ปลูกดอกไม้ในฮาเร็ม...เติมเต็มหัวใจให้ชื่นบาน
Group Blog
 
<<
เมษายน 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
1 เมษายน 2558
 
All Blogs
 
จันทน์กะพ้อ บทที่ ๔

สถานที่นัดกันคือผับแห่งหนึ่งย่านที่นักท่องราตรีรู้จักกันดีพะนอขวัญบอกว่าเป็นที่ประจำของวิจิตราเพื่อนสาวซึ่งเป็นสาวเปรี้ยวมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วถ้าเรื่องสังสรรค์ขอให้บอก วิจิตราจัดให้ มีวิจิตรารับรองว่าสนุกเฮฮาแน่นอน พอรู้ว่าจันทน์กะพ้อมาทั้งทีเธอเลยบอกว่าต้องพาไปสัมผัส ‘แสงสี’ ของกรุงเทพฯ บ้าง

สองสาวลงจากรถแท็กซี่มายืนบนทางเท้าหน้าร้านที่นัดหมายยังไม่ต้องมองหาก็ได้ยินเสียงเรียกจึงหันขวับไปยังต้นเสียง เพื่อนสาวสองคนเดินจ้ำออกมาจากร้าน

“อ้าย...แพง...โห คิดถึงพวกแกว่ะ”

จันทน์กะพ้อกอดตอบเพื่อนสาว ทั้งวิจิตราและนงนุชสี่สาวผลัดกันกอดแบบขำๆ ตั้งแต่เรียนจบมัธยมพวกเธอไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไร ทั้งวิจิตราและนงนุชเข้ามาเรียนและยังทำงานที่กรุงเทพฯเหมือนพะนอขวัญ วิจิตราทำงานในบริษัทออแกนไนซ์ส่วนนงนุชนั้นเป็นเป็นเซลล์หรือผู้แทนการขายยาของบริษัทยายักษ์ใหญ่

“คิดถึงพวกแกเหมือนกันไอ้วี่...ไอ้หน่อยโห...แกสองคนสวยเกินหน้าเกินตาว่ะ” จันทน์กะพ้อมองสองเพื่อนสาวที่มาในเดรสสั้นสีดำกับสีน้ำเงินอวดรูปร่างโปร่งบาง เรียกว่าจัดเต็มมาตั้งแต่เส้นผมจรดรองเท้าสวยเด่นด้วยกันทั้งคู่

“แหม...ยังกับแกน้อยหน้า นี่ฝีมือไอ้แพงใช่ไหม”วิจิตราเอ่ยกลั้วหัวเราะ ไม่เคยเห็นจันทน์กะพ้อในรูปลักษณ์แบบนี้เพื่อนสาวชอบแต่งตัวง่ายๆ ลุยๆ เป็นประจำ ประเภทเสื้อยืดกางเกงยีนอะไรแบบนั้น“ยังกับคู่แฝดเลยนะพวกแก...แล้วนี่อะไร ผ้าคลุมไหล่เก็บไปเลยไหม กล้าๆ หน่อย”เธอแกล้งดึงผ้าคลุมไหล่ของเพื่อนสาว

“โอ๊ย...แค่นี้ก็พอล่ะฉันไม่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนมาก็ดีเท่าไรแล้ว” จันทน์กะพ้อหัวเราะถ้าไม่ใช่พะนอขวัญท้วงไว้เธอก็คงมาในชุดที่ว่านั่นแหละ เพราะรูปร่างใกล้เคียงกับพะนอขวัญเพื่อนสาวเลยเลือกเสื้อผ้าตัวเองให้ เป็นเสื้อกล้ามสีม่วงเข้มกับกระโปรงบานยาวถึงข้อเท้าสีดำกับเครื่องประดับทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือหลายๆ ชิ้นสวมรวมกันสไตล์ของเพื่อนสาวเลยปกติเธอไม่ใช้เครื่องประดับมีเพียงสร้อยข้อมือหนังถักที่ใส่ติดข้อมือซ้ายกับนาฬิกาข้อมือเท่านั้นแล้วยังถูกจับแต่งหน้าด้วย ก็ยังดีที่ไม่ได้แต่งเข้มเกินไป...แค่นี้ก็รู้สึกแปลกๆแล้ว

