Group Blog
กุมภาพันธ์ 2551

 
 
 
 
 
1
2
4
5
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
 
 
ขั้นตอนแรกสำหรับคนอยากฝึกฝนภาษาอังกฤษจนสำเร็จ: ตั้งเป้าหมายที่แน่วแน่
กลับมาแล้ววววว หลังจากงานยุ่งสุดๆ บวกกับคอมพ์ที่บ้านเจ๊งด้วย เลยทำให้ upload ไม่ได้อะครับ ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนรอ กลับมาคราวนี้เลยเปิดกลุ่ม blog ใหม่สำหรับคนที่อยากจะประสบความสำเร็จในการฝึกฝนภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ

วันนี้อยากเล่าถึงกระบวนการที่จะทำให้เราฝึกภาษาอังกฤษให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งมีข้อแนะนำดังนี้ครับ

1) ตั้งเป้าหมายที่แน่วแน่

คุณเคยคิดไหมครับว่า

“ทำไมคุณถึงอยากเก่งภาษาอังกฤษนัก?
ทำไมคุณถึงอยากมีสำเนียงเป็นฝรั่ง?
ถ้าคุณเก่งภาษาอังกฤษแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตคุณบ้างหล่ะ?”

ถ้าคุณพอใจกับสิ่งที่คุณเป็นอยู่ พอใจกับสำเนียงของคุณแล้ว ก็จบกัน ไม่ต้องอ่านต่อแล้วนะครับ เพราะมันจะไม่มีแรงจูงใจอะไรให้คุณอยากจะฝึกเพื่อพัฒนาตัวคุณเอง (ก็คุณพอใจอยู่แล้วนี่) แต่ถ้าคุณไม่พอใจกับสำเนียงหรือทักษะภาษาอังกฤษของคุณที่เป็นอยู่มากเท่าไหร่ นี่แหละยิ่งจะทำให้คุณต้องรีบเปลี่ยนแปลงตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

ผมจะยกตัวอย่างยอดนิยมที่คนไทยมักจะอยากเก่งภาษาอังกฤษให้ดูนะครับ
- อยากได้งานดีๆ เงินเดือนสูงๆ (แน่นอนต้องภาษาอังกฤษดี)
- อยากติดต่อทางธุรกิจกับชาวต่างชาติ (โอกาสรวยสูง)
- จะไปสอบชิงทุน สอบสัมภาษณ์งาน ฯลฯ
- อยากมีเพื่อนเป็นฝรั่ง (บางคนตั้งปณิธานอยากมีสามีหรือภรรยาเป็นฝรั่ง! ไม่ว่ากันครับถ้าจะเอามาเป็นเป้าหมายให้คุณฝึกภาษาอังกฤษ)
- อยากไปเที่ยวประเทศต่างๆ อย่างสนุกด้วยตนเอง ไม่พึ่งทัวร์
- อยากคุยกับฝรั่งที่ทำงานรู้เรื่อง จะได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- บางคนจะได้โปรโมตเลื่อนตำแหน่ง ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นตัววัดอันหนึ่งด้วย
- อยากไปทำงานที่ต่างประเทศ (ไปขุดทอง) เพราะได้เงินเยอะดี
ฯลฯ

แล้วคุณหล่ะอยากเก่งภาษาอังกฤษไปทำไม? ตอบได้หรือยังครับ ถ้าหาเป้าหมายได้แล้ว แนะนำให้ตั้งเป้าหมายในเรื่องของระยะเวลาที่อยากจะทำให้ประสบความสำเร็จด้วย ใครที่ยังไม่มีไอเดีย ผมมีข้อแนะนำว่าอย่างต่ำสุดคือประมาณ 3 เดือน อย่างสูงสุดไม่น่าจะเกิน 1 ปีนะครับ ยิ่งระยะเวลาสั้นเท่าไหร่คุณก็ยิ่งต้องทุ่มเทเวลาในการฝึกฝนมากขึ้นเท่านั้น สำหรับคนที่ฝึกทุกวัน(ไม่มีวันหยุด เหมือนคุณต้องกินเข้าทุกวันน่ะครับ) วันละไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง แต่ต้องฝึกอย่างถูกวิธีด้วยนะ คุณจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน ส่วนใครที่มีเวลาฝึกน้อยก็จะใช้เวลานานขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น ฝึกวันละหนึ่งชั่วโมงทุกวัน ก็อาจจะใช้เวลา 6 เดือนจึงจะเห็นผล (ถ้าไม่ท้อแท้จนเลิกฝึกไปซะก่อน) ถ้าฝึกได้แค่ครึ่งชั่วโมง ก็อาจกินเวลาถึง 1 ปี ยิ่งกินเวลานานมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสฝึกจนประสบความสำเร็จก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น เพราะคุณอาจจะถอดใจกลางคันก่อนจะสำเร็จก็ได้

