ปลูกดอกไม้ในฮาเร็ม...เติมเต็มหัวใจให้ชื่นบาน
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2558
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
15 มิถุนายน 2558
 
All Blogs
 
จันทน์กะพ้อ บทที่ ๑๕




เขตชลจอดรถจักรยานยนต์ของเพื่อนสาวที่กลายมาเป็นพาหนะประจำเขาไว้ข้างสนามบาสกลางแจ้งที่วันนี้พวกจันทน์กะพ้อกำลังซ้อมอยู่ คงใกล้เวลาเลิกซ้อมแล้ว เขาหิ้วข้าวของเสบียงง่ายๆ พวกน้ำหวานขนมผลไม้เข้าไปยังอัฒจันท์ข้างสนามซึ่งมีกองเชียงนั่งรอให้กำลังใจกันหลายคน เขายิ้มรับเสียงร้องแซวของพวกสาวๆ ทั้งเพื่อนและรุ่นพี่

“โอ๊ย...แบบนี้กำลังใจเต็มเปี่ยมเลย”

“อะไรยะ...แกแค่คนเชียร์ จะเอากำลังใจไปทำไม”

เขตชลหัวเราะเบาๆ เริ่มชินเสียงแซวบ้างแล้ว เขามองเข้าไปในสนาม ช่วงนี้ใกล้จะถึงกีฬาน้องใหม่หรือกีฬาเฟรชชี่ จันทน์กะพ้อลงเล่นบาสเก็ตบอล เจ้าตัวบอกว่าเล่นมาตั้งแต่ม.ต้นแล้ว จันทน์กะพ้อก็สูงพอสมควรสำหรับผู้หญิงทั่วไปแต่ก็ไม่ได้สูงมากนักในมาตรฐานนักกีฬา หากเมื่อเห็นฝีมือของเพื่อนสาวแล้วก็บอกได้ว่าคงผ่านการฝึกซ้อมมามาก แววตามุ่งมุ่นหากดูสดใสยามเจ้าตัวอยู่ในสนามทำให้เขาต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป

นอกจากการเป็นตัวแทนคณะในช่วงแรกแล้ว จันทน์กะพ้อกับเขาก็ดูเหมือนดวงจะสมพงศ์กันอยู่ไม่น้อย เพราะยังจับฉลากได้ทำแลปกลุ่มเดียวกัน ต้องเรียนด้วยกันทำงานด้วยกัน และพี่รหัสของเขากับจันทน์กะพ้อเป็นเพื่อนสนิทกัน เวลาพี่พาไปเลี้ยงก็เจอกันตลอด

ทั้งๆ ที่ความชอบกับชีวิตของเขากับจันทน์กะพ้อแทบไม่เหมือนกันเลย แต่กลับสนิทกันเร็วมาก จันทน์กะพ้อไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงที่เขารู้จัก เธอเป็นคนง่ายๆ แต่งตัวสบายๆ กินอะไรก็ได้ ทำอะไรก็ได้ไม่เกี่ยงงอน ไม่เรื่องมากมีข้อแม้ข้ออ้างโน่นนี่ แล้วเจ้าตัวดูแกร่งและแมนกว่าผู้ชายบางคนเสียอีก บางทีใครๆ ก็สงสัยอยู่ว่าเจ้าตัวเป็นทอมหรือเปล่า

“วันนี้พอแค่นี้จ้า...ขอบใจทุกคน เจอกันพรุ่งนี้” เสียงรุ่นพี่ที่เป็นคนควบคุมการฝึกซ้อม ต่อด้วยเสียงเฮของทั้งสนาม ไม่เพียงแค่ทีมหญิงแต่มีทีมชายซ้อมอยู่ข้างๆ กัน

เขตชลลุกขึ้น หยิบผ้าขนหนูกับขวดน้ำส่งให้เพื่อนสาว ท่ามกลางเสียงแซว จันทน์กะพ้อหัวเราะไม่ต่อปากต่อคำอะไร เพราะจะค้านไปก็ไม่มีประโยชน์ ส่วนใหญ่แซวเอาสนุกกันทั้งนั้น เขตชลก็ชอบทำให้คนอื่นแซวเสียด้วย เหมือนเจ้าตัวจะสนุกกับการแสดงพวกนี้

