เที่ยวมาเลย์คนเดียววันที่สาม...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิด
ใครเพิ่งมาอ่านบล็อคนี้ครั้งแรกลองกลับไปอ่านตอนแรก ๆ ก่อนได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้นะคะเพื่อความต่อเนื่องเที่ยวมาเลย์คนเดียววันแรก...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิดเที่ยวมาเลย์คนเดียววันแรก...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิด ตอนที่ 2เที่ยวมาเลย์คนเดียววันที่สอง...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิด เที่ยวมาเลย์คนเดียววันที่สอง...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิด ตอนที่2เที่ยวมาเลย์คนเดียววันที่สาม...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิดเที่ยวมาเลย์คนเดียววันสุดท้าย...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิด จบเช้าวันอาทิตย์เจอกันหน้าล้อบบี้โรงแรมตอน 7 โมงเช้า7 โมง 15 ก็แล้ว7 โมงครึ่งก็แล้ว ไม่เห็นวี่แววรถส่วนตัวที่จะมารับเราเลยผู้ชายมันก็โทรไปหาอิแขกเจ้าของรถคันนี้ปรากฏว่า มันวางหูใส่เลยจ้าสรุปคือมันโกงหรือมันไม่ไปนั่นเองดีนะไม่ต้องเสียเงินก่อน ผู้ชายก็เลยรีบบุ๊คตั๋วจองตอน 7 โมงเช้าเที่ยวรถบัสที่เหลือเช้าสุดคือ 10 โมง!!!ดีนะผู้ชายใช้แอพจองเข้าไปก่อนเพราะถ้าเราไปถึงแล้วค่อยจองมีหวังรถออกตอนบ่าย ไปถึงมะละกา เดินแค่ 2-3 ชั่วโมงก็ได้เวลารถกลับละเรามีเวลา เลยขึ้นไปกินข้าวเช้าที่โรงแรมแล้วก็เดินเล่นแถวโรงแรมเราคิดถึงสวนแห่งนึง ที่หนุ่มมาเลคนนึงแนะนำมาตอนแรก เราอยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นใกล้ ๆ โรงแรมคือเราน่ะ ที่ประเทศไหน ก็อยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ประเทศนั้น อย่างน้อยเช้าวันนึงแต่หลังจากเจออิพม่า และอิแขกขายซิมการ์ดคุกคามเข้าให้เราล้มเลิกความคิดนี้ไปเลยเพราะการไปดูพระอาทิตย์ขึ้นนั้น เราต้องออกตอนมืดแล้วมันไม่ปลอดภัยเลยสำหรับผู้หญิงเดินทางคนเดียวอย่างเราแต่มีหนุ่มมาเลคนนึงเคยบอกเราว่าไม่ไหลจากโรงแรมเรา มีสวนสาธารณะที่เราสามารถไปดูพระอาทิตย์ขึ้นได้เราก็เลยชวนหนุ่มเราไปเดินเล่นก่อนที่จะไปขนส่งเพราะขนส่งก็ไม่มีอะไร นอกจากแขกเยอะ ๆ เหม็น ๆ เพราะเป็นเป็นแค่ท่ารถ เราก็เดินเล่นมาถึงสวนนี้ ที่มีชื้่อว่า Bukit Nanasซึ่งอิสวนนี้แม่งเดินโคดไกลอ่ะจากโรงแรมของเราแต่มันคงเป็นสวนที่ใกล้ที่สุดแล้วล่ะดีนะมากับผู้ชาย เพราะก่อนถึงสวนเนี่ยมันต้องผ่านวัดแขก ซึ่งเต็มไปด้วยแขกผู้ชายน่าตาน่ากลัวมารวมกัน ปรึ๋ยกลิ่นหึ่งอย่างที่คิด ฮา ๆ เราก็ขึ้นไปเดินเล่นมีแอบหลอน เพราะสวนหรือป่านี้แม่งมีลิง!!!