เรื่องกิน เรื่องเที่ยว คือเรื่องเดียวกัน และเป็นเรื่องราวของเราสองคน :)

ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]




ปลาหมึกน้อย กับ นายโอเลี้ยง รายงานตัวครับ
เนื่องด้วยเราสองคนเป็นคนชอบเที่ยว ชอบกิน ดังนั้นก็เลยจัดการหาที่เก็บสถานที่หรือร้านอาหารที่เคยแวะเยี่ยมมาแล้ว

และเสมือนเป็น ไดอารี่ส่วนตัว ที่ทุกคนเข้าดูได้ อาจจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่ผ่านเข้ามาแล้วต้องการหาข้อมูลสำหรับสถานที่นั้นๆ

ขอให้สนุกกับ Blog นี้นะ

ตอนนี้ Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง มี fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^

Click ข้างล่างได้เลยจ้า

click เพื่อเข้าสู่ facebook Eat and Travel Diary
New Comments
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2557
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 ตุลาคม 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง's blog to your web]
Links
 

 

A Place We Stand Showcase บางแสน

สถานที่ท่องเที่ยว : A Place We Stand Showcase บางแสน, ชลบุรี Thailand
พิกัด GPS : 13° 16' 11.27" N 100° 55' 22.94" E




A Place We Stand Showcase บางแสน



สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเวลาว่างช่วงบ่ายก็เลยชวนกันไปขับรถเล่นไปที่บางแสน ไปนั่งทานอาหารริมทะเลแบบชิลๆ เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ขับรถเพียงชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้ว ที่สำคัญร่างกายต้องการทะเลแต่เวลาไม่เอื้ออำนวย มีเวลาแค่ครึ่งวันก็เลยนึกถึงบางแสนนี่แหละครับ





บรรยากาศทะเลบางแสนยังไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ริมทะเลมีร่มกางอยู่เต็มทุกพื้นที่ ซึ่งเป็นภาพที่เห็นชินตาตั้งแต่เด็กๆ จนทุกวันนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่เต็มพื้นที่ ที่สำคัญคนเยอะมากๆ แต่พอมาถึงบางแสนก็นึกขึ้นได้ว่า ได้เห็นโฆษณาของตราช้าง เค้าไปสร้างแหล่งท่องเที่ยวให้กับชุมชนหาดวอนนภา หรือหาดบางแสนล่างนั่นเอง ก็เลยขับรถไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับ สิ่งปลูกสร้างรูปทรงแปลกตาอยู่ 3 อย่าง ซึ่งพอเข้าไปดูข้อมูลที่ป้ายของแต่ละที่ ก็พอรู้ว่า ทางตราช้างเค้าได้ร่วมมือกับ สถาปนิกชั้นนำของเมืองไทยถึง 3 ท่าน แต่ละท่านก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างดี และทั้ง 3 ท่านก็ออกแบบ สถาปัตยกรรม ที่มอบให้เป็นสาธารณประโยชน์ ให้กับคนในชุมชน รวมทั้งเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่ในอนาคต โดยใช้ชื่อโครงการว่า A Place We Stand







มาถึงสิ่งแรกที่เห็นก็จะเป็นห้องรูปทรงสี่เหลี่ยมโปร่งแสง พอเข้าไปดูที่ป้ายเค้าก็บอกว่าเป็นผลงานการออกแบบของ คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค ซึ่งให้ชื่อว่าLive for Reading Room เค้าได้แรงบันดาลใจมาจากการที่อยากให้เด็กๆ มีสถานที่อ่านหนังสือ ซึ่งไม่เพียงแต่มาอ่านหนังสืออย่างเดียว แต่สามารถมาวิ่งเล่น กับเพื่อนๆ ได้ และยังเป็นห้องสมุดที่ประหยัดพลังงาน และคงทน โดยใช้วัสดุที่เรียบง่าย แต่แข็งแรง และยังสามารถดูแลรักษาได้ง่ายด้วย วัสดุหลักๆ จะเป็นแผ่นโปร่งแสง และปูนตราช้าง และไม้สนที่มาจากป่าปลูก จึงไม่ทำลายธรรมชาติ ซึ่งทำให้ห้องสมุดแห่งนี้จะโปร่งแสง จึงไม่ต้องพึ่งแสงไฟจากหลอดไฟเลย อีกทั้งประตูทั้งสองด้าน ยังสามารถเปิดเพื่อรับลมทะเลเย็นๆ ได้สบายๆ ดังนั้นห้องสมุดแห่งนี้จึงเป็นมิตรกับธรรมชาติ และให้ประโยชน์แก่เด็กๆ อีกด้วยครับ