“ถ้ามึงจะน่ารักขนาดนี้...มาเป็นแฟนกูไหม”

เขตชลชะงัก กะพริบตาปริบๆ มองเพื่อนนักศึกษาหญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ จันทน์กะพ้อ

“จะกลับใจเหรอวะ ไหนแกบอกว่าชอบแต่สาวๆ น่ารักๆ นี่ไอ้หว้า” จันทน์กะพ้อหัวเราะ ขำทั้งเขตชลและไอ้หว้าหรือนาตยา เพื่อนร่วมทีมที่แสดงออกชัดว่าเป็นทอม แถมมีสาวรุ่นน้องหน้าตาน่ารักจากโรงเรียนเดิมมาเฝ้าแทบทุกวัน ไอ้หว้าเป็นคนขอนแก่นนี่เอง

“ให้สิทธิพิเศษกับไอ้เขตมันไว้คน แต่ถ้าให้เลือก...เราเลือกอ้ายมากกว่านะ” นาตยาโปรยยิ้มหวาน ซึ่งรู้ว่าใช้ไม่ได้กับจันทน์กะพ้อ เจ้าตัวหัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนจะหันไปทางเขตชลที่กระแอมขึ้น

“พอดีกูว่ากูไม่น่ารัก แต่กูหล่อว่ะ เพราะงั้นเป็นแฟนมึงไม่ได้หรอก” เขตชลยักคิ้ว ไอ้หว้าเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาพูดด้วยแบบนี้ นาตยาเป็นคู่หูในสนามบาสของจันทน์กะพ้อ ด้วยรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาสวยคมเข้ม เป็นนางแบบได้สบายเลย แถมเจ้าตัวก็แต่งตัวซะหญิงจ๋าไม่บ่งบอกว่าจะเป็นทอมเลยสักนิด แต่เวลามีผู้หญิงน่ารักๆ ผ่านมา แววตาไอ้หว้ามันแสดงออกชัด

ดูเผินๆ จันทน์กะพ้อดูเหมือนทอมมากกว่านาตยาเสียอีก

“เออ...ไอ้หล่อ ไอ้หน้าตาดี” นาตยาค่อนอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะรับขวดน้ำที่เขตชลโยนมาให้อย่างคล่องแคล่ว กับจันทน์กะพ้อนี่ยื่นส่งดีๆ แต่กับเธอนี่โยนเอาๆ “ตกลงมึงไม่มาเล่นบาสเหรอวะ พวกพี่ๆ เขาถามอยู่เนี่ย” นาตยามองเพื่อนชาย เขตชลสูงในแบบที่ได้เปรียบในการเล่นบาสเก็ตบอล แถมหน้าตาก็เรียกเสียงเชียร์ได้กระหึ่มแน่

“คนเยอะอยู่แล้วนะ” เขตชลมองไปยังทางทีมบาสเก็ตบอลชายของคณะที่มาหยุดพักรวมกันที่ข้างสนามนี่แหละ ความจริงทีมชายก็ไม่ได้ขาดแคลนนักกีฬา ก็บาสเก็ตบอลเป็นกีฬายอดนิยมอีกอย่างของผู้ชายอยู่แล้ว ส่วนตัวเขาไม่ได้เล่นกีฬาอะไร เพราะถึงจะเล่นเป็นบ้างจากการเรียนพลศึกษาแต่ก็ไม่ได้เก่งพอที่จะเป็นนักกีฬา อีกอย่างก็คือตั้งแต่เด็กมาเขาก็ทุ่มเวลาให้กับเปียโน ยิ่งบาสเก็ตบอลที่จะเสี่ยงทำให้มือและนิ้วบาดเจ็บได้ง่ายๆ เขายิ่งเลี่ยงด้วยซ้ำ

สำหรับกีฬาเฟรชชี่เขาก็ไม่ได้ลงเล่นกีฬาอะไร หากอยู่ในกลุ่มสตาฟประสานงาน และยังถูกรุ่นพี่ชักชวนแกมบังคับให้เป็นหรีดของคณะ แต่เขาก็ปฏิเสธแข็งขัน รุ่นพี่จึงเหลือทางให้เขาเลือกก็คือถือป้ายคณะในขบวนพาเหรด เขาต้องจำใจรับ

