที่ไหน เขาจำได้ว่ามันคือแดนมาร



ฉางชิงหลงเข้ามาในแดนมาร ไม่ทราบว่าด้วยสวรรค์ลิขิตหรือประการใด เขาเดินไปตามทางและเข้ามาในห้องห้องหนึ่ง โอ่โถง ลึกลับและมีกระจกทองเหลืองบานใหญ่ วางเรียงรายเต็มไปหมด เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ เขากำลังต่อสู้อยู่กับจิ่งเทียนแท้ ๆ เหตุไฉนพลัดหลงเข้ามาที่นี่ได้ เขามองเห็นคนสองคน กำลังกอดและจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม ฝ่ายชายออกจากร่างกายใหญ่โตสักหน่อย แต่ก็กำยำดุจชายชาตรี ชุดสีดำของเขามีปีกนก ไม่ใช่สิ ปีกติดอยู่กับหลังของเขา อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวรูปร่างบอบบาง แต่หญิงสาวผู้นี้คล้ายเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทั้งคู่เหมือนรู้สึกตัวว่ามีคนจับตามองอยู่ หญิงสาวชุดสีม่วงได้สติหันมาก่อน พริบตานั้น ฉางชิงก็ต้องตกตะลึง และความโกรธของเขาทำให้เขายิ่งโกรธหนักกว่าเดิม เนื่องจากหญิงสาวผู้นี้ก็คือจื่อเซวียน และชายชุดดำผู้นี้ก็คือฉงโหลวจอมปีศาจนั่นเอง



เลวร้ายจริง ๆ ภาพเบื้องหน้าของฉางชิง เขาไม่นึกว่าจื่อเซวียนก็พลอยทรยศเขาไปด้วย นอกจากจิ่งเทียนแล้วจื่อเซวียนก็ไม่วายที่จะหักหลังเขา ฉางชิงร้องตวาดด้วยความโกรธ ลงมือต่อฉงโหลวที่ร้ายกาจ โดยไม่คำนึงถึงกำลังของตน แทนที่ฉงโหลวจะร้องเจ็บปวด แต่ร่างของฉางชิงกลับกระดอนมาและตกลงบนพื้นอย่างหนึ่งหน่วง ครั้งเดียวได้เลือด ฉางชิงกระอักโลหิต บอบช้ำเพราะไม่เจียมกำลังตน จื่อเซวียนร้องเรียกชื่อเขา รีบเข้าไปดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง แต่ยามนี้ฉางชิงไม่มีสติสัมปชัญญะจะพูดจา รับฟัง หรือคล้อยตามอะไรทั้งนั้น ภาพที่เขาเห็น ทำร้ายจิตใจเขาจนถึงขีดสุด ฉางชิงไม่อยากเห็นทั้งสองอีก เขาสะบัดมือของจื่อเซวียนออกอย่างไม่ไยดี และวิ่งออกไป วิ่งไปให้ไกล ถ้าจะให้ดี อย่าได้มีใครตามเขาเจออีกเลย..............

ด้านจิ่งเทียนเห็นฉางชิงหายไปต่อหน้าต่อตา จึงต่อสู้กับปีศาจ แต่ปีศาจบอกว่าเล่นกับจิ่งเทียนไม่สนุก จึงหายตัววับไปพร้อมกับประกาศว่าตัวเองคือ “ปีศาจเซียนกระบี่” เนื่องจากได้รับพลังจนแกร่งกล้า เย้ยฟ้าท้าดินได้แล้ว มันส่งเสียงหัวร่ออย่างกึกก้อง จิ่งเทียนร้อนใจมาก กลับไปที่เรือ สมทบกับเม่าซาน ฮวาอิ๋ง และหลงขุย ทั้งสามดีใจมากที่เจอกันอีก เสวี่ยเจี้ยนก็ดีใจที่ได้เจอกับฮวาอิ๋งอีกเช่นกัน จิ่งเทียนค้นกระเป๋าสัมภาระของฉางชิงที่ทิ้งไว้ก่อนเข้าแดนสวรรค์ เขาหาทางใช้ของในถุงสัมภาระติดต่อกับเจ้าสำนักสู่ซัน และสอบถามเรื่องเกี่ยวกับฉางชิง อาจารย์ทั้ง 5 บอกว่านี่คือเคราะห์กรรมของฉางชิง ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ และยังไม่มีใครช่วยได้ ให้จิ่งเทียนกลับมาที่สู่ซันก่อน โดยใช้เรือสำเภายนตร์ที่ฉางชิงเสกขึ้นมา แล้วเรื่องอื่น ๆ ค่อยมาว่ากันทีหลัง จิ่งเทียนบอกว่า ตอนนี้เขาได้ ถู่หลิงจู (ไข่มุกธาตุดิน) หั่วหลิงจู(ไข่มุกธาตุไฟ) เหลยหลิงจู(ไข่มุกสายฟ้า) และ เฟิงหลิงจู(ไข่มุกสายลม)มาแล้ว แต่ยังไม่ได้สุยหลิงจู(ไข่มุกธาตุน้ำ)มาเลย นับว่ายังไม่เสร็จสิ้นภารกิจ แต่อาจารย์ทั้ง 5 บอกว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาอันสมควร ให้พากันกลับมาและหารือกันต่อไป




ฉางชิงวิ่งหนีออกมา ไม่ทราบว่าวิ่งหนีความเสียใจของตนเองหรือวิ่งหนีภาพบาดตากันแน่ ขณะนั้นเอง มีเสียงหนึ่งบอกว่า ใคร ๆ ก็ล้วนแต่หลอกลวงทั้งนั้น ไม่เห็นจะมีคนดีเลย มาอยู่ด้วยกันดีกว่า มาร่วมงานกัน แล้วครองโลกมนุษย์ด้วยกัน เจ้าปีศาจนั่นเอง มันตามมารังควานอีกแล้ว คราวนี้ฉางชิงเริ่มมีสติขึ้นมาบ้าง เขาเตือนใครต่อใครให้ระวังเจ้าปีศาจตัวนี้ มันชอบเอาจุดอ่อนของคนมาพูดยุยงให้เกิดความรู้สึกชั่วร้ายขึ้นในจิตใจ แม้แต่เขาก็ถูกมันหลอกจนได้

“ไปให้พ้น เจ้าปีศาจ ข้าไม่มีทางเชื่อเจ้า”

“อ้าว....แล้วกัน เจ้าเป็นผู้ให้กำเนิดข้า ให้พลังข้า แหม....พลังโกรธของเจ้านี่มันชั้นยอดจริง ๆ ทำให้ข้าเติบใหญ่ได้ขนาดนี้ ต้องขอบคุณจริง ๆ ที่ทำให้ข้าได้หลุดจากกล่องมาได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ฉางชิงได้คิดแล้ว เขาปล่อยมันออกมา ทั้งยังให้โทสะเป็นอาหารของมัน


“ไปให้พ้น” เขาตะโกนไล่ แต่มันไม่มีทางไปไหนอีกแล้ว ไม่ว่าฉางชิงจะไปไหน มันจะตามเขาไปทุกที่




เช้าวันนี้ ฉางชิงยังนั่งร่ำสุราไม่รู้จักพอที่เหลาแห่งนี้ เขาเสียใจ เขานึกถึงจิ่งเทียน เพื่อนร่วมเป็นร่วมตายที่ปิดบังเขาแม้แต่เรื่องสำคัญที่สุดที่เกี่ยวกับสำนักสู่ซัน ฉางชิงเริ่มโกรธอีกแล้ว เขาปาไหนเหล้ากระเด็น น้ำสุราสาดเต็มพื้น บนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำเหล้า เขามองเห็นภาพจื่อเซวียน นางก็หลอกลวงเขา เชอะ...ความรักที่รอมาสามชาติ นางเคยบอกว่าจะไม่จากเขาไป แต่กลับปั่นหัวเขาเสียขนาดนี้ ฉางชิงกลุ้มหนัก เขาไม่สบอารมณ์ไปกับทุกอย่าง เขามองเห็นคนทั้งหลายกำลังดื่มกิน คนพวกนี้เอาแต่ร่ำสุรา เหมือนกับเขาในตอนนี้

“เห็นไหมล่ะ ใคร ๆ เขาก็ดื่มกินกันให้สะใจกันทั้งนั้น จะไปมัวช่วยใครไปทำไม เห็นแก่ตัวไว้ก่อนนั่นแหละดี”

เสียงที่คุ้นเคย ปีศาจอ้วนจากกล่องมันติดตามเขามาอีกแล้ว มันทำสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง และบอกว่ามนุษญ์น่ะช่วยไม่ได้หรอก ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็เป็นอย่างนี้ ภาพข้างหน้าเป็นภาพคนทั้งหลายกำลังเล่นพนัน กินเหล้า นินทา ฉางชิงมองไป เห็นเถ้าแก่ร้านโรงเตี้ยมท่าทางดุร้ายเห็นแก่ได้ ผู้เดินมาไล่ฉางชิงออกไปจากร้าน เขาขว้างไหเหล้าใส่หน้าเถ้าแก่ ฉับพลันก็ได้สติ ใช้เวทย์มนต์สะกดไหเหล้าไว้ตกแตกลงตรงหน้าเถ้าแก่โรงเตี้ยม

ความจริงเถ้าแก่ร้านไม่ได้ดุร้ายสักนิด เขาเพียงแต่ถามว่าฉางชิงต้องการอะไรเพิ่ม ฉางชิงกลับเกรี้ยวกราดใส่เขา เมื่อภาพข้างหน้ากลับเข้าสู่สภาวะความเป็นจริง ที่แท้เจ้าปีศาจร้าย มันสร้างภาพหลอน หลอกให้ฉางชิงเกิดโทสะ และล่อลวงให้เขาเลิกคิดโปรดสัตว์ เลิกทำความดี เขารู้สึกว่า มันคงไม่ยอมเลิกราเท่านี้ ฉางชิงรีบวิ่งหนีจากมันไป เขาเห็นมันตามเขาไปทุกแห่ง ฉางชิงตะโกนไล่




“ไปให้พ้น อย่าตามมา ”

“เจ้ากับข้าเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ต้องกลัวมีเจ้าที่ไหนมีข้าที่นั่น เรามาร่วมมือกัน”

ปีศาจชักชวน แต่ฉางชิงไม่ต้องการ เขาวิ่งหนี เมื่อหยุดลง เขาพบว่าตัวเองอยู่ที่หน้าผาแห่งหนึ่ง เขาบอกกับตัวเองว่า นักพรต ไม่ควรดื่มสุรา แต่เขากลับดื่มไปไม่น้อย ช่างเป็นคนบาปจริง ๆ ฉางชิงดื่มเหล้าอีกอึกใหญ่ มองไปบนดวงจันทร์ ที่แท้ดวงจันทร์สวยงามปานนี้ บางคืนที่มันแหว่งเว้าก็เหมือนชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ ปีศาจตามมาลอยอยู่ข้าง ๆ อีกแล้ว มันยุให้เขาตายเสียจะได้ไม่ต้องมาทรมาน และหากเขาตาย มันจะไม่ตามเขาอีก ฉางชิงมองหน้าผา และครุ่นคิด เขาควรตายจริง ๆ คนอย่างเขาช่วยใครก็ไม่ได้ เป็นศิษย์คนโต แต่ไม่รู้เรื่อง แทบส่งอาจารย์ไปตาย เพื่อนและคนรักก็ทรยศ เขาควรตายจริง ๆ ทันใดนั้นเขาก็ตัดสินใจ กระโดดลงไป

ด้านจิ่งเทียนเมิ่อกลับมาถึงสูซันก็ได้ปรึกษากับอาจารย์ทั้ง 5 ว่าจะตามฉางชิงมาอย่างไร อาจารย์บอกว่ามีแต่ฉางชิงเท่านั้นที่สามารถนำสุ่ยหลิงจู หรือหลิงจูเม็ดสุดท้ายเพื่อรวมเป็นห้าธาตุปราบปีศาจในเจดีย์ได้ แต่ตอนนี้ไม่สามารถติดต่อกับฉางชิงได้ ไม่รู้เขาหายไปไหน ฉางอิ้นเป็นห่วงศิษย์ผู้พี่มาก แม้แต่เขาก็ตามหาฉางชิงไม่เจอ เจ้าสำนักสู่ซันบอกว่ายังไม่ถึงเวลาให้รอก่อน เมื่อถึงเวลาอันควรแล้วจะบอกเอง ตอนนี้เป็นเวลาวิกฤตของฉางชิง ต้องให้เขาผ่านไปด้วยตัวเอง ไม่ว่าใครก็ช่วยไม่ได้ คืนนั้นจิ่งเทียน เสวี่ยเจี้ยน หลงขุย เม่าซานได้แต่อธิษฐานต่อฟ้า ให้คุ้มครองฉางชิงด้วย
















โดย: mamiya วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:54:35 น.  

 
ฉางชิงเท่จิงๆ


โดย: -0- IP: 118.172.11.196 วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:24:25 น.  

 
ขอบคุณมากเลยค่ะ ที่นำแบ่งปันให้ชม เนื้อเรื่องสนุกมากๆๆๆ
ขออนุญาตนำไปแปะบล็อกนะคะ


โดย: 122 IP: 124.121.115.166 วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:07:45 น.  

 
โอ๊ะโอ .....ขอบคุณที่ชอบค่ะ แล้วบล็อคอยู่ที่ไหนคะ?

ช่วยนำทาง


แต่ว่าระวังหน่อยนะคะ เพราะเราดูไปเขียนไป มีหลายครั้งที่มักเปลี่ยนข้อมูลเรื่องย่ออยู่เสมอ ขอให้เขียนบล็อคนี้จนจบแล้วค่อยแปะเรื่องย่อแล้วกันนะคะ เดี๋ยวจะเพี้ยนไปเสียเปล่า ๆ

เนื้อเรื่องดูเองเขียนเอง เขียนจากความจำ อาจมีบางช่วงที่ไม่ถึงกับแป๊ะ ๆ กับคำพูดแต่เพื่อเพิ่มอรรถรสของการอ่านเท่านั้นเอง เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ก็คงเดิมตามหนังที่ดูมานะคะ บางทีจำชื่อไม่ได้ก็ใส่บรรยายเอง เช่นปีศาจจิ้งจอกแดง ความจริงก็มีชื่อแต่จำไม่ได้ค่ะ คนผอมซีด ก็มีชื่อก็จำไม่ได้ แต่เขียนแล้วอ่านเข้าใจก็ไม่ได้กระทบเนื้อเรื่องสักเท่าไหร่ อย่างนี้เป็นต้นค่ะ

ยอมรับจริง ๆ ว่าเนื้อเรื่องเรื่องนี้มันส์กว่าภาค 1 และตื่นเต้น ลูกเล่นเยอะดี จิ่งเทียนนอนน้ำลายยึด เอากระเบื้องมาทำฟันเขี้ยวของตัวเอง ฉางชิงทำท่าวิคตอรี่ชูสองนิ้ว หลงขุยเปลียนสีได้ เหมือนมือถือเปลี่ยนหน้ากากได้ และยังสอดแทรกความเชื่อทางศาสนา ลัทธิต่าง ๆ ไว้เยอะแยะ มันส์ดีค่ะ ที่สำคัญเรื่องนี้มีคนเกิดค่ะ ฉงโหลวไงคะ เชื่อมั๊ยล่ะ? บทปีศาจนี่แหละ เกิดเลย....

ไปต่อเรื่องย่อข้างล่าง แรก ๆ นึกว่าไม่มีคนอ่านเลยไม่ได้อัพ ใครอ่านก็เข้ามาคุยกันหน่อยค่ะ




โดย: mamiya วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:52:17 น.  

 
อ๊ะ ....เดี๋ยวจะหาว่าลำเอียง เอาฉงโหลวไปยลด้วยก็ได้ค่ะ


ฉงโหลวผู้ไม่รู้จักความรัก


จิ่งเทียนทำให้เขาต้องมายังโลกมนุษย์ เพราะคิดว่าเป็นขุนพลเทียนเผิงผู้เก่งกล้าแห่งแดนสวรรค์


ฉงโหลวมีฝีมือร้ายกาจสมกับเป็นเจ้าแห่งแดนมาร


ฉงโหลวทำร้าย0จนจิ่งเทียนและฉางชิงตกเขาสลบไปทั้งคู่


เพราะเก่งเกินไป ร้ายกาจเกินไป เย็นชาเกินไป ยิ่งใหญ่เกินไป ความเหงาจึงกัดกินหัวใจของฉงโหลว


แม้แต่เจ้าแห่งปีศาจผู้ทรนงก็ฝ่าด่าน "หญิงงาม" ไปไม่พ้น


เพราะจื่อเซวียนต้องการรักษารูปโฉมของตัวเองให้อ่อนเยาว์เสมอ นางหวังว่าจะอยู่กับฉางชิงได้ยาวนานยิ่งขึ้น จื่อเซวียนจึงได้ตัดสินใจขโมยหัวใจของฉงโหลว


ฉงโหลวไม่คิดว่าการจูบครั้งนี้จะทำให้เขาต้องเกิดความรู้สึกบางอย่างซึ่งแม้แต่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ


จื่อเซวียนเคยบอกถามเขาว่ารู้จัก"ความรัก" หรือเปล่า ฉงโหลวไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ไม่รู้ทำไม เขามักคิดถึงจื่อเซวียนมองไปทางไหนก็เห็นแต่ใบหน้าของนาง(จังต้องมานอนหมดอาลัยตายอยากเช่นนี้)


ฉงโหลวได้พบกับจื่อเซวียนอีก เขาถามว่า รักคือฉันใด? ขอให้จื่อเซวียนช่วยบอกให้เขาเข้าใจด้วย เพราะดูเหมือนว่าหลังจากจื่อเซวียนจูบเขาแล้ว เขาชักจะเข้าใจอยู่นิด ๆ แล้ว


โดย: mamiya วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:24:00 น.  

 


เรื่องย่อ ต่อ 6


คืนนั้นจิ่งเทียน เสวี่ยเจี้ยน หลงขุย เม่าซานได้แต่อธิษฐานต่อฟ้า ให้คุ้มครองฉางชิงด้วย




เมื่อฉางชิงฟื้นขึ้นมา พบว่าตนเองตกลงบนคบไม้ ไม่ได้ตายไปอย่างที่คิด เขาพาร่างที่บาดเจ็บเดินไปตามยถากรรมจนเข้าไปในตลาด เขาพบเห็นคนกลุ่มหนึ่งไล่ตีชายชาวบ้านคนหนึ่ง ไม่ทราบเพราะอะไรทุกอย่างกลับนิ่งอยู่กับที่ ฉางชิงมองไปรอบ ๆ ฉับพลันอ่านความคิดของพวกเขาได้หมด คนที่ตบตีคนอื่นคิดว่าคนนี้มันสมควรตีเพราะมาล่วงเกินเขา ชายคหบดีที่เพิ่งออกจาเกี้ยวคันงามก็คิดว่าอยากฮุบที่นาของคนอื่น แม่ผัวที่กำลังตีลูกสะใภ้รู้สึกไม่พอใจอะไรต่อมิอะไรไปหมด ลูกสะใภ้สาวก็คิดแช่งแม่ผัวในใจว่าเมื่อไหร่จะตายสักที ลูกชายที่ชอบเล่นพนันพยายามแก้มือให้ได้ ในขณะที่แม่แก่จนผมหงอกขาว คอยวิ่งมาห้ามปราบ เตือนสติลูกอย่าได้เป็นทาสของผีพนัน สาว ๆ ในตลาดก็ซุบซิบนินทาเรื่องต่าง ๆ นานา ส่วนชายผู้กรุ้มกริ่มก็กำลังมองสาวที่เขาเคยถ้ำมอง และคิดจินตนาการไปเรื่อยเปื่อย



ฉางชิงอ่านใจพวกเขาได้ทั้งหมด เขาเริ่มคิดได้ มนุษย์โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยความทุกข์ บางคนตกอยู่ในอวิชชา คือความไม่รู้ เขาควรจะสละตัวเองช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ทันใดนั้นเองเสียงของเจ้าปีศาจก็ดังขึ้น มันเยาะเย้ยฉางชิงว่าไม่มีทางช่วยใครได้หรอก จากนั้นมันก็เสกภาพวงจรชีวิของคนให้ฉางชิงดู




ประตูหลายสิบบานหมุนรอบตัวของฉางชิง ประตูบานแรกเปิดออก เขาเห็นการเกิด เด็กที่เกิดมาร้องไห้ ส่วนผู้ใหญ่ทั้งหลายดีใจที่ได้ทายาท เจ้าปีศาจบรรยายยุยงว่า เด็กที่เกิดเสียใจที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด แต่ผู้ใหญ่กลับยินดีในขณะที่เด็กกำลังทุกข์ ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีตรงไหน ประตูบานที่สองเปิดออก เด็กคนนั้นโตแล้ว เรียนหนังสือไม่รู้เรื่องโดนพ่อดุด่าและทุบตี เด็กรู้สึกว่าตัวเองทำผิดอีกแล้ว โดนด่าอีกแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรน่าภูมิใจตรงไหน ประตูบานที่สามเปิดออก เป็นภาพเด็กโตเป็นวัยรุ่นแล้ว เขายังคงทำผิด เขายังเป็นเด็กอยู่หรือ? คงต้องรอสักหน่อย ประตูบานที่สี่เปิดออก เด็กคนนี้เข้าห้องหอแต่งงาน เขากล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว เขาโตแล้วจริง ๆ หรือ เวลาช่างรวดเร็วเหลือเกิน ประตูบานที่ห้าเปิดออก เขาเป็นพ่อคนแล้ว เด็กคลอดออกมา เขาจะดูแลครอบครัวได้ดีหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เขากลุ้มใจเหลือเกิน ประตูบานที่หกเปิดออกมาแล้ว เขากำลังป่วยจะตาย เมื่อเขาสิ้นลม มีทั้งคนร้องไห้และคนดีใจที่เขาตายได้เสียที วิญญาณของเขารู้สึกว่ายังไม่อยากตาย จึงโวยวายขึ้นมาว่า ทำไมเขาตายเร็วเช่นนี้ ปีศาจเสกวงจรชีวิตให้ของคนให้ฉางชิงเห็น และบอกว่า ไม่มีใครช่วยมนุษย์ที่โง่เขลาและไม่รู้จักพอนี้ได้



ฉางชิงได้คิดแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าจะหาทางออกให้แก่ตัวเองอย่างไร สมควรมีใครคนหนึ่งชี้ทางสว่าง หนทางแห่เต๋า และการบำเพ็ญพรตของฉางชิง สามารถเรียนรู้สัจธรรม และสอนมนุษย์โลกให้พ้นทุกข์ได้ แววตาฉางชิงมุ่งมั่น เขาบอกว่าช่วยได้สิ ช่วยสอนให้มนุษย์โลกพ้นจากความไม่รู้อย่างไรเล่า พริบตานั้นฉางชิงก็ได้คิด เขาบอกว่าเขาช่วยได้และแสดงให้ดูโดยการบอกมนุษย์ทั้งหลายในตลาดนั้นว่าอย่าได้คิดอะไรที่ไม่ดีอย่างที่กำลังคิดกันอยู่ มนุษย์ควรทำความดีและมีเมตตา เขาค่อย ๆ บอกทุกคนว่าเขาอ่านใจของพวกเขาออก แต่คนเหล่านั้นกลับนึกว่าฉางชิงเป็นบ้าไปแล้ว







ปีศาจหัวเราะเยาะอย่างสะใจ และบอกว่าไม่มีใครเชื่อฉางชิงหรอก นอกจากมัน มาอยู่กับมันดีกว่า ฉางชิงไม่เชื่อ และบอกว่าจะช่วยมนุษย์ ปีศาจบอกว่ามนุษย์น่ะสันดานเลวทราม ฉางชิงไม่เชื่อให้ไปดูในคุก พลันเสกฉางชิงไปที่คุก ฉางชิงเข้าไปในคุกและเริ่มสอนให้คนทำความดี นักโทษเหล่านั้นบอกว่าฉางชิงบ้าไปแล้ว จะเข้าไปทำร้ายแต่ฉางชิงมีฝีมือเหนือกว่าจึงทำอะไรไม่ได้ พวกนักโทษท้าว่าหากอยากช่วยจริงก็ปล่อยไปสิ ฉางชิงถามว่า ถ้าปล่อยไปแล้วจะยอมทำความดีหรือเปล่า พวกนักโทษกระหยิ่มยิ้มย่องและบอกว่าจะทำแน่นอน ฉางชิงจึงยอมปล่อยนักโทษไป โดยร่ายมนตร์เปิดประตูคุก ผู้คุมรู้เข้ารู้สึกกลัว และคิดว่าฉางชิงเป็นปีศาจ เขาถูกจับตัวไปขึ้นศาลแต่ไม่ขัดขืน

นายอำเภอสอบฉางชิงว่าเขาเป็นคนปล่อยนักโทษไปใช่หรือเปล่า ฉางชิงยอมรับ และบอกว่ายอมรับโทษแทนคนที่ปล่อยไปทั้งหมด ลูกน้องของนายอำเภอเตือนว่าฉางชิงเป็นปีศาจให้ระวัง แต่นายอำเภอไม่สนใจ สั่งเฆี่ยนฉางชิงตามจำนวนนักโทษที่ปล่อยไป ดังนั้นฉางชิงจึงถูกนำไปเฆี่ยนปางตาย พวกชาวบ้านรู้เข้าว่าฉางชิงปล่อยนักโทษออกมา ด้วยความโกรธแค้นจึงปาผัก หญ้า และของสกปรกใส่เขา มีบางคน ถึงกับมาช่วยออกแรงเฆี่ยนฉางชิงด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่เฆี่ยนจนเหนื่อยไม่มีแรงเฆี่ยนตีอีกแล้ว ฉางชิงเจ็บหนัก เลือดไหลอาบแท่นซุงที่มัดเขาไว้ และถูกนำไปโยนเข้าคุกขังไว้เพื่อทำการทรมานต่อไปในวันรุ่งขึ้น ปีศาจมายั่วยุอีก และดื่มกินกลิ่นอายความชั่วช้าในคุกจนมีพลังมากกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าแม้ฉางชิงจะโดนทำโทษขนาดนี้ยังไม่มีความโกรธหรือความแค้นในจิตใจเลย มีแต่ความเต็มใจและเมตตา ปีศาจรู้สึกว่าไม่น่าสนุกแล้ว จึงไม่อยู่ยุแยงฉางชิงอีก หันหน้าไปเล่นงานคนสำนักสู่ซันที่เคยจับมันขังไว้จะดีกว่า

ที่สำนักสู่ซัน ฉางอิ้นพยายามตามหาร่องรอยของฉางชิง แต่โดนอาจารย์ทั้งหลายปรามไว้ว่ายังไม่ถึงเวลา เช้าตรู่ของวันนี้เขาออกมาเก็บน้ำค้างยามรุ่งอรุณเหมือนเคย แต่รู้สึกว่าบรรยากาศอันสดใสรอบข้างเปลี่ยนไป มีกลิ่นอายปีศาจกำลังจู่โจมเข้ามา ฉางชิงใช้กระจกสื่อสารรีบแจ้งเรื่องที่ปีศาจร้ายกำลังจะมาทำลายสู่ซันให้ฉางอิ้นทราบโดยไม่ยอมเปิดเผยที่อยู่ของตน(ตัดสัญญาณโทรศัพท์ไปเลย) ฉางอิ้นจึงรีบนำเรื่องไปแจ้งอาจารย์ อาจารย์ทั้ง 5 บอกมีภัยร้ายมาแล้ว ให้ทุกคนเตรียมตัวให้ดี ครั้งนี้อาจมีการสละชีวิตก็ได้ นับเป็นมหันตรายครั้งใหญ่ของสำนักเลยทีเดียว ศิษย์แห่งสู่ซันทุกคนเตรียมตัวฝึกฝีมือไว้คอยรับสถานการณ์ รวมทั้งพวกจิ่งเทียนด้วย แม้แต่เม่าซานก็ไม่เว้น





จิ่งเทียนและเสวี่ยเจี้ยก็ร่วมฝึกฝีมือกับพวกนักพรตสู่ซันด้วย แต่จิ่งเทียนพบว่าคนทั้งหลายเหล่านี้ฝึกไปก็เท่านั้น ไม่มีทางสู้ปีศาจร้ายได้ เขาจึงออกอุบายขึ้นมาประการหนึ่ง ขอให้ทุกคนทำตามก็พอ คือให้ทุกคนเล่นให้เต็มที่ เล่นกันเข้าไป ไม่ต้องฝึกอะไรทั้งนั้น นอกนั้นเขาจะจัดการต่อเอียง ศิษย์สู่ซันไม่มีใครเชื่อ จิ่งเทียนจึงไปบอกให้อาจารย์เจ้าสำนักสั่ง อาจารย์เจ้าสำนักเชื่อว่าจิ่งเทียนจะเป็นคนมาช่วยให้มนุษย์โลกตามที่เคยทำนายไว้ จึงสั่งศิษย์ทุกคนให้ทำตามที่จิ่งเทียนบอกทุกประการ เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ทุกคนจะเห็นว่าเป็นเรื่องประหลาด แต่ก็ทำตามโดยไม่มีบิดพลิ้ว





ปีศาจร้ายมาถึงสู่ซันก็ต้องประหลาดใจมาก ที่ไม่มีการระวังป้องกันเลย แถมยังจุดพลุ ล้อมวงกันวิจารณ์วิชากระบี่กันเป็นที่เซ็งแซ่ เหล่านักพรตไม่มีการระวังป้องกันอย่างที่มันคิดเอาไว้ มันรู้สึกประหลาดใจ เมื่อมองไปบนฟ้าก็พบว่า พวกนักพรตถึงกับจุดดอกไม้ไฟเล่นกันเป็นที่สนุกสนานอย่างกับอยู่ในงานเทศกาล ปีศาจชักสงสัยว่าต้องมีอะไรแอบแฝง เมื่องหันมองไปทางอารามก็พบว่า เทพเทียนเผิง นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนหลังคา ที่แท้พวกนักพรตได้เทพปราบมารเทียนเผิงมาช่วยนี่เอง จึงไม่เกรงกลัวสักนิด

จิ่งเทียนปลอมเป็นเทียนเผิงแม้จะกลัวจนขาสั่นก็ยังพยายามพูดจาหลอกล่อให้ปีศาจเกรงกลัว ทั้งยังให้เม่าซานทำท่าเหมือนรอฉลองเมื่อปราบปีศาจเรียบร้อย ปีศาจเห็นเม่าซานเป็นคนซื่อยังเชื่อเป็นจริงเป็นจังว่าเทียนเผิงมีวิธีสังหารตนได้จึงกลัวหนีไป จิ่งเทียนขาสั่นแทบตกลงจากหลังคา เมื่อปีศาจไปแล้ว เม่าซานกับจิ่งเทียนก็ดีใจมาก ต่างกอดคอกันโห่ร้องด้วยความยินดี เจ้าสำนักสู่ซันและนักพรตทั้งหลายต่างก็รู้สึกขอบคุณจิ่งเทียนที่สามารถช่วยให้คนทั้งหมดรอดพ้นจากภัยพิบัติได้โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ








โดย: mamiya วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:01:25 น.  

 


นักพรตทั้งหลายต่างก็รู้สึกขอบคุณจิ่งเทียนที่สามารถช่วยให้คนทั้งหมดรอดพ้นจากภัยพิบัติได้โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ



เรื่องย่อ ต่อ 7

ในตลาดหญิงสาวชุดสีม่วง กำลังตามหาใครบางคน นางร้อนใจเหลือเกิน เขาต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ จื่อเซวียนนั่นเอง นางไม่เคยหลงรักฉงโหลวเลยแม้แต่น้อย ที่นางจูบกับเขาก็เพียงเพื่อดูดเอาหัวใจของเจ้าแห่งมารมาช่วยให้นางมีร่างอำมตะ สวยงาม และแน่นอนที่ทำไปเพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับฉางชิงได้มากขึ้น จื่อเซวียนทราบดีว่าทำแบบนี้เป็นการเห็นแก่ตัว แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นางต้องอยู่กับฉางชิง นางรอเขามากี่ชาติแล้ว กว่าจะได้พบกันอีกไม่ใช่เรื่องง่าย กู้หลิวฟังที่กระโดดหน้าผาตายพร้อมกัน เขาสอนให้นางอ่านคำกลอนโบราณ นางไม่เคยลืม ไม่ว่าเวลาจะผ่านมาไปนานสักแค่ไหน “ฉางชิง ฉางชิง เจ้าอยู่ที่ไหน” จื่อเซวียนต้องยิ้มด้วยความดีใจเมื่อเห็นเงาหลังของฉางชิง เขามักใส่ชุดขาวของนักพรต เขาอยู่ที่นี่เอง นางจะได้อธิบายให้เขาฟังทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว จื่อเซวียนจับไหล่คนชุดขาว ทันใดนั้น นางก็ต้องกล่าวขอโทษ เพราะเขาไม่ใช่ฉางชิง

จื่อเซวียนเฝ้าแต่คิดถึงเขา สามชาติ นางตามหาเขามาสามชาติแล้ว ตอนนี้เขาเข้าใจนางผิดและหนีหายไป พริบตานั้น จื่อเซวียนได้กลิ่นอะไรบางอย่าง ฉางชิง ต้องเห็นเขาแน่ จื่อเซวียนหันขวับไป นางเห็นคนของทางการกำลังเก็บของ พวกเขาคงได้ทำโทษใครมาก่อน บนท่อนซุงที่ใช้ล่ามนักโทษยังมีรอยเลือดอยู่ รอยเลือดหย่อมใหญ่ สีแดงฉาง แดงฉานเหมือนจิตใจอันร้อนระอุของนาง เลือด นี่คือเลือดของฉางชิง นางทราบ นางสัมผัสได้ เมื่อเข้าไปแตะที่เลือดนั้น นางก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ทำไมเขาต้องทรมานตัวเองอย่างนี้ จื่อเซวียนน้ำตาไหล ภาพฉางชิงถูกเฆี่ยนลงทัณฑ์ปรากฏในภวังค์ความคิด นางเจ็บปวดใจจนหลั่งน้ำตาออกมา ร้องเรียกหาเบา ๆ พร้อมเสียงสะอื้นว่า “ฉางชิง………..”

ร่างกายของฉางชิงบอบช้ำอย่างหนัก หลังแตกเป็นลาย เลือดไหลจนแห้งไปแล้ว เขานอนระบมอยู่ในคุกตามลำพัง ไม่มีใครใยดี ผู้คุมเฝ้าอยู่หน้าห้องร้องด้วยความประหลาดใจ หญิงสาวแสนสวยชุดสีม่วงนี้เข้ามาได้อย่างไร ไม่เข้ามาเฉย ๆ นางออกคำสั่งเสียงแข็ง “เปิดประตู รีบเปิดประตู” ผู้คุมไม่ยอมเปิดตามคำสั่ง จื่อเซวียนไม่รอให้ผู้คุมร้องโวยวาย นางเป่ามนตร์ใส่จากนั้นก็รีบเข้าไปดูอาการฉางชิง นางร้องเรียกเขาเบา ๆ “ฉางชิง ข้ามาแล้ว ฉางชิง ฉางชิง....”

ฉางชิงไม่รู้สึกตัว เขาพึมพำอะไรบางอย่าง จื่อเซวียนเงี่ยหูฟังจึงทราบว่า เขาพูดว่า “ให้ข้ารับโทษแทนพวกเขา ข้าเป็นคนปล่อยพวกเขาไปเอง ให้ข้ารับโทษ.....” พูดไปพูดมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จื่อเซวียนเห็นท่าไม่ดี แม้ฉางชิงจะมีเวทย์มนตร์แต่ตัวเขาเต็มใจโดนทำโทษเช่นนี้ จื่อเซวียนรีบร่ายเวทย์รักษาฉางชิง แม้เขาจะไม่ถึงกับหายดีก็ตาม แต่อาการก็ดีขึ้นกว่าตอนแรกมากมานัก

เมื่อฉางชิงตื่นขึ้นมา เขาพบเห็นจื่อเซวียนเป็นคนแรก ดวงตาไม่มีประกายแห่งความดีใจสักนิด เขากล่าวขอบคุณแม่นางจื่อเซวียน จื่อเซวียนเจ็บปวดใจยิ่งนัก ถามเขาว่า เมื่อกี้เรียกนางเป็นอะไร น้ำเสียงทั้งเกรงใจทั้งห่างเหิน ฉางชิงเรียกเขาว่าแม่นางจื่อเซวียน จื่อเซวียนถามว่าโกรธเรื่องที่นางจูบกับฉงโหลวหรือ ฉางชิงบอกว่า นางจะทำอะไร เป็นเรื่องของนางไม่เกี่ยวกับเขาสักนิด พูดพลางเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย เขายังโกรธนางอยู่แน่ ๆ จื่อเซวียนรีบตามไป ฉางชิงขึ้นกระบี่หนีมาบนท้องฟ้า นางก็ได้แต่เหาะอยู่บนอากาศตามไป นางเรียกเขาไม่หยุด ฉางชิงเสกด้ายสีทองที่ไร้รูปลักษณ์เป็นแสงจาง ๆ เหมือนไหมนับร้อยนับพันเส้น พันธนาการเอาไว้ แต่ฉางชิงหารู้ไม่ แม้พันธนาการตัวนางได้ แต่ใจของนางเล่า?



จื่อเซวียนตกลงมาบนพื้นดิน นางพยายามสลัดด้ายสีทองที่มัดนางไม่ให้ตามฉางชิงไปออก แต่นางสลัดไม่หลุด เมื่อครู่นางเสียพลังรักษาฉางชิง ตอนนี้นางช่วยตัวเองก็ยังไม่ได้ พริบตานั้นเองนางรู้สึกว่ามีใคบางคนมาประคองนางไว้ แบบถนุถนอมและเบามือ เขาร้องสั่งว่า “อย่าขยับ” พลางจับมือจื่อเซวียนเอาไว้ ค่อย ๆ ร่ายเวทย์ขจัดเส้นด้ายที่พันธนาการจื่อเซวียนออกไปจนหมด ฉงโหลวนั่นเอง เขาตามนางมาทำไมกัน?


จื่อเซวียนจุมพิตฉงโหลวเพื่อดูดเอาหัวใจของมารมาต่อความอ่อนเยาว์ให้แก่ตนเอง



“ที่แท้ก็ เจ้าแห่งมารผู้ไม่รู้จักความรักนี่เอง ท่านมาที่นี่ทำไม?”
“เมื่อตอนที่เจ้าจุมพิตข้า ข้ารู้สึกอะไรบางอย่าง”
“เฮอะ...อย่าบอกว่าจื่อเซวียนผู้นี้ทรงเสน่ห์นักที่ทำให้เจ้าแห่งมารถึงกับตามมาถึงที่นี่ได้ เป็นเกียรติเหลือเกิน”
“เจ้าช่วยสอนข้า ความรักเป็นอย่างไร ข้าอยากเข้าใจ....”
“ฉงโหลวเจ้าอย่าได้เอ่ยคำพูดเช่นนี้ มิเช่นนั้นแล้ว คนอื่นไม่รู้จะเข้าใจว่าเจ้ากำลังขอความรักข้าอยู่”
“ความรักคืออะไร? ข้าอยากเข้าใจ”
“เจ้าแห่งมารอย่างเจ้า ไม่มีทางเข้าใจและจะไม่มีวันเข้าใจ”
“ตอนที่เจ้าจุมพิตข้า เหมือนข้าจะเข้าใจอยู่บ้างแล้ว......”
“ไปเถอะ ข้าไม่มีวันจะรักเจ้า......ข้ารักแต่ฉางชิงคนเดียวไม่ว่าจะชาติไหน ๆ ”
ทันใดนั้นจื่อเซวียนก็รุ้สึกเจ็บปวดที่หัวใจอย่างแรง อะไรกันนี่ หัวใจของจอมมารในร่างของนางถึงกับเจ็บปวดอย่างแรง !
จื่อเซวียนยกมือกุมหัวใจ ฉงโหลวก็เช่นกัน เขารู้สึกเหมือนว่าจะเจ็บปวดแต่ไม่เจ็บปวดเลย ที่แท้หัวใจของเขาถูกจื่อเซวียนขโมยไปแล้ว
“บอกความจริงให้ก็ได้ ข้าทำไปเพียงเพื่อขโมยหัวใจของเจ้ามาช่วยให้ร่างกายของข้าคงความสวยงามอ่อนเยาว์เอาไว้ เพื่อให้ข้าได้อยู่กับฉางชิงให้นานกว่าเดิม ข้าหลอกเจ้า”
ฉงโหลวนิ่งงัน ไม่พูด ไม่ตอบ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ได้แต่ยืนนิ่งเหมือนถูกมนต์สะกด จื่อเซวียนเดินโซซัดโซเซ พลางพึมพัมเบา ๆ “ฉงโหลว ขอโทษด้วย อภัยให้แก่ความเห็นแก่ตัวของข้าด้วย”
ฉงโหลวนิ่งอยู่เป็นเวลานาน จึงได้เหาะกลับแดนมาร ระหว่างทางเขาผ่านน่านน้ำแต่เมี่อมองลงไป กลับเห็นแต่ใบหน้าของจื่อเซวียน เขาบินไปที่เหนือน่านน้ำและนอนนิ่ง คิดถึงแต่จื่อเซวียน




จื่อเซวียนไปหาฉางชิงอีก เขาไม่สนใจนางอีกแล้ว ไม่ต้องการนางอีกแล้ว แต่จื่อเซวียนไม่เลิกรา ประกาศว่าไม่ว่าฉางชิงจะทำอะไรนางจะช่วยเหลือเขา อยู่เคียงข้างเขา และสนับสนุนเขาทุกเรื่อง ไม่ว่าชาติไหน ๆ นางก็จะอยู่กับเขาทุก ๆ ชาติไป จื่อเซวียนไปที่บ่อนพนัน นางไปเตือนคนที่เล่นพนันให้เลิกเล่น จนเกือบโดนทุบตี ฉางชิงผ่านมาพอดีจึงรีบเข้าไปช่วยนาง และบอกกับนางว่าอย่าได้ยุ่งกับเรื่องของเขาจนทำให้ตัวเองเดือดร้อน จื่อเซวียนถามเขาว่านางเคยทอดทิ้งเขาไหม ไม่ว่าชาติก่อนหรือตอนนี้นางจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขาตลอดไป(ซึ้งสุด ๆ ) ฉางชิงเห็นนางโดนผลักจึงเข้ามาช่วยและเรียกนางเหมือนเดิมว่า “จื่อเซวียน” จื่อเซวียนมองดูเขานางดีใจมากที่เขาเรียกหานางเหมือนเดิมแล้ว



พอดีคนของกองปราบมาเห็นเหตุการณ์ พวกเขาไม่รู้ว่าฉางชิงออกจากคุกมาได้อย่างไร จึงจับทั้งสองไปที่ศาลอีกครา ฉางชิงคุกเข่ารอฟังคำพิจารณา ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง ไม่รู้สึกกลัวหรือเดือดร้อนใด ๆ ทั้งนั้น เหมือนเตรียมตัวรับโทษอย่างเต็มที่ จื่อเซวียนยืนอยู่ นางแก้ต่างแทนเขา แต่ฉางชิงกลับไม่พูดอะไรสักคำ(แหม....จื่อเซวียนทำหน้าที่เหมือนทนายส่วนตัวเลย) ไม่ว่าข้อหาอะไรที่นายอำเภอกล่าวโทษฉางชิง จื่อเซวียนก็เถียงแทนหมด จนถึงคำพิจารณาสุดท้ายให้ประหารชีวิต จื่อเซวียนก็ยิ่งต้องหาทางช่วยฉางชิง ในที่สุดเมื่อนายอำเภอทนรำคาญไม่ไหวจึงให้จับจื่อเซวียนไปทำโทษ ฉางชิงเอ่ยปากแล้ว เขาบอกว่า “ข้ายินดีรับโทษทุกประการ” และย้ำอีกว่า “ข้าคนเดียวที่ทำผิด ความผิดของข้าทั้งหมด” จื่อเซวียนมองดูฉางชิง นางดึงมือเขาให้หนีไปเสีย เขารั้งมือไว้และบอกว่า “จื่อเซวียน ให้ข้าตายเถอะ ถือว่าข้าขอร้องเถิดนะ”




จื่อเซวียนมองเห็นฉางชิงตายมากี่ชาติกันแล้วล่ะ? กู้หลิวฟัง หลินเย่ผิง และยังมีฉางชิงอีก นางจะไม่ยอมให้เขาตาย แต่เขากลับใฝ่หาความตาย คราวนี้ก็เช่นกัน เขาจะจากนางไปอีกแล้ว จื่อเซวียนน้ำตาไหล นางพูดขึ้นว่า

“对你…. 我永远都是输” (อุ....... แม่เจ้า คำนี้โดนมาก ๆ ) “กับเจ้าข้าล้วนแต่พ่ายแพ้ตลอดกาล”



พริบตานั้นนางเงยหน้าร้องเสียงโหยหวน ร่างอันสวยงามของหญิงสาวผู้นี้ก็กลายเป็นงูขนาดมหึมา นางเลื้อยไปพันตัวฉางชิงไว้และคลอเคลียอยู่กับเขาไม่ยอมห่าง ชาวบ้านที่มาดูการพิจารณาโทษต่างก็ร้องด้วยความแตกตื่นและหลบหนีกันโกลาหล


“ปีศาจ!...... ปีศาจแน่ ๆ จับตัวพวกมันไว้!” นายอำเภอร้องสั่ง “เผามัน พวกปีศาจ เผามันให้ตาย!”
แต่ฉางชิงบอกว่า “ไม่ต้อง พวกเราจะเดินไปเอง” พลางอุ้มเอางูขนาดยักษ์สีม่วงเดินไปอย่างสง่างาม ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนคนก็แตกตื่นไปหมด



ที่แท่นเผา จื่อเซวียนที่กลายร่างเป็นสาวงามอีกครั้ง โดนขึงอยู่บนท่อนไม้พร้อมกับฉางชิง นางเรียกเขา “ฉางชิง ฉางชิง” ฉางชิงเงยหน้าขึ้นมองนาง และบอกว่า “ชาติหน้า ระวังอย่าให้เจอข้าอีก” แต่จื่อเซวียนกลับบอกว่า ชาติหน้านางก็จะตามหาเขาอีก ตามหาจนเจอ เหมือนชาติที่ผ่านมา ฉางชิงบอกให้นางเลิกเสียเถอะ แต่นางบอกว่า การที่นางได้เจอกับฉางชิงถือเป็นเรื่องที่สวรรค์เมตตาต่อนางมากแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน นางก็จะตามเขาไปทุกภพทุกชาติ นางบอกว่าความจริงนางจุมพิตฉงโหลวเพราะต้องการหัวใจของจอมมารมารักษาความอ่อนเยาว์ของตน นางทำอย่างนี้เพราะต้องการต่อเวลาของนางที่จะได้อยู่กับเขาให้ยาวขึ้น



ฉางชิงจะไม่ยอมให้นางอธิบาย แต่เมื่อได้ยินว่าจื่อเซวียนไม่เคยรักฉงโหลวเลย แต่ทำอย่างนี้เพราะอะไร เขาหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง หัวร่อให้กับความเขลาของตน นางทำเพื่อเขาทั้งนั้น เขาเข้าใจนางผิดไป ฉางชิงโดนควันรมจนจวนจะสิ้นสติ แต่จื่อเซวียนสิ้นสติไปก่อนแล้ว ฉางชิงเรียกนางก็ไม่ตอบรับ จากนั้นฉางชิงก็สิ้นสติไป




บนท้องฟ้ามีนกยักษ์สีดำตัวหนึ่งบินมา มันโฉบเอาร่างของคนทั้งสอง หายไปพร้อมกัน ผู้คนที่มุงดูแตกตื่นจนร้องเสียงหลง หนีไปคนละทิศละทาง ฉงโหลวนั่นเอง เขาพาทั้งสองมาที่บ่อชุบชีวิต และเสกให้จื่อเซวียนลอยอยู่เหนือบ่อ เมื่อหันมามองฉางชิงบนพื้น อดรู้สึกรำคาญใจไม่ได้ เขาชี้นิ้วอย่างไม่ปรานีนัก ฉับพลันร่างของฉางชิงก็ลอยขึ้นอย่างแรงอยู่เหนือสระชุบชีวิต ฉงโหลวไม่รู้จะเผชิญหน้ากับจื่อเซวียนอย่างไร ได้แต่ช่วยทั้งสองเสร็จก็ปลีกตัวไป เมื่อทั้งสองฟื้นขึ้นมาก็ไม่พบฉงโหลวแล้ว



แผลทั้งหมดบนตัวของฉางชิงหายเรียบร้อยแล้ว จื่อเซวียนก็ปลอดภัยเช่นกัน ฉางชิงเรียกนางจนคืนสติ เขามองไปรอบบริเวณ เห็นใบหน้าของพระโพธิสัตว์ ใบหน้าอันปรานีของพระโพธิสัตว์ทำให้เขาต้องเดินเข้าไปหาอย่างไม่รู้ตัว เขากำลังสับสน และหาทางออกไม่ได้ ฉางชิงคุกเข่าลง และร้องเรียกว่า “ผูซา(พระโพธิสัตว์)....ได้โปรดชี้ทางสว่าง” จื่อเซวียนเดินตามมา มองดูเขาอย่างเงียบวัน พระโพธิสัตว์องค์มหึมาดุจภูเขาส่องแสงเป็นประกายใต้แสงอาทิตย์ ดอกไม้ใบหญ้าทั่วบริเวณสั่นไหวไปในสายลม แสงเรือง ๆ ของพระอาทิตย์ หรือไม่ทราบว่าพระองค์ทรงแสดงปาฎิหาริย์ใด ฉางชิงก้มศีระโขกร้องขอบคุณไม่หยุดยั้ง “ลูกเข้าใจแล้ว ขอบคุณพระโพธิสัตว์” ฉางชิงเข้าใจอะไรกันแน่?