บางคนอาจจะคิดว่าทำไมต้องฝึกถึงวันละ 2 ชั่วโมง นานจัง ไม่มีเวลา ผมอยากจะถามคุณกลับว่า คุณใช้ภาษาไทยวันละกี่ชั่วโมงครับ? ใช้ตั้งแต่ลืมตาตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอนเลยไม่ใช่เหรอครับ ต่อให้นอน 8 ชั่วโมงต่อวันด้วย คุณก็จะใช้ภาษาไทยถึง 16 ชั่วโมงต่อวันเชียว ทำไมไม่เห็นบ่นเลยหล่ะ! ก็แค่ฝึกภาษาอังกฤษวันละ 2 ชั่วโมง มันเทียบไม่ได้กับภาษาไทยที่คุณใช้ในแต่ละวันเลยนะครับ ใครไม่มีเวลา ผมแนะนำให้คุณตัดกิจกรรมบันเทิงบางอย่างออกจากชีวิตคุณไปก่อนสัก 3 เดือน เช่น งดดูละครไทยไป 3 เดือน (บางคนบอกทำยากมาก เพราะติดละครไทยเหลือเกิน ไหนจะ จำเลยรัก ช่อง 3 กำลังมัน สงครามนางฟ้า ช่อง 5 ก็สนุก ตบตีกันมัน...ไม่เถียงครับว่ามันสนุก แต่มันมีประโยชน์กับชีวิตคุณในอนาคตเท่ากับภาษาอังกฤษหรือเปล่าล่ะครับ? ถ้าคุณเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษมากกว่าละครพวกนี้ก็เลิกดูซะ แล้วเอาเวลามาฝึกฝนภาษาอังกฤษดีกว่า...บางคนหัวใสเปลี่ยนจากดูละครไทยไปดูละครเกาหลีแทน แย่พอกันนะครับ ไม่ได้ทำให้คุณเก่งภาษาอังกฤษขึ้นมา...หันมาดูหนังฝรั่งฝึกภาษาอังกฤษดีกว่า...ขอแค่ 3 เดือนครับ คงไม่ถึงกับต้องไปเลิกที่ถ้ำกระบอกมั้ง ละครสมัยนี้ แป๊บเดียว มันก็ถูกกลับเอามาทำใหม่อีกละ หรือไม่ก็ซื้อวีซีดีเอาไว้ดูตอนคุณฝึกภาษาอังกฤษสำเร็จแล้วก็ไม่เลว..ถ้าอดใจไม่ดูไม่ได้จริงๆ)