ลิงสีเทาตัวเบ้อเริ่มเลยตัวนึงซึ่งเรายังหลอนกับ Mac Ritchie ที่สิงโปร์อยู่เลยที่เราโดนลิงมันขโมยถุงพลาสติกที่บรรจุขนมจากเมืองไทยไปฝากหนุ่มขนาดตอนนั้นไปกะหนุ่มนะ แล้วมันแย่งไปจากมือหนุ่ม เรานี่โคดกลัวอ่ะกำลังคิดว่าจะไม่ขึ้นไปต่อแต่พอดีมีคนมา ก็เลยเดินตามเค้าขึ้นไปมี tree top walk ด้วย ไปเดินถ่ายรูปเล่นแป๊บ ๆ ก็เรียก uber ไปที่ท่ารถดีนะ เผื่อเวลาหน่อย ออกตอน 9.20 ได้src="https://www1.picturepush.com/photo/a/15846296/640/Malaysia/KL-Forest-Eco-Park.jpg" border="0" alt="Image Hosted by PicturePush" />กว่าจะได้รถก็ 10 นาทีละไปถึงก็อีก 15-20 นาทีไกลเหมือนกันนะ เหมือนออกนอกเมืองเลย เพราะไม่มีบ้านคนเลยมีขนส่งอันนี้อยู่โดด ๆ เลยไปถึง มีเวลาอีก 10 กว่านาทีผู้ชายก็ไปยืนหน้า counter ขายตั๋วบริษัทที่บุ๊คไว้มีคิวประมาณ 3-4 คนก่อนหน้าก็ยังพอมีเวลา เพราะซื้อตั๋วไว้แล้วรอบ 10 โมง มีเบอร์ที่นั่งแน่นอนแล้ว แต่ออกตั๋วแต่พอเหลือ 5 นาทีมีคิวก่อนหน้าเรา 1 คิวแต่มันรอนานมากกกกกกกกซื้อแล้ว เลือกที่นั่งแล้ว จ่ายเงินแล้ว มันเสือกจะซื้อรอบกลับอีกรอบทำให้เราใจไม่ดี ยืนไปเต้นไปเพราะมัน 9.55 แล้วอีก 5 นาทีรถออกเราก็ลองไปดูเคาร์เตอร์อื่นที่ไม่มีคนรออีกฝั่งนึงของสถานีก็เข้าไปถามผู้หญิงอิสลามเจ้าหน้าที่ว่าออกตั๋ว counter นี้ได้มั้ยเค้าก็บอกว่าให้เอาบุ๊คกิ้งมาให้ดูเราก็รีบวิ่งไปหาผู้ชาย ๆ บอกว่า เดี๋ยวส่งรูปให้ในมือถือแล้วยูไปลองให้เค้าออกตั๋วดูเพราะจะถึงคิวผู้ชายแล้ว อันไหนเร็วกว่ากันเราก็เอารูปให้เจ้าหน้าที่เค้าดูเค้าก็ตกใจ บอกว่า เฮ้ย นี่มันอีก 2 นาทีรถออกนี่ เค้ารีบออกตั๋วให้แล้วบอกว่า คุณมีเวลา 1 นาที ลองเสี่ยงดู ไม่งั้นต้องมาซื้อตั๋วใหม่ แล้วตั๋วเร็วสุดคือช่วงบ่ายแล้วผู้ชายวิ่งตามมาพอดีบอกว่าหลังจากที่ไอ้ผู้ชายข้างหน้าซื้อตั๋วเสร็จเจ้าหน้าที่แม่งก็ปิด counter หนีไปด้านหลังเลยดีนะที่ยูมาออกตั๋วตรงนี้ได้เราได้ตั๋วปุ๊บ รีบวิ่งลองไปที่ชานชาลาแต่ต้องต่อคิวปั๊มก่อนลงบันไดเลื่อนลงไปก็ต้องหาอีกว่าชานชาลาไหนไปถึงชานชาลา รถกำลังจะออกโชคดีมาก ได้ขึ้นรถ เกือบหยุดหายใจแล้วทั้งรถ เต็มทุกที่นั่งยกเว้นที่นั่งเรา 2 คน!!!ดีนะที่ผู้ชายบุ๊คตั๋วออนไลน์มาก่อนไม่งั้นคงได้ไปตอนบ่าย แล้วจาก KL ไปมะละกา ใช้เวลา 2 ชั่วโมงจ้าขึ้นรถได้ไม่มีใครพูดอะไรกันเลยผู้ชายมีแซวเนี่ย เดี๋ยวออกนอนกเมือง มีต้นไม้ใหญ่ให้ยูเห็นเยอะเลยเพราะผู้ชายรู้ว่าเราชอบต้นไม้ผ่านดงต้นไม้เยอะ ๆ เราก็จะคิดว่ามันเป็นสวนสาธารณะแน่เลยซึ่งบางครั้ง มันก็เป็นแค่ลานจอดรถ 555 แล้วเราก็หลับเพราะตื่นเช้า แล้วรถมันก็สบายส่วนผู้ชายน่ะเหรอจะให้ทำไรล่ะจ๊ะก็นั่งแชทกะสาวมันนั่นแหละแล้วก็ดูที่ทางด้วย ว่าจะไปกินไหนที่มะละกาน่ะ นั่ง ๆ นอน ๆ หลับ ๆ ตื่น ๆ แป๊บเดียวก็มาถึงมะละกาละเราชอบบัสมาเลนะ 10 ริงกิต สบ๊าย สบาย รถใหม่ นอนสบายมาถึงก็เข้าห้องน้ำ ๆ ในขนส่งก็ห่วยแตกไม่ต่างจากขนส่งต่างจังหวัดบ้านเราแต่เราว่าห้องน้ำมาเลแย่กว่า เพราะขนาดในสนามบินยังเหม็นและสกปรกเลยแล้วเราก็รีบไปซื้อตั๋วกลับกันไว้ก่อนเลยจริง ๆ ไม่ได้เรียกว่าซื้อ เพราะผู้ชายซื้อออนไลน์ไว้แล้วแค่เดินมาออกตั๋วแต่ความ surprise ไม่ได้จบแค่นั้นจ้ะเพราะไอ้ตั๋วที่ผู้ชายบุ๊คไว้เอาไปออกตั๋ว มันไม่ได้กลับ KL แต่มันกลับ เซลางอร์!!!