ปลูกดอกไม้ในฮาเร็ม...เติมเต็มหัวใจให้ชื่นบาน
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2558
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 พฤษภาคม 2558
 
All Blogs
 
จันทน์กะพ้อ บทที่ ๑๐

สวัสดีวันจันทน์ค่่ะ...มีความสุขในวันเริ่มต้นของสัปดาห์นะคะ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



จันทน์กะพ้อ บทที่ ๑๐



จันทน์กะพ้อเงยหน้าขึ้นเพราะเสียงที่เหมือนปลาขึ้นมาฮุบอากาศหากสายเบ็ดของเธอนั้นยังนิ่งสนิท จึงก้มลงอ่านไอแพดต่อ บล็อกออนไลน์ที่เธอติดตามเป็นประจำเพราะชอบภาพถ่ายและบทความของเจ้าของบล็อกเธอกลับจากอุดรธานีเมื่อวาน กลับมาที่บ้านแล้วก็มาอยู่ที่นากับสวนเกือบทั้งวัน โดยเฉพาะตอนบ่ายๆอย่างนี้ ปูเสื่อนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ริมสระน้ำ ลมเย็นๆ พัดมาชวนให้เคลิ้มหลับ

ครอบครัวของเธอทำนามาตลอด มีที่นาเป็นของตัวเองตาบอกว่าช่วยกันกับทวดบุกเบิกจากที่รกร้างจนกลายเป็นที่นาและที่สวน เนื่องจากมีลำห้วยอยู่ใกล้ๆทำให้ได้ผลผลิตค่อนข้างดี นอกจากนี้ตาก็ยังขุดสระน้ำใหญ่ไว้เพื่อเก็บน้ำและเลี้ยงปลาเพราะช่วงหน้าแล้งของอีสานนั้นแล้งหนักเกือบทุกปี แม้ว่าพ่อกับแม่จะเป็นครูแต่เวลาที่เหลือก็ยังมาดูแลนาและสวนอยู่ตลอด

ตั้งแต่จำความได้จันทน์กะพ้อก็ตามตาออกไปนาซึ่งอยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้านทุกวันตามประสาเด็กๆก็รู้สึกสนุกที่ได้ออกจากบ้านเพราะที่นาและสวนมีของเล่นมากมายที่ตาทำให้เล่นโดยไม่ต้องซื้อหาจากที่เล่นแบบเด็กๆ ก็เริ่มช่วยงานตาและช่วยมาตลอดจนโต

ตาพูดเสมอ...ไม่ว่าลูกหลานจะเลือกทำงานอะไรในวันข้างหน้าแต่วันนี้ตาก็อยากให้เรียนรู้ไว้ว่าการทำนาทำเกษตรนั้นเป็นอย่างไรแม้งานจะหนักจะเหนื่อยแต่ก็ทำให้ครอบครัวสามารถอยู่ได้และอยู่ได้อย่างดีจนถึงทุกวันนี้อย่าได้ดูถูกงานของบรรพบุรุษเป็นอันขาด

ฉะนั้นไม่ว่าดำนา เกี่ยวข้าว หรือขุดดิน ยกแปลงปลูกผัก หากเธอก็ทำได้ทั้งนั้นแล้วก็ทำอยู่จนถึงทุกวันนี้แม้ตอนไปเรียนมหาวิทยาลัย ช่วงหน้าดำนาหรือเกี่ยวข้าววันเสาร์อาทิตย์เธอก็กลับมาช่วยที่บ้านเป็นประจำ เพราะแรงงานภาคเกษตรลดลงไปทุกปี

“เป็นจั๋งใด๋...หมานบ่”

จันทน์กะพ้อเงยหน้าเปิดยิ้มกว้างให้กับคนที่เดินตรงมาหา

“ก็พอได้อยู่อ้ายศักดิ์” เธอชี้ไปยังถังที่ใช้ขังปลาที่ตกมาได้ศักดิ์สิทธิ์ถามว่าเธอมีโชคหรือเปล่าที่กำลังตกปลาอยู่

ศักดิ์สิทธิ์อายุมากกว่าเธอเกือบสิบปีไม่ได้เป็นญาติโดยตรง ตอนที่ยังเด็กนั้นพ่อแม่ของพี่ศักดิ์เสีย ญาติๆก็ไม่ค่อยอยากจะรับเป็นภาระ ตาของเธอซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านในตอนนั้นสงสารจึงรับมาดูแลศักดิ์สิทธิ์เป็นเด็กดี เธอจึงมีเขาเป็นพี่และเพื่อนเล่นมาตั้งแต่จำความได้

“นั่งก่อนแหมะ...ไปใด๋มาล่ะอ้ายคือแต่งโตโก้แท้” จันทน์กะพ้อถามเย้าๆเมื่อเห็นว่าวันนี้ศักดิ์สิทธิ์สวมกางเกงยีนกับเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ ดูดีกว่าปกติ

ศักดิ์สิทธิ์หัวเราะ ทรุดนั่งลงริมเสื่อห่างจากจันทน์กะพ้อพอสมควร แม้จะสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กเหมือนพี่น้องแต่ตอนนี้จันทน์กะพ้อก็โตแล้ว เขาจึงต้องระมัดระวังไม่ให้พวกชาวบ้านเอาไปนินทาได้เรื่องอื่นเขาไม่สนใจหรอกแต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวผู้มีพระคุณนั้นเขาสนใจทุกเรื่อง

แต่ปากคนก็ไม่เคยจะอยู่นิ่งเป็นจันทน์กะพ้อที่หัวเราะ บอกเขาว่าอย่าไปใส่ใจคำคนที่ไม่ได้หวังดีกับเราเลยเธอคิดว่าเขาเป็นพี่ชายคนหนึ่งมาตลอด

ครอบครัวของจันทน์กะพ้อถือว่าฐานะดี ตาผู้ใหญ่ซึ่งรับเขามาเลี้ยงมีที่ทางเยอะทั้งที่นา ที่สวน แต่ที่มีมากกว่าก็คือความขยันและความรู้ ตาผู้ใหญ่บอกว่าทำนาทำไร่ไม่จำเป็นต้องจนแต่ต้องขยัน อดทน ต้องหาความรู้ และต้องใช้เงินที่ได้มาเป็นซึ่งข้อนี้สำคัญมาก

ไม่ใช่ว่าตกเย็นค่ำก็กินเหล้าเมายาซื้อหวยเล่นไพ่ ขายข้าวได้เงินก็ซื้อของฟุ่มเฟือย เงินก็ละลายหายไป ไม่เก็บเงินไว้ยามจำเป็นปีไหนฝนแล้งน้ำท่วมทำนาไม่ได้ผล ก็กลายเป็นหนี้เถ้าแก่ร้านปุ๋ยร้านยากลายเป็นวงจรย่ำแย่

ตาผู้ใหญ่เป็นคนที่ฉลาดและถ้าจะใช้คำเก๋ๆทันสมัยก็ต้องบอกว่าเป็นคนมีวิสัยทัศน์ไม่อย่างนั้นตาผู้ใหญ่คงไม่สามารถสร้างฐานะมาจากไร่นาธรรมดาได้ ไม่ใช่แค่ที่ทางแถวหมู่บ้านเท่านั้นหากตาผู้ใหญ่ยังมีตึกในตลาดให้คนเช่าอยู่ด้วยตาผู้ใหญ่เก่งเรื่องการใช้เงิน...เรียกว่าบริหารเงินเป็นนั่นแหละ

เขาเรียนจบปวส.ช่างไฟฟ้าความจริงตาของจันทน์กะพ้อจะส่งให้เขาเรียนต่อปริญญาตรีแต่เขาก็เกรงใจเพราะเขาก็ไม่ได้เรียนเก่งมาก จึงขอไปทำงานกับเพื่อนที่โรงงานแถวกรุงเทพฯทำอยู่ห้าปีก็กลับมาอยู่บ้าน และเข้าไปทำงานในเมืองเป็นช่างไฟและช่วยดูแลที่นาที่สวนของบ้านนี้ตาผู้ใหญ่ยังใจดีให้เขาทำกินบนที่นาอีกหลายไร่ ช่วยให้เขาเก็บเงินเก็บทองเพื่อตั้งตัวเพราะตั้งแต่สิ้นพ่อแม่ก็ไม่มีที่ทางหลงเหลือไว้ให้ ญาตินั้นมีก็เหมือนไม่มี

“ไปประชุมสหกรณ์กลุ่มนาอินทรีย์มา”

จันทน์กะพ้อยิ้มกว้างครอบครัวเธอเปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์ได้สิบปีแล้วและมีคนในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียงสนใจปรับเปลี่ยนมาเรื่อยๆจนจับกลุ่มตั้งสหกรณ์เล็กๆ ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันตั้งแต่การผลิตจนถึงการจัดจำหน่าย อย่างน้อยก็ต้องดิ้นรนสู้กันก่อนจะรอแต่พึ่งภาครัฐอย่างเดียวก็คงไม่ได้

“เอ้อ...อ้ายเอาข้าวไปสีให้แล้วเด้อมื่ออื่นก็ได้ เดี๋ยวอ้ายจะเอาไปให้อยู่บ้าน” ศักดิ์สิทธิ์บอก จันทน์กะพ้อขอให้เขาเอาข้าวไปสีให้ทั้งเป็นข้าวขาวและข้าวกล้องเพราะที่สหกรณ์มีโรงสีขนาดย่อมที่สีข้าวกล้อง ช่วงนี้ตลาดข้าวกล้องโตขึ้น ทางกลุ่มก็กำลังทดลองทำข้าวฮางงอกซึ่งเป็นภูมิปัญญาโบราณออกจำหน่าย

“ขอบคุณจ้า...” จันทน์กะพ้อยิ้ม

“แล้วมื่อสิเข้ากรุงเทพฯ บ่ให้อ้ายซอยขับรถแท้ติบ่ต้องเกรงใจอ้ายดอก” อีกสองสามวันจันทน์กะพ้อก็จะไปกรุงเทพฯตอนนี้กำลังถกเถียงกันในบ้านเพราะจันทน์กะพ้อจะขับรถไปเองคนเดียว

จันทน์กะพ้อมีรถกระบะสี่ประตูที่เจ้านายให้ใช้เป็นรถประจำตัวเห็นว่าต้องไปดูแลโครงการใหม่แถวๆ กรุงเทพฯ ก็เลยใช้รถต่อ แต่แม่ครู...แม่ของจันทน์กะพ้อที่เขาเรียกติดปากว่าแม่ครูไม่อยากให้ขับรถไปคนเดียวจึงจะให้เขาช่วยขับรถ เขาไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

“อ้ายขับไปได้อยู่...วันจันทน์อ้ายศักดิ์มีอบรม ไปๆมาๆ ก็เมื่อยซื่อๆ” จันทน์กะพ้อปฏิเสธยิ้มๆ แม้จะยังไม่เคยขับรถเข้ากรุงเทพฯมาก่อน แต่สมัยนี้ก็มีจีพีเอสนำทาง หลงบ้างก็คงไม่เป็นไรเพราะถึงศักดิ์สิทธิ์ช่วยขับให้ก็ไม่ได้ต่างกัน แต่จะทำให้เขาต้องเหนื่อยเปล่าๆ เพราะวันถัดไปเขามีอบรมกับทางพัฒนาชุมชนก็ต้องรีบกลับมา

อีกอย่าง...ก็ไม่รู้จะเจออะไรบ้างไม่อยากให้ศักดิ์สิทธิ์ต้องมาเสี่ยงกับ ‘คนบ้านนั้น’ ด้วย