ผมอยากให้ข้อคิดในการตั้งเป้าหมายเรื่องระยะเวลาอีกอย่างนึงนะครับ บางคนเรียนปี 4 ใกล้จบแล้ว คุณนับวันรอไปสอบสัมภาษณ์งาน ซึ่งถ้าเวลาเหลือน้อย คุณอาจจะฝึกไม่ทันก็ได้ ดังนั้นคุณควรดูว่า คุณจะได้ใช้ภาษาอังกฤษเมื่อไหร่ นั่นคือเวลาที่คุณจะต้องฝึกให้สำเร็จก่อนหน้าโอกาสนั้นจะมาถึง จริงๆ แล้วยิ่งฝึกสำเร็จได้เร็วเท่าไหร่ ยิ่งดีใช่ไหมครับ ลูกศิษย์ผมบางคนฝึกสำเร็จตั้งแต่ขึ้นชั้นม.3 ซึ่งผมดูแล้วว่าเด็กคนนี้อนาคตเค้าสดใสมากๆ อย่างตัวผมเองกว่าจะฝึกสำเร็จก็ล่อไปจบป.ตรีแล้ว แต่ก็ยังไม่สายเกินไปเพราะผมได้ใช้มันทั้งตอนสอบเรียนต่อ ป.โท ใช้ตอนสมัครงาน ใช้ตอนทำงานปัจจุบัน แค่นี้ก็โค-ตร คุ้มแล้วครับ เราจะเหนื่อยมากสุดช่วงแรกที่ฝึกฝนแหละครับ แต่ถ้ามันเป็นแล้ว มันจะเป็นเลยไม่ต้องฝึกอย่างเก่าอีกต่อไป เพราะฉะนั้นลำบากแค่ช่วงแรกแล้วคุณจะสบายช่วงหลัง (ช่วงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ คือภาษาอังกฤษของคุณดีกว่าชาวบ้าน โอกาสดีๆ มันก็วิ่งเข้ามาหาคุณน่ะครับ)

พูดถึงโอกาสดีๆ ผมเคยได้รับการติดต่อให้ไปลงเสียงภาษาอังกฤษประกอบวีดีทัศน์เปิดตัวบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งลูกศิษย์ผมคนนึงแนะนำให้เจ้าของโปรเจกท์มาจ้างผม เค้าเอารถเบนซ์มารับผมไปเข้าห้องอัดเสียง ระหว่างอยู่บนรถเราก็คุยกัน เค้าก็ถามว่าผมจบจากที่ไหน ผมก็บอกป.ตรี จุฬาฯ ป.โท บางมดครับ (ไม่ได้จบนอก) ผมเลยถามเค้ากลับว่าแล้วพี่หล่ะจบไหน? เค้าบอกว่าผมจบจากอเมริกา ผมก็เลยถามเขาต่อว่า อ้าว...แล้วทำไมพี่ไม่ลงเสียงเองหล่ะ? พี่จบนอกแต่กำลังจะจ้างผมที่ไม่เคยเรียนนอกไปลงเสียงภาษาอังกฤษนี่นะ ฟังดูพิลึกชอบกล เค้าก็บอกว่า ก็นักเรียนนอกไม่จำเป็นต้องสำเนียงดีทุกคนนี่นา (ผมเห็นด้วยนะครับ บางคนสำเนียงดีจริงๆ ก็มี แต่บางคนสำเนียงก็ยังไทยอยู่เพราะไม่ได้ฝึกฝนเปลี่ยนสำเนียงให้เป็นฝรั่งก็มี) ตอนนั้น ผมแอบภูมิใจเล็กๆ ว่าไม่ต้องเสียเงินไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา (จริงๆ แล้วไม่มีปัญญาหาเงินไปเรียนนอก) ถ้าตั้งใจจริง ก็เปลี่ยนสำเนียงได้ด้วยตนเองในประเทศไทยนี่แหละ ที่ภูมิใจคือขนาดนักเรียนนอกยังต้องมาจ้างผมไปพูดภาษาอังกฤษเลย ไม่เสียแรงที่ลงทุนลงแรงฝึกอย่างหนัก

พูดถึงเป้าหมายที่แน่วแน่ ครูเคทเคยเล่าให้ฟังว่ามีลูกศิษย์ท่านนึงอายุประมาณ 60 กว่ามาขอเรียนภาษาอังกฤษกับครูเคท ซึ่งครูเคทก็ประหลาดใจว่าจะเรียนไปเพื่ออะไร? ปรากฏว่าเค้าบอกว่าในชีวิตนี้เค้าทำมาได้ทุกอย่างหมดแล้ว ก่อนเกษียณก็เป็นระดับผ.อ. คิดว่าไม่มีอะไรในชีวิตที่ทำไม่ได้ นอกจาก “ภาษาอังกฤษ” นี่แหละที่เรียนมาเท่าไหร่ ก็ยังไม่สำเร็จสักที เลยคิดว่าก่อนตายยังไงก็ขอฝึกภาษาอังกฤษให้สำเร็จให้ได้ ไม่งั้นนอนตายตาไม่หลับ ผมฟังแล้วขนลุกในความมุ่งมั่นของท่านนี้จริงๆ และก็รู้ได้ทันทีว่าเค้าต้องฝึกจนสำเร็จแน่ๆ เพราะมุ่งมั่นไปสู่ความสำเร็จมาก

