ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [? ]
ปลาหมึกน้อย กับ นายโอเลี้ยง รายงานตัวครับ เนื่องด้วยเราสองคนเป็นคนชอบเที่ยว ชอบกิน ดังนั้นก็เลยจัดการหาที่เก็บสถานที่หรือร้านอาหารที่เคยแวะเยี่ยมมาแล้ว และเสมือนเป็น ไดอารี่ส่วนตัว ที่ทุกคนเข้าดูได้ อาจจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่ผ่านเข้ามาแล้วต้องการหาข้อมูลสำหรับสถานที่นั้นๆ ขอให้สนุกกับ Blog นี้นะ ตอนนี้ Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง มี fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^ Click ข้างล่างได้เลยจ้า
1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30 31
อัมพวาพาเพลิน
ถ้าพูดถึงอัมพวา ผมเชื่อได้เลยว่าทุกคนน่าจะรู้จักกันดี แต่ว่าจะเคยไปหรือไม่นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ด้วยความที่ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากๆ ใช้เวลาเดินแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึง และจะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ตามไปชมหิ่งห้อย ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้ลูกหลานที่ไม่เคยเห็นหิ่งห้อยแบบใกล้ ๆ ได้สัมผัสกันครับ ซึ่งแต่ละที่ก็มีความสวยงามน่ารักแตกต่างกันไปครับ"ตลาดน้ำอัมพวา" หากไปถึงอัมพวา ที่แรกที่ทุกคนคิดถึงคงหนีไม่พ้นตลาดน้ำอัมพวาครับ ภาพตลาดน้ำที่เต็มไปด้วยเรือของพ่อค้าและแม่ค้า เป็นภาพที่เห็นจนชินตา สำหรับนักท่องเที่ยวที่แทรกตัวฝ่าคลื่นฝูงชนที่อยู่ในตลาดน้ำแห่งนี้ สินค้าทั้งย้อนยุค และร่วมสมัยหาได้ที่ตลาดแห่งนี้ ของกิน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม และผลไม้ มีให้เลือกชิมจนอิ่มเลยครับ"โบสถ์ปรกโพธิ์" เป็นอุโบสถหลังเดิมที่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จะถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ทั้งโพ ไทร ไกร และกร่าง มองจากภายนอกคิดว่าเป็นกลุ่มต้นไม้ใหญ่ มากกว่ามีโบสถ์อยู่ข้างใน รากไม้เหล่านี้ช่วยให้โบสถ์คงรูปอยู่ได้ ทั้งยังให้ความขรึมขลังอีกด้วย ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐาน ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโบสถ์น้อย (หลวงพ่อนิลมณี) และเรียกโบสถ์ว่า "โบสถ์ปรกโพธิ์" และมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง สมัยปลายกรุศรีอยุธยาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ซึ่งโบสถ์แห่งนี้มีผู้คนนักท่องที่มาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา แห่ไปสักการะขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นจำนวนมาก"วัดอัมพวันเจติยาราม" เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ตั้งอยู่ปากคลองอัมพวาด้านเหนือ เดิมเรียกกันว่า "วัดอัมพวา" ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดอัมพวันเจติยาราม" มีความหมายว่า "วัดที่มีเจดีย์และมีสวนมะม่วงเป็นที่รื่นรมย์และเกษมสำราญน่าเคารพบูชา" วัดนี้เป็นวัดต้นวงศ์ราชินิกุล โดยสมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์มหานาคนารี (สั้น) พระชนนีในสมเด็จพระอัมรินทรามาตย์ (นาก) ทรงบริจาคที่ดินและสมเด็จพระอัมรินทรามาตย์ได้ทรงรวบรวมพระพี่พระน้องรว่มกันสร้างเป็นวัดขึ้นมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณะใหญ่และทรงสร้างพระปรางค์ เป็นที่บรรจุพระบรมสรีรังคารและพระบรมอัฐิบางส่วนของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบรมราชชนก นอกจากนี้ยังทรงสร้างพระวิหารและพระที่นั่งทรงธรรมขึ้นอีกด้วย วัดแห่งนี้อยู่ในบริเวณ อุทยาน ร.2 รวมทั้งอยู่ใกล้เคียงกับตลาดน้ำอัมพวาอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นอีก 1 สถานที่ที่ไม่ควรพลาดในการไปเยือนครับ"อาศนวิหารพระแม่บังเกิด" สถานที่สุดท้ายเป็นโบสถ์คริสต์ที่สวยงาม ซึ่งในปี พ.ศ.2390 มีคริสตชนประมาณ 200 คน ได้ช่วยกันสร้างวัดขึ้นในที่ดินของ ฟรังซิสโก ไง้ เป็นเรือนไม้หลังคามุงจาก มีชื่อว่า "วัดศาลาแดง" หริอบางคนเรียกว่า "วัดรางยาว" ตามลักษณะของสีทาวัดและทำเลที่ตั้ง อยู่ริมคลองที่ชาวจีนขุดต่อกับแม่น้ำแม่กลองเพื่อนำน้ำมาทำสวนผัก ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่ปากคลองบางนกแขวก ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงสั่งขุดเชื่อมระหว่างแม่น้ำแม่กลองกับแม่น้ำท่าจีน เป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำมุ่งไปสู่กรุงเทพฯ และได้สร้างวัดหลังใหม่ที่นั่น โดยมีชื่อว่า "แม่พระบังเกิด" ปี พ.ศ. 2433 บาทหลวงเปาโลซัลมอน หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า "คุณพ่อเป่า" ได้เริ่มลงมือสร้างวัดหลังนี้ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้น โดยได้รับทุนสนับสนุนจากญาติพี่น้องของท่านในฝรั่งเศส จากคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปรารีส จากกรุงโรม หาทุนในการสร้างจนแล้วเสร็จ ทำพิธีเสกและเปิดใช้อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 ส่วนวัสดุของวัดหลังเก่าได้ถูกนำไปสร้างไว้ที่คลองขวางล่าง โดยมีนามชื่อว่า "วัดพระแม่องค์อุปถัมภ์" หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดใน" ต่อมาในปี พ.ศ. 2537 สังฆมณฑลราชบุรี ได้ทำการบูรณะซ่อมแซมวัดครั้งใหญ่ เพื่อฉลองครบ 100 ปี ในปี 2539 ดังนั้นอาสนวิหารแห่งนี้ จึงเป็นวัดที่สวยงามและเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ดังนั้นหากผมคิดอยากจะพักผ่อน แต่ไม่ต้องการเดินทางไกล อัมพวาจะเป็นที่แรกๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวทันทีครับ เพราะว่าที่แห่งนี้มีทั้งวัฒนธรรมและความสวยงามเรียบง่าย ของชาวบ้านในพื้นที่ รวมทั้งมีมุมให้เลือกเก็บภาพสวยๆ มากมาย และที่สำคัญมีแหล่งของกินที่ชวนให้น้ำลายไหลหลายที่เลยครับ แล้วคุณละครับ หากต้องการพักผ่อนซัก 2 วัน 1 คืน คุณเลือกที่จะไปเที่ยวที่ไหน เล่าสู่กันฟังได้นะครับ ตอนนี้ Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง มี fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^ Click ข้างล่างได้เลยจ้า
Create Date : 13 ตุลาคม 2554
Last Update : 13 ตุลาคม 2554 22:32:31 น.
3 comments
Counter : 3745 Pageviews.
โดย: iamorange วันที่: 13 ตุลาคม 2554 เวลา:23:29:53 น.
โดย: Kavanich96 วันที่: 14 ตุลาคม 2554 เวลา:7:51:59 น.
ขอตามมาเที่ยว อัมพวาพาเพลิน ด้วยคนค่ะ
บรรยากาศ ดี เห็นแล้วคิดถึง อัมพวา จัง
คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