ผู้ชายก็ขอโทษขอโพย เพราะผู้ชายบอกว่า กว่าจะจองตั๋วสำเร็จคือเที่ยงคืนแล้ว ไม่มีสมองมานั่งดูละเอียด งง ๆ ง่วง ๆ เลยออกมาเป็นแบบนี้แต่ไม่เป็นไรา เราก็ซื้อตั๋วใหม่เลยแล้วกันขอกลับเที่ยวดึกสุด เพราะผู้ชายบอกว่า ต้องไปเดินตลาดนัดกลางคืนของที่นี่เพราะมันจัดแค่เสาร์ อาทิตย์เท่านั้น แล้วเราก็มาวันอาทิตย์ตรงกับที่มีตลาดนัด ยูว์ต้องเดิน!!!แต่เอ๊ะ ถามผู้ชายมาเลย์ เค้าบอกว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย ตลาดนัดรถไฟบ้านยูยังใหญ่และตื่นตาตื่นใจกว่าเลยแต่ก็เอาวะ ลองดูตั๋วก่อนบอกเค้าว่าเอารอบดึกสุด 4 สุดแต่เต็มละจ้ามีอีกรอบคือ 3 ทุ่มครึ่ง แต่มีที่เดียวแล้วก็ 2 ทุ่มครึ่ง ก็เหลืออีกที่เดียวแป่วอัลไลยังไง เราไม่ยอมนั่งแยกคนละเที่ยวอยู่แล้ว เราเลยเดินไปดูบริษัทอื่นก็ได้ตั๋วมาดึกสุดได้แค่ตอน 2 ทุ่ม คราวนี้เราออกตังมั่งเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า เนี่ย ยูต้องมาให้ทันนะ เพราะถ้ามาช้า รถไม่รอแล้ว จะไม่มีรถกลับ เพราะดึกว่านั้น โดนจองเต็มหมดแล้วต้องมาก่อนซักชั่วโมงนึงเลยนะ เพราะมันใกล้ท่ารถก็จริงแต่ท่ารถ ๆ จะติดมาก ติดรอคิวเข้าท่ารถอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงเลยเพราะทุกคนก็เรียกแท็กซี่มาท่ารถกลับ KL กันอย่างน้องก็ต้องออกจากที่เที่ยวตอน 6 โมงหรือ 6 โมงครึ่ง เผื่อเวลาไว้แล้วเอิ่ม ตลาดนัดเริ่มตั้งตอน 6 โมง เอาเวลาไหนไปเดินล่ะจ๊ะเอาวะ ทันก็ทัน ไม่ทันก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยมีตั๋วมากอดแล้วจากนั้นเราต้องนั่งแท็กซี่ไปที่ old town แหล่งท่องเที่ยว อาคารแดง ๆ สัญลักษณ์ของมะละกานั่นแหละแต่ผู้ชายก็เรียก uber ต้องไปอีกฝั่งของขนส่งที่จะเรียก uber ได้จะได้ไม่ตีกับแท็กซี่ด้านหน้า เราต้องไปด้านหลังนั่งมาไม่นาน เราก็ถึงแหล่งท่องเที่ยวตึกแดง ๆ น่ารัก ๆ แล้วเราลั่นล้ามาก เพราะมันน่ารักมากเลยเป็นอาคารแดง ๆ หอนาฬิกา แล้วมีคำว่า I love Melaka ด้วยยืนรอนานมาก เพราะคนรอคิวถ่ายกับสิ่งนี้ล้านแปดมีแม่น้ำด้วย น้ำใส น่ารัก ๆแล้วก็ไปเดินเมืองเก่า เป็นตึกซอกซอยเล็ก ๆ แต่ดันให้รถวิ่งได้ถ่ายรูปมีติดรถจอดหมดเลยเหมือนญี่ปุ่นอยู่นะ แต่ญี่ปุ่นไม่มีรถเข้ามานะ เป็นถนนให้คนเดินจริง ๆทำให้เราคิดถึง Takayama ที่เป็น Little Kyoto ที่ญี่ปุ่นเลยมันจะเป็นตรอกแบบนี้ มีแม่น้ำ แต่มะละกาอาจจะไม่สวยเท่าญี่ปุ่น เพราะไม่มีซากุระ แล้วอากาศร้อน