ศักดิ์สิทธิ์หัวเราะรู้จักนิสัยของจันทน์กะพ้อดี...บางทีก็ดื้อเชียวล่ะ

“งั้นก็แล้วแต่เจ้าล่ะ...จังใด๋กะได้เว้าสู้แม่ครูให้ได้เถอะ” ศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า ก็แล้วแต่จันทน์กะพ้อว่าจะเอายังไงเขายังไงก็ได้อยู่แล้ว แต่จันทน์กะพ้อจะทำให้แม่ครูยอมได้หรือเปล่า

จันทน์กะพ้อหัวเราะ

นั่นสิ...เรื่องมันอยู่ที่แม่ต่างหาก

จันทน์กะพ้อขี่รถจักรยานยนต์กลับมาที่บ้านศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้กลับมาด้วยเพราะตั้งแต่กลับมาจากไปทำงานที่กรุงเทพฯ เขาก็แยกออกไปพักที่บ้านในสวนซึ่งตาสร้างไว้จะได้สะดวกเวลาพักจากงานหนักแต่ก่อนเป็นกระท่อมพอนอนค้างบ่อยๆ ตาจึงสร้างเป็นบ้านเสียเลยเดี๋ยวนี้คนในหมู่บ้านก็นิยมออกไปสร้างบ้านที่ที่สวนที่นากันมากขึ้น เพราะในหมู่บ้านก็เริ่มแออัดถนนเส้นนอกหมู่บ้านที่ออกไปที่นาก็เป็นทางดีไม่ใช่ดินแดงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

บ้านที่เธอเติบโตมาเป็นบ้านสองชั้นหลังใหญ่ชั้นบนไม้ชั้นล่างเป็นปูนตามความนิยมในหมู่บ้านแถบนี้บริเวณบ้านกว้างขวางมีต้นไม้เป็นแนวรั้วบ้าน เสริมด้วยรั้วไม้ไผ่บอกอาณาเขต เธอจอดรถข้างรถปิกอัพของบิดาแสดงว่าท่านกับน้องสาวกลับมาถึงบ้านแล้ว

พ่อเป็นครูโรงเรียนประถมในเมืองน้องสาวจึงไปโรงเรียนพร้อมกับพ่อเช่นเดียวกับเธอเมื่อก่อน ส่วนแม่สอนอยู่ที่โรงเรียนในหมู่บ้านนี้เองและแม่ก็คงกลับมาถึงตั้งนานแล้ว

“ได้หยังมาอ้ายอ้าย” แก้วพิกุลออกมาจากตัวบ้าน

“ปลากับหมากกอ” จันทน์กะพ้อตอบชูถังปลาและมะละกอซึ่งปลูกไว้ขอบสระ นอกจากนั้นยังมีกล้วยน้ำว้า แปลงผัก ตาพูดบ่อยๆ ว่าอยากกินอะไรก็ปลูกเหลือก็เผื่อให้ญาติมิตรเพื่อนบ้านแล้วค่อยขาย ตอนนี้ในสวนก็มีสารพัดอย่างสร้างรายได้ให้ตลอดปี

“อยากกินตำส้ม”

แก้วพิกุลหัวเราะ ตำส้มหรือส้มตำเป็นอาหารโปรดของทุกคนมีมะละกอและเครื่องปรุงติดบ้านอยู่เสมอ เป็นอาหารที่กินได้โดยไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย

“ซิไปเป็นไฮโซแล้ว...กินตำส้มได้อยู่ติ”อดเย้าพี่สาวไม่ได้

“นี่ล่ะอาหารของไฮโซ” จันทน์กะพ้อตอบกลั้วหัวเราะ

แก้วพิกุลเป็นน้องสาว...ถ้าจะเรียกให้ถูก ก็ต้องเป็นลูกพี่ลูกน้องเพราะพ่อแม่ของแก้วพิกุลเป็นลุงกับป้าของเธอแต่ท่านก็เป็นพ่อแม่บุญธรรมตามกฎหมายด้วย หากไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรแต่เธอกับแก้วพิกุลก็คือพี่น้องกันนั่นแหละ

“แล้วแก้วจะไปไสล่ะ”