และที่ใกล้ๆ กัน จะเห็นสิ่งปลูกสร้างรูปทรงแปลกตา ซึ่งเป็นผลงานของ คุณปิตุพงษ์ เชาวกุล ได้ออกแบบสนามผู้ใหญ่เล่นที่มีชื่อว่า The Labyrinth ฟังไม่ผิดหรอกครับ เพราะเค้าตั้งใจออกแบบให้สนามรูปทรงแปลกตาแห่งนี้ให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถเล่นร่วมกันได้ และถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วยนะ ซึ่งหากเดินขึ้นลงสนามแห่งนี้ซึ่งมีรูปทรงคล้ายเขาวงกต มีบันได้วนต่อเนื่องเชื่อมกันหมด ดูมีหลายมิติดี ทำให้เดินเล่นได้เพลินเชียวครับ ที่สำคัญเมื่อเดินขึ้นไปด้านบนสามารถชมวิวทะเลที่สวยงามได้แบบพาโนรามาเลยครับ ยิ่งช่วงเย็นๆ แดดร่มๆ หน่อยบรรยากาศดีสุดๆ เลยครับ และไม่ต้องห่วงเรื่องความคงทนแข็งแรง เพราะเค้าใช้ปูนตราช้างเป็นงานโครงสร้าง และสร้างแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ดังนั้นแข็งแรงแน่นอน และที่สำคัญมีขอบบันไดและราวกันตกตลอดสนามผู้ใหญ่เล่นแห่งนี้ ดังนั้นเด็กๆ วิ่งเล่นได้อย่างสนุกและปลอดภัยครับ





















และที่มองเห็นตั้งเด่นอยู่ริมทะเล ก็คือ The Flow ศาลาอเนกประสงค์ที่ออกแบบโดย คุณทวิตีย์ วัชราภัย เทพาคำ ตั้งใจจะให้เป็นที่รวมตัวทำกิจกรรมของชาวบ้านในชุมชน ซึ่งเป็นอาคารแบบโล่ง โปร่งสบายๆ หันหน้าเข้าหาทะเล และจุดเด่นอยู่ที่หลังคา ซึ่งเป็นแผ่นโปร่งแสงสีส้มตราช้าง ดูเหมือนการพับกระดาษ ทำให้ดู Flow และทำให้เกิดแสงเงาที่สวยงาม อีกทั้งพื้นยังใช้ปูนที่ทนต่อน้ำทะเลเป็นอย่างดี พอเข้าไปนั่งใน The Flow ทำให้นึกภาพหากมีโชว์ดีๆ มาเล่นอยู่ที่ตรงนี้ คงจะทำให้เพลิดเพลินไม่น้อยเลยครับ เพราะได้ดูโชว์ดีๆ ในบรรยากาศริมทะเลแบบนี้ฟินสุดๆ เลยว่ามั้ยครับ















ทั้งสามสิ่งก่อสร้างแห่งนี้ถือว่ามีประโยชน์ต่อคนในชุมชนจริงๆ ที่สำคัญยังทำให้ผมเพลิดเพลินไปกับสถาปัตยกรรมที่ดูแปลกตาแบบนี้ได้เยอะทีเดียว หลังจากเดินเล่นอยู่แถวนี้ซักพัก ก็ได้เวลามื้อเย็นของผมแล้วสิครับ ว่าแล้วก็ตรงดิ่งไปร้านอาหารริมทะเลที่ผมคิดว่าบรรยากาศดีที่สุดในบางแสนแล้วก็ว่าได้ นั่นก็คือร้าน Chariot อยู่ตรงทางขึ้นเขาสามมุข บรรยากาศดีสุดๆ เลยจ้า ไม่เชื่อลองดูเอาแล้วกันนะครับ











ฝากติดตาม Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง ใน Facebook fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^
Click ข้างล่างได้เลยจ้า

ส่วนใครที่เล่น Instagram ก็ เข้าไป Follow ได้ที่ @eatandtraveldiary จ้า


click เพื่อเข้าสู่ facebook Eat and Travel Diary




 

Create Date : 28 ตุลาคม 2557
3 comments
Last Update : 28 ตุลาคม 2557 21:27:06 น.
Counter : 8216 Pageviews.

 

thx u crab

 

โดย: Kavanich96 29 ตุลาคม 2557 4:46:27 น.  

 

เออ แปลกตาดีจริงด้วยหละค่ะ

เดี๋ยวจะมีรีวิวร้านอาหารอีกทีมั้ยอ้ะโอ?

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 29 ตุลาคม 2557 10:33:09 น.  

 

@kavanich96 ขอบคุณที่แวะมาทักทายเช่นเดียวกันครับ

@สาวไกด์ใจซื้อ มีแน่นอนครับพี่เต้ย รอหน่อยนะครับ

 

โดย: ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง 29 ตุลาคม 2557 14:10:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.