ผมหวังว่าตัวอย่างพวกนี้จะทำให้คุณเริ่มคิดลงมือฝึกอย่างจริงจังสักทีนะครับ แล้วไว้จะมาเล่าขั้นตอนต่อๆ ไป อีกทีนะครับ



Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2551 17:50:57 น.
Counter : 2045 Pageviews.

18 comments
  
ได้แนวทางขึ้นเยอะเลยครับบบ ขอบคุณมาก
โดย: Goz IP: 125.24.63.45 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:09:47 น.
  
ได้แรงบันดาลใจมากกก ค่ะ หลังจากที่เริ่มหัดเรียนมาจะเกือบปีละ แต่ยังไม่ก้าวหน้าสักเท่าไร
ขออนุญาติแอดในบลอกนะคะ จะเข้ามาเก็บความรู้เรื่อยยย ค่ะขอบคุณค่ะ
โดย: น้องอู๊ด (mattrawannaka ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:35:21 น.
  
ขอคุณค่ะที่ช่วยทำให้ฉันมีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ฉันจะพยายามด้วยตัวเองให้ได้ค่ะ
โดย: cherry IP: 125.24.63.163 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:29:14 น.
  
ครูรีบๆๆมาต่อน่ะครับเอาแบบละเอียดเลยย ทุกขั้นตอนฝึกอย่างไงจนสำเร็จเลยน่ะครับ รออยู่อย่างแรง
ขอบคุณฮ๋ะ
โดย: ตั้ม IP: 203.131.208.115 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:55:40 น.
  
เข้ามาติดตามอ่านเช่นเคยครับ

ตอนนี้ก็กำลังฝึกอยู่ครับ ฝึกวันละ 5-7 ชม. ครับ โดยการดู DVD ซีรี่ส์เรื่อง Friends

พอดีช่วงนี้ผมว่าง สามารถฝึกได้วันละ 5-7 ชม. ต่อวัน ฝึกติดต่อกันได้ 1 เดือน ฝึกตอนเช้า 5 ชม. กลางคืนอีก 2-3 ชม. แต่เพิ่งทำมาได้ 2 วันเอง

แต่หลังจากเดือน ก.พ. ไปแล้ว ผมจะมีโอกาสฝึกแค่วันละ 2 ชม. ตอนนี้เลยพยายามกอบโกยให้มากที่สุด

อยากถามครูเฟียตครับว่า เราควรจะฝึกไปทีละอย่างหรือหลายอย่างพร้อมกันครับ ? เช่นฝึกพูดโดยการดูหนังฟังเพลงฝรั่งทุกวันอย่างเดียวไปเรื่อยๆ จนสำเร็จ หรือว่าฝึกอ่านหนังสือภาษาอังกฤษควบคู่ไปกับการฝึกพูดกับฟัง ? ขอบคุณครับ
โดย: แท๊บ IP: 202.91.19.204 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:48:19 น.
  
เงียบจังเลยยยย หายไปไหนนนนนนนนนนนนนนน
โดย: ตาตั้ม IP: 203.131.208.115 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:43:42 น.
  