“ไปเก็บผักขะ...แม่ซิเอาใส่แกงหน่อไม้”แก้วพิกุลชี้ไปยังรั้วที่เป็นต้นชะอม ผักริมรั้วอีกอย่างที่ไม่เคยต้องซื้อนอกจากนี้ยังด้านหลังบ้านยังมีผักสวนครัวทุกอย่างปลูกเอาไว้ เธอเห็นสวนครัวที่บ้านมาตั้งแต่เด็ก

“เดี๋ยวอ้ายเอาของไปเก็บก่อน” บางทีจันทน์กะพ้อก็ขำเรื่องชื่อตัวเองเหมือนกันเวลาแก้วพิกุลเรียกเธอใช้คำว่า อ้าย ซึ่งแปลว่าพี่ ต่อด้วยชื่อของเธอเป็นอ้ายอ้ายเวลาเธอแทนตัวกับน้องก็ใช้อ้ายที่แปลว่าพี่แล้วเวลาแทนตัวกับคนอายุมากกว่าก็ใช้อ้ายเหมือนกัน แต่เป็นชื่อของเธอ บางทีคนอื่นฟังก็ชวนให้สับสน

จันทน์กะพ้อเดินเข้าบ้าน ผ่านห้องโถงซึ่งเป็นแทบทุกอย่างทั้งรับแขกนั่งดูโทรทัศน์ รับประทานอาหาร หรือแม้กระทั่งนอนก็ยังได้ เธอเดินไปยังตู้โชว์ไม้โบราณซึ่งเก็บของไว้สารพัดมีแม้กระทั่งถ้วยรางวัลจากกีฬาสีสมัยเด็กๆ ของเธอ

สายตาอดมองไปที่ภาพชายหนุ่มหญิงสาวที่ตั้งอยู่ในตู้โชว์ไม่ได้ในภาพทั้งคู่มีวัยไม่น่าจะต่างจากตัวเธอเองในตอนนี้นักหากภาพนั้นเป็นภาพสีซีดจางบ่งบอกว่าผ่านกาลเวลามาไม่น้อย

สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่บอกว่า ทั้งสองคือพ่อก้องเกียรติกับแม่บุษบา

เมื่อโตขึ้นพ่อกับแม่จึงอธิบายว่าพ่อก้องเกียรติกับแม่บุษบานั้นเป็นพ่อแม่แท้ๆของเธอ แต่ทั้งคู่เสียไปเมื่อตนเธอยังแบเบาะพ่อพฤกษาซึ่งเป็นพี่ชายคนเดียวของแม่บุษบาเป็นลุงของเธอและแม่อัญชลีผู้เป็นป้าสะใภ้จึงรับเธอเป็นบุตรบุญธรรมท่านทั้งสองรวมทั้งตาเมฆช่วยกันเลี้ยงดูเธอแทนพ่อกับแม่ เธอจึงเป็น ‘จันทน์กะพ้อนาหมื่น’ อย่างทุกวันนี้

จันทน์กะพ้อไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้าเลยพ่อพฤกษากับแม่อัญชลีเลี้ยงดูเธอมาด้วยความรักมากมายไม่ได้ต่างจากลูกแท้ๆเมื่อแก้วพิกุลเกิดมาเธอก็รู้สึกว่านั่นคือน้องสาวของเธอ



ในครัวนั้นมีร่างออกท้วมของมารดากำลังเตรียมอาหารเย็นปกติแล้วที่บ้านเธอก็กินอาหารพื้นบ้านเป็นส่วนใหญ่ เธอและแก้วพิกุลทำอาหารเป็นเพราะช่วยแม่ทำมาตั้งแต่เด็กแม่สอนให้ทำงานบ้านเป็นทุกอย่างเช่นเดียวกับตาและพ่อที่ให้เธอช่วยงานที่นาและสวน เพื่อให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้รู้จักการทำงานไม่ใช่เป็นเด็กที่ถูกตามใจจนดูแลตัวเองไม่ได้

