|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
งานคืนสู่เหย้า
เมื่อเดือนที่แล้วหมูน้อยได้มีโอกาสไปร่วมงาน Reunion Party มาค่ะ (หรือก็คงจะคล้ายๆกับงานคืนสู่เหย้านั่นเอง แต่เป็นการจัดกันภายในกลุ่มย่อยเล็กๆของมหา'ลัยที่หมูน้อยเรียนจบมา) ซึ่งงานนี้จัดโดยกลุ่มรุ่นพี่ในกลุ่ม ซึ่งในงานก็มีรุ่นพี่ที่โตกว่าเราเกือบ 30 รุ่น ไปจนถึงรุ่นน้องๆที่ยังเรียนอยู่ในปัจจุบัน
ตอนแรกที่รู้ข่าวก็คิดว่าจะไปหรือไม่ไปดีน้า คิดหนักอยู่เหมือนกันว่าเพื่อนๆรุ่นเดียวกันหรือใกล้ๆกันกับเราจะไปกันบ้างมั้ยนะ กลัวว่าไปแล้วจะเจอแต่รุ่นพี่รุ่นโตๆ หรือรุ่นน้องที่เด็กกว่าเรามากๆ แล้วจะไม่รู้จักใครเลย เพราะงานนี้จัดโดยรุ่นพี่ที่เป็นผู้ใหญ่ห่างกันไปหลายรุ่นอยู่เหมือนกัน แต่ถามเพื่อนๆที่สนิทกันก็เห็นว่าจะไปกัน 2-3 คนก็เลยตัดสินใจไปเพราะอย่างน้อยก็ยังอุ่นใจได้ว่าถ้าไม่มีคนอื่นไปยังไงก็คงยังมีเพื่อนล่ะน่า งานนี้ก็หวังว่าจะได้เจอกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆคนอื่นๆที่ไม่ได้เจอกันมากว่าสิบปีได้ (โฮะ โฮะ และที่สำคัญ หมูน้อยแอบลุ้นอยู่ลึกๆว่างานนี้จะได้เจอกับใครคนหนึ่งที่ไม่ได้เห็นกันเลยตั้งแต่หนึ่งปีหลังเรียนจบ อยากจะรู้น่ะค่ะว่าปัจจุบันจะเป็นยังไงบ้างแล้วหนอ )
พอถึงวันงาน บรรจงแต่งตัวสวย(เท่าที่ยังพอจะสวยได้ ณ ขณะนี้ที่อวบอ้วนซะเหลือเกิน) นั่งรถออกจากบ้านไปถึงโรงแรม โทรหากลุ่มเพื่อนสาวว่าอยู่ที่ไหนกันแล้ว เพื่อนบอกว่าอยู่หน้างานกันแล้วเดินเข้ามาได้เลย หมูน้อยก็เลยมุ่งตรงไปยังห้องจัดงาน โอ้ว แล้วคนแรกที่เห็นท่ามกลางฝูงชน คนแรกที่ทักเรา ก็คนๆนั้นที่อยากเจอนั่นแหละ อิ อิ มาด้วย ดีใจจัง ยังเหมือนเดิมเลยแฮะ ดูไม่เปลี่ยนไปจากที่เคยเห็นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเลยล่ะ ตื่นเต้น ดีใจที่ได้เจอ แต่ทักทายกันเสร็จก็ขอตัวเดินไปลงทะเบียนขอไปเจอกับเหล่าเพื่อนสาวก่อน
พอลงทะเบียนรับบัตรเสร็จ หมูน้อยและเหล่าเพื่อนสาว ก็เดินกลับมาเจอกับเค้าและเพื่อนแล้วเราก็เดินไปนั่งที่โต๊ะกัน (ถ้าใครไม่เคยอ่านเรื่องของหมูน้อยก็ไม่ต้องแปลกใจไป ที่เดินกลับไปหาและเดินไปนั่งด้วยกันได้เพราะเราเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันค่ะ ส่วนใครที่เคยอ่าน blog ของหมูน้อยมาบ้าง ก็อาจจะพอจำได้ลางๆว่า ตาคนนี้แหละเพื่อนผู้ชายที่หมูน้อยได้แต่มองกันไปมองกันมา สมัยเรียนมหา'ลัยตั้งแต่ปลายๆปี 1 ไปจนเรียนจบได้เป็นปีนั่นแหละ รวมเบ็ดเสร็จก็ 4-5 ปีได้มั้ง เป็นไงก็เป็นงั้น ตามประสาคนฟอร์มจัด )