ช่วงหลังๆ มานี้เธอไม่ค่อยได้ ‘สัมผัสแสงสี’สักเท่าไรเพราะบรรดาเพื่อนสนิทต่างก็แยกย้ายกันไปหลังจากเรียนจบแต่เมื่อก่อนสถานที่เที่ยวกลางคืนก็แทบจะอยู่ในวงจรชีวิตประจำวันของการเป็นนักศึกษา

ไปนั่งเฝ้าไอ้พวกเพื่อนบ้าจีบสาวบ้าง

ไปลากเพื่อนขี้เมากลับหอบ้าง

ไม่เคยแต่งตัวสวยๆ เป็นผู้หญิงแบบนี้หรอก

“ฉันว่าแกแต่งแบบนี้บ่อยๆ เถอะ สวยดี สาวๆจะได้เลิกมาจีบแกสักที” นงนุชเอ่ยกลั้วหัวเราะ ก็บุคลิกติดจะห้าวๆ ลุยๆของเพื่อนสาวทำให้ถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ

“เออ...คิดถึงตอนกีฬาสี พวกเด็กๆ ม.ต้นมากรี๊ดพี่อ้ายข้างสนามบาสแทบขาดใจวาเลนไทน์ก็ได้กุหลาบเพียบ จากสาวๆ ทั้งนั้น” วิจิตราเสริม คิดถึงเรื่องสมัยเด็กๆที่ไรก็ยิ้มออกทุกที วันนี้คงได้รื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ กับเพื่อนให้สนุก

“แหมๆ เข้ามหาลัยแล้วอ้ายเขาก็ฮ็อตใช่เล่นนะ สาวๆเพียบเหมือนเดิม ขนาดมีเพื่อนสนิ๊ดสนิทอยู่แล้ว” นงนุชเน้นเสียงในตอนท้าย

“ได้ข่าวว่าแกเรียนอยู่กรุงเทพฯ นะไอ้หน่อย”จันทน์กะพ้อรีบขัดคอ

“โอ๊ย...สายข่าวฉันเยอะย่ะ” นงนุชยักคิ้ว ยิ้มพราว

จันทน์กะพ้อส่ายหน้าทั้งขำทั้งอ่อนใจเจอกันทีไรเรื่องที่คุยกันมากที่สุดก็คงเป็นเรื่องใครมีแฟนแล้ว แฟนแต่ละคนเป็นยังไงนี่แหละแถมบางทีก็ใส่สีตีไข่กันอย่างสนุกสนาน

“แต่ตอนนี้...ไอ้แพงทำไมไม่เอาสุดหล่อของแกมาโชว์ นี่ฉันยังไม่เคยเห็นคุณพี่ใหญ่ของแกตัวเป็นๆ เลยนะ” วิจิตราหันมาทางเพื่อนสาวอีกคนแค่เพื่อนมีแฟนก็เป็นหัวข้อใหญ่แล้วนี่แฟนของพะนอขวัญยังเป็นหนุ่มนักธุรกิจในสังคมไฮโซสุดฮอตเธอทำงานอยู่ในบริษัทออแกนไนซ์ย่อมรู้จักน่านฟ้าดี เขาเป็นคนระดับเอลิสต์ที่ทุกงานต้องการให้เขาไปร่วมงาน

“เออ...ใช่เลยไอ้แพง เพื่อนๆก็ย้ำให้แกพามาด้วยนี่” นงนุชรีบเสริม

“เขาไม่อยู่น่ะสิ...ตอนนี้ไม่อยู่ไทย”พะนอขวัญตอบและเสริมก่อนที่เพื่อนๆ จะรุมสงสัยอีก “พี่ใหญ่บอกว่ากลับมาแล้วค่อยนัดพวกแกอีกที”

“ว้ายๆ จริงเหรอๆ นัดกันวันไหนบอกล่วงหน้าด้วยฉันต้องเตรียมตัว”

“ได้ข่าวว่าแฟนเพื่อนนะไอ้วี่”จันทน์กะพ้อกระเซ้า

“เออน่า...ฉันไม่แย่งไอ้แพงหรอกแต่ฉันก็อยากให้คนหล่อๆ เห็นฉันสวยด้วยสิยะ” วิจิตรายักไหล่ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง“เออ...เข้าไปรอในร้านก่อนไหม เดี๋ยวเพื่อนคนอื่นๆ คงทยอยกันมา”

