จันทน์กะพ้อ บทที่ ๔
สถานที่นัดกันคือผับแห่งหนึ่งย่านที่นักท่องราตรีรู้จักกันดีพะนอขวัญบอกว่าเป็นที่ประจำของวิจิตราเพื่อนสาวซึ่งเป็นสาวเปรี้ยวมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วถ้าเรื่องสังสรรค์ขอให้บอก วิจิตราจัดให้ มีวิจิตรารับรองว่าสนุกเฮฮาแน่นอน พอรู้ว่าจันทน์กะพ้อมาทั้งทีเธอเลยบอกว่าต้องพาไปสัมผัส แสงสี ของกรุงเทพฯ บ้าง สองสาวลงจากรถแท็กซี่มายืนบนทางเท้าหน้าร้านที่นัดหมายยังไม่ต้องมองหาก็ได้ยินเสียงเรียกจึงหันขวับไปยังต้นเสียง เพื่อนสาวสองคนเดินจ้ำออกมาจากร้าน อ้าย...แพง...โห คิดถึงพวกแกว่ะ จันทน์กะพ้อกอดตอบเพื่อนสาว ทั้งวิจิตราและนงนุชสี่สาวผลัดกันกอดแบบขำๆ ตั้งแต่เรียนจบมัธยมพวกเธอไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไร ทั้งวิจิตราและนงนุชเข้ามาเรียนและยังทำงานที่กรุงเทพฯเหมือนพะนอขวัญ วิจิตราทำงานในบริษัทออแกนไนซ์ส่วนนงนุชนั้นเป็นเป็นเซลล์หรือผู้แทนการขายยาของบริษัทยายักษ์ใหญ่ คิดถึงพวกแกเหมือนกันไอ้วี่...ไอ้หน่อยโห...แกสองคนสวยเกินหน้าเกินตาว่ะ จันทน์กะพ้อมองสองเพื่อนสาวที่มาในเดรสสั้นสีดำกับสีน้ำเงินอวดรูปร่างโปร่งบาง เรียกว่าจัดเต็มมาตั้งแต่เส้นผมจรดรองเท้าสวยเด่นด้วยกันทั้งคู่ แหม...ยังกับแกน้อยหน้า นี่ฝีมือไอ้แพงใช่ไหมวิจิตราเอ่ยกลั้วหัวเราะ ไม่เคยเห็นจันทน์กะพ้อในรูปลักษณ์แบบนี้เพื่อนสาวชอบแต่งตัวง่ายๆ ลุยๆ เป็นประจำ ประเภทเสื้อยืดกางเกงยีนอะไรแบบนั้นยังกับคู่แฝดเลยนะพวกแก...แล้วนี่อะไร ผ้าคลุมไหล่เก็บไปเลยไหม กล้าๆ หน่อยเธอแกล้งดึงผ้าคลุมไหล่ของเพื่อนสาว โอ๊ย...แค่นี้ก็พอล่ะฉันไม่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนมาก็ดีเท่าไรแล้ว จันทน์กะพ้อหัวเราะถ้าไม่ใช่พะนอขวัญท้วงไว้เธอก็คงมาในชุดที่ว่านั่นแหละ เพราะรูปร่างใกล้เคียงกับพะนอขวัญเพื่อนสาวเลยเลือกเสื้อผ้าตัวเองให้ เป็นเสื้อกล้ามสีม่วงเข้มกับกระโปรงบานยาวถึงข้อเท้าสีดำกับเครื่องประดับทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือหลายๆ ชิ้นสวมรวมกันสไตล์ของเพื่อนสาวเลยปกติเธอไม่ใช้เครื่องประดับมีเพียงสร้อยข้อมือหนังถักที่ใส่ติดข้อมือซ้ายกับนาฬิกาข้อมือเท่านั้นแล้วยังถูกจับแต่งหน้าด้วย ก็ยังดีที่ไม่ได้แต่งเข้มเกินไป...