นึกย้อนกลับไปสมัยปลายๆปี 1 จำได้ว่าตอนนั้นที่กลุ่มเตรียมรับน้องกัน ก็มีซ้อมเพลงเชียร์อะไรกันทุกวันหลังเลิกเรียน จำไม่ได้แล้วว่าด้วยความบังเอิญหรืออะไรที่ตาคนนี้มักจะเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆหรือใกล้ๆเราบ่อยๆ เพราะงั้นก็คงมีคุยกันทักกันบ้างตามประสาล่ะมั้ง ซ้อมเชียร์กันเป็นเดือนก็จำไม่ได้แล้วว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เราเริ่มสนใจตาคนนี้ เมื่อไหร่ที่จากเพื่อนธรรมดาๆในกลุ่มคนหนึ่งที่ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายกลายมาเป็นคนที่เราแอบนั่งมองเค้าเล่นบอลทุกวันที่ไปเรียน ฮะ ฮะ แต่คิดแล้วสมัยนั้นตานั่นก็เหมือนเป็นสีสันเป็นแรงจูงใจให้หมูน้อยรู้สึกอยากไปเรียนทุกวันล่ะนะ
จำได้ว่าตอนนั้นเวลาที่ว่างจากเรียน หมูน้อยและเพื่อนก็มักจะแวะเข้าไปนั่งที่กลุ่มกัน หมูน้อยก็จะนั่งกับกลุ่มเพื่อนสาว คุยกันไปแล้วก็แอบมองตานั่นเตะบอลกับเพื่อนๆไป ถ้าเค้าหันมามองเราก็จะหันหน้าหนี ไม่ก็ทำเฉยๆไม่สนใจ สมัยนั้นหมูน้อยก็คงประมาณเด็กเรียน เงียบๆเรียบร้อย ที่วันๆไม่ได้ทำอะไรนอกจากเรียน เรียน เรียน และเรียน ส่วนตานั่นน่ะเหรอ ก็คงประสาเด็กผู้ชายทั่วไป ที่ไม่ค่อยจะขยันเรียนซักเท่าไหร่ กินเหล้า เฮฮา เข้าเรียนบ้างไม่เข้าเรียนบ้าง เตะบอลกับเพื่อนได้ทุกวัน ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าตอนนั้นอะไรกันนะที่ดลใจให้เราชอบตานั่นมากกว่าคนอื่นๆ แต่ก็อย่างที่บอกล่ะค่ะ ตามประสาคนฟอร์มจัด เราไม่เคยทำอะไรนอกจากมอง หรือคุยกันตามประสาเพื่อนในกลุ่ม (ถ้าไม่นับหันหน้าหนีหรือทำเฉยๆเหมือนไม่สนใจเวลาเค้ามองมาอ่ะนะ)
แต่ถึงอย่างนั้นหมูน้อยก็อดคิดไม่ได้ว่าตานั่นรู้ว่าเราชอบ เพราะบางทีก็เหมือนเค้าจะแกล้งแหย่เราอยู่บ่อยๆ อย่างเช่น มีหลายๆครั้งเวลาที่เรานั่งอยู่ที่โต๊ะกลุ่ม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไรที่ตานี่จะต้องมานั่งคุยกับเพื่อนที่โต๊ะใกล้ๆหรือแม้แต่โต๊ะเดียวกันข้างๆกันแล้วก็ชอบเล่าเรื่องผู้หญิงที่มาชอบเค้าแต่เค้าไม่ได้อะไรด้วยประมาณว่าถ้าจะจีบก็คงติดแน่ๆอยู่แล้วแต่เค้าก็ไม่ได้จีบหรืออะไรนี่แหละให้เพื่อนฟังอยู่เรื่อย (เหมือนจะตั้งใจบอกให้เราฟังด้วยยังไงยังงั้น เพราะยังไงเราก็ต้องได้ยินอยู่แล้วอ่ะ) หรือบางทีเค้าจะไปเตะบอลหรืออะไรไม่รู้แล้วอยู่ดีๆก็จะเอาของมาฝากเราไว้ทั้งๆที่เพื่อนคนอื่นที่เค้าสนิทกว่าก็มีแต่ดันเอามาฝากไว้กับเราซะงั้น หรืออย่างมีปีหนึ่งที่ไปรับน้องกัน แล้วตอนกลางคืนเค้าก็จะมีสังสรรค์เปิดเพลงเต้นรำอะไรกัน หมูน้อยก็เต้นๆกับเพื่อนตามประสา แล้วก็ไม่รู้ว่าบังเอิญอีกหรือเปล่าที่ตานี่จะต้องมาเต้นอยู่ใกล้ๆในระยะที่เรียกว่าได้ยินเสียงพูดกันได้และก็บ่นกับเพื่อนผู้ชายเค้าประมาณว่าเนี่ยคืนนี้กินเหล้าไปเยอะ เมาแล้ว เดินกลับไม่ไหว เดี๋ยวไม่รู้จะมีใครสนใจบ้างมั้ยเนี่ย .... เอิ่ม อะไรอ่ะ แอบคิดในใจ ตั้งใจอ่อยป่ะเนี่ย แถวนั้นก็ไม่เห็นมีใคร นี่ถ้าเป็นผู้หญิงทำคงมีคนคิดได้ว่าแอบทอดสะพานสุดๆ แต่นี่ผู้ชายอ่ะ แถมอยู่กับเพื่อนผู้ชายด้วยแล้วแบบนี้ตั้งใจพูดให้ใครฟังฟะ สาวซื่อบื้อตามไม่ทันค่ะ แต่ก็ยังมีแอบห่วงนิดๆเหมือนกันแหละว่าตกลงคืนนั้นเดินกลับถึงห้องหรือเปล่านะ (แต่เราก็ไม่ได้อะไร ทำเฉยๆของเราต่อไป) และก็อีกหลายๆสิ่งอย่าง หลายๆเหตุการณ์ โอ๊ย เยอะค่ะ ขนาดเรียนจบกันแล้วก็ยังไม่วาย จำได้ว่าน่าจะหลังจากที่เรียนจบได้ปีนึง ที่กลุ่มก็มีจัดงานกัน พวกเราก็กลับไปกัน ทีนี้ก็มีทีนึงที่เพื่อนๆจะมานั่งรวมอยู่ในโต๊ะเดียวกัน ซึ่งจำนวนคนก็เกินจำนวนเก้าอี้อยู่นิดหน่อย บางคนก็เลยแบ่งกันนั่ง และก็ไม่รู้ว่าทำไมกันหนอที่ตานี่เกิดคิดยังไงไม่รู้ถึงได้มาขอนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับหมูน้อยทั้งๆที่เพื่อนคนอื่นที่สนิทกว่าก็มี ซึ่งเราก็ไม่ได้ว่าไรล่ะนานๆจะเจอกันที คืนนั้นก็เลยนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกัน หลังติดกัน คุยกันนิดหน่อยมั้ง แล้วหลังจากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป พอไปทำงาน เราเองก็ไม่ได้ไปงานอะไรของที่กลุ่มอีก คิดว่านั่นน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราสองคนได้เจอหน้ากันตัวเป็นๆเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว.......