จันทน์กะพ้อยิ้ม เขตชลก็เป็นคนแปลกๆ เธอก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรเขา แต่ก็เป็นเพื่อนกันได้ไม่มีปัญหาอะไร นอกจากที่ว่า...เขตชลเริ่มจะยึดมอเตอร์ไซค์ของเธอไปใช้บ่อยๆ

รวยขนาดนั้นก็ไม่ยอมซื้อรถใหม่มาใช้

“เฮ้ย...” เขตชลร้องเมื่อเห็นว่ามีลูกบอลพุ่งมาจากด้านหลังของเพื่อนสาว เขาดึงทั้งจันทน์กะพ้อและนาตยาหลบได้ทันเฉียดฉิว

“ขอโทษๆ ไม่โดนใช่ไหม”

“เออ...แต่ระวังหน่อยสิวะไอ้ขัน เกิดกูเป็นอะไรไปสาวๆ เขาจะร้องไห้กันทั้งโลกนะมึง” นาตยาหันไปทางเพื่อนซึ่งเป็นสมาชิกทีมชายที่วิ่งเข้ามา ก็เริ่มสนิทกันเพราะอยู่ในสนามซ้อมด้วยกันทุกวัน

“ถึงมึงเป็นอะไรไปก็มีกูอยู่ สาวๆ เขาไม่เป็นไรหรอก แล้วกูก็ชื่อกอล์ฟ” ขันติเป้ปากอย่างหมั่นไส้ ตอนแรกทีมชายก็นึกว่านาตยาจะเป็นดอกไม้งามให้พวกเขาได้ชื่นใจ แต่กลายเป็นดอกไม้พิษชัดๆ แถมเป็นศัตรูหัวใจอีกต่างหาก

“กูว่าขื่อขันเหมาะกับมึงแล้ว” นาตยาเอ่ยลอยหน้า

แน่นอนว่าทุกคนเรียกขันติว่าขันนั่นแหละ...รวมทั้งครอบครัวเขาเองด้วย ชักจะลืมไปแล้วว่าตั้งชื่อเล่นให้เขาว่ายังไง

“ขอโทษนะอ้าย” ขันติหันไปทางเพื่อนสาวอีกคน และเหลือบมองไอ้คนหน้าตาดีว่าที่เดือนคณะที่ยืนอยู่ข้างๆ จันทน์กะพ้อด้วย

หล่อเกินไปจนน่าหมั่นไส้

“เราไม่เป็นไร” จันทน์กะพ้อยิ้ม พยักหน้าให้เพื่อน ขันติถือลูกบาสกลับไปรวมกลุ่มกับทีมชายซึ่งกำลังจะแยกย้ายกันกลับ โดยส่วนใหญ่ก็มักจะไปหาของกินกันต่อแถวหลังมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นแหล่งใช้ชีวิตของนักศึกษามีร้านอาหารสารพัดอย่างในราคานักศึกษา

จันทน์กะพ้อก้มไปจับลูกบอลใกล้ๆ ขึ้นมา มองหน้าเขตชล...แล้วโยนใส่มือเขา เขตชลรับไม่พลาด หากมองเพื่อนสาวอย่างแปลกใจ

“ไหนๆ ก็ว่าง...มาเล่นกันไหมล่ะ...แค่เล่นสนุกๆ ก็พอ” จันทน์กะพ้อรีบเอ่ยตัดเมื่อเขตชลเหมือนจะแย้ง “ถือว่ามาช่วยเราซ้อมก็ได้”

เขตชลสบนัยน์ตาวาวใสกระจ่าง...

ตอนนี้เขาก็ไม่ได้จำเป็นต้องทะนุถนอมนิ้วมากแล้ว

“แต่เราไม่ได้ใส่รองเท้าผ้าใบ” เขตชลมองรองเท้าหนังกับชุดนักศึกษาของตัวเอง

“งั้นแค่แข่งกันชู้ตก็ได้...ไปเหอะ” จันทน์กะพ้อดันร่างสูงใหญ่ลงไปในสนาม เสียงร้องเชียร์จากพวกรุ่นพี่ทำให้เขตชลต้องเกาศีรษะแก้เขินเมื่อชู้ตพลาดไป