ตอบคุณแท๊บ
ไม่แน่ใจว่าคุณแท๊บฝึกอย่างไร? ที่บอกว่าดูหนังวันละ 5-7 ชม. คุณตั้งใจจะฝึกฝนเพื่ออะไรครับ ถ้าอยากได้สำเนียงฝรั่ง ผมแนะนำให้พูดตามหนังไปเลยนะครับ โดยพยายามเลียนแบบเสียงขึ้นลง จังหวะช้าเร็วให้เหมือนต้นฉบับและ acting ตามตัวละครไปด้วย ขยันทำวันละ 5-7 ชั่วโมงอย่างนี้ คุณจะเห็นผลเร็วมากภายในไม่กี่สัปดาห์จะเริ่มคุ้นกับสำเนียงฝรั่งและจะทำให้การฟังคุณพัฒนามากขึ้นด้วย คือคุณจะฟังออกมากขึ้นเอง
ส่วนการอ่านกับการเขียน คุณก็ต้องอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเยอะๆ เพื่อจะได้รู้ว่าบทความภาษาอังกฤษที่เค้าเขียนดีๆ เค้าเขียนกันอย่างไร คุณสามารถแบ่งเวลาใน 1 วันเพื่อฝึกทั้งการพูด-ฟัง และการอ่าน-เขียน ก็ได้ครับ
ขยันฝึกมากๆ นะครับ รับรองสำเร็จแน่นอน(ถ้าฝึกถูกวิธี) ว่างๆ อาจจะมาเขียนเล่าวิธีที่คุณใช้ฝึกก็ดีนะครับ เผื่อผมจะได้แนะนำได้
โดย: Kru Fiat (KruFiat ) วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:02:42 น.
  
ตอบครูเฟียต

ผมปิดซับไตเติลไทยไว้ แล้วพูดตามครับ

ที่จริงผมเริ่มฝึกวิธีนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมได้อ่านหนังสือของครูเคทเมื่อประมาณปี 2545 แต่ตอนนั้นอุปสรรคมากเหลือเกินเพราะเพิ่งเข้าเรียนปริญญาตรีปี 1 อยู่หอพัก โชคดีที่หอพักมหาวิทยาลัยมี UBC แต่เพื่อนก็มักจะดูพวกรายการเพลงและกีฬา รูมเมท 4 คน เวลาดูหนังก็ไม่มีใครสนใจฝึก TV ก็ไม่ใช่ของตัวเอง ผมก็เลยต้องแอบฝึก โดยทำตอนที่เขาเข้านอนกันหมดแล้ว (หอพักแบ่งเป็นห้องนั่งเล่นที่มี TV แยกกับห้องนอนโดยเฉพาะ)

ผมมีโอกาสได้ฝึกแค่วันละ 1 ชม. โดยการดู HBO กับ Cinemax ตอนฝึกจะเอาเทปกาวสีทึบปิดคำบรรยายไทยไว้ แล้วพูดตามครับ ตอนแรกเหนื่อยมาก เหมือนขากรรไกรจะหัก

แต่พอฝึกไปก็็้เริ่มชิน ผมฝึกไปได้ 4 เดือนก็ฝึกต่อไม่ได้เพราะเพื่อนที่เป็นเจ้าของ TV ย้ายออกไปอยู่หอนอก ผลคือฝึกไม่สำเร็จครับ ยังฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็ดีขื้นจากเดิมนิดหน่อย

หลังจากนั้นก็ฝึกๆ หยุดๆ มาตลอด แทบไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย โดยเฉพาะการเปิด TV ทิ้งไว้ตอนกลางคืนแล้วนอน ไม่ใช่ว่างกค่าไฟนะครับ ถ้าอยู่หอพักแล้วมันไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนั้นจริงๆ

จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเรียนจบ เป็นช่วงรอยต่อที่จะไปเรียน ป.โท พอดี ช่วงนี้ระหว่างที่รอเรียนผมเลยมีเวลาว่างมาก เลยกลับมาบ้าน แต่ที่บ้านก็ไม่มี Truevision

ผมเลยตัดสินใจซื้อ DVD ซีรีส์เรื่อง Friends แทน เพราะน่าจะมีประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวันเยอะ และยาวพอสมควรเพราะมีถึง 10 ซีซั่น DVD 1 แผ่นมี 5.35 ชม. ซึ่งพอดีกับเวลาตอนเช้าตั้งแต่ 9 โมงถึงบ่าย 3 พอดี พักกินข้าวเที่ยง 30 นาที คาดว่าใช้เวลา 15 วันก็จะจบทั้ง 10 ซีซั่น ตอนกลางคืนจะดูหนังทั่วไปความยาว 1.30 - 2 ชม. ครับ