กู้หลิวฟัง - จื่อเซวียน กู้หลิวฟังกลับไปที่เขาเคยเจอกับจื่อเซวียน ตลอดเวลาเขาคิดว่านางตายไปแล้ว ไม่นึกว่าจะได้เจอกับนางอีกครั้ง หน้ากากใบนี้เอง สัญญารักของกู้หลิวฟังกับจื่อเซวียน











ขอติดตามรักท่านทุกชาติไป...




โดย: mamiya วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:21:44 น.  

 
“对你…. 我永远都是输”

จบกัน......ใครพูดคำพูดนี้ เป็นอันจบเห่ ไร้ทางเยียวยา น่าสงสารเป็นยิ่งนัก

จื่อเซวียนเอยจื่อเซวียน แม้เจ้าจะน่าสงสาร แต่คงไม่เท่ากับซีเหยาหรอกนะ

เพราะอะไร ก็คืดดูสิ ซีเหยาโคตะระจะรักจิ่งเทียน เอ้ย...ไม่ใช่ เทียนเผิงเลย

แต่เทียนเผิง เป็นเทพรักษาประตูสวรรค์ ก็มีหน้าที่ต้องเผ้าประตู นาน ๆ มาหาซีเหยาที

หาแล้วก็นั่งมองหน้ากัน คุยก็ไม่คุย แบบว่ามองหน้าก็รู้ใจ เป็นเทพนี่นา ก็ต้องมีฤทธิ์อ่านใจกันออก

ซีเหยาบอกว่า ขอแค่ได้อยู่ใกล้เทียนเผิงตลอดไป แต่แล้ว...เทียนเผิงก็ทำอะไรตามใจอีกแล้ว

เทียนเผิงมีปมในใจ เนื่องจากเก่งมากเกินไป ไม่มีคู่ต่อสู้ที่สูสี หาทั่วสวรรค์แล้วก็ไม่มี

พวกขุนนางเทพสวรรค์ก็แก่ ๆ ชอบซุบซิบเรื่องนั้นเรื่องนี้ เทียนเผิงดูถูกพวกนั้นอยู่ในใจ

ไม่มีใครในสายตาเลย จนวันหนึ่ง ได้พบกับฉงโหลว อ้าว...มันดันเป็นปีศาจ จะคบเป็นเพื่อนมาอัดเล่นกันให้มันส์ไปเลย ก็ทำไม่ได้ มันผิดกฎไปเสียนี่

เอาไงดี รอมันมาท้าสู้เป็นครั้งเป็นคราวไปก็แล้วกัน เหมือนรอคอย ทุกทีเลย พอฉงโหลวมาก็ไปต่อสู้ ไม่สนใจอะไรแล้ว

ซีเหยาห้ามก็ไม่เชื่อ ซีเหยาก็ไม่อยากห้าม ปล่อยให้คนที่ตนรักมีความสุขในการลุยกับคู่ต่อสู้ที่มีกำลังทัดเทียน

ก็นั่นแหละ เทียนเผิงมีความสุข ซีเหยาก็สุขด้วย

วันหนึ่ง ไปต่อสู้กันที่แดนเมืองใหม่ ซีเหยาห้ามแล้ว เทียนเผิงเอามันส์อย่างเดียวไม่ฟัง เป็นไง โดนกันหมด งานเข้าเสียแล้ว

เทียนตี้รู้เรื่องเลยทำโทษให้เทียนเผิงไปเกิดในแดนมนุษย์เสียเลย อย่าซ่าส์เถียงดีนัก

ซีเหยาในฐานะปกปิดเรื่องนี้ ก็โดนไปด้วย แต่ไม่ได้ไปเกิด เทียนเผิงไปเกิดแล้วลืมทุกอย่าง ชาติแรก หลงหยาง รบจนตาย

ซีเหยาคิดถึงเขาแทบตาย ความคิดถึงเกิดเป็นผลไม้ทิพย์ 2 ผล ถามว่าทำไมต้อง 2 อ้าวถ้าผลเดียวแล้วจะเอาอะไหล่ที่ไหนมาเปลี่ยนให้เสวี่ยเจี้ยนตอนกำลังสูญเสียวิญญาณล่ะจ๊ะ ก็เขาเตรียมเนื้อเรื่องไว้อย่างนี้

ผลหนึ่งตัวเองเก็บไว้ ผลหนึ่งให้เหล่านางฟ้าไปดูแล เออนะ....ผ่านไปเป็นพันปี ความคิดถึงทำให้ผลไม้ทิพย์กลายเป็น a baby.....


ผู้หญิงด้วย คราวนี้ซีเหยาเกิดไอเดีย เอาหน้าตาของตัวเองให้เด็กทารก แล้วส่งไปตามหาคนรักเทียนเผิงดีกว่า

เลยเอาเด็กหย่อนไปในโลกมนุษย์ แต่เมื่อเด็กคนนั้นโตแล้ว เกิดเรื่องจนจิ่งเทียนหรือชาติที่ 2 ของเทียนเผิงกลับมาสวรรค์และได้พบกับซีเหยาอีกครั้ง

อุ๊บ๊ะ....ดันจำเรื่องในอดีตไม่ได้เสียแล้ว แง้ว ........


เสร็จกัน จบกัน ซีเหยาก็รู้ว่าจิ่งเทียนไม่รักซีเหยาแต่รักเสวี่ยเจี้ยน เลยปลีกตัวจากไป


ความรักเป็นพันปี น้ำตาตั้งเท่าไหร่ รอคอยอย่างทรมานแค่ไหน เทียนเผิง ไม่รับรู้...............


จิ่งเทียนรู้แต่ว่าในชาติก่อนเขาคือเทียนเผิง แต่ในชาตินี้เขารักเสวี่ยเจี้ยน และอยากเป็นมนุษย์ที่มีทุกข์และสุขไม่เหมือนบนสวรรค์ที่เงียบเหงาและน่าเบื่อ

ซีเหยาได้แต่จากไป

โอย......สลด น่าสงสารสุด ๆ ซีเหยาเป็นตัวละครที่น่าสงสารมาก ๆ น่าสงสารกว่าจื่อเซวียนเพราะอย่างน้อง กู้หลิวฟัง หลินเย่ผิง และฉางชิง ยังรักนาง แม้ต้องรอคอย แต่ก็คุ้มกว่า

เฮ้อ....แล้วฉันมานั่งคิดเรื่องคุ้มไม่คุ้ม ใครรักใครทำไมกันนี้

รู้แต่ว่า เรารักฉางชิง ดังนั้นบล็อคนี้จึงมีรูปฉางชิงมากมาย อิ อิ

ชะแว๊ป ไปก่อน


โดย: มามิยะ IP: 124.120.45.41 วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:16:49 น.  

 
แล้วภาค 2 ไปไหนอะครับ

ช่วยชี้แนะข้าน้อยหน่อยนะครับ


โดย: คนรักหนังจีนกำลังภายใน IP: 124.120.235.79 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:16:00 น.  

 
แล้วภาค 2 ไปไหนอะครับ

ช่วยชี้แนะข้าน้อยหน่อยนะครับ


ข้างบนมีเฉลยค่ะ ลองอ่านดู


โดย: มามิยะ IP: 124.120.44.75 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:50:22 น.  

 
นี่ค่ะบล็อคแต่ๆจริงๆแล้วเป็นเวบน่ะค่ะจะเรียกเวบก็ดูเวอร์ไป
//ceidythaifanclub.forumotion.com/

คนนี้หน้าคล้าย"หลงขุย"จังเลย
//i82.photobucket.com/albums/j244/marron0811/xianjian3/861caf13e1fb10e9c3fd7858.jpg


โดย: 456 IP: 124.121.105.224 วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:21:32 น.  

 
คนที่เล่นเป็นหลงขุย กับ หงขุย ชื่อ "หลิวซือซือ" ตามลิงค์ข้างบนที่ลิงค์มา ก็คือหลิวซือซือ

ส่วนคนข้างล่างชุดสีม่วง คือ ถังเยียน เล่นเป็น จื่อเซวียนคนละคนกันกับหลงขุยค่ะ


โดย: มามิยะ IP: 124.121.244.245 วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:22:07 น.  

 
ผมเห็นข้างบนเขียนว่าไม่มีภาค1

ในความคิดผม ภาคที่หลิวอี้เฟยเล่นคือภาค1

ผมก็เลยถามถึงภาค2อะครับ


โดย: คนรักหนังจีนกำลังภายใน IP: 124.120.247.151 วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:27:16 น.  

 
เราก็คิดว่าภาคที่หลิวอี้เฟยเล่นเป็นภาค1เหมือนกัน

ภาคที่หลิวอี้เฟยเล่นชื่อเรื่องมันก็เหมือนกับเรื่องนี้อะ

แล้วที่หลิวอี้เฟยเล่นมันเรื่องอะไรอะ


โดย: จอมยุทธ์บ้านมีดบิน IP: 124.120.247.151 วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:39:09 น.  

 
ไปดูคลิปกันจ้า

คลิปนี้เป็นตอนที่ทั้งหมดนั่งเรื่องสำเภายนตร์มาด้วยกันแล้ว เรือโดนลมฟ้าอากาศทำให้เรือแตก ทุกคนตกน้ำ หูเกอ หลิวซือซือ หยางมี่แบ่งเป็นกลุ่มหนึ่ง จื่อชงเดี่ยวแบกเป้ แล้วฮั่วเจี้ยนหัวกับถังเยียนต้องอยู่ด้วยกันอีกกลุ่มหนึ่ง แหม ตอนท้ายมีตลกของแต่ละคนด้วย น่ารักดี ทุกคนต่างทำให้ตัวเองเปียก บางคนเปียกน้อยก็โดนว่าดูหลอกเกินไป เลยต้องทำให้เปียกกันไปหมด

//www.tudou.com/programs/view/EpC2jpEiMgk/

คลิปนี้เป็นฉากหลุด ๆ ของแต่ละคนตอนถ่ายทำ แรกเลยหูเกอในบทเทียนเผิงสู้กับหวงจื้อเหว่ยในบทเจ้าแห่งปีศาจฉงโหลว ต่อมาเป็นจิ่งเทียนสู้กับปีศาจในบ้านตระกูลเหลย และต่อด้วยฉากต่อสู้ของจิ่งเทียนกับคนชุดสีขาว(อันนี้ดูยังไม่ถึง น่าจะตอนหลัง ๆ แล้วนะ) ฉากกับหยางมี่เล่นกระดื้บอะไรกันก็ไม่รู้ ต่อมากับฮั่วเจี้ยนหัว ตอนจิ่งเทียนพบว่าฉางชิงเริ่มคิดถึงจื่อเซวียนและเก็บผ้าเช็ดหน้าของนางไว้ แหม ฉากนี้ฮั่วเจี้ยนหัววิ่งได้ตลกมากเลย ต่อมาเป็นฉากที่จิ่งเทียนไปหาเสวี่ยเจี้ยนที่ตระกูลเหลย แล้วนั่งกินข้าวด้วยกัน ฉากที่หยางมี่เหยียบขาหูเกอ และฉากเอาไก่ยัดปากหูเกอ น่าสงสารหูเกอเล่นไปหลายเทค หยวนหงเอาแต่หัวเราะอย่างเดียวเลย ต่อไปเป็นฉางชิงโดนเฆี่ยน โหย...ในหนังให้ใจไปมากมาย แต่พอดูเบี้องหลังแล้ว เฉย ๆ เลย ชักคิดว่าดูหนังจบแล้วค่อยมาดูเบื้องหลังดีกว่ามั๊ง

ฉากต่อมาเป็นฉากกู้หลิวฟังที่บวชแล้ว 3 ปีกลับมายังหมู่บ้านที่เคยเจอกับจื่อเซวียน หลิวฟังเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่หน้ากากที่เคยให้กับจื่อเซวียนเพื่อเป็นสัญญารัก แต่ผู้หญิงคนนั้นวิ่งหนีไปเขาจึงวิ่งตาม ผู้หญิงคนนั้นคือจื่อเซวียนที่เขาคิดว่าตายไปแล้ว เมื่อเจอกันอีกครั้ง ความรักที่เก็บอยุ่ในใจอยู่นานจึงระเบิดออกมา

ฉงโหลว แสดงโดยหวงจื้อเหว่ย น่าสงสารจริง ๆ กว่าจะแต่งตัวออกมาได้อย่างที่เห็น ปาเข้าไปหลายชั่วโมง แถมกระบี่ที่แขนหนักข้างละ 5 กิโลกรัม ถ้าไม่ได้ถ่ายทำก็นั่งเฉย ๆ ได้อย่างเดียวเลย เพราะมันทั้งร้อนทั้งหนัก แต่เขาบอกว่าคุ้ม เออ...ไอ้หนูนี่ใจสู้ดีแฮะ โดนสลิงดึงทั้งวันยังให้สัมภาษณ์แบบใจเย็นได้ขนาดนี้ โอเคใช้ได้เลย แม้เสียงให้สัมภาษณ์จะเบาไปหน่อยก็ตาม แถมตอนแต่งตัวช่างแต่งตัวก็เตี้ยกว่า เพราะดาราคนนี้สูงมาก.........


ต่อมาเป็นเบื้องหลังของเม่าเม่า จื่อชงทำท่าเลียนแบบหยางมี่ ส่วนฮั่วเจี้ยนหัว ถอดชุดละคร มาทำท่าบินผ่าน

ฉากเม่าเม่ากับจิ่งเทียน วิ่งแบบใบ้ ๆ


สุดท้าย เป็นฉากของจื่อชง (เป็นคนฮ่องกง พูดภาษากวางตุ้ง) หยางมี่ หูเกอ ฮั่วเจี้ยนหัว(พวกนี้พูดจีนกลางกันหมด)


ตามไปดูกันค่ะ

//you.video.sina.com.cn/b/22480757-1625838261.html




โดย: มามิยะ IP: 124.121.244.245 วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:52:43 น.  

 
เพิ่งเห็นความเห็นของคุณ คนรักหนังจีนกำลังภายใน มาตอบคำถามเพื่อความชัดเจนค่ะ

ผมเห็นข้างบนเขียนว่าไม่มีภาค1

ในความคิดผม ภาคที่หลิวอี้เฟยเล่นคือภาค1

ผมก็เลยถามถึงภาค2อะครับ

คำตอบ

ไม่ใช่ไม่มีภาค 1 ค่ะ ข้างบนเขียนไว้ว่า ไม่มีภาค 2 นะคะ เอามาแปะอีกที

(อ้อ...ไม่ต้องถามหาภาค 2 นะคะ เพราะมันไม่มี ภาค 1 แล้วกระโดดชั๊วะมาภาค 3 เลย)

คุณทั้ง 2 เข้าใจถูกแล้ว เราเขียนถึงเซียนเจี้ยนภาค 3 เป็นหลัก เข้าใจว่าทุกคนได้ดูภาค 1 แล้วคงทราบดีกว่า ภาค 1 หลิวอี้เฟยเล่นกับหูเกอในบทของเจ้าหลิงเอ๋อร์กับหลี่เซียวเหยา จึงไม่ได้เน้นถึงอีก สังเกตเว้นวรรคข้างบน อ่านเว้นกันหน่อยจะหมายความว่าไม่มีภาค 2 นะคะ ไม่นึกว่าจะเข้าใจผิดกันน่ะค่ะ ไว้จะระวังกว่านี้)

สรุปนะคะ อย่าเข้าใจผิด

ภาค 1 หลิวอี้เฟย เล่นเป็นเจ้าหลิงเอ๋อร์ซึ่งเป็นลูกของชิงเอ๋อร์ ตามท้องเรื่อง ชิงเอ๋อร์เป็นลูกของจื่อเซวียนกับหลินเย่ผิง เท่ากับว่าภาค 3 เป็นเนื้อเรื่องก่อนภาค 1 ซึ่งเท่ากับว่า ภาค 3 เป็นภาคเนื้อเรื่องของตากับยายของหลิงเอ๋อร์(หลิวอี้เฟย)ในภาค 1 (เนื้อเรื่องย้อนหลัง)

ภาค 2 ไม่มี ถ้ามีเราว่าน่าจะเป็นเรื่องของชิงเอ๋อร์นะคะ หรือจะไม่มีไปเลย แล้วไปเล่นเรื่องที่น่าสนใจในซีรีย์เดียวกัน แล้วค่อยใส่ภาค โดยไม่คำนึงถึงกาลเวลา อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าผู้สร้างเขาจะเอาอย่างไรต่อไปกันแน่


ภาค 3 เป็นเรื่องของจิ่งเทียนกับเสวี่ยเจี้ยนและจื่อเซวียนกับฉางชิง

อย่างนี้ชัดเจนขึ้นไหมคะ ส่วนภาค 4 เห็นในเว็บจีนเขาเริ่มเรียกร้องกันแล้ว หนังเรื่องนี้เพิ่งฉายในจีนค่ะ และก็ยังฉายไม่ทั่วประเทศเลยค่ะ ตอนนี้ติดชาร์จอันดับ 3 ในหังโจวอยู่
ชาร์จมันก็วิ่งไปวิ่งมาน่ะค่ะ


โดย: มามิยะ IP: 124.121.244.245 วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:07:14 น.  

 
ข้างบนก็มีระบุว่าหลิวอี้เฟยเล่นภาค 1 นะคะ สงสัยคงอ่านอย่างผ่าน ๆ กันใช่ไหมคะ? ตรงนี้ค่ะ

2. ในเกมส์ลูกของจื่อเซวียนกับเย่ผิงเป็นผู้หญิง ซึ่งก็คือ ชิงเอ๋อร์แม่ของหลิงเอ๋อร์(หลิวอี้เฟย) ในภาค 1 หมายความว่าจื่อเซวียนเป็นยาย และหลินเย่ผิงเป็นตาของหลิงเอ๋อร์ในภาค 1 นั่นเอง

ลองอ่านดูข้างบนนะคะ ในประเด็นนี้ก็เฉลยแล้วเช่นกันว่าฉางชิงเป็นคนรัก 3 ชาติของจื่อเซวียน ต้องเขียนอีกทีเดี๋ยวมีคนเข้าใจผิด จะสับสนกันไปใหญ่ เพราะหนังเรื่องนี้ก็ทำหลอกไว้ในตอนแรก ให้เข้าใจผิดกันไปก่อนแล้วค่อยมาเฉลยกันทีหลังเหมือนกัน ทำให้ตอนที่เราดูก็เกิดปัญหาในใจก่อนที่จะเข้าใจในตอนหลังเมื่อหนังฉายไปถึงตอนหลัง ๆ แล้ว

ขอบคุณที่มาคุยนะคะทุกท่าน ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครดูเรื่องนี้อยู่หรือเปล่า กว่าหนังจะเอาเข้ามาฉายในเมืองไทย เราก็ดูจบไปนานจน(คงจะ)จำไม่ได้แล้ว เขียนบล็อคก็เป็นการเตือนความจำไปในตัวเหมือนกัน


บางทีได้ข้อมูลการถ่ายทำมาก่อน เลยไปตามหาหนังนั้น อย่างเรื่อง "ต้ากุ่ยซู๋" ของลู่อี้ ป่านนี้ยังไม่ออกเลย ยังมีเรื่อง "อี๋เทียนถูหลงจี้" ของจางจี้จงอีก ถ้าไม่ได้ไปหาซื้อเอง ให้เพื่อนไป หลายครั้ง พวกคนขายต้องพูดว่า "หนังเรื่องนี้ไม่มี หนังเก่าหรือเปล่า?" บางเรื่องที่คนขายเข้าใจไปอย่างนั้นก็อาจเป็นได้เพราะมันถ่ายทำมาหลายรอบแล้ว แต่บางเรื่องยังไม่เคยถ่ายทำเลย พี่แกก็จะเหมาเอาว่า "หนังเก่า" ไปเสียทุกเรื่อง การฝากคนอื่นไปซื้อจึงต้องกำกับชื่อคนเล่นไปด้วยทุกครั้งไป และก็มักกลับมามือเปล่า เพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะออกเมื่อไหร่ ได้แต่ตาม ตาม ตามอย่างเดียวเท่านั้น ใครไปก็ฝาก ๆ ไป อ้อ ต้องเพื่อนสนิทไม่งั้นคงไม่กล้ารบกวนฝาก


ถ้าไปเอง บางทีก็เจอหน้าปกดีวีดี แบบตัดหัวเรื่องนั้น เปลี่ยนเอาชุดของอีกเรื่องหนึ่งทำให้หน้าปกเปลี่ยนไป เหมือนเป็นเรื่องใหม่ ก็พอจะรู้ได้ว่านั่นน่ะ หนังเก่าแน่นอน เพราะส่วนใหญ่ถ้าเป็นหนังกำลังภายในเราก็จะซื้อมาดู บางเรื่องก็สนุก บางเรื่องก็ไม่สนุก บางทีดูไป 10 กว่าเรื่องยังหาดีไม่ได้ก็มี (ดีในสายตาเราล่ะมั๊ง) ที่เอามาแนะนำ ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ถูกใจและมีประเด็นน่าดูทุกเรื่อง


หนังที่น่าดูอีกหลายเรื่อง เช่น "ไซอิ๋ว" ของจางจี้จง เรื่องนี้มีน้องของเฉินฮุ่ยหลิน(นักร้องฮ่องกง)เล่นเป็นพระถังซำจั๋ง หน้าใหม่แบบนี้ต้องดูเสียหน่อย

2. "อี๋เทียนถูหลงจี้"ของจางจี้จงอีกแล้ว ก็อยากรู้ว่าเติ้งเชาจะเป็นเตียบ่กี้ได้ถึงระดับไหน ตั้งแต่ยังไม่ออกก็มีคนด่ากันขรมเสียแล้ว

3. "ปิงเซิ่ง" เป็นหนังของ 3 จ. อีก แกเล่นสร้างแต่หนังกำลังภายในหรือไม่ก็หนังโบราณนะเนี่ย เรื่อง "ปิงเซิ่ง" เป็นเรื่องของซุนจื่อ นักรบชื่อดังสมัยโบราณ พระเอกไม่หล่อ แต่จะดูเหอจั๋วเหยียน หรือซวงเอ๋อร์ใน "อุ้ยเสี่ยวป้อ 2008" (ปีที่ออกฉาย)นันเอง


พูดถึง จ.จ.จ ความจริงถ้าไม่มีคนมาเปรียบเทียบก็จะรู้สึกว่าแกทำหนังไม่ดีเท่าไหร่ แต่พอมาเทียบกับผุ้กำกับอื่น หนังของแกก็ดีกว่ามากเลย ทำให้ตอนหลัง ๆ เราดูหนังของจางจี้จงได้ลื่นไหลกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว

4."ซูตงปอ" กวีสมัยราชวงศ์ถัง แสดงโดยลู่อี้ คนนี้เป็นกวีที่ชีวิตลำบากจริง ๆ อยากดูว่าจะสื่อความลำบากออกมาได้ขนาดไหน แต่กลอนของเขาไพเราะมากจ้า

5. "หนิวหลางจือหนี่" (หญิงทอผ้ากับชายเลี้ยงวัว) อยากดูเพราะอันอี่เซวียนประกบเถียงเลี่ยง อ่ะจ้า....ถูกต้องคุณไม่ได้อ่านผิด "เ ถี ย น เ ลี่ ย ง" จริง ๆ นักกระโดดน้ำทีมชาติจีน ผันตัวมาเป็นดาราเสียแล้ว สนใจชิมิล่ะ? เหอ เหอ สนใจเหมือนกันเลย

ตามดูได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ

(ดูภาพไปก่อนนะคะ ถ้าเราได้ดูแล้วจะเอามาเล่าค่ะ(อ้อ....มีเงื่อนไขว่า ถ้ามันสน์นะคะ)

//www.yesasia.com/global/niu-lang-and-zhi-nu-dvd-end-china-version/1020521799-0-0-0-en/info.html




โดย: มามิยะ IP: 124.121.244.245 วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:57:09 น.  

 
โอ้โห....เรื่องนี้ก็น่าดูอีกแล้ว เพิ่งเห็น เรื่อง "เหลียวไจ" นั่นเอง คือว่า "เหลียวไจ"ของผู่สงหลิง ที่บ้านเราเอามาตั้งชื่อว่า "โปเย โปโลเย" น่ะค่ะ มาใหม่อีกแล้ว เรื่องนี้นี้เขียนว่า "เหลียวไจจือเอ้อ" (โปเยฯ สอง)


เกือบลืมลิ้งค์

//www.yesasia.com/global/liao-zhai-xi-lie-zhi-er-dvd-end-china-version/1020512097-0-0-0-zh_CN/info.html


อันว่าโปเย กินเงินเราไปไม่น้อย หลังจากที่ติดใจ เรื่อง "ฮวากูจื่อ" ตามมาด้วย เหลียวไจแบบของไต้หวันที่ดาราเพียบ บ้านเราก็ฉายไปแล้ว จากนั้นก็มี "เหลียวไจ" ของไต้หวันแพ็คใหม่ตามมา ที่มีเต๊ะเล่นในบล็อคนี้เขียนไว้ 1 ตอนคือ"ตำนานสาวประหลาด" จริง ๆ เห็นเว็บบอกมี หลายตอนแต่เห็นออกมาได้แค่ 2 ตอนเอง ที่เหลือก็ไม่รู้หายตัวไปไหน


จากนั้นก็มีเหลียวไจมากมายซื้อไปประมาณ 3-4 ชุดได้ ปรากฎว่าต้องให้อาเจ่ก อาแปะรุ่นอาวุโสไปดูบ้างล่ะ เพราะมันเป็นเหลียวไจโบราณ แนวงิ้ว ๆ หรือไม่ก็ไปเจอ "เหลียวไจเยี่ยนฉิง" อันนี้น่ากลัวหน่อย เพราะมัน ออกแนวโป๊ ๆ เลยให้เพื่อนผู้ชายเอาไปดูบ้างล่ะ

เลยทำให้เข็ด"เหลียวไจ"ไปพักใหญ่ จากลิงค์นี้ก็เหลียวไจอีกแล้ว ดูคนเล่น น่าจะใหม่จะ ดูวันออก ก็ปีนี้เอง เดือน ก.ค นี้เสียด้วย มีเยิ่นเสวียน เฉินเฮ่าหมิน หานเสวี่ย โอย...แค่นี้ก็พอจะดึงดูดให้เราต้องตามหาเสียแล้ว

โอย....ภาระกิจข้าสงสัยจะไม่ลุล่วงเหมือนเจ้าแล้วนะจิ่งเทียน กว่าข้าจะเสร็จภารกิจในการตามหนังมาดูได้ ผมของข้าคงหงอกขาวเสียแล้ว เพราะมันเยอะเหลือเกิน ชาตินี้จะดูหมดไหมนี่?


โรค "หาหนัง" โบราณมาดูเริ่มกำเริบอีกแล้ว ฤาชีพจรจะลงเท้าอีกครา?





โดย: มามิยะ IP: 124.121.244.245 วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:15:55 น.  

 
หลายวันนี้งานเยอะยังไม่มีเวลาเขียนเลย เอาวิจารณ์ตัวละครไปก่อน

หยวนหง เล่นเป็นเหลยอวิ๋นถิง สมแล้วที่เป็นดารารับเชิญ เพราะตัวละครตัวนี้เรียกได้ว่ามาแค่ผ่านให้เหล่าตัวเอกได้เหลยหลิงจูไปเท่านั้นเอง


ตัวละครตัวนี้โดนลากไปลากมา ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเอาเสียเลย และไม่มีจุดเด่นอีกด้วย ดีนะ ที่หยวนหงเล่น คนอื่นเล่น ความเด่นไม่เหลือ นอกจากหน้าตาดีแล้ว "อวิ๋นถิง" ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ไม่น่าสนใจเอาเสียเลย เป็นแค่ตัวเติมเต็มของเนื้องเรื่อง


ตามท้องเรื่อง อวิ๋นถิงเป็นทายาทตระกูลใหญ่ อุ๊บ๊ะ เข้าใจว่าตัวเองมีโรคประหลาด แต่งงานกับเจ้าสาวคืนเข้าหอก็ช็อตเขาตายไปเสียแล้ว โตจนป่านนี้เพิ่งมารู้ว่าตัวเองผิดปรกติ และทั้ง ๆ ที่ตระกูลเหลยก็มีตำนานอยู่แล้ว ว่าคนของตระกูลนี้ครอบครองเหลยหลิงจูอยู่หลายรุ่น ต้องให้เสวี่ยเจี้ยนมาเฉลยให้เสียอีก จึงจะสำเหนียก

ทายาทตระกูลใหญ่ผู้นี้ยังทำอะไรเหมือนหุ่นกระบอกอีก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเสวี่ยเจี้ยนไม่ได้รัก นางรักจิ่งเทียน อวิ๋นถิงเองก็ดูเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับเสวี่ยเจี้ยนมากมาย อยู่มาวันหนึ่ง เออ...ผู้หญิงคนนี้ไม่ถูกเราช็อตตาย เราไม่เหงาแล้ว เลย เอาวะ แต่งกะคนนี้ก็ได้ พอดีเสวี่ยเจี้ยนกำลังอกหัก แต่งก็แต่ง

ในคืนเข้าหอ รู้ว่าเสวี่ยเจี้ยนแกล้งแต่งเพื่อเอาเหลยหลิงจู อยู่ ๆ ก็อภัยให้เฉยเลย ไม่รู้สึกเสียเกียรติอะไรทั้งสิ้น พอตอนเช้าก็ประกาศหย่า เออแหน่ะ....แต่งงานเหมือนเล่นขายของ นี่หรือทายาทตระกูลใหญ่

ยังมี ไม่รู้อวิ๋นถิงไปเอาตัวเสวี่ยเจี้ยนกลับมาทำไม และทำไมเสวี่ยเจี้ยนไม่ร้องแรกแหกกระเชอว่าอย่าพาชั้นไป ชั้นจะหาจิ่งเทียน อยู่ ๆ ก็พากลับบ้านเฉยเลย งงดี หากจะบอกว่าเพราะเสวี่ยเจี้ยนงอนจิ่งเทียน จึงเลยตามเลยไปกับอวิ๋นถิง แต่อวิ๋นถิงอยู่ ๆ ก็พาสาวกลับบ้านเฉย และที่สำคัญบ้านของอวิ๋นถิงก็ไกลสุด ๆ เหมือนเป็นการล่อให้พวกจิ่งเทียนตามมาอย่างไรก้ไม่รู้

ก็รู้ ๆ อยู่ว่าหนังไม่ต้องหาเหตุผลมากนัก แต่คิดไปคิดมา ประการเดียวเลย เพื่อเก็บไอเท็มไงเล่า

พอได้เหตุผลอย่างนี้ทุกอย่างก็สบายโลด โดยรวมแล้วก็ลิ่นไหลได้ไปเรื่อย ๆ เก็บคะแนน ดูอภินิหารก็ตระการตาดีเหมือนกัน




โดย: มามิยะ IP: 124.121.243.135 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:45:24 น.  

 
ว้าว ว้าว ว้าว
ข้อมูลละเอียดมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
เคยเข้ามาเยี่ยมครั้งนึงตอน Rouge Snow เเต่นานเเล้ว
วันนี้เลยมาเยี่ยมอีกทีมาเจอเรื่องนี้
เป็นเรื่องที่สนใจอยู่พอดีเลยค่ะ
ขออนุญาติเอาข้อมูลบางส่วนไปโพสต์ได้ไม๊ค่ะ
จะใส่เครดิตให้ด้วยค่ะ พอดีเปิดบอร์ดเรื่องนี้ไว้อ่ะคะ
เเต่ไม่เก่งภาษาจีน พอเห็นข้อมูลภาษาไทย
เลยอยากเอาไปให้เพื่อนๆที่สนใจเรื่องนี้ได้อ่านกันอ่ะคะ


โดย: wallacey IP: 161.200.255.162 วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:23:12 น.  

 
ยินดีต้อนรับค่ะคุณ wallacey ในบล็อคเรื่อง "ธารชีวิตลิขิตรัก" มีเขียนเพิ่มเติมนะคะ ลองไปอ่านดู

ส่วนเรื่องเอาไปโพสต์ช่วยชี้ทางให้ตามไปดูด้วยนะคะ ข้างบนมีคนบอกว่าจะเอาไปใช้เหมือนกัน แต่ว่าขอลิงค์แล้ว ไม่มีใครตอบเล สงสัยไม่เข้ามาดูเลยยังไม่มีใครนำทางเราไปดูบล็อคของพวกคุณบ้างเลย ฮือ ฮือ ฮือ.....



โดย: มามิยะ (mamiya ) วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:40:49 น.  

 


ฉางชิงก้มศีรษะโขกร้องขอบคุณไม่หยุดยั้ง “ลูกเข้าใจแล้ว ขอบคุณพระโพธิสัตว์” ฉางชิงเข้าใจอะไรกันแน่?


เรื่องย่อ ต่อ 8


ขณะที่ฉางชิงกำลังขอบคุณพระโพธิสัตว์อยู่นั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงของจื่อเซวียนกับใครอีกคนหนึ่ง ฉางอิ้นนั่นเอง จื่อเซวียนไม่ต้องการให้ฉางอิ้นมารบกวนนางกับฉางชิงจึงขวางทางไว้ ฉางชิงได้ยินเข้าจึงเข้ามาดู ฉางอิ้นบอกว่าตอนนี้สู่ซันกำลังลำบากต้องให้ฉางชิงเป็นผู้หาสุ่ยหลิงจูมาเพื่อรวมกับหลิงจู(ไข่มุกทิพย์)อีก 4 ลูก(ไข่มุกธาตุดิน ไข่มุกธาตุไฟ ไข่มุกสายฟ้า ไข่มุก และไข่มุกสายลม) เพื่อจะได้ปราบปีศาจในเจดีย์ ฉางอิ้นใช้กระจกสื่อสารติดต่อกับเจ้าสำนัก

เจ้าสำนักสู่ซันขอโทษฉางชิงที่พวกเขาไม่เคยบอกความจริงอะไรกับฉางชิงเลย มีแต่ตอนที่กะทันหันหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้นจึงจะบอก คราวนี้ก็เช่นกัน ปีศาจในเจดีย์กำลังจะออกมาอาละวาดให้ชาวโลกเดือดร้อนแล้ว และตอนนี้คนที่จะหาสุ่ยหลิงจูมารวมกับหลิงจูอีก 4 ลูกได้ก็มีแต่ฉางชิงคนเดียว ความลับนี้หากไม่ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างวันนี้ฉางชิงก็จะไม่มีวันรู้ตลอดไป เจ้าสำนักสู่ซันบอกว่าความจริงฉางชิงมีลูกสาวกับจื่อเซวียน 1 คนในชาติที่ 2 ที่เขาเป็นหลินเย่ผิง ฉางชิงตกใจมากและเพิ่งรู้ว่ตัวเองมีลูกสาวด้วย ลูกสาวคนนี้ชื่อว่า “ชิงเอ๋อร์”(青儿)

(** แหม ....ตรงนี้ขอบ่นหน่อยเถอะ กว่าจะเฉลย คำพูดของอาจารย์ชัดเจนมาก ตอนต้น ๆ มาทำหลอกไว้ เมื่อมีเฉลยแบบนี้ทำไห้ไม่สับสนอีกต่อไปว่าฉางชิงเป็นอะไรกับจื่อเซวียนกันแน่ ตอนแรกสับสนและวุ่นวายใจมาก เพราะถ้าหากกลายมาเป็นลูกมันจะ 乱伦กันเกินไปหน่อยซะละม้าง.... โชคดีที่ตรงนี้ชัดเจน เอาล่ะจ้า แปลว่าฉางชิงเป็นคนรัก 3 ชาติของจื่อเซวียนนะคะ เขียนอีกทีเผื่อใครอ่านผ่าน ๆ มาจะงงกันอีก )



จื่อเซวียนเล่าต่อว่า เมื่อตอนที่นางแต่งงานกับเยี่ยผิงแล้ว เกิดเรื่องเข้าใจผิดกัน จื่อเซวียนรู้สึกชินชาและเบื่อหน่ายมาก จึงกลับไปที่หนันเจ้ากั๋ว ระหว่างเดินทางพบว่าตัวเองตั้งท้อง นางอยากบอกความนี้กับเย่ผิง แต่เดินทางมาไกลแล้ว จึงได้กลับไปที่หนันเจ้ากั๋ว ไม่นึกว่าประเทศของนางเกิดกบฏ นางจึงโดนจับและขณะที่จะโดนประหาร เย่ผิงก็ผ่าทหารเข้ามาช่วย และโดนพวกทหารฆ่าตาย เย่ผิงเอาร่างของตนปกป้องจื่อเซวียนไว้ ก่อนตาย เขาถามนางว่า “นอกจากข้าแล้ว ในใจของเจ้ายังมีใคร?” แต่ไม่ทันได้ยินคำตอบก็สิ้นใจตายไปเสียก่อน จื่อเซวียนเสียใจมาก นางบอกเย่ผิงว่า “นอกจากเจ้าแล้ว ไม่มีใคร เย่ผิงเป็นเจ้า เป็นเจ้าตลอดมา” แต่เย่ผิงไม่ได้ยินคำตอบเหล่านี้อีกแล้ว


หลินเย่ผิง นักพรตที่ยอมออกจากลัทธิเพื่อมาอยู่กินกับสาวแม้วที่ตนเพิ่งรู้จักและตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกเห็น เสียดาย หลินเย่ผิงเข้าใจนางผิด สุดท้ายต้องตายจากกัน



หลินเย่ผิงเสี่ยงตายเข้ามาช่วยจื่อเซวียน ก่อนตายเขาไม่ทันได้ยินคำตอบจากจื่อเซวียน

จื่อเซวียนคลอดชิงเอ๋อร์ด้วยความช่วยเหลือของเซิ่งกู ตามหลักแล้วหากทายาทหนี่วาให้กำเนิดทายาทคนถัดไป คนก่อนจะต้องตาย เพื่อให้ทายาทคนใหม่สืบทอดความเป็นอมตะต่อไป แต่จื่อเซวียนรักเย่ผิง หรือกู้หลิวฟังมาก ทำให้นางต้องการรอคอยให้เย่ผิงมาเกิดใหม่ และบอกความในใจกับเขา ตอบคำถามที่เขาต้องการรู้ นางจึงนำชิงเอ๋อร์ผนึกไว้ในสุ่ยหลิงจู ทำให้ชิงเอ๋อร์หยุดเติบโต และนางเองก็จะยังมีชีวิตอมตะต่อไปเพื่อรอเย่ผิงที่จะมาเกิดใหม่ได้

ฉางชิงถามว่า เด็กคนนี้เกิดเมื่อไหร่ จื่อเซวียนบอกว่าเมื่อร้อยปีที่แล้ว ที่แท้จื่อเซวียนรอคอยเขานานถึงปานนี้เชียวหรือ เขารู้สึกซาบซึ้งใจในความรักของนางเป็นยิ่งนัก อาจารย์ของฉางชิงบอกว่า ท่านเคารพการตัดสินใจของฉางชิง เพราะว่าหากไม่ได้อยู่ด้วยการหล่อเลี้ยงของสุ่ยหลิงจู ชิงเอ๋อร์ก็จะต้องตาย ส่วนจื่อเซวียนเองก็เสียความเป็นอมตะไปเช่นกัน ฉางชิงตัดสินใจไม่ถูก เขาถามว่าชิงเอ่อร์อยู่ที่ไหน ทั้งหมดจึงไปหาชิงเอ๋อร์ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของเซิ่งกู

พ่อแม่ลูกได้เจอกันในที่สุด ฉางชิงมองดูชิงเอ๋อร์ลูกสาวของตน เขาคิดหนัก จื่อเซวียนเข้ามาบอกเขาเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคำถามที่เย่ผิงต้องการทราบก่อนตาย หรือเรื่องที่นางขโมยหัวใจของจอมมาร และเรื่องที่นางเอาชิงเอ๋อร์ผนึกไว้ในสุ่ยหลิงจู นางบอกว่านางเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวที่สุด ฉางชิงเห็นธาตุแท้ของนางแล้วโกรธ-เกลียดนางหรือไม่ ฉางชิงบอกว่าการกระทำของนางทั้งหมดเนื่องเพราะความรัก เขาจะโกรธนางได้อย่างไร ในเมื่อทั้งหมดนี้นางก็ทำเพื่อเขา จื่อเซวียนบอกว่าจะทำอย่างไรกับชิงเอ๋อร์ดี ฉางชิงถามนางกลับว่านางคิดอย่างไร จื่อเซวียนบอกว่า “从这一刻开始我全都听你的!” นับแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนแต่ทำตามเจ้า” ฉางชิงบอกว่าให้เอาชิงเอ๋อร์ไปที่สู่ซันเพื่อมอบสุ่ยหลิงจูให้กับอาจารย์ เมื่อมีหลิงจูครบ 5 ลูกแล้วจะได้ใช้ปราบปีศาจในเจดีย์ได้ จื่อเซวียนมองดูเขาและรับคำเบา ๆ



หลังจากฉางชิงอุ้มชิงเอ๋อร์ที่อยู่ในเบาะรูปดอกบัวแล้ว เขาไม่เคยวางลูกสาวลงเลย เขามองดูชิงเอ๋อร์แทบจะทั้งวันทั้งคืน ชิงเอ๋อร์ยิ้มให้เขาอย่างไร้เดียงสา เขาเกิดความรู้สึกบางอย่าง เป็นความรู้สึกของความเป็นพ่อ ฉางชิงบอกว่าเขาคือพ่อของชิงเอ๋อร์ แต่ชิงเอ๋อร์ไร้เดียงสาเกินกว่าจะรับรู้ ฉางชิงอุ้มนางขึ้นเรือยนตร์ ทั้งหมดออกเดินทางสู่เขาสู่ซัน


ด้านจิ่งเทียน หลายคนแย่งกันเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงปราบปีศาจในเจดีย์ แต่จิ่งเทียนอาสาเอง ทุกคนไม่ยอม จิ่งเทียนยืนยันว่าเขาเหมาะสมที่สุด เวลาไม่คอยท่าตอนนี้แม้ยังไม่ได้สุ่ยหลิงจูมาแต่เขาก็มั่นใจว่าฉางชิงจะนำมาช่วยชาวโลกอย่างแน่นอน เสวี่ยเจี้ยนไม่ยอมให้จิ่งเทียนไปคนเดียวจึงขอตามไปด้วย แต่จิ่งเทียนไม่ยอม ทั้งสองเถียงกันไปเถียงกันมา จนในที่สุดจิ่งเทียนก็ยอมจนได้ เพราะเสวี่ยเจี้ยนถามว่าหากนางต้องเสี่ยงชีวิตเขาจะยอมให้นางไปคนเดียวหรือเปล่า ในเมื่อเขาไม่ยอมแล้วจะมาห้ามนางยอมเข้าไปเสี่ยงตายกับเขาได้อย่างไร จิ่งเทียนจึงเตรียมตัว วันที่เขาจะเข้าไปในเจดีย์ เขาเตรียมตัวเต็มที่ ทุกคน แม้แต่ฮวาอิ๋งก็ยังมาให้กำลังใจ แต่หลงขุยกลับหายตัวไป จิ่งเทียนเข้าใจว่าหลงขุยคงไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าเขาจึงไม่มาส่ง เพราะกลัวการพรากจากกัน พวกนักพรตสู่ซันที่เข้าไปในเจดีย์ไม่ได้เพราะเป็นข้อห้ามของสำนัก ต่างให้ของวิเศษจิ่งเทียนไปปราบปีศาจกันอย่างมากมาย



จิ่งเทียนกับเสวี่ยเจี้ยนเข้าไปในเจดีย์ แต่ทั้งสองต้องประหลาดใจมากที่ไม่มีปีศาจโผล่ออกมาแม้แต่ตัวเดียว จิ่งเทียนและเสวี่ยเจี้ยนเดินไปในเจดีย์ที่วกวน ตามทางพบรอยเลือด แต่ไม่พบเห็นอะไรเลย ทั้งสองแปลกใจมาก




ฉางชิงยังคงมองดูชิงเอ๋อร์ไม่ละสายตา พริบตานั้นเองเรือยนตร์ที่กำลังแล่นฉิวบนท้องฟ้าก็พบกับเมฆฝนฟ้าคะนอง ฉางอิ้นบอกว่ามีใครบางคนกำลังร่ายมนต์ คนคนนี้ไม่อยากให้เรือสำเภายนตร์นี้เดินทางต่อ จื่อเซวียนและเซิ่งกูช่วยกันท่องมนตร์สู้ เรือสำเภาถูกฟ้าผ่าตกลงในท้องน้ำ ฉางชิงยังคงอุ้มชิงเอ๋อร์และหยอกล้อนางเล่นโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ฉางอิ้นเรียกเขา แต่ฉางชิงบอกให้ซ่อมเรือก่อน เขาอุ้มชิงเอ่อร์ลงไปเดินสูดอากาศที่ริมชายหาด


ฉางชิงมองดูชิงเอ๋อร์ด้วยความเอ็นดู ชิงเอ๋อร์เป็นลูกของหลินเย่ผิงกับจื่อเซวียน (หลินเย่ผิงหรือก็คือตัวเขาในชาติที่แล้วนั่นเอง)


ในเจดีย์ จิ่งเทียนกับเสวี่ยเจี้ยนได้ยินเสียงหัวเราะของปีศาจ พวกมันกำลังทำร้ายเหยื่ออยู่ เสียงเหยื่อเป็นผู้หญิงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด “หลงขุย!” เป็นเสียงของหลงขุยนั่นเอง พริบตานั้นทั้งจิ่งเทียนและเสวี่ยเจี้ยนก็เข้าใจแล้วว่า ปีศาจร้ายทั้งหมดหายไปไหน ที่แท้หลงขุยก็เข้ามากรุยทางให้ทั้งสองนั่นเอง จิ่งเทียนร้องเรียกหาหลงขุยด้วยความเป็นห่วงและร้อนรน แต่เขาไม่พบเห็นหลงขุยเลย ทั้งสองวิ่งอย่างคลุ้มคลั่งเมื่อหาหลงขุยไม่พบ ได้ยินเพียงเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของนาง ในขณะที่ฝูงปีศาจกำลังสนุกสุดเหวี่ยงกับการรุมทำร้ายเหยื่อ จิ่งเทียนและเสวี่ยเจี้ยนเข้าไปช่วยหลงขุยจากปีศาจจนได้ในที่สุด แต่พวกเขาต้องไปหาปีศาจเจ้าเจดีย์(天妖王)ให้เจอ จิ่งเทียน เสวี่ยเจี้ยนและหลงขุยเดินทางต่อไปในเจดีย์ เจอกับศพคนเป็น นางบอกว่านางรอคนรักที่หายไปถึง 300 ปีแล้ว แต่นางออกไปไม่ได้ ให้จิ่งเทียนกับเสวี่ยเจี้ยนหาตัวเขามาให้ด้วย ศพคนเป็นมอบกุญแจให้ จิ่งเทียนและพวกเดินทางต่อไป จนพบกับปีศาจเจ้าเจดีย์ จิ่งเทียนท้าสู้กับปีศาจเจ้าเจดีย์ ปีศาจเจ้าเจดีย์จับหลงขุยและเสวี่ยเจี้ยนไว้เป็นตัวประกัน และบอกว่าหากจิ่งเทียนชนะมันได้ 10 กระบวนได้จะยอมปล่อยหญิงสาวทั้งสอง จิ่งเทียนรับปาก แต่ปีศาจเจ้าเจดีย์กลับคำ ทำร้ายจิ่งเทียนจนสะบักสะบอม จิ่งเทียนไม่ยอมแพ้สู้จนเกือบตาย หลงขุยรู้สึกนับถือพี่ชายตนเองมาก แม้จะเปลี่ยนสีเป็นหงขุยหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถดิ้นออกจากการพันธนาการไปช่วยจิ่งเทียนได้ ส่วนเสวี่ยเจี้ยนก็ภูมิใจในตัวจิ่งเทียนมาก นี่แหละวีรบุรุษในดวงใจของนาง

เรื่อสำเภายนตร์ซ่อมเสร็จแล้ว และโลดแล่นไปในปุยเมฆอีกครั้ง เดินทางได้ไม่นาน ก็พบกับฝนฟ้าคะนองอีก จื่อเซวียน เซิ่งกูและฉางอิ้นช่วยกันร่ายเวทย์มนตร์เพื่อประคองเรือเอาไว้ ใครกันนะที่ใช้เวทย์มนตร์เสกให้เกิดอุปสรรคในการเดินทางเช่นนี้ จื่อเซวียนมองเข้าไปในท้องเรือ หรือจะเป็นฉางชิง ฉางชิงไม่อยากให้เรือเดินทางต่อ เขาไม่อยากให้ชิงเอ๋อร์ตาย เขาไม่อยากให้ไปถึงสู่ซันหรือ? จื่อเซวียนส่งเสียงไปให้ฉางชิงได้ยินเพียงคนเดียว


กู้หลิวฟัง (ฉางชิงในชาติแรก) กับจื่อเซวียนสาวงามทายาทเทพหนี่วาที่หลงรักเขาสุดหัวใจ


“ฉางชิง ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจอย่างไร ข้าจะอยู่ข้างเจ้า พวกเราหนีไปด้วยกันให้ไกลสุดขอบฟ้า ไปใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา เลี้ยงชิงเอ๋อร์ให้เติบใหญ่ ทิ้งเรื่องทั้งหลายไว้ พวกเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป ฉางชิง ฉางชิง เจ้าตอบข้าสิ หากเจ้าเห็นด้วย พวกเราไปกันเดี๋ยวนี้เลย”

ฉางชิงส่งเสียงตอบมาว่า เขาตัดใจไม่ลง เขาผูกพันกับชิงเอ๋อร์ จื่อเซวียนบอกว่า คนเรามีทุกข์มีสุข มีเวียนว่ายตายเกิด และบางอย่างต้องปล่อยวางให้ได้ และนางยังบอกด้วยว่า ไม่ว่าฉางชิงจะตัดสินใจอย่างไร นางจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ ฉางชิงมองไปที่ขอบฟ้า เบื้องหน้าคือสำนักสู่ซัน เขาทั้งหลายมาถึงสู่ซันแล้ว

ฉางชิงกลับมาถึงสำนัก พวกศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างออกมาต้อนรับด้วยความยินดี ทุกคนล้วนแต่คิดถึงศิษย์พี่ใหญ่กันทั้งนั้น พวกเขาเห็นสีหน้าอันเศร้าสร้อยของศิษย์พี่ใหญ่แล้วต่างก็ประหลาดใจ ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ คนที่ตามออกมาเป็นหญิงสาวเลอโฉมสองนาง นางหนึ่งผมหงอกขาวอุ้มเด็กทารก อีกนางหนึ่งเยาว์วัยใส่ชุดสีม่วงงดงามเป็นยิ่งนัก ฉางชิงและจื่อเซวียนมอบชิงเอ๋อร์ให้เจ้าสำนัก และคุกเข่าอยู่หน้าห้อง การตัดสินใจของพ่อแม่ของชิงเอ๋อร์คือส่งลูกไปเพื่อเอาสุ่ยหลิงจูที่หล่อเลี้ยงชีวิตลูกน้องออกมา ไข่มุกลูกสุดท้ายที่จะรวมกันเป็นไข่มุกวิเศษที่ช่วยเหลือชาวโลกจากการรุกรานของปีศาจได้

เจ้าสำนักทั้ง 5 ร่ายมนตร์หลังจากนำสุ่ยหลิงจูออกมาจากทารกชิงเอ๋อร์แล้ว หลิงจูทั้ง 5 ลูกลอยวนเวียนอยู่บนท้องฟ้า แผ่อภินิหาร เคลือบเจดีย์ปีศาจเอาไว้ ปีศาจทั้งหลายต่างก็ตายไปจนหมดสิ้น จิ่งเทียนได้รับการช่วยเหลือจากฉางชิงที่ได้รับคำสั่งให้มานำทางให้แก่จิ่งเทียน ไม่นึกว่ากว่าฉางชิงจะมาถึง จิ่งเทียนก็โดนปีศาจเจ้าเจดีย์อัดเสียน่วมจนเกือบสิ้นลมแล้ว






โดย: mamiya วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:10:54 น.  