แค่นี้ก็รู้สึกแปลกๆแล้ว ช่วงหลังๆ มานี้เธอไม่ค่อยได้ สัมผัสแสงสีสักเท่าไรเพราะบรรดาเพื่อนสนิทต่างก็แยกย้ายกันไปหลังจากเรียนจบแต่เมื่อก่อนสถานที่เที่ยวกลางคืนก็แทบจะอยู่ในวงจรชีวิตประจำวันของการเป็นนักศึกษา ไปนั่งเฝ้าไอ้พวกเพื่อนบ้าจีบสาวบ้าง ไปลากเพื่อนขี้เมากลับหอบ้าง ไม่เคยแต่งตัวสวยๆ เป็นผู้หญิงแบบนี้หรอก ฉันว่าแกแต่งแบบนี้บ่อยๆ เถอะ สวยดี สาวๆจะได้เลิกมาจีบแกสักที นงนุชเอ่ยกลั้วหัวเราะ ก็บุคลิกติดจะห้าวๆ ลุยๆของเพื่อนสาวทำให้ถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ เออ...คิดถึงตอนกีฬาสี พวกเด็กๆ ม.ต้นมากรี๊ดพี่อ้ายข้างสนามบาสแทบขาดใจวาเลนไทน์ก็ได้กุหลาบเพียบ จากสาวๆ ทั้งนั้น วิจิตราเสริม คิดถึงเรื่องสมัยเด็กๆที่ไรก็ยิ้มออกทุกที วันนี้คงได้รื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ กับเพื่อนให้สนุก แหมๆ เข้ามหาลัยแล้วอ้ายเขาก็ฮ็อตใช่เล่นนะ สาวๆเพียบเหมือนเดิม ขนาดมีเพื่อนสนิ๊ดสนิทอยู่แล้ว นงนุชเน้นเสียงในตอนท้าย ได้ข่าวว่าแกเรียนอยู่กรุงเทพฯ นะไอ้หน่อยจันทน์กะพ้อรีบขัดคอ โอ๊ย...สายข่าวฉันเยอะย่ะ นงนุชยักคิ้ว ยิ้มพราว จันทน์กะพ้อส่ายหน้าทั้งขำทั้งอ่อนใจเจอกันทีไรเรื่องที่คุยกันมากที่สุดก็คงเป็นเรื่องใครมีแฟนแล้ว แฟนแต่ละคนเป็นยังไงนี่แหละแถมบางทีก็ใส่สีตีไข่กันอย่างสนุกสนาน แต่ตอนนี้...ไอ้แพงทำไมไม่เอาสุดหล่อของแกมาโชว์ นี่ฉันยังไม่เคยเห็นคุณพี่ใหญ่ของแกตัวเป็นๆ เลยนะ วิจิตราหันมาทางเพื่อนสาวอีกคนแค่เพื่อนมีแฟนก็เป็นหัวข้อใหญ่แล้วนี่แฟนของพะนอขวัญยังเป็นหนุ่มนักธุรกิจในสังคมไฮโซสุดฮอตเธอทำงานอยู่ในบริษัทออแกนไนซ์ย่อมรู้จักน่านฟ้าดี เขาเป็นคนระดับเอลิสต์ที่ทุกงานต้องการให้เขาไปร่วมงาน เออ...ใช่เลยไอ้แพง เพื่อนๆก็ย้ำให้แกพามาด้วยนี่ นงนุชรีบเสริม เขาไม่อยู่น่ะสิ...ตอนนี้ไม่อยู่ไทยพะนอขวัญตอบและเสริมก่อนที่เพื่อนๆ จะรุมสงสัยอีก พี่ใหญ่บอกว่ากลับมาแล้วค่อยนัดพวกแกอีกที ว้ายๆ จริงเหรอๆ นัดกันวันไหนบอกล่วงหน้าด้วยฉันต้องเตรียมตัว ได้ข่าวว่าแฟนเพื่อนนะไอ้วี่จันทน์กะพ้อกระเซ้า เออน่า...ฉันไม่แย่งไอ้แพงหรอกแต่ฉันก็อยากให้คนหล่อๆ เห็นฉันสวยด้วยสิยะ วิจิตรายักไหล่ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเออ...เข้าไปรอในร้านก่อนไหม เดี๋ยวเพื่อนคนอื่นๆ คงทยอยกันมา จันทน์กะพ้อเดินตามเพื่อนสาวเข้าไปในร้านที่วิจิตราบอกว่าเธอมาบ่อยบรรยากาศร้านโปร่งกว่าผับทั่วไป เพดานสูงนั้นมีโคมไฟคริสตัลสะท้อนแสงเป็นประกายที่เวทียกพื้นนักดนตรีกำลังเซตเครื่องดนตรี หากเปิดเพลงสไตล์นุ่มนวลไว้ ตอนนี้มีลูกค้าอยู่แค่สองสามโต๊ะแต่จากจำนวนโต๊ะที่จัดไว้แสดงว่าร้านคงจะฮอตฮิตอย่างที่วิจิตราโฆษณาไว้ กินอะไรกันมาหรือยัง ของกินที่นี่อร่อยนะทั้งกินเล่นหรือกินจริงจังก็ได้ กินมาบ้างแล้วล่ะ ท้องว่างเดี๋ยวเมา จันทน์กะพ้อตอบ ช่วยเมาเพื่อนเห็นสักทีเถอะไอ้อ้ายวิจิตราส่ายหน้า มองใบหน้ายิ้มๆ ของเพื่อนทั้งขำทั้งหมั่นไส้ ทั้งจันทน์กะพ้อทั้งพะนอขวัญนั่นแหละ...เวลากลับบ้านแล้วนัดสังสรรค์กันทีไรไม่เคยจะเมาเหมือนเพื่อนคนอื่นเลย เมาแล้วไม่สนุกหรอก...ไม่เมาดีกว่าเนอะแพงจันทน์กะพ้อพยักพเยิดกับพะนอขวัญซึ่งพยักหน้ารับ เธอก็ไม่ได้คอแข็งคอทองแดงมากมายแต่พอรู้ว่าแค่ไหนจะเมา ก็จำกัดตัวเองไว้แค่นั้น เพราะเมาจนไม่รู้ตัวมันจะไปทรมานตอนสร่างเมานั่นแหละแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนบ้าง หากเธอมีเพื่อนดีๆ คอยดูแลกันอยู่จึงอยู่รอดปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้ พ่อเคยบอก...กินเหล้าก็อย่าให้เหล้ากินตัวเอง แต่วันนี้เมาได้นะ...วันนี้เรามีไอ้หน่อยเป็นนางฟ้า นงนุชแสร้งถอนหายใจ นางฟ้าของวิจิตราก็คือคนที่จะไม่ดื่มและขับรถพาเพื่อนๆกลับ เป็นข้อตกลงกับเพื่อนๆ เวลาออกมาสังสรรค์กัน อย่างน้อยก็ต้องมีคนที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนไว้สักคน ตามสบายเลยนางมารทั้งหลาย
นั่งกันอยู่ได้สักพักเพื่อนก็เริ่มมาสมทบพร้อมกับเสียงกรี๊ดกราด นานๆ ทีถึงจะได้นัดเจอกันหลายคนอย่างนี้ก็ยังดีที่ลูกค้าในร้านยังไม่เยอะจึงส่งเสียงกันได้ เพื่อนๆทั้งแปลกใจและดีใจที่จันทน์กะพ้อจะเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯรวมถึงเรื่องคุณพระเอกสุดหล่อของพะนอขวัญก็ถูกหยิบยกมาพูดเป็นระยะ ฉันเห็นรูปกับข่าวแกแล้ว...