ตอนนี้ที่ฝึกกับซีรี่ส์เพิ่งจะทำได้ 3 วัน แต่ที่น่าแปลกคือผมไม่เหนื่อยเหมือนตอนที่ฝึกครั้งแรกๆแล้วครับ รู้สึกว่าลื่นไหลกว่าเดิมมากๆ รู้สึกว่าตัวเองเข้่าใจบทสนทนามากขึ้น (สังเกตจากที่ตัวเองสามารถหัวเราะไปกับหนังได้โดยที่ไม่ได้อ่านบทบรรยายไทย)

อ้อ ช่วงหัวค่ำผมจะอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ พอถึงตอนประมาณ 4 ทุ่มก็เริ่มฝึกกับหนังฝรั่งทั่วไปครับ

ผมหวังไว้ลึกๆว่าจะฝึกสำเร็จก่อนที่จะไปเรียน ป.โท ในเดือน มิถุนายน

อยากถามครูเฟียตว่าผมฝึกอย่างนี้จะมีโอกาสสำเร็จหรือเปล่า ครับ เหลือแค่การเปิด TV เสียงภาษาอังกฤษทิ้งไว้ตอนนอนเท่านั้นที่ผมยังไม่ได้ทำ
โดย: แท๊บ IP: 202.91.18.192 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:32:34 น.
  
ตอบคุณแท๊บ
ขอบคุณที่เล่าเรื่องว่าคุณฝึกอย่างไร จากที่คุณฝึก คุณเป็นคนนึงที่มีความอึดสูงมากนะ เพราะฝึกหนักมากๆ ซึ่งถ้าฝึกถูกวิธีน่าจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ฝึกถูกหรือฝึกผิดให้คุณลองสังเกตตัวเองดู (อย่างไม่มี bias นะ) ว่าเห็นพัฒนาการมากขึ้นเพียงใด ถ้าฝึกหนักอย่างที่คุณเล่า ผมว่าสัก 6 สัปดาห์ก็น่าจะเริ่มเห็นผลชัดเจนแล้ว เช่นฟังฝรั่งออกเองมากขึ้นโดยไม่ต้องแปลเป็นไทยก่อน, สำเนียงการพูดภาษาอังกฤษคล้ายฝรั่งมากขึ้น แต่คุณอาจจะยังพูดไม่คล่องนะคือเวลาพูดออกไปต้องคิดเป็นไทยก่อนแล้วจึงแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วค่อยพูดออกไป ซึ่งอาจจะใช้เวลาคิดนาน ซึ่งการแก้ไขข้อนี้ต้องฝึก drill ประโยค ให้ไปอ่านเรื่อง อยากพูดให้คล่องทำอย่างไรดี ใน group blog การใช้ภาษาอังกฤษของผมนะครับ

แต่ผมว่าคุณบรรลุ (สำเร็จ) แล้วนะครับ เพราะจากอาการที่คุณเล่ามาคือคุณไม่เหนื่อยกับการฝึก (แสดงว่ากล้ามเนื้อปากอยู่ตัวแล้ว) แถมยังเข้าใจเรื่องมากขึ้นโดยที่ไม่อ่าน subtitle ผมขอแนะว่าให้แยกฝึกระหว่างการพูดและการฟังนะครับ คือถ้าอยากฝึกเพื่อเอาสำเนียงให้เหมือนฝรั่ง ให้คุณพูดตามหนังทับกันไปเลยทั้งเรื่องโดยปิด subtitle อย่างที่คุณทำดีแล้วครับ จบเรื่องยังไม่รู้เรื่องเลยว่าเรื่องอะไร ถูกต้องแล้วครับ ไม่ต้องรู้เรื่องใดๆ นอกจากมัจะรู้ไปเอง แต่ถ้าจะฝึกการฟัง ให้คุณเงียบ ปิด subtitle แล้วดูและฟังหนังอย่างเดียวโดยไม่ต้องพูดตาม ฟังผ่านๆ จับใจความสำคัญเท่านั้น ไม่ต้องสนใจ grammar ใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าคุณดูรู้เรื่อง ก็ Congratulations! คูณฝึกสำเร็จแล้วครับ