 
โอ้โห เรื่องนี้น่าดูมากเลย ตอนแรกอ่านๆไปก้อไม่ค่อยอยากดู เพราะเห็นว่า เนื่อเรื่องไม่เหนจะเกียวอะไรกับ หลินเอ๋อ เลย ที่ดูเรื่องนี้ เพราะชอบ หลิวอี้เฟย มากๆๆๆๆๆเลย
แต่ เข้าใจแล้วว่า เซียนกระบี่ 3 คือ เรื่องที่ย้อนไปก่อนภาคหลินเอ๋อ
แต่อยากทราบเรื่องเกียวกับ เซียนกระบี่1 หน่อยนะค่ะ
พี่ๆคนไหนพอทราบ ช่วยไขข้อข้องใจให้ที
ที่ตอบจบ พี่เซียวเหยาอุ้มลูกสาวมา พบกับ ท่านเทพกระบี่
และ ท่านเทพกระบี่พูดว่า '' ลูก พ่อ '' และ พี่เซียวเหยา ตอบกลับไปว่า '' ท่านเข้าใจไหม '' และก้อจบ!!
เฉยหน่อยได้ไหมค่ะ ว่า เค้าไปเป็น พ่อลูกกันตอนไหน พี่เซียวเหยากับท่านเทพกระบี่ อ่ะ งืมๆๆ ขอบคุณล่วงหน้าจ้า


โดย: aierror IP: 125.24.152.169 วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:32:57 น.  

 
ตกลงแล้วเนื้อเรื่องภาคนี้เป็นเหตุการก่อนภาค1
หรือเป็นชาติที่3ของหลี่เซียวเหยากันแน่อะครับ


โดย: เคหาสกระบี่ IP: 124.121.208.23 วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:03:17 น.  

 
อย่าเพิ่งงงค่ะ เรื่องนี้ยังไม่ออกฉายเมืองไทย ออกฉายแต่ที่เมืองจีน

คำตอบ ภาคนี้เป็นเนื้อเรื่องก่อนภาคหลี่เซียวเหยาค่ะ


อ่านข้างบนอีกทีแล้วจะกระจ่างเองค่ะ





โดย: มามิยะ IP: 61.90.21.164 วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:05:35 น.  

 
ผมอ่านมาจากเว็บ ที่มันมีเนื้อหาสั้นๆอะครับ

//fongfei.exteen.com/20090709/entry


โดย: เคหาสน์กระบี่ IP: 124.120.242.248 วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:32:53 น.  

 
และตกลงท่าน เทพกระบี่ เป็น พ่อ ของ หลี่เซียวเหยา ??
ใช่ปะค่ะ และมันเป็นมายังไงอ่า คัยรู้ช่วยตอบที
ก้อ เทพกระบี่ รักกะชิงเอ๋อ แม่หลิงเอ๋อ นี่น่า งง
ก้อ ตอนจบ ภาค 1 เทพกระบี่เรียกหลี่เซียวเหยา ว่า ลูกพ่อ


โดย: aierror IP: 125.24.141.65 วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:42:09 น.  

 
เมื่อกี้เขียนตอบไป แล้วก็ลบออก เพราะหลังจากโพสต์ขึ้นมาก็นึกได้ว่าเรายังดูไม่จบ ไว้ค่อยมาตอบใหม่ก็แล้วกันค่ะ อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้ว


โดย: มามิยะ (mamiya ) วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:1:25:54 น.  

 
ในที่สุดเมื่อคืนก็ดูจบแล้ว โอย....เล่นจบแบบนี้เลยหรือ?

จบแบบนี้ก็คาใจอยู่เหมือนกันค่ะ เอาที่ตอบเมื่อคืนมาขึ้นบล็อคได้แล้วตามนี้ค่ะ


ไปอ่านมาแล้วค่ะ มีข้อแตกต่างกับหนังที่เราดูอยู่เหมือนกัน

ขอโทษนะคะ ท่านทั้งหลาย เราไม่เคยเล่นเกมส์ และไม่ได้อ่านอะไรเกี่ยวกับวายมาก่อนเลย ที่ตอบได้ก็คือตามเนื้อเรื่องที่เราดูมาเท่านั้นเอง ก็มีเนื้อความตามที่เขียนเรื่องย่อข้างบนเลยล่ะค่ะ

เราดูหนังเรื่องนี้เพราะว่าอยากดูฮั่วเจี้ยนหัวในบทนักพรต ก็เท่านั้น อยากรู้ว่ามันจะมีเรื่องราวแฟนตาซีแสงสีหรือลูกเล่นอย่างไร ก็เลยดู และบอกแล้วว่าไม่คิดมาก หมายถึงไม่ต้องไปถามตัวเองอยู่เสมอว่า ทำไมตัวละครมีเหตุจูงใจอะไร สมจริงหรือเปล่า ซึ่งเรามักจะคิดทบทวนในลักษณะแรงจูงใจของพฤติกรรมมนุษย์เสมอว่ามีเหตุผลเพียงพอไหม แต่เรื่องนี้ไม่ต้องเพราะมันแฟนตาซีอย่างไรล่ะคะ

เรื่องใครกลับชาติมาเป็นใคร หนังเรื่อง "เซียนเจี้ยนฉีเสียจ้วน 3 " (仙剑奇侠传 3)ที่เราดูนี้บอกไว้ เท่าที่เขียนไว้ข้างบน นอกนั้นไม่อาจทราบได้ เพราะหนังไม่ได้บอก


อยากขอให้แยกแยะระหว่างข้อเท็จจริงและความเห็นค่ะ ในบล็อคเนื้อเรื่องย่อข้างบน มีทั้งส่วนของข้อเท็จจริงคือเนื้อหาของตัวหนัง และความคิดเห็นส่วนบุคคลที่เกิดจากการดูหนัง อ่านโดยละเอียดแล้วก็จะมองเห็นเองค่ะ หากใครคิดว่าสับสนก็คอยดูเฉลยตอนหนังเข้าเมืองไทยก็แล้วกันค่ะ(ถ้ามีโอกาส)


เท่าที่ดูมา พบว่า

1. ในหนังไม่ได้บอกว่าหลี่เซียวเหยามาเกิดเป็นเทียนเผิง และเมื่อดูความต่อเนื่องของเนื้อเรื่องแล้ว เทียนเผิงมาเกิดเป็นจิ่งเทียนต่างหาก(อ้อ เกิดเป็นหลงหยางก่อนแล้วค่อยเกิดเป็นจิ่งเทียน) แต่เซียวเหยามาทีหลังเพราะเป็นคนรักของเจ้าหลิงเอ๋อร์ในภาค 1 เนื้อเรื่องมันเป็นในอนาคตจะมาเกิดเป็นเทียนเผิงในอดึตได้อย่างไร(หากพูดว่าเซียวเหยามาเกิดเป็นเทียนเผิงจึงไม่ถูกต้อง)

อย่าลืมว่าเรื่องนี้เป็นแฟนตาซี ไม่ยึดติดกับเวลา ในตอนที่ 36 หลี่เซียวเหยาปรากฏตัวออกมา เขาบรรยายหลี่เซียวเหยาว่า เป็นเซียนกระบี่ ท่องเที่ยวไปตามใจนึก มีหน้าที่คือช่วยจิ่งเทียนกำจัด เสียเจี้ยนเซียน(邪剑仙) จอมมารตัวนี้เกิดจากความคิดอันชั่วร้ายที่แฝงอยู่ในอาจารย์ทั้ง 5 แห่งสำนักสู่ซัน เดิมทีถูกจองจำอยู่ในกล่องแต่เติบโตได้ด้วยความคิดอันชั่วร้ายของมนุษย์ มันกินความริษยาและการแสแสร้งของหลงขุยเป็นอาหาร จากนั้นได้โทสะของฉางชิงหล่อเลี้ยงจนมีฤทธิ์มากมาย(อ่านจากเรื่องย่อข้างบนค่ะ)

หลี่เซียวเหยาออกมาตั้งแต่แรก ๆ โดยที่คนดูไม่รู้ว่าเป็นใคร เขาคลุมหน้าและมาแย่งเอาหยกของจิ่งเทียนไป และเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม เขาเอาหยกข้างที่หายไป มาให้จิ่งเทียนเพื่อประกบกับอีกครึ่งหนึ่งของเสวี่ยเจี้ยนใช้ในการปราบเสียเจี้ยนเซียน

ความสัมพันธ์ของจิ่งเทียนกับหลี่เซียวเหยามีเท่านี้ หากดูแต่หนังแล้วจะไม่รู้สึกน่าสงสัยเลย เพราะหนังไม่ได้บอกว่าชิงเอ๋อร์เป็นใคร ที่รู้ว่าชิงเอ๋อร์เป็นแม่ของหลิงเอ๋อร์นั้น คนดูชาวจีนเขาเอามาวิเคราะห์กันตอนสงสัยว่าฉางชิงเป็นใครกันแน่ เมื่อเกิดปมปัญหาขึ้นในหนัง เรื่องชิงเอ๋อร์เป็นแม่หลิงเอ๋อร์ไม่ได้บอกอยู่ในหนังเลย ดังนั้นหากจะว่ากันไปแล้ว เมื่อดูหนังเรื่องนี้โดยไม่ได้เอาข้อมูลจากสื่ออื่น ๆ เช่น เกมส์ เข้ามาประกอบแล้ว การปรากฏตัวของหลี่เซียวเหยาก็ไม่ได้แปลกอะไร และหนังประเภทนี้ ตัวละครสามารถวิ่งไปวิ่งมาได้หลายยุค ก็ไม่น่าถือสาอะไรอีก

สรุปได้ว่า เนื้อเรื่องเรื่องนี้เป็นเอกเทศแยกจากภาคแรก ไม่ดูภาคแรกก็ดูได้ แต่หากจะคิดถึงภาคแรก เนื้อเรื่องนี้เอาคำอธิบายจากเกมส์(ที่บอกว่าชิงเอ๋อร์เป็นแม่ของหลิงเอ๋อร์)มาอธิบายได้ว่ามันเป็นเนื้อเรื่องก่อนเซียนเจี้ยนภาคหนึ่ง แต่อยากแนะนำว่าอย่าไปคิดมันเลย เราดูกันเพื่อความบันเทิงจะดีกว่า


**บอกตามตรง เราดูแล้วยังมองไม่เห็นความวาย(เขาเรียกกันอย่างนี้หรือเปล่า)เลยค่ะ เพราะฉากที่ฉางชิงอยู่ใกล้ชิดกับจิ่งเทียน มันเป็นเพียงแวบหนึ่งในหนังเท่านั้น


2. ชิงเอ๋อร์เป็นแม่ของหลิงเอ๋อร์ ข้อมูลนี้เอามาจากเว็บบอร์ดที่เขาคุยกันเรื่องนี้ มีคนจีนที่เล่นเกมส์เขาบอกมาว่าเนื้อหาในเกมส์ระบุชัดเจนในประเด็นนี้


3. จื่อเซวียนไม่ได้เป็นปีศาจ แต่เป็นทายาทของเทพหนี่วา "เทพหนี่วา" เราไม่อยากจะเขียนว่าเทพธิดาหนี่วา เนื่องจากหนี่วาตามตำนานแล้วท่านเป็นเทพที่เอาหินสีอุดรูรั่วของฟ้า ช่วยเหลือมนุษย์ เป็นเทพหญิงที่มีหางเป็นงู และได้แต่งงานกับฝูซีพี่ชายของตน(สมัยนั้นยังไม่มีชายอื่นเลย ตรงนี้ในหนังก็มี อ่านข้างบนในเรื่องย่อนะคะ) อ่านและดูรูปในบล็อคนี้ได้ค่ะ ในหัวข้อ "หวงตี้ บรรพบุรุษของชาวจีน" เนื้อหาทั้งหลายที่เป็นความรู้ในบล็อคนี้ เราอ่านหนังสือมาแล้วแปลมาค่ะ

จื่อเซวียนเป็นทายาทเทพ (หลิงเอ๋อร์ในภาค 1 ก็ใช่ เป็นทายาทของเทพ ไม่ใช่ปีศาจ) และแบ่งเขตแดนกับฉงโหลวที่เป็นปีศาจอย่างชัดเจน (เซิ่งกูบอกในเนื้อเรื่องภาค3) และจื่อเซวียนไม่ใช่สนมของฉงโหลวค่ะ นางรักอยู่กับมนุษย์ที่มุ่งหวังแต่จะบำเพ็ญพรตเพื่อสำเร็จเป็นเซียนอย่างกู้หลิวฟัง หลินเย่ผิง และสุดท้ายก็คือฉางชิงนั่นเองล่ะค่ะ


เอาละค่ะ...................



เท่าที่ความรู้ของเรามีคือเท่านี้ ทุกคนดูแล้วก็มีสิทธิ์เขียน เนื้อความตามที่เขาจับได้ เป็นสิทธิ์ส่วนตัว ดังนั้นตามลิงค์ข้างบนที่คุณเคหาสน์กระบี่ ให้มาเราจึงไม่ขอออกความเห็นใด ๆ แต่หากเราเป็นคุณเราก็งงเหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่หากใครได้รับข้อมูลสองสถานก็ต้องงงเหมือนกันทั้งนั้น การที่คุณเคหาสน์กระบี่ตรวจสอบก็เป็นเรื่องถูกต้องที่น่ายกย่อง อะไรไม่ชัดเจนก็ต้องหาความชัดเจน แบบนี้ดีแล้วค่ะ ชื่นชม ลองอ่านข้อมูลทั้งสองแล้วพิจารณาดู จากนั้นคุณก็จะหาคำตอบให้แก่ตัวเองได้ค่ะ

เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาของหนังจะมีก็แต่คำถามในใจบ้างเล็กน้อย เกี่ยวกับสาเหตุเท่านั้นเองแต่ไม่ซีเรียสค่ะ ไม่เหมือนเรื่อง "ธารชีวิตลิขิตรัก" หนังแนวนั้นต้องหาเหตุผลมาสนับสนุนให้ได้ คนดูถึงจะยอมเชื่อตามค่ะ ทางฟ่านปิงปิงเองก็คงทราบจึงได้ออกหนังสือมาประกบและมีเนื้อหาที่ปรับเปลี่ยนบ้างตามความเหมาะสม ทำให้หนังกับหนังสือไม่เหมือนกันในบางจุด(หมายถึงเรื่อง "เยียนจือเสวี่ย" เป็นต้นน่ะค่ะ


เรื่อง "เซียนเจี้ยน 3 " ที่เราไม่งงเนื่องจากเราเป็นเราที่ดูเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้ว อย่างที่บอก เนื้อเรื่องมันลื่นไหล และไม่ได้มั่วเท่าใดนัก ความต่อเนื่องจึงอธิบายตัวมันได้ ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นหนังที่สนุกเรื่องหนึ่งทีเดียว ลูกเล่นแปลกดี อย่างที่บอกว่าจริง ๆ หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แนวหนังที่เราชอบ แต่เรายังคิดว่ามันลื่นไหล มันใช้ได้ เราดูหนังมาก็หลายเรื่อง บางเรื่องต้องการเหตุผลอย่างหนัก บางเรื่องก็ไม่ต้องการเหตุผล หรือสาเหตุจูงใจสักเท่าไหร่ เน้นความบันเทิง

เรื่องนี้มีหลายอย่างที่เราว่ามันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ อย่างตัวละครที่บอกข้างบน แต่หากพูดถึงความลื่นไหล มันก็ลื่นไหลดี ของเล่น(พวกของวิเศษ)ต่าง ๆ ก็สนุกดี ฟอร์มดาราก็ดี และเล่นได้ดีทุกคน มีแต่หน้าใหม่อย่างฉงโหลว重楼魔尊ที่หวงจื้อเหว่ยรับบทเท่านั้นที่ยังใหม่อยู่ พอให้อภัยได้

ต้องชมเรื่องสลิงดึงได้ธรรมชาติดีมากทีเดียว จะมีอยู่เพียงไม่กี่ฉากที่เราเห็นว่ามันประดักประเดิดไปหน่อยจนจับได้ เริ่มดูรอบสองแล้ว ก็พบว่ายังหาไม่เจอมากฉากจนทำให้ผิดหวัง นับว่าใช้ได้ รอบสองนี้เราเน้นดูจิ่งเทียนมากขึ้นกว่าฉางชิง แต่คงไม่ดูจนจบ เพราะหลังจากดูถึงตอนที่ 37 แล้วเนื้อหาก็ดีเพียงแต่ยังคงสร้างความคาใจให้คนดูอีกแล้วเหมือนกับภาค 1 เลย

ส่วนคุณ aierror เราขอสารภาพว่าเราลืมรายละเอียดภาค 1 ไปแล้ว เหลือแต่โครงเรื่องบางอย่างเท่านั้นเอง จึงตอบคำถามคุณไม่ได้ ดูไปนานมาก ๆ จริง ๆ ขออภัยด้วยนะคะ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าแผ่นภาค 1 มันไปไหนเพราะว่าหนังเรามันเยอะจนแรก ๆ ทำรายชื่อไว้ ตอนนี้ทำไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ


อย่างที่บอกว่า หากหนังแบบนี้ฉายควรฉาย 2 ชั่วโมงเพื่อความต่อเนื่องจะได้ไม่งง เรื่องเซียนเจี้ยน 3 นี้เราดูแผ่นที่ซื้อมาดังนั้นจึงได้ดูอย่างต่อเนื่องตามแต่ใจจะอยากดู ที่ต้องเขียนละเอียดเพราะเดี๋ยวเราก็จะไปดูเรื่องใหม่แล้ว จากนั้นเราก็จะไปอินกับเรื่องใหม่แทนแล้วล่ะค่ะ

ที่ไม่ได้เขียบบล็อคก็ใช่ว่าจะไม่มีหนังดู แต่ไม่มีหนังดีที่น่าเอามาเขียนต่างหาก

คุณ wallacey คงจะชอบใจ เพราะหนังเรื่องใหม่ของเราชื่อเรื่อง 《武十郎》ออกเสียงว่า "อู่สือหลาง" อู่แปลว่าการต่อสู้ สือแปลว่าสิบและหลางแปลว่าผู้ชาย ก็ยังไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องจะเป็นอย่างไร แค่ไม่กี่ตอนเอง แป๊บเดียวเราก็คงดูจบแล้ว


ที่ต้องมีหนังฮั่วเจี้ยนหัวมาสำรองเพราะติดใจในบทของฉางชิงนั่นเองค่ะ


น้องเล็กหายไปไหนเอ่ย?


เรื่องต่อจากอู่สือหลาง คือ "อั้นเซียง"(暗香)แปลว่า "ความหอมที่ซ่อนเร้น" แหม เหมือนโฆษณาแป้งหอมหรือโรลออนเลยล่ะค่ะ เรื่องนี้ เสี่ยวหมิงประกบหยางมี่ ท่าทางจะเป็นเรื่องหนัก ๆ ดูหนังชีวิตที่หนักบ้างก็มันส์ดี


ใครยังอยากอ่านเรื่องย่อที่ใกล้จบแล้ว ก็ยินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ

อิสระเป็นของท่านที่จะเลือกรับข้อมูลต่าง ๆ และพิจารณาเลือกค่ะ

เรื่องย่อที่เขียนออกมาก็ออกมาจากสิ่งที่ได้ดูล่ะค่ะ จะอัพเร็ว ๆ นี้แหละค่ะ


ว่าแต่ว่า มันคาใจจริง ๆ นะเนี่ย..........



โดย: มามิยะ IP: 124.120.83.122 วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:10:04:22 น.  

 
ตามอ่านนะคะ


โดย: หลิงเอ๋อร์อีกคนนึง IP: 202.12.97.100 วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:14:17:41 น.  

 


ปีศาจทั้งหลายต่างก็ตายไปจนหมดสิ้น จิ่งเทียนได้รับการช่วยเหลือจากฉางชิงที่ได้รับคำสั่งให้มานำทางให้แก่จิ่งเทียน ไม่นึกว่ากว่าฉางชิงจะมาถึง จิ่งเทียนก็โดนปีศาจเจ้าเจดีย์อัดเสียน่วมจนเกือบสิ้นลมแล้ว

เรื่องย่อ ต่อ 9

ฉางชิงเข้ามาช่วยนำทุกคนออกจากเจดีย์กักปีศาจ แต่ว่าจิ่งเทียนบาดเจ็บร่อแร่ ฉางชิงนึกถึงตอนที่เขาบาดเจ็บจิ่งเทียนขู่เรื่องที่เขากลัวก็คือหากไม่ยอมฟื้นจะถล่มสู่ซัน ฉางชิงจึงใช้วิธีเดียวกันบ้าง ขู่ว่าจะเอาฆ่าเสวี่ยเจี้ยนกับหลงขุย จิ่งเทียนได้ยินจึงไม่ยอมตาย อดทนที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่เนื่องจากร่างกายบอบช้ำหนักจึงสลบไป

เมื่อจิ่งเทียนตื่นขึ้นมาพบว่ามีผ้าพันแผลเต็มตัวไปหมด เสวี่ยเจี้ยนบอกว่าเขาสลบไปถึง 3 วัน 3 คืน จิ่งเทียนถามหาหลงขุย และคนอื่น ๆ แต่เมื่อเอ่ยถึงฉางชิง ทุกคนก็ทำหน้าเศร้าและบอกว่าลูกสาวของเขาสละชีวิตไปเสียแล้ว จิ่งเทียนตกใจมาก

** ไม่ต้องมาหลอกเราเลย ไอ้ท่าทางรวมหัวกันเศร้าแบบนี้ ชิงเอ๋อร์ไม่ตายหรอก เพราะถ้าตายก็ไม่มีหลิงเอ๋อร์สิยะ ชอบรวมหัวกันหลอกเรา ไม่หลงกลหรอกคราวนี้


จิ่งเทียนวิ่งไปถามหาชิงเอ๋อร์และฉางชิงไปตลอดทาง ดูเหมือนร่างกายเขาจะหายดีแล้ว เขาวิ่งไปหาเจ้าสำนักทั้งหลายและทวงความยุติธรรมให้กับฉางชิง ชิงเวยเต้าจ่างเจ้าสำนักสู่ซันบอกว่า จะพาไปดูอะไรให้ทุกคนไปด้วยกัน ทุกคนจึงตามเจ้าสำนักไป และพบกับสระทิพย์ซึ่งมีดอกบัวลอยอยู่ ชิงเอ๋อร์นอนอยู่ในดอกบัวนั้น ชิงเวยเต้าจ่างบอกว่าอาจารย์ของฉางชิง (นักพรตมี 5 คน หนึ่งในนั้นเป็นอาจารย์สายตรงของฉางชิง) ได้ใช้พลังช่วยรักษาชีวิตของชิงเอ๋อร์ไว้ แต่ชิงเอ๋อร์จะต้องได้รับการหล่อเลี้ยงต่อจากเซิ่งหลิงจู ซึ่งเซิ่งหลิงจู(ไข่มุกทิพย์) นี้เกิดจากแสงของหลิงจูทั้ง 5 ลูกรวมกันเป็นไข่มุกทิพย์ดังกล่าวนี้ หากได้มาชิงเอ๋อร์ก็จะรอดชีวิต


** เหมือนเด็กขาดสารหล่อเลี้ยง ต้องไปหาซีรีแล็คหรืออาหารเสริมมาช่วยเด็ก หรือไม่ก็เหมือนเด็กที่กินนมผสมเมลามีนต้องได้รับการรักษาให้ทันท่วงที อิ อิ ..

เพื่อร่นระยะเวลาในการเดินทาง เพราะชิงเอ๋อร์คอยนานไม่ได้ อาจารย์เลยใช้เวทย์มนต์ส่งทุกคนไปยังดินแดนใต้สมุทรซึ่งเป็นที่เก็บไข่มุกทิพย์นี้ ชิงเวยเต้าจ่างและอาจารย์ทั้ง 3 คน(อีกคนหนึ่งเป็นอาจารย์ฉางชิงใช้พลังมากเกินไปเลยต้องไปชาร์จพลัง)ร่วมกันร่ายเวทย์ส่งฉางชิง จิ่งเทียน จื่อเซวียน เสวี่ยเจี้ยน หลงขุย เม่าซานไปยังจุดหมาย โดยให้ทุกคนคิดถึงจุดหมายปลายทางไว้ในใจ

ทั้งหมดยกเว้นเม่าซานได้ไปถึงจุดหมาย เม่าซานส่งเสียงบอกว่าเขาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้สวยงามมาก จิ่งเทียนพยายามจะไปหาเขา และให้เขามา แต่ปรากฎว่ามีชาวประมงเฒ่ามาแนะนำว่าอย่าให้มาดีกว่า หากมาแล้วเม่าเม่าอาจมีภัย จิ่งเทียนเกรงว่าเม่าซานจะเอาชีวิตไปทิ้งเนื่องจากภารกิจครั้งนี้มีอันตราย ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกหรือไม่ จึงให้เม่าเม่ารออยู่ที่นั้นก่อน


ทั้ง 5 ได้รับคำบอกเล่าจากชาวประมงเฒ่าว่าหากจะหาเซิ่งหลิงจูหรือไข่มุกทิพย์นี้ ต้องหากุญแจดอกสำคัญก่อน นั่นก็คือเริ่มจากเรื่องราวเล่าขาน หรือตำนานของสถานที่แห่งนี้ ตำนานของเสียงเพลงในเปลือกหอย ชาวประมงเล่าว่า นานมาแล้วเปลือกหอยของที่นี่จะมีเสียงเพลงที่ไพเราะมาก ไม่ว่าจะจับเปลือกหอยใดขึ้นมาฟัง ก็จะได้ยินเสียงเพลงอันไพเราะประดุจเสียงสวรรค์ แต่ตอนนี้เปลือกหอยไม่มีเสียงดนตรีแล้ว เนื่องจากเจ้าของเสียงเพลง ได้หายตัวไป เจ้าของเสียงเพลงอันไพเราะนี้ชื่อว่า ซีเฟิง(溪风)


ริมหาดแห่งนี้เคยมีเปลือกหอยที่มีเสียงดนตรีอันไพเราะ แต่บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว

ซีเฟิงเป็นหนุ่มชาวบ้านหน้าตาอัปลักษณ์แต่มีเสียงหวานประดุจเสียงดนตรีแห่งสวรรค์ ทุก ๆ วันซีเฟิงจะร้องเพลงให้คนในหมู่บ้านฟัง แต่เพราะเกรงว่าคนจะตกใจกลัวในหน้าตาของตัวเอง เขาจึงมักเร้นกายไม่สุงสิงกับใครเสมอ ตอนเช้า ซีเฟิงจะร้องเพลงเพื่อปลุกให้ทุกคนในหมู่บ้านตื่น(ทำตัวแทนไก่และนาฬิกาปลุก)


เทพธิดาสุ่ยปี้กับความทรงจำแห่งรักที่ต้องรอคอยถึง 500 กว่าปี

ซีเฟิงค้นพบวิธีการอัดเสียงเพลงใส่ในเปลือกหอย เขาเอามันไปลอยน้ำ เปลือกหอยที่มีเสียงเพลงบันทึกไว้ลอยไปเรื่อย ๆ จนถึงแม่น้ำบนสวรรค์ เทพธิดาสุ่ยปี้(水碧) ได้ยินเสียงเพลงอันแสนจะไพเราะจากเปลือกหอยที่นางเก็บได้ จึงอยากเห็นหน้าเจ้าของเสียงเพลงเป็นยิ่งนัก




นางต้องลงมาจากสวรรค์เพื่อค้นหาเจ้าของเสียงเพลงผู้นั้น

เทพธิดาสุ่ยปี้หลงรักเจ้าของเสียงเพลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินเสียงจากเปลือกหอย
นางลงมาจากสวรรค์เพื่อคอยพบหน้าซีเฟิง เมื่อเจอหน้ากันครั้งแรกซีเฟิงกลับปฎิเสธว่าไม่ใช่เสียงของเขาโดยชี้ทางให้สุ่ยปี้ไปหาที่อื่น หลังจากได้พบหน้าสุ่ยปี้หัวใจของซีเฟิงก็เป็นของนางไปเสียแล้ว เขาแอบมองดูนางตามหาตัวเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปรากฏตัวให้นางเห็นเด็ดขาด ไม่ว่าสุ่ยปี้จะพยายยามอย่างไรก็ตามก็ไม่เป็นผล

ซีเฟิงรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนักที่ไม่สามารถเอาใบหน้าอันอัปลักษณ์ไปพบหน้ากับเทพธิดาที่สวยงามอย่างสุ่ยปี้ได้ เขานึกถึงฉงโหลว เจ้าแห่งมาร พลังของฉงโหลวมากพอที่จะทำให้เขากลายเป็นหนุ่มรูปงามได้ เขาจึงไปหาฉงโหลว เพื่อขอแลกเปลี่ยน ฉงโหลวบอกว่าสิ่งที่เขาต้องการต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซีเฟิงมีอะไรที่ดีที่สุดและสามารถนำมาแลกกับเขาได้ ซีเฟิงบอกว่าเสียงของเขาเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุด เขายอมแลก แต่ฉงโหลวบอกว่านอกจากเสียงแล้ว เขาต้องการให้ซีเฟิงเป็นทาสเขา 500 ปี ซีเฟิงรับปากทันที ฉงโหลวไม่เข้าใจว่าทำไมซีเฟิงถึงยอมขอเวลาวันเดียวที่จะสร้างความทรงจำอันแสนสุขให้แก่สุ่ยปี้แต่สร้างความปวดร้าวให้แก่กับตัวเองและกับนางอันเป็นที่รักถึง 500 ปี แน่นอน คนที่ไม่เคยมีความรักอย่างเขาจะไม่มีวันเข้าใจอย่างเด็ดขาด


ซีเฟิงต้องกลายเป็นทาสของฉงโหลวถึง 500 ปีเพื่อแลกกับการอยู่กับหญิงที่รักเพียงวันเดียว

ซีเฟิงไปหาสุ่ยปี้ นางได้พบกับชายในดวงใจแล้ว เขาหล่อเหลาจริง ๆ เหมือนกับเสียงอันไพเราะของเขา แต่ทำไมซีเฟิงจึงไม่ยอมพูดกับนางเลย ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความรัก และนั่งอยู่ด้วยกันตลอดทั้งคืน รุ่งอรุณมาเยือน ซีเฟิงจากนางไปแล้ว สุ่ยปี้เรียกหาเขา แต่ไม่มีเสียงตอบ ซีเฟิงถูกฉงโหลวลากตัวไปทั้ง ๆ ที่เขาไม่เต็มใจเท่าใดนัก สุ่ยปี้ เขายังอยากอยู่กับนาง และอยากอยู่ด้วยกันตลอดไป




ทั้งสองได้พบกันในที่สุด


ใต้ร่มไม้แห่งความทรงจำ ทั้งสองอยู่ด้วยกันตลอดคืนโดยไม่ต้องมีคำบอกรัก ในใจของทั้งคู่ต่างประจักษ์ดีถึงความรักของกันและกัน




ซีเฟิงหนุ่มรูปงาม กับเทพธิดาสุ่ยปี้ผู้หลงใหลในเสียงเพลง


ฉงโหลวนำตัวซีเฟิงไปตามสัญญา


เทพธิดาสุ่ยปี้ได้แต่รอคอยคนรักของนางกลับมา

สุ่ยปี้สูญเสียซีเฟิงไป ทำให้นางตามหาและรอคอย แต่ซีเฟิงก็ไม่กลับมา นางยืนรอ ณ สถานที่ที่เคยพบกัน ยืนจนกลายเป็นหิน และหินนั้นสุดท้ายจมลงสู่ก้นบึ้งมหาสมุทร หากพวกฉางชิงต้องการหาเซิ่งหลิงจูก็ต้องไปยังวังใต้สมุทรและค้นหาเทพธิดาสุ่ยปี้ให้เจอ

ชาวประมงชรายังบอกอีกด้วยว่า ที่ผ่านมามีคนต้องการหาเซิ่งหลิงจูมากมาย คนเหล่านั้นล้วนแต่ล้มเหลว สำหรับพวกฉางชิงก็แล้วแต่วาสนา การไปยังวังใต้สมุทรก็ต้องเป็นคนมีบุญจึงจะไปถึงได้ ในวันเพ็ญ ก้างปลาจะปรากฏขึ้นที่ริมหาดตอนน้ำขึ้น หากมีวาสนาทุกคนก็จะได้เจอ เรื่องนี้ไม่ทราบเป็นเรื่องจริงหรือตำนาน แต่ขอเพียงให้ทุกคนมีความเชื่อ มันก็จะกลายเป็นจริงได้


เทพธิดาสุ่ยปี้เฝ้าตามหาเจ้าของเสียงเพลงนิรนาม


สุ่ยปี้ได้รับเปลือกหอยที่มีเสียงเพลงแทบทุกวัน ใครกันหนอที่นำมามอบให้นาง


พริบตาที่ซีเฟิงเห็นหน้าสุ่ยปี้ก็หลงรักนางทันที


ท่านรู้จักเจ้าของเสียงเพลงผู้นั้นไหม?


วันแล้ววันเล่า เช้าแล้วเช้าเล่าที่สุ่ยปี้ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องอันไพเราะ นางได้รับเปลือกหอยที่บรรจุเสียงเพลง แต่ไม่เคยเจอตัวเจ้าของเสียงเพลงเลย


ซีเฟิง....ท่านนั่นเอง


ซีเฟิงไปตามหาฉงโหลวเพื่อเสนอข้อแลกเปลี่ยน


ซีเฟิงเที่ยวตามหาฉงโหลวเพื่อเสนอข้อแลกเปลี่ยน


ซีเฟิงตามหาฉงโหลวเพื่อแลกสิ่งมีค่าที่สุดของเขากับหน้าตาอันหล่อเหลา เพียงเพื่อสามารถได้พบหน้ากับหญิงที่เขารัก



ขอเพียงได้อยู่กับคนรักเพียงวันเดียว ซีเฟิงยอมทำทุกอย่าง


ในที่สุดก็ได้พบ



ใบหน้าอันอัปลักษณ์เยี่ยงนี้จะพบหน้ากับนางฟ้าอย่างสุ่ยปี้ได้อย่างไร นางอาจรังเกียจเขาก็ได้ ซีเฟิงนิ่งคิดไม่กล้าให้สุ่ยปี้เห็นหน้า


สุ่ยปี้รอคอยซีเฟิงนานแสนนาน


หลายร้อยปี เขาก็ไม่เคยปรากฎตัวอีกเลย



อยู่ด้วยกันเพียงวันเดียว แต่จากกันกว่า 500 ปี






ความรักย่อมมีน้ำตา


ความรักย่อมมีความคนึงหา


ความรักนำมาซึ่งความอาลัย


ความรักทิ้งไว้แค่การรอคอย


ความรักเหลือไว้เพียงความทรงจำอันงดงามให้หวนระลึก


โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า....


โดย: mamiya วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:23:13:26 น.  

 
ผ่างงงงงงงงงงงง
ตามอ่านไม่ทัน อิ อิ
พอดีไปเจอคลิปสี่เหวินเฉียง ร้องเพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เวอร์กวางตุ้งครับ
เลยเอามาฝากพี่มามิ

//www.youtube.com/watch?v=6U7Jsx68MUc&feature=related

ฟังไปก็ลุ้นไป เหนื่อยกว่าคนร้องอีก เอิ๊กๆๆ

มีเรื่องรบกวนถามพี่มามินิดนนึงนะครับ

//www.youtube.com/watch?v=cBKsfoTxi50&feature=player_embedded

คลิปเพลงไตเติ้ลที่ฟรานซิส ยิปร้อง มีคนถามว่าทำไม 4 คำแรกเธอร้องไม่ตรงกับเสียงอ่าน

浪奔浪流 อินโทรแรกเลย ทำไม เค้าถึงไม่ออกเสียงว่า

lang4 ben1 lang4 liu2 อะคับ



โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.245.211 วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:23:53:03 น.  

 
ใส่ลิ้งค์ลงไปในบอร์ดเเล้วนะคะ หน้าเเรกค่ะ
เข้าไปดูได้ที่นี่นะคะ
//forums2.popcornfor2.com/index.php?act=ST&f=22&t=223&st=0#entry5193
พอดีติดตามเรื่องนี้ตั้งเเต่ก่อนถ่านทํา เพราะปลื้มคนเเสดง อิอิ

ปล.ขอบคุณมากนะคะที่วิจารณ์เรื่องนี้ให้อ่ะคะ ดีใจมากเลย
สอบถามนิดนึงนะคะ ตอนที่คุณมามิยะลงเช่นตอนที่หนึ่งตอนที่สองอ่ะคะ
ไม่ตรงกับตอนของหนังใช่มัยคะ
ไม่งั้นบลอกคงยาวมาก หนังมีตั้ง 38 ตอน เหอๆ


โดย: wallacey IP: 58.8.1.21 วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:0:14:50 น.  

 
เพื่งย้อนกลับไปอ่านด้านบน เเหะๆ
คงไม่ตรงกันตอน เเต่เป็นสรุปเนื้อเรื่องมากกว่าเน๊อะ
เเละพึ่งเห็นว่าคุณมามิยะ กําลังจะดูเรื่อง 武十郎
ซึ่งเป็นหนังของวอลเลส ดีใจมากมาย
เเต่อยากจะบอกว่าเรื่องนี้วอลเลสเปลี่ยนคาร์เเรคเตอร์อ่ะคะ
ซึ่งจิงๆเเล้วเราว่าอาจไม่ค่อยเหมาะกับวอลเลสซักเท่าไหร่
เเต่เนื้อเรื่องก็โอเคนะคะ
คือถ้าจะให้เเนะนําเรื่องที่ดีมากของวอลเลสขอเเนะนําเรื่องนี้ค่ะ
屋顶上的绿宝石 เป็นหนังที่เราชอบที่สุดของวอลเลส
มองเห็นพัฒนาการของตัวละครเกือบทุกตัว มีครบทุกรสชาติ
มี 30 ตอนค่ะ คุณมามิยะน่าจะชอบหนังเเนวนี้
จิงๆเรื่อง 爱情占线 ของวอลเลสก็สนุกดี
นางเอกหานเสวี่ยสวยด้วย
เเต่เรื่องนี้พระรองดีกะนางเอกสุดๆ ผู้ชมอาจอาจเทใจ งั้นไม่เเนะนํา 55
ขอเเนะนําเรื่องเเรกดีกว่า ยังไงก็ลองไปหาดูนะคะ



โดย: wallacey (wallacey ) วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:10:43:09 น.  

 
ดีจ้าน้องเล็ก ไว้พี่ค่อยไปดูนะคะ ตอนนี้ขออัพเนื้อเรื่องย่อก่อน ต้องรีบอัพเดี๋ยวลืม จะไปดูเรื่องอื่นต่อแล้ว


ค่ะคุณwallacey เป็นตอนที่ตั้งขึ้นมาเอง โดยสรุปจากเนื้อหา หลัง ๆ นี่ลืมใส่ตอน กลับมาใส่ก็ได้ค่ะ แหะ แหะ ลืมไปจริง ๆ มาคิดได้ตอนอัพขึ้นไปแล้วทุกที

กว่าจะเขียนได้ต้องใช้พลังความคิดไม่น้อยนะคะเนี่ย และรูปที่แปะ ๆ ขึ้นไปอีก เครื่องมันช้า อัพได้ทีละรูปเท่านั้น กว่าจะได้รูปอย่างข้างบน เล่นเอาเราใช้เวลาหลายชั่วโมง

จริง ๆ หนังของฮั่วเจี้ยนหัว เราไปดูในประวัติแล้วค่อยเลือกเอา หนังสมัยใหม่ เรานั่งดูไม่ติด เลยต้องเลือกแบบหนังย้อนยุค เรื่องอู่สือหลางเลือกเองแล้วให้เพื่อน(ที่มีหนังประมาณกัน)เอามาให้ยืมหน่อย

จากที่เช็ค ฮั่วเจี้ยนหัว เล่นหนังโบราณอยู่ แค่ "เทียนเซี่ยตี้อี" (ดูแล้ว) "หงฝูหนี่" (ดูแล้วอีกเช่นกัน) "เยียนจือเสวี่ย"(ดูไปอีกแล้วอ่ะ) เลยต้องเลือก "อู่สือหลาง" มาดู ไม่รู้ว่าจะดูได้ทนหรือเปล่า เพราะไม่ได้เป็นหนังโบราณอย่างที่โปรดปราน ลองดูก็แล้วกัน เรื่องสมัยใหม่ที่คุณ wallacey แนะนำมา ไว้จะค่อย ๆ หามาดูแล้วกันนะคะ

ตอนนี้กำลังลังเล ระหว่า "อั้นเซียง" (หวงเสี่ยวหมิง หยางมี่) กับเรื่อง "อู่สือหลาง" (ฮัวเจี้ยนหัว หยางเชียนหัว) คิดว่าเรื่องแรกต้องเครียดมาก เอางี้แล้วกัน ดูสลับกันซะเลย อิ อิ ....สะใจเสียนี่กระไร..