จันทน์กะพ้อเดินตามเพื่อนสาวเข้าไปในร้านที่วิจิตราบอกว่าเธอมาบ่อยบรรยากาศร้านโปร่งกว่าผับทั่วไป เพดานสูงนั้นมีโคมไฟคริสตัลสะท้อนแสงเป็นประกายที่เวทียกพื้นนักดนตรีกำลังเซตเครื่องดนตรี หากเปิดเพลงสไตล์นุ่มนวลไว้ ตอนนี้มีลูกค้าอยู่แค่สองสามโต๊ะแต่จากจำนวนโต๊ะที่จัดไว้แสดงว่าร้านคงจะฮอตฮิตอย่างที่วิจิตราโฆษณาไว้

“กินอะไรกันมาหรือยัง ของกินที่นี่อร่อยนะทั้งกินเล่นหรือกินจริงจังก็ได้”

“กินมาบ้างแล้วล่ะ ท้องว่างเดี๋ยวเมา” จันทน์กะพ้อตอบ

“ช่วยเมาเพื่อนเห็นสักทีเถอะไอ้อ้าย”วิจิตราส่ายหน้า มองใบหน้ายิ้มๆ ของเพื่อนทั้งขำทั้งหมั่นไส้ ทั้งจันทน์กะพ้อทั้งพะนอขวัญนั่นแหละ...เวลากลับบ้านแล้วนัดสังสรรค์กันทีไรไม่เคยจะเมาเหมือนเพื่อนคนอื่นเลย

“เมาแล้วไม่สนุกหรอก...ไม่เมาดีกว่าเนอะแพง”จันทน์กะพ้อพยักพเยิดกับพะนอขวัญซึ่งพยักหน้ารับ เธอก็ไม่ได้คอแข็งคอทองแดงมากมายแต่พอรู้ว่าแค่ไหนจะเมา ก็จำกัดตัวเองไว้แค่นั้น เพราะเมาจนไม่รู้ตัวมันจะไปทรมานตอนสร่างเมานั่นแหละแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนบ้าง หากเธอมีเพื่อนดีๆ คอยดูแลกันอยู่จึงอยู่รอดปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้

พ่อเคยบอก...กินเหล้าก็อย่าให้เหล้ากินตัวเอง

“แต่วันนี้เมาได้นะ...วันนี้เรามีไอ้หน่อยเป็นนางฟ้า”

นงนุชแสร้งถอนหายใจ นางฟ้าของวิจิตราก็คือคนที่จะไม่ดื่มและขับรถพาเพื่อนๆกลับ เป็นข้อตกลงกับเพื่อนๆ เวลาออกมาสังสรรค์กัน อย่างน้อยก็ต้องมีคนที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนไว้สักคน

“ตามสบายเลยนางมารทั้งหลาย”



นั่งกันอยู่ได้สักพักเพื่อนก็เริ่มมาสมทบพร้อมกับเสียงกรี๊ดกราด นานๆ ทีถึงจะได้นัดเจอกันหลายคนอย่างนี้ก็ยังดีที่ลูกค้าในร้านยังไม่เยอะจึงส่งเสียงกันได้ เพื่อนๆทั้งแปลกใจและดีใจที่จันทน์กะพ้อจะเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯรวมถึงเรื่องคุณพระเอกสุดหล่อของพะนอขวัญก็ถูกหยิบยกมาพูดเป็นระยะ

“ฉันเห็นรูปกับข่าวแกแล้ว...หล่อทั้งบ้านเลยอิจฉาแกสุดๆ เลยแพง” พิมดาว เพื่อนสาวซึ่งกำลังเรียนต่อปริญญาโทวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งตีไหล่พะนอขวัญเบาๆ

“ข่าวอะไรวะ” จันทน์กะพ้อถาม

“อะไรไอ้อ้าย แกไม่เห็นเพื่อนแพงของพวกเราในข่าวสังคมไฮโซเหรอยะมันไปงานไฮโซกับบ้านแฟนมันไง เปิดตัวว่าที่สะใภ้พันล้าน” วิจิตราอธิบายพลางหัวเราะคิกคัก