ส่วนการเปิดหนังไว้ตอนกลางคืน ถ้าเปิดทิ้งไว้ได้ก็ดี (สำหรับคุณนะ เพราะฝึกมาเยอะแล้ว ส่วนคนที่ยังไม่เริ่มลงมือฝึกหรือฝึกน้อยอยู่ ยังไม่ต้องเปิดหนังทิ้งไว้ตอนนอนนะครับ เพราะนอกจากมันไม่ช่วยอะไรคุณแล้วยังเปลืองไฟด้วยครับ...คนไทยส่วนใหญ่ชอบเทคนิคนี้เพราะหวังลมๆแล้งๆ ว่าไม่ต้องฝึกไง แค่เปิดหนังทิ้งไว้แล้วจะเก่งภาษาอังกฤษ ไม่สำเร็จหรอกครับ ต้องขยันฝึกฝนเท่านั้นจึงจะสำเร็จ)

หวังว่าคงสำเร็จดังที่คาดหวังไว้นะครับ แล้วรายงานผลเรื่อยๆ นะว่าฝึกแล้วเป็นยังไงบ้าง ถ้ามีคำถามอะไรก็ post ไว้นะ ว่างๆ จะเข้ามาตอบให้ครับ
โดย: Kru Fiat (KruFiat ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:5:26:24 น.
  
ผมเป็นคนหนึ่งที่อยากเรียนภาษาผมไม่รู้จะเริ่มยังไงรู้แบบงูๆปลาๆช่วยบอกวิธีเริ่มต้นหน่อยครับคือจุดประสงค์อยากสื่อสารกับเขาให้เข้าใจ
โดย: เอ IP: 124.121.191.2 วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:12:36:15 น.
  
ตอนนี้เรียนป.โทอยู่คะ แต่ว่าภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย พอรู้ศัพท์อยู่บ้าง พอถึงเวลาพูดจิงๆ (มั่นใจมาก) แต่ว่าฝรั่งงงแตกไปเลยอ่ะ กลายเป็นว่าสื่อสารกันผิดๆ ถูกๆ ซะอย่างนั้น
พอมาอ่านเรื่องราวของครูเฟียต ทำให้เรารู้จุดอ่อนของตัวเองว่า เราใช้เวลากับมันน้อยเกินไปจิงๆ และเราใช้วิธีที่ผิดมาตลอด สักแต่ฟัง สักแต่อ่าน ไม่ได้พัฒนาเพิ่มเติมเลย
ต่อไปนี้จะฝึกฝนภาษาอังกฤษแบบสุดๆ ไปเลยคะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ นะคะ
โดย: sonadol IP: 158.108.2.6 วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:17:04:18 น.
  
เห็นด้วยกับการตั้งเป้าหมายเพื่อความสำเร็จค่ะ ไม่ว่าจะเป็นภาษไหน ๆ ขอให้เป็นภาษที่ 2-3-4 ก้อตาม มะนก้อมีประโยชน์ไม่มากก้อน้อยค่ะ แต่ภาษาอังกฤษออกจะสากลกว่าภาษาอื่น ในยุคนี้ คนเรียนภาษาอังกฤษนี่ธรรมดาเหมือนการจบปริญญาตรี ถ้ามี third language ก้อน่าจะเป็นอีกตัสเลือกที่น่าสนใจค่ะ ไม่ว่าจะทำไรก้อตาม ถ้าเรามีเป้าหมาย แน่วแน่ ตั้งใจ ภาษาไหน ๆ ก้อสำเร็จค่ะ ขอให้ทุกคนมุ่งมั่นต่อไปนะค่ะ
โดย: Ntc IP: 203.145.119.10 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:15:23:26 น.
  
โดย: หนังสือมือสอง (AngelTomorrow ) วันที่: 16 มีนาคม 2551 เวลา:3:33:31 น.
  
เยี่ยม!!!!!! จะลองทำดู ครับ ผมโง่มากเลยอะ........

เครียด!! จะสมัครงานได้ยังไงเนี่ย ไม่มีใครรับผม แน่เลย

CU TEP ก็ไม่ได้ลงทะเบียนสอบฟรี ลงไม่ทัน........