เขาชู้ตแพ้จันทน์กะพ้อยับเยิน

หากเมื่อกำลังจะพาจันทน์กะพ้อไปส่งหอพักเขาก็เอ่ย

“อ้าย...ไปช่วยเราเลือกรองเท้าบาสหน่อยสิ”






จันทน์กะพ้อเห็นรถปิกอัพสี่ประตูไม่คุ้นตาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน แสดงว่าพะนอขวัญอาจจะมาถึงแล้วก็ได้ เธอกับเขตชลกลับเข้ามาที่บ้านเพราะพี่ชายของเขตชลบอกว่ากำลังมาที่บ้านของเธอ เขตชลโทรศัพท์ไปบอกพี่ชายว่าจะค้างที่บ้านเธอและกลับกรุงเทพพร้อมกับเธอ

“แพง...” จันทน์กะพ้อลงจากที่นั่งข้างคนขับ ร้องเรียกเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน พร้อมกับผู้ชายร่างสูงใหญ่สองคนและน้องสาวของเธอ

พะนอขวัญโบกมือทักเพื่อนสาวและเขตชลที่ลงจากด้านคนขับตามร่างโปร่งมา เปิดยิ้มกว้าง

“หวัดดีค่ะพี่จิต...พี่ใหญ่” จันทน์กะพ้อไหว้สองหนุ่ม เธอรู้จักกับพี่ชายทั้งสองของพะนอขวัญดี เพราะผลัดกันไปรับน้องสาวที่โรงเรียนบ่อยๆ ส่วนคนรักของเพื่อนสาวก็เพิ่งได้เจอเป็นครั้งที่สองนี่เอง เขาเป็นพี่ชายของเขตชล...ตอนแรกที่ได้เจอเธอไม่รู้ว่าเขาเกี่ยวข้องกัน หากใบหน้านั้นก็ทำให้เธอนึกถึงเขตชลทันที

“ไงเรา...สิทิ้งอ้ายไปเป็นผู้สาวกรุงเทพฯ แล้ว” จิตประภัสร์รับไหว้ แล้วเย้าเพื่อนของน้องสาวยิ้มๆ พะนอขวัญบอกว่าจันทน์กะพ้อจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ “อ้ายอุตส่าห์กลับมาอยู่บ้านเฮาแล้ว”

“บ่แม่นพาพี่นางผู้สาวเชียงใหม่มาพร้อมแล้วรึอ้ายจิต” จันทน์กะพ้อย้อนอีกฝ่ายยิ้มๆ ว่าไม่ใช่เขาพาพี่สะใภ้สาวเชียงใหม่มาด้วยหรือ เจอกันทีไรจิตประภัสร์ก็แซวหยอดๆ ขำๆ ทุกครั้ง แต่เธอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไร เห็นเธอเป็นน้องสาวอีกคนนั่นแหละ

“บ่มีดอก...รอแต่ผู้สาวบ้านเฮานี่ล่ะ” จิตประภัสร์หัวเราะ เขาเหลือบมองไปยังร่างสูงที่มายืนข้างๆ จันทน์กะพ้อแล้วเลิกคิ้วนิดๆ เพราะสายตาขุ่นๆ ของน้องชายน่านฟ้า รูปร่างหน้าตาของสามพี่น้องมาทางเดียวกัน หากบุคลิกแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย

“ให้แม่น...อ้ายรอไหว้พี่นางอยู่...เนาะแพง” จันทน์กะพ้อหันไปพยักพเยิดกับเพื่อนสาวที่เอาแต่หัวเราะ

“กุญแจรถครับพี่ใหญ่” เขตชลยื่นกุญแจรถคืนให้พี่ชาย พยายามปัดอารมณ์ขุ่นๆ ออกไป ก็พอรู้ว่าจันทน์กะพ้อกับพี่ชายของพะนอขวัญหยอดกันเล่นๆ ไปอย่างนั้นเอง เพราะแววตาของทั้งคู่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

“หึ...มิน่าล่ะ ถึงไม่เอาเป้ลงจากรถ” น่านฟ้ารับกุญแจมาแล้วอดแซวน้องชายไม่ได้ ก็ตอนที่มาถึงบ้านของพะนอขวัญ นั่งไม่ทันถึงสิบนาทีเขตชลกับเพื่อนก็ขอออกไปหาเพื่อน

ก็ค่อยสมเป็นน้องชายของเขาหน่อย

เขตชลหัวเราะเขินๆ เขาก็แอบคิดไว้นั่นแหละ

น่านฟ้าหันไปทางหญิงสาวเจ้าของบ้าน แล้วเอ่ยยิ้มๆ

“เพิ่งรู้ว่าน้องอ้ายกับน้องชายพี่เป็นเพื่อนสนิทกัน...ฝากน้องอ้ายดูแลน้องชายพี่ด้วยนะ...ถ้างี่เง่าหรือดื้อก็จัดการได้”

จันทน์กะพ้อยิ้มเขินๆ สงสัยว่าคำพูดของพี่ชายเขตชลแฝงอะไรไว้หรือเปล่า เหลือบไปมองเพื่อนสาวที่ยักคิ้วและยิ้มกว้าง...แบบนี้ก็แสดงว่ารู้แน่นอน

แก้วพิกุลมองบรรดาพี่ๆ ไปมาแล้วชักอยากยกมือเกาศีรษะ...แต่ละคนยิ้มมีเลศนัยกันทั้งนั้นเลย



เมื่อคณะของเพื่อนสาวกลับไปแล้ว พร้อมกับนัดแนะว่าเดี๋ยวไปเจอกันที่กรุงเทพฯ จันทน์กะพ้อก็บอกกับน้องสาวว่าจะเข้าไปในตลาด ถ้าพ่อแม่กับตาซึ่งไปวัดกันกลับมาแล้วให้ไปที่บ้านสวนได้เลย เดี๋ยวเธอจะตามไป เธอเปลี่ยนไปใช้รถของบริษัทแทนรถปิกอัพของพ่อที่ใช้ไปสวนเมื่อกี้ แต่เขตชลยังคงเป็นคนขับเช่นเดิม

ตอนเรียนก็ยึดมอเตอร์ไซด์เธอไปใช้เองส่วนบีเอ็มดับเบิลยูก็จอดไว้ให้ฝุ่นเกาะเล่น ตอนมาบ้านก็ลั่นล้าชอบเหลือเกินรถปิกอัพนี่...เขตชลเป็นคนประหลาด

“ดูตึกแถวหนาตาขึ้นนะ” เขตชลเอ่ยเมื่อขับรถเข้าเขตเมือง รู้สึกว่าสองข้างทางเต็มไปด้วยตึกแถวอาคารพาณิชย์มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน

“ฮื่อ...ก็เยอะขึ้น อสังหาริมทรัพย์ที่นี่บูมขึ้นมาก ที่ทางอาคารราคาสูงมาก แต่ตัวเมืองก็ยังเล็กอยู่ ไม่ได้ขยายมากเท่าไร” จันทน์กะพ้อตอบ บ้านเกิดของเธอเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่ไม่ได้หมายถึงขนาด เพราะพื้นที่ของจังหวัดใหญ่มากติดหนึ่งในสิบของประเทศ แต่เป็นจังหวัดที่ไม่พลุกพล่าน ตัวเมืองมีขนาดเล็กต่างจากจังหวัดข้างเคียงอย่างขอนแก่นหรือนครราชสีมามาก

“เข้าตลาดสดก่อน...ซื้อพวกหม่ำ ไส้กรอกกับแหนมไปให้คุณขันติเขา จำทางได้เปล่า” อาหารขึ้นชื่อของบ้านเกิดเป็นที่ติดอกติดใจของเพื่อนๆ เวลากลับบ้านเธอก็ต้องขนกลับไปที่มหาวิทยาลัย แน่นอน...ห้องของเขตชลเป็นแหล่งซ่องสุมของเพื่อนๆที่สามารถทำอาหารกินกันได้

“ทางน่ะจำได้...ว่าแต่เอาใจเหลือเกินนะไอ้คุณขันนี่”

จันทน์กะพ้อเหลือบมองคนที่ทำเสียงเล็กเสียงน้อย มุมปากยกขึ้นน้อยๆ

“แล้วไง...”

“ถึงเป็นคุณขันติ...เขตก็หึงนะ” เขตชลเหลือบมองเสี้ยวหน้านวลก่อนจะกลับไปมองถนนต่อ ถึงไม่ได้ขับรถเร็วอะไร แต่การละสายตาจากทางเบื้องหน้าก็ไม่ดีสักเท่าไร

“เพ้อเจ้อ...”