หล่อทั้งบ้านเลยอิจฉาแกสุดๆ เลยแพง พิมดาว เพื่อนสาวซึ่งกำลังเรียนต่อปริญญาโทวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งตีไหล่พะนอขวัญเบาๆ ข่าวอะไรวะ จันทน์กะพ้อถาม อะไรไอ้อ้าย แกไม่เห็นเพื่อนแพงของพวกเราในข่าวสังคมไฮโซเหรอยะมันไปงานไฮโซกับบ้านแฟนมันไง เปิดตัวว่าที่สะใภ้พันล้าน วิจิตราอธิบายพลางหัวเราะคิกคัก อ้าว...ก็ฉันมันโลโซนี่ ไม่เคยอ่านข่าวไฮโซจันทน์กะพ้อยักไหล่ แล้วเธอก็ไม่คิดจะอ่านข่าวสังคมไฮโซอะไรนั่นเลยด้วย หรือว่า...ต่อไปจะต้องอ่านบ้าง นี่ๆ เดี๋ยวเปิดให้ดูวิจิตราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเว็บไซต์ค้นหาข่าวของเพื่อนสาว จันทน์กะพ้อหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาบ้างเพราะรู้สึกถึงแรงสะเทือนจากการเปิดระบบสั่นเอาไว้หน้าจอแสดงชื่อน้องสาวจึงรีบบอกเพื่อนๆ ที่กำลังคุยกันอย่างออกรส ฉันออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกแป๊บนะ เธอลุกจากโต๊ะพลางกดรับสาย หากก็ออกไปคุยที่หน้าร้าน แก้วพิกุลเป็นน้องสาวคนเดียวของเธอ ตอนนี้เรียนอยู่มัธยมปลาย อ้าว...อ้ายไปไหนแล้ววิจิตราเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ กำลังจะเอาเว็บไซต์ให้เพื่อนดูก็ไม่เห็นเพื่อนที่โต๊ะแล้ว ไปคุยโทรศัพท์น่ะ ไม่รู้ใครโทรมา รีบเชียวนงนุชบอก เพื่อนสนิทของมันหรือเปล่าอังคณาเอ่ยกลั้วหัวเราะตอนนี้เธอกำลังเรียนต่อปริญญาโทด้านวิศวกรรมศาสตร์เช่นเดียวกับพิมดาวแต่เรียนกันคนละสาขา เพื่อนๆ ส่วนใหญ่ก็เน้นเรียนกันไปทางสายวิทยาศาสตร์ตรงๆ บ้าง หรือวิศวกรรมศาสตร์แล้วก็สายการแพทย์ซึ่งมีครบทุกแผนก เรียกว่าเปิดโรงพยาบาลได้เลย เพื่อนคนอื่นๆพากันพยักหน้าเห็นด้วยและเปลี่ยนหัวข้อมาเป็นเพื่อนสนิทของจันทน์กะพ้ออีกรอบ
จันทน์กะพ้อหัวเราะไปฟังน้องสาวบ่นไปไม่ว่าจะเรื่องเพื่อนเรื่องที่โรงเรียนหรือแม้แต่เรื่องที่บ้านแก้วพิกุลอายุห่างจากเธอหลายปี แต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะสนิทสนมกันดีหากมีเรื่องอะไรแก้วก็มักจะพูดกับเธอเสมอ พ่อแม่ก็เบาใจเพราะเชื่อใจว่าเธอสามารถดูแลน้องได้ ของขวัญให้หมู่...