“อ้าว...ก็ฉันมันโลโซนี่ ไม่เคยอ่านข่าวไฮโซ”จันทน์กะพ้อยักไหล่

แล้วเธอก็ไม่คิดจะอ่านข่าวสังคมไฮโซอะไรนั่นเลยด้วย

หรือว่า...ต่อไปจะต้องอ่านบ้าง

“นี่ๆ เดี๋ยวเปิดให้ดู”วิจิตราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเว็บไซต์ค้นหาข่าวของเพื่อนสาว

จันทน์กะพ้อหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาบ้างเพราะรู้สึกถึงแรงสะเทือนจากการเปิดระบบสั่นเอาไว้หน้าจอแสดงชื่อน้องสาวจึงรีบบอกเพื่อนๆ ที่กำลังคุยกันอย่างออกรส

“ฉันออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกแป๊บนะ” เธอลุกจากโต๊ะพลางกดรับสาย หากก็ออกไปคุยที่หน้าร้าน แก้วพิกุลเป็นน้องสาวคนเดียวของเธอ ตอนนี้เรียนอยู่มัธยมปลาย

“อ้าว...อ้ายไปไหนแล้ว”วิจิตราเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ กำลังจะเอาเว็บไซต์ให้เพื่อนดูก็ไม่เห็นเพื่อนที่โต๊ะแล้ว

“ไปคุยโทรศัพท์น่ะ ไม่รู้ใครโทรมา รีบเชียว”นงนุชบอก

“เพื่อนสนิทของมันหรือเปล่า”อังคณาเอ่ยกลั้วหัวเราะตอนนี้เธอกำลังเรียนต่อปริญญาโทด้านวิศวกรรมศาสตร์เช่นเดียวกับพิมดาวแต่เรียนกันคนละสาขา เพื่อนๆ ส่วนใหญ่ก็เน้นเรียนกันไปทางสายวิทยาศาสตร์ตรงๆ บ้าง หรือวิศวกรรมศาสตร์แล้วก็สายการแพทย์ซึ่งมีครบทุกแผนก เรียกว่าเปิดโรงพยาบาลได้เลย

เพื่อนคนอื่นๆพากันพยักหน้าเห็นด้วยและเปลี่ยนหัวข้อมาเป็นเพื่อนสนิทของจันทน์กะพ้ออีกรอบ



จันทน์กะพ้อหัวเราะไปฟังน้องสาวบ่นไปไม่ว่าจะเรื่องเพื่อนเรื่องที่โรงเรียนหรือแม้แต่เรื่องที่บ้านแก้วพิกุลอายุห่างจากเธอหลายปี แต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะสนิทสนมกันดีหากมีเรื่องอะไรแก้วก็มักจะพูดกับเธอเสมอ พ่อแม่ก็เบาใจเพราะเชื่อใจว่าเธอสามารถดูแลน้องได้

“ของขวัญให้หมู่...เฮาก็เฮ็ดเองก็ได้ บ่ต้องซื้อของแพงๆดอก” เธอบอกเมื่อเจ้าตัวบ่นเรื่องกำลังหาของขวัญวันเกิดให้เพื่อนสนิทเธอจึงแนะนำให้น้องสาวทำเอง ไม่จำเป็นต้องซื้อของขวัญราคาแพง เธอเองก็มักจะทำของขวัญให้เพื่อนเองเช่นกันแต่ก็เป็นสิ่งที่เพื่อนน่าจะชอบ

จันทน์กะพ้อเหลือบมองเส้นหนังถักที่เธอสวมข้อมืออยู่เป็นประจำ

น้องสาวตอบมาในทำนองเห็นด้วยอาจจะลองทำอย่างที่เธอว่า จันทน์กะพ้อยิ้มบางๆ ขณะฟังน้องสาวเจื้อยแจ้วอีกครู่ก่อนที่แก้วพิกุลจะยอมวางสาย

“จ้าๆ เดี๋ยวซิซื้อขนมกลับไปฝากดอก”เธอบอกก่อนจะวางสาย กำลังจะเดินกลับเข้าไปในร้านแต่พลันเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินตรงมา ร่างโปรงบางในชุดเดรสสั้นสีเทามุกสวยหรู ดวงหน้าสวยนั้นเติมแต่งอย่างประณีต