เขตชลอมยิ้มเมื่อได้ยินคำติดปากของจันทน์กะพ้อ

“ก็คงเพ้อหาแต่อ้ายคนเดียวนี่แหละ”

“นี่แหละ...เพ้อเจ้อ”

เขตชลยิ้ม...นึกแล้วก็สงสัยว่าทำไมเขาไม่ตัดสินใจให้เร็วกว่านี้

หากเวลายาวนานก็ทำให้เขารู้นั่นแหละว่า...

ยิ่งพยายามตัดใจ...ก็ยิ่งตัดใจไม่ได้




ทั้งสองหอบข้าวของที่ซื้อมาลงจากรถไปสบทบสมาชิกครอบครัวที่มารวมตัวกันอยู่ที่ลานดินหน้าบ้านสวน แคร่สองตัวถูกนำมาวางต่อกันให้พอกับจำนวนคน วงอาหารเย็นพร้อมกับเครื่องดื่มก็เริ่มกันตั้งแต่ตะวันยังลับขอบฟ้า ศักดิ์สิทธิ์เป็นพ่อครัวใหญ่ของวันนี้

“บ่ได้กินแบบนี้มานาน...แซบหลายอ้ายศักดิ์” ขันติชักเริ่มคล่องภาษามากขึ้น เมื่อก่อนเขาและเขตชลก็หัดพูดภาษาอีสานจนพูดได้บ้าง ตอนแรกๆ นี่ยากมาก จันทน์กะพ้อถึงกับส่ายหน้าแทบจะทนไม่ไหวในสำเนียงเพี้ยนๆ ของพวกเขา

“แซบหลายก็กินหลายๆ” ศักดิ์สิทธิ์หัวเราะเพราะขันติเริ่มชมตั้งแต่มาช่วยชิมตอนปรุงรส จนตอนนี้กับข้าวกว่าครึ่งพร่องไปแล้ว

“อยู่ช่วยตาไถนาสิ...จะได้กินของแซบหลายๆ แถมมีปลักให้แช่ฟรีๆ ด้วย” เขตชลยักคิ้ว ขันติอ้าปาก กำลังจะก่อสงคราม หากก็มีคนขัดขึ้นก่อน

“ถามตาหรือยังว่าอยากให้อยู่หรือเปล่า...ดูๆ แล้วน่าจะไถนาไม่คุ้มหญ้ากับฟางนะ” ตาเมฆพูดและหัวเราะอย่างชอบใจในเสียงโอดครวญของเพื่อนหลานสาว

“ตาก็...ถึงจะไถนาไม่เก่งเท่าเขตมัน แต่ผมหล่อมากนะตา” ขันติยิ้มกว้าง ยักคิ้วไปทางเพื่อนซี้ที่ส่ายหน้าอย่างปลงๆ ส่วนจันทน์กะพ้อทั้งขำทั้งระอา หากทั้งสองก็ทำให้ครอบครัวของเธอมีเสียงหัวเราะเพิ่มขึ้น

“ฟังบ่อยๆ แก้วชักเชื่อแล้วนะว่าพี่ขันหล่อมาก” แก้วพิกุลเอ่ยกลั้วหัวเราะ ขันติสามารถทำให้หัวเราะได้ตลอดเวลา

“อ้าว...จริงๆ แค่มองหน้าพี่ แก้วก็น่าจะเห็นแล้วว่าพี่หล่อ”

“พอเหอะๆ ชักจะเอียนความหล่อแล้ว” จันทน์กะพ้อรีบเบรกก่อนที่ความหล่อของขันติจะลากยาวไปกว่านี้

“เชอะ...ขัดขวางความหล่อ” ขันติแกล้งงึมงำในลำคอ ก่อนจะหยิบแก้วของพ่อซึ่งพร่องไปเกินครึ่งส่งให้เขตชลที่เป็นคนจัดการเครื่องดื่ม “เติมอีกหน่อยนะครับพ่อ”