เฮาก็เฮ็ดเองก็ได้ บ่ต้องซื้อของแพงๆดอก เธอบอกเมื่อเจ้าตัวบ่นเรื่องกำลังหาของขวัญวันเกิดให้เพื่อนสนิทเธอจึงแนะนำให้น้องสาวทำเอง ไม่จำเป็นต้องซื้อของขวัญราคาแพง เธอเองก็มักจะทำของขวัญให้เพื่อนเองเช่นกันแต่ก็เป็นสิ่งที่เพื่อนน่าจะชอบ จันทน์กะพ้อเหลือบมองเส้นหนังถักที่เธอสวมข้อมืออยู่เป็นประจำ น้องสาวตอบมาในทำนองเห็นด้วยอาจจะลองทำอย่างที่เธอว่า จันทน์กะพ้อยิ้มบางๆ ขณะฟังน้องสาวเจื้อยแจ้วอีกครู่ก่อนที่แก้วพิกุลจะยอมวางสาย จ้าๆ เดี๋ยวซิซื้อขนมกลับไปฝากดอกเธอบอกก่อนจะวางสาย กำลังจะเดินกลับเข้าไปในร้านแต่พลันเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินตรงมา ร่างโปรงบางในชุดเดรสสั้นสีเทามุกสวยหรู ดวงหน้าสวยนั้นเติมแต่งอย่างประณีต จันทน์กะพ้อขมวดคิ้ว...รู้สึกคุ้นหน้า น่าจะเป็นเพื่อน...ที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว เธอยังมองจนหญิงสาวที่เดินมาใกล้คงรู้ตัวจึงหันมาสบตาเธอจันทน์กะพ้อเปิดยิ้ม เธอพอจะจำได้แล้วว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็ก นวล...จันทร์นวลหรือเปล่าอ้ายเอง...จันทน์กะพ้อ เธอลองทักดู บอกชื่อจริงที่ถ้าเป็นเพื่อนๆจะต้องจำชื่อสะดุดหูแบบนี้ได้แน่นอน ทั้งสองสบตากัน สาวสวยชะงัก...ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น ไม่ใช่...ฉันไม่รู้จัก ทักคนผิดแล้ว อ้าว...ขอโทษค่ะ นึกว่าเพื่อนจันทน์กะพ้อเลิกคิ้วน้อยๆ หากเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายซึ่งเดินเชิดผ่านเธอไปโดยไม่ปรายตามองเธออีก นึกว่านวลซะอีก เธอยังมองตามหลังหญิงสาวไป เธอคิดว่าตอนที่สบตากันเมื่อกี้เหมือนอีกฝ่ายจะมองเธอเหมือนจำได้นะ เขาบอกว่าไม่ใช่ล่ะสิ วิจิตราเอ่ยก่อนจะหัวเราะมองตามร่างโปร่งไป จันทน์กะพ้อหันมาทางเพื่อนสาว ที่มายืนอยู่ข้างๆโดยที่เธอไม่ทันสังเกต มาตอนไหนเนี่ย เมื่อกี้...ตอนที่แกทักยายนั่นไง วิจิตราบอกเธอออกมารอรับเนตรากับเพื่อนอีกคนที่ส่งข้อความมาบอกว่ากำลังจะถึงร้านแล้ว อ้อ...ฉันนึกว่านวล แต่ไม่ใช่แฮะ ก็ไม่ใช่จันทร์นวลที่แกรู้จักแล้วล่ะอ้ายวิจิตราเอ่ยกลั้วหัวเราะในแบบที่ทำให้จันทน์กะพ้อต้องเลิกคิ้วอย่างสงสัยน้ำเสียงเพื่อนสาวมันฟังแปร่งประหลาด เดี๋ยวนี้เขาเป็นคุณนีน่า...ไม่รู้จักเพื่อนบ้านนอกอย่างพวกเราหรอก จันทน์กะพ้อสบตาเพื่อนสาว วิจิตรายิ้มแล้วยักไหล่ จันทน์กะพ้อถอนหายใจ ก็เคยได้ยินมาหรอกนะว่าบางคนที่เข้ามาอยู่กรุงเทพฯจะเปลี่ยนไป ติดหรูหรา ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองเป็นคนต่างจังหวัด แต่เพื่อนๆของเธอกลับไม่เป็นอย่างนั้นสักคน หากตอนนี้ดูเหมือนจะเจอ...