แล้วดูเป็นจีนแต่ก็มีเสน่ห์คนละแบบ ระหว่างที่เราเดินลั่นล้ากลางแดดตอนเที่ยงไปหนุ่มก็หาที่กินข้าวและถ่ายรูปให้เราไปเพราะหนุ่มเคยมากับแฟนหลายรอบแล้ว เลยไม่ได้อินเหมือนกัน 555แดดก็ไม่ได้ร้อนเปรี้ยงนะมีความร้อน แต่เมฆเยอะ เลยเดินได้เพลิน ๆ ร้อนน่ะร้อน แต่มันไม่แสบเหมือนกรุงเทพเราแม่งก็เดินมันทุกตรอก ทุกซอย ผ่านทุกร้อนรวงจนผู้ชายบอกว่า ยู แวะซื้อน้ำก่อนได้มั้ยเลยแวะกับลุงเจ้านึง มีเฉาก๊วยกับน้ำบ๊วย หรือลำไยกับหล่อฮังก้วยเนี่ยแหละแต่เราเลือกกินน้ำเฉาก๊วยเฮ้ยอร่อยอ่ะ คนมุงเยอะนะแก้วเล็กนิดเดียว 2 ริงกิต 16 บาท ดูด 3 ทีก็หมด แต่อร่อยเฉาก๊วยจะหนึบ ๆ เค้าหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ๆ ประทับใจมากอยากกินอีกแก้ว แต่เดินดูมาไกลแล้วขี้เกียจเดินกลับ พอครบรอบ เช็คทุกร้านแล้ว ก็ได้เวลาเลือกร้านเห็นแล้วแหละว่าร้านที่ผู้ชายมองเนี่ยเป็นร้านที่ดังและคนรอคิวยาวเหยียดทั้งนั้นเราก็บอกผู้ชายเลยว่าชั้นไม่กินข้าวมันไก่นะเพราะรู้ไต๋ว่าผู้ชายจะเข้าร้านข้าวมันไก่เพราะทุกคนจะบอกว่า มามะละกาต้องมากินข้าวมันไก่มะละกาเค้าจะปั้นข้าวเป็นลูกกลม ๆซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ข้าวมันไก่แม่งก็โคดอ้วนและแทบไม่มีประโยชน์ มีแต่โทษ เราไม่กินโว้ยอยู่เมืองไทยก็ไม่กินนะข้าวมันไก่ตอนเด็ก ๆ ชอบกินมาก ข้าวมันไก่ย่าง กินทีนึง 2 จานแต่โตมา พยายามจะไม่กินเลยจะได้ไม่อยาก เราไม่กินมา 15 ปีได้แล้วมั้ง อ้อ ไม่ใส่สิกินครั้งสุดท้ายคือที่สิงคโปร์ปีที่แล้วที่เพื่อนสาวสิงคโปร์พาไปกิน ข้าวมันไก่เทียนเทียนซึ่งไม่ประทับใจเลยเพราะข้าวมันไก่สิงคโปร์แม่ง มีกระดูกด้วยกินไประวังไป กินไม่หมดด้วย ไม่ไหว ไม่อร่อยแถมอ้วนถ้าอร่อยแล้วอ้วนก็อยากกินให้คุ้มกับที่ต้องไปเอาออกแต่ไม่อร่อยแล้วอ้วนนี่ ขอไม่เอาเข้ากระเพาะจะดีกว่าแล้วดูคิวข้าวมันไก่มะละกาแต่จะร้านนะจ๊ะเป็นแบบนี้ทุกร้านจ้ะ สุดท้ายเราต้องเดินวนครึ่งรอบเพื่อไปกินร้าน Kocik Kitchenถามว่าทำไมถึงจำชื่อร้านได้เพราะอิร้านอื่นไม่เห็นมึงบอกชื่อร้านเลยคืออิร้านนี้แม่ง แพงเป็นพิเศษไง เลยเก็บใบเสร็จไว้เลยเพราะมื้อนี้เราบอกว่าเราออกเอง เพราะหนุ่มซื้อตั๋วออนไลน์จ่ายเงินไปก่อนแล้ว (ที่ซื้อผิดอ่ะ)แล้วเราก็ออกค่าซื้อตั๋วถูกไปละแต่ไม่เป็นไร เค้าอุตส่าห์หาที่กิน ที่เที่ยว จัดการบุ๊คกิ้งหมดทุกอย่างเลยขอเลี้ยงบ้าง (และมันเป็นค่าอาหารที่แพงที่สุดในทริปเลย แถมไม่ค่อยอร่อยอีกต่างหาก เจ็บใจตรงนี้เลยเก็บใบเสร็จไว้แม่งเลย) ร้านนี้เป็นร้านออกหรูหน่อย ติดแอร์ ตกแต่งมีเรื่องราวเค้าบอกว่าเป็นอาหารเปอรานากัน หรืออาหาร เนียงยาแท้ ๆมันคืออาหารพื้นเมืองจีน-มาลายูอาหารพารานากัน มีการเตรียมวัตถุดิบที่ใช้เวลามากและเครื่องปรุงที่ซับซ้อน ฯลฯคือมันก็ add value ให้อาหารอ่านะอาหารไทยก็ซับซ้อนเหมือนกันล่ะว้า