บอกตรง ๆ ว่าชอบ"เยียนจื่อเสวี่ย" มาก นี่ก็อ่านนิยายอยู่ สารภาพว่าเปิดตรงหน้าที่มีเซี่ยอวิ๋นไคอย่างเดียวเลย โดยเฉพาะคำบรรยายเซี่ยอวิ๋นไคกับคุณหนูสี่ ไม่รู้ว่าเธอคิดอย่างไรบ้างตลอดเวลาที่ผ่านมากับครูที่เธอแอบชอบกับการที่เขาต้องกลายมาเป็นพ่อบ้านของตระกูลกู(ชื่อตระกูลไม่ได้หยาบคายนะคะ)


เรื่องนี้หานเสี่ยวก็เล่นเป็นปีศาจหัวก่ยหวัง แหมเรื่องที่แล้วเป็นครูนักเรียนกัน เรื่องนี้ฮั่วเจี้ยนหัวเล่นเป็นฉางชิง หานเสี่ยวเล่นเป็นนางมารไปเสียนี่ เสื้อผ้าสีแดง เจิด....เฉิดฉายจริง ๆ หานเสี่ยวตอนเล่นเรื่อง"เส้าเหนียนเปาชิงเทียน 3"(ดูจากบล็อคนี้ได้) ใส่ชุดสีขาว หน้าตาไร้เดียงสา ตอนนี้เริ่มพัฒนาเล่นบทอื่น ๆ บ้างแล้ว


เอาล่ะค่ะ ใกล้จบแล้ว หนังจะเริ่มเครียดแล้วนะคะ เดี๋ยวจะมีหลี่เซียวเหยาย้อนยุคมาช่วยจิ่งเทียนด้วย

คงเข้าใจกันดีนะคะ ว่าทำไมย้อนยุคกันได้ เผื่อมีคนมาอ่านเจอแค่บรรทัดนี้ก็ไปหาคำตอบกันในเรื่องย่อนะคะ







โดย: mamiya วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:21:34:45 น.  

 
ช่วยชี้แนะบทความนี้ด้วยนะครับ

ชาติที่ 1 เดิมคือหลี่เซียวเหยาที่หลังจากตายก็ได้ขึ้นสวรรค์อุบัติเป็นแม่ทัพสวรรค์เฟยเผิง ที่นั่นเขาทำหน้าที่เฝ้าประตูสวรรค์ และได้พบกับฉงรั่วที่คิดลองดู ทั้งคู่ต่อสู้กันจากศัตรูกลายเป็นสหาย แต่เทพกับมารไม่สามารถคบหากัน เฟยเผิงจึงถูกลงโทษให้มาเกิดยังโลกมนุษย์

ชาติที่ 2 เฟยเผิงได้เกิดเป็นโอรสของเจ้ารัฐหนึ่งในยุคชุนชิว (ฮั่วเจี้ยนหัวเป็นเจ้ารัฐ) ชื่อหลงหยาง ยังมีน้องสาวอีกคนชื่อหลงกุย ทั้งคู่เป็นพี่น้องที่รักใคร่กันมาก เมื่อรัฐถูกรุกรานจนต้าอ๋องสิ้น หลงหยางจึงต้องออกรบแทน คาวเลือดทำให้หลงหยางแปรเปลี่ยนไปและต้องการหลอมดาบวิเศษเพื่อหวังจะชนะสงคราม แต่เขากลับถูกรุมสังหารเสียก่อน ตอนหลังหลงกุยเสียใจที่พี่ชายสิ้นจึงเสียสละร่างตนเข้าเตาหลอมทำให้ดาบเฉินเย่าหลอมสำเร็จ
ชาติที่ 3 คือจิงเทียนนี่เอง


โดย: เคหาสน์กระบี่ IP: 115.87.76.76 วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:21:42:11 น.  

 


คืนวันเพ็ญก้างปลาจะปรากฏขึ้นที่ริมหาดตอนน้ำขึ้น หากมีวาสนาทุกคนก็จะได้เจอ เรื่องนี้ไม่ทราบเป็นเรื่องจริงหรือตำนาน แต่ขอเพียงให้ทุกคนมีความเชื่อ มันก็จะกลายเป็นจริงได้

เรื่องย่อ ต่อ 10

ตอนอวสาน

ฉางชิงเฝ้ารอดูการขึ้นลงของน้ำทะเลอย่างใจจดใจจ่อ จื่อเซวียนเดินเข้ามาและบอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป จื่อเซวียนถามว่าหากนางแก่เฒ่าผมหงอกขาว ฉางชิงยังจะดีกับนางแบบนี้หรือเปล่า ฉางชิงบอกว่าทำไมจะไม่ล่ะ จื่อเซวียนบอกว่าความหวังของนางคือให้ชิงเอ๋อร์เติบใหญ่แข็งแรง และนางอยากเห็นหิมะสักครั้ง ฉางชิงบอกว่าจะไปดูเป็นเพื่อนนาง จื่อเซวียนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ฉางชิงบอกว่าเขาติดค้างนางเหลือเกิน จื่อเซวียบซบลงบนไหล่ของฉางชิง ทั้งสองจะช่วยกันหาเซิ่งหลิงจูมาให้ได้ ตอนนี้ได้แต่รอคอย

ฉงโหลวไม่รู้มาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเห็นภาพของจื่อเซวียนกับฉางชิงคลอเคลียกัน แต่อาการเจ็บปวดหัวใจไม่ได้เกิดกับเขา แต่เป็นจื่อเซวียน นางเจ็บที่หัวใจอีกแล้ว นางรู้ว่าเป็นหัวใจของฉงโหลว ฉงโหลวเดินจากมา เขามาที่ร้านเหล้า จิ่งเทียนมาพบเข้าพอดี ความจริงจิ่งเทียนรอดูน้ำขึ้นน้ำลงอยู่ แต่เมื่อทะเลาะกับเสวี่ยเจี้ยนเขาจึงเดินเลี่ยงมาจนเจอกับฉงโหลว เห็นท่าทางฉงโหลวเหมือนมีความในใจ จิ่งเทียนถามเขา เขาบอกว่ารู้สึกเหมือนเจ็บปวดใจ หรือนี่อาจจะเป็นอาการของการหลงรักใครสักคน แต่นางกลับไม่มีใจให้เขา จิ่งเทียนบอกว่าเสียทีที่เป็นเจ้าแห่งมาร รักผู้หญิงคนไหนก็ไปบอกนางสิ ฉงโหลวบอกว่านางมีชายในดวงใจแล้ว จิ่งเทียนแนะนำให้ฆ่าผู้ชายแล้วแย่งผู้หญิงมาเลยดีกว่า ฉงโหลวพึมพำว่าอย่างนั้นจื่อเซวียนจะยอมหรือ พอได้ยินว่าเป็นจื่อเซวียนที่ตอนนี้จิ่งเทียนเรียกนางเป็นพี่สะใภ้แล้ว เขาต้องรีบพูดว่าอย่าไปฆ่าใครเลย ให้ใจเย็น ๆ ก่อน ฉงโหลวงงในปฎิกริยาของจิ่งเทียน จิ่งเทียนพยายามเอนเอียงความสนใจของฉงโหลวไปเรื่องอื่นแทน



น้ำขึ้นแล้วก็ลง พริบตานั้นทั้งหมดเห็นว่าที่หาดทรายมีก้างปลาสีขาวปรากฏขึ้น จิ่งเทียนได้ยินเสียงจึงรีบมาดู ฉางชิงกับจื่อเซวียนร่ายมนต์แหวกทะเล และใช้ก้างปลาที่บัดนี้ยืดยาวเป็นบันไดนำสู่ใต้สมุทร(เหมือนโมเสกแหวกทะเลเลยอ่ะจ้า แหม.... ฟิวชั่นสุดฤทธิ์) เมื่อไปถึงวังใต้สมุทร ทุกคนก็ได้พบห้องประหลาด ในห้องนี้เมื่อจิ่งเทียนจับไปที่กลไกก็ปรากฏภาพ(เหมือนจอทีวีจอยักษ์)ของจิ่งเทียนตอนเป็นเทียนเผิงและเทพธิดาซีเหยา ต่อมาก็เป็นหลงหยางและหลงขุย และต่อมาก็เป็นจิ่งเทียน เสวี่ยเจี้ยนจับไปที่ปุ่มกลไกบ้าง ภาพที่ปรากฏเป็นภาพของวันหิมะตก เสวี่ยเจี้ยนตกลงมากที่บ้านหลังหนึ่ง นางได้พบกับจิ่งเทียนเพราะพลังของหยกคู่ และไปที่ตระกูลเหลย แต่งงานกับอวิ๋นถิง จิ่งเทียนเกิดอาการหึงหวงเล็กน้อย ฉางชิงจับไปที่กลไกบ้าง เขาเห็นกาพของกู้หลิวฟังที่พบกับจื่อเซวียนในงานเทศกาล และเจอนางอีก 3 ปีต่อมา ทั้งสองกระโดดหน้าผาตาย จนเขาเกิดเป็นหลินเย่ผิงและตายจากกันไปอีก ทุกคนไม่ได้ดูต่อ เมื่อเรียกหาสุ่ยปี้ ก็พบว่าสุ่ยปี้กลายเป็นหินไม่สามารถร้องขานรับใครได้อีกแล้ว

ไม่ว่าจะทำอย่างไรสุ่ยปี้ก็ไม่มีปฎิกิริยาโต้ตอบ พวกเขาคิดได้ว่าต้องให้ซีเฟิงมานางอาจจะขานรับ และหายจากการกลายเป็นหินก็ได้ จื่อเซวียนติดต่อกับฉงโหลวให้เขานำซีเฟิงมา ฉงโหลวได้พบกับจื่อเซวียนอีกครั้ง นางรู้สึกสงสารฉงโหลวจึงคายหัวใจคืนให้ เมื่อได้หัวใจคืนไปแล้ว จื่อเซวียนก็เดินจากไป ฉงโหลวพึมพำกับตัวเองว่า “ต่อไปนี้คงมีแต่ข้าที่รวดร้าวใจ”



ซีเฟิงไปหาสุ่ยปี้ที่เขาคิดถึงตลอดทุกลมหายใจ แต่ไม่ว่าเรียกหาอย่างไรนางก็ไม่ตอบ ซีเฟิงร้องเรียกจนใจแทบสลาย ในที่สุดสุ่ยปี้ก็ส่งเสียงตอบและบอกว่าเขาไม่ใช่ซีเฟิง เสียงของซีเฟิงไพเราะประดุจดนตรีสวรรค์ หลังจากซีเฟิงมอบเสียงของตนกับฉงโหลวแล้ว เขาก็มีเสียงแหบพร่า ไม่ได้มีเสียงไพเราะเหมือนเดิมอีก ยากจะโทษว่าสุ่ยปี้ได้ ซีเฟิง เล่นดนตรีให้สุ่ยปี้ฟัง ในทีสุดนางก็จำได้และหายจากการกลายเป็นหิน ทั้งสองได้พบกันอีกครั้ง สุ่ยปี้ไม่ได้รังเกียจซีเฟิงที่เป็นทาสของจอมมาร นางรักเขามากและรอเขามาถึง 500 ปี นางเต็มใจจะอยู่กับซีเฟิง ขอเพียงให้เป็นซีเฟิงนางก็พอใจแล้ว คนทั้งหมดมองดูสุ่ยปี้กับซีเฟิงที่เจอกันหลังจากการรอคอยอันยาวนาน



หลงขุยกลับไปที่กลไกนั้นอีกครั้ง นางยังไม่ได้แตะดูเลยว่าอนาคตของนางจะเป็นอย่างไร เมื่อหลงขุยแตะไปภาพที่ปรากฏเป็นอดีตของนางเมื่อพันปีที่แล้ว นางอยู่กับพระเชษฐาอย่างมีความสุข หลงหยางมอบชุดยาวสีฟ้าให้กับนาง หลงขุยชอบมาก เมื่อแพ้สงครามหลงหยางไปเกิดแล้วแต่หลงขุยกระโดดลงไปในเตาหลอมและอยู่บนกระบี่เพื่อรอคอย หลงขุยบิดลูกบิดกลไกไปอีกทางหนึ่ง นางเห็นภาพอนาคตที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน มนุษย์เกิดภัยพิบัติร้ายแรง คนตายเป็นเบือ นางเห็นภาพของตัวเองกระโดดลงไปในกองไฟ วันนั้นเป็นวันที่ 6 นางตกใจมาก นางต้องตายหรือนี่? พริบตานั้นวังใต้บาดาลสะท้านสะเทือน และเกิดสั่นไหวอย่างแรง ทุกคนต้องรีบหนีเสียแล้ว แต่ซีเฟิงกับสุ่ยปี้ไม่ต้องการแยกจากกันอีก สุ่ยปี้มอบเซิ่งหลิงจูให้แก่จื่อเซวียนและเร่งรัดให้ทุกคนรีบหนีไป

ทุกคนหนีรอดออกมาได้ทั้งหมด น้ำทะเลที่แหวกเป็นทางปิดลงเหมือนเดิม ฉางชิงบอกให้ทุกคนมารวมกันและให้นึกถึงสถานที่ที่อยากจะไปเอาไว้ คราวนี้เขาร่ายมนต์ส่งคนทั้งหลายกลับไปเอง(ตอนมาอาจารย์ส่งมา ตอนกลับจัดการตัวเองกับพรรคพวก )ระหว่างที่โลดแล่นไปในมิติของเวทย์มนต์ จิ่งเทียนได้ยินเสียงเม่าเม่า ความจริงเขาอยากให้เม่าเม่าเสพสุขบนสวรรค์ แต่เม่าเม่าไม่ยอมจะตามจิ่งเทียนมา เขาจึงกระโดดเข้ามาในมิติด้วย ทั้งหมดจึงเดินทางสู่จุดหมาย

น่าประหลาดที่ฉางชิงกลับไปยังสำนึกสู่ซันกับจื่อเซวียน แต่จิ่งเทียน เสวี่ยเจี้ยน หลงขุย และเม่าเม่ากลับไปยังโรงเตี้ยมหย่งอันตั้ง (ก็ฉางชิงดันบอกให้นึกถึงที่ที่อยากไปนี่นา เลยต้องแยกกลุ่มกันแบบนี้แหละ) ทั้งสองฝ่ายติดต่อกันทางเสียงทิพย์ และทราบว่าอีกฝ่ายไปอยู่ที่ไหน ในเมื่อกลับมาแล้วจิ่งเทียน เสวี่ยเจี้ยน เม่าเม่า หลงขุยจึงกลับไปที่โรงเตี้ยมก่อน พวกเขาพบว่าที่นี่เปลี่ยนไปอย่างมาก ผู้คนล้มตายเกลื่อน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่หลงขุยไม่ประหลาดใจเลย ภาพนี้เป็นภาพที่นางเห็นมาก่อนให้ห้องลึกลับใต้ท้องสมุทรแล้ว

เถ้าแก่โรงเตี้ยมคนก่อน คู่อริของจิ่งเทียนรีบต้อนรับเถ้าแก่คนใหม่และบอกว่า เสียเจี้ยนเซียนกลับมาแล้ว มันครองความเป็นใหญ่ในโลกมนุษย์ ตอนนี้ไม่มีใครปราบมันได้ แม้แต่เพื่อนของจิ่งเทียนที่เคยเล่นหัวกันมาแต่เด็กอย่างปี้ผิงก็หันหน้าไปสวามิภักดิ์มันด้วยเช่นกัน ตอนนี้ได้เสียเจี้ยนเซียนหนุนหลัง จนเป็นใหญ่เป็นโตวางก้ามไปทั่ว จิ่งเทียนเคยบอกให้ปี้ผิงดูแลร้านให้ดีก่อนเขาจะกลับมาและจะได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แต่นึกไม่ถึงว่าปี้ผิงจะทำเช่นนี้ แม้ปี้ผิงจะนิสัยรักตัวกลัวตาย แต่ก็ไม่น่าจะทำตัวอย่างนี้เลย จิ่งเทียนตรวจดูสภาพโดยรอบ เสียเจี้ยนเซียนมาหาเขาพอดี จิ่งเทียนพยายามต่อสู้แต่ก็สู้ไม่ได้เลย ไม่มีใครจะปราบปีศาจตัวนี้ได้แม้แต่เทียนตี้ ทุกคนจะทำอย่างไรต่อไป

ฉางชิงกลับมาถึงสู่ซัน จื่อเซวียนมอบเซิ่งหลิงจูให้เซิ่งกูไปรักษาชิงเอ๋อร์ เซิ่งกูเล่าให้ฟังว่าหลังจากพวกฉางชิงไปได้ไม่นาน เสียเจี้ยนเซียนก็มาหาเรื่องและทำร้ายผู้คน ตอนนี้กลายเป็นจอมปีศาจแห่งโลกมนุษย์ไปแล้ว ไม่มีใครปราบได้แม้แต่สวรรค์หรือบาดาล เพราะเป็นปีศาจที่อยู่เหนือการควบคุมของภพต่าง ๆ ทุก ๆ ภพ มันเพิ่มพลังความร้ายกาจขึ้นทุกวัน




มารกระบี่เซียนปีศาจ(邪剑仙)


ฉางชิงตกใจมาก รีบไปที่เจดีย์ก็พบว่าอาจารย์ทั้ง 5 ถูกจับตรึงด้วยโซ่ตรวนอยู่บนหลังคาเจดีย์ เขาร้อนใจมาก รีบบอกให้จื่อเซวียนเอาเซิ่งหลิงจูไปช่วยชิงเอ๋อร์ ตนเองเหาะขึ้นไปช่วยอาจารย์บนเจดีย์ แต่ไม่ว่าฉางชิงจะมีเวทย์มนตร์กล้าแข็งเพียงใด ก็ไม่สามารถช่วยอาจารย์ทั้งหลายได้ เขาพยายามไม่ลดละ อาจารย์ทั้งหลายต่างเตือนให้เขาหยุด แต่ฉางชิงไม่ยอมหยุด หาทางช่วยเหลือโดยฟันโซ่ที่ล่ามอาจารย์คนแล้วคนแล้ว แต่โซ่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกไปได้เลย อาจารย์ทั้งหลายไม่อยากให้ฉางชิงลำบากจึงเอาการขับไล่เขาออกจากสำนักมาเป็นข้ออ้างและให้เขาหนีไป ฉางชิงไม่ยอม แต่อาจารย์บอกว่าศิษย์คนอื่น ๆ ไปช่วยเพื่อนมนุษย์แล้ว ตอนนี้พวกตนไม่เป็นไร ให้ไปช่วยมนุษย์ก่อน ฉางชิงได้แต่รับปาก


ศิษย์สำนักสู่ซันต่างพยายามระงับการทำลายล้างของมารกระบี่เซียนปีศาจ

เซิ่งกูชวนจื่อเซวียนลี้ภัยไปยังหนันเจ้ากั๋ว จื่อเซวียนบอกให้เซิ่งกูรีบพาชิงเอ๋อร์ไป นางจะไม่ทิ้งฉางชิง และมนุษย์ที่กำลังเดือดร้อน คราวนี้ไม่ใช่เพื่อฉางชิงอย่างเดียว แต่เพื่อมวลมนุษย์ด้วย นางทำอย่างนี้เท่ากับทำอย่างทที่เซิ่งกูหวังไม่ใช่หรือ นางเป็นแม่แห่งมวลมนุษย์ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่หนีเอาตัวรอด เซิ่งกูได้แต่รีบพาชิงเอ๋อร์หนีไป


มารกระบี่ผยองทำร้ายผู้คน

จื่อเซวียนกับฉางชิงไปช่วยจิ่งเทียนต่อสู้กับเสียเจี้ยนเซียน จื่อเซวียนใช้ฤทธิ์ทั้งหมดที่มี แปลงร่างมีหางเป็นงูก็ยังสู้ศัตรูไม่ได้ ฉางชิงที่มีอาคมแก่กล้าก็แพ้ จิ่งเทียนที่มีกระบี่เทพเทียนเผิงก็ไม่อาจเอาชนะได้ เสียเจี้ยนเซียนหัวร่ออย่างสะใจ มันบอกขอบคุณฉางชิงที่ปล่อยมันออกมาจากกล่อง และว่าจะหาทางตอบแทน ฉางชิงเป็นคนเก่งให้มาอยู่กับมันแล้วจะมีอำนาจเหนือทุกคน แต่ฉางชิงไม่สนใจ จิ่งเทียนและฉางชิงร่วมมือกันต่อสู้กับเสียเจี้ยนเซียนสุดชีวิต แต่เสียเจี้ยนเซียนสูดปากและดูดทั้งสอง คาดว่าจะดูดกินลงไปทั้งสองคน ฉางชิงส่งเปลือกหอยให้จิ่งเทียนและบอกว่า “ให้ข้าไปก่อนก้าวหนึ่ง” แล้วผลักจิ่งเทียนออกจากกระแสลมดูดของเสียเจี้ยนเซียน ฉางชิงโดนดูดลงท้องมารไปเสียแล้ว




จิ่งเทียนและพวกตกใจมาก โดยเฉพาะจื่อเซวียน เสียเจี้ยนเซียนเหมือนกินของแสลงเข้าไป มันม้วนตัวขึ้นหลังคาและบินหลบหนีไป จื่อเซวียนน้ำตาไหล ทุกคนตกตะลึง ศิษย์สูซันทั้งหลายที่มาร่วมต่อสู้ร้องเรียกฉางชิง แต่เขาไม่ได้ยินอีกแล้ว เขาสละชีวิตตายไปในท้องของเสียเจี้ยนเซียนแล้ว….


กำลังตื่นเต้น....ไว้มาต่อใหม่ค่ะ



โดย: mamiya วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:22:59:27 น.  

 
เฮ้อ....ตอบคุณเคหาสน์กระบี่อย่างไรดีล่ะคะ

เอาเป็นว่า ลองอ่านข้างบนอีกครั้งนะคะ

ตรงความเห็นนี้นะคะ

มามิยะ IP: 124.120.83.122 วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:10:04:22 น.

ทั้งหมดมีอธิบายคำตอบไว้แล้วค่ะ

มาอ่านดูใหม่ รู้สึกว่าไม่บอกก็จะสงสัยอีกใช่ไหมคะ เอาล่ะค่ะ ตอบให้แต่ว่าอย่าได้เอาคำตอบไปเกี่ยวข้องหรือคัดค้านกับผู้ใดนะคะ เราจะไม่ทะเลาะกับใครทั้งนั้นค่ะ ที่ตอบเพราะว่าคุณเป็นแขกบล็อคเรา ในฐานะเจ้าบ้านที่ดี มีคำถามแล้วเราก็ควรจะช่วยตอบใช่ไหมคะ ตอบจากหนังที่เราดูนะคะ "เซียนเจี้ยนฉีเสียจ้วน 3 " ค่ะ เอาคำตอบไปเพื่อคลายความสงสัยนะคะ อย่าเอาไปแย้งกับใคร เรารู้แล้วก็เก็บเอาไว้เล่าให้เพื่อนฟัง

คุณก็เป็นเพื่อนของเราใช่ไหมคะ? อย่างนั้นทำตามคำขอร้องนะคะ



ถาม ชาติที่ 1 เดิมคือหลี่เซียวเหยาที่หลังจากตายก็ได้ขึ้นสวรรค์อุบัติเป็นแม่ทัพสวรรค์เฟยเผิง ที่นั่นเขาทำหน้าที่เฝ้าประตูสวรรค์ และได้พบกับฉงรั่วที่คิดลองดู ทั้งคู่ต่อสู้กันจากศัตรูกลายเป็นสหาย แต่เทพกับมารไม่สามารถคบหากัน เฟยเผิงจึงถูกลงโทษให้มาเกิดยังโลกมนุษย์


ตอบ
ในเรื่องไม่ได้บอกว่าหลี่เซียวเหยาตายแล้วไปเกิดเป็นเทียนเผิง

หลี่เซียวเหยาในเรื่องนี้มีหน้าที่คือช่วยให้จิ่งเทียนชนะมารกระบี่เซียนปีศาจ หรือ ภาษาจีนเรียกว่า เสียเจี้ยนเซียนค่ะ


เทียนเผิงเป็นขุนทัพแห่งสวรรค์ที่เก่งมาก และทำหน้าที่เฝ้าประตูสวรรค์ แต่เนื่องจากเก่งเกินไป เลยเหงาเพราะไม่มีคู่ต่อสู้ที่สูสี ฉงโหลว(ไม่ใช่ฉงรั่ว)โดนคำยุยงของซีเฟิง(ที่เป็นทาส)จึงไปหาเฟยเผิงบนสวรรค์เพื่อต่อสู้กัน ทั้งสองพอใจในฝีมือของกันและกัน และรู้สึกสนุก ชีวิตมีความหมายเพราะได้เจอคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียม จึงมักต่อสู้กันเสมอ แต่ฉงโหลวเป็นมาร เทียนเผิงเป็นเทพจึงคบกันไม่ได้ ต่อมาทั้งสองต่อสู้กันในเมืองสวรรค์เขตแดนเมืองใหม่ จนไม่มีใครเฝ้าประตูทำให้ลูกน้องฉงโหลวมารุกรานแดนสวรรค์ได้ เทียนเผิงจึงมีความผิดที่ละทิ้งหน้าที่ และเมื่อถูกจับตัวมาได้ ก็ยังไม่สำนึกว่าตัวเองทำผิด ในเมื่ออยู่สวรรค์ดี ๆ ไม่ยอมสำนึกว่าดี เลยถูกเทียนตี้ส่งไปเวียนว่ายตายเกิด เป็นชาติแรก หลงหยาง (พี่ชายของหลงขุย) และชาติต่อมาได้เป็นจิ่งเทียน ตัวเอกของเรื่อง


ถาม

ชาติที่ 2 เฟยเผิงได้เกิดเป็นโอรสของเจ้ารัฐหนึ่งในยุคชุนชิว (ฮั่วเจี้ยนหัวเป็นเจ้ารัฐ) ชื่อหลงหยาง ยังมีน้องสาวอีกคนชื่อหลงกุย ทั้งคู่เป็นพี่น้องที่รักใคร่กันมาก เมื่อรัฐถูกรุกรานจนต้าอ๋องสิ้น หลงหยางจึงต้องออกรบแทน คาวเลือดทำให้หลงหยางแปรเปลี่ยนไปและต้องการหลอมดาบวิเศษเพื่อหวังจะชนะสงคราม แต่เขากลับถูกรุมสังหารเสียก่อน ตอนหลังหลงกุยเสียใจที่พี่ชายสิ้นจึงเสียสละร่างตนเข้าเตาหลอมทำให้ดาบเฉินเย่าหลอมสำเร็จ
ชาติที่ 3 คือจิงเทียนนี่เอง


ตอบ เฟยเผิงมาเกิดเป็นชาติแรกก็คือหลงหยาง พี่ชายของหลงขุย(ไม่ใช่หลงกุย ขุยแปลว่าดอกทานตะวัน ในเรื่องก่อนตายหลงหยางได้ให้ดอกทานตะวันแก่หลงขุยเพื่อให้ปลูกทั่วแคว้น รอเขากลับมา แต่ไม่ได้กลับ รบจนตายไปเสียก่อน หลงขุยเลยปลูกจนมันบานไปทั่ว ความจริงนางทำเมล็ดทานตะวันร่วงจนมันเกิดขึ้นมาเป็นทุ่งทานตะวัน ส่วนตัวเองโดดลงเตาหลอมตาย)


ตามท้องเรื่องฮั่วเจี้ยนหัวไม่ได้เป็นเจ้ารัฐนี้เลยค่ะ

หลงหยางเป็นคนรักสงบ ไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะคาวเลือด เนื่องจากเขาเป็นองค์ชายเลยต้องรบเพื่อป้องกันประเทศ ทั้ง ๆ ที่ใจไม่อยากรบเลยสักนิด แต่ยิ่งรบยิ่งนาน เพราะสงครามไม่มีวันเลิกรา เอาเสียเลย แม้เขาหวังว่าจะสงบแต่ไม่สงบเสียที ต่อมาเขาหาวิธีการที่จะรบชนะเมื่อข้าศึกมาประชิด และได้รับคำแนะนำให้เอาเครื่องเซ่นมาเซ่นตอนหลอมกระบี่ จะได้กระบี่ที่มีฤทธิ์มากช่วยเขาให้ชนะสงครามได้ เงื่อนไขมีอยู่ว่าจะต้องเป็นเลือดเนื้อเชื่อไขเดียวกัน หลงขุยรู้เข้าจึงขอเป็นเครื่องสังเวยให้ แต่หลงหยางรักน้องสาวมาก จึงเอ่ยปากตัดความสัมพันธ์พี่น้องเสีย และสั่งหลงขุยว่าห้ามโดดเพราะหลงขุยไม่มีคุณสมบัติตามที่กระบี่วิเศษต้องการแล้ว หลงขุยโดนพี่ชายตัดสัมพันธ์เช่นนี้ก็รู้อยู่ว่าพี่ชายไม่อยากให้นางต้องตาย หลงหยางออกไปรบจนตาย หลงขุยก็มาคิดว่า พระบิดาไปแล้ว พระมารดาก็ไม่อยู่แล้ว(ป่วยจนสิ้นลม) พี่ชายก็เสียชีวิตในสงคราม ประเทศชาติบ้านเมืองก็ไม่มีเหลือแล้ว นางไม่เหลืออะไรอีก จึงได้โดดลงในเตาหลอมกระบี่ และอยู่ในกระบี่มาเป็นพัน ๆ ปีเพื่อรอได้พบกับหลงหยางพี่ชายที่รัก ซึ่งก็คือจิ่งเทียนนั่นเอง ตอนเจอกันตอนแรกหลงขุยออกมาจากกระบี่ กระบี่นี้ฉงโหลวเอามาให้จิ่งเทียน และกระบี่ก็มีชีวิตชอบติดตามจิ่งเทียน จนสุดท้ายหลงขุยก็ออกมาและกอดจิ่งเทียนด้วยความคิดถึง

เป็นอย่างไรคะ กระจ่างแจ้งแก่ใจแล้วหรือไม่ ?

ขอบอกอีกครั้งว่า ตอบเพื่อสร้างสรรค์เท่านั้นค่ะ


ขอได้รับความขอบคุณ



โดย: mamiya วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:23:28:48 น.  

 
อันนี้เป็นการบริการแก่คุณ wallacey คลิปนี้ค่ะ


//video.sina.com.cn/ent/v/m/2008-10-21/114926211.shtml

ในคลิปมีฮั่วเจี้ยนหัว ถังเยียน และ หวงจื้อเหว่ย

ลองดูนะคะ ไม่รู้ว่าเคยดูแล้วหรือยัง ต้องคุยกับคุณ wallacey นั่นแหละเพราะตอนนี้เราฉางชิงลิสซึ่มค่ะ



ทำไมมารดูดีจังเลย เหอ เหอ.....ชอบเขาแพะบนหัวหวงจื้อเหว่ยมันเท่ห์ดี ในเกมส์ตัวฉงโหลวสักลายที่คอเท่ห์จะตาย แต่ในหนังดันมาสักเอาที่เหม่งของตัวละคร แต่ไม่ว่ากัน ความเท่ห์ยังคงอยู่


ฮั่วเจี้ยนหัว มีการเอานิ้วตาเขี่ยขี้ตาด้วยรึ? อิ อิ อิ ไอ้เราก็จ้องฮั่วเจี้ยนหัวจนจอแทบทะลุทำอะไรก็เห็นหมดน้าตัวเอ้ง....


เขาทำท่าตลก ๆ นะคะ แต่คำถามอะไรก็ไม่รู้ที่ทำหน้าแบบนั้น ฟังไม่ได้ยินเลย เงี่ยหูแนบลำโพงแล้วก็ยังไม่ได้ยิน

เขาเล่าว่าเล่นเป็นตัวละครที่เป็นศิษย์แห่งสำนักสู่ซัน ต้องเท่ห์ โดยเฉพาะท่ากังฟูต้องพริ้ว ฝึกซะตั้งนานกว่าจะปรับตัวเข้ากับตัวละครตัวนี้ได้

ตอนเล่นหนังก็ไม่ได้แต่งหน้า เพราะมันล้างออกยาก แต่บางวันที่นอนดึกขอบตาดำ ผู้กำกับก็ให้โบ๊ะตรงขอบตา เดี๋ยวเข้ากล้องแล้วจะเห็นได้ชัดแล้วฉางชิงจะไม่หล่อ


นักข่าวถามว่ายังจะเล่นหนังตัวละครแนว idol อีกหรือเปล่า ฮั่วเจี้ยนหัวตอบว่า จะ 30 แล้วคงไม่ idol แล้วมั้ง การแสดงต้องมีการเติบโต ในขณะที่นักแสดงเติบโต คนดูก็เช่นกัน หวังว่าจะได้นำเสนอผลงานที่ดี ๆ ยิ่งขึ้นไปอีก (更上一层楼)


มีที่สังเกตหน่อยหนึ่งว่า ฮั่วเจี้ยนหัว กับ หวงจื้อเหว่ย พูดถึงคำคำเดียวกัน แต่ออกเสียงคนละแบบเลย

角色 ฮั่วเจี้ยนหัว ออกเสียงว่า "เจวี่ยเซ่อ" แปลว่า บทบาทการแสดง

角色 หวงจื้อเหว่ยออกเสียงว่า "เจี่ยวเซ่อ" แปลว่าบทบาทการแสดงที่ได้รับ

ทั้งคู่พูดถึงบทของตัวเองในเรื่องนี้

ทำไมต่างกันเอ่ย?

ถ้าไปแผ่นดินใหญ่ พูดคำนี้ว่า เจี่ยวเซ๋อ ผิด และจีนใหญ่ก็บอกว่าต้องออกว่าเจวี๋ยเซ่อ ต่างหากละจ๊า

แต่ถ้าฟังดาราไต้หวัน และดาราฮ่องกงบางคนที่ไปเติบโตในไต้หวัน ออกเสียง เจี่ยวเซ่อ กันเป็นแถว

เฮ้อ.....เอาเป็นว่าพอได้ยินคำนี้ก็แปลเหมือนกันก็แล้วกัน ไม่ว่าใครผิดใครถูกเนอะ พูดแล้วรู้เรื่องก็พอ ภาษาอยู่ที่ความนิยมของมนุษย์ วันหนึ่งใช้อย่างนี้ แต่ถ้าคนหมู่มาก ใช้ผิด ๆ สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นถูก

คุณเชื่อหรือไม่?


ไว้คุยกันพรุ่งนี้ค่ะ


โดย: mamiya วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:23:53:57 น.  

 
ฮิ้วๆๆววว จบแล้วเหรอเนื้อเรื่องสนุกมากมาย
ชอบมือถือไฮโซมากๆเห็นเข้าฉากกับเกอเกอบ่อยๆ
แล้วก็ชอบคู่เกอเกอวอลเลสด้วย มีลุ้นๆๆกิ๊กนอกจอ
เข้าใจว่าเป็นภาคก่อนภาคแรก 50 ปี
นักแสดงหน้าตาดีทุกคนเลยอะโดยเฉพาะถังเยียน บาร์บี้ชัดๆ

ขอบคุณ คุณมามิยะมากนะคะสำหรับการแบ่งปันดีดี
แล้วนี่ก็เวบที่เราขออนุญาตนำข้อความไปลงค่ะ
อยู่ในส่วนผลงานของซือซือล่ะ
//ceidythaifanclub.forumotion.com


โดย: loveshishi (loveshishi ) วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:14:08:45 น.  

 
ขอบคุณคุณมามิยะมากนะคะ

เราขออนุญาตเอาลิ้งค์นี้ไปไว้ที่ ช่อง 3 กับ เอเชี่ยนเอนท์ได้มั้ยคะ
อยากให้เพื่อนๆได้อ่านประกอบกับดูหนังค่ะ

//www.thaitv3.com/board2008/index.php?act=ST&f=3&t=5230&st=5060#entry2780800

//www.asian-ent.com/community/index.php?topic=340.msg19900#msg19900

ปล.กระแสคู่วอลเลสกะเกอเกอแรงมาถึงนี่เลยเหรอคะ 55 เราก็ชอบคู่นี้เหมือนกันค่ะ



โดย: wallism IP: 124.120.20.140 วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:16:26:08 น.  

 
คุณ wallacey กับ คุณ wallism คนเดียวกันหรือเปล่าคะ ถ้าใช่ คุณน่ะรู้ใจเราจริง ๆ อิ อิ

จุดประสงค์ของการเขียนละเอียดก็เพื่อระบายความอัดอั้นตันใจที่ไม่มีเพื่อนดูเป็นประการแรก และประการที่สองคือต้องการให้คนที่ดาวน์โหลดมาดูได้ดูประกอบกับเนื้อเรื่องย่อไปด้วยน่ะค่ะ คุณทำให้เราบรรลุจุดประสงค์นะคะ ขอบคุณที่ให้เครดิต อย่างนั้นเราต้องเป็นนี่เลย (Chang)qing lism ฮ่า ฮ่า มันส์จริง ๆ นะคะเรื่องนี้ ตอนนี้เราเริ่มเรื่องอื่นไม่ได้เลย เพราะเราอยากดูแต่ฉางชิงเท่านั้น ต้องโทษอาหัวของคุณนั่นแหละ ที่ทำให้เราต้องเป็นอย่างนี้


น้องเล็ก อย่าเพิ่งว่ากันนะคะ อาการเดิม ๆ กับทุกเรื่อง ต้องใช้เวลา บางเรื่องก็อาละวาดนาน บางเรื่องก็อาละวาดช้า แล้วแต่เสน่ห์ของตัวเอกนะคะ ว่ามั๊ย?


คุณloveshishi ตัวเต็มเลยนะคะไซท์นั้น เราเข้าไปบ่ได้เด้อ ขอบคุณที่ให้เครดิตเช่นกันค่ะ


อ้อ ความอยากวิจารณ์ยังกรุ่น ๆ แต่เนื้อเรื่องยังไม่จบนะคะ ยังมีต่ออีก ตอนจบก็ต้องจบที่คู่พระคู่นางคือหูเกอกับหยางมี่ค่ะ


ตอนนี้เราเถลไถล เพราะกำลังติดนิยายเรื่องดังที่ติดชาร์ของแผ่นดินใหญ่อยู่ เลยทำให้เราต้องเอาเวลาที่มีจำกัดอยู่แล้วไปอ่านเรื่องนั้นก่อน มันกะลังมันส์เลยทีเดียว


คุณวอลเลสซี่เรียกอย่างนี้ถูกไหมคะ?

คุณคงดู "เทียนเซี่ยตี้อี" แล้ว ชื่อไทยเราก็ไม่รู้เรียกอะไร เราว่าบทนั้นล้มเหลวค่ะ ฮั่วเจี้ยนหัว เล่นเป็นทั้งพ่อทั้งลูก ความจริงฝีมือการแสดงเขาก็ไม่เลว แต่อาจเป็นเพราะมีดาราระดับแม่เหล็กมากไป ทำให้ "กุยไห่อี้เตา" ไม่โดดเด่นเท่าที่ควรก็ได้

ลองกลับมาคิดดู ตอนเราดูเรื่องนี้เราดู "เยี่ยเสวียน" มากกว่า ตอนเธอตายในเรื่อง น่าตกใจมาก เราไม่คิดว่าบทนี้จะตาย คนต่อมา เราดูใครนะ "หลี่ย่าเผิง" ใช่แล้ว ดูสิว่าชีวิตเขามีความเป็นมาอย่างไร และสุดท้ายดูใครอีกนะ ดูกัวจิ้นอันกับองค์หญิง(จำชื่อไม่ได้แล้ว อวิ๋นหลอหรือเปล่านะ) ดูอยู่ไม่กี่คนนี้ แทบจะจำฮั่วเจี้ยนหัว ไม่ได้เลยด้วย รู้แต่ว่าชื่ออี้เตา ตัวละครตัวนี้มีแต่ความเจ็บช้ำในหัวใจ และเราก็รู้สึกว่าเขาหล่อแต่ไร้เสน่ห์ มาตลอด โดยเฉพาะเวลาออกสื่อโดยไม่ได้เป็นตัวละครตัวใด เขาจะไม่ค่อยแต่งตัว หรือไม่ค่อยพิถีพิถันเท่าไหร่ (ถ้าให้ตัวเองแต่งเอง นอกจากชุดในละคร หรือถ่ายแบบเท่านั้น ก็ดูอย่างเรื่อง "เยียนจือเสวี่ย" สิคะ)


ต่อมา "หลี่จิ้ง" เออ เริ่มเข้าเค้าแล้ว หลี่จิ้งชุดสวย ฝีมือดี บทดี แต่เสียดาย ไปเด่นที่ "ซูฉี" (ตอนนี้มาสะบัดกระโปรงโฆษณาสบู่ในจอทีวีบ้านเรา) เสียนี่ เรื่องนี้เราก็ไปดูซูฉีซึ่งบทเด่นกว่า ผ่านฮั่วเจี้ยนหัวไปเสียนี่

มาเรื่องเร็ว ๆ นี้ "ธารชีวิตลิขิตรัก" (ไม่ต้องไปหาหนังเรื่องนี้ตอนนี้นะคะ เพราะชื่อไทย เราตั้งเองแหละ) สุด ๆ ๆ ๆ ๆ โดน แมวเหมียวเกี่ยวหัวใจไปเลย ฮั่วเจี้ยนหัว ออกมาแวบ ๆ โหย....เกิดอาการรอคอยล่ะสิ นอกนั้นฟ่านปิงปิง หยูเสียวเหว่ย โลด.....ขนาดตอนกรอดูยังหาฮั่วเจี้ยนหัวยากเลย ชอบพูดว่า "云开...告退"(อวิ๋นไค ขอตัวก่อน) แล้วก็หายแวบออกไป แหม มันน่าสนใจจริง ๆ เข้าฉากมาเพื่อออกจากฉาก และมักจะโดนคนอื่นลากเข้ามาเพื่อให้เกี่ยวข้องอยู่ในฉาก น่าสนใจจริง ๆ เลยติดเรื่องนี้ไปเลย ฝีมือดีทุกคน คราวนี้แม้ฟ่านปิงปิงจะเด่นมาก หรือ หลิวเซียะหัวจะเก่งสุด ๆ หรือหยูเสียวเหว่ยจะร้ายโคตระ แต่แน่นอนบท "เซี่ยอวิ๋นไค" โดนใจเราอย่างจัง เรื่องนี้ต้องกรอดูแต่ตอนพ่อบ้านเซี่ยออก ฟังเขาพูดทุกคำ เพราะมันมีหลักการของการดำเนินชีวิตอยู่ด้วย ที่สำคัญเขาช่วยฟ่านปิงปิงในเรื่องตลอด ทำให้อยากรู้ว่า "ตกลงรักหรือไม่รัก(วะ)" ความสงสัยในใจมันก่อตั้วตลอด ขนาดต้องหาหนังสือนิยายมาแก้ไขความอยากรู้กันเลยทีเดียว แต่แม้หามาแล้วก็ยิ่งทำให้เราซ้ำใจกว่าเดิม เพราะในนิยาย อวิ๋นไค ไม่ได้อยู่กับ อวี้เหอ เหมือนอย่างในหนัง

เฮ้อ....เรื่องเศร้าเอาไว้เล่าวันอื่น ๆ ดีกว่า


เรื่องนี้ยังไม่จบนะคะ เพราะเรากำลังติดนิยาย ไว้ไปเคลียร์เรื่องนั้นให้หายสงสัยก่อน แล้วจะกลับมาเขียนต่อ

ระยะนี้งานเยอะจริง ๆ หนังสือที่สั่งไว้ 29 เล่ม มาแล้วแต่นแต้น.....................ไชโย................(ซื้ออะไรมาบ้างยังจำไม่ได้เลย)


นิยายนั่นแหละ กินเงินที่สุด สุดท้ายคนซิ้อก้จะกินกระดาษแทนข้าวเสียแล้ว


แม่เจ้าประคุณรุนช่องเอ้ย อ่านหนังสือนิยายไป จิบชากับขนมเปี๊ยะไป สุขใจเสียนี่กระไร


อ้อ ลืมบอก หลิงเอ๋อร์ พี่ซื้อ "เหลียงจุ้" ฉบับเหอยุ่นตงมาฝากด้วยแหละ ไว้เจอกันแล้วจะเอาไปให้นะคะ


แว๊บไปก่อน เดี๋ยวจะมาเขียนต่อค่ะ


โดย: mamiya วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:21:41:25 น.  

 
ต๊าย น้องเล็กเจ้าขา ที่แท้เป็นคลิปเสี่ยวหมิงนี่เอง พี่หัวเราะไปดูไปนะคะ เด็กอาร้ายน่าเอ็นดู้น่าเอ็นดู

นักร้องแผ่นดินใหญ่ร้องเพลงกวางตุ้ง เป็นแบบนี้หมดเลยเนอะ ติดสำเนียงจีนกลาง หลังจากดูไปสองรอบแล้ว วิเคราะห์เอง ได้ว่าในเพลงนี้ เสี่ยวหมิงร้องได้น่าเอ็นดู แต่

1. ยังติดจีนกลางอยู่ คำว่า 平 ผิง ที่แปลว่า สงบราบเรียบ ถ้าจำไม่ผิด มันควรจะออกว่า “เผ่ง“ มากกว่า แต่เสี่ยวหมิงออกเสียงว่า "ผิ่ง" มันคงเป็นฟิวชั่นของจีนกลางกับกวางตุ้งนั่นเอง คำว่า 里 หลี่ ที่แสดงสถานที่ ,มันน่าจะอ่านว่า เหลย แต่เสี่ยวหมิง ร้องมันสองอย่างเลย "โหลย" บ้างล่ะ "เหลย" บ้างล่ะ มันเลยแปร่ง ๆ ยังมีอีก 有没有ยังติดจีนกลางอยู่ "เหยาเมยเหยา" ฟังเป็นโหย่วเหมยโหย่วนะคะน้องเล็กว่าไง?

2. ตัวอักษรแต่ละตัวที่อยู่ตรงกลาง เสี่ยวหมิงตะลุยโลด ไปเอี้อนเอาตอนท้ายของวรรค มันก็เลย ไม่หวาน ลองฟังฟรานซิส ยิป ร้องสิ มันหวานขนาดไหน

3. พี่ว่าเสี่ยวหมิงยังร้องไม่ได้อารมณ์ของเพลงนี้นะ โดยเฉพาะคำว่า "爱你恨你" งอยเหนยฮันเหนย รักเธอแค้นเธอ โอ....คนเราถ้าทั้งรักทั้งแค้นกันเยี่ยงนี้ จะออกเสียงกันแบบนี้เหรอ มันต้องมีอารมณ์ตัดพ้อ โกรธ แค้น และน้อยใจอยู่ในทีอย่างต้นฉบับเขาร้อง โอย.....มันทั้งรักทั้งแค้นจริง ๆ ลองฟังดูนะคะ


ไม่ได้ว่าน้า....ตัวเอง โอ๋ โอ๋ รักกันนะ รักกัน....แต่ช้าแต่

เพลงของตัวเขาเองก็ร้องได้ดีนะคะ


"หนี่เตอฟา เสี่ยงเย่กวง..........." ฟังบ่อยมาก ตอนนี้ชักเบื่อ ๆ กำลังฟังเพลง "ฮานะ" ของ ชินจิ ทานิมูระอยู่ เพลงเก่า ๆ นี่มันขลังจริง ๆ น้องเลยเคยฟังไหมคะ?(แหม รู้วัยกันหมดเลย)

ฮานะวะฮานะโย......แค่การออกเสียงคำว่าฮะนะ นี่พี่ฝึกมาอาทิตย์หนึ่งแล้วนะ ยังร้องคำว่า ฮะนะได้ไม่เหมือนซักกะที เล่าเรื่องอดีต เพื่อนพี่ให้ฟัง เขาได้ทุนมงบุโชไปเรียนที่ญี่ปุ่น (ตอนนี้จบด๊อกเตอร์แล้ว) สมัยนั้น เพื่อนเล่าให้ฟังว่า ไปเรียนอาทิตย์แรก อาจารย์ให้ออกเสียงคำว่า 私 watashi หนึ่งเดือนกว่าจะได้อย่างที่เซ็นเซต้องการ ลำบากไหม?ชีวิตคนเรา แต่ปล่อยเธอไปเถอะ ตอนนี้ด๊อกเตอร์เขายืนอุ้มลูกสาวเจียวไข่ไปฟังทีวีไป ก็ยังฟังออกว่าทีวีพูดว่าอะไรเล้ย.....