“แม่จ๋า...อ้ายได้ปลากับหมากกอมาจ้ะ”จันทน์กะพ้อวางถังกับมะละกอ มองบนโต๊ะที่แม่กำลังเตรียมของอีกไม่กี่วันก็จะไม่ได้กินข้าวฝีมือแม่ไปพักใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนตอนที่จะย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยอยากกินข้าวฝีมือทุกวันเลย “อ้ายอยากตำส้ม”

คุณอัญชลีหัวเราะเบาๆ

“มื่อวานก็กิน...บ่เบื่อติ”

“บ่จ้า...กินทุกมื่อกะได้” จันทน์กะพ้อตอบยิ้มๆ

“แล้วศักดิ์สิมากินข้าวนำบ่” คุณอัญชลีถามหาศักดิ์สิทธิ์เพราะรู้ว่าจันทน์กะพ้อมาจากสวนน่าจะเจอกับศักดิ์สิทธิ์รายนี้ก็ขี้เกรงใจไม่ค่อยกลับมากินข้าวที่บ้านเลย

“บ่จ้า...สงสัยสิไปหาผู้สาว”จันทน์กะพ้อตอบกลั้วหัวเราะ เธอชวนศักดิ์สิทธิ์แล้วแต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธบางทีเขาก็เกรงใจจนเธออยากจะเขย่าคอสักทีว่าเขาเป็นครอบครัวของเธอด้วยเหมือนกัน

“ให้แท้ล่ะ...บ่เห็นเคยไปมักไผเลย” คุณอัญชลีส่ายหน้าไม่ค่อยเชื่อคำพูดของลูกสาวว่าศักดิ์สิทธิ์ไปหาผู้หญิงคนไหนไม่เคยได้ข่าวเจ้าตัวไปรักชอบใครเลย อายุก็ไม่น้อยแล้วแต่ก็ยังอยู่ตัวคนเดียวเธอก็เป็นห่วงศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างจากลูกคนหนึ่งส่วนลูกสาวคนโตก็พอกัน...ทำงานมานานแล้วก็ยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ลูกสาวบ้านอื่นเขามีแฟนกันตั้งแต่ยังรุ่นสาวกัน

ที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากให้ลูกรีบแต่งงานหรอก...แต่ก็อดห่วงไม่ได้เพราะเห็นสมัยนี้ผู้หญิงอยู่เป็นโสดกันเยอะแต่ว่าถ้าเจอผู้ชายไม่ดีเธอก็เป็นห่วงอีกนั่นแหละ

ความจริงจันทน์กะพ้อก็มีเพื่อนผู้ชายตั้งเยอะ...ตอนที่เรียนก็มาเที่ยวบ้านกันบ่อยๆแม้จะทะเล้นทโมนตามประสาเด็กสมัยใหม่ไปบ้างก็เป็นเด็กดีแต่ลูกสาวเธอนั่นแหละที่บอกว่าเป็นเพื่อนทั้งนั้น

จันทน์กะพ้อหัวเราะเข้าใจคำพูดของแม่...

ตอนนี้ใครเป็นโสดอยู่ก็จะถูกคาดหมายล่ะว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานสักทีเธอก็อยู่ในช่วงนี้...ไม่ว่าจะไปไหนผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านก็จะถามแกมหยอกเย้าอยู่เสมอว่าเมื่อไหร่จะได้กินดองสักที

“อ้ายไปปิ้งปลาข้างนอกดีกว่า...ได้ปลาโตใหญ่มา” จันทน์กะพ้อหิ้วของไปข้างนอกครัวซึ่งเป็นลานดินต่อกับสวนครัวเป็นที่ทำอาหารเวลาใช้เตาถ่าน ควันจะได้ไม่ขังอยู่ในตัวบ้าน จัดการทำความสะอาดปลาและก่อไฟไม่นานแก้วพิกุลก็ตามมาช่วยจัดการสับมะละกอ