มาขายข้างแกง ตัก ๆ ยังขายจาน 30-40 บาทได้เลยกว่าจะได้เครื่องแกงออกมาก็ซับซ้อนเหมือนกันแหละ ชิ (แพงแล้วไม่อร่อยไง เลยเซ็ง) ก็ให้ผู้ชายสั่งเลยว่าอยากกินไรเพราะผู้ชายก็ไม่เคยมากินเหมือนกันกินกัน 3-4 อย่างบิลออกมาเกือบ 100 ริงกิต (700-800 บาทสำหรับ 2 คน)คือดูในบิล อิผัดผักกะโหลกกะลา แม่ง 18 ริงกิต จานละ 144 บาทเหมือนผัดผักจานละ 30 บาทเลย เรากินไม่หมดด้วย แอบเซ็งทุกอย่างออกหวานหมดเลยเห็นแดง ๆ นึกว่าเผ็ด เออจริง ๆ ไม่เผ็ดเลย อมเผ็ดนิดเดียว แต่หวานมาเชียวขนาดเราเป็นคนไม่กินเปรี้ยว ไม่กินเผ็ดยังรู้สึกว่ามันติดหวานเลยใครกินเปรี้ยวเผ็ด กินอาหารที่นี่ต้องบอกว่ามันหวานมากแน่นวลเอาบิลมาให้ดู เผื่อความโมโห 555 เสร็จแล้วเราก็เดินวนขึ้นเขาไปดูเป็นขึ้นไปดูโบสถ์ที่ถูกเผาน่ารักดีนะ คนไปถ่ายรูปข้างบนเยอะเพราะมันได้เห็นวิวมะละกาทั้งเมืองเลยเดินก็ไม่ได้สูงหรือลำบากอะไรเลย ลมพัดเย็นสบายก็ชิลอยู่บนนั้นนานเหมือนกันก็แปลกใจอยู่ตรงย่านเมืองเก่า มันมีแต่โฮสเทลกำลังคิดว่าคนมีตังอยากอยู่โรงแรม 5 ดาว มันไม่มีเหรอคงไม่มีใครอยากอยู่โฮสเทลกันทุกคนหรอกมั้งเจอเด็กฝรั่งผมทองหัวหยิก น่ารักมากกกก เล่นกล้องด้วย อิป้ากรี๊ดหนักมากระหว่างทางขึ้นไปข้างบน มีความมุ้งมิ้ง ผู้ชายมีแอบถ่ายตรีน คือไม่ได้รู้เรื่องเล้ย เอามือถือกลับมาไล่ดู เฮ้ย รูปนี้ถ่ายตอนไหนวะแต่คาดว่าถ่ายตอนหยุดพักเหนื่อยระหว่างขึ้นไปโบสถ์เพราะเราต้องรอครอบครัวนึงแบกรถเข็นเด็กขึ้นและลงบันได ฮา ๆ พอขึ้นมาด้านบนก็ถึงบางอ้ออ๋อ มันมีย่านเมืองเก่าแล้วก็เมืองใหม่คือเมืองใหม่เนี่ย เป็นแหล่งโรงแรมหรูแล้วก็ห้างหรูคือแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแต่พวกอยู่โรงแรมหรูอาจจะต้องเดินมาไกลหน่อยเพื่อมาดูเมืองเก่าหรืออาจจะมีรถรับ-ส่งให้พวกคนรวยไม่ต้องเดินไกลเจอกลุ่มวัยรุ่นมาเล จะเท่ไปไหนคือตอนมันแอ็คถ่ายรูปกันนะ ใส่แว่นดำ เก๊กเท่อย่างกะถ่ายแบบ เสียดาย ถ่ายรูปไม่ทันเพราะมันถ่ายปุ๊บ เราเอาแว่นเก็บกัน 555เจออีกรอบคือแอ็คกันในโบสถ์บรรยากาศรอบ ๆ โบสถ์ที่ถูกเผา อยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ แล้วก็ลงมาเดินริมแม่น้ำแล้วก็เมื่อยมาก นั่งมันริมแม่น้ำนั่นแหละเพราะรอเวลา night market ซึ่งผู้ชายบอกว่าต้องดูให้ได้ไหน ๆ ก็มาแล้วแล้วผู้ชายก็เล่น couchsurfing เปิด hangout หาเพื่อนมาร่วมวงกันดูซึ่งผู้ชายอยากใช้ เราก็โอเคเลย มีเพื่อนคุยเยอะ ๆ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ สนุกดี ดีกว่าอยู่กัน 2 คนซึ่งผู้ชายบอกว่า เค้าอยากใช้ตอนไปประเทศต่าง ๆ นะแต่แฟนเก่าไม่ชอบ เพราะไม่อยากไปเอ็นเตอร์เทนใคร ไม่อยากชวนคุย เหนื่อยแต่เราใช่สำหรับเราจ้า ยูชวนมาเลย จะกี่คนก็ชวนมา ชั้นชอบฟัง สนุกดีก็เลยมีหนุ่มคนเยอรมันคนนึงมา hangout ด้วยอยู่โฮสเทลใน night market นั่นแหละ ระหว่างนั่งรอริมแม่น้ำเนอะฮีก็อยู่แต่กับมือถือไอ้เราก็จิตใจล่องลอย ประมาณว่า โหย ถ้านั่งอยู่กับแฟนเราคงโรแมนติกน่าดูนะเนี่ยหันไปหาผู้ชายข้าง ๆ ยังนั่งกดมือถือตลอดเวลา ฮา ๆแต่แล้วมันก็หันมาบอกว่ายูว์...........