จันทน์กะพ้อขมวดคิ้ว...รู้สึกคุ้นหน้า

น่าจะเป็นเพื่อน...ที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว

เธอยังมองจนหญิงสาวที่เดินมาใกล้คงรู้ตัวจึงหันมาสบตาเธอจันทน์กะพ้อเปิดยิ้ม เธอพอจะจำได้แล้วว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็ก

“นวล...จันทร์นวลหรือเปล่าอ้ายเอง...จันทน์กะพ้อ” เธอลองทักดู บอกชื่อจริงที่ถ้าเป็นเพื่อนๆจะต้องจำชื่อสะดุดหูแบบนี้ได้แน่นอน

ทั้งสองสบตากัน

สาวสวยชะงัก...ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น

“ไม่ใช่...ฉันไม่รู้จัก ทักคนผิดแล้ว”

“อ้าว...ขอโทษค่ะ นึกว่าเพื่อน”จันทน์กะพ้อเลิกคิ้วน้อยๆ หากเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายซึ่งเดินเชิดผ่านเธอไปโดยไม่ปรายตามองเธออีก

“นึกว่านวลซะอีก” เธอยังมองตามหลังหญิงสาวไป เธอคิดว่าตอนที่สบตากันเมื่อกี้เหมือนอีกฝ่ายจะมองเธอเหมือนจำได้นะ

“เขาบอกว่าไม่ใช่ล่ะสิ” วิจิตราเอ่ยก่อนจะหัวเราะมองตามร่างโปร่งไป

จันทน์กะพ้อหันมาทางเพื่อนสาว ที่มายืนอยู่ข้างๆโดยที่เธอไม่ทันสังเกต

“มาตอนไหนเนี่ย”

“เมื่อกี้...ตอนที่แกทักยายนั่นไง” วิจิตราบอกเธอออกมารอรับเนตรากับเพื่อนอีกคนที่ส่งข้อความมาบอกว่ากำลังจะถึงร้านแล้ว

“อ้อ...ฉันนึกว่านวล แต่ไม่ใช่แฮะ”

“ก็ไม่ใช่จันทร์นวลที่แกรู้จักแล้วล่ะอ้าย”วิจิตราเอ่ยกลั้วหัวเราะในแบบที่ทำให้จันทน์กะพ้อต้องเลิกคิ้วอย่างสงสัยน้ำเสียงเพื่อนสาวมันฟังแปร่งประหลาด

“เดี๋ยวนี้เขาเป็นคุณนีน่า...ไม่รู้จักเพื่อนบ้านนอกอย่างพวกเราหรอก”

จันทน์กะพ้อสบตาเพื่อนสาว

วิจิตรายิ้มแล้วยักไหล่

จันทน์กะพ้อถอนหายใจ ก็เคยได้ยินมาหรอกนะว่าบางคนที่เข้ามาอยู่กรุงเทพฯจะเปลี่ยนไป ติดหรูหรา ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองเป็นคนต่างจังหวัด แต่เพื่อนๆของเธอกลับไม่เป็นอย่างนั้นสักคน หากตอนนี้ดูเหมือนจะเจอ...คนที่ว่าเสียแล้ว

“เคยเจอกันที่งานอีเวนต์...เฮอะ...ไม่รู้จักกันก็ได้ฉันก็ไม่ได้อยากจะรู้จักคนลืมกำพืดตัวเองหรอกนะ”วิจิตราเอ่ย...เธอเคยเจอจันทร์นวลหรือที่เปลี่ยนชื่อเป็นอะไรสักอย่างที่อ่านยากๆตามความนิยมของคนสมัยนี้ ในงานอีเวนต์ที่บริษัทจัด จันทร์นวลมากับกลุ่มเซเลปเธอเข้าไปทักด้วยความดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า แต่อีกฝ่ายปฏิเสธซ้ำยังมองเธออย่างเย็นชาตอนแรกก็นึกว่าจำผิดจริงๆ แต่พอลองสืบดูแล้วก็เป็นอดีตเพื่อนจริงๆ