“แก้วนี้ก็พอแล้วนะลูก เดี๋ยวแม่เขาจะให้นอนหน้าบ้านกับพวกไอ้ตูบมัน” พฤกษาหัวเราะเมื่อถูกภรรยาปรายตาค้อนน้อยๆ ปกติเขาก็ไม่ดื่ม...นานๆ ทีจึงมีบ้าง

“ไม่เห็นจะอร่อยเลย...ขมจะตาย” แก้วพิกุลย่นจมูก  มองแก้วเบียร์ที่ถูกส่งให้บิดา ทุกคนยกเว้นเธอกับแม่ต่างก็ดื่มเจ้าเครื่องดื่มที่เธอลองชิมแล้วไม่เห็นความอร่อยของมันเลย เมื่อก่อนอยากรู้ว่าทำไมคนถึงชอบกันนัก พ่อก็เลยส่งแก้วให้ชิม จำได้ว่าขมแล้วก็เหม็นไม่มีความอร่อยเลยสักนิด

หากพี่สาวเองก็ดื่มหน้าตาเฉย...ทั้งเหล้าทั้งเบียร์ พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ขอให้รับผิดชอบตัวเองให้ดี

“ไม่ชอบน่ะดีแล้ว...ไม่เปลืองเงิน” จันทน์กะพ้อหัวเราะ ความจริงหลังๆ มานี่เธอก็ไม่ค่อยได้ดื่มเท่าไรนัก นอกจากเวลาเจอเพื่อนทีค่อยดื่มบ้าง

ดื่มเยอะก็ใช้เงินเยอะ...เธอจึงไม่ค่อยดื่มเท่าไรแล้ว

เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า

คุณอัญชลีส่ายหน้าเบาๆ เธอก็ไม่ได้สนับสนุนให้ลูกดื่มของมึนเมาหรอก แต่โตจนป่านนี้แล้วก็ต้องให้เขาเลือกเอง เพราะถึงจะห้ามไปแต่ตอนที่เธอไม่เห็นก็ไม่รู้อยู่ดี จันทน์กะพ้อเองก็เป็นเด็กดื้อตาใสอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการห้ามไม่เกิดประโยชน์อะไร สู้คุยกันตรงๆ จะดีกว่า และจันทน์กะพ้อก็รู้ว่าตัวเองจะต้องทำตัวอย่างไร บางทีกลับมาบ้านจันทน์กะพ้อก็มาตั้งวงกับพ่อและตากันนี่แหละ

“แล้วนี่ขันก็ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เหรอจ๊ะ ตอนแรกเห็นอ้ายบอกว่ากลับไปทำงานที่ปักษ์ใต้” คุณอัญชลีเอ่ยถาม

“ครับแม่ เพิ่งมาอยู่กรุงเทพฯ จังหวะพอดีเลย...อ้ายก็ไปอยู่กรุงเทพฯ เหมือนกัน”

คุณอัญชลีพยักหน้า

“นั่นสิ...ดีจริงๆ แม่ก็เป็นห่วงอ้ายเขา”

จันทน์กะพ้อยิ้มบางๆ แม่คือแม่ ยังไงก็เป็นห่วงไปเสียทุกอย่าง

“นอกจากสองคนนี้แล้วอ้ายยังมีพวกเพื่อนมัธยมอีกหลายคนอยู่กรุงเทพฯ รับรองว่าลูกแม่ไม่เหงาหรอกจ้ะ”

“แม่กลัวอ้ายอ้ายเหงาที่ไหนกัน...กลัวไปก่อเรื่องมากกว่า...โอ๊ย” แก้วพิกุลร้องแกมหัวเราะ เมื่อถูกแม่เอื้อมมือมาหยิกแขน

“ดูพูดเข้ายายแก้ว”

“อะไรยายแก้ว...อ้ายออกจะเป็นคนเรียบร้อยอ่อนหวาน น่ารักน่าทะนุถนอม จะไปก่อเรื่องอะไรได้ มีแต่จะโดนรุมรังแกมากกว่า” จันทน์กะพ้อทำเสียงเล็กเสียงน้อย

เขตชลแทบสำลักเบียร์ที่กำลังดื่ม ส่วนขันติหัวเราะออกมาโดยไม่มีกั๊ก แม้จะมีตาคมปรายมาก็ตาม

“นั่นไง...อย่าทำอะไรแผลงๆ มากล่ะอ้าย สังคมเขาก็บ่เหมือนบ้านเรา” คุณอัญชลียังเอ่ยอย่างเป็นห่วง