กลับมาที่เดิม คลิปสอง

โหย....เสียเบามากเลย เพลงนี้เป็นเพลงประกอบเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ของหวงเสี่ยวหมิงฉบับจีนกลางที่เจ๊ฟรานแกร้องนี่คะ ฟังสองรอบแล้วนะคะ ตอนดูก็ไม่ทันสนใจ เพราะว่า พบว่านักร้องเปลี่ยนตัวอักษรบางตัวค่ะ อย่างเช่น เพลงเส้าเหนียนเปาชิงเทียน คำว่า 同一天 ถงอี้เทียน วันเดียวกัน ซุนหนันร้องว่า ต้งอี้เทียน ฟังยังไงก็ต้งอี้เทียน(หรือเว่าหูเราจะไม่ดีกว่า แต่ร้องต้งอี้เทียนมันจะเพราะว่าถงอี้เทียนจริง ๆ ค่ะ

คำแรก ได้ยินร้องว่า ล่างเปิน ล่างเทา 浪奔 浪涛(浪奔 浪滔 ) เกลียวคลืนซัดสาด แต่เนื้อเขียนว่า 浪奔浪流 เข้าใจว่าเกิดความสับสนค่ะ ถ้าเป็นกวางตุ้งมัน หล่องปั้น หล่องเลา 浪奔浪流 อาจสับสน เป็นประการแรก หรืออาจเป็นเพราะว่าคนพิมพ์พิมพ์ผิดก็เป็นไปได้ค่ะ หรือไม่ก็เกิดการเปลี่ยนตัวอักษรในภายหลังซึ่งความหมายก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยค่ะ อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ

เพราะหลาย ๆ เพลงเปลี่ยนกันได้ และมีบางทีก็เขียนเนื้อผิดได้เหมือนกัน หรือเนื้ออาจถูกแต่ตอนหลังปรับเปลี่ยนก็ได้เหมือนกันอีก น้องเล็กร้องลองดูสิคะว่าอะไรเพราะกว่ากันในเวอร์ชั่นจีนกลาง


แต่พี่ขอฟังเสี่ยวหมิงร้องกวางตุ้งแปร่ง ๆ ให้พี่ดูแล้วอดยิ้มไม่ได้ ท่าจะดีกว่าค่ะ


วันนี้อารมณ์ดี มีเพื่อนคุยเรื่องหนัง อิ อิ





โดย: mamiya วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:22:28:01 น.  

 
พังเสี่ยวหมิงต่อ โอย ร่างเดิมที่เป็นจีนกลางออกเต็มเลยค่ะ น้องเล็กลองฟังดูอีกสิคะ มีคลิปเสี่ยวหมิงเอามาปันพี่ด้วยเด้อน้องเด้อ ขอบคุณสำหรับคลิปนี้


สงสัยจะดู"อั้นเซียง" ก่อนซะล่ะมั้งเรา


ไปแล้ว..... ไปอ่านนิยายต่อดีกว่า เดี๋ยวจะอัดเสี่ยวหมิงร้องเพลงกวางตุ้ง ไปนอนฟังไปยิ้มไปด้วยนะคะ

อ้อ มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกน้องเล็ก คือข้างบนเขาลิงค์มาว่าเรื่อง "เซียนเจี้ยน 3 " ออกวาย แต่พี่ว่าไม่น่านะ
ถ้าเรื่องนี้วาย อย่างนั้นถ้าได้ดู"อุ้ยเสี่ยวป้อ 2008" มีเตลิดไปไหนต่อไหนกันแล้วเนอะน้องเล็ก โดยเฉพาะฉากส่งผ้าเช็ดหน้าให้ซับน้ำตา โอย....รับบ่ได้เด้อ ไหนจะฉากอาบน้ำ ไม่เอาน่า อย่าคิดมาก เรื่องนี้เพื่อนพี่รับไม่ได้ ดูไปแค่สองตอนเองก้โกยแน่บเลิกดูไปเลย(สองตอนที่พระเอกโตแล้ว) แต่พี่ว่าสองคนยลตามช่อง พี่รับได้จ้า เสี่ยวหมิงเขาทุ่มออกจะตายไป เล่นทะเล้นดี พี่เห็นจากคลิปเบื้องหลังแล้ว บอกได้เลยว่าเหนื่อยสุด ๆ เรื่องนี้น่ะ


เอาล่ะค่ะ ไปจริง ๆ แล้ว เรื่องย่อไว้ค่อยมาต่อนะคะ


โดย: mamiya วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:22:41:28 น.  

 
คำถามสุดท้ายสำหรับวันนี้จริง ๆ

น้องเล็กคะ ในเรื่อง "เย่เยี่ยน"(The Banquet) หวงเสี่ยวหมิงในเรื่อง รักน้องสาวของตัวเองที่แสดงโดยโจวซวิ่นหรือเปล่าคะ? คาใจ พี่เคยถามไปหรือยังเนี่ย?

พอดีดูอีกรอบ แต่ยังดูไม่จบเลย พยายามหาคำตอบอยู่


โดย: mamiya วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:22:47:47 น.  

 
ถามไรนิดนึง คือ หลงขุยก็รู้แต่แรกแล้วใช่ไหมว่าตัวเองในอดีตเป็นใคร

แล้วทำไมเธอถึงยังอยู่ในกระบี่ล่ะ งง
คือ ประเด็นที่ทำไมหลงขุยถึงอยู่ในกระบี่เรารู้แล้วนะ

จริงๆแล้วหลงขุยเป็นวิญญาณหรือเป็นมนุษย์กันแน่นะ

ที่ถามเพราะตอนแรกดู ในเวบแล้วมันเหมือนหลงขุยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครน่ะ มันเป็นจีนน่ะเราดูภาพเอา


โดย: loveshishi IP: 124.122.206.42 วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:20:22:10 น.  

 
ถามอีกรอบ ตอนจาเปนหงขุย เหมือนคุมตัวเองไม่ได้เลยน่ะ

มันต้องเปลี่ยนร่างเวลาโกรธใช่ไหมแล้ว
เวลาไม่โกรธก็สามารถเปลี่ยนร่างได้ไหมล่ะ

แต่ดูๆไปก็มีบางตอนที่คุมตัวเองได้นะ
เห็นมีอยู่ตอนนึงเหมือนจาควบคุมการเปลี่ยนร่างได้แล้วด้วย


โดย: loveshishi IP: 124.122.206.42 วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:20:27:46 น.  

 
ตอบคำถามค่ะ
ถาม หลงขุยก็รู้แต่แรกแล้วใช่ไหมว่าตัวเองในอดีตเป็นใคร?

ตอบ รู้แต่แรกแล้วค่ะ


ถาม แล้วทำไมเธอถึงยังอยู่ในกระบี่ล่ะ งง

ตอบ ที่ยังอยู่ในกระบี่ก่อนออกมาเจอจิ่งเทียนน่ะรู้แล้วใช่ไหมคะ คืออย่างนี้ค่ะ ถ้าดูจนจบแล้ว อธิบายเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกก่อนเจอจิ่งเทียน อยู่ในกระบี่เพราะรอคอยที่จะได้เจอกับหลงหยาง แล้วมาเข้าใจผิดว่าเจิ่งเทียนเป็นหลงหยาง ต่อมาถึงทราบว่าจิ่งเทียนคือหลงหยางกลับชาติมาเกิด จากนั้นหลงขุยก็อยู่กับจิ่งเทียนตลอด แรก ๆ จะสังเกตได้ว่าหลงขุยถุกแดดไม่ได้ ต้องกางร่ม เพราะนางสิงอยู่ในกระบี่ถึงพันกว่าปี ช่วงที่ 2 เป็นตอนท้ายของเรื่อง หลงขุยก็ต้องกระโดดลงในเตาหลอมเพื่อช่วยจิ่งเทียนปราบเสียเจี้ยนเซียน ทั้งนี้เพราะอดึตพันปีก่อน นางได้กระโดดเตาหลอมเช่นกัน แต่ไม่อาจบรรลุจุดประสงค์ในการช่วยเหลือพี่ชายได้ ตายไปเพื่อสิงในกระบี่และรออย่างเดียว เมื่อพันปีก่อนต้องกระโดด พันปีให้หลังก็ต้องกระโดดอีก เป็นพรหมลิขิตของชีวิตนาง ตอนหลังที่กระโดด เป็นเหตุการณ์ที่วนกลับมาให้คนที่ไม่สมประสงค์ได้แก้ไขสิ่งที่ได้ผ่านไปแล้วค่ะ เมื่อกระโดดตอนหลังแล้ว นางก็สิงอยู่ในกระบี่ค่ะ จิ่งเทียนไปไหนมาไหนกับกระบี่และเรียกกระบี่ว่าน้องสาว จนถึงตอนจบหลงขุยก็ไม่ได้ออกมาค่ะ และคาดว่าออกมาไม่ได้ เดี๋ยวไปอ่านในเรื่องย่อที่จะเขียนต่อไป เป็นความแบบขยายค่ะ ประเด็นนี้เคลียร์ไหมคะ?

ถาม จริงๆแล้วหลงขุยเป็นวิญญาณหรือเป็นมนุษย์กันแน่นะ
ที่ถามเพราะตอนแรกดู ในเวบแล้วมันเหมือนหลงขุยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครน่ะ มันเป็นจีนน่ะเราดูภาพเอา

หลงขุยเป็นวิญญาณค่ะ ในตอนที่ตัวละครออกมา จะมีสถานะของตัวละครอยู่ข้างหลังด้วย หลงขุย เป็น 鬼หมายถึงผี ซึ่งก็หมายถึงวิญญาณนั่นเอง ในคำบรรยายภาษาจีน เขียนไว้ว่าวิญญาณของนางแหลกสลายและฝังรวมกับกระบี่เป็นอันหนึ่งอันเดียว(古国姜国公主,龙阳之妹。因国都被敌国围困,太子龙阳欲铸魔剑而解兵危,剑未铸成而城破。龙葵跃入铸剑炉自尽,魔剑因处女之血而天成……从此龙葵的魂魄和魔剑结为一体,成为流落人间的野鬼,并在千年的修炼过程中,性格分裂为两个。เอาภาษาจีนมาแปะไว้ด้วย กันตัวเองลืมเช่นกัน)ค่ะ

แรก ๆ เพิ่งออกจากกระบี่ นางรู้แล้วค่ะว่าตัวเองเป็นใคร นางเข้าไปกอดจิ่งเทียนเพราะคิดว่าเป็นหลงหยางพี่ชายของตนค่ะ





ถาม อีกรอบ ตอนจาเปนหงขุย เหมือนคุมตัวเองไม่ได้เลยน่ะมันต้องเปลี่ยนร่างเวลาโกรธใช่ไหมแล้วเวลาไม่โกรธก็สามารถเปลี่ยนร่างได้ไหมล่ะแต่ดูๆไปก็มีบางตอนที่คุมตัวเองได้นะ เห็นมีอยู่ตอนนึงเหมือนจาควบคุมการเปลี่ยนร่างได้แล้วด้วย

ตอนจะเป็นหงขุย หลงขุยควบคุมตัวเองไม่ได้ค่ะ แต่การจะกลายร่างต้องมีสาเหตุ คือเกิดเรื่องกับจิ่งเทียน แรก ๆ นางโกรธก็เปลียนร่างเป็นสีแดง เมื่อเป็นร่างแดงหรือหงขุยก็มีฤทธิ์มีฝีมือยิงธนูเพลิง แต่หลัง ๆ นางจะโกรธตอนจิ่งเทียนโดนทำร้ายค่ะ ถามว่าควบคุมตัวเองได้ไหม? จากที่ดูตามท้องเรื่อง การควบคุมตัวเองได้น้อยมากเกินกว่าที่จะเอ่ยว่าควบคุมได้ค่ะ นั่นก็หมายความว่าแท้จริงแล้วนางควบคุมไม่ได้นั่นเอง

ตอนอารมณ์ขึ้นก็จะออกฤทธิ์ทันที แต่บางตอนสีแดงก็จะลดลงเหมือนปรอท เพราะสาเหตุบางอย่างที่แตกต่างกันค่ะ เช่น กลัวจิ่งเทียนจะเห็น หรือ อีกตอน เป็นตอนที่หลงขุยอยู่ในเจดีย์ นางโดนมารในเจดีย์จับไป และใช้มนต์เสกให้นั่งนิ่งบนเก้าอี้ ตอนนั้นจิ่งเทียนถูกทำร้าย นางอยากช่วยแต่กลายร่างเป็นสีแดงไม่ได้เพราะว่าฤทธิ์นางสู้หัวหน้าปีศาจในเจดีย์ไม่ได้ ทำให้แม้จิ่งเทียนจะโดนทำร้ายจนเกือบตายแต่นางก็ช่วยพี่ชายไม่ได้เลย สรุปว่าสีแดงคือร่างที่มีฤทธิ์ สีฟ้าคือร่างธรรมดา นางควบคุมตัวเองไม่ได้ มันจะเป็นไปตามอารมณ์ความรู้สึกของหลงขุยค่ะ และตอนที่นางสู้แล้วฤทธิ์หมดก็จะกลายเป็นสีฟ้าคือหลงขุยเหมือนเดิมค่ะ




โดย: มามิยะ IP: 124.121.240.227 วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:20:54:26 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ คำตอบกระจ่างมากค่ะ

ตอนแรกคิดว่า หงขุยเป็นร่างปีศาจซึ่งเป็นคนละร่างกับหลงขุย
องค์หญิงนี่ก็รักพี่ชายซ้าเหลือเกินน่าสงสารเนาะ

เรื่องนี้เกอเกอน่าร้ากกมากเลยอะ

ด้านล่างนี่เป็นคลิปตอนเปลี่ยนร่างเป็นหงขุยค่ะ
//www.youtube.com/watch?v=_kCgf5YLsus


โดย: loveshishi IP: 124.122.206.42 วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:21:07:33 น.  

 
เน‚เธ”เธขเธชเนˆเธงเธ™เธ•เธฑเธงเธŠเธญเธš เธซเธขเธฒเธ‡เธกเธตเนˆ เธญเนˆเธฐเธ„เธฑเธš เธซเธ™เธฑเธ‡เน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡เธ™เธตเน‰เธœเธกเธญเธขเธฒเธเธ”เธนเธกเธฒเธ เนเธ™เธงเธญเธ เธดเธ™เธดเธซเธฒเธฃเนเธšเธšเธ™เธตเน‰เธŠเธญเธšเน† เธŠเนˆเธงเธขเธญเธฑเธžเน€เธ™เธทเน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡เธขเนˆเธญเธ•เนˆเธญเน„เธ›เธ—เธตเธ™เธฐเธ„เธฑเธš เธ„เธธเธ“เธกเธฒเธกเธดเธขเธฐ เธ‚เธญเธšเธ„เธธเธ“เธ„เธฑเธš


โดย: Cromozom IP: 58.11.42.92 วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:21:49:57 น.  

 
คุณ Cromozom ข้างบนอ่านไม่ออกเลยค่ะ มันกลายเป็นตัวยึกยือ ไม่รู้ว่าเฉพาะคอมพ์ฯ เราหรือเปล่า?


ส่วนคลิปข้างบน นั่นตอนเปิดตัวหลงขุยเลยนี่คะเนี่ย

แล้วคุณloveshishi ดูจบแล้วหรือยังคะ?

เอ่อ ความจริงเราไม่อยากเรียกหูเกอว่า เกอเกอ เลยหล่ะคะ เพราะมักจะทำให้นึกถึงเลสลี่จางเสมอ แต่ก่อนนี้แฟน ๆ ของเลสลี่เรียกเขาว่า เกอเกอค่ะ พอได้ยินทำให้คิดถึงอีกคนเสมอ เพื่อนเรามันตั้งคำถามว่า พี่ชาย เรียกเกอเกอ แล้วหูเกอ ชื่อ เกอ(บทเพลง) ทำไมไม่เรียก เกอ เกอ เกอ (พี่เพลง) เราเลยเขียนข้างบนว่า เกอ เกอ เกอ น่ะค่ะ (อยากประชดเพื่อน) บางทีเราก็เรียกหูเกอว่าหลานหูเกอค่ะ อิ อิ วัยชราแล้วน่ะค่ะ

อ้อ แล้วหูเกอเขาบอกว่าเรื่องนี้นับเป็นพัฒนาการของเขาเพราะว่า ตอนเข้าวงการเขายังเด็ก แต่บทของจิ่งเทียนในเรื่องนี้มันตลกมากมาย (เครียดแค่ 3 ตอนสุดท้าย) จึงเป็นการพัฒนาฝีมือเล่นบทตลกของเขาด้วย

เริ่มจับผิดหนังเมื่อดูรอบที่สอง เรื่องนี้ใช้บทสนทนาแบบภาษาสมัยใหม่ค่ะ เช่นมีอยู่ตอนหนึ่งที่จิ่งเทียนพูดตลกกับฉางชิง ฉางชิงบอกว่า จิ่งเทียนนี่น่ะมีอารมณ์ขัน โดยใช้คำว่า "ยิวม่อ"(幽默) หรือ humour ซึ่งแปลว่าอารมณ์ขัน แต่ว่า สมัยโบราณคำนี้มันไม่ได้ใช้ในเซ้นท์นี้หรอกค่ะ มันจะหมายความว่า เงียบสงบไร้เสียงสำเนียงใด ๆ หรือคำแปลที่ 2 มืดมนไร้แสงสว่าง จากบทพูดของตัวละครคำแปลมันสมัยใหม่ไปหน่อย เรื่องตัวเขียนในจดหมายอย่างที่บอกข้างบนก็เหมือนกัน จดหมายหลงหยางตัวเต็มผสมตัวย่อเฉยเลย

แต่ยังไงก็อภัยได้เนื่องจากความเป็นแฟนตาซีนั่นเอง

ไปก่อนนะคะ เมื่อคืนยังอ่านนิยายไม่สะใจเลย



โดย: มามิยะ IP: 124.121.240.227 วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:22:49:38 น.  

 
wallacey เเละ wallism เป็นคนละคนกันค่ะ
เเต่เป็นเเฟนคลับคนเดียวกัน ดูจากชื่อก็รู้ คุณมามิยะคงทราบเเล้ว อิอิ
wallism เป็นเพื่อนสนิทของเราเองค่ะ

เห็นคุณมามิยะพูดถึงวอลเลสเยอะเเยะเลย ดีใจมากมาย 55
ขอเเสดงความคิดเห็นเพิ่มเต็มนิดนึงเเล้วกันนะคะ

เรื่อง เทียนเซี่ยตี้อี มีชื่อภาษาไทยว่าสี่พยัคฆ์พิทักษ์มังกรค่ะ
เรื่องนี้เป็นหนังทุนสร้างของจีน ไต้หวันเเละฮ่องกง
เรื่องนี้ดังเเละวอลเลสมีเเฟนคลับจากเรื่องนี้เยอะเหมือนกันนะค่ะ
(เรื่องที่วอลเลสดังสุดๆคือเรื่องนี้กับฝันรักอ่าวโลมาค่ะ
เเต่เรื่องหลังเนี่ยจะเก่ากว่า
เรื่องนั้นจะเเสดงเป็นพระรอง เเบดบอยหน่อยๆเเต่เสียสละทุกอย่างเพื่อนางเอก)

ส่วนเรื่องที่เล่นกับซูฉีเนี่ย เรื่องนี้นางเอกต้องเด่นอยู่เเล้วค่ะ
เพราะตอนนั้นซูฉีไม่รับเล่นละคร เเต่ยอมมารับเล่นเรื่องนี้
บทก็เลยเด่นสุดๆ พวกผู้ชายเลยกลายเป็นตัวประกอบไป
แถมเรื่องนี้ซูฉีได้รับรางวัลด้วยนะคะ

เรื่อง ธารชีวิตลิขิตรัก ก็เป็นเรื่องที่สนุกดีค่ะ
เเต่ออกน้อยไปหน่อยอย่างที่คุณมามิยะว่าจริง เหอๆ
โดยส่วนตัวเเล้วเราอยากให้วอลเลสเล่นหนังเเบบเซียน 3มากกว่า
เพราะหลังๆมานี่วอลเลสชอบเล่นเเต่หนังชีวิตอ่ะคะ
เหมือนบอกว่าอยากพัฒนาฝีมือประมาณนั้น
บางทีดูเรื่องนี้เเล้วต่อด้วยอีกเรื่องก็เศร้า คนดูอย่างเราเลยเครียด 55

พูดถึงวอลเลสเยอะเเยะเลยหวังว่าคุณมามิยะจะยังไม่เบื่อน้า

ปล1.บางทีวอลเลสไปออกรายการเเล้วโทรมมากมาย
เพราะวอลเลสเป็นพวกไม่ค่อยชอบเเต่งหน้าอ่ะคะ เคยอ่านเจอ
ปล2.คุณมามิยะได้เข้าไปดูในบอร์ดรึยังคะ
ในนั้นมีรูปเรื่องนี้ที่เพื่อนๆช่วยกันโพสต์เยอะเเยะเลย
คุณมามิยะเอามาประกอบบลอกนี้ก็ได้นะคะ เต็มที่ๆ
ปล3.มีหนังเรื่องใหม่ของวอลเลสเอามาให้ดูตัวอย่างค่ะ
น่าจะเป็นหนังชีวิตย้อนยุคเเบบที่คุณมามิยะชอบ
เวอร์ชั่นเก่าที่ฉายในไทยชื่อว่าเเรงรักเเรงอาฆาตค่ะ
อันนี้ลิ้งค์นะคะ
พาร์ทเเรก
>>> //www.youtube.com/watch?v=HsJ_oYBXito...re=channel_page
พาร์ที่สอง
>>> //www.youtube.com/watch?v=2KyjX8nBR-Y...re=channel_page
ปล4.ถ้าธารชีวิตลิขิตรักวอลเลสออกน้อยไป
อยากให้ดูเรื่องที่เเนะนําไปเมื่อคราวที่เเล้วอ่ะคะ
เรื่องนั้นเป็นตัวเดินเรื่อง ออก80เปอร์เซนต์(แอบโฆษณา 55)



โดย: wallacey วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:20:14:19 น.  

 
อ้าว แป่ว....คนละคนหรอกหรือคะ นึกว่าคน ๆ เดียวกันเสียอีก

屋顶上的绿宝石 ........เอ่อ ต้องขอเพื่อนมาดูเพราะหนังในสต็อคของเราส่วนใหญ่เป็นหนังโบราณ ย้อนยุค ไม่รู้เพื่อนจะมีหรือเปล่านะคะ


แหม จังหวะนี้ก็ต้องพูดถึงฉางชิงของอ่ะฮั้นสิคะคุ้ณ(โมเม มาเป็นของตัวเองเฉยเลย) เพราะเท่ห์สุด ๆ กระชากใจไปเลย เอาล่ะ มาพูดถึงฉางชิงกันดีกว่า

ฉางชิง ศิษย์สำนักสู่ซันมีหน้าที่รวบรวมข่าวสาร เป็นหน่วยข่าวกรองว่างั้นเถอะ ในเรื่อง รุ่นฉาง(สำนักเขาจะตั้งชื่อตัวหน้าเหมือนกัน ถือว่าเป็นรุ่นเดียวกัน)อยู่ 3 คน (เท่าที่ออกในเรื่อง ) คือ ฉางชิง(长卿) ฉางอิ้น(长胤) และฉางไหว(长怀 ตามหลักการมันถอดเสียงแบบนี้ แต่จริง ๆ ออกเสียง หะ-หวาย ติด ๆ กัน เขียนว่า changhuai)

เปิดตัวเลยคือฉางชิงจะเข้ามาช่วยจิ่งเทียนกับเสวี่ยเจี้ยนที่ถูกผีดิบรุมล้อม แล้วมีของวิเศษมากมาย หน้าที่คือช่วยเพื่อนมนุษย์ ฉางชิงจะใส ๆ อาจารย์สั่งให้ทำอะไรก็ทำ รักพี่น้องมาก รักสำนักมากกว่า รักอาจารย์เป็นที่สุด

ใครเห็นใครก็รัก ขนาดปู่ของเสวี่ยเจี้ยนยังอยากให้ฉางชิงแต่งงานกับเสวี่ยเจี้ยนเลย เพราะดูเป็นผู้ชายที่สุภาพ เรียบร้อย ความรู้ดี นิสัยดี อบอุ่น พึ่งพาได้ มีความคิด มีอนาคต ดูดีไปหมด ชายในฝันแท้ ๆ แต่ฉางชิงมีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวคือทำงานให้เสร็จตามที่อาจารย์สั่ง และปราบมารที่ออกทำร้ายมนุษย์

เมื่อถูกเสวี่ยเจี้ยนขอแต่งงาน ฉางชิงก็รู้ว่าเสวี่ยเจี้ยนไม่ได้รักเขาหรอก แต่ว่าทำตามความต้องการของท่านปู่ นอกจากนี้ฉางชิงยังรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า เนื้อคู่ของเสวี่ยเจี้ยนก็คือจิ่งเทียน เขาปฎิเสธเสวี่ยเจี้ยน และบอกเป็นนัยว่าเนื้อคู่ของนางอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล และที่สำคัญเขาเป็นนักบบวช จะแต่งงานไม่ได้ (ตรงนี้ทำให้รู้ว่าฉางชิงน่าจะเป็นนักบวชนิกายฉวนเจิน เพราะนักพรตมีสองลัทธิ อีกลัทธิหนึ่งนั้นแต่งงานได้ ไม่แน่ใจชื่อนิกาย ไม่เขียนดีกว่า แต่เรื่องเวลาว่านิกายไหนจะเกิดตอนไหน ก็ไม่ต้องสนใจเพราะเรื่องนี้มันย้อนเวลาทะลุมิติได้)

กลับไปเขาสู่ซันฉางชิงก็ยังติดต่อกับจิ่งเทียนทางมือถือ เอ้ย กระจกสื่อสารอยู่ เพื่อคอยช่วยเหลือทั้งสองปราบผีดิบ การผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยกันทำให้ฉางชิงกับจิ่งเทียนเป็นเพื่อนกัน จิ่งเทียนนิสัยตลกไม่ค่อยจริงจังกับเรื่องอะไรเท่าไหร่ แต่ภายในแล้วเขาเป็นคนจริงจังมากกว่าใคร ๆ ฉางชิงได้รับคำสั่งอาจารย์ให้ไปนำตัวจิ่งเทียนมาที่สู่ซัน

เมื่อไปถึงเขาพบว่าจิ่งเทียนได้รับการคุกคามจากฉงโหลว เขาช่วยจิ่งเทียนสุดชีวิต จนแทบเอาชีวิตไม่รอด ช่วยจนจิ่งเทียนเองยังบอกให้หยุด แต่ฉางชิงไม่ยอมแพ้ฉงโหลว แม้จะต้องเอาชีวิตไปทิ้งก็ตาม ฉางชิงเจ็บหนัก จิ่งเทียนหลอกล่อฉงโหลวจนฉงโหลวยอมปล่อยทั้งสองไป

จิ่งเทียนแบกฉางชิงกลับสู่ซัน ตอนนี้เอง นิสัยรักสำนัก รักพวกพ้องของฉางชิงก็ปรากฎชัดเจน แม้ฉางชิงจะเก่งปานใด แต่เขาเป็นเพียงมนุษย์ไม่มีทางจะสู้จอมมารอย่างฉงโหลวได้

หากไม่ได้จิ่งเทียน เขาก็รอดยาก เมื่อไปถึงสำนักสู่ซันจะเห็นได้ว่า ฉางชิงน่าจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่นิสัยดีมาก เพราะน้อง ๆ ร่วมสำนักรักเขากันทั้งนั้น พอลงหายตัวลงจากเขาไปทำงานตามคำสั่งอาจารย์ น้อง ๆ ก็จะถามหา ศิษย์พี่ใหญ่ เมื่อรู้ว่ากลับมาก็จะกรูกันเข้ามาทักทาย ถามสารทุกข์สุกดิบ ฉางชิงกลับมาบาดเจ็บแทบตาย น้อง ๆ แบกฉางชิงเข้าสำนัก ทิ้งจิ่งเทียนที่เหนื่อยหอบเอาไว้ตรงบันไดซะอย่างนั้น

กว่าฉางชิงจะหาย ก็ได้รับการรักษาและถ้ายทอดพลังจากอาจารย์ทั้งหลาย เขาเองก็มีน้ำใจไม่น้อยที่พอทราบว่าจิ่งเทียนถูกนำตัวไปที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่รุ้ว่าจะโดนทำอะไร ฉางชิงก็รีบลุกจากเตียงไปช่วยจิ่งเทียนทันที การไปช่วยครั้งนี้ทำให้เขารู้ว่าเขาและจิ่งเทียนมีภารกิจบางอย่าง ทั้งสองต้องทำภารกิจนี้ให้ลุล่วง ก่อนไปอาจารย์ทั้งหลายได้ช่วยกรุยจุด เพื่อให้ฉางชิงสามารถลงเขาไปกับจิ่งเทียนและฝ่าอันตรายต่าง ๆ ได้

ฉางชิงไม่ใช่คนขี้น้อยใจและคิดเล็กคิดน้อย แม้เขาจะเป็นลูกน้องจิ่งเทียน ตามคำขอของจิ่งเทียนเพราะเกรงว่าไม่เก่งเท่าแล้วจะถูกข่ม แต่เขาก็ไม่ได้โวยวาย ซ้ำยังยอมรับสถานะแต่โดยดี เขาช่วยจิ่งเทียนได้มากทีเดียว ทั้งสองกลายมาเป็นเพื่อนรักกัน จิ่งเทียนเรียกเขาว่าไป๋โต้วฟู่ แปลว่า เต้าหู้ขาว จิ่งเทียนบอกว่า ฉางชิงสวมชุดนักพรตสีขาว ผิวก็ขาว หน้าก็ขาว ดูท่าท่านุ่มนวลนุ่มนิ่ม เลยเรียกเขาว่า "ไป๋โต้วฟู่"(白豆腐)

วิบากกรรมของฉางชิงมันก็เกิดมาแต่ชาติปางก่อนนั่นแหละ ถ้าไม่มีชาติปางก่อน ฉางชิงก็คือฉางชิงที่กล่าวไปด้านบน แต่เพราะเขามีชาติก่อน จึงเกิดความซับซ้อนขึ้น

เมื่อจื่อเซวียนได้มาเจอเขา และช่วยเหลือเขาให้พ้นจากฉงโหลว ก็ฉางชิงดั๊นไปปราบมารในเขตของฉงโหลว ลูกมารเล็กมารน้อย พ่อเล่นจับเก็บใส่น้ำเต้าหมดเลย ในเมื่อมาหยามกันถึงบ้าน ฉงโหลวก็ต้องออกมาจัดการเสียแล้ว

มีรึ...ที่ฉางชิงจะสู้ฉงโหลวได้ ฉางชิงจึงเกือบตายถ้าไม่ได้จื่อเซวียนมาช่วย ตอนที่เขานอนตักจื่อเซวียน เขาตะคอกถามและพูดประหลาด ๆ ว่า "บอกมานะว่าเจ้ามีใครอื่นอีก?" นั่นแหละ ฉางชิงในชาติก่อนหล่ะ มันฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา

กู้หลิวฟัง นักบวชระดับประเทศที่มีชะตาต้องบวชเป็นนักพรต แต่ได้เจอกับจื่อเซวียนสาวสวยอายุ 16 ที่ติดตามพัวพันเขา และบอกเขาตามตรงว่านางอยากแต่งงานด้วย กู้หลิวฟังให้นางรอ 3 ปี แต่ชะตาเล่นตลก อาจารย์ของเขาโกหกเขาว่าสาวสวยที่เคยเจอต่างเมืองตายไปแล้ว กู้หลิวฟังที่มีทีท่าว่าจะโดนปัญหาหัวใจรบเร้าพัวพันจนต้องสึก ก็ต้องกลับไปสู่เพศนักบวชตามที่เหล่าอาจารย์ต้องการ แต่ชะตาอีกนั่นแหละที่ทำให้กู้หลิวฟังได้เจอกับจื่อเซวียนอีกครั้ง คราวนี้ทั้งสองตายบูชารัก แต่จื่อเซวียนมีชีวิตอำมตะ นางไม่ตาย หลังจากกระโดดหน้าผาพร้อมกัน จื่อเซวียนจึงรอเขามาตลอด


100 ปีต่อมา

หลินเย่ผิง ก็เป็นนักบวชอีก ชาติที่แล้ว กู้หลิวฟังไม่สามารถสำเร็จเป็นเซียน มาชาติที่ 2 ก็เป็นนักพรตอีก ชื่อว่า หลินเย่ผิง หลินเย่ผิงมีตำแหน่งใหญ่โต เป็นอาจารย์สอนคนอื่น แต่เมื่อมาเจอกับสาวชาวแม้วที่ทรงเสน่ห์อย่างจื่อเซวียน ใจที่เคยสงบกลับมีคลื่นรบกวนรุนแรง เขามักคิดถึงสาวแม้วผู้นั้น และในที่สุดทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน โดยไม่แคร์สายตาของใคร ๆ ทั้งสิ้น แม้หลินเย่ผิงจะเป็นนักบวช แต่เขาขี้สงสัย


เขารู้จักจื่อเซวียนและได้รับรู้ว่านางป็นหญิงเจ้าชู้ ชอบล่อลวงหนุ่ม ๆ มาที่ร้านเหล้าของตัวเอง ความจริงจื่อเซวียนทำไปเพื่อให้ได้พบกับเขาเท่านั้นเอง แต่หลินเย่ผิงคิดว่าจื่อเซวียนมีชายอื่น เขามักระเบิดอารมณ์ตอนไม่พอใจเสมอ


เมื่อเมียหนีไป เขาตามไปจนถึงหนันเจ้ากั๋ว แต่พบว่านางกำลังอยู่ในอันตราย หลินเย่ผิงเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเมียรัก แต่ทว่าสิ่งที่เขาสงสัยที่สุดก่อนตาย เขายังไม่ได้ทราบเลย เขาถามว่า "บอกมาในใจเจ้ายังมีใครอื่นอีก?"

sad movie หลินเย่ผิงก็มีเหตุผลน่าสงสัยเมียอยู่ เชื่อเถอะ รักมากก็ระแวงแบบนี้แหละ เหตุที่เย่ผิงระแวงก็ควรอยู่เพราะชาติสองก่อนเจอกัน แม่จื่อเซวียนนี่สวิงสวายเหลือเกิน เที่ยวล่อหนุ่ม ๆ ให้มากินเหล้าที่ร้าน เนื่องจากเย่ผิงเป็นนักบวชที่มีอิทธิพลในใจชาวบ้าน พอเกิดเรื่อง ชาวบ้านเลยต้องไปเชิญมาช่วยปราบแม่สาวแม้ว

การต่าง ๆ ที่จื่อเซวียนทำนั้นหลินเย่ผิงไม่รู้เลยว่านางตามมาตั้งแต่ชาติก่อน หลินเย่ผิงไม่รู้เลยว่ นางมาเพื่อหาเขา นางสร้างเรื่องเพื่อให้เขาเข้ามาพัวพัน จื่อเซวียนเอ๋ย ถ้าอธิบายแต่แรก ก็หมดเรื่องไปแล้ว

ก็เพราะไม่ได้อธิบายไง เลยมีฉางชิง แต่นแต้น ...............

ดังนั้น จึงต้องมาอธิบายกันชาติที่ 3

ฉางชิง กลับมาที่ฉางชิง เมื่อได้รู้จักกับจื่อเซวียนแล้ว เขาเริ่มรู้สึกแปลก ๆ แต่เขาปฎิเสธความรู้สึกนั้น เพราะเขาเป็นนักพรตนี่นา จะแต่งงานกับผู้หญิงได้อย่างไร? อุ๊บ๊ะ ผิดธรรมเนียมอย่างแรง

ตอนกินเหล้าครั้งแรก เพราะบังเอิญ ครั้งต่อ ๆ มาชักรู้สึกว่ามันช่วยดับทุกข์ได้ ฉางชิงรู้ตัวว่าไม่ควรดื่มเหล้า แต่จิ่งเทียนมาหลอกว่าเป็นน้ำชา เพื่อจะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้ว ฉางชิงรักจื่อเซวียนหรือเปล่า พอเหล้าเข้าปาก ฉางชิงก็ร้องเสียงดังว่า "ข้ารักจื่อเซวียน" 我爱紫萱 ซ้ำแล้วซ้ำเล่า (อิ อิ)


จากภารกิจต่าง ๆ เราคิดว่าฉางชิงตัดสินใจได้ดีกว่าหลินเย่ผิงและกู้หลิวฟัง มีสติดีกว่าทั้งสองชาติที่ผ่านมา การบำเพ็ญเพียรทำให้เขาใจเย็น การได้รับทุกข์ทรมานทำให้เขามองเห็นวัฎสงสาร จริง ๆ แล้ว ต้องยกประโยชน์ให้กับเสียเจี้ยนเซียน ที่เสกภาพเวียนว่ายตายเกิดให้ฉางชิงได้เห็น จนบรรลุถึงสัจจธรรมข้อมนี้

เราคิดว่าฉางชิงในชาติสุดท้ายนี้ควรจบความรักความผูกพันกับจื่อเซวียนเสียที เพราะไม่อย่างนั้น จะเวียนว่ายตายเกิดไม่สิ้นสุด

ฉางชิงก็มีหน้าที่มีหน้าที่สำเร็จเป็นเซียนเพื่อโปรดสัตว์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ หากเขาลาออกจากเพศนักบวชไปแต่งงานกับจื่อเซวียนก็จะไม่จบอีกนั่นแหละ

จื่อเซวียนก็เช่นกัน หน้าที่ของนางคือให้กำเนิดทายาท ในเมื่อนางมีชิงเอ๋อร์แล้ว ก็ควรจะแก่และตายไปตามครรลองของนาง ไม่ต้องมาฝืนไว้เพื่อให้ได้เจอกับฉางชิงชาติแล้วชาติเล่าแบบนี้


การก่อร่างสร้างครอบครัวเป็นหน้าที่ของมนุษย์ แต่ไม่ใช่หน้าที่ของมนุษย์ผู้มีภาระอย่างฉางชิง คิดดูหากฉางชิงแต่งงานกับจื่อเซวียน อยู่ด้วยกัน เลี้ยงชิงเอ๋อร์จนโต ตามท้องเรื่องแล้วก็ไม่ได้อยู่ดีเพราะหากชิงเอ๋อร์โต จื่อเซวียนก็ต้องแก่ ทั้งสองแก่ไปด้วยกัน แล้วก็ตาย มันธรรมดาเกินไป นั่นไม่ใช่วิถีของมนุษย์ผู้ได้รับการเลือกให้มีหน้าที่ต่อสรรพสัตว์

ฉางชิงต้องพบกับความทรมานทางกาย ทรมานทางใจ การตัดสินใจ การเสียสละกว่าจะได้มาเป็นฉางชิงเจ้าสำนักสู่ซันในที่สุด สิ่งที่ยากทั้งหลาย เช่นการตัดรัก ยอมเสียสละลูก หรือแม้แต่ชีวิตตัวเองเพื่อผู้อื่น ฉางชิงล้วนแต่ต้องผ่านมันไปให้ได้ เมื่อผ่านไปได้ เขาจะได้ความจริงของชีวิตอีกระดับหนึ่ง ซึ่งจากนั้นเขาจะสามารถสอนผู้อื่นได้ โปรดสัตว์ได้

คนอย่างฉางชิงอยู่เพื่อผู้อื่น อยู่เพื่อเพื่อนมนุษย์ เขาต้องตัด และวิถีทางนี้เป็นวิถีทางที่ดีที่สุดแล้ว สำหรับทั้งฉางชิงและจื่อเซวียน


ข้อไม่ดีของฉางชิงก็มี รู้ว่าเหล้าไม่ควรดื่ม ก็ยังไปดื่ม คิดว่าตัวเองไม่มีความโกรธ แต่ก็ยังมีความโกรธอยู่ เช่นตอนที่เขารู้ว่าจิ่งเทียนรู้มาก่อนว่าอาจารย์ทั้ง 5 ต้องตายหากภารกิจสำเร็จ ทำให้เขาโกรธมาก เพราะจุดอ่อนของเขาคือรักสำนักและอาจารย์มากเกินไป เลยถูกเสียเจี้ยนเซียนพูดจาหลอกล่อจนพลังโทสะช่วยให้เสียเจี้ยนเซียนเป็นรูปเป็นร่าง และมีพลังขึ้นมาจนเป็นมหัตภัยต่อมวลมนุษย์

ฉางชิงคิดว่าตัวเองไม่ริษยาหึงหวง แต่เมื่อเขาพบภาพที่จื่อเซวียนอยู่กับฉงโหลว เขาก็ทนไม่ได้และคิดว่าถูกทรยศ ตอนที่อารมณ์มนุษย์เปราะบางที่สุด แม้แต่คนที่มีเหตุผลที่สุดยังกระทำพลาดได้ ฉางชิง พลาดแล้ว เขาโกรธ ริษยา และดื้อรั้น แต่เนื่องจากสันดานเดิมอันเป็นคนดีของเขา จึงค่อย ๆ คิดได้เรื่อย ๆ และสุดท้ายผ่านด่านอารมณ์ต่าง ๆ ไปได้ในที่สุด

มนุษย์ผู้ใด ไม่มีทุกข์ เนื่องเพราะมนุษย์มีทุกข์ จึงต้องมีคนช่วยดับทุกข์

นับว่าเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ตัวหนึ่งในเรื่องนี้เลยทีเดียว

ชอบเป็นการส่วนตัว เดี๋ยวไปดูอีก แต่ตอนหลัง ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับตอนแรก ๆ ที่ออกมาใส ๆ แล้ว เราชอบตอนแรกมากกว่า เอาแต่ปราบมารอย่างเดียว น่าร้ากซะขนาดนั้น มุ่งมั่นจริงจัง ชอบ ชอบ


ยาว ไป หน่อย เนอะ


โดย: mamiya วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:22:27:17 น.  

 
มาอ่าน บล๊อคนี้ตามลิงค์ บ้านข้าวโพดค่า เขียนละเอียดดีจังเลยค่ะ นานๆจะเห็นบล๊อคแบบนี้อ่ะ ชอบจังเลยค่า
เราก้อดูเรื่องนี้จบแล้ว แล้วก้อรู้สึกคาใจเหมือนกันเลย ทำไมหนังจีนชอบจบแบบนี้ก้อไม่รู้เนอะ หลายเรื่องแล้วนะเนี่ย เริ่มเรื่องมาดีๆ จบแบบคาๆตลอด แต่ถึงยังไง เรื่องนี้ก้อสนุกดีค่า บ้าไปแล้วเหมือนกัน ตอนนี้อยากหาหนังสือมาอ่านเลยอ่ะ ว่าเหมือนกันมั้ย เราะเราเห็นเซียน 1 ก้อมีหนังสืออ่ะ ไม่รู้ว่า เซียน3จะมีป่าว ถ้ามีข้อมูลช่วยบอกด้วยนะคะ ---ชอบ จิ่งเทียน กับเสวี่ยเจี้ยนมากเลย คู่นี้เค้าน่ารักดีอ่ะ เราจะเข้ามาติดตามบล๊อคนี้บ่อยนะคะ ....


โดย: jilly IP: 125.25.103.110 วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:16:33:15 น.  

 
//www.youtube.com/watch?v=wB8v3ZBoO80&feature=related

ตอนนี้ชอบเพลงนี้มากๆ ฟังแล้วอินสุดๆ
ตามอ่านค่ะ
เหมือนดูเองเลย
รู้สึกว่า ฮั่วน้อย(ฮั่วเจี้ยนหัว) น่ารักดี
แต่ชอบถังเอียน สวยมากๆๆ ให้ความรู้สึกว่าเทพธิดาจริงๆ


โดย: หลิงเอ๋อร์ IP: 202.12.97.100 วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:20:35:09 น.  

 
คิดว่า เสน่ห์ของเรื่องนี้ คือ ตัวละครมีมิติ มีข้อดีข้อเสีย
ตัวร้ายมีส่วนดี ตัวดีมีส่วนร้าย

เท่าที่อ่านนะคะ

ดูเหมือนฉางชิงจะเป็นผู้ใหญ่ แต่ที่จริง เขายังมีความอ่อนแอในใจ คือความกลัว กลัวที่จะเสียทุกอย่างไป กลัวจะเสียอาจารย์ กลัวจะเสียภรรยา
เขาจึงแสดงความโกรธออกมาแทน

เขาโกรธภรรยา เกรงว่าจะทิ้งเขาไป
เขาโกรธเพื่อน ที่จะทำให้เขาเสียอาจารย์ที่เปรียบเสมือนที่พึ่งไป




โดย: หลิงเอ๋อร์ IP: 202.12.97.100 วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:20:46:29 น.  

 
น้องเล็กคะ ในเรื่อง "เย่เยี่ยน"(The Banquet) หวงเสี่ยวหมิงในเรื่อง
รักน้องสาวของตัวเองที่แสดงโดยโจวซวิ่นหรือเปล่าคะ?

ผมดูแล้วผมก็รู้สึกว่าเค้ารักน้องสาวตัวเองนะครับเหมือนเป็น incest นะในความรู้สึกผม
สงสัยเป็นเพราะบทในเรื่องนี้น้อยมาก แทบจะไม่มีใครจำได้เลยว่าเสี่ยวหมิงเล่นเรื่องนี้
แต่ผมว่า เรื่องนี้เสี่ยวหมิงเท่ห์มาก สะดุดตายิ่งกว่าพระเอก Daniel Wu ซะอีกครับ


ขอบคุณสำหรับคำตอบเรื่องเพลงนะครับ
คลิปเสี่ยวหมิงอันนี้ เจอโดยบังเอิญครับ อย่างที่บอก ตอนฟังก็ลุ้นไปกับเสี่ยวหมิง
ผมว่าเค้าก็ดูประหม่านิดๆนะ คงเป็นเพราะต้องร้องภาษาที่ตัวเองไม่คุ้น
แต่ปรากฏว่า ดูแล้วกลายเป็นน่ารักไป อย่างว่านะครับ คนมันน่ารักนิ ถูกใจพี่มามิเล๊ย 555

พอดีคอมฯเดี๊ยงไป ตั้งแต่วันพุธ เลยเพิ่งมาตามอ่านอีกรอบ
เดี่ยวขอเก็บตกรายละเอียดอีกรอบก่อนนะครับแล้วค่อยมาคุยด้วยใหม่
นี่อ่านผ่านๆแว๊ปเดียว เองครับ

ปล.ที่คุณ Cromozom โพส น้องเล็ก็เห็นเป็นตัวยึกยึอเหมือนกันนะครับ
อ่านไม่ออกเหมือนกันอะ


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.165.142 วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:12:47:50 น.  

 
เมื่อเช้าพิมพ์ไปแล้ว
ตอนเย็นเพิ่งนึกได้ว่าจะเล่าให้พี่มามิฟังอีกเรื่อง

เมื่อเสาร์ที่แล้ว 8 สิงหาฯ น้องเล็กไปดูหนังที่ลิโด รอบ 6 โมงครึ่ง
หนังเลิกก็เกือบๆสองทุ่ม ก็เดินข้ามมาที่พารากอน
ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเค้าจัดงาน แค่จะไปเดินดูของนิดหน่อยก่อนกลับ
ปรากฏว่าลานตรงข้างๆพารากอนเค้าจัดงานโปรโมทการท่องเที่ยวไต้หวัน ( ถ้าน้องเล็กอ่านป้ายไม่ผิดนะครับ )
ก็เลยเดินเข้าไปดู ปรากฏว่า มีดารามาโปรโมทงานด้วย ให้พี่มามิลองทายดูว่าเป็นใครครับ อิ อิ
.
.
.
.
.
.
.
.
ปิ๊งป่อง ถ้าน้องเล็กดูไม่่ผิด น่าจะเป็น Peter Ho นะครับ คือเค้าไม่ได้บอกชื่อ
เพราะงานมันจะเลิกแล้ว เค้าให้พวกแฟนคลับขึ้นไปถ่ายรูปได้
น้องเล็กคิดว่าจำไม่ผิดนะครับ ตัวจริงดูหน้าเด็กมาก ( อิจฉาสุดฤทธิ์ อ่อนกว่าเราปีเดียวเอง
แอบเซ็งงงงง ) มากับดาราหนุ่มอีกคนนึง ไม่แน่ใจว่าเป็นลูกบุญธรรมเค้าหรือเปล่า หน้าคมๆหน่อย เสียดาย ถ้ารู้ก่อนจะรีบออกมาดูดารา เสียดายคนน้อยด้วย สงสัยคนไทยไม่ค่อยรู้จักเค้าเท่าไหร่


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก(อีกรอบ) IP: 61.90.98.227 วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:21:46:58 น.  