ใช่...อดีตนั่นแหละไม่อยากจะเป็นเพื่อนกันเธอก็ไม่ได้ง้อ

“ถ้าเขาไม่อยากรู้จักเรางั้นก็ไม่ต้องรู้จักกันก็ได้” จันทน์กะพ้อยักไหล่ แม้จะรู้สึกเสียดายบ้างเพราะก็รู้จักกันมานาน พ่อกับแม่ของเธอเองก็รู้จักพ่อกับแม่ของจันทร์นวล

แต่ก็ช่างเถอะ...ในเมื่อเขาไม่มีใจจะอยากจดจำ

อาจจะไม่ได้เจอะเจอกันอีก

“ไอ้วี่...ไอ้อ้าย...ฉันมาแล้ว”

สองสาวหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นเพื่อนลงมาจากแท็กซี่ที่จอดเทียบไม่ห่างนัก เพื่อนสาวสองคนคือเนตรา ว่าที่คุณหมอที่ยิ้มกว้างถลาเข้ามาหาพวกเธอ และอีกคนคือสิริลักษณ์พยาบาลสาวในโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

“โห...พวกแกสองคน ไม่มาซะพรุ่งนี้เลยล่ะ”


เพื่อนๆ ทยอยกันมาจนครบ เท่าที่นัดกันได้วันนี้คือสิบคนสาวๆ ล้วนแต่ละคนแต่งตัวมาแบบจัดเต็มไม่มีใครยอมใคร ทำให้เป็นจุดสนใจอยู่ไม่น้อย มีผู้ชายบางคนก็ใจกล้าเข้ามาขอชนแก้วแต่ก็ต้องถอยออกไปเพราะไม่มีใครสานสัมพันธ์ต่อเพราะพวกเธออยากคุยกันให้จุใจมากกว่า เพราะนานๆ ทีจะมารวมตัวกันกันเยอะขนาดนี้

ถึงทุกวันนี้จะมีโซเซียลเน็ตเวิร์กให้ติดต่อกันแต่ก็สู้มาคุยกันตรงๆ แบบนี้ไม่ได้

ยิ่งดึกก็ยิ่งสนุกสนานมากขึ้นทั้งในโต๊ะและในร้านซึ่งคนเต็มทุกโต๊ะเพลงเปลี่ยนจากเปิดแผ่นโดยดีเจมาเป็นวงดนตรีฝีมือเยี่ยมและเครื่องดื่มฝีมือพะนอขวัญที่แม้จะไม่ได้เน้นเมาแต่บางคนก็หน้าแดงไปเรียบร้อย

“กรี๊ด...ฉันชอบเพลงนี้ เต้นๆ”เนตราร้องขึ้นมาเมื่อได้ยินดนตรีขึ้นเป็นเพลงโปรด ก่อนจะดึงเพื่อนคนอื่นลุกขึ้นไม่ใช่เพียงแค่โต๊ะพวกเธอแต่โต๊ะอื่นๆ ก็ลุกขึ้น

จันทน์กะพ้อหยุดเต้นเพราะการสั่นของโทรศัพท์เธอหยิบขึ้นมาดู

“พี่นารี...” ชื่อเจ้านายที่ขึ้นมาทำให้จันทน์กะพ้อลุกบอกเพื่อนว่าจะไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกเพราะถ้าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนพี่นารีจะไม่โทรศัพท์มาตอนกลางคืนแบบนี้ แล้วตอนนี้เจ้าตัวก็ไปจีนกับคณะหอการค้าจังหวัด

“เดี๋ยวออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกนะ”เธอบอกกับพะนอขวัญ

“ไปเป็นเพื่อนไหม”

“ไม่เป็นไร...เดี๋ยวมา”


จันทน์กะพ้อออกมาคุยโทรศัพท์ที่หน้าของร้านซึ่งเสียงเบาพอที่จะคุยกันได้ใช้เวลาไม่นานนักพี่นารีก็วางสาย ขณะกำลังจะกลับเข้าร้านก็มีผู้ชายสองคนยืนขวางทางเธอเลิกคิ้ว ทั้งคู่ดูท่าทางก็รู้ว่าดื่มมา โดยเฉพาะคนที่มองเธอด้วยสายตาโลมเลียนั้นท่าทางจะเมาหนักไม่น้อย