“แม่ก็...อ้ายบ่เป็นหยังดอก” จันทน์กะพ้อย้ำ

“ใช่ครับ...แม่ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าเป็นเรื่องไฮโซนี่ต้องเขตเลยครับ เชี่ยวชาญชำนาญมาก” ขันติสะกิดเพื่อนซี้ ถ้าจะห่วงก็น่าจะห่วงว่าจันทน์กะพ้อจะต้องย้ายสำมะโนครัวไปอยู่กรุงเทพแบบยาวๆ เขาไม่แน่ใจนักว่าทางบ้านของจันทน์กะพ้อยังเข้าใจว่าเขตชลเป็นแค่เพื่อนสนิทของลูกสาวหรือเปล่า...แต่แก้วพิกุลนี่แหละที่เชียร์ออกนอกหน้ามาก

เขตชลหัวเราะแห้งๆ  เมื่อสายตาทุกคู่มองมายังเขา

“พี่เขตเป็นไฮโซเหรอนี่” แก้วพิกุลตาโต หากหัวเราะคิกคัก

“เรียกว่าทั้งตระกูลพี่เขตของแก้วเลยดีกว่า” ขันติเป็นคนตอบแทน ส่วนเจ้าตัวทำหน้าเก้อๆ เพราะถูกมองเป็นตาเดียว

“ไม่ใช่หรอกครับ...ขันก็พูดไป” เขตชลหัวเราะแหะๆ เขากับขันติได้คุยกับศักดิ์สิทธิ์นอกรอบแล้ว เพราะไม่อยากซักจันทน์กะพ้ออีก พวกเขาต้องการรู้ว่าควรจะรับมืออย่างไร และเรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์เล่าให้ฟังก็พอจะเดาได้ว่าคำว่า ‘ไฮโซ’ ดูจะเป็นคำแสลงของครอบครัวจันทน์กะพ้อ

“เอาเถอะจ้ะ...จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ยังไงก็ช่วยเหลือดูแลกันนะจ้ะ” คุณอัญชลีมองใบหน้าคมคายของเพื่อนลูกสาว ก็ไม่ได้แปลกใจหรอก ท่าทางของเขตชลก็บอกอยู่แล้ว...เห็นแรกๆ เธอก็นึกถึงก้องเกียรติ

“ครับแม่” เขตชลรับคำหนักแน่น หากก็อดถองศอกใส่ขันติที่หัวเราะจนตัวโยนไม่ได้

“รับปากรับคำแม่ซะดิบดีเชียวนะไอ้คุณชาย” ขันติกระซิบแซวเพื่อนซี้

“มึงก็หุบปากบ้าง”

ขันติหัวเราะชอบใจ...ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของเพื่อน

ต่อไปคงมีเรื่องสนุกๆ ให้เขาติดตามอีกนานเลยทีเดียว


================================================================ 




Create Date : 15 มิถุนายน 2558
Last Update : 15 มิถุนายน 2558 9:55:01 น. 3 comments
Counter : 2540 Pageviews.

 
รุกแบบหน้ามึนเลยนะนายเขต อยากรู้จังว่าอ้ายจะไปเจออะไรที่กรุงเทพ


โดย: nasa IP: 110.77.214.66 วันที่: 15 มิถุนายน 2558 เวลา:20:32:28 น.  

 
น่ารักอ่ะ


โดย: nako IP: 27.130.122.100 วันที่: 15 มิถุนายน 2558 เวลา:22:58:33 น.  

 
ให้เขตเป็นหรีด น่าจะลีดมากกว่านะคะ มาจากลีดเดอร์ค่ะ
ทำไมเขตพยายามตัดใจจากอ้ายล่ะคะ ยังท้าวความไม่ถึงซะที คาใจค่ะ แต่กลับมาสานสัมพันธ์ มีแอบหึงด้วย


โดย: goldensun IP: 61.91.4.2 วันที่: 16 มิถุนายน 2558 เวลา:21:22:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอกไม้ของฬีฬา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 84 คน [?]




จิบกาแฟ...อ่านนิยาย...ชมดอกไม้...ในสวนสวย
Friends' blogs
[Add ดอกไม้ของฬีฬา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.