คุณอัญชลีมองภาพสองพี่น้องคุยกันด้วยหัวใจอิ่มเอมหากก็อดใจหายไม่ได้เพราะอีกไม่กี่วันจันทน์กะพ้อก็จะต้องจากอ้อมอกไปอีกแล้วคราวนี้ไม่ใช่แค่การไปเรียนเหมือนเมื่อก่อน



อาหารเย็นเป็นมื้อหลักของบ้านเพราะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตามากที่สุด มื้อเช้าตามักจะออกไปนาแต่เช้ามืดพ่อกับแม่ก็เตรียมตัวไปทำงานและเธอกับน้องสาวก็ไปโรงเรียนยกเว้นวันหยุดที่จะอยู่พร้อมหน้ากันแทบทุกมื้อ บางวันก็ยกครัวกันไปที่บ้านสวน

อาหารส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารพื้นบ้านทำง่ายๆภายในครอบครัว นานๆ ทีถึงจะไปกินข้าวนอกบ้านบ้าง มื้อเย็นมักจะออกมากินกันหน้าบ้านถ้าไม่นั่งล้อมวงกันบนแคร่ไม้ก็ม้าหินอ่อน บทสนทนาก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไปเรื่องในหมู่บ้าน เรื่องโรงเรียนแต่ตอนนี้เรื่องประจำก็คือเรื่องที่จันทน์กะพ้อจะต้องไปกรุงเทพฯ ในไม่กี่วันนี้

“พ่อกับแม่บ่ต้องเป็นห่วงอ้ายอ้ายดอกเป็นห่วงคนบ้านนั้นดีกว่า...แม่นบ่ตา” แก้วพิกุลเอ่ยขำๆ หันไปพยักพเยิดกับตาเมฆ ความจริงแล้วตาเมฆเป็นปู่ของเธอแต่เธอก็เรียกตาตามพี่สาวมาตั้งแต่เด็กๆ

ตาเมฆหัวเราะชอบใจ

“แม่น...เฮ็ดหยังก็ยั้งมือไว้บ้างเด้อ” ตาเมฆหันไปทางหลานสาวคนที่นั่งยิ้มแป้นเขามั่นใจว่าจันทน์กะพ้อที่เลี้ยงมากับมือไม่ใช่คนอ่อนแอยอมคนไม่อย่างนั้นเขาคงไม่อนุญาตให้หลานสาวไปที่ ‘บ้านนั้น’แน่นอนไม่ว่าลุงกับป้าของจันทน์กะพ้อจะมาขอร้องแค่ไหนก็ตาม

เอาเถอะ...เห็นแก่ก้องเกียรติ

เรื่องมันก็ผ่านไปนานแล้ว...

แม้ตอนนั้นเขาจะโกรธคนบ้านนั้นชนิดที่ว่าอย่าได้มาเจอหน้าตากัน

เขา...ผู้ใหญ่เมฆไม่เคยคิดจะอยากรู้จักมักจี่กับพวกคนร่ำรวยไฮซงไฮโซอะไรนั่นหรอกเขารังเกียจพวกคนรวยเสียด้วยซ้ำแม้แต่ก้องเกียรติเองก็ตาม...เขาไม่ได้ปรารถนาให้ลูกสาวของเขาไปรักกับปลัดอำเภอหนุ่มจากกรุงเทพฯที่เป็นทายาทมหาเศรษฐีหรอก

หากก้องเกียรติก็ไม่ได้เป็นคนรวยน่ารังเกียจพรรค์นั้น

เสียดายก็แต่ต้องมาจากไปด้วยอายุยังน้อย ทั้งก้องเกียรติและบุษบาลูกสาวของเขาเหลือทิ้งไว้ให้แต่หลานสาวเท่านั้น