“ไปต่อกับพี่ไหมน้อง” น้ำเสียงติดอ้อแอ้ พลางสืบถ้าเข้ามาหา

จันทน์กะพ้อหรี่ตาประเมินสถานการณ์ตรงหน้า

“ไปกันเลย...พี่จะพาไปที่ดีๆ รับรองน้องต้องชอบ”

จันทน์กะพ้อก้าวถอยหลังอย่างเร็วเมื่ออีกฝ่ายยื่นมือมาหมายจะจับมือเธอ

“ไปหาคนอื่นเถอะ” เธอพยายามสะกดเสียงให้เรียบหากความไม่พอใจแล่นริ้วๆ ขึ้นมา โดยเฉพาะสายตาหื่นกระหายที่มองมาเมื่อกี้ตอนอยู่ที่โต๊ะเธอวางผ้าคลุมไหล่ไหวเพราะเริ่มร้อนตอนที่เต้นกัน

“อย่าเล่นตัวน่า...รับรองเพื่อนพี่จ่ายให้น้องจุใจแน่”อีกคนเสริมขึ้นมา แม้จะไม่เมาเท่าคนแรกแต่พฤติกรรมก็ไม่ได้ต่างกัน

“เมาแล้วก็กลับบ้านไปซะ”จันทน์กะพ้อไม่คิดจะต่อความยาว ก้าวหลบหากอีกฝ่ายไม่ยอม ก้าวตามไปขวางทางไว้ จันทน์กะพ้อเหยียดยิ้มถึงจะเป็นผู้ชายสองคน...แต่ถ้าเมาแบบนี้ก็พอจะไหวนะ

“ป่ะ...น้องสาว”

จันทน์กะพ้อกำลังจะยกขาขึ้นในจังหวะที่อีกฝ่ายสะอึกเข้ามาจะฉุดเธอแต่กลับเซไปด้านหลังเพราะถูกท่อนแขนแข็งแรงตวัดรัดเอวจากด้านหลังแต่เธอไม่ได้ล้มเพราะมีแผ่นอกกว้างรองรับไว้

“เอ๊ะ...” จันทน์กะพ้อร้องกึ่งตกใจกึ่งโมโหเธอตะปบเข้าที่มือใหญ่ซึ่งกอดเอวเธอไว้กำลังจะกระชากออกก็นิ่งงันไปเพราะน้ำเสียงที่เคยคุ้น

“ขอโทษที่มาช้าครับคุณนาย”


====================================== 




Create Date : 01 เมษายน 2558
Last Update : 6 เมษายน 2558 21:33:27 น. 7 comments
Counter : 1625 Pageviews.

 
นำ้เสียงที่คุ้นเคย อรั้ยยยย อยากรู้ใครหน๋อ


โดย: ต่างแดน IP: 94.23.252.21 วันที่: 2 เมษายน 2558 เวลา:2:18:25 น.  

 
มาทันเวลามากพี่ชล แพงกะอ้ายจะได้เป็นคู่สะใภ้บ้านเดียวกันอีกแล้ว


โดย: nasa IP: 110.78.186.207 วันที่: 2 เมษายน 2558 เวลา:19:07:54 น.  

 
กรี๊ดๆๆๆ คุณชายมาแล้ววว


โดย: nako IP: 27.130.30.157 วันที่: 2 เมษายน 2558 เวลา:20:25:36 น.  

 
เอาอีกเอาอีก


โดย: บะแฟนจิ๊น้ำปู๋ วันที่: 3 เมษายน 2558 เวลา:10:42:25 น.  

 
กรี๊ดดดดดดดดดด มาแล้วๆเจอแล้วๆ


โดย: Sugar IP: 122.154.28.114 วันที่: 3 เมษายน 2558 เวลา:10:53:28 น.  

 
กรี๊ดดดดดด อยากอ่านต่อแล้ววววว


โดย: tan IP: 49.230.131.100 วันที่: 6 เมษายน 2558 เวลา:10:21:51 น.  

 
กรี๊ดดดดดด มาแล้วๆๆๆๆๆ


โดย: แก้ว IP: 183.89.156.170 วันที่: 6 เมษายน 2558 เวลา:16:13:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอกไม้ของฬีฬา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 84 คน [?]




จิบกาแฟ...อ่านนิยาย...ชมดอกไม้...ในสวนสวย
Friends' blogs
[Add ดอกไม้ของฬีฬา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.