คนที่ว่าเสียแล้ว เคยเจอกันที่งานอีเวนต์...เฮอะ...ไม่รู้จักกันก็ได้ฉันก็ไม่ได้อยากจะรู้จักคนลืมกำพืดตัวเองหรอกนะวิจิตราเอ่ย...เธอเคยเจอจันทร์นวลหรือที่เปลี่ยนชื่อเป็นอะไรสักอย่างที่อ่านยากๆตามความนิยมของคนสมัยนี้ ในงานอีเวนต์ที่บริษัทจัด จันทร์นวลมากับกลุ่มเซเลปเธอเข้าไปทักด้วยความดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า แต่อีกฝ่ายปฏิเสธซ้ำยังมองเธออย่างเย็นชาตอนแรกก็นึกว่าจำผิดจริงๆ แต่พอลองสืบดูแล้วก็เป็นอดีตเพื่อนจริงๆ ใช่...อดีตนั่นแหละไม่อยากจะเป็นเพื่อนกันเธอก็ไม่ได้ง้อ ถ้าเขาไม่อยากรู้จักเรางั้นก็ไม่ต้องรู้จักกันก็ได้ จันทน์กะพ้อยักไหล่ แม้จะรู้สึกเสียดายบ้างเพราะก็รู้จักกันมานาน พ่อกับแม่ของเธอเองก็รู้จักพ่อกับแม่ของจันทร์นวล แต่ก็ช่างเถอะ...ในเมื่อเขาไม่มีใจจะอยากจดจำ อาจจะไม่ได้เจอะเจอกันอีก ไอ้วี่...ไอ้อ้าย...ฉันมาแล้ว สองสาวหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นเพื่อนลงมาจากแท็กซี่ที่จอดเทียบไม่ห่างนัก เพื่อนสาวสองคนคือเนตรา ว่าที่คุณหมอที่ยิ้มกว้างถลาเข้ามาหาพวกเธอ และอีกคนคือสิริลักษณ์พยาบาลสาวในโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง โห...พวกแกสองคน ไม่มาซะพรุ่งนี้เลยล่ะ
เพื่อนๆ ทยอยกันมาจนครบ เท่าที่นัดกันได้วันนี้คือสิบคนสาวๆ ล้วนแต่ละคนแต่งตัวมาแบบจัดเต็มไม่มีใครยอมใคร ทำให้เป็นจุดสนใจอยู่ไม่น้อย มีผู้ชายบางคนก็ใจกล้าเข้ามาขอชนแก้วแต่ก็ต้องถอยออกไปเพราะไม่มีใครสานสัมพันธ์ต่อเพราะพวกเธออยากคุยกันให้จุใจมากกว่า เพราะนานๆ ทีจะมารวมตัวกันกันเยอะขนาดนี้ ถึงทุกวันนี้จะมีโซเซียลเน็ตเวิร์กให้ติดต่อกันแต่ก็สู้มาคุยกันตรงๆ แบบนี้ไม่ได้ ยิ่งดึกก็ยิ่งสนุกสนานมากขึ้นทั้งในโต๊ะและในร้านซึ่งคนเต็มทุกโต๊ะเพลงเปลี่ยนจากเปิดแผ่นโดยดีเจมาเป็นวงดนตรีฝีมือเยี่ยมและเครื่องดื่มฝีมือพะนอขวัญที่แม้จะไม่ได้เน้นเมาแต่บางคนก็หน้าแดงไปเรียบร้อย กรี๊ด...