“มันกะแล่วแต่สถานการณ์ล่ะจ้า”จันทน์กะพ้อตอบยิ้มๆ

พฤกษาสบตากับภรรยาแล้วยิ้มอย่างอ่อนใจจะว่ายังไงดีล่ะ เลี้ยงลูกมาก็รู้นิสัยลูกดี จันทน์กะพ้อเป็นเด็กดีไม่เคยทำอะไรให้ต้องเป็นห่วงแต่ก็รู้ดีว่าในความเป็นเด็กดีนั้นก็มีความดื้อดึงอยู่มากโดยเฉพาะเกี่ยวกับทางบ้านกรุงเทพฯ ของพ่อแท้ๆ ที่จันทน์กะพ้อชอบเรียกว่า ‘คนบ้านนั้น’มีเรื่องนี้แหละที่เจ้าตัวทั้งดื้อและทิฐิสูง

“จังใด๋ก็อย่าลืมว่าเขาเป็นปู่เป็นย่าของอ้าย...สิเฮ็ดหยังก็คิดฮอดพ่อก้องของอ้ายก่อน”พฤกษาเอ่ยเตือน นึกถึงน้องเขย ชายหนุ่มผู้สุภาพและจริงใจ ที่สำคัญคือรักน้องสาวของเขามาก

พ่อและเขาไม่ได้สนใจเรื่องฐานะทางบ้านของก้องเกียรติเท่าตัวตนของเจ้าตัว

เมื่อก้องเกียรติจากไป พวกเขาจึงไม่เคยคิดที่จะติดต่อไปทางบ้านนั้นอีกหากก็ไม่อาจตัดขาดไปเลยได้เพราะพี่ชายกับพี่สะใภ้ของก้องเกียรติ ทั้งคู่เป็น ‘คนบ้านนั้น’ที่ยินดีและสนับสนุนความรักของน้องสาวและก้องเกียรติมาโดยตลอดหากทั้งคู่ก็ไปอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่หากเมื่อกลับมาเมืองไทยก็มาเยี่ยมจันทน์กะพ้อทุกครั้ง ทั้งคู่จึงเป็นสายสัมพันธ์เดียวที่มีอยู่จนกระทั่งตอนนี้

จันทน์กะพ้อยิ้มรับ...ก็เพราะคิดถึงพ่อก้องของเธอนั่นแหละจึงได้ยอมไปกรุงเทพฯ

หากไม่ใช่เป็นปู่เป็นย่า...เธอก็คงไม่ไปหรอก

จันทน์กะพ้อรู้ว่าย่าแท้ๆ ของเธอเสียไปตั้งแต่พ่อกับแม่ยังไม่แต่งงานกันเธอจึงมีปู่กับย่าที่เป็นน้องสาวของปู่ หากเธอโตมาตั้งขนาดนี้โดยไม่เคยพบทั้งสองเธอจะอยู่ต่อไปโดยไม่เจออีกก็ได้...แต่อีกไม่กี่วันก็ต้องเจอแล้วล่ะ

ปู่กับย่าที่ไม่เคยยอมรับแม่บุษบาของเธอ



 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




Create Date : 11 พฤษภาคม 2558
Last Update : 11 พฤษภาคม 2558 11:45:35 น. 3 comments
Counter : 2633 Pageviews.

 
จันกะพ้อสู้ๆเอาใจช่วย


โดย: สายลม IP: 1.46.168.6 วันที่: 11 พฤษภาคม 2558 เวลา:17:39:04 น.  

 
พจมานจะกลับเข้าบ้านทรายทองแล้ว ท่าจะขนครกกะไหปลาร้าไปด้วยละมั้ง


โดย: nasa IP: 110.77.199.119 วันที่: 11 พฤษภาคม 2558 เวลา:21:12:12 น.  

 
คนเลี้ยงกันมา รู้นิสัยกันดี .. อ้ายจะมีอาละวาดปู่ ย่ามั่งไหมนี่


โดย: จิงโกะ IP: 1.10.199.9 วันที่: 11 พฤษภาคม 2558 เวลา:22:24:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอกไม้ของฬีฬา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 84 คน [?]




จิบกาแฟ...อ่านนิยาย...ชมดอกไม้...ในสวนสวย
Friends' blogs
[Add ดอกไม้ของฬีฬา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.