 
น้องเล็กจ๋า น้องเล็กตกข่าวจ้า พี่รู้ตั้งอาทิตย์หนึ่งก่อนมาแล้ว หยางสี่ปีเตอร์ ว่าจะไปดูเสียหน่อย แต่ว่าดันรู้สึกปวดหัว เมื่อยเนื้อตัว เลยต้องไปโรงเรียนแล้วกลับบ้านทันที ต้องเก็บร่างกายไปสู้กับโรคเลยระมัดระวังมากหน่อย ขอแข็งแรงไว้ก่อน

จริง ๆ ตอนที่ดูเอี้ยก้วยก็ไม่ได้ชอบเสี่ยวหมิงหรอกนะ ออกมาไม่ได้เลย ไม่ดู เอาแต่forwardไปข้างหน้าอย่างเดียว ดูหยางมี่ซะยังดีกว่า แต่พอได้ดูอุ้ยเสี่ยวป้อ ถึงได้ติดใจ แล้วย้อนกลับมาดูเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้

สองวันนี้ยุ่งมากเลยไม่ได้เขียนเรื่องย่อ ทั้งเสาร์-อาทิตย์คิวเต็ม ตะลอน ๆ อยู่ข้างนอกทั้งวัน เพิ่งกลับมาก็เปิดคอมพ์ปุ๊บเลยล่ะค่ะ

พี่ฟงเป็นอย่างไรบ้างคะ? สบายดีหรือเปล่า ฝากความคิดถึงด้วยค่ะ




ลืมขอบคุณน้องหลิงเอ๋อร์ สำหรับคำปรึกษาก่อนไปจีน พี่ทำตามน้องหลิงเอ๋อร์ว่าทุกอย่าง ล้างมือมันเข้าไป ไม่ขยี้ตา หรือเอามือสกปรกมาหยิบอาหารกิน ก่อนไปก็ถามอาจารย์เหมือนกันว่าจะเป็นอะไรไหม อาจารย์บอกว่า สบายไปได้เลย ไม่มีปัญหา เลยสบายใจหน่อย ก่อนไปเตรียมหยูกยาไปเต็มพิกัด ขอบคุณสำหรับคำปรึกษานะคะ
เสียแต่มีอยู่วันหนึ่งที่รีบไปซื้อหนังสือมากไปหน่อย เกือบโดนรถเฉี่ยวแหน่ะ โชคดีจริง ๆ คิดไปแล้วเสียวมาก ๆ เลยทีเดียว

คิดถึงค่ะ



โดย: mamiya วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:22:20:47 น.  

 
โอ๊ยยยย....ตกข่าวอย่างแรง แต่ถือว่าสายตายังดีอยู่
ดูไม่พลาดว่าเป็นปีเตอร์ เสียดายเหมือนกันแหะ รู้งี้ไปนั่งติดขอบเวทีดูปีเตอร์แทนดีกว่า
คนไม่ค่อยเยอะด้วยนะพี่มามิ ปกติเจ้าลานตรงนี้เวลาจัดกิจกรรม คนจะเยอะมากกกเลย พลาดแล้วๆ

พี่ฟงสบายดีครับ บอกพี่ฟงไว้ว่าไว้อาทิตย์ไหนว่าง
จะชวนพี่ฟงกับพี่มามิไปทานบุฟเฟ่ต์ 99 บาทที่ส่งเมล์ไปให้พี่มามิดูอะคับ
ช่วงนี้โรคภัยหมุนเวียนกันมาบั่นทอนสุขภาพเหลือเกิน ระวังรักษาสุขภาพด้วยนะครับ
เมื่อวานชวนเล่าฮูหยิน พี่ฟงกับตั่วเจ๊และซาเจ๊ไปเดินเล่นที่สวนสิริกิตย์ตรงหลังสวนจตุจักรอะคับ
เค้าจะมีจัดงานโชว์กล้วยไม้ด้วยนะครับ วันที่ 11-16 สิงหาฯนี้ ว่างๆพี่มามิลองแวะไปดูซิคับ


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.163.30 วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:8:32:14 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่เซี่ยวหงส์
นี่ได้ไปถ่ายรูปขอลายเซ็นต์ด้ใยไหมคะเนี่ย
ฝากความคิดถึงถึงพี่ฟงด้วยนะคะ

พี่มามิคะ ตอนนี้ไข้หวัดใหญ่เรียกได้ว่าระบาดทั่วไทยแล้ว ยังไงก็ต้องคอยดูแลสุขภาพตนเองให้ดีๆนะคะ น้องหมอที่นี่ป่วยไปแล้วหลายคนเลยค่ะ ดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร


โดย: หลิงเอ๋อร์ IP: 202.12.97.100 วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:14:32:23 น.  

 
ดีจ้า น้องเล็ก หลิงเอ๋อร์

บุปเฟ่ต์ 99 บาทมันมื้อกลางวันกินได้ 1 ชั่วโมงเองนะน้องเล็ก อารมณ์อันสุนทรีย์อย่างพวกเราจะหม่ำกันทันหรือเปล่าจ๊ะ?


หลิงเอ๋อร์ก็ระวังสุขภาพด้วยเช่นกันนะ มีคนแนะนำให้พี่กิน Echinacea Forte 3000 ของ Blackmores ไม่รู้มันเวิร์คหรือเปล่า ตอนนี้เลยกินกันทั้งบ้าน ที่ร้านขายยาแถวบ้านมันก็ไม่มีต้องเข้าเมืองไปหาตามร้านขายยาใหญ่ ๆ กินบ้างลืมบ้าง แต่ถ้ากินได้ทุกวันก็จะเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคหวัดได้ เห็นเขาว่าอย่างงั้น ต้องถามหลิงเอ๋อร์ว่าความจริงเป็นอย่างไร?

เพิ่งกลับมาจากข้างนอก เฮ้อ วันหยุดหมดไปแย้ว......


โดย: มามิยะ IP: 124.120.79.199 วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:19:31:21 น.  

 
ถ้าได้ผลจริง ป่านนี้ที่สหรัฐคงไม่มีคนเป็นแล้วล่ะค่ะ
ทางโน้นเขากินอาหารเสริมกันมากกว่าเราเยอะ
จริงอยู่ กินแล้วอาจช่วยได้บ้าง แต่คงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดหรอกค่ะ สำคัญคือการดูแลทั่วๆไปนั่นแหละ ที่ได้ผลดีที่สุด

ถอนหายใจกับวันหยุดที่ผ่านไปเช่นกันค่ะ


โดย: หลิงเอ๋อร์ IP: 202.12.97.100 วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:20:18:41 น.  

 



เรื่องย่อ ตอนอวสาน ต่อ 11

ทุกคนตกตะลึง ศิษย์สูซันทั้งหลายที่มาร่วมต่อสู้ร้องเรียกฉางชิง แต่เขาไม่ได้ยินอีกแล้ว เขาสละชีวิตตายไปในท้องของเสียเจี้ยนเซียนแล้ว....

เสียเจี้ยนเซียนหมุนตัวหายแวบไปบนหลังคา เสียงระเบิดกึกก้อง จิ่งเทียน เสวี่ยเจี้ยน หลงขุย เม่าซาน จื่อเซวียน ศิษย์สำนักสู่ซันทุกคนต่างตะลึงร้องเรียกหา “ศิษย์พี่ใหญ่” กันระงม แต่ในเมื่อคนจากไปแล้ว พวกเขาได้แต่อาลัย ไม่มีใครสามารถจะต่อกรกับเสียเจี้ยนเซียนได้จริง ๆ หรือ? แม้แต่อาจารย์ทั้ง 5 ก็โดนกักขังไว้ในเจดีย์ไม่ให้เห็นแสงเดือนแสงตะวัน

จิ่งเทียนพยายามหาของวิเศษในสัมภาระของฉางชิงเพื่อต่อสู้กับเสียเจี้ยนเซียน เขานึกถึงคนผู้หนึ่ง คนชุดดำมีหมวกปิดหน้า ตอนที่เขายังเป็นเสี่ยวเอ้อของโรงเตี้ยมหย่งอันตั้ง(โรงเตี้ยมชื่อหย่งอันตั้งค่ะ ข้างบนเขียนตกไปหนึ่งตัว ขออภัยด้วยค่ะ) ชายคลุมหน้าประหลาดคนนี้ได้มอบภาพให้เขาม้วนหนึ่ง ภาพนั้นมีสภาพเหมือนตอนนี้ไม่มีผิด ผู้คนล้มตายเกลื่อน เดือดร้อนกันทั่วทุกหย่อมหญ้า จิ่งเทียนรีบไปค้นภาพนั้นและจำได้ว่าคนคลุมหน้าบอกว่าจิ่งเทียนคือคนที่จะช่วยให้มนุษย์รอดจากหายนะครั้งนี้ จิ่งเทียนเกิดความเครียด เขาพยายามหาของวิเศษในกระเป๋าของฉางชิงมาเพื่อจะได้ต่อสู้กับเสียเจี้ยนเซียน จิ่งเทียนทบทวนความจำตอนที่ฉางชิงบอกว่าจะไปก่อนก้าวหนึ่ง ฉางชิงได้มอบของบางอย่างให้ มันคือเปลือกหอย เปลือกหอยนี้มีปริศนาอะไร จิ่งเทียนไม่เข้าใจ ไม่ว่าเสวี่ยเจี้ยนจะปลอบใจอย่างไร จิ่งเทียนก็เครียดอยู่ดี เสวี่ยเจี้ยนพยายามช่วยจิ่งเทียนคิด ความลับของเปลือกหอย นางคงต้องสอบถามจากจื่อเซวียนเพียงผู้เดียวเท่านั้น

ในงานศพของฉางชิง จื่อเซวียนนั่งนิ่ง ไม่กินข้าวกินปลา ไม่พูดจา นางคงเสียใจจนเกินไป และทำใจให้รับกับเรื่องการตายของฉางชิงไม่ได้ แม้เสวี่ยเจี้ยนจะสอบถามอะไรนางก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ เสวี่ยเจี้ยนได้แต่วางเปลือกหอยไว้หน้าป้ายสถิตวิญญาณของฉางชิงโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย เสวี่ยเจี้ยนปรึกษากับจิ่งเทียนว่าหากจื่อเซวียนเป็นอย่างนี้เห็นทีจะต้องให้เสวี่ยเจี้ยนไปนำชิงเอ๋อร์กลับมาเพื่อกระตุ้นการรับรู้ต่อสิ่งรอบข้างของจื่อเซวียน มีแต่ชิงเอ๋อร์เท่านั้นที่จะช่วยได้ เสวี่ยเจี้ยนจึงเดินทางไปตามหาเซิ่งกูและชิงเอ๋อร์

จิ่งเทียนพยายามช่วยเหลือชาวบ้านซึ่งตอนนี้โดนเสียเจี้ยนเซียนรุกรานจนเดือดร้อนไปหมดา ฉางอิ้นบอกว่าจะตามหาฉงโหลวมาช่วยจิ่งเทียนอีกแรง ตอนนี้ไม่มีใครสู้เสียเจี้ยนเซียนได้ หากฉงโหลวยอมช่วยทั้งหมดคงมีความหวังที่จะเอาชนะเสียเจี้ยนเซียนได้

เสียเจี้ยนเซียนบอกว่ามันเคยแพ้พนันจิ่งเทียนตอนที่เขาแกล้งทำปลอมเป็นเทียนเผิงหลอกจนเสียเจี้ยนเซียนหนีไป ตอนนี้มันขอเอาคืนโดยให้จิ่งเทียนมาพนันกันใหม่ จิ่งเทียนไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่ตกปากรับคำ

การพนันครั้งแรก พนันตกปลากัน ใครได้ปลาก่อนชนะ หากจิ่งเทียนแพ้จะต้องเสียเดิมพันเป็นอาหารทั้งหมดของมนุษย์ ด้วยความคดโกง เสียเจี้ยนเซียนชนะ แต่จิ่งเทียนก็เรียกร้องอะไรไม่ได้ เมื่อแพ้อาหารทั้งหมดก็หายไปในพริบตา แม้แต่อาหารที่เม่าซานปรุงเสร็จแล้ว กำลังจะยกไปให้ทุกคนรับประทานก็หายวับไปกับตา

ทุกคนรู้เรื่องจนได้ว่าที่อาหารหายไปเพราะจิ่งเทียนแพ้พนัน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เม่าซานอาสาเข้าป่าไปหาอาหารมาให้ทุกคนรับประทานเอง เม่าซานชวนฮวาอิ๋งไปหาอาหารในป่าและที่หมู่บ้านอื่น บนภูเขา เม่าซันขุดหนอนจะเอามากิน แต่เสียเจี้ยนเซียนก็เสกให้หนอนหายไปจากมือเม่าซานทันทีและหัวเราะเยาะว่า พวกเม่าซานไม่มีทางมีของกินเพราะจิ่งเทียนเสียพนันให้แก่มันแล้ว

เสวี่ยเจี้ยนพาเซิ่งกูกลับมาแล้ว ชิงเอ๋อร์อยู่ตรงหน้าจื่อเซวียน แต่นางยังคงไม่มีปฏิกิริยาเหมือนเดิม จื่อเซวียนนิ่ง ไม่มีการโต้ตอบใด ๆ ทั้งสิ้น คนทั้งหลายแทบจะหมดหวังแล้ว นางคงเสียใจเกินไปจริง ๆ จิ่งเทียนได้แต่กับไปหาเสียเจี้ยนเซียน

จิ่งเทียนสู้แพ้ไปหนึ่งรอบ และก็พบว่าฉงโหลวก็โดนจับไปมัดอยู่บนเสาเช่นกัน เขาสิ้นฤทธิ์แล้ว แม้แต่เขาบนหัวก็โดนหักออกมาจนเลือดไหลอาบหน้า ฉงโหลวบอกให้จิ่งเทียนหนีไป แต่จิ่งเทียนไม่ยอม คราวนี้เขาเขาไปผิดเวลาเพราะมัวแต่คิดวิธีการตกปลาให้ชนะ แต่เสียเจี้ยนเซียนกลับบอกว่าคราวนี้มันชนะ จิ่งเทียนไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่สู้ก็ไม่ได้ ไม่พนันก็ตายอย่างเดียว ปี้ผิงเพื่อนของจิ่งเทียนสมัยเป็นเสี่ยวเอ้อด้วยกัน ตอนนี้ไปภักดีเสียเจี้ยนเซียนแล้ว ปี้ผิงมาเตือนจิ่งเทียนว่าถ้ายอมพนันกันยังมีสิทธิ์รอดบ้าง จิ่งเทียนอยากให้ปี้ผิงช่วย แต่ปี้ผิงปฎิเสธ จิ่งเทียนรู้สึกท้อแท้มาก หลงขุยและเสวี่ยเจี้ยนต้องคอยให้กำลังใจตลอดเวลา

เม่าซานเหนื่อยจากการเดินทาง ในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้าน และพบกับหมู่บ้านของหลอหลู่เลี่ย หลอลู่เลี่ยเป็นเจ้าหมู่บ้านพีลี่(หมู่บ้านสายฟ้า) มันเคยรวมหัวกับคนตระกูลถังทำร้ายท่านปู่ของเสวี่ยเจี้ยน(ในตอนที่ 1 ) ตอนนี้ฝึกวิชาประหลาดและเชื่อว่าการได้กินเนื้อคนดี ๆ ที่ซื่อสัตย์จะเพิ่มพลังได้(ตรงนี้เหมือนปีศาจในเรื่องไซอิ๋วเลย แหม....นี่ก็ฟิวชั่นอีกแล้ว)

หลอหลูเลี่ยตะล่อมเกลี้ยกล่อมเม่าซานให้ยอมตัดเนื้อมาแลกกับอาหาร เม่าซานคิดหนัก หลอหลูเลี่ยเลี้ยดูปูเสื่อเม่าซานเป็นอย่างดี เม่าซานกลัวไม่อยากแลกเนื้อของตนกับอาหาร แต่เขาก็ลังเลเป็นอย่างมาก ถ้าไม่แลกทุกคนก็จะไม่มีอาหารกิน เม่าซานกลัวหลอหลูเลี่ยเหลือเกินจึงหนีกลับไป หลอหลูเลี่ยก็ไม่ได้บังคับ เพราะรอให้เม่าซานยินยอมพร้อมใจเอง เมื่อกลับไปเม่าซษนเห็นจิ่งเทียนกลุ้มใจมาก และทุกคนก็ไม่มีอาหารกิน เขาจึงตัดสินใจกลับมาหาหลอหลูเลี่ยและรับข้อเสนอตัดเนื้อของตน 1 ชั่งแลกกับอาหาร 10 ชั่ง เม่าซานใจเด็ดลงมือตัดเนื้อของตนแลกอาหารมาให้ทุกคนได้กิน เขามักเก็บของที่ดีที่สุดเอาไว้ให้จิ่งเทียนเสมอ จิ่งเทียนมัวแต่กังวลเรื่องเสียเจี้ยนเซียนไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปรกติของเม่าซาน

เม่าซานบาดเจ็บหนัก กลับมาล้างแผลที่ห้องโดยไม่ยอมบอกให้ใครรู้เรื่องนี้เลย ฮวาอิ๋งมาเคาะประตูเรียกหา แม้เห็นเม่าซานผิดปรกติ แต่ไม่ทันฉุกใจคิด

พนันครั้งที่ 2 (ครั้งที่แล้วยังไม่นับเพราะเสียเจี้ยนเซียนโมเมว่าตัวเองชนะแล้วก็ไปหักเขาบนหัวของฉงโหลว ) คราวนี้จิ่งเทียนคิดว่าจะตกปลาให้ชนะให้ได้ แต่มันบอกว่าเปลี่ยนวิธีการแข่งขันแล้ว โดยให้แข่งยิงเป้าหมายในห้องมืด (เหมือนซุ้มเกมส์ตามห้าง ยิงโบวลิ่งให้ล้ม ใครสไตร์ก่อนคนนั้นชนะ) ปี้ผิงเอาเนื้อบางอย่างมาให้เสียเจี้ยนเซียนบอกว่ากินแล้วจะเพิ่มพลัง จิ่งเทียนหันไปมองจึงเสียสมาธิ เสียเจี้ยนเซียนชนะไปอีกครั้งจนได้ คราวนี้เดิมพันคือหัวกุ่ยหวัง(ปีศาจสาวชุดแดงที่เกือบจะได้แต่งงานกับจิ่งเทียนตอนที่ทุกคนไปหลอกล่อเอาหั่วหลิงจู) สั่วเยาถ่าเยาหวัง(หัวหน้าปีศาจในเจดีย์)และฉงโหลว หัวกุ่ยหวังด่าจิ่งเทียนที่ทำให้นางต้องเอาชีวิตมาทิ้งเพราะจิ่งเทียนสู้แพ้ จิ่งเทียนพยายามช่วยโดยปัดอีกาที่มาจิกหัวกุ่ยหวัง เยาหวังและฉงโหลว ปีศาจทั้ง 3 ตนถูกมัดอยู่บนเสาและโดนอีกาจิกกัด ได้รับความทรมานยิ่งนัก

เสียเจี้ยนเซียนบอกว่าการพนันครั้งต่อไป จะเอาชิงเอ๋อร์เป็นเดิมพัน เพราะว่าทุกครั้งที่มาพนันกันจิ่งเทียนไม่ค่อยมีความผูกพันเท่าไหร่ คราวนี้เอาชิงเอ๋อร์จะดีกว่า จิ่งเทียนจะได้เจ็บปวดใจ จิ่งเทียนไม่ยอม แต่เสียเจี้ยนเซียนจะเอาชิงเอ๋อร์เป็นเดิมพันเท่านั้น ปี้ผิงที่รับใช้อยู่ข้างกายเสียเจี้ยนเซียนได้แต่มองจิ่งเทียนนิ่ง ไม่รู้;jkความรู้สึกเห็นใจหรือว่ารู้สึกสมน้ำหน้ากันแน่

จิ่งเทียนกลับมาสมทบกับทุกคน คืนนี้เป็นคืนที่ฉางอิ้นทำพิธีทางลัทธิเต๋าให้กับฉางชิงผู้ล่วงลับ หลังจากท่องมนต์แล้ว โคมโฟไว้ทุกข์ลอยไปตามลมอย่างประหลาด จื่อเซวียนที่นั่งนิ่งอยู่ก็พรวดพราดวิ่งตามออกไปร้องเรียกชื่อฉางชิงไม่ขาดปาก นางร้องไห้อย่างน่าสงสารเมื่อวิ่งมาถึงหน้าประตู ในพิธีฉางอิ้นและศิษย์สู่ซัน พวกเขาท่องมนต์ส่งวิญญาณเสร็จแล้ว ร้องพร้อม ๆ กันว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ขอให้ไปสู่สุขคติเถอะ”

จิ่งเทียนเอาจริงเอาจังกับการพนันครั้งที่ 3 มาก เสียเจี้ยนเซียนออกกฎให้เล่นเกมส์ทายใจของกันและกันว่าอีกฝ่ายคิดถึงใคร จิ่งเทียนเครียดมาก แต่ด้วยความช่วยเหลือของปี้ผิงคราวนี้จิ่งเทียนเป็นฝ่ายทายใจเสียเจี้ยนเซียนถูกและชนะในที่สุด จิ่งเทียนดีใจมากที่ช่วยชิงเอ๋อร์ไว้ได้ แต่การพนันครั้งต่อไป เขาจะยังสู้มันได้หรือ?

เสียเจี้ยนเซียนค้นพบว่าคนที่ช่วยจิ่งเทียนก็คือปี้ผิง จึงสังหารเขาและโยนศพลงหน้าผา ศพตกลงตรงหน้าจิ่งเทียนที่กำลังเดินกลับอยู่พอดี จิ่งเทียนกำลังคุยกับจื่อเซวียนที่บัดนี้ได้สติคืนมาแล้ว ทั้งสองกำลังปรึกษากันเรื่องรับมือเสียเจี้ยนเซียน จิ่งเทียนกำลังเครียดจัด ได้ยินเสียงอะไรตกลงมาจากหน้าผา และเมื่อพบว่าเป็นปี้ผิง จิ่งเทียนร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อายใครอีกแล้ว เขาจะสู้เสียเจี้ยนเซียนได้อย่างไร? เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา จื่อเซวียนมองดูจิ่งเทียนด้วยความเห็นใจเป็นที่สุด

จิ่งเทียนหมดอาลัยตายอยาก ให้เม่าซานไปหาอาหารมาเลี้ยงทุกคนให้กินมื้อใหญ่ เม่าเม่าได้แต่ฝืนใจไปหาหลอหลูเลี่ยเพื่อแลกเปลี่ยนเนื้อของตนอีกครั้ง แต่ว่าเม่าซานแทบไม่มีเนื้อเหลืออยู่อีกแล้ว หลอหลูเลี่ยไม่ยอมให้แลกอีก เม่าซานถูกไล่ออกจากบ้าน แต่ไม่ว่าจะไล่อย่างไรเม่าซานก็ตื้อให้หลอหลูเลี่ยแลกอาหารกับเนื้อของตน เขาฝืนตัดเนื้อของตนจนหมดสิ้น และเอาอาหารที่ได้มาไปเลี้ยงคนทั้งหลาย จิ่งเทียนวางยาพิษใส่อาหารให้ทุกคนกิน หลงขุยขอกินก่อน จิ่งเทียนตัดใจไม่ลงปัดอาหารทิ้ง ความนัยจึงถูกเปิดเผย จิ่งเทียนบอกว่าในเมื่อทุกคนจะต้องตายในมือของเสียเจี้ยนเซียน พวกเราตายในมือคนกันเองดีกว่าจึงตัดสินใจวางยาพิษทุกคน เขาบ้าไปแล้ว...

เม่าเม่าเข้ามาปลอบใจให้เขาสงบสติอารมณ์ เขาปัดมือเม่าเม่า และพบว่าเม่าเม่าอ่อนแอมากจนแทบยืนไม่อยู่ จิ่งเทียนถามเม่าเม่าว่าเป็นอะไร แต่เม่าเม่าวิ่งหนีไป จิ่งเทียน เสวี่ยเจี้ยนและหลงขุยวิ่งตามมา เม่าเม่าล้มลง เขาไม่มีแรงหนีแล้ว เขาจะตายเพราะหมดแรงในอีกไม่ช้านี้แล้ว จิ่งเทียนกอดเขาไว้ จับตัวเขา แต่จิ่งเทียนก็ต้องหน้าถอดสี เมื่อล้วงเข้าไปในเสื้อของเม่าเม่า เนื้อของเขาทำไมเป็นอย่างนี้ จิ่งเทียนร้องเรียกเม่าเม่า เม่าเม่าฝืนใจเล่าเรื่องให้เขาฟัง จิ่งเทียนฟังแล้วก็ร้องไห้ ด่าว่าเม่าเม่าทำอะไรโง่ ๆ และทำไมต้องทำอย่างนี้ แต่เม่าเม่าสิ้นลมเสียแล้ว ไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไป จิ่งเทียนล้วงเข้าไปในตัวเม่าเม่า เขาพบแต่ “ฟาง” ในตัวของเม่าเม่ายัดเต็มไปด้วยฟาง ไม่ได้มีเนื้อเป็นเจ้าอ้วนอย่างที่ทุกคนเห็น เม่าเม่าตบตาทุกคน จิ่งเทียนร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด

จิ่งเทียนเอาศพเม่าเม่ากลับไป จัดให้นอนอย่างสงบ เขาคิดถึงอดีตที่โตมาด้วยกัน จิ่งเทียนรู้สึกผิดที่ปกป้องเม่าเม่าไว้ไม่ได้ ฉางอิ้นกับศิษย์สำนักสู่ซันรีบเข้ามาดู เมื่อรู้เรื่องของเม่าเม่า ทั้งหมดจึงอาสาไปหาหลอหลูเลี่ยเพื่อทวงเนื้อเม่าซานคืน เผื่อว่าเม่าซานจะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาได้

แม้ฉางอิ้นจะพยายามแค่ไหน เนื้อที่คายออกมาจากท้องหลอหลูเลี่ยก่อนตาย ก็ไม่ได้ทำให้เม่าซานฟื้นคืนชีพได้เลย เนื้อของเม่าซานเป็นประกายสีทองนับล้าน ๆ จุด รวมตัวกันเป็นตัวเม่าซานอย่างเลือนรางและตกลงมาเป็นเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยบนฟื้น ฉางอิ้นเอาขวดแก้วเก็บเอาไว้และนำมามอบให้จิ่งเทียน

จิ่งเทียนอยู่กับศพของเม่าเม่า เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี เสวี่ยเจี้ยนเข้ามาหา ยืนอยู่เคียงข้างเขา พริบตานั้น บุคคลประหลาดที่เคยเอาหยกอำพันคู่ของเสวี่ยเจี้ยนและจิ่งเทียนไปก็ปรากฏตัวขึ้น เขาบอกให้จิ่งเทียนเอาหยกคู่นี้มาประกบกัน มันจะเกิดพลังที่ต่อสู้กับเสียเจี้ยนเซียนได้เมื่อจิ่งเทียนอธิษฐานก็จะปราบมารได้ ซึ่งนี่เป็นวิธีในการปราบเสียเจี้ยนเซียน จิ่งเทียนถามว่าทำไมไม่มาบอกให้เร็วกว่านี้ คนชุดดำบอกว่าถ้าเอาหยกคู่ให้จิ่งเทียนแต่แรก จิ่งเทียนจะรักษามันเอาไว้ได้จนถึงวันนี้หรือ? คงเป็นว่าไม่ขายไปก็ทำหล่นหายไปนานแล้ว จิ่งเทียนบอกว่าเสียเจี้ยนเซียนไม่มีใครปราบได้ เนื่องจากมันเป็นมารกระบี่ที่อยู่เหนือ 6 พิภพ คนชุดดำบอกว่ามันอยู่ในเต้า(道) ขอเพียงให้เป็นมารที่อยู่ในเต้า จิ่งเทียนอธิษฐานแล้วก็จะกำจัดมันได้เอง

จิ่งเทียนถามว่าเต้าคืออะไร คนชุดดำคลุมหน้าบอกว่าอธิบายยาก หากพูดจะยาว เอาเป็นว่าให้กำจัดเสียเจี้ยนเซียนโดยใช้พลังของหยกอำพันคู่ อธิษฐานต่อหยกแล้วก็จะกำจัดเสียเจี้ยนเซียนได้ จิ่งเทียนถามว่าเขาเป็นใคร คนชุดดำที่คลุมหน้าหันหน้ามา พอดีลมพัดหมวกผ้าของเขาหล่นลงมา จิ่งเทียนถามว่าเขาเป็นใคร เขาบอกว่าเขาชื่อว่า “หลี่เซียวเหยา” จากนั้นก็กลายเป็นควันสีฟ้าจาง ๆ และสุดท้ายก็หายไปในความมืดของยามราตรี( เล่นงี้เลยเรอะ ....หาใครมาปราบไม่ได้ เล่นดึงหลี่เซียวเหยาจากอนาคตมาช่วยเลยเนอะ แล้วพออธิบายเต้าไม่ได้ ก็ไม่อธิบายไปซะงั้นเลย เอาเป็นว่าจะตัดจบล่ะนะ ก็เลยว่ากันแบบนี้ คนดูก็งงกันไปเด่ะ ภาคหนึ่งหลี่เซียวเหยากับหลิงเอ๋อร์เป็นรุ่นหลังภาค3รุ่นจิ่งเทียนตั้ง 50 ปี แต่....อุแม่เจ้า ย้อนอดีตทะลุมิติมาได้ เว็บจีนก็มีวิจารณ์ กันกระหื่ม เหอ เหอ )

ไว้จะมาเล่าต่อจ้า


ขอบคุณสำหรับคำตอบจ้าหลิงเอ๋อร์



ไว้พรุ่งนี้มาใหม่ วันนี้พยยามอัพแล้วได้แค่นี้แหละจ้า ไม่มีเวลาแปะรูปเลย


โดย: mamiya วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:1:21:13 น.  

 
หวัดดีคับหลิงเอ๋อร์

ไม่ได้ถ่ายอะไรเลยคับ ก็ไปป๊ะตอนเค้าเลิกงานแล้ว กล้องอะไรก็ไม่มี
เสียดายตรงที่คนน้อยเนี้ยแหละ สงสัียว่าแฟนคลับคนไทยของปีเตอร์จะมีไม่เยอะเท่าไหร่
ถ้าเป็นน้องนิชคุณนี่ สงสัยลานแตกไปแล้ว 555
เดี๋ยวบอกพี่ฟงให้นะครับ คุณหมอก็ต้องระวังรักษาตัวกันให้มากๆนะครับ
เจอแต่คนไข้ทั้งวัน ได้รับเชื้อง่ายกว่าคนทำงานออฟฟิศอีกนะเนี้ย

พี่มามิพูดแล้วทำให้นึกได้ จริงด้วยเนอะ
งั้นไว้หาที่อื่นดีกว่า เมื่อกี้ไปเจอลิ้งค์เพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไห้อีกลิ้งค์นึงมา
เอ่อมม....ไม่ได้สนใจเสียงคนร้องเลยนะครับ แต่สนใจหน้าตาคนร้องอะครับ
หัวคลิปเขียนว่าปี 2008 โอ๊ววแม่เจ้า!!! คนอะไรยิ่งแก่ยิ่งสวย เธอกินผงไข่มุกผสมโสมพันปีหรือไร
( แต่เสียงขัดแย้งกับหน้าตาไปนิดนึงนะคับ แถมร้องคร่อมจังหวะหลายรอบไปหน่อยนะ อิ อิ )

//www.youtube.com/watch?v=ojTgGgHxQdc&feature=related

สารภาพว่ายังไล่อ่านเซียนกระบี่พิชิตมาร 3 ไม่จบเลยครับ แหะๆ
เดี๋ยวคืนนี้มาตามอ่านต่อคัีบ


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.164.47 วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:14:57:47 น.  

 
ระหว่างนี้ อ่านเรื่องย่อกันไปก่อนนะคะ พรุ่งนี้ไปต่างจังหวัด ตอนนี้ง่วงมากจ้า ไปนอนก่อนล่ะ


โดย: มามิยะ IP: 124.122.133.226 วันที่: 11 สิงหาคม 2552 เวลา:1:11:58 น.  

 
เซียวเหยา กับจิ่งเทียนมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันไหม

เพราะสงสัยว่าทำไมถึงให้หูเกอมาเล่นเป็นจิ่งเทียนล่ะ
เล่นซ้ำกันสองภาคเลยนะ


โดย: loveshishi IP: 124.121.114.153 วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:21:14:27 น.  

 
ตามท้องเรื่อง(นี้)ไม่ได้บอกไว้เรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือดค่ะ


คราวที่แล้วหูเกอเล่นเป็นหลี่เซียวเหยา คราวนี้ก็เล่นเป็นจิ่งเทียน ใช่แล้วค่ะ เล่นสองภาคในบทบาทที่ต่างกัน

ตามการโหวตแล้ว คนก็อยากดูหูเกอกันมากที่สุดเลยล่ะค่ะ หูเกออาจจะจองบทในเซียนเจี้ยนฯ ภาคอื่นอีกก็ได้ ไม่แน่ แต่ได้ข่าวว่า หลิวซือซือ มีสิทธิ์ได้รับบทหนึ่งในเซียนเจี้ยน 4 จำไม่ได้ว่าไปอ่านที่ไหนมา ในเว็บจีนนั่นแหละค่ะ ตราบใดที่ข่าวยังไม่นิ่งก็เก็บ ๆ เป็นข้อมูลไว้ก่อนก็แล้วกัน


โดย: มามิยะ IP: 124.120.82.176 วันที่: 15 สิงหาคม 2552 เวลา:0:21:40 น.  

 
ขอบคุณค่ะ เพราะคนอยากดูเกอเกอเกอนี่เอง555+

แต่เขาคงเหมาะสมกับบทด้วยล่ะมั้งถึงได้รับเลือกให้เล่น
เรื่องนี้ชอบคู่เกอเกอกับวอลเลสสสสสสส อะน่าร้ากกก
(ที่สำคัญเรื่องหน้าขอวอลเลสสส~JUPJUP~)

แต่ถ้าตัวละครหญิงซ้ำกันเราว่ามันก็น่าเบื่อนะ
เพราะแต่ละภาคตัวละครหญิงก็บุคลิกแตกต่างกันไป
้ถ้ายึดติดกับคนเดียวนี่สีสันมันจะลดลงอะ มันจะเบื่อๆ
ไม่เหมือนดูผู้ชาย---------กร๊ากกกกก---------
แต่ถ้าเขาแสดงดีๆไปตามบทอาจจะเพิ่มสีสันก็ได้นะ
อาจจะมีเปลี่ยนลุคก็โอเชหน่อยยยย
+++แค่มีวอลเลสสสสสสสสสสสสสสสสสก็โอเชแล้ว+++


โดย: loveshishi IP: 124.121.106.160 วันที่: 15 สิงหาคม 2552 เวลา:20:03:38 น.  

 



จิ่งเทียนถามว่าเขาเป็นใคร เขาบอกว่าเขาชื่อว่า “หลี่เซียวเหยา” จากนั้นก็กลายเป็นควันสีฟ้าจาง ๆ และสุดท้ายก็หายไปในความมืดของยามราตรี


เรื่องย่อ ต่อ 12 ตอนอวสาน(สุดท้ายแล้วจ้า)


จิ่งเทียนและเสวี่ยเจี้ยนเอาหยกอำพันมาประกบกันและอธิฐานขอให้ปราบเสียเจี้ยนเซียนได้ ทั้ง 4 แยกกันเป็นสองกลุ่มคือเสวี่ยเจี้ยนกับจิ่งเทียนไปที่สั่วเยาถ่า(เจดีย์กักขังปีศาจ) ส่วนจื่อเซวียนละหลงขุยไปช่วยพวกฉงโหลวบนเขา แต่ท่าทางหลงขุยแปลกไปเมื่อถามว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่ เสวี่ยเจี้ยนบอกว่าวันที่ 6 เดือน 6 หลงขุยขออยู่กับจิ่งเทียนเป็นกลุ่มหนึ่ง เสวี่ยเจี้ยนจึงไปกับจื่อเซวียนเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง

จิ่งเทียนและหลงขุยเข้าไปในเจดีย์ได้เจอกับอาจารย์ทั้ง 5 อาจารย์สำนักสู่ซันบอกว่าพวกปีศาจทั้งหลายเข้าสวามิภักดิ์ต่อเสียเจี้ยนเซียนกันหมดแล้ว ด้านจื่อเซวียนกับเสวี่ยเจี้ยนช่วยฉงโหลวไว้ได้ แต่หัวกุ่ยหวังกับปีศาจหัวหน้าสั่วเยาถ่าหนีไปเข้าเป็นพวกกับเสียเจี้ยนเซียน จื่อเซวียนกับเสวี่ยเจี้ยนจึงไปสมทบกับพวกจิ่งเทียนในเจดีย์

อาจารย์ทั้งหลายบอกว่ามีวิธีที่จะชนะเสียเจี้ยนเซียนได้โดยการเอาเครื่องสังเวยมาหลอมกระบี่ มีอยู่ 2 คนที่ช่วยจิ่งเทียนได้ นั่นก็คือเสวี่ยเจี้ยนกับหลงขุยซึ่งเป็นคนใกล้ชิด เมื่อหลอมกระบี่แล้วจึงจะมีฤทธิ์ปราบปีศาจ ทั้งสองคนแย่งกันเป็นเครื่องสังเวย จิ่งเทียนไม่ยอม แต่หลงขุยบอกว่าเมื่อพันปีก่อน นางช่วยพระเชษฐาไม่ได้ ตอนนี้สวรรค์ให้โอกาสนางแก้ตัว นางต้องทำ จิ่งเทียนบอกว่าหากทำเพื่อมนุษย์ชาติแล้วเขาต้องเสียสละน้องที่รัก เขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน เสวี่ยเจี้ยนบอกว่านางไม่ได้เห็นแก่เพื่อนมนุษย์อะไรทั้งนั้น ให้นางโดดเถอะ เพราะนางทำเพื่อจิ่งเทียนเพียงผู้เดียว หลงขุยบอกว่าที่เมืองใต้บาดาล นางได้เห็นอนาคตของตนเอง นางได้กระโดดลงไปในเตาหลอมและกลายเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ นางเท่านั้นที่เหมาะสม และนางดีใจมากที่ได้ทำในสิ่งที่ช่วยจิ่งเทียนได้ หลงขุยสะบัดมือทุกคนและกระโดดไปในเตาหลอม กระบี่วิเศษโผล่ขึ้นมาจากเตาหลอม กระบี่เล่มนี้จะปราบเสียเจี้ยนเซียนได้

ทุกคนเห็นว่าจิ่งเทียนมีพลังน้อย ทุกคนจึงถ่ายทอดพลังให้ให้จิ่งเทียนจนสลบไป จิ่งเทียนได้รับพลังจนตอนนี้มีพลังกล้าแข็งและดาบวิเศษพอที่จะต่อสู้กับเสียเจี้ยนเซียนแล้ว เขาฟังเปลือกหอยที่จื่อเซวียนมอบให้ ในเปลือกหอยเป็นเสียงของฉางชิง(เปลือกหอยเอ็มพี 3 ที่ซีเฟิงใช้อัดเสียงเพลงนั่นเอง ทันสมัยสุด ๆ )ที่บอกให้จิ่งเทียนเชื่อมั่นและมาร่วมกันปราบเสียเจี้ยนเซียนโดยที่เขาจะอยู่ในท้องของมันเพื่อช่วยจิ่งเทียนอีกแรงหนึ่ง ศิษย์สำนักสู่ซันยกพวกขึ้นไปหาเสียเจี้ยนเซียน เกิดการต่อสู้กันยกใหญ่ จิ่งเทียนตามมาช่วยพอดี การต่อสู้ครั้งนี้ดุเดือด เอาเป็นอาตาย ในที่สุดจิ่งเทียนที่ได้รับความช่วยเหลือจากฉางชิงก็ฆ่าเสียเจี้ยนเซียนได้ ฉางชิงหลุดออกมาจากท้องของเสียเจี้ยนเซียน

เมื่อจิ่งเทียนฟื้นขึ้นมา ก็เดินออกจากห้องมา เขาได้พบกับเสวี่ยนเจี้ยน ส่วนจื่อเซวียนก็ได้พบกับฉางชิง โดยมีฉงโหลวมองดูอยู่ห่าง ๆ ฉงโหลวบอกว่าครั้งนี้เขานับถือจิ่งเทียนจริง ๆ เขาได้เห็นเงาร่างของเฟยเผิงในตัวจิ่งเทียนจริง ๆ และจะเก็บตัวฝึกวิชากลับมาต่อสู้กับจิ่งเทียนอีก ครั้งนี้ที่ทุกคนรอดมาได้เพราะอาจารย์ทั้ง 5 ได้ใช้บัวพิทักษ์ใจ(บัวเดียวกับที่ช่วยชิงเอ๋อร์ไว้) ช่วยชิวิตจนทุกคนรอดมาได้ อาจารย์เจ้าสำนักถามว่าจื่อเซวียนกับฉางชิงยังรักกันอยู่อีกหรือไม่ การรักใครสักคนต้องให้อิสระแก่เขาและให้เขามีความสุขตลอดไปกับสิ่งที่เป็นอุดมคตติของอีกฝ่าย จิ่งเทียนกับเสวี่ยเจี้ยนออกมานอกห้องและบอกว่ารักกันก็ต้องอยู่ด้วยกันจึงจะมีความสุข


จื่อเซวียนบอกให้ฉางชิงมาที่แม่น้ำตัดรัก เมื่อดื่มน้ำในแม่น้ำนี้แล้วก็จะลืมความรักจนหมดสิ้น จื่อเซวียนบอกว่าอยากไปจากฉางชิงเพื่อให้เขาได้ทำหน้าที่ตามที่ชะตาลิขิต ฉางชิงบอกว่าเรื่องราวในหนหลังเขาลืมไม่ลง จื่อเซวียนบอกว่านางก็ลืมไม่ลงเหมือนกันแต่ขอให้ฉางชิงลืมเสียเถิด ทั้งสองดื่มน้ำลงไป แล้วเดินจากกัน ขณะที่เดินหันหลังจากกันไป ฉางชิงหัวร่อเสียงดัง จื่อเซวียนน้ำตาไหล ที่แท้เมื่อครู่ทั้งสองแกล้งทำเป็นดื่มน้ำลืมรัก แต่ทั้งสองกลับเทมันลงพื้นไปโดยไม่ได้ดื่มเลย การจากกันทั้ง ๆ ที่ยังรักกันนั้น ช่างทรมานเหลือเกิน แต่ทั้งสองฝ่ายต่างมีหน้าที่ของตนเอง หลายชาติแล้วที่ไม่เคยสำเร็จต้องมาผูกพันกันชาติแล้วชาติเล่า ชาตินี้ฉางชิงจะได้ไปเป็นนักพรตและศึกษาธรรมเพื่อสอนมวลมนุษย์ ส่วนจื่อเซวียนทายาทของพระแม่หนี่วาก็จะได้ทำหน้าที่เลี้ยงชิงเอ๋อร์จนโตและชราไปตามกาล

ฉางชิงเข้ารับตำแหน่งเจ้าสำนักสู่ซันและฉางอิ้นเป็นผู้ช่วยเจ้าสำนัก จิ่งเทียนลาฉางชิงกลับไปที่บ้านเกิด ฉางชิงบอกว่าถ้าจิ่งเทียนอยากมาสู่ซันเขาต้อนรับเสมอ ฉางชิงเอาเถ้ากระดูกของเม่าเม่าให้จิ่งเทียนเก็บไว้ เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้า คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา

เมื่อจิ่งเทียนกลับมาถึงบ้านก็พบว่าตัวเองมีทรัพย์สมบัติและที่นามากมาย นับเป็นเศรษฐีแห่งหมู่บ้านไปแล้ว ทั้งนี้เพราะการจัดการดูแลทรัพย์สินของปี้ผิงตามคำสั่งที่จิ่งเทียนเคยบอกเขา จิ่งเทียนรู้สึกตื้นตันมากจึงเอาทรัพย์สินและที่นาเหล่านั้นไปแจกชาวบ้านในนามของปี้ผิงเพื่อทำบุญให้แก่เพื่อนรักที่ตายอย่างอนาถด้วยน้ำมือของเสียเจี้ยนเซียน

จิ่งเทียนและเสวี่ยเจี้ยนดูแลโรงเตี้ยมด้วยกัน จนวันหนึ่งจิ่งเทียนขอลาหยุดทำงาน 1 วัน เขาไปที่ฉางอันเพื่อเอากระดูกของเม่าเม่าไปโรยที่นั่น ฉางอันเป็นสถานที่ที่พวกเขาเคยบอกว่าจะไปเที่ยวด้วยกันและเม่าเม่าจะไปแต่งงานกับสาวฉางอัน จิ่งเทียนโรยเถ้ากระดูกของเม่าเม่าหนือท้องฟ้าเมืองฉางอันอย่างเศร้าสร้อย เขายังคิดถึงหลงขุยที่อยู่ในกระบี่ จึงเอากระบี่ไปไว้ในวัด แต่หลงขุยไม่ยอมจากไปยังคงตามเขามาก จิ่งเทียนบอกว่าจะรักษาตัวให้ดี หลงขุยไม่ต้องเป็นห่วง หลงขุยจึงยอมกลับไปในวัด

เสวี่ยเจี้ยนเอาฮวาอิ๋งลงดินและรดน้ำอย่างดี จิ่งเทียนกับนางมักทะเลาะกันเสมอ ฉงโหลวมาหาและคุยกัน จิ่งเทียนบอกให้ฉงโหลวไปหาคนที่รัก แต่ฉงโหลวบอกว่าการรักใครสักคนต้องให้อิสระแก่คนผู้นั้นและไม่ฟังจิ่งเทียนอีกต่อไป เอาเปลือกหอย(เอ็มพี 3)มาฟัง เสวี่ยเจี้ยนนั่งอยู่หน้าบ้านไม่ไปยุ่งกับสองหนุ่มที่กำลังคุยกัน

ฉางชิงฝึกกระบี่ใต้อากาศหนาวเหน็บ หิมะที่ตกหนักโปรยปรายลงมาไม่หยุดยั้ง เขาฝึกกระบี่แต่เหมือนนึกถึงใครบางคน ในขณะที่จื่อเซวียนมองดูหิมะที่ตกหนัก ผมของนางหงอกขาวเป็นสีเงินยวง นางนึกถึงฉางชิง จื่อเซวียนเคยบอกว่าอยากเห็นหิมะ ฉางชิงบอกว่าจะดูหิมะเป็นเพื่อนนาง แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับดูหิมะอยู่ในเวลาเดียวกันแต่อยู่คนละทิศละทาง คนรักกันแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ในบรรยากาศอันเย็นยะเยือกช่างน่าเศร้าใจยิ่งนัก

เสวี่ยเจี้ยนร้องเรียกให้จิ่งเทียนออกมาดูหิมะหน้าบ้าน จิ่งเทียนกับเสวี่ยเจี้ยนดูด้วยกันอยู่หน้าบ้าน นางถามข้อสงสัยว่าหากตัวนาง จิ่งเทียน จื่อเซวียนและฉงโหลวได้บัวพิทักษ์ใจช่วยเหลือให้รอดชีวิตไว้ แล้วพวกฉางชิงเล่าทำไมพวกเขาไม่ตาย จิ่งเทียนไม่ยอมตอบและบอกว่าสวรรค์เท่านั้นที่รู้

จิ่งเทียนคิดไปถึงเรื่องในวันนั้น จริงสิสวรรค์เท่านั้นที่รู้ วันนั้นเขาต่อสู้เสี่ยงตายกับเสียเจี้ยนเซียน ส่วนฉางชิงก็หลุดออกมาจากท้องของมัน จิ่งเทียนวิญญาณหลุดลอยไปถึงสวรรค์ เขาขอให้เทียนตี้รักษาสัญญาที่บอกว่าจะให้สมหวังประการหนึ่ง ตอนนี้เขาขอให้เทียนตี้ให้คนที่โดนเสียเจี้ยนเซียนฆ่าตายฟื้นคืนชีพมาให้หมด เทียนตี้บอกว่าได้ แต่ยกเว้นอยู่ 3 รายคือเม่าเม่ากับปี้ผิง 2 รายนี้กายเนื้อถูกทำลาย ไม่มีร่างอยู่แล้ว วิญญาณไม่มีที่สิงสถิตย์ต่างก็สลายไปนานแล้ว ส่วนหลงขุยควรไปเกิดใหม่ได้แล้วเช่นกัน 3 รายนี้จึงไม่มีทางฟื้นคืนชีพเด็ดขาด จิ่งเทียนทบทวนดูแล้ว บอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ได้ขอให้คนที่กายเนื้อยังไม่สลายได้ฟื้นคืนชีพ เทียนตี้บอกว่าการทำเช่นนั้นเป็นการฝืนกฎของสวรรค์ และกระทบกระเทียนไปอีก 5 พิภพ ถ้าหากจิ่งเทียนต้องการขอแบบนี้ต้องยอมเสียค่าตอบแทนอันยิ่งใหญ่ จิ่งเทียนถามว่าอะไร เทียนตี้บอกว่าสิ่งที่จะมาแลกกับชิวิตก็คือชีวิต จิ่งเทียนบอกถ้าอย่างนั้นเอาชีวิตเขาแลก เทียนตี้เตือนว่าเขาเหลือเวลามีชีวิตอยู่อีกไม่มาก จิ่งเทียนไม่สนใจแต่เดินจากไป

คิดถึงเรื่องตอนนั้น จึงเทียนอดถามเสวี่ยเจี้ยนซึ่งขณะนี้ซบอยู่บนไหล่เขามองดูหิมะอย่างมีความสุข เสวี่ยเจี้ยนคล้องแขนจิ่งเทียนถามเขาว่า

“ไช่หยา(ผักติดฟัน เสวี่ยเจี้ยนเรียกจิ่งเทียนแบบนี้เพราะตอนที่ 1 เขากลายเป็นผีดิบ แล้วหักฟันตัวเองทิ้งไม่ให้ไปกัดใคร พอไม่มีฟัน จิ่งเทียนเลยไปเอากระเบี้องจานมีที่สีเขียวมาติดฟัน กลายเป็นฟันสีเขียวเหมือนผักติดอยู่ เสวี่ยเจี้ยนเลยเรียกเขาว่า “ฟันผัก”) เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่?”