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน ในงานคืนสู่เหย้า พอเดินมาที่โต๊ะต่างคนก็ต่างจับจองที่นั่ง และก็ไม่รู้ทำไม ที่เรากับเค้าก็บังเอิญได้มานั่งติดกันอีก (อิ อิ จะว่าไปแล้วก็แอบดีใจนิดนึงเหมือนกันแหละ ก็ไม่ได้เห็นกันตั้งนานนิ ) ก็นั่งกินข้าวและก็คุยกันนิดๆหน่อยๆตามประสาเพื่อนเก่า ฮะ ฮะ งานคืนสู่เหย้า หลายๆคนเปลี่ยนแปลงไป มากบ้าง น้อยบ้าง อ้วนขึ้น สวยขึ้น แก่ขึ้น ฯลฯ จากเด็กน้อยในวัยเรียนมาเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน หลายๆคนแต่งงานมีครอบครัวกลายเป็นคุณพ่อคุณแม่กันไปแแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นบางอย่างมันก็ยังไม่เคยเปลี่ยน อย่างเรากับเค้าเคยเป็นยังไงก็ดูเหมือนจะยังเป็นอย่างนั้น ทั้งๆที่ก็โตขึ้นตั้งเยอะ ได้เห็นได้เจอใครเจออะไรมาก็ตั้งเยอะแยะมากมาย แต่ก็ยังเป็นเหมือนเดิมแฮะ นั่งใกล้กัน บางทีก็รู้สึกเหมือนอยากจะคุยกันนะ แต่มันก็ไม่รู้ว่าจะคุุยอะไรกันดี ได้แต่คุยสัพเพเหระนิดๆหน่อยๆ อย่างตอนที่มีเพื่อนๆมาเพิ่มก็มีสลับที่กันนั่งบ้าง แบ่งไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่งบ้าง ซึ่งเค้าก็มีลุกให้เพื่อนคนอื่นนั่ง แต่เดี๋ยวซักพักพอเก้าอี้ว่างเค้าก็กลับมานั่งตรงที่ข้างๆเรา ทั้งๆที่เพื่อนๆเค้าก็ย้ายไปนั่งอีกโต๊ะนึงกันหมดแล้ว เรียกว่ามานั่งคนเดียวเลยล่ะแต่ก็มานั่งเฉยๆนะ ไม่ได้ชวนคุยอะไร ไอ้เราเองก็ไม่รู้จะคุยอะไร พอไม่รู้จะคุยอะไรซักพักเค้าก็ลุกไปเหมือนไปคุยกับเพื่อน แต่อีกซักพักก็กลับมาใหม่ ไม่ชวนคุยอะไรเหมือนเดิม เหมือนจะนั่งรอให้เราชวนคุยยังไงยังงั้น (หรือเปล่าหว่า หรือมันแค่บังเอิญที่เค้าอยากจะนั่งเก้าอี้ตรงนั้นเฉยๆก็ไม่รู้สิ) แต่เราก็ทนไม่ไหวไง เพราะเหมือนว่าคนรู้จักกัน แล้วเค้ามานั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียวใกล้ๆเรากับเพื่อนๆเรา แล้วจะให้เราต่างคนต่างนั่งไปเงียบๆเหมือนคนไม่รู้จักกันมันก็ดูอึดอัดๆเสียมารยาทยังไงไม่รู้ แต่ไอ้จะคุยก็ไม่รู้จะคุยอะไรดี (ทั้งๆที่จริงๆก็อยากจะคุยนะ) เลยได้แต่ชวนคุยเรื่องไร้สาระเล็กๆน้อยๆ นิดๆหน่อยๆ ไปแค่นั้นอ่ะ เฮ้อ ขัดใจตัวเองจริงๆ 
ที่เอามาเล่านี่ คือคิดๆแล้วก็ขำดีน่ะค่ะ เคยคิดนะคะว่าถ้าเราเจอกับเค้าตอนเป็นผู้ใหญ่ ก็คงไม่เหมือนตอนเด็กๆที่ได้แต่นั่งมองกันฟอร์มกันไปฟอร์มกันมา แต่เอาเข้าจริงๆบางอย่างก็ยังไม่เคยเปลี่ยนเลยแฮะ เคยเป็นไงก็เป็นงั้น ตลกดีอ่ะค่ะ เรากับเค้ายังทำตัวเหมือนเดิมกันเลยแฮะ ได้แต่มองกันไปมาเดินวนๆเวียนๆอยู่ใกล้ๆกันเหมือนจะรอให้อีกฝ่ายชวนคุยเหมือนสมัยเด็กๆไม่มีผิด เอ หรือที่จริงแล้วทั้งหมดนี้มันคือเรื่องบังเอิญก็ไม่รู้สินะคะ อาจเพราะเราเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน หลายๆครั้งมันก็เลยเหมือนจะบังเอิญที่จะได้เห็นเค้ามาวนๆเวียนๆอยู่รอบๆใกล้ๆตัวเรา ประกอบกับที่เรามองเค้าด้วยมั้งมันก็เลยเหมือนเราจะเห็นเค้ามากกว่าคนอื่นๆ ทั้งๆที่จริงๆแล้วเพื่อนคนอื่นก็อาจจะยืนอยู่ใกล้ๆบ่อยๆเท่าๆกันก็ได้ เพียงแต่เรามองเค้าก็เลยเหมือนจะเห็นเค้ามากกว่าคนอื่นบ่อยกว่าคนอื่นก็เท่านั้นเอง เลยรู้สึกไปว่าเห็นเค้าอยู่ใกล้ๆเราบ่อยๆ 