ชั้นมีข่าวดีเราไม่ต้องกลับรถบัสแล้วชั้นเข้า grab hitch อีกรอบได้คนขับรถจะที่กลับจากมะละกาไปส่งเราที่โรงแรมแล้ว 40 ริงกิตเราก็บอกทันทีเลยว่า ยังไม่เข็ดอีกเร๊อะจำไอ้แขกเมื่อเช้าที่ชิ่งเราไม่ได้เหรอไงมันก็บอกว่า เนี่ย ชั้นรู้ว่ายูจะพูดแบบนี้แต่ครั้งนี้ชั้นมั่นใจว่าเค้าจะไม่ชิ่งเราแน่นอนเพราะคนขับเป็นคนจีน 555แล้วชั้นก็โทรคุยกันเรียบร้อยกว่า คอนเฟิร์มว่าไปได้แต่ถึงเค้าชิ่งเรา เดี๋ยวชั้นเรียก uber กลับโรงแรมก็ได้ แพงหน่อย แต่ก็มีทางเลือกเราจะไม่ค้างที่มะละกาแน่นอนยูไม่ต้องกลัวเราก็ตามใจฮี ๆ อุตส่าห์หาข้อมูลทั้งวันแล้ว เราอะไรก็ได้อยู่แล้วแค่มีเพื่อนมาเที่ยวด้วย หาข้อมูลทุกอย่างให้ เรา happy และอุ่นใจมาก ณ จุดนี้อ้อ หนุ่มตี๋มาเลเมื่อคืนมีส่งข้อความมาถามว่าเบอร์ห้องเบอร์อะไร หืมมมมมมมมมมมมมมมม????????????????แล้วฮีก็เฉลยว่า จะเอาขนมจากมาเลไปฝากไว้ที่ล็อบบี้เพราะขนมที่เราให้ฮีมันเยอะมาก จนไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงเลยซื้อขนมมาเลตอบแทนแล้วกันแต่จริง ๆ แล้วไม่เห็นต้องตอบแทนเลยเพราะฮีก็เลี้ยงข้าว แล้วก็ขับรถพาเราเดินเล่นในเมืองแล้วนี่แต่ก็โอเค บอกเบอร์ห้องฮีไป แล้วฮีก็ถ่ายรูปมาให้ดูว่าของเป็นแบบนี้ กลับมาโรงแรมก็อย่าลืมเอาก่อนขึ้นห้องล่ะ(แหม่ ไม่เคยมีใครถามเบอร์ห้องที่โรงแรมมานานมากแล้ว อ้อ ไม่เคยมีเลยดีกว่า ก๊าก ๆ)หลังจากรอมาพักใหญ่ในที่สุด หนุ่มน้อยเยอรมันก็โผล่มาแล้วบอกว่าหิวมาก กินแซนวิชไปตอนเช้าชิ้นเดียวเองเราก็พาหนุ่มน้อยเยอมันวัย 18 ที่มาเที่ยว South East Asia คนเดียวมา 2 เดือนเดินเล่นทั่ว night market ในมะละกาแล้วก็นั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันหนุ่มน้อยคนนี้กล้าหาญมากเลยนะ เที่ยวคนเดียวมา 2 เดือนแน่ะไปเมืองไทยมาแล้ว เที่ยวกรุงเทพฯ ไปเรียนดำน้ำที่เกาะเต่า แล้วก็ไปเกาพงัน ไปอยุธยาเก่งมากอ่ะแล้วก็มานี่ ไป KL ไปปีนัง เดี๋ยวอีก 2-3 วันไปสิงคโปร์ก็คงได้ไปเจอกะอิหนุ่มข้างเรา เห็นนัดแนะกันละหนุ่มน้อยใช้ตะเกียบได้ดีกว่าเราอีก 555 แล้วเราก็ต้องร่ำลาหนุ่มน้อย เพราะเรานัดกับคนขับ grab hitch ตอน 3 ทุ่มหนุ่มเราต้องไปซื้อขนมฝากที่บ้านและคนที่ทำงานเราก็แยกกะหนุ่มน้อยตอน 2 ทุ่มไปฝั่งเมืองใหม่ที่เต็มไปด้วยห้างและโรงแรมหรูเราก็เข้าไปซื้อของฝากในซุเปอร์ให้เพื่อน ๆ และเข้าห้องน้ำในโรงแรมระหว่างรอคนขับแล้วสามทุ่ม เค้าก็มาเจอพวกเราหน้า 2 คนหน้าโรงแรมหรูจริง ๆ เฮ้อ โล่งอกเป็นอันว่า เรา 2 