“จะรู้ไปทำไม ข้ารู้เรื่องชาติก่อนเลยเกิดเรื่องยุ่งยากมากมาย เห็นไหมล่ะ?”

“แต่ถ้าไม่มีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น ข้าก็ไม่รู้จักเจ้า ไม่ได้มารักเจ้าแบบนี้”

“ถ้าวันหนึ่งเจ้าไม่มีข้าอยู่ข้างกายเล่า?”

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร เข้าข้างตัวเอง หน้าไม่อาย”

จิ่งเทียนมองดูเสวี่ยเจี้ยนที่เอามือรองกลีบหิมะที่โปรยปรายดุจสายฝน เขาพูดเบา ๆ ว่า

“หิมะสวยเหลือเกิน”

“ใช่ สวยจริง ๆ ”

เสวี่ยเจี้ยนมองดูหิมะในมือ นางเป่าหิมะเบา ๆ แล้วพูดว่า

“น่าเสียดายที่หิมะอยู่ไม่นาน พอตกลงบนพื้นก็ละลายหายไป”

จิ่งเทียนมองดูเสวี่ยเจี้ยนด้วยดวงตาเศร้าสร้อย เขาบอกว่า

“ข้าพูดถึงเจ้าต่างหาก”(ชื่อเสวี่ยเจี้ยน เสวี่ยแปลว่า หิมะ)

เสวี่ยเจี้ยนผลักเขาเบา ๆ แล้วบอกว่า

“ฟังแล้วขนลุก เจ้านี่มันจริง ๆ เลย”

นางกอดเขาไว้ด้วยความรัก พลางไล่ “เจ้าจะไปไหนก็ไปเลย” แต่มือกลับจับเขาไว้แน่น จิ่งเทียนบอกว่า

“ข้าไม่ไป”

เสวี่ยเจี้ยนพูดซ้ำ “เจ้าไปเลย” แต่กลับกอดเขาไว้แน่นกว่าเดิม

จิ่งเทียนมองดูท้องฟ้า แล้วตะโกนว่า “ข้าไม่อยากไป”

พลางลุกขึ้น ตะโกนอีกครั้งว่า “ข้าไม่อยากไป”

เสวี่ยเจี้ยนลุกขึ้น กระโดดด้วยความดีใจไปรอบ ๆ ตัวจิ่งเทียน นางมีความสุขดุจผีเสื้อตัวน้อยที่บินหยอกล้อกับหิมะ แต่ในใจจิ่งเทียนกลับมีแต่ความกลัดกลุ้ม เขาไม่อยากจากนางไปเลย

เสวี่ยเจี้ยนจับมือเขาแล้วพูดปลอบใจว่า “เจ้าทึ่ม ใครให้เจ้าไปกันเล่า”

หิมะยังคงโปรยปราย อากาศหนาวเหน็บ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหิมะสีขาวโพลน


***** อวสาน *****


โดย: mamiya วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:21:56:38 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะคุณมามิยะ

จะติดตามผลงานตลอดไปค่ะ...


โดย: wallism IP: 124.120.15.35 วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:12:55:07 น.  

 
ขอบคุณค่ะ คุณwallism

เมื่อคืน เรานั่งดู "อู่สือหลาง" อยู่ ก็ดีนะที่ฮั่วเจี้ยนหัว ออกมาตั้งแต่แรก ๆ ดูไปดูมาถึงฉากที่พี่ฮั่วแกตกลงมาบนนั่งร้าน ทีวีมันก็มีด ๆ เราก็คิดว่า โหย แผ่นหนังนี่มันทำไมดีเลย ถ่ายทำไงไม่ใช้ไฟหว่า มืดตลอด จนฮั่วเจี้ยนหัวปลอมตัวเป็นผู้หญิงไปหลอกพ่อของหยางเชียนหัว ภาพก็ยังมืดเหมือนตอนกลางคืนเลย เอ๊ะ ชักยังไง ยังไง เลยเอา เซียนเจี้ยนฯ 3 ไปใส่เครื่องแย คราวนี้ถึงบางอ้อ ทีวีมันเสียนั่นเอง

ที่วีเครื่องนี้ซื้อมา 16 ปีไม่เคยซ่อมแม้แต่ครั้งเดียว มันตายจากเราไปเสียแล้ว ตอนนี้ต้องรอวันเสาร์กว่าจะมีเวลาไปซ่อม เซ็งสุด ๆ เลย ต้องดูเครื่องอื่นไปก่อน เฮ้อ .......




โดย: มามิยะ IP: 124.122.134.26 วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:21:55:24 น.  

 
ในที่สุดก็ซ่อมเสร็จแล้ว ทีวีที่รัก 16 ปีแห่งความหลังก็ยังอยู่ด้วยกันต่อไป สีสดใสสวยงามเหมือนเดิม


แต่แทนที่จะดู "อู่สือหลาง" ดันไปดู "Change" และตามด้วย "Pride" กลายเป็นตามดู คิมูระ ทาคูยะไปเสียเนี่ย


ช่วงเปลี่ยนรสชาติจ้า......


โดย: มามิยะ IP: 61.90.22.53 วันที่: 26 สิงหาคม 2552 เวลา:14:09:39 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณมามิยะ

อยากดูละครเรื่องที่เจี้ยนหัวเล่นกับหลิวเซียะหัวจังเลยค่ะ
เราชอบนักแสดงคนนีมากๆ ตอนนี้ก็ดูซูสีไทเฮาอยู่ค่ะ
เธอยังเด็กใสๆ สวยมากเลยค่ะ


โดย: loveshishi IP: 124.121.115.176 วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:21:35:02 น.  

 
เรื่อง "เยียนจือเสวี่ยะ" (ธารชีวิตลิขิตรัก) ใช่ไหมคะ? สนับสนุนให้ดูค่ะ เรื่องนั้นดีมาก ๆ เลยค่ะ แต่ฮั่วเจี้ยนหัว ชอบหลบฉากเรื่อย ทำให้เราต้องคอยตาม ๆ ๆ ๆ กรอดูก็ยาก ดูมาเรื่องนี้ของฮั่วเจี้ยนหัว ทำให้เรารู้สึกว่าเริ่ม ๆ มีเสน่ห์แล้ว การที่ไม่ออกต่อเนื่อง แต่ออกมาเพื่อหายไปนี่ส่งผลให้เราติดตามได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ตอนนี้เลยกลับไปดู นางแส้แดง"หงฝูหนี่" จำได้ว่านางแส้แดง(ซูฉี) บรรยายหลี่จิ้งไว้ว่า "เมื่อได้พบกับหลี่จิ้งครั้งแรก ข้าจำได้ว่าใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของเขา เคลือบไว้ด้วยแสงจันทร์ราง ๆ " โหย แค่นี้ก็เล่นเอาฟังแล้วไม่ลืมเลย พอกลับไปดูฉากนี้ใหม่ คราวนี้ไม่ตามดูซูฉีแล้ว มาตามดูหลี่จิ้งแทน เกิดการเปรียบเทียบกับโอวยุ่ยเหวยที่เล่นเรื่องศึกลำน้ำเลือด (ไม่ทราบว่าน้อง ๆ จะทันเรื่องนี้ก้นหรือเปล่า) มันให้ความรู้สึกต่างกันน่าดู หลี่จิ้งในแบบของฮัวเจี้ยนหัว ดูเป็นเด็กหนุ่มที่ไร้เดียงสา มีความตั้งใจรับใช้ชาติ เพิ่งออกมาฝาดโผนในยุทธจักร

เฮ้อ ....... แย่จัง เขียนไปเขียนมา หน้าของอีตา เอฟ 4 เกาหลีมาโผล่ในสมอง เพิ่งดูวันนี้เองทางช่องเจ็ด เลยเอาแผ่นมาดู ไม่ได้ดูอะไรนะคะ ดูความรวยของตัวละครในเรื่อง ว่าจะรวยได้ต่างจากฉบับของไต้หวันได้อย่างไร? โอโห รวยไม่บันยะบันยังกันเลยจริง ๆ ใครอยากรู้ต้องลองดู ความรวยของหนุ่ม ๆ F4 ฉบับเกาหลี เต้าหมิงซื่อ ชื่อ กูโพยม ฮวาเจ๋อเล่ย ชื่อ จีฮุน ซันไช่ ชื่อ กึม จันดี (อีกสองหนุ่มจำไม่ได้จ้า)

คืนนี้ต้องไปดูต่อเสียแล้ว ระยะนี้เบื่อ ๆ เลยเปลี่ยนรสไปดูหนังชาติอื่นบ้างอ่ะจ้า เรื่องต่อไป Mr.Brain

ตอนนี้ดูอยู่ 3 เรื่อง

1. สั่วชิงชิว ออกสไตล์เดียวกับ"ธารชีวิตฯ"
2. เอฟ 4 ฉบับเกาหลี
3. อั้นเซียง หวงเสี่ยวหมิง

ทบทวนอยู่ 1 เรื่อง คือ "หงฝูหนี่"

ระยะนี้ไม่มีหนังใหม่ออกเลย ตอนนี้รอไซอิ๋วของจางจี้จง ใครอยากเห็นเนี่ยหยวนเป็นพระถังซัมจั๋งยกมือขึ้น อ้อ เห้งเจียแสดงโดยเจ้าเหวินจั๋ว แปลกดี อิ อิ ไม่รู้เมื่อไหร่ออก






โดย: มามิยะ IP: 124.120.84.201 วันที่: 27 กันยายน 2552 เวลา:2:15:49 น.  

 
สวัสดีค่ะ ไม่ได้แวะมานานมากกกก คุณmamiyaสบายดีนะคะ

ช่วงนี้กะลังติดเรื่อง "องค์หญิงแสนซน" ค่ะ ซูโหย่วเผิงเล่นคู่กะดาราเกาหลี แจงนารา เราว่าสนุกไม่แพ้เรื่อง "องค์หญิงกำมะลอ" เลยค่ะ ปกติก็ชอบซูโหย่วเผิงมากอยู่แล้ว มาเรื่องนี้ยิ่งหลงรักเลยค่ะ แจงนาราก็น่ารักมาก แถมมีอีกสองหนุ่มหล่อมาให้เสพด้วย คนที่เล่นเป็นลูกท่านอ๋องกะพี่ชายพระเอก ดูแล้วเพลินเชียวค่ะ


โดย: haiku วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:22:29:21 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณhaiku

สบายดีค่ะ ดีใจที่ได้คุยกันอีกนะคะ

เรื่อง "องต์หญิงแสนซน" เราดูแล้วแต่ไม่ผ่านค่ะ ดูได้แค่ 3 ตอนก็เลิกดู มันอาจไม่เหมาะกับเราก็ได้ค่ะ

ปรกติเราดูหนังเกาหลีไม่เคยจบสักเรื่อง ตอนนี้กำลังติด Boys Over Flowerอยู่ค่ะ จะว่าสนุกก็ไม่ใช่สนุกถึงขนาดนั้น เราต้องการดูเปรียบเทียบกับของไต้หวันมากกว่า

ซูโหย่วเผิง เราก็ชอบเหมือนกัน แต่เรื่ององค์หญิงนี้เราไม่ค่อยชอบบทเขาสักเท่าไหร่ค่ะ ตอนนี้เรากำลังสนใจเรื่อง "เฟิงเซิง" บทของซูโหย่วเผิงแปลกดี เราไม่แน่ใจว่าออกเก้งกวางหรือเปล่า หรือแค่ต้องร้อง "คุนฉวี่"(อุปรากรจีนแบบโบราณ หาคนดูเข้าใจได้ยากแล้วในปัจจุบัน)เลยต้องบีบเสียงเหมือนกับผู้หญิง เรื่องนี้หวงเสี่ยวหมิงก็เล่นด้วย และยังเล่นเป็นตัวโกงอีก สะใจชะมัดยาด.......

ในเรื่ององค์หญิงเราชอบพี่ชายนางเอกมากกว่า แต่...แหะ แหะ...ดูไม่จบจ้า สงสัยว่ารเรื่อง Boys Over Flowerจะมีหนุ่ม ๆ เยอะซึ่งอาจทำให้เราดูต่ออยู่ได้กระมังคะ เรารู้สึกว่าความหล่อของหนุ่ม ๆ พวกนี้ก็เหมือนกับดอกไม้พลาสติก ที่งดงาม สมบูรณ์แบบ ใบหน้า ดวงตา ชั้นของดวงตา 2ชั้นเท่ากันแบบแสนเพอร์เฟค รูปหน้าเรียวสวย หุ่นสูงสมาร์ท มันเป็นความงามอย่างอุดมคติ หาได้ยาก หากมิได้ปั้นแต่ง ความงามพวกนี้เป็นอาหารตา แต่ก็มิได้เป็นอาหารใจ อาหารตาช่วยให้เรารู้สึกดี ๆ ชั่วขณะ แต่อาหารใจกลับเป็นนิรันดร์ และช่วยสร้างความสุขให้ชีวิตหรือมองโลกอย่างเข้าใจได้ ขอเพียงให้เรารู้จักมองโลกด้วยความเข้าใจอย่างสภาพความเป็นจริงเท่านั้นเอง

นี่เรากำลังพูดอะไรอยู่ งงไหมคะ?

อย่าเพิ่งงง.......


จำได้ว่าหลู่ซิ่น รู้จักใช่ไหมคะ? หลู่ซิ่นเคยเรียนแพทย์ เขาเชื่อว่าการที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้ก็คือการเป็นหมอรักษาโรค เขาจึงเลือกเรียนหมอ แต่ต่อมาเขากลับเลิกเรียนแพทย์ไปเสีย เพราะว่าเขารู้สึกว่ามันไม่ได้ช่วยมนุษย์ได้จริง ๆ หรอก


วันนั้นหลู่ซิ่นเห็นคนจีนถูกคนญี่ปุ่นทำร้ายอย่างสาหัส แต่คนที่ยืนดูอยู่รอบ ๆ มีทั้งคนที่อยากช่วยแต่ช่วยไม่ได พวกที่กำลังสะใจ และพวกที่กำลังรอดูฉากต่อไป อย่างไร้ความเมตตา คนพวกนี้จิตใจทำด้วยอะไร เห็นเพื่อนร่วมชาติได้รับเคราะห์กลับเห็นเป็นเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง รอดูอย่างสะใจ

หลู่ซิ่นตัดสินใจ เรียนทางวรรณคดี เขาเขียนหนังสือมากมาย เขาเชื่อว่าการเขียนจะนำผู้คนให้หลุดพ้น เขาจะช่วยให้จิตวิญญาณของคนเหล่านั้นยกระดับขึ้น ความพยายามของเขาไม่ได้สูญเปล่า ทุกวันนี้คนจำนวนมากรู้จักเขาในฐานะนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่

หนังทั้งหลายที่ทำกันออกมา บ้างเป็นบทประพันธ์ บ้างไม่ได้เป็นบทประพันธ์ หากแต่ล้วนเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของมนุษย์ทั้งสิ้น การที่เราดูหนังนอกจากความบันเทิงแล้ว หวังว่าจะได้บทเรียนสอนใจบางอย่างที่ปรับใช้กับชีวิตได้ หรือหากโชคดีอาจนำทางในการแก้ปัญหาบางอย่างได้บ้าง นั่นแล....ประโยชน์ของมัน


เรากำลังเขียนอะไรก็ไม่รู้ อาจเพราะเรากำลังฟังเพลง "Konjaku Monogatari" ของ Sugai Eriอยู่ก็ได้จึงนำอารมณ์ไปเช่นนี้ ขอโทษด้วยค่ะ


กลับมาเรื่องหนัง ตอนนี้เราดูหลายเรื่องมาก เลยไม่จบสักเรื่องค่ะ มีหนังเรื่องหนึ่งอาจไม่อยู่ในสายตาใครเลย เป็นหนังใหญ่เพิ่งฉายในจีนค่ะ เรื่อง "อิ๋นกู่ตี้กั๋ว" (Silver Empire)เป็นเรื่องของนักค้าเงินในสมัยราชวงศ์ชิง กว่าจะมาเป็นธนาคารอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ร้านแลกเงินของจีน คนที่จะทำร้านแลกเงินต้องมี "ความซื่อสัตย์จริงใจ" และ "คุณธรรม " หากไม่มีแล้วเละแน่ หนังดูไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย แต่ว่าภาพสวยมาก หนังเรื่องนี้ถ่ายทำเมื่อ 3 ปีก่อน ถ่ายทำไม่นาน แต่ตัดต่อ 3 ปี หากสนใจไปหาดูได้ตามเน็ตมีให้โหลดแล้วค่ะ หนังพวกนี้ไม่รู้เรื่องแต่มักจะกวาดรางวัล รอดูต่อไปว่าจะกวาดรางวัลอะไรได้บ้าง


เพื่อน ๆ ทุกคนคะ...


คิดถึงค่ะ


โดย: มามิยะ IP: 124.122.85.71 วันที่: 6 ตุลาคม 2552 เวลา:21:38:29 น.  

 
ฮัลหลิวพี่มามิฯ

เป็นไงบ้างครับ น้องเล็กไม่ได้แวะมาคุยด้วยนานเลยขอโทษนะครับ
วันนี้เอาหนังใหม่พร้อมเอมวีของเสี่ยวหมิงมาฝากคับ ไม่รู้พี่มามิเห็นหรอยัง

//alive.tom.com/etchy/Chinese-Film-Review-The-Message--profile-773522.html

อันนี้เป็นเอมวีครับ

//video.qq.com/v1/videopl?v=6f5gWu4362D

เพลงเพราะมากเลยยยยยยย
พี่มามิพอจะหาเป็นmp3ให้ได้ป่าวคับ อิ อิ อยากได้ๆ ดูตัวอย่างหนังแล้ว
น่าดูเหมือนกันนะครับ ไม่รู้จะเข้าฉายเมืองไทยเมื่อไหร่

เดี๋ยวน้องเล็กแวะมาคุยด้วยใหม่นะครับ พอดีเพิ่งเจอคลิปเอมวีอันนี้
เลยรีบเอามาให้พี่มามิดูก่อน


โดย: เล็ิกชิ้นสด IP: 61.90.88.48 วันที่: 12 ตุลาคม 2552 เวลา:17:44:26 น.  

 
ดีจ้าน้องเล็กชิ้นสด


หนังของเสี่ยวหมิงเรื่องนี้ชื่อ "เฟิงเซิง" เล่นกับซูโหย่วเผิงที่พี่เขียนถึงข้างบนไง เรื่องนี้เสี่ยวหมิงเล่นเป็นทหารญี่ปุ่น เล่นบทตัวร้ายให้ขัดใจกันเล่น ๆ ฝ่ายหญิงเป็นหลี่ปิงปิง กับโจวซวิ่น ดูฟอร์มดาราก็เจ๋งขนาดนี้แล้ว ต้องรอดู พอดีเพื่อนไปปักกิ่งอาจมีฟลุคถ้าฉายจะได้สอยกลับมาก่อนเลย

เพลงเพราะค่ะ น้องเล็ก แต่เศร้ามากเลย หนังเศร้าแน่นอน

เสี่ยวหมิงกับฟ่านปิงปิงกำลังขึ้นหม้อมากเลย เสี่ยวหมิงทำหนังชุดของตัวเองเรื่อง "อั้นเซียง" หลังจากพี่ดูแล้วถึงรู้ว่าเขาลงทุนเอง เห็นว่าทำกำไรได้ด้วย เรื่องนี้นางเอกที่เขาเลือก พี่พอจะเห็นสเปคของเขาแล้วล่ะ เรื่อง "อุ้ยเสี่ยวป้อ" เห็นลือ ๆ อยู่กับคนที่เล่นเป็น "เจิ้งโหยว" หน้าตาของเสปคเสี่ยวหมิงน่าจะคล้าย ๆ แบบนี้ตลอด เฮ้อ....(ก็ไม่รู้จะถอนหายใจทำไม...เน้อ..เฮ้อ...) ผู้หญิงไม่ใช่ไม่สวย สวยแต่ผอมไปหน่อย เหมือนขาดสารอาหาร แต่หน้าตาหมวย ๆ

ฟ่านปิงปิงยิ่งแล้วใหญ่ทำหนังประสบความสำเร็จจากเรื่อง "เยียนจือเสวี่ยะ" และต่อด้วยเรื่องนี้ค่ะ "จินต้าปาน" ประกบ "โจวยู่หมิน" ก็ไจ่ไจ๋ไงคะ เข้าใจหาตัวดารามาดึงดูดความสนใจ พี่ว่าอนาคตเธอไม่เลว รู้จักน้ำขึ้นให้รีบตัก แต่ถ้าถามว่าชอบเธอไหม ไม่ชอบขนาดนั้น แต่รู้สึกว่าเป็นคนมีความคิด มีการวางแผนชีวิตเลยทีเดียวล่ะค่ะ

ดาราหญิงอีกสองคนที่พี่ค่อนข้างชอบคือ"ต่งเจี๋ย" กับ "หวังเยี่ยน" ก็ต่างแต่งงานกันไปหมดเล้ว เหลือแต่ "ฮั่วซือเยี่ยน" แต่ก็ยังไม่มีหนังออกมาสักที หลัง "เหมยกุ้ยเจียงหู่" แล้วเงียบสนิท

ดาราชาย "หวงเวยเต๋อ" ประพฤติตัวไม่ดี กำลังจะไล่ออกจากสารระบบแล้ว "จงฮั่นเหลียง" ก็ไม่มีหนังใหม่ ๆ น่าสนใจเลย "ฉีจี้" หลังจากเรื่อง "โฉวหนี่อู๋ตี๋" แล้วก็เงียบเข้ากลีบเมฆ ก็ได้แต่รอ"เสี่ยวหมิง"ที่มีผลงานออกมาเรื่อย ๆ ตอนนี้ก็มี "เฟิงเซิง" มาให้รออีก ลุ้นสนุกดีว่าเมื่อไหร่จะออก หรือจะไปรอ "เนี่ยหยวน" ในบท "ถังซัมจั๋ง" ก็คงอีกปีหน้าโน่น รอยาว สามก๊กของ "ลู่อี้ก็ไม่ต้องรอ ถ่ายทำกันเข้าไป ไม่รู้จะได้ดูเมื่อไหร่ สรุป "เสี่ยวหมิง" คือความหวังอย่างน้อยก็ยังเป็นหนังย้อนยุคให้ดูแก้เซ็งไปพลาง ๆ ก่อน




โดย: มา-มิ-ยะ IP: 124.122.167.10 วันที่: 12 ตุลาคม 2552 เวลา:21:34:30 น.  

 
น้องเล็ก ลองเข้าไปดาวน์ที่ไซท์นี้นะคะ

//58.251.57.206/down?cid=2097CDB8A5DC180DA15853FB364066EF18CB725F&t=0&fmt=-&dt=2254000&usrinput=风声&plt=248

หรือถ้าไม่ได้ลองหาสักลิงค์ในนี้ต้องได้บ้างแหละค่ะ

//mp3.gougou.com/search?search=%E9%A3%8E%E5%A3%B0&id=4006469&pattern=40000


อันนี้มีคนแปะตัวอย่างหนังให้ดูค่ะ

//www.bjhc.net/user1/104/archives/2009/109936.html


อ่านจากบทแล้วพี่ว่าเสี่ยวหมิงออกจิต ๆ หน่อยนะคะ มันสะใจดีแท้ เปลี่ยนบทซะบ้างก็จะดี อย่าเล่นแต่ดีอย่างเดียวมันจะเซ็ง


โดย: มามิยะ IP: 124.122.167.10 วันที่: 12 ตุลาคม 2552 เวลา:22:03:33 น.  

 
น้องเล็กพี่ดาวน์ได้ที่นี่ค่ะ

//58.251.57.206/down?cid=248062B5561FB9397E0C43542DBBC0002E50C6CD&t=0&fmt=-&dt=2002000&usrinput=风声&plt=248

เพิ่งอ่านมาให้ข่าวเพิ่ม

เสี่ยวหมิงบอกว่าการขับร้องเพลง "เฟิงเซิง" นี้ยากมาก กว่าจะทำความเข้าใจกับการร้องได้ต้องใช้เวลา ตอนที่อารมณ์เพลงเศร้าจะใช้เสียงเบาๆ เหมือนไม่มีแรงก็ไม่ได้ ตอนที่อารมณ์เพลงยินดีจะใช้เสียงแหกปากตะโกนก็ไม่ได้อีก กว่าจะร้องเพลงนี้ออกมาจนพอใจก็เข้าห้องอัดสลับกับเล่นเรื่อง "เยี่ยเวิ่น2" ซึ่งกองนี้เป็นกองหนังกังฟู ต้องตื่นแต่เช้าตี 5 ทุกวัน ระยะเวลาในการอัดเพลง2 อาทิตย์กว่าจะเสร็จเรียบร้อย


การแต่งเนื้อร้องใช้นักแต่งเพลง 10 กว่าคนแต่งเนื้อร้อง แล้วเลือกเอาที่ดีที่สุด สุดท้ายได้ของนักแต่งเพลงชื่อดัง 李焯雄 ที่เคยแต่งเพลงในภาพยนตร์เรื่อง "สามก๊ก" เหตุที่เลือกของนักแต่งเพลงคนนี้เพราะเขาเก่งในการใช้คำง่าย ๆ แสดงความรู้สึกอันซับซ้อนของจิตใจมนุษย์

ด้านทำนองเป็นทำนองที่ฟังแล้วกินใจ ซึมซาบเข้าสู่อารมณ์และติดหูได้ง่าย โดยใช้นักแต่งทำนองที่เคยทำงานเพลงให้กับจางฮุ่ยเม่ย เถาเจ๋อ และจางฮุ่ยเม่ยมาแล้ว

ไม่สงสัยแล้วใช่ไหมว่าทำไมน้องเล็กถึงได้ชอบมันทันทีที่ได้ฟัง พี่เองก็รู้สึกไม่ต่างกันเลย พวกเรายังไม่ได้ดูหนังก็รู้สึกว่าเพลงมันเศร้า ชอกช้ำ และเย็นยะเยือก แม้จะแฝงไว้ด้วยความยินดีแต่ความเศร้ากลับกลืนกินมันไป และนี่คือเพลง "เฟิงเซิง" (สาส์น)


กำลังถอดความอยู่เห็นว่าแต่งกันตั้งหลายคนกว่าจะเลือกได้ จึงไม่กล้าผลีผลามเหลืออีก 2 บรรทัด พยายามใช้จิตใจของเสี่ยวหมิงมาคิดแล้ว แต่ยังคิดไม่ออก ไว้คิดออกแล้วค่อยมาแปะนะคะ


ยิ่งฟังยิ่งเพราะ เน็ตพี่ช้า ดาวน์ตั้งครึ่งชั่วโมงแหน่ะ

ชอบประโยคนี้

半喜半悲爱本来是双面刃
เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ แท้จริงแล้วความรักเหมือนดาบสองคม

แหม....เนื้อที่ไปลอกเพลงมา พิมพ์เป็น 两面刃 ดีจะที่เสี่ยวหมิงมาบอกว่า ไม่ใช่ มันต้อง ซวงเมี่ยนเรี่น (สองคม)


เอ๊ะ ...ฟังไปฟังมาตรงนี้ก็ดีค่ะ

灿烂却是近黄昏 สดใสแต่กลับใกล้มืดมน

ประโยคสุดท้าย 灿烂 ช่านล่าน แปลว่า สดใส กระจ่างจ้า เฉิดฉัน เห็นพระอาทิตย์เจิดจ้าเลย มันเป็นความสุขชัด ๆ แต่พี่แกกลับเอาคำว่า 黄昏 หวงฮุน สนธยา ยามเย็น ใกล้ค่ำ มาดับเฉยเลย คำว่าหวงฮุนมันให้อารมณ์ว่าค่อย ๆ ดับ จากแดดส่องสดใส เจอยามเย็นที่พระอาทิตย์ค่อย ๆ ตกดิน แล้วกลายเป็นกลางคืน กลางคืนคือความมืดมน มองไม่เห็น เยือกเย็น ไร้ความหวัง ทั้งมืดทั้งหมดหวัง มันเศร้าจริง ๆ ชักจะเชื่อว่าเอาคำง่าย ๆ มาดึงอารมณ์ได้ดีทีเดียว






โดย: มามิยะกับรติทำนองที่เย็นยะเยือก IP: 124.122.167.10 วันที่: 12 ตุลาคม 2552 เวลา:23:26:56 น.  

 
ฟังไปสิบกว่ารอบชักอิน

ตามเนื้อเพลงแล้ว พี่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เขามีรักต้องห้าม เขารักใครบางคนแต่บอกไม่ได้เพราะว่าเขาชอบเอาชนะ เอาชนะแม้ความรู้สึกของตัวเอง หากเขารักผู้หญิงคนนี้เขาจะทรมานกว่าตายเสียอีก เพราะความรู้สึกนั้นมันเป็นบาดแผลที่บาดเขาลึกมาก เป็นแผลเลยแหละ แต่กลับเป็นแผลที่มองไม่เห็น เขาก็ได้บอกว่า หากผู้หญิงคนนั้นมองเห็นก็จะรู้ว่าเขาน่ะชอบเอาชนะ หากมองลึก ๆ จะรู้ว่าเขารู้สึกกับเธออย่างไร ถ้ามองแล้วจะอ่านความรู้สึกเขาออก แตเขาไม่บอกหรอก เก็บมันเอาไว้อย่างนั้นแหละ ไม่ให้ใครรู้ การรักกับผู้หญิงคนนี้มันทรมานกว่าการเกลียดกันหรือไม่ลงรอยกันเสียอีก

มันอะไรกันเนี่ย คงต้องไปหาคำตอบในหนังอีกที


เศร้า สุด ๆ รักเขาแต่บอกไม่ได้ จะให้ชัด ๆ คือรักไม่ได้เพราะเป็นศัตรูกัน


ไม่รู้ตีความไปถึงไหนต่อไหนแล้ว.....


อดดู ทูไนท์ โชว์เลย มัวแต่ฟังอีตาเสี่ยวหมิงนี่แหละ


เฮ้อ....


โดย: มามิยะ IP: 124.122.167.10 วันที่: 13 ตุลาคม 2552 เวลา:0:01:06 น.  

 
ดาวน์โหลดได้แ้ล้วครับพี่มามิ ขอบคุณมากครับ

โอ๊ยยย....อ่านที่พี่มามิมาแปะความหมายเพลง โดนเต็มๆ ฉึก!!!!
ตายไปเลยครับ ตอนฟังแบบไม่รู้คำแปละ แค่เสียงเมโลดี้ในเพลง
บวกกับเสียงเสี่ยวหมิงและเอมวีในเพลง ก็รู้สึกว่ามันเศร้าแล้ว
มาอ่านที่พี่มามิเขียนไว้ ต้องยืนสงบนิ่งไปเลย

น้องเล็กไปเสิร์ชดูซี่รี่ยส์หน้งที่เสี่ยวหมิงเล่น เห็นมีหนังยุคปัจจุบันอีกเรื่องชื่อ 女才男貌

//data.ent.sina.com.cn/tv/1850.html

พี่มามิได้ดูเรื่องนี้หรอยังคับ
เห็นบอกว่าเป็นหนังเกี่ยวกับวงการแฟชั่น หนังตั้งแต่ปี 2004 เก่าแล้วนะเนี่ย ก่อนเรื่องมังกรหยกอีก
สงสัยจะไม่ดังแหะเรื่องนี้ เสี่ยวหมิงเล่นเรื่อง 大汉天子 ตั้ง 3 ภาคแหนะ
น้องเล็กได้ดูภาคแรกภาคเดียวเอง ทำไมไม่มีใครชอบเรื่องนี้หรือไงน้า
หาโหลดในเวปบิทก็ไม่เจอเลย เจ็บใจๆ
เสี่ยวหมิงโชคดีอย่างนะครับ น้องเล็กว่าเค้าเป็นคนที่แต่งขึ้นทั้งยุคโบราณและยุคปัจจุบัน
ดาราบางคนแต่ยุคโบราณแล้วไปไม่รอดเลย ดูไม่เข้ากันเอาซะเลย
ดาราหญิงนี่ยังพอเอาตัวรอดได้เพราะมีเครื่องประดับช่วย แต่ดาราชายนี่ต้องหน้าตาล้วนๆเลย

เป็นดารายุคนี้จะมารอเล่นหนังอย่างเดียวคงไม่ได้แล้วหละครับ ไม่ใช่ทุกคนที่
จะยืนอยู่แถวหน้าแบบอยู่ยงคงกระพันอย่างพวกเฮียหลิว เฮียเหลียง นักแสดงเกิดใหม่แทบจะทุกวัน

พูดถึงฟ่านปิงปิง น้องเล็กเฉยๆกับเธอนะครับ แต่น้องเล็กชอบ โจวซวิ่นมากกว่า เสียดายเธอผอมไปหน่อย
บางเรื่องผอมมากจนรู้สึกว่ารูปร่างเธอไม่สมส่วนคือหัวโตตัวเล็ก แหะๆ
แต่ชอบเวลาเธอเล่นบทเศร้าๆ หน้าเธอดูใสซื่อชวนให้สงสารและเห็นใจเธอจริงๆครับ
ไปเสิร์ชเจอข่าวเก่าๆของเธอ เจอข่าวที่เธอเคยโดนกิมย้งวิจารณ์ว่าไม่เหมาะจะรับบทเซียวเล่งนึ้ง
จนได้หลิวอี้เฟยมารับบทนี้ไปแทน



โดย: เล็กชิ้นสด(ไม่งอกไม่ชู) IP: 58.9.159.70 วันที่: 13 ตุลาคม 2552 เวลา:10:30:44 น.  

 
ดีจ้าน้องเล็ก


อาทิตย์ที่แล้ว เพลงเอ็มเคมันวนอยู่ในหัว มาอาทิตย์นี้ น้องเล็กมาเปิดศักราช "เฟิงเซิง" พี่ก็เลยมีเพลงนี้วนอยู่ในหัวทั้งวัน และคาดว่าอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ เล่นเอาเอ็มพีสามของพี่แบตหมดไปเลย

มาเรื่องดนตรี เขาเลือกใช้เปียนโน มันดึงอารมณ์เศร้าและเหงาออกมาได้ดีทีเดียว ส่วนเครื่องดนตรีอื่น ๆ พี่ยังจับไม่ออก หลังจากอินโทรแล้วมันรู้สึกวังเวง อยู่ในที่เวิ้งว้าง มันต้องใช้วงอะไรใหญ่ ๆ บรรเลงตามที่พี่สันนิษฐาน แต่เสียดายยังจับไม่ออก น้องเล็กมาช่วยพี่จับหน่อยสิคะ

หลังจากที่นั่งคิดพี่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เขาไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่ด้วย ใครจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรก็ไม่สนใจ ดูจากเนื้อที่ว่า

是非由他们议论 จริงเท็จแล้วแต่ผู้คนจะวิพากษ์วิจารณ์


สำหรับผู้หญิงคนนี้แล้วเขาต้องทรยศกับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ยอมเปิดเผย และรู้สึกน้อยใจผู้หญิงคนนี้อยู่บ้างเหมือนกันในส่วนลึก ดูจากคำว่า

亦邪亦正我会是谁的替身 เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจะให้ฉันเป็นตัวแทนของใคร

真作假时假当真 ตอนจริงจังกลับเห็นเป็นเรื่องเล่น ๆ ตอนแกล้งทำกลับเห็นเป็นเรื่องจริงจัง

半喜半悲爱本来是双面刃 ความสุขสลับความทุกข์ แท้จริงแล้วความรักเหมือนดาบสองคม

ดูเหมือนเขาผู้นี้จะเป็นผู้กำชะตาชีวิตของตนเอง ไม่อยากให้ใครมาเหนือเขา เขาจึงต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจ เก็บไว้จนมันกลับมาทำร้ายตนเอง บาดลึกแต่บาดแผลนี้เขาต้องซ่อนมันจึงเป็นบาดแผลที่ไร้ร่องรอย

若你看出我那无形的伤痕 หากมองออกถึงบาดแผลที่ไร้ร่องรอย

你该懂我不光是好胜 ควรดูออกว่าฉันไม่เพียงแค่ชอบเอาชนะ

ไม่น่าเชื่อคนที่เป็นผู้กำชะตาชีวิตจะเชื่อใน "โชคชะตา" เพราะเขาบอกว่า ชีวิตลิขิตไว้ในลายนิ้วมือแล้วตั้งแต่เกิด
ดูจากคำว่า

是非由他们议论 จริงเท็จแล้วแต่ผู้คนจะวิพากษ์วิจารณ์

没半点风声 แต่มิได้แย้มพรายเบาะแสแม้แต่น้อย

命运却留下指纹 ชะตาชีวิตประทับไว้บนลายนิ้วมือ


แต่ที่เขารู้แน่ ๆ คือ เขารักผู้หญิงคนนี้แหละ รักแต่ก็ต้องเงียบ ๆ ไว้ ดูตรงนี้

爱你却不能过问รักเธอแต่มิอาจเอ่ยปาก

别走漏风声อย่าให้รู้ระแคะระคาย


ทรมานเหลือเกินนะคะ เจ้าของความรู้สึกนี้ ความรักมันล้นออกทางสายตาเลย เพราะเขาบอกเองว่าถ้าเธอสังเกต เธอจะทราบเอง ตรงนี้ค่ะ


若你看出我那无形的伤痕 หากมองออกถึงบาดแผลที่ไร้ร่องรอย

你该懂我看你的眼神 ควรอ่านสายตาที่ฉันมองเธอออก


น้องเล็ก อินขึ้นสมองเหมือนพี่หรือเปล่า

พี่คิดว่าตัวละครตัวไหนในเรื่อง "เฟิงเซิง" ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้มันทรมานดีแท้ บทนี้น่าเล่น มันท้าทายความสามารถดีนะคะ

เรื่องนักแต่งเพลง พี่ว่าเขาก็แต่งได้ดีนะคะ เมื่อสองทสวรรษก่อน ไม่รู้ว่าน้องเล็กจะเคยได้ยินชื่อ "เฉินซิ่วหนัน" หรือเปล่าคะ

เฉินซิ่วหนันเป็นนักแต่งเพลงที่เก่งมากคนหนึ่ง ใช้คำง่าย ๆ แต่หวาน เว้าวอน แต่งเพลงรัก ใครได้ยินเพลงของเขาก็ต้องชอบในความหวานของเนื้อเพลง เฉินซิ่วหนัน เป็นคนตัวอ้วน สูบบุหรี่จัด แต่เพลงของเขาไม่ทราบมีแรงบันดาลใจมาจากไหน พี่รู้สึกชอบเนื้อที่เขาแต่งมาก มานั่งลอก ๆ ๆ ทั้งที่ภาษาจีนยังไม่รู้สักตัว เรียกว่าวาดเลยล่ะมั๊งคะ

ต่อมา เสี่ยวเหม่ย นักแต่งเพลงหญิง ที่ได้ชื่อว่าเป็นหยิงเก่งแห่งฮ่องกง พี่สนใจเธอมาก เธอมีอารมณ์ศิลปินและก็เก่งมาก เนื้อเพลงของเธอแฝงความหมายลึกล้ำ จนทำให้พี่ได้หาความหมายลึก ๆ ของมันทำให้ขยายความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ไปหลายเรื่อง ทั้งเรื่องทางตะวันตกและตะวันออก ต่อมาเสี่ยวเหม่ย เสียแรงบันดาลใจไป เพราะเรื่องส่วนตัวบางประการ ทำให้เนื้อเพลงของเธอ สำหรับพี่แล้วมันน่าเบื่อมาก ใช้คำศัพท์ซ้ำ ๆ สื่อความซ้ำ ๆ ไม่สามารถใช้คำใหม่มาบรรยายความรู้สึกได้ การเข้าเนื้อเพลงจึงมีแต่อาการซ้ำซ้อนให้สะดุดตลอดมาในระยะหลัง

เลิกฟังเพลงของเสียวเหม่ยซึ่งแม้แต่หลิวเต๋อหัวก็ชื่นชมเธอ พี่ได้หันมาทางแผ่นดินใหญ่ ซุนหนันทำให้พี่รู้สึกว่าเพลงของเขาไม่เลว และต่อมา

โจวเจี๋ยหลุน เพลงของเขาฟังครั้งแรกอาจไม่เกิดภาพ แต่เมื่อฟังต่อไปหลาย ๆ ครั้ง เนื้อมันสื่อมโนภาพ(ภาพในใจ) ได้ดีมากเลย

มีหลายคนที่แต่งเพลงเก่ง .......ใช่สินะ พวกเขามีแรงบันดาลใจจากอะไรกัน คำศัพท์ที่พวกเขาใช้ พี่ว่าเขาคงไม่ได้เขียนครั้งเดียวได้ เปลี่ยนกันกี่ครั้งกว่าจะได้เนื้อนี้ออกมา ดังนั้น พี่จึงชอบ "เฟิงเซิง"



โดย: มามิยะ IP: 124.120.78.35 วันที่: 13 ตุลาคม 2552 เวลา:21:41:48 น.  

 
歌词 เนื้อร้องเพลงนำประกอบภาพยนตร์เรื่อง " เฟิงเซิง"


《风声》รติสาส์น


曲:曹轩宾 词:李焯雄 唱:黄晓明



若你看出我那无形的伤痕
หากมองออกถึงบาดแผลที่ไร้ร่องรอย

你该懂我不光是好胜
ควรดูออกว่าฉันไม่เพียงแค่ชอบเอาชนะ

亦邪亦正我会是谁的替身
เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจะให้ฉันเป็นตัวแทนของใคร

真作假时假当真
จริงจังกลับเห็นแกล้งทำ แกล้งทำกลับว่าจริงจัง

说来遗憾就算我有多坚忍
จะว่าไปฉันต้องอดทนกับคำว่าหวนเสียใจมากมายแค่ไหน

若有似无有什么凭证
หากครอบครองแล้วเหมือนมิได้ครอบครองจะเอาอะไรมาพิสูจน์

半喜半悲爱本来是双面刃
ความสุขสลับความทุกข์ แท้จริงแล้วความรักเหมือนดาบสองคม

是非由他们议论
จริงเท็จแล้วแต่ผู้คนจะวิพากษ์วิจารณ์

没半点风声
แต่มิได้แย้มพรายเบาะแสแม้แต่น้อย

命运却留下指纹
ชะตาชีวิตประทับไว้บนลายนิ้วมือ

爱你却不能过问
รักเธอแต่มิอาจข้องแวะ

别走漏风声
อย่าให้รู้ระแคะระคาย

爱我比敌对残忍
รักกัน(ฉัน)ทรมานกว่าการเป็นปรปักษ์

灿烂却是近黄昏
สดใสแต่กลับใกล้มืดมน

若你看出我那无形的伤痕
หากมองออกถึงบาดแผลที่ไร้ร่องรอย

你该懂我看你的眼神
ควรอ่านสายตาที่ฉันมองเธอออก

亦邪亦正我会是谁的替身
เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจะให้ฉันเป็นตัวแทนของใคร

真作假时假当真
จริงจังกลับเห็นแกล้งทำ แกล้งทำกลับว่าจริงจัง

没半点风声
แต่มิได้แย้มพรายเบาะแสแม้แต่น้อย

命运却留下指纹
ชะตาชีวิตประทับไว้บนลายนิ้วมือ

爱你却不能过问
รักเธอแต่มิอาจข้องเกี่ยว

别走漏风声
อย่าให้รู้ระแคะระคาย

爱我比敌对残忍
รักกัน(ฉัน)ทรมานกว่าเป็นปรปักษ์

灿烂却是近黄昏
งดงามแต่กลับใกล้มืดมน

没半点风声
อย่าให้รู้ระแคะระคาย

命运却留下指纹
ชะตาชีวิตประทับไว้บนลายนิ้วมือ

爱你却不能过问
รักเธอแต่มิอาจข้องเกี่ยว

别走漏风声
อย่าให้รู้ระแคะระคาย

爱我比敌对残忍
รักกัน(ฉัน)ทรมานกว่าเป็นปรปักษ์

灿烂却是近黄昏
งดงามแต่กลับใกล้มืดมน

别走漏风声
อย่าให้รู้ระแคะระคาย

爱你却比死更冷
รักเธอยังหมดหวังกว่าความตาย

灿烂却是近黄昏
งดงามแต่กลับใกล้มืดมน




โดย: มามิยะผู้กำลังอินกับเพลงนี้ IP: 124.120.78.35 วันที่: 13 ตุลาคม 2552 เวลา:23:01:29 น.  