ก็ไม่มีอะไรหรอกคะ เพียงแค่พอคิดย้อนไปแล้วก็รู้สึกว่ามันน่ารักดี รักกุ๊กๆกิ๊กๆแบบเด็กๆ มันเหมือนเป็นอะไรที่เวลาชอบใครมันก็แค่ชอบ เป็นความรู้สึกล้วนๆที่ไม่ได้หวังว่าจะได้อะไร จะเป็นอะไร แค่ได้ชอบ ได้เห็น ได้คุย แค่นั้นมันก็มีความสุขเล็กๆแล้ว ซึ่งพอคิดถึงมันขึ้นมามันก็ทำให้อมยิ้มเล็กๆได้ ไม่เหมือนรักแบบผู้ใหญ่ ที่ถ้าจะรักกันจะคบกันก็ดูจะมีเงื่อนไข มีปัจจัย มีความต้องการและเรียกร้องอยากจะได้อะไรหลายๆอย่างซะเหลือเกิน จนบางครั้งเราก็ไม่รู้ว่า เราจะทำได้มั้ยนะ เราจะสามารถให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการได้มั้ย หรือที่จริงแล้วเรากับเค้ามีจุดหมายอยู่ที่สิ่งเดียวกันหรือเปล่า ฟังดูเหนื่อยน่าปวดหัวว่ามั้ยคะ คิดๆแล้วบางทีการอยู่คนเดียวอาจจะดีกว่า ง่ายกว่าและสบายกว่าก็เป็นได้นะคะ
อิ อิ ก็พูดไป เพราะถึงจะว่างั้น หลายๆคนก็ยังอยากจะหาความลำบากอยู่นั่นแหละว่ามั้ยคะ เพราะบางทีการมีคนทะเลาะด้วยมันก็อาจจะสนุกมากกว่าการนั่งเงียบๆอยู่คนเดียวก็ได้ล่ะมั้งคะ
Create Date : 05 มิถุนายน 2555 |
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 12:11:23 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1755 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: diamondsky วันที่: 8 มิถุนายน 2555 เวลา:14:52:45 น. |
|
|
|
โดย: diamondsky วันที่: 25 มิถุนายน 2555 เวลา:22:42:27 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Melbourne Australia
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
ชีวิตก็เหมือนการเดินทางที่เราไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดลงที่ไหน.... แต่บางทีสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเดินทางก็อาจไม่ใช่จุดหมายปลายทางแต่คือผู้คนและสิ่งต่างๆที่เราได้ประสบพบเจอระหว่างทางต่างหาก.....
|
|
|
|
|
|
กำลังคิดอยู่เลยว่าช่วงนี้คุณหมูน้อยอาจไปเที่ยวไหนรึป่าว ไม่เห็นที่บล็อก
ดีใจที่เห็นอัพเดทใหม่ค่ะ
แหมๆๆๆๆ งานคืนสู่เหย้า ได้เจอเพื่อนเก่า อบอุ่นชื่นใจ
แถมได้เจอหนุ่มที่เคยชอบ อิอิ ...
บางทีตอนเจอคนที่เราชอบสมัยเด็กๆ หรือวัยรุ่น ทำให้เรารู้สึกเด็กลงก็ว่าได้นะคะ
ที่อิตาลีช่วงนี้ใกล้เข้าหน้าร้อนแล้ว ร้อนๆๆๆๆ
อากาศ 27-28c ปลายเดือนคงร้อนกว่านี้
หลายคนได้หยุดยาว เอิงคงหาโอกาสไปเที่ยวประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง
ปล.เมื่อวานเข้าครัวทำอาหาร มีพาสต้าทูน่ามาฝากค่ะ