คนก็ต้องทิ้งตั๋วขากลับที่ผู้ชายซื้อผิดรอบนึง และเราซื้อถูกอีกรอบนึง ฮา ๆ ขึ้นรถได้ หนุ่มก็ให้เรานั่งข้างหลังกับกองของฝากแล้วหนุ่มเราก็นั่งข้างหน้าคุยกับคนขับ ซึ่งเป็นรถของเค้าเองคุยกันภาษาจีนช้งเช้ง แล้วหันกลับมาแปลให้เราฟังบ้างนิดหน่อยแต่จริง ๆ คนขับก็พูดภาษาอังกฤษได้แหละแต่พูดจีนคงถนัดกว่าคนขับฟังภาษาอังกฤษผู้ชายเราปุ๊บ บอกได้เลยว่ามาจากสิงคโปร์ใช่มั้ย ฮา ๆเค้าก็บอกว่าใช่ มาจากสิงคโปร์ ส่วนเรามาจากเมืองไทยมาเจอกันตรงกลางคือ KLคนขับก็บอกว่า แหม โรแมนติกจังคนนึงเดินทางมาจากข้างบน อีกคนเดินทางมาจากข้างล่าง แล้วมาเจอกันตรงกลางคบกันมากี่ปีแล้วตึ่งงงงงงงงงงงงงงเราก็ขำ แล้วหนุ่มเราก็รีบบอกว่า ไม่ ๆ เป็นเพื่อนกัน มาเจอและมาเที่ยวด้วยกันเฉย ๆ แล้วหนุ่มคนขับก็บอกว่าเค้าแต่งงานแล้ว เมียและพ่อแม่อยู่มะละกาตัวเค้าทำงาน KLทุกวันศุกร์ก็จะขับรถจาก KL กลับมะละกาแล้วคืนวันอาทิตย์ตอน 3 ทุ่ม ก็จะขับรถจากมะละกากลับ KLหนุ่มเราจะเซ็ทเวลากลับไว้ตั้งแต่ 2 ทุ่ม 3 ทุ่ม 4 ทุ่มให้คนขับเลือกว่าจะกลับเวลาไหนแล้วคนขับคนนี้ก็เลือกตอน 3 ทุ่ม เพราะเค้ากลับได้เวลาเดียว เราก็ถามว่าได้ลูกค้าติดรถทุกรอบมั้ยเค้าบอกว่าจาก KL กลับมะละกา รถมันติด เค้าก็เลยไม่ค่อยรับใครเพราะถ้ารับ ส่วนใหญ่ก็ต้องเข้าไปรับในเมือง กว่าจะออกนอกเมืองมันเสียเวลาแต่ขากลับจากมะละกาเข้า KL ก็มีได้บ้าง แล้วก็เราก็หลับไป เพราะ 2 หนุ่มคุยเป็นภาษาจีน แล้วก็ไม่หันมาแปลให้เราฟังแล้ว ฮาๆก็ไม่ได้หลับตลอดหรอก หลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะมันเมื่อยน่ะ นั่งหลับหนุ่มก็มีปลุกมาดูไฟในเมือง ดูไฟตึกแฝด ซึ่งมันก็ใกล้จะถึงโรงแรมของเราแล้วแหละแล้วเค้าก็มาส่งเราตอน 5 ทุ่ม ง่วงมากถึงโรงแรมได้ก็ขึ้นห้องเลยอ้าววววววววววคิดขึ้นมาได้ลืมมมมมมหนุ่มฝากถุงขนมไว้นี่หว่าเลยลงไปเอาที่ล็อบบี้หนุ่มตี๋ที่ล็อบบี้คนนี้คือคนที่เราเจอวันแรกที่เรามากะอิน้องพม่าถ้าหนุ่มคนนี้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดคงจะแปลกใจเนอะว่าทำไมอินี่มีคนมาส่งโรงแรมไม่ซ้ำเลยวันแรกก็มีหนุ่มพม่าถือกระเป๋าขึ้นไปส่งถึงบนห้องคืนนั้นก็มีสาวหมวยขึ้นไปส่งถึงบนห้องเช้าอีกวันก็มีหนุ่มสิงคโปร์มานั่งรอข้างล่างค่ำวันนั้นก็มีหนุ่มมาเลมารอข้างล่างแล้วก็กลับมาส่งตอน 5 ทุ่มเช้าและค่ำอีกวันก็ไปกับหนุ่มสิงคโปร์คนเดิม แต่มีหนุ่มมาเลเอาของมาฝากไว้ให้โห ป๊อปเป็นบ้า กร๊าก ๆแต่พนักงานหน้าล็อบบี้ที่เราเจอแต่ละครั้งไม่ซ้ำกันเลยนะจะเป็นหนุ่มตี๋บ้าง หนุ่มแขกบ้าง สาวหมวยบ้าง สาวแขกบ้าง สลับ ๆ กันไปหมดเลยแต่ดีแล้วแหละ จะคนเดิมตลอดก็มาเห็นพฤติกรรมชั้นหมดล่ะสิ ก๊าก ๆ หลังจากเดินไปเอาขนมถุงใหญ่แล้วก็เตรียมอาบน้ำถอดผ้าปุ๊บตกใจมาก เพราะผิวไหม้แดดจ้าชัดเจนมากตรงคอ เพราะเราใส่เสื้อคอกว้างหน่อย เลยเห็นชัดเจนเลยว่ามันไหม้มากจริง ๆเดินตากแดดเพลินไปหน่อย ตั้งแต่เที่ยงยันดึกเอ๊ง ฮา ๆแล้วก็รีบนอน โดยก็ยังไม่ได้คุยกับผู้ชายเลยว่าพรุ่งนี้จะเจอกันกี่โมงอะไรยังไงเขียนมายาวมากแล้ว แล้วก็เข้าใจว่าคุณผู้อ่านก็อ่านมานานมากแล้วด้วย ติดตามตอนต่อไปเร็ว ๆ นี้นะคะซีรี่ย์มาเลรวมทุกตอนเที่ยวมาเลย์คนเดียววันแรก...