ฉันชอบเพลงนี้ เต้นๆเนตราร้องขึ้นมาเมื่อได้ยินดนตรีขึ้นเป็นเพลงโปรด ก่อนจะดึงเพื่อนคนอื่นลุกขึ้นไม่ใช่เพียงแค่โต๊ะพวกเธอแต่โต๊ะอื่นๆ ก็ลุกขึ้น จันทน์กะพ้อหยุดเต้นเพราะการสั่นของโทรศัพท์เธอหยิบขึ้นมาดู พี่นารี... ชื่อเจ้านายที่ขึ้นมาทำให้จันทน์กะพ้อลุกบอกเพื่อนว่าจะไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกเพราะถ้าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนพี่นารีจะไม่โทรศัพท์มาตอนกลางคืนแบบนี้ แล้วตอนนี้เจ้าตัวก็ไปจีนกับคณะหอการค้าจังหวัด เดี๋ยวออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกนะเธอบอกกับพะนอขวัญ ไปเป็นเพื่อนไหม ไม่เป็นไร...เดี๋ยวมา
จันทน์กะพ้อออกมาคุยโทรศัพท์ที่หน้าของร้านซึ่งเสียงเบาพอที่จะคุยกันได้ใช้เวลาไม่นานนักพี่นารีก็วางสาย ขณะกำลังจะกลับเข้าร้านก็มีผู้ชายสองคนยืนขวางทางเธอเลิกคิ้ว ทั้งคู่ดูท่าทางก็รู้ว่าดื่มมา โดยเฉพาะคนที่มองเธอด้วยสายตาโลมเลียนั้นท่าทางจะเมาหนักไม่น้อย ไปต่อกับพี่ไหมน้อง น้ำเสียงติดอ้อแอ้ พลางสืบถ้าเข้ามาหา จันทน์กะพ้อหรี่ตาประเมินสถานการณ์ตรงหน้า ไปกันเลย...พี่จะพาไปที่ดีๆ รับรองน้องต้องชอบ จันทน์กะพ้อก้าวถอยหลังอย่างเร็วเมื่ออีกฝ่ายยื่นมือมาหมายจะจับมือเธอ ไปหาคนอื่นเถอะ เธอพยายามสะกดเสียงให้เรียบหากความไม่พอใจแล่นริ้วๆ ขึ้นมา โดยเฉพาะสายตาหื่นกระหายที่มองมาเมื่อกี้ตอนอยู่ที่โต๊ะเธอวางผ้าคลุมไหล่ไหวเพราะเริ่มร้อนตอนที่เต้นกัน อย่าเล่นตัวน่า...รับรองเพื่อนพี่จ่ายให้น้องจุใจแน่อีกคนเสริมขึ้นมา แม้จะไม่เมาเท่าคนแรกแต่พฤติกรรมก็ไม่ได้ต่างกัน เมาแล้วก็กลับบ้านไปซะจันทน์กะพ้อไม่คิดจะต่อความยาว ก้าวหลบหากอีกฝ่ายไม่ยอม ก้าวตามไปขวางทางไว้ จันทน์กะพ้อเหยียดยิ้มถึงจะเป็นผู้ชายสองคน...แต่ถ้าเมาแบบนี้ก็พอจะไหวนะ ป่ะ...น้องสาว จันทน์กะพ้อกำลังจะยกขาขึ้นในจังหวะที่อีกฝ่ายสะอึกเข้ามาจะฉุดเธอแต่กลับเซไปด้านหลังเพราะถูกท่อนแขนแข็งแรงตวัดรัดเอวจากด้านหลังแต่เธอไม่ได้ล้มเพราะมีแผ่นอกกว้างรองรับไว้ เอ๊ะ... จันทน์กะพ้อร้องกึ่งตกใจกึ่งโมโหเธอตะปบเข้าที่มือใหญ่ซึ่งกอดเอวเธอไว้กำลังจะกระชากออกก็นิ่งงันไปเพราะน้ำเสียงที่เคยคุ้น ขอโทษที่มาช้าครับคุณนาย
======================================
Create Date : 01 เมษายน 2558 |
Last Update : 6 เมษายน 2558 21:33:27 น. |
|
7 comments
|
Counter : 1625 Pageviews. |
|
|