 
เรื่องนี้ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล 6 รางวัลม้าทองคำด้วยกันคือ

1. ดารานำหญิงยอดเยี่ยม
2. บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
3. ศิลปะยอดเยี่ยม
4. ออกแบบภาพลักษณ์ยอดเยี่ยม
5. มุมกล้องยอดเยี่ยม

มัน 5 ชัด ๆ เอาจากไหนมา 6 ข่าวบอกว่า ที่เป็น 6 เพราะดารานำหญิงมี 2 คนที่ได้เข้ารอบคือ หลี่ปิงปิงกับโจวซวิ่น

แหม...เล่นให้เรานับแล้วนับอีก

"เฟิงเซิง" ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ในรอบ 10 ปี เนื่องจากที่เสนอชื่อเข้ารับรางวัลม้าทองคำที่เคยมีก็เรื่อง "ว่อหู่ฉางหลง" ที่จางจื่ออี๋กับหยังจื่อฉุนเท่านั้นที่เคยทำไว้ในอดีต

อ้าว ....ตกลงเสี่ยวหมิงเราส่ง2หญิงนี้หรอกรึ?

เดือนตุลานี้ "เฟิงเซิง" เข้าฉายแล้วในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ สถิติไม่เลว และตั้งแต่กลางเดือนก็จะทยอยฉายทั่วเมืองจีน

ข่าวว่าไว้อย่างนี้จ้า

ไปเปิดบล็อคใหม่ดีไหม แต่หนังยังไม่ได้ดูอ่ะ



โดย: มามิยะ IP: 124.120.78.35 วันที่: 14 ตุลาคม 2552 เวลา:0:42:35 น.  

 
เสี่ยวหมิงเล่นเป็นทหารญี่ปุ่นที่สงสัยคนจีน 5 คนว่าเป็นสายลับ เลยต้องใช้เวลา 5 วันในการทำทุกวิถีทางให้ 5 คนนี้ยอมสารภาพ หนึ่งในนั้นคือโจวซวิ่น

โจวซวิ่นเล่าว่า เธอรู้ต้วว่าตัวเล็ก ตอนที่ต้องโอบคอเสี่ยวหมิง เกาะเขาต้องเกาะแน่นสุด ๆ เพราะกลัวหล่น เธอบอกเสี่ยวหมิงว่าจะกอดให้แน่นและกระโดดกัดหูเลย ให้ได้ภาพที่ได้ออกมาดูว่าเธอแค้นเสี่ยวหมิงขนาดไหน ผู้กำกับให้เธอเล่น 7 ครั้งกว่าจะได้ภาพอย่างที่ต้องการ โจวซวิ่นยังบอกอีกด้วยว่า เธอบอกเสี่ยวหมิงว่าเล่นเต็มที่ เธอเคยเล่นบทกระโดดเข้าหาผู้ชายที่ตัวสูงใหญ่มาก่อนแล้วแต่นั่นเป็นบทหวานมากกว่าบทแค้น

เสี่ยวหมิงบอกว่าขอบคุณที่โจวซวิ่นไว้ใจเขา เธอเล่นซะหมดแรงกว่าผู้กำกับจะพอใจ เสี่ยวหมิงมักเอามือจับเธอเอาไว้ก่อนที่จะตกลงมา เขากลัวว่าจะเขินกันแต่โจวซวิ่นบอกว่าไม่ต้องยั้งเลย เล่นเต็มที่ให้ได้ภาพที่ดีออกมาสำคัญที่สุด เสี่ยวหมิงยังบอกอีกว่า เรื่องนี้เขาได้แต่หาทางทรมานคนอื่น ได้โจวซวิ่นมาแก้แค้นก็เหมือนการไถ่โทษ รู้สึกดีขึ้นเหมือนกัน ฉากที่โจวซวิ่นกัดหูเขา เขายินดีให้เล่นแบบนี้ และหวังว่าภาพที่ได้จะสมจริงสมจังที่สุด

เสี่ยวหมิงกับโจวซวิ่นหลังจากร่วมงานกันก็สนิทกันกว่าเดิม เมื่อไหร่ที่เสี่ยวหมิงล้อโจวซวิ่นล่ะก็ โจวซวิ่นจะเตื่อนว่า "ระวังโดนกัดหู" เสี่ยวหมิงได้ยินได้แต่ต้องหุบปากเอาไว้

เข็ดล่ะสิ.....



โดย: มามิยะ IP: 124.120.78.35 วันที่: 14 ตุลาคม 2552 เวลา:0:56:52 น.  

 
นั่งอ่านคำแปลเนื้อเพลงแล้วลองฟังเพลงวนอีก 5 รอบ โอ๊ว พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก
เอาจากที่น้องเล็กฟังนะครับ หูอาจเพี๊ยนบ้าง ขออภัยด้วยนะครับ

เปิดเพลงด้วยอินโทรเดี่ยวเปียนโน เหมือนเป็นการเกริ่นอารมณ์เศร้าของเพลงให้คนฟังได้รับรู้
จากนั้นตามด้วยเสียงเครื่องสาย ( น้องเล็กเดาว่าถ้าไม่ใช่ไวโอลินก็น่าจะเป็นเชลโล)และหยุดอารมณ์ด้วยจังหวะ
กลอง 1 ทีก่อนเข้าเพลง
เสียงร้องของเสี่ยวหมิงช่วงแรก ( เพลงนี้ร้องวน 2 รอบ และร้องซ้ำช่วงท่อนฮุคอีก 1 รอบ )
ร้องด้วยน้ำเสียงแผ่วแต่มีน้ำหนักให้ความรู้สึกเหมือนต้องการบอกความในใจใครสักคน
แต่ไม่กล้าพูด น้ำเสียงแฝงความออดอ้อนเหมือนอยากจะตัดพ้อโชคชะตาตัวเอง

半喜半悲爱本来是双面刃
ความสุขสลับความทุกข์ แท้จริงแล้วความรักเหมือนดาบสองคม

是非由他们议论
จริงเท็จแล้วแต่ผู้คนจะวิพากษ์วิจารณ์

ประโยคนี้น้ำเสียงคล้ายจะบอกว่าความรักที่ใครๆอาจมองว่าเป็นความสุข แต่สำหรับเค้ากลับเต็มไปด้วยความทุกข์

ขึ้นท่อนฮุคช่วงแรก ดนตรียังหนักไปทางเครื่องสายมีเสียงกีต้าร์โปร่งใสๆแทรกเข้ามา
ก่อนจบท่อนฮุคและตามด้วยเสียงเดี่ยวไวโอลินและเสียงคลอรัสเพิ่มความโหยหวนของอารมณ์เพลง
(จะตอกย้ำกันไปถึงไหนนนนน...)

ร้องวนรอบสอง คราวนี้อารมณ์จะต่างกับช่วงแรกเพราะเริ่มเน้นกลองกับเสียงคอรัสเป็นหลัก
อารมณ์คล้ายๆ อยากตะโกนให้เธอรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจ จะมีเสียงคอรัสร้องเป็นลูกคู่คลอเกือบตลอด
แอบมีเสียงเครื่องสายมาดึงอารมณ์ให้พีค(02.49)และตามด้วยเสียงกลอง
กับเสียงคอรัสอีกรอบ ก่อนจะจบด้วยเสียงเศร้าๆบอกถึงการยอมรับชะตากรรมที่ต้องยอมทนเก็บความรู้สึกนี้ไว้ต่อไป

灿烂却是近黄昏
สดใสแต่กลับใกล้มืดมน

บางเสียงน้องเล็กฟังแล้วนึกไม่ออกว่าเป็นเครื่องดนตรีอะไร อนุมานเอาว่าน่าจะเป็นเสียงจาก
ซินธิไซเซอร์ที่ใช้โปรแกรมมิกเสียงเอานะครับ

หมดแรงงงงงงงงงง .........

เดี๋ยวรอดูหนังแล้วค่อยเปิดบล๊อคใหม่ก็ได้มั้งครับพี่มามิ เอ๋..หรือไปเปิดเรียกลูกค้าให้ไปอุดหนุนเสี่ยวหมิงก่อนดี อิ อิ
ไว้ถ้าเข้าฉาย นัดกันไปดูกับเจ่เจ๊มั้ยครับ ดูโรงใหญ่จะได้เห็นฉากอารมณ์แบบเต็มๆตาเลย







โดย: เล็กชิ้นสด IP: 58.9.226.146 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:1:09:56 น.  

 
เดี๋ยวตอนเย็นมาเขียนอีก

ตามเนื้อข้างบนรู้สึกว่าจะเปลี่ยนอยู่ตัวหนึ่งนะ เมื่อเช้าพี่นั่งฟัง แต่เสี่ยวหมิง ไม่ได้ร้องตามเนื้ออยู่ตัวหนึ่ง เมื่อเปลี่ยนแล้วความหมายเท่าเดิม เอ๊ะ เลิศจริง ๆ

อาจมีลุ้นเข้าฉายนะคะ เพราะท่าจะมันส์ ไอ้เจ้าของความรู้สึกมันทรมานดีน่ะ ขัดแย้งในอารณ์ของตัวละครแบบนี้สิมันส์


ชักพากัน "คลั่ง" เสียแล้ว


โดย: มามิยะ IP: 61.90.21.120 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:13:40:02 น.  

 
อ่านที่น้องเล็กเขียนแล้ว อ่านหลายรอบ มันโดนจริง ๆ แหละ เสี่ยวหมิงกะทำพวกเราตายไปด้วยเสียงร้องของเพลงนี้เลยรึไง พี่ไปตะโกนใส่หน้าเสี่ยวหมิงแล้ว บอก “จะเอาถึงตายเหรอรึ? เล่นร้องเพลงนี้แบบนี้น่ะ” เสี่ยวหมิงหัวร่อกลบเกลื่อนก่อนจะบอกว่า “คนที่จะตายน่ะคือผมครับ”

เล่นเอาพี่เหวอเลยถามต่อว่า “อะไรอ่ะ งง?”


เสี่ยวหมิงก็เล่าให้ฟังต่อว่า “ความจริงบทของทหารญี่ปุ่นนี่ผมไม่อยากเล่น เพราะว่าปรกติแล้วผมเล่นหนังภาพลักษณ์แนวไอดอล ถ้าเล่นบททหารโหดเลือดเย็น ฆ่าคนตาไม่กระพริบแบบนี้จะทำลายภาพลักษณ์ ยิ่งทหารญี่ปุ่นที่บุกประเทศของผมแล้วนี่ยังแล้วกันใหญ่ เสี่ยงมากที่จะโดนเกลียด แต่เพื่อน ๆ หลายคนกล่อมว่าผมควรรับเล่นโดยไม่ต้องไปคิดเรื่องชนชาติอะไรทั้งสิ้น บททหารญี่ปุ่นนี้นับว่าเป็นบททางภาพยนตร์เป็นเรื่องของศิลปะการแสดง ผมคิดไปคิดมาแล้ว ก็เห็นจริงด้วย การเป็นนักแสดงต้องก้าวข้ามความเป็นตัวเอง ต้องพัฒนา ต้องเล่นให้ได้ ผมจึงตกลงเล่น คิดดูสิครับ บทของทหารญี่ปุ่นที่คนรุ่นก่อนเคยแพ้สงครามแล้วโดนดูถูกมาตลอด มาถึงรุ่นผม(หมายถึงตัวละคร) ต้องล้างอายให้ได้ บางทีฆ่าคนโดยไม่ลงมือ แค่โบกไม้โบกมือเท่านั้น แล้วต้องเล่นเป็นคนโหด ถึงขนาดเกือบต้องหาหมอโรคจิตแล้วนะผมน่ะ ”

อ๋อ ...เหรอ พี่เพิ่งถึงบางอ้อ (อ่านจากบทสัมภาษณ์มาแต่งเรื่องเองจ้า)


เล่าต่อแบบปรกติ

เรื่องนี้เสี่ยวหมิงต้องเจอกับดาราระดับแนวหน้าหลายคน ถ้าไม่แน่จริงคงต้องถอยก่อน แต่เสี่ยวหมิงอยากพัฒนาตัวเอง เลยรับเล่น แต่มันก็กดดันมากเลย เพราะดาราแต่ละคนก็ฝีมือดี ๆ ทั้งนั้นการจะเล่นหนังกับคนเหล่านี้ เขาต้องกดดันอย่างหนัก และต้องเปลี่ยนตัวเองให้หมดความใส โดยทางกองให้เพิ่มเสื้อข้างใน 1 ตัว ไว้เคราครึ้ม และยังแถมแผลเป็นบนใบหน้าให้ด้วย เพื่อไม่ให้เสี่ยวหมิงดูเด็กหรือใสจนเกินไป บททหารญี่ปุ่นนี้ต้องต่อกรกับทหารที่ใหญ่กว่าตัวเองและคนจีนอีก 5 คนที่เป็นสปาย บทหนักเอาการอยู่ เสี่ยวหมิงดูตัวอย่างหนังแล้ว รู้สึกว่าแผลบนใบหน้ายังไม่ลึกพอ ผมก็ยังไม่สั้นพอกลัวว่าจะทำร้ายภาพลักษณ์น้อยไปจึงเกิดความกังวลใจ หากใครได้ดูแล้ว เกลียดบทนี้ของเขาล่ะก็ เขาบอกว่า นั่นแหละเขาประสบความสำเร็จในการเล่นบทนี้แล้ว



ในบทเสี่ยวหมิงใช้ทหารใต้บังคับบัญชา ทรมานผู้ต้องสงสัย 5 คนโดยไม่จำกัดวิธีในการทรมานรวมทั้งหลี่ปิงปิงกับโจวซวิ่นด้วย ในเรื่องนอกเรื่องความรู้สึกมันวนเวียนทรมานเขาจนแทบคลั่ง เสี่ยวหมิงสารภาพว่า “ความจริงในเรื่องผมต้องทรมานคนอื่น แต่ผมเนี่ยทรมานที่สุดเกือบต้องหาหมอโรคประสาทเสียแล้ว” บททหารญี่ปุ่นของเสี่ยวหมิง เป็นบทที่ข้างในแทบระเบิดแต่ข้างนอกต้องทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไร ตอนเล่นเรื่องนี้เสี่ยวหมิงต้องอินกับบทจนเขาเองแทบเป็นบ้าไปเสียเอง ทำเขาก็บีบคั้นตัวเอง เขาต้องกดดันให้เหยื่อรับสารภาพ โดยเฉพาะฉากกับหลี่หนิงอวี้ที่พยายามหาทางให้บอกความจริง กล้องจะถ่ายความรู้สึกที่เปลี่ยนไปบนสีหน้าของทุกตัวละครที่มีความกดดันอัดแน่นในใจ ทุกคนไม่รู้จะเล่นอย่างไรผู้กำกับถึงพอใจ ต่างดื่มเหล้าไปตั้งมากมาย หลี่ปิงปิงดื่มจนแทบเล่นต่อไม่ได้ เมื่อดื่มเหล้าลงไปแล้วจะผ่อนคลายขึ้น และได้ความรู้สึกของการระเบิดอารมณ์ ฉากนี้ออกมาน่าตกใจ และฉากกับโจวซวิ่นที่ต้องกัดหูเสี่ยวหมิง เสี่ยวหมิงบอกว่าหาทางพยายามเล่นให้ได้ตามที่ผู้กำกับต้องการตั้งหลายวิธี และในที่สุดฉากนี้เล่นไป 2 วันกว่าจะได้ภาพที่ต้องการ เสี่ยวหมิงเสียงแหบไปเลย

เสี่ยวหมิงบอกว่าการรับบทตัวละครที่อารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอย ข้างนอกอย่างข้างในอย่าง ท่าทางสงบนิ่งแต่แท้จริงแทบคลั่ง เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มนี้เป็นโอกาสพัฒนาการแสดงของเขา แต่ก่อนเขาขี้อาย เรียนอยู่ 4 ปี เจอใคร ๆ ในโรงเรียนก็ได้แต่ก้มหัวทักทายแล้วเดินหนี ไม่มีโอกาสได้พัฒนาการแสดงเลย เขาคิดว่าการที่เขารับบทนี้ได้เพราะเขาได้มีประสบการจากการเล่นเรื่อง “หวังฉงยื่อจี้” (มีอยู่เดี๋ยวจะตามไปศึกษาดู เสี่ยวหมิงเล่นเรื่องนี้ หน้าตาตลกจะตาย แหะ แหะ) ตอนนั้นเขาได้รับอุบัติเหตุและไม่กล้าบอกแม่ต้องทนเจ็บและเผชิญชะตากรรมอยู่เพียงคนเดียว ทำให้เข้าใจชีวิตได้มากขึ้น และเพื่อรับบทคนญี่ปุ่นเขาได้ดูหนังญี่ปุ่นหหลายเรื่องเพื่อศึกษานิสัยและท่าทางของคนญี่ปุ่นว่าชอบทำท่าอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การสะบัดมือ สะบัดขา การค้อมหัว และอื่น ๆ เสี่ยวหมิงได้ศึกษามาอย่างละเอียด และได้ออกแบบการแสดงบทนี้ให้เป็นคนที่ติดใช้ถุงมือสีขาว และเป็นหวัดตลอดเวลา วันแรกที่ถ่ายผู้กำกับให้เขาลองทำท่าเหมือนจะจามแต่กลับจามไม่ออก เสี่ยวหมิงทำไม่ได้ ผู้กำกับเลยให้ตัวละครนี้กลายเป็นหวัดหนักแทนไป(2009 หรือเปล่าจ๊ะ)

หวังจื้อเหวินเป็นนักแสดงรุ่นพี่ที่เสี่ยวหมิงนับถือ เขาจึงขอคำแนะนำจากรุ่นพี่ผู้นี้เสมอว่าเขาเล่นดีแล้วหรือยัง ปรกตินักแสดงเขาจะไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับอีกฝ่าย แต่รุ่นพี่ให้คำแนะนำเสี่ยวหมิงเป็นอย่างดี เสี่ยวหมิงแอบมองเขาเล่น มีอยู่ฉากหนึ่งที่เขาสูบบุหรี่แล้วดีดไฟบุหรี่หล่นพื้น มันเท่ห์จริง ๆ ในเรื่องนี้เสี่ยวหมิงเลยขอยืมท่าสูบบุหรี่รุ่นพี่ไปใช้ด้วย เขาบอกว่ารู้สึกตื้นตันใจมากที่รุ่นพี่มาแนะนำให้แบบนี้

เฮ้ย.....บทความนี้ทำไมยาวจัง ยังไม่จบแต่ปวดตาแล้ว ถ้ายังสนใจพรุ่งนี้ค่อยเล่า ปวดตามากแล้ว จะไปดู เรื่องจริงผ่านจอเสียหน่อย

เจอกันพรุ่งนี้จ้า




โดย: mamiya & feng sheng IP: 124.122.83.28 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:22:16:23 น.  

 
ลืมบอก ตรงนี้เพราะมากเลยเนอะ

ปั้นสี่ปั้นเปยอ้ายเปิ่นไหลซื่อซวงเมี่ยนเริ่น
半喜半悲爱本来是双面刃
ความสุขสลับความทุกข์ แท้จริงแล้วความรักเหมือนดาบสองคม

น้องเล็กดูสิมันมี ป.ปลาตากลมตั้งหลายตัว เสียงมันเลยออกมาเพราะไง ย้ำ ๆ ดี คำว่า “เริ่น” ก็คือ คม (ของอาวุธ) แปลว่าดาบไปน่ะเพื่อความเข้าใจ แต่ดาบมันยังมีด้าม แต่เริ่นมันเป็นคมซึ่งมีสองคมเลยนะ อึ๋ย...หวาดเสียว ความรักมันคมขนาดนั้นเลยเหรอ หมิงเจี้ยวจู่(เจ้าลัทธิหมิง แฟน ๆ เรียกเสี่ยวหมิง)

ซื่อเฟยหยิวทาเหมินอี้ลุ่น
是非由他们议论
จริงเท็จแล้วแต่ผู้คนจะวิพากษ์วิจารณ์

ไอ้ตรงนี้แหละที่เปลี่ยน น้องเล็กช่วยพี่ฟังหน่อยสิ เนื้อมันเขียนว่า หยิวแต่พี่ได้ยินเสี่ยวหมิงร้องว่า เยิ่น / เริ่น(任) มันแปลในประโยคนี้ว่า “ปล่อยให้” “หยิว” น่าจะแปลว่า “แล้วแต่”พวกเขาวิจารณ์ แต่ถ้าเริ่นจะแปลว่าปล่อยให้พวกเขาวิจารณ์(กันไป) ความหมายไม่ได้เปลี่ยน มันก็คือไม่สนใจคนวิจารณ์ แต่อารมณ์ต่างกันนิดหน่อย
หยิว แล้วแต่ ก็คือแล้วแต่จะวิจารณ์กันไป ช่างมัน ข้าไม่สน ส่วนเริ่น ก็ปล่อยให้วิจารณ์กันไป ช่างมันข้าไม่เดือดร้อน สรุปสองคำเปลี่ยนแล้วความหมายได้เท่าเดิม แต่อาจเพราะอะไรถึงเปลี่ยนก็ต้องถามคนแต่งดู

น้องเล็กลองฟังดูสิคะ พี่ว่าพี่ฟังถึง 100 รอบแล้วนะ หลับไปพร้อมกับเสียงของเสี่ยวหมิงทุกคืน ไปจริง ๆ แล้วแหละ



โดย: มามิยะ ปวดตาแล้วจ้า IP: 124.122.83.28 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:22:27:56 น.  

 
ต๊าย พี่มามิโง่จัง เมื่อกี้นึกได้ว่าลองไปดูเอ็มวีสิมันมีซับ จะต้องรู้ว่ามัน ใช้ตัวอะไรกันแน่ ในที่สุดก็ค้นพบว่ามันเป็นตัวเริ่นจริง ๆ ด้วยค่ะ น้องเล็กเปลียนตัวอักษรข้างบนเป็นแบบนี้นะคะ

จาก
是非由他们议论
เป็น
是非任他们议论

ดีใจที่หูตัวเองยังใช้ได้อยู่บ้าง ฮิ.... ฮิ...

น้องเล็กดูเอ็มวีนี้ มีการทรมาน 2 หญิงด้วย พี่สงสัยจังว่าเขาทำอะไรหลี่ปิงปิง(ในเรื่องนะ) ดูได้แว๊บเดียวเอง เดาไม่ถูก แต่สายลับถ้าเป็นผู้หญิง น่ากลัวนะคะ เพราะผู้หญิงถูกทำร้ายได้หลายทางกว่าผู้ชาย แล้วยิ่งกับทหารญีปุ่นเลือดเย็น แค่คิดก็อยากดูแล้วค่ะ

ในเอ็มวีนี้มีฉากที่เสี่ยวหมิงสวมฮุ้ด แล้วชายตาไปมองใครก็ไม่รู้ ฉากนี้กินหัวใจพี่ไปครึ่งหนึ่ง เลือดไหลซิบ ซิบ เลย ขอร้อง อย่าทำแบบนี้เลย ฮือ ฮือ....

//v.youku.com/v_show/id_XMTI1NTM1OTgw.html


โดย: มามิยะ IP: 124.122.83.28 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:22:44:29 น.  

 
น้องเล็กว่าถ้าพี่มามิจะดูเรื่องนี้ต้องเตรียมทำใจเรื่องความโหดของบทเสี่ยวหมิงในเรื่องนะครับ
เพราะเท่าที่ดูแค่ในเอมวีนี่ โดนกันถ้วนหน้า ที่เห็นชัดที่สุดก็ซูโหย่วเพิงกับ หลี่ปิงปิง(เสี่ยวหมิงตาดุมาก)
บทอาจจะโหดระดับน้องๆของบทที่Ralph Fiennes ได้รับในSchindler's List ก็ได้ครับ
หลังจากเรื่องนี้ หมิงเจี่ยวจู้ควรไปหาหนังรักซึ้งๆมาเล่นล้างตาเหมือนที่ อีตาRalph ทำในเรื่อง The English Patient
คนจะได้ไม่ติดภาพบทโหดๆในเรื่องเฟิงเซิง หรือไม่หาหนังรักตลกๆกุ๊กกิ๊กๆเล่นแทนก็ได้
งานนี้ทำเอากล่องฝากฝีมือไว้ก็ถือว่าคุ้มนะครับ จริงๆอยากเห็นหมิงเจี่ยวจู้เล่นหนังตลกเบาๆอย่างเฮียหลิวบ้าง
เห็นหลังๆเหมือนเสี่ยวหมิงอยากจะมุ่งเอาดีทางหนังแอคชั่น จริงๆก็ดีนะครับแต่อยากเห็นบท
แบบที่ดูเป็นคนปกติธรรมดาแบบที่เราเจอตามท้องถนนได้บ้าง หนุ่มออฟฟิศเปิ่นๆซื่อบื่อๆหน่อย
หรือจะออกแนวเจ้าชู้นิดๆก็ดูเข้ากับตาเจ้าเล่ห์ๆของเสี่ยวหมิงดีเหมือนกันครับ อิ อิ

รออ่านตอนต่อ อิ อิ อิ


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.168.127 วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:8:53:25 น.  

 
น้องเล็กพี่ก็ทำใจอยู่แล้ว เขาบอกว่าเรื่องนี้เสี่ยวหมิงมันเลือดเย็นมาจนไม่ใช่คน เลยต้องออกแบบให้มันเป็นหวัดจะได้ดูว่ายังมีร่างกายเป็นมนุษย์อยู่

แต่พี่คิดว่ามันมีรักด้วยแหละที่แสดงว่ามันเป็นคน

อ้อ ตัวละครตัวนี้ คนรุ่นก่อนเคยอับอายจากการรบแพ้เลยเป็นความอายที่ตราหน้ามาจนถึงรุ่นของเสี่ยวหมิง

อยากดูจังว่าจะออกมาอย่างไร

น้องเล็กวันนี้พี่ยังเขียนต่อไม่ได้มากเพราะพรุ่งนี้ต้องไปต่างจังหวัดแต่เช้า

แล้วคุยกันตอนะคะ ตอนนี้ฟังเพลงเสี่ยวหมิงจนก้องอยู่ในหัวตลอดเวลาเลย

เรื่องพากย์ภาษาญี่ปุ่นเห็นว่าพี่แกพูดเอง ไม่แน่ใจว่าจะใช่ไหมเพราะมีคนสงสัยเรื่องนี้กันเยอะ ไว้หาข้อมูลได้ก่อนนะคะแล้วจะมาเล่า

เรื่อง "หวั่งฉงยื่อจี้" ที่พี่มี พี่ดูผาด ๆ แล้วเสี่ยวหมิงเล่นตลกนะ แต่ตอนนั้นยังไม่ดัง พอดังหนังก็ออกมาโปรโมทว่าเขาเล่นแต่จริง ๆ ออกไม่เยอะ เหมือนละครเวที ตอนนั้นได้ยินว่าเสี่ยวหมิงหางานแสดง และได้เล่นเรื่องนี้เลยมาเช่าหออยู่คนเดียว คงลำบากนะช่วงนั้น ไม่ได้อยู่กับแม่

ตอนหลัง ๆ ดังแล้ว ออกไปไหนมาไหนกับแม่ นักข่าวก็นึกว่ามีผู้หญิงแก่เลี้ยงเขา พี่ว่าเสี่ยวหมิงมีสองอย่างในต้ว คือความเป็นเด็กและความเป็นชายหนุ่ม เหมือนกับที่เขาแต่งตัวได้สองแบบทั้งโบราณและปัจจุบัน

เรื่อง "อั้นเซียง" เสี่ยวหมิงเล่นเป็นทายาตระกูลรวยโครตะ อารมณ์บ้าคลั่งดี แต่ก็เป็นคนฉลาด เรียนจบเมืองนอก บุคคลิกแบบนี้ น่าสนุกดี พี่ว่ายิ่งเล่นยิ่งพัฒนา ชื่นชมกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเห็นบทเอี้ยงก้วยแทบโยนแผ่นทิ้ง มาดีตรงเล่นอุ้ยเสี่ยวป้อนี่แหละ ไม่น่าเชื่อว่าเขาเล่นพี่อุ้ยในแบบของเขาได้ดีทีเดียว มองเห็นได้เลยว่าตั้งใจ

การเล่นหนังคือศิลปะ คือการศึกษา คือความรัก เขาจึงเจริญก้าวหน้า และนอกจากนั้นต้องมีโอกาสด้วย เสี่ยวหมิงยอมเล่นร้าย ลองดูเรื่อง "เย่เยี่ยน" พี่ต้องกลับไปดูอีกครั้ง



โดย: มามิยะ IP: 124.120.89.158 วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:23:31:22 น.  

 
ฟังจากสัมภาษณ์แล้วให้สงสัยเป็นยิ่งนักว่า โจวซวิ่น กับ หลี่ปิงปิง ในเรื่องจะมีสัมพันธ์ประหลาด คงต้องไปพิสูจน์กันในหนังเสียแล้ว

ตอนนี้ที่เมืองจีนแผ่นยังไม่ออกขายเลย เช็คคิวฉายเมืองไทยก็ไม่มี แต่จะติดตามต่อไป ต้องหามาดูให้ได้ เสี่ยวหมิงในบททาเคดะ นายทหารผู้ไร้วาจาแต่สายตาสังหาร


โดย: มามิยะ IP: 124.122.84.68 วันที่: 30 ตุลาคม 2552 เวลา:20:47:22 น.  

 
เพื่อนที่ไปปักกิ่งกลับมาแล้ว

เพื่อนอีกคนไปเฉิงตูแล้ว ฝากไปแล้วเช่นกัน

อยากดู อยากดู ทาเคดะ โอ้ยอยากดูอ่ะ


ถ้าไม่ได้ต้องฝากเพื่อนอีกคนที่จะไปเซี่ยงไฮ้ พวกเขาคงเบื่อเราเหมือนกันเนอะ


นี่แหละต้องโทษเสี่ยวหมิงคนเดียวเลย


โดย: mamiya Yao Kan Feng Sheng IP: 124.122.110.237 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:35:11 น.  

 
หยุดเขียนเรื่อง “เซียนเจี้ยน3” ไปตั้งนานลืมไปว่ายังไม่ได้เขียนถึงของเล่นในเรื่องเลย เอานี่ก่อน

1.อวี้เพ่ย หรือ เครื่องประดับหยกคู่ เป็นหยกของจิ่งเทียนและเสวี่ยะเจี้ยนที่ซีเหยาให้ไว้จนทำให้ทั้งสองได้มาพบกันอีกครั้ง



2. ป้ายคำสั่งของฉงโหลว



3.เกาฑัณฑ์เทพของหลงขุย ได้รับการตกทอดมาแต่โบราณ


4. ป้ายเข้าแดนจี๋เล่อซื่อเจี้ยน ของเจ้าอู๋เหยียน


5. กระบี่หมอเจี้ยน เป็นกระบี่ของจิ่งเทียนที่ปราบได้ทั้งหกพิภพ


6. กระบี่เจินเหยาเจี้ยนของเฟยเผิง กระบี่นี้เป็นของขุนพลเฟยเผิง แต่เมื่อเขาได้รับโทษให้ไปเกิดเป็นมนุษย์แล้ว กระบี่นี้เก็บอยู่ที่สำนักสู่ซัน ถือเป็นกระบี่สุดวิเศษของสำนัก


โดย: mamiya วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:08:16 น.  

 
ขอโทษคร้าบ....ภาพผิดจ้า

ต้องเป็นภาพนี้ต่างหาก

2. ป้ายคำสั่งของฉงโหลว





โดย: mamiya วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:46:40 น.  

 
น้องเล็กมารายงานตัวฮับ
อยากดู เฟิงเซิง อยากดู เฟิงเซิง อ๋างงงงง


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.160.182 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:31:42 น.  

 
เฟิงเซิง..........

พี่เพิ่งดูจบไปเมื่อกี้เอง (13/11/09เริ่มดู ห้าทุ่ม จบตีหนึ่งกว่า ๆ ) โดนคำพูดโจวซวิ่นกระทบจิดใจอย่างแรง

พี่สารภาพ ว่าดูบางอย่างไม่รู้เรื่อง มันทำอะไรกัน(วะ)?
โครงเรื่องน่ะรู้ แต่ภาพบางอย่างพี่ไม่เข้าใจ เดี๋ยวต้องดูอีกรอบ พี่ไม่อยากเดาเอามาบอกเลย คงต้องดูกันเอง

ฉากนั้นเสี่ยวหมิงทำอะไร ฉากนั้นมันทรมานอย่างไร ฉากนั้นมันหมายความว่าอะไร ไม่ได้ ๆ ต้องรู้ให้ได้

เห็นเพื่อนบอกว่าบางคนบอกว่าดูไม่รู้เรื่องต้องเอาหนังสือมาอ่าน ตอนอยู่ที่ปักกิ่งเพื่อนเขาได้ยินคนว่ากันมาแบบนั้นจ้า พี่สั่งหนังสือมาแล้ว ต้องรอก่อน

เรื่องนี้ ตายหมด เหลือหลี่ปิงปิง กับ ดาราอีกคนเท่านั้น ไม่เหลือ เสี่ยวหมิงของพี่ด้วย ฮือ ฮือ ......


น้องเล็กดูลิงค์เสี่ยวหมิงหรือยังอ่ะ


โดย: มามิยะ IP: 124.120.76.99 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา:1:54:36 น.  

 
คิดไปคิดมา "เฟิงเซิง" ที่อยากดูพอได้ดูก็งั้น ๆ แหละ ไม่ได้กระทบจิตใจจนเป็นคลื่นไม่ลืมเหมือนอย่างที่เคยเป็นกับบางเรื่อง อาจจะเพราะมันสั้นเกินไปก็ได้

ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะเอาตรงไหนไปแสดงว่าการแสดงดีจนได้เข้าชิงรางวัล หรือมันอาจจะไม่มีหนังอื่นน่าเข้าชิงก็ได้

ฟอร์มดาราใหญ่ โปรโมทเยอะ อาจทำให้อยากดูมากมาย หรือมันจะต้องไปดูในโรง ไม่รู้สินะ ไม่รู้ว่าความอยากดูมากมายที่ทำให้เราตั้งความหวังมากเกินไปหรือเปล่านะ

ตัวเด่นเรื่องนี้คือโจวซวิ่น เด่นมากมายนอกนั้นก็งั้น ๆ แหละ ถ้าเปรียบเทียบไปแล้ว

เรื่องนี้ยังไม่ลงแผ่นเลย แต่พวกนอกระบบออกมาแล้ว มันเป็นหนังซูม อาจทำให้เราไม่ได้รับอารมณ์ที่ครบถ้วน ไว้ได้แผ่นจริงมาแล้วค่อยว่ากันอีกที รักกันปานนั้นซื้อแผ่นแท้ทีเดียว ถ้าคนที่ฝากซื้อกลับมาไม่ได้ของมา คงไม่ไปตามแล้วหล่ะ เพลงเพราะแต่ไม่เกี่ยวกับเนื้องเรื่องเลย คงอาศัยโอกาสนี้ออกอีพี่กระมัง

บ่นอีกแล้วหรือเรา?

น้องเล็กไม่ต้องทรมานมาก มันทำมะดาอ่ะจ้า



โดย: มามิยะ IP: 124.120.88.30 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:49:14 น.  

 
ขออภัยพี่มามิอย่างแรง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมาตั้งแต่ได้เมล์พี่
วิ่งจนเท้าหงิกเพราะติดภาระกิจสำคัญ ไม่ได้เข้ามาตอบเลย
เดี๋ยวเดือนหน้ามีรุ่นน้องจะไปเที่ยวปักกิ่ง จะลองฝากเค้าดูแผ่นให้นะครับ

น้องเล็กว่า อาจจะเป็นเพราะความอยากดูทำให้เราคาดหวังกับตัวหนังเยอะไปก็ได้ครับ น้องเล็กเป็นบ่อยนะครับ
หนังหลายๆเรื่องเห็นตัวอย่างหนังแล้วอยากดูมาก คาดว่ามันต้องหนุก ต้องโดนแน่ๆ
แต่พอหนังทำไ้ด้ไม่ถึงอย่างที่เราคาดไว ก็มักจะเป็นอารมณ์ประมาณนี้แหละครับ

ส่วนลิ้งค์ที่พี่มามิส่งมาให้ดู ดูแล้วครับ ถามว่าผิดปกติมั้ย น้องเล็กเฉยๆนะครับ
จะบอกว่าเดี๋ยวนี้เห็นศิลปินหรือนักร้องชายอาการแบบนี้จนชินแล้วมั้งครับ ไม่รู้เป็นเทรนด์หรือเปล่า
ประมาณนักร้องเกาหลีอะครับ น้องเล็กรู้สึกว่าวัยรุ่นเอเชียสมัยนี้เค้าชอบนะครับ
ให้นักร้องชายดูอ่อนโยน นุ่มนวล ( พูดเข้าข้างเสี่ยวหมิงสุดฤทธิ์ 555 )ถ้าพี่มามิเห็นพวกนักร้องเกาหลี
เสี่ยวหมิงยังไม่ได้ครึ่งของเค้าเลยครับ ไว้ต้องลองหามาดูหลายๆคลิปครับ
ดูคลิปเดียวแล้วมันไม่เคลียร์ครับ :P





โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.160.10 วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:6:01:39 น.  

 
อัพเพลงมาฝากพี่มามิเพลงนึงครับ
ตอนนี้เป็นเพลงประจำตัวน้องเล็กอยู่
ฟังทุกวันเลยครับ

//jumbofiles.com/hxmyvquzfi4f


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.161.198 วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:8:19:39 น.  

 
ลืมบอกจ้า น้องเล็กไม่ต้องซื้อเฟิงเซิงเดี๋ยวพี่ส่งให้ดูค่ะ ว่าจะส่งให้แต่ตอนเช้ารีบร้อนจนลืมทุกที รอนิดนะจ๊ะ ที่เดิมใช่ไหม?


โดย: มามิยะ IP: 115.87.94.107 วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:23:28:45 น.  

 
น้องเล็กส่งเพลงไปให้แล้วนะครับพี่มามิ
เป็น 3 อัลบัมโปรดของน้องเล็กตอนนี้เลยครับ
2 หญิง 1 ชาย ( ฟังคล้ายๆ รักสามเส้า ยังไงไม่รู้ อิ อิ )
อัลบัมของจ้าวเพิงที่พี่มามิส่งมาให้ เพลงสุดท้ายเนี้ย คล้ายๆน้องเล็กจะเคยได้ยิน
จากหนังเรื่อง 20-30-40 ที่จางอ้ายเจียเป็นผู้กำกับและแสดงนำเลยครับ
ไม่แน่ใจว่าใช่เพลงเดียวกันหรือเปล่้า เดี๋ยวต้องลองไปฟังในหนังอีกรอบ


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 58.9.165.146 วันที่: 16 ธันวาคม 2552 เวลา:12:47:41 น.  

 
อีกรอบ
พี่มามิโทรหาน้องเล็กใช้เบอร์ใหม่เลยนะครับ
เบอร์เก่าน้องเล็กจะปิดแล้วครับ


โดย: หงส์น้อยแซ่เล็ก IP: 61.90.98.119 วันที่: 19 ธันวาคม 2552 เวลา:11:27:19 น.  

 
คุณมามิยะคับ ผมติดตามผลงานคุณมามิยะมานานแล้ว ชอบมากคับ ขอmsn หรือ เฟสบุ๊ค หน่อยนะคับ


โดย: ราชสีห์คำราม IP: 61.90.81.19 วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:1:10:11 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
Furniture Black Friday 2011


โดย: birdfriday วันที่: 10 ตุลาคม 2554 เวลา:17:36:47 น.  

 
ขอบคุณครับ เขียนดีนะครับ
ติดตามอยู่นะครับ เดี๋ยววันหลังจะตามมาอ่านใหม่ bookmark ไว้ละ :D
วันนี้พอก่อน วันละนิด จิตแจ่มใส่ :D




_________________________________________________________________________________


cheap halloween costumes | homemade halloween costumes | adult halloween costumes





โดย: lafaellcross วันที่: 13 ตุลาคม 2554 เวลา:4:36:13 น.  

 
ขอบคุณคร้าบที่มีน้ำใจเขียนให้อ่าน
ไปละครับ


__________________________________________
halloween costume ideas | discount halloween costumes | cheap halloween costumes | cheap halloween costumes | halloween costumes for girls | girl halloween costumes | kids halloween costumes | black friday gps | black friday laptop | black friday lcd tv





โดย: lafaellcross วันที่: 22 ตุลาคม 2554 เวลา:7:20:43 น.  

 
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความเขียนได้เยี่ยมเลยครับ
Halloween Costumes Couples | Couples Halloween Costumes | Costumes for Halloween


โดย: couples (AIRRO01 ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:18:16 น.  

 
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความเขียนได้เยี่ยมเลยครับ
Halloween Costumes Couples | Couples Halloween Costumes | Costumes for Halloween


โดย: couples (AIRRO01 ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:20:57 น.  

 
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความเขียนได้เยี่ยมเลยครับ
Halloween Costumes Couples | Couples Halloween Costumes | Costumes for Halloween


โดย: couples (AIRRO01 ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:22:50 น.  

 
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความเขียนได้เยี่ยมเลยครับ
Halloween Costumes Couples | Couples Halloween Costumes | Costumes for Halloween


โดย: couples (AIRRO01 ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:24:55 น.  

 
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความเขียนได้เยี่ยมเลยครับ
Halloween Costumes Couples | Couples Halloween Costumes | Costumes for Halloween


โดย: couples (AIRRO01 ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:26:53 น.  

 
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความเขียนได้เยี่ยมเลยครับ
Halloween Costumes Couples | Couples Halloween Costumes | Costumes for Halloween


โดย: couples (AIRRO01 ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:28:50 น.  

 
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความเขียนได้เยี่ยมเลยครับ
Halloween Costumes Couples | Couples Halloween Costumes | Costumes for Halloween


โดย: couples (AIRRO01 ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:30:42 น.  

 
Thank you for great articcles.
i love you.
See you again.


__________________________________________
Best of watches swiss army watches | Cheap Watches zenith defy xtreme | Best home theater home theater systems | Discount home theather home theater speaker systems |





โดย: lafaellcross วันที่: 5 พฤศจิกายน 2554 เวลา:19:17:41 น.  

 
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความเขียนได้เยี่ยมเลยครับ
PN51D550 Review | Samsung PN51D550 Review


โดย: pn51d550 (AIRRO01 ) วันที่: 6 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:27:12 น.  

 
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความเขียนได้เยี่ยมเลยครับ
PN51D550 Review | Samsung PN51D550 Review


โดย: pn51d550 (AIRRO01 ) วันที่: 6 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:29:24 น.  

 


โดย: SaZmi (solodano ) วันที่: 19 พฤศจิกายน 2554 เวลา:19:56:23 น.  

 
Thanks for the great article. I hope to be back to read it again. Please write to me so I like this article. I feel much better and more knowledgeable. Thank you.
Samsung Smart TV 2011 30 Inch Lcd Tv Smart Tv 42 inch lcd smart tv 50 inch lcd and led samsung smart tvs for 2011 deals on smart tvs


โดย: couples (AIRRO01 ) วันที่: 20 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:44:12 น.  

 


โดย: peter125 (steven1064 ) วันที่: 2 มกราคม 2555 เวลา:11:58:58 น.  

 
T^T ไม่มีอี้เฟยยยย


โดย: T^T IP: 171.4.91.246 วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:7:58:59 น.  

 
ขอบคุณเจ้าของบล๊อกมากเลย
สุดยอดคัฟ ^_^


โดย: เพิ่งเจอ IP: 115.67.64.28 วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:22:41:41 น.  

 
คืออยากรุ้อ่ะคพ ว่าภาค2ในเกม มันเนื้อเรื่องเป็นไงอ่ะคะ ใครรุ้ช่วยกรุณาตอบทีนะคะ


โดย: หมั่นโถ IP: 171.7.236.74 วันที่: 3 เมษายน 2555 เวลา:16:26:39 น.  

 
เพิ่งดูเรื่องเซียนกระบี่จบเลยค่า
ตอนสูบรูปมาเจอบล็อกนี้พอดี
ขอบคุณข้อมูลดีดีนะคะ
มีหลายอย่างเลยที่ยังไม่รู้


โดย: วาวา IP: 125.27.172.147 วันที่: 16 เมษายน 2555 เวลา:1:13:23 น.  

 
คือ คุณมามิยะค้ะ ชื่อหนุนานะคะ ได้อ่านเรื่องที่เขียนมาหมดแ้ล้วค้ะ เซียนกระบี่พิชิตมารอ่ะค่ะ แต่ว่าหนูนางงมากเลยว่า ทำไมตอนจบเปนแบบนั้นอ่ะค่ะ แล้วต่อไปจิ่งเทียนกับสุ่ยเจี้ยน จะเปนยังไง จิ่งเทียนตายหรอ? TT เรื่องมันไม่น่าจะเป็นแบบนี้เลยTT ไม่เข้าใจจิงๆค้ะ ถ้าคุณมามิยะ รุ้รบกวนช่วยบอกด้วยน้ะค้ะ ขอบคุณมากล่วงหน้าน้ะค้ะ^^


โดย: Nuna IP: 58.11.57.87 วันที่: 16 เมษายน 2555 เวลา:22:53:05 น.  

 
คุณมามิยะคะ หนูชื่อเกลนี่ค่ะ หนูอยากได้เพลงเปิดเรื่องของเซียนกระบี่พิชิตมารภาค 3 น่ะค่ะว่ามันชื่ออะไร หนูอยากได้เพลงมันมาฟังน่ะค่ะเพราะดีรบกวนหาให้หน่อยนะค้ะ


โดย: เกลนี่ IP: 115.67.32.102 วันที่: 17 พฤษภาคม 2555 เวลา:20:48:25 น.  

 
ป๊าดดด บล๊อคนี้ดีมากเลยคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ จะบอกว่าชอบ ฉางชิง สุดๆ ทำไมไม่ชอบ คู่พระเอกเนาะแปลกจังเรา (ฮั่วเจี้ยนหัว แมนสุดๆ)


โดย: แฟนคลับฉางชิง IP: 101.51.61.123 วันที่: 20 พฤษภาคม 2555 เวลา:18:00:27 น.  

 
อ่านเรื่องย่อในบล็อคนี้แล้วสนุกกว่าดูทีวีแบบผ่านๆ ^^


โดย: ขอบคุณค่ะ (loveshishi ) วันที่: 29 พฤษภาคม 2555 เวลา:17:04:29 น.  

 
ดูเรื่องนี้มาทั้ง2ภาคแล้วตอนแรกก็งงต่อเรื่องไม่ถูก
แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้ว
เป็นหนังที่สนุกมากแล้วก็ให้ข้อคิดมากมายทั้ง2ภาค

แต่ก็ยังงงว่าทำไมต้องพระเอกคนเดียวกันอยู่ดี



โดย: เฟิร์น IP: 223.206.147.159 วันที่: 19 ตุลาคม 2555 เวลา:0:53:12 น.  

 

Uploaded with ImageShack.us


โดย: mamiya วันที่: 14 ตุลาคม 2556 เวลา:23:19:15 น.  

 
ชอบละครเรื่องนี้มาก


โดย: เกมบอย IP: 223.205.5.237 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2556 เวลา:20:17:40 น.  

 
ชอบละครเรื่องนี้มากค่ะ ดูแล้วดูอีก ดูจนจำบทพูดในละครได้แล้วค่ะ


โดย: pink IP: 114.109.44.235 วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:20:35:59 น.  

 
??????????,??????????,?????????,??????
[url=//www.lid-1998.com]??????[/url]


โดย: ?????? IP: 192.99.14.36 วันที่: 2 กรกฎาคม 2557 เวลา:3:07:04 น.  

 
,????????????????
[url=//mgjhf.com/images/bocai/index.html]?????[/url]


โดย: ????? IP: 192.99.14.34 วันที่: 3 ตุลาคม 2557 เวลา:3:05:43 น.  

 
แล้วทำไม่ ไม่มีภาค2 ล่ะคับ ผม งง อยากรุ้ว่าฉิงเอ๋อตายมั้ย


โดย: บอย IP: 110.78.155.122 วันที่: 20 กรกฎาคม 2558 เวลา:4:07:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

mamiya
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคนี้ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิทางปัญญา โดยลิขสิทธิเป็นของผู้เขียน กรุณาให้เกียรติผู้เขียนเมื่อนำไปเผยแพร่ต่อควรขออนุญาตก่อน
[Add mamiya's blog to your web]