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิดเที่ยวมาเลย์คนเดียววันแรก...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิด ตอนที่ 2เที่ยวมาเลย์คนเดียววันที่สอง...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิดเที่ยวมาเลย์คนเดียววันที่สอง...ไม่ปลอดภัยกว่าที่คิด ตอนที่2อ่านแล้วเม้นท์ให้กำลังใจหน่อยนะจ๊ะ อย่างน้อยจะได้รับรู้ว่าก็มีคนอ่านอะไรยาว ๆ ที่เราใช้เวลาหลายชั่วโมงนั่งพิมพ์เหมือนกันนะรักคนอ่านนะคะ บล็อคนี้ไม่ใช่บล็อคแรกที่ไปเจอหนุ่มทางออนไลน์นะแจ๊ะเคยไปเจอแล้วทั้งสิงคโปร์และฮ่องกงตามไปอ่านประสบการณ์ฟิน ๆ ของหนุ่มที่เราไปเจอเมืองนอกกันต่อได้เล้ยอันนี้ของสิงคโปร์ไปหาหนุ่มพาเที่ยวอ้อยอิ่ง...ที่สิงคโปร์ ตอนที่ 1อันนี้ของฮ่องกงเครื่องลงฮ่องกงปุ๊บก็นัดบอดหนุ่มฮ่องกงมากินข้าวมื้อแรกด้วยกันเล้ยอันนี้คือประสบการณ์ความเซ็งเมื่อไปเจอหนุ่มตี๋อินเตอร์ใน กทม เนี่ยแหละรวบรวมสถานการณ์เซ็ง ๆ จากผู้ชายที่ไปเจอทางออนไลน์ตอนที่ 1รวบรวมสถานการณ์เซ็ง ๆ จากผู้ชายที่ไปเจอทางออนไลน์ตอนที่ 2รวบรวมสถานการณ์เซ็ง ๆ จากผู้ชายที่ไปเจอทางออนไลน์ตอนที่ 3ส่วนอันนี้ ประสบการณ์การเล่น tinder ก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่เล้ยเชิญเสพย์ต่อด้านล่างจ้ะ เจ้ไม่ได้มาเล่น ๆ เจ้เล่นจริงจัง เก็บมาเม้าได้หลายบล็อคเลย ฮา ๆเม้าฝรั่งที่เจอในแอพ tinder หลังจากเพิ่งเล่นได้แค่อาทิตย์เดียวเสียเซลฟ์กับหนุ่มใน tinder อีกละเรามาอ่าน tinder profile ขำ ๆ แย่ ๆ หรือสร้างสรรค์กันดีกว่ามาอ่าน tinder profile ขำ ๆ กันต่อดีกว่ามาอ่าน tinder profile สนุก ๆ ฝึกภาษากันต่อนะเม้าเรื่องที่แชทคุยกับหนุ่มสิงคโปร์แชทคุยกับคนปลกหน้าที่เป็นผู้หญิงด้วยกันกว่า 4 ชม. เกี่ยวกับด้านมืดของเธอลองให้หนุ่ม ๆ ทายหัวข้อนิทรรศการภาพถ่ายนึง มาดูซิหนุ่มแต่ละอาชีพทายกันว่าอะไรบ้างเม้าเรื่องต่าง ๆ ที่ได้แชทกะคนสิงคโปร์คุยมาก็หลายเดือน ถึงเวลาเอาตัวเองบินไปเจอหนุ่มซักทีปีหน้านัดหนุ่มที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเข้าไปจับกันในความมืดเป็นชั่วโมง แล้วไกด์ก็ฮามาก ได้ใจสุด ๆนัดเจอหนุ่มทางเน็ทครั้งแรก แต่หนุ่มไม่ได้มาแค่ 1 แต่มาถึง 3!!!!เรื่องเศร้า ๆ เคล้าคำพูดแย่ ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่คุยด้วยจากใน tinderแชทน่ารัก ๆ ฟิน ๆ ของหนุ่มสิงคโปร์ที่ได้คุยด้วย