ผมจะลองทำตามที่ อาจารย์เฟียตบอก...
โดย: M IP: 161.200.255.162 วันที่: 24 มกราคม 2552 เวลา:2:25:26 น.
  
ครูเฟียตคะ ตอนนี้เพิ่งเริ่มฝึกตามที่ครูเฟียตบอกค่ะ คือเริ่มจากออกเสียง ยู่ยี่ ให้ได้วันละ 1000 ครั้ง และเปิดหนังพูดตามหนัง แต่ว่าพูดไม่ทันค่ะ ฟังก็ไม่ออก บางทีออกเสียงตาม ก็มั่วไป ที่ครูเฟียตบอกคือพยามเลียนเสียงให้ได้แบบเขาพูดน่ะค่ะ ดิฉันพยามอยู่ แต่มันก็เหมือนว่าจะไม่สามารถเลียนเสียงได้เท่าไหร่ แล้วหนังที่ดูน่ะค่ะ ต้องเปลี่ยนเรื่องดูไหมคะ หรือว่าเรื่องเดียวไปเลย ดูได้ 2-3 รอบไปเลยรึเปล่า ขอคำแนะนำในวิธีการที่ฝึกแบบถูกวิธีหน่อยไ้ด้ไหมคะ เพราะตอนนี้เพิ่งมีน้องได้ 3 เดือน ต้องเลี้ยงลูกอยู่บ้านตลอดเวลา เลยไปเรียนไม่ได้น่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
โดย: Gift IP: 58.8.114.244 วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:21:14:12 น.
  
ตอบคุณ Gift
ควรเปลี่ยนหนังไปเรื่อยๆ ครับ จะได้ฝึกแบบหลากหลาย แต่อย่าลืมว่าต้องพูดตามหนังทุกครั้งนะครับ อย่าได้แต่ฟังอย่างเดียว มันไม่ค่อยช่วยให้สำเนียงดีขึ้นเท่าไหร่ถ้าคุณไม่ขยับปากพูดตามหนังฝรั่ง
ขอให้ฝึกจนสำเร็จนะครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:7:32:25 น.
  
ครูคะ นู๋เป็นคนนึงที่อยากเรียนภาษาอังกฤษจุดประสงค์เพียงแค่อยากอ่านออกเขียนและฟังได้ไม่ว่าจะเป็นดูหนังโดยไม่ต้องอ่านซับฟังฝรั่งพูดรู้เรื่องเข้าใจที่เค้าคุยกันแต่ว่านู๋คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้สนทนากับฝรั่งเค้าภาษาคงไม่พัฒนาเป็นแน่เพราะไม่มีโอกาสได้ใช้คิดได้แค่ว่า อยากอ่านออกเขียนฟังได้เท่านั้น แต่คงไม่มีโอกาสได้ใช้มัน หลายคนถามว่า เรียนไม่ได้ใช้จะเรียนไปทำไมฟะเพื่อน? อึ้งกะคำถามนี้เหมือนกัน ถ้าเราไม่ได้ใช้มัน เรียนไปก็เท่านั้นจริงไหมคะ อยากเรียนและอยากสนทนากะฝรั่งเค้าจริงๆ แต่ไม่รู้จะทำยังไง เฮ้อๆๆ
โดย: กลับไปไม่เหมือนเดิม วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:5:58:05 น.
  
ตอบคุณกลับไปไม่เหมือนเดิม

เรียนไปแล้วไม่ได้ใช้จะเรียนไปทำไม?

ผมเห็นด้วยกับความเห็นนี้นะ ถ้าชาตินี้คุณจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเลยจริงๆ แต่คิดดูดีๆ นะครับ ว่าคุณจะไม่ได้ใช้มันจริงๆ หรือเปล่า เพราะรอบตัวเรามีภาษาอังกฤษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น internet, email, computer ฯลฯ

และเมื่อเรียนแล้วก็นำไปใช้ด้วยก็จะดีที่สุดเลยครับ
โดย: KruFiat วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:40:56 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KruFiat
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 304 คน [?]



ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง
"หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน"
ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook 4| | | ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook | | |3