Group Blog
กุมภาพันธ์ 2551

 
 
 
 
 
1
2
4
5
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
 
 
ขั้นตอนที่ 2 สำหรับคนอยากฝึกฝนภาษาอังกฤษให้สำเร็จ : มีความกระตือรือร้นไปหาเป้าหมายนั้น
2. มีความกระตือรือร้นเดินทางไปหาเป้าหมายนั้น

ถึงแม้บางทีคุณมีเป้าหมายที่แน่วแน่แล้วก็ตาม แต่ถ้าขาดความกระตือรือร้น ไม่มีแรงกระตุ้นในการฝึกฝนให้สำเร็จแล้วล่ะก็ คุณอาจจะไปไม่ถึงเป้าหมายนั้นก็ได้ ผมอยากยกตัวอย่างคนที่ไปเรียนต่อที่เมืองนอก ทำไมคนเหล่านี้ถึงพูดภาษาอังกฤษได้แน่นอน (พูดโต้ตอบได้นะครับ สำเนียงอาจจะยังไทยอยู่ แต่ก็สามารถสื่อสารกับฝรั่งได้) คุณเคยได้ยินข่าวว่ามีคนไทยไปอดตายในต่างแดนเพราะไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษสื่อสารกับชาวต่างชาติหรือไม่ครับ? ผมมั่นใจว่าไม่เคยแน่นอน เพราะสัญชาติญาณของมนุษย์เราจะมีการปรับตัว ดิ้นรนให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ คนไทยที่อยู่ในต่างแดน (โดยเฉพาะคนที่ไปอยู่กับสังคมที่มีแต่ฝรั่ง ไม่มีคนไทยคอยช่วยเหลือ) เค้าต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด (เป็นสัญชาติญาณของมนุษย์เรา) คือถ้าคุณพูดภาษาอังกฤษติดต่อกับเจ้าของประเทศเค้าไม่ได้ คุณจะอยู่ได้อย่างไร? จะสั่งอาหารกินยังไง? จะอยู่ตัวคนเดียวไม่คุยกับใครเลยได้ยังไง? ถ้าไปเรียนจะเรียนจบได้ยังไง? สิ่งเหล่านี้แหละครับที่เป็นตัวกระตุ้นในเค้าต้องพูดภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารกับคนที่นั่นให้ได้เร็วที่สุด เพื่อความอยู่รอด

ข้อคิดอีกอย่างคือ ไม่มีใครไอคิวต่ำเกินไปที่จะเรียนรู้ในการพูดภาษาต่างๆ หรอกนะครับ คุณดูอย่างคนไทยสิครับ ทุกคนก็พูดภาษาไทยได้ทั้งนั้น ไม่มีคนไทยคนไหนที่เกิดมาแล้วพูดภาษาไทยไม่ได้เพราะโง่เกินไป เพราะฉะนั้น คุณอย่ามาอ้างนะครับว่าที่คุณพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เพราะไม่ฉลาดพอ ผมไม่เชื่อเด็ดขาด ทุกคนสามารถพูดได้ทั้งนั้น มันสำคัญที่วิธีการฝึกฝนมากกว่า ไม่ใช่ความฉลาดของแต่ละคน ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เพราะการฝึกฝนที่น้อยไป ไม่มีเวลาในการฝึกฝน หรือยังฝึกผิดวิธีธรรมชาติอยู่ ไม่ใช่ความฉลาดไม่พอของคนคนนั้นแน่นอน

คราวนี้คุณลองมองย้อนกลับมาตัวคุณเองที่อยู่เมืองไทย คุณมีเป้าหมายอยากเก่งภาษาอังกฤษแล้ว แต่ความกระตือรือร้นหล่ะ คุณมีมากเพียงใด? ถ้าคุณพลาดเป้าหมายที่คุณวางไว้จากข้อ 1 อะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตคุณ ถ้าคำตอบคือ “ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” คำตอบนี้น่ากลัวครับ เพราะมันแสดงว่าคุณไม่มีความกระตือรือร้นเลย ลองจินตนาการดูนะครับ ถ้าวันดีคืนดีหัวหน้าคุณเดินมาบอกว่า “เราจะย้ายคุณไปทำงานประจำอยู่ที่ต่างประเทศ ให้เวลาคุณเตรียมตัว 2 สัปดาห์” คราวนี้หล่ะแรงกระตุ้นของคุณเพิ่มขึ้นเต็มพิกัด คุณพร้อมที่จะฝึกฝนเต็มที่เลย เพราะถ้าไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้คุณอาจจะถูกไล่ออกเพราะทำให้งานเสีย แต่คุณอย่ารอให้โอกาสอย่างนี้มาปะทะคุณก่อน ค่อยเริ่มลงมือฝึกฝนเลยนะครับ เพราะมันจะทำให้คุณเครียดมากๆ ยิ่งถ้ามีเวลาฝึกน้อยมากๆ คุณอาจจะทำไม่สำเร็จทันเวลา แล้วความสูญเสีย (เช่น เสียงาน ฯลฯ) อาจจะตามมา

ดังนั้นผมแนะนำให้คุณลองหาแรงกระตุ้นเอาเองนะครับ จะได้มีความกระตือรือร้น โดยอาจจะจินตนาการถึงความหายนะที่จะเกิดขึ้น หากคุณไม่สามารถฝึกฝนภาษาอังกฤษให้สำเร็จได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด หาให้ได้นะครับ ถ้าหาไม่ได้มันมักจะทำให้คุณไม่มีความกระตือรือร้นแล้วจะทำให้ล้มเหลวในการเดินไปหาเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ในที่สุด



Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 16:55:47 น.
Counter : 1759 Pageviews.

16 comments
  
อย่าลืมมาต่อน่ะครู ผมรออยู่ ขอบคุณฮ่ะ
โดย: ตาตั้ม IP: 203.131.208.115 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:01:13 น.
  
โดย: นายแจม วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:16:43 น.
  
โดย: pakwadee วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:25:06 น.
  
มีVCD Concert เพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวง แล้วมีเพลงนึงชื่อว่าStill on My Mind เพลงนี้พี่คิ้มร้องค่ะ เพราะมากกกกก+น้องโฟม-คีตา (ไม่รู้จักเหรอกค่ะ แต่พี่คิ้มแนะนำ)เล่นเปียโน เพราะมากๆค่ะ ไม่รู้ว่าครูเฟียตได้ดูรึยัง???เพราะเห็นหลงไหลเสียงเพราะๆของพี่คิ้ม
โดย: Tsuki IP: 124.157.139.230 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:26:12 น.
  
คุณครูเฟียตเจ้าขา ตอนนี้เรียน din dino ที่พญาไทค่ะ อยากถามครูเฟียตนิดนึงว่า เวลาที่เราดูหนังฝรั่งแล้วให้ออกเสียงตามเนี่ย เราต้องออกเสียงตามตัวละครทุกตัวเลยเหรอคะ คือตอนนี้พยายามหักดิบละครไทย มาดูหนังฝรั่งทุกวัน แล้วพูดทับตาม แต่เวลาที่พูดตาม อย่างเช่น บอกว่า The sue response for the kitchen when the chef not away ดิฉันพูดได้แค่ the............chef........way (.... ขยับปากส่งเสียงไปแบบมั่วๆ ไม่ได้ใกล้เคียงเล้ย) ฝึกอย่างงี้ทุกวันไม่แน่ใจว่าเป็นวิธีที่ถูกรึยัง
โดย: fattyacid (deeny ) วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:36:54 น.
  
ตอบคุณ fattyacid
การเลียนเสียงตามตัวละคร สามารถเลียนเสียงตามตัวละครได้ทุกตัวเลยครับ ขออย่างเดียวคือคุณไม่ต้องดัดเสียง อย่างพอผู้ชายพูด คุณก็ไม่ต้องดัดเสียงเป็นเสียงผู้ชายนะครับ เพียงแต่พยายามพูดด้วยเสียงเราเองแต่เลียนแบบเสียงขึ้นลง จังหวะจะโคนช้าเร็ว และ acting ตามต้นฉบับ ถ้าแรกๆ ยังทำตามไม่ได้ อาจจะฮัม(เหมือนฮัมเพลง)ตามหนังไปทั้งเรื่องก่อนครับ พอเริ่มเคยชินค่อยพูดตามหนังเท่าที่ทำได้ ที่คุณยกตัวอย่างว่าพูดทันแค่บางคำ ไม่เป็นไรครับ ทำได้ ตรงไหนไม่ทันก็มั่วๆ ไปก่อน ขออย่างเดียวให้เสียงขึ้นลง จังหวะช้าเร็วเหมือนเค้าให้มากที่สุด พูดตามเค้าทับกันไปเลยนะครับ ทำเช่นนี้กับหนังวันละ 1 เรื่อง (2 ชม.) โดยเปลี่ยนหนังไปเรื่อยๆ ถ้าคุณทำได้อย่างถูกต้องทุกวัน สำเนียงคุณจะเป็นฝรั่งภายใน 3 เดือน และจะทำให้คุณฟังฝรั่งออกได้มากขึ้นเยอะอีกด้วยครับ
ผมเองก็ใช้วิธีนี้ในการเปลี่ยนสำเนียงของตัวเองสำเร็จมาแล้วทั้งๆ ที่ไม่เคยไปเรียนต่างประเทศ ดังนั้นผมยังเชื่อว่าคนไทยก็ทำได้ทุกคนโดยไม่ต้องไปเรียนต่างประเทศครับ ขอแค่ความอึดในการฝึก(เพราะต้องฝึกหนักมากจริงๆ) และที่สำคัญต้องฝึกถูกวิธีด้วยนะครับ เพราะจากที่ผมเป็นครู เจอนักเรียนที่ขยันฝึกมาเยอะแต่ฝึกผิดวิธีก็เยอะทำให้ไม่สำเร็จ คนพวกนี้น่าสงสารที่เค้าขยันจริง แต่ฝึกผิดวิธี ต้องมีคนคอยชี้แนะน่ะครับ ถ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็ post คำถามไว้แล้วกันนะครับ ว่างๆ จะเข้ามาตอบให้ครับ ขยันฝึกต่อไปนะ จะเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ขยันฝึกฝนภาษาอังกฤษครับ
โดย: Kru Fiat (KruFiat ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:4:30:46 น.
  
ตอบคุณ Tsuki

ขอบคุณสำหรับการแนะนำเพลง Still on my mind ผมเคยได้ยินแล้วครับ แต่เชื่อไหมว่าครั้งแรกที่เคยฟังเพลงนี้ ฟังยังไงก็ไม่นึกว่า Jennifer Kim ร้องหล่ะ เพราะเสียงเธอเวลาร้องเพลงสากลกับเพลงไทยมันค่อนข้างต่างกันน่ะครับ ผมชอบฟังเธอร้องเพลงไทยช้าๆ มากกว่าครับ แต่สำเนียงภาษาอังกฤษเธอก็ถือว่าใช้ได้นะครับ

บางคนอาจจะคิดว่าผมฟังเพลงฝรั่งเพื่อจับผิดสำเนียงการออกเสียงภาษาอังกฤษหรือเปล่า? คือผมคิดว่ามันต้องมีการออกเสียงที่ถูกต้องควบคู่ไปกับความไพเราะน่ะครับ ถ้ามีแต่ความไพเราะแต่การออกเสียงแย่ก็ไม่ดีนะครับ

เร็วๆ นี้ผมไปที่ห้างเปิดใหม่ที่พัทยา ตอนกลางคืนมีดนตรีเล่นกลางแจ้งให้คนนั่งจิบเบียร์ฟังเพลง ผมแค่เดินผ่านนะครับ(ไม่ได้ขี้เหล้านะ) เค้าร้องเพลงสากลฮิตๆ ซึ่งฟังเผินๆ ก็คล้ายต้นฉบับดี แต่เชื่อไหมครับว่าผมฟังไม่ออกเลยว่าเค้าร้องว่าอะไร คือมั่วภาษาอังกฤษมากๆ จนนึกสงสารคนฟังที่เป็นฝรั่ง เค้าต้องฟังไม่ออกแน่ๆ เค้าอาจจะนึกตลกว่า มันร้องอะไรของมันว้า?

ส่วนเปียโนในเพลง Still on my mind ก็ OK นะครับ แต่ไม่ถึงกับติดใจมากๆ ส่วนนักร้องไทยที่ร้องเพลงสากลได้ดีๆ ก็มีพอสมควรนะครับ เช่น คุณธีรนัย ณ หนองคาย ผมว่าหลายคนคงไม่รู้จัก เธอร้องเพลงประกอบละครดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน เธอคนนี้ร้องเพลงไทยก็ชัดมาก ร้องเพลงฝรั่งก็น่าทึ่งมาก ผมเคยดูเธอร้องสดใน concert ชอบมากๆ ดีทั้งสำเนียงและความไพเราะ ผมเคยเจอตัวจริงตอนเรียนร้องเพลงที่มีฟ้า หลายปีก่อนด้วย

ส่วนนักร้องรุ่นใหม่ๆ ผมชอบคุณโรสนะ เธอควบคุมเสียง, ลม, ลูกคอได้ดีเยี่ยม เพลงไทยก็ร้องดี เพลงสากลก็ดีไม่แพ้กัน ลองฟังเพลง knife ในอัลบั้ม Simply Emotions กินใจสุดๆ ครับ ลองเข้าไปฟังได้ใน group blog เพลงเพราะๆ ของผมที่รวบรวม 10 เพลงสากลที่เพราะสุดๆ ดูนะครับ โดยเฉพาะเพลง Perhaps Love ของ Jheena Lodwick นี่เป็นการลงตัวอย่างที่สุดของดนตรีและเสียงคนร้องที่ไพเราะจับใจ (สำเนียงดีด้วยครับ ชัดมาก สามารถเรียนภาษาอังกฤษไปได้ด้วยเลย)

ส่วนอัลบั้ม H.M. Blues ผมกลับชอบจอย ศิริลักษณ์ร้องมากที่สุดครับ โดยส่วนตัวผมชอบเสียงและการร้องของจอยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว (หลายคนอาจไม่เชื่อว่าผมฟังเพลงของจอยด้วย รวมถึงเพลงลูกทุ่งที่จอยร้องด้วยนะ) แต่ลองฟังการใช้เสียงของเธอดูสิครับ ไม่น่าเชื่อว่าเธอมาจากการเป็นนักแสดงแต่ทำไมร้องเพลงได้ไพเราะอย่างนี้ หรือว่าได้ครูดี (ครูอ้วน มณีนุช) ก็ไม่รู้

กลายเป็นเม้าท์เรื่องเพลงซะเยอะเลย แต่ก็ดีนะครับ ฟังเพลงฝรั่งเยอะๆ จะได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษไปด้วยในตัวอย่างมีความสุข (วกกลับมาเข้าเรื่องภาษาอังกฤษได้อยู่ดี แฮะ แฮะ)
โดย: Kru Fiat (KruFiat ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:5:07:18 น.
  
แล้วฝึกยังไงถึงถูกวิธีของ 4 ทักษะ รวมทั้ง เปลี่ยนเสียงด้วยล่ะฮ่ะ
โดย: taatum IP: 203.131.208.115 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:45:54 น.
  
ครูเฟียตครับ พอดีผมมีคำถาม

1.ตอนที่ผมเปิดโทรทัศน์แล้วฝึกกับหนังโดยการพูดตามตัวละคร ผมรูสึกว่าต้องตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงโทรทัศน์ตลอด ผมเลยลองใช้วิธีเปิดหนังกับคอมพิวเตอร์ เสียบหูฟัง แต่ใช้แค่หูข้างเดียวฟัง ผมรู้สึกว่าผมได้ยินเสียงตัวเองชัดขึ้น ไม่ต้องพูดดังเหมือนตอนเปิดโทรทัศน์

แต่ที่ผมกังวลคือ ผมกลัวว่าการใช้หูฟังจะเป็นการทำให้หลงคิดว่าตัวเองฟังออก เพราะผมสังเกตเห็นว่า หูฟังมันเก็บรายละเอียดของเสียงได้ดีมาก บางประโยคที่ฟังในโทรทัศน์ไม่ออก พอมาฟังในหูฟังกลับฟังออกซะงั้น (ตอนนี้ฟังออกโดยไม่ต้องแปลไทยประมาณ 70-90% ขึ้นอยู่กับชนิดของหนังครับ)

ผมลองนึกถึงสถานการณ์จริง เวลาต้องพูดต้องฟังภาษาอังกฤษนั้น เขาไม่มีหูฟังให้แน่นอน ผมเลยกลัวว่าจะฝึกผิดวิธี

ผมควรจะฝึกกับหูฟังหรือฝึกกับโทรทัศน์ต่อไปดีครับ

ในหนังสือครูเคทบอกว่าให้อุดหูข้างหนึ่งไว้ แต่ผมฝึกติดต่อกันนานมาก คงไม่สามารถอุดหูไว้ติดต่ิอกัน 5-6 ชม.

2.จากที่ครูเฟียตบอกว่าถ้าฝึกถูกวิธีจะทำให้เราฟังออกเอง ผมสงสัยว่าเมื่อเราฟังออกแล้วทักษะการพูดได้โดยธรรมชาติ และไม่ต้องนั่งเรียงประโยคจะเิกิดขึ้นตอนไหนครับ มันจะมาพร้อมกับการฟังออกหรือเปล่า หรือว่าพอฟังออกแล้วต้องฝึกต่อไปเรื่อยๆจนพูดได้ มันมีช่วงรอยต่อเวลาระหว่างการฟังออกกับการพูดได้ไหมครับ

3.เราจะสามารถทราบได้อย่างไรว่าสำเนียงเราเป็นฝรั่งแล้ว ? ต้องพูดให้เจ้าของภาษาฟังเพื่อยืนยันหรือเปล่าครับ หรือว่าถ้าเราฟังออกเกือบหมดและพูดได้โดยไม่ต้องเรียงประโยค
เราสามารถถือได้ว่ามีสำเนียงเป็นฝรั่งแล้ว ? พอดีตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องฝึกให้ตัวเองมีสำเนียงเป็นฝรั่งให้ได้

ตอนเรียน ป.ตรี เห็นอาจารย์คนไทยในคณะหลายคนจบปริญญาเอกจากต่างประเทศ อยู่มาวันหนึ่งมีวิทยากรชาวอเมริกันมาบรรยายที่คณะ วิทยากรคนนั้นเปิดโอกาสให้ซักถาม ตอนนั้นผมพบเลยว่าอาจารยที่พูดภาษาอังกฤษได้ (ส่วนมากจบเอกจากต่างประเทศ) ที่ยกมือถามในวันนั้น ทุกคน (ขอย้ำว่าทุกคนจริงๆครับ) ยังพูดสำเนียงไทยอยู่เลย คือพูดได้ค่อนข้างคล่องในระดับหนึ่ง แต่สำเนียงยังเป็นไทยอยู่ (บางคนยังตะกุกตะกัก ทั้งที่จบเอกจากต่างประเทศมา)

นั่นเป็นแรงบันดาลใจ+แรงฮึดที่ทำให้ผมอยากมีสำเนียงเหมือนเจ้าของภาษาครับ อย่างที่ครูเฟียตได้บอกไว้ในหัวข้อ "ทำไมผมถึงเปลี่ยนสำเนียงภาษาอังกฤษเป็นฝรั่งได้?" ว่าคนที่พูดสำเนียงเหมือนฝรั่งนั้นเท่ห์สุดๆ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งเลย

4.ครูเฟียตพอจะยกตัวอย่างลักษณะของการที่ขยันฝึกแต่ฝึกผิดวิธีได้ไหมครับ จะได้ลองเปรียบเทียบกับตัวเอง ผมกลัวว่าจะเป็น 1 ในนั้น คืออุตส่าห์ลงทุนลงแรงแต่กลับไม่สำเร็จ

ตอนนี้รู้สึกว่ามีแรงฮึดในการฝึกอย่างมากชนิดที่ไม่เคยเกิดกับตัวผมมาก่อน ตอน 5 ปีที่แล้วที่เริ่มฝึกยังไม่มีแรงฮึดเท่านี้เลยครับ อาจเป็นเพราะมีเวลาว่างมากด้วยครับ

พอเห็นคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ผมรู้สึกอิจฉามาก ถ้าได้ภาษาอังกฤษแล้วอะไรๆก็จะง่ายขึ้น พอดีผมจะไปเรียน ป.โทหลักสูตรอินเตอร์ด้วย ก็เลยตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องพูดให้ได้ก่อนเปิดเรียน
โดย: แท้บ IP: 202.91.19.204 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:19:53 น.
  
ตอบคุณตาตั้ม

คุณตาตั้มถามคำถามสั้นมาก แต่คำตอบจะยาวมากกกกก คือมันมีเทคนิคเยอะมากเลยอ่ะครับ ผมทยอยสอนลูกศิษย์ต้องใช้เวลาถึง 3 เดือน เอาเป็นว่าถ้ามีเวลาผมจะทยอยลงวิธีฝึกแต่ละวิธีให้อ่านใน blog นี้แล้วกันนะครับ แต่ช่วงนี้ขอบอกก่อนว่างานที่ทำงานยุ่งมากๆ อย่างเสาร์ อาทิตย์นี้ ยังต้องไปทำงานอยู่เลย วันนี้ก็เพิ่งงด class ที่ต้องสอนวันพรุ่งนี้ทั้งหมดเลยเพราะติดงานที่บริษัทจริงๆ

คุณตาตั้มเป็นคนเดียวกับที่ส่ง email มาหาผมหรือเปล่า? ถ้าใช่ ผมจะขออนุญาตนำ email คุณมาตอบที่นี่เพราะน่าจะเป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆ ที่มีปัญหาเดียวกับคุณด้วยนะครับ
โดย: Kru Fiat (KruFiat ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:17:03 น.
  
ตอบคุณตาตั้ม (อีกที)

ลืมบอกไปอีกอย่างให้คุณตาตั้มลองไปใน group blog การใช้ภาษาอังกฤษ แล้วอ่านหัวข้อ "พูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทย ทำยังไงถึงจะปรับสำเนียงให้เป็นฝรั่ง? (2/2)" ในนั้นผมเล่าวิธีฝึกเพื่อเปลี่ยนสำเนียงไว้น่ะครับ ฝึกไปพลางๆ ก่อนนะครับ
โดย: Kru Fiat (KruFiat ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:20:17 น.
  
ตอบคุณแท้บ

ถามมายาวมากกกกกก แต่ดีครับ ผมชอบอธิบายละเอียดดี ขอตอบเลยนะครับ

1) ผมว่าจะใส่หูฟังข้างเดียวฝึกก็ได้นะครับ แต่อย่าใส่ทั้ง 2 ข้างนะเพราะคุณจะต้องฟังเสียงที่คุณพูดออกไปด้วยเพื่อเปรียบเทียบเสียงที่คุณพูดว่าเหมือนกับต้นฉบับแล้วหรือยัง

2) ถ้าฟังออกแล้ว คุณต้องดูหนังเยอะๆ แล้วจำประโยคที่เค้าใช้ในหนังพร้อมสถานการณ์ต่างๆ มาใช้จริงๆ หรืออาจจะใช้การ drill ประโยคช่วย ให้ดูที่ group blog การใช้ภาษาอังกฤษ แล้วอ่านหัวข้อ "อยากพูดภาษาอังกฤษคล่อง ทำอย่างไรดี?" ก็จะช่วยเร่งให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

3) สำเนียงเป็นฝรั่ง จริงๆ คุณเองก็น่าจะทราบเองได้ว่าสำเนียงตัวเองคล้ายฝรั่งแล้วหรือยัง หรือเวลาพูดแล้วคนรอบข้างเค้าว่าอย่างไร? หรือให้ฝรั่งฟังก็ได้ ถ้าสำเนียงเป็นฝรั่ง ฝรั่งเค้าจะอยากคุยกับคุณมากเพราะมันฟังออกง่ายกว่าสำเนียงไทยเยอะ
คนเรียนจบนอกไม่จำเป็นต้องมีสำเนียงเหมือนฝรั่งทุกคน ถ้าเกิดเค้าไม่ได้ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนสำเนียงของตัวเอง สำเนียงเค้าก็ยังจะเป็นไทยๆ เหมือนเดิม เพียงแต่เค้าจะพูดโต้ตอบสื่อสารกับฝรั่งได้คือพูดได้ ฟังออก แต่สำเนียงยังไทยอยู่อ่ะครับ อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ (แต่ฝรั่งก็จะฟังเค้าพูดแล้ว ยังเข้าใจยากอยู่ดีถ้ายังสำเนียงค่อนข้างไทย)

4) ตัวอย่างการฝึกผิดเหรอครับ มีเยอะแยะ เช่นเปิด subtitle ไม่ว่าไทยหรืออังกฤษ ระหว่างเปิดหนังเพื่อฝึกสำเนียงไงครับ, บางคนพูดตามหนังแล้วพยายามทำความเข้าใจกับเนื้อเรื่องไปด้วย บางคนหยุดฟังหนังเพราะสนุกตาม บางคนรอให้เค้าพูดจบประโยคก่อนค่อยพูดตาม บางคนพูดตามหนังแต่เสียงที่ตนพูดไม่ได้ขึ้นลงตามหนังเลย คือเสียงยังราบเรียบอยู่เหมือนเดิม (ต้องพยายามฟังเสียงที่ตัวเองพูดด้วยนะครับ) บางคนพยายามแกะคำพูดให้พูดทันทุกคำ บางคนจังหวะการพูดยังเท่าๆ กันเหมือนภาษาไทยซึ่งต่างจากภาษาอังกฤษที่ต้องมีจังหวะช้า เร็วสลับกันไป เห็นไหมครับ เยอะแยะเลย

จากที่คุณแท้บเล่าว่าฟังออกเกือบหมดแล้ว ก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าคุณฝึกสำเร็จแล้ว เหลือแค่ว่าสำเนียงคุณเป็นฝรั่งแล้วหรือยัง? จะมาพูดให้ผมฟังก็ได้นะ เอาเป็นว่าคุณส่ง email มาที่ KruFiat@gmail.com แล้วเดี๋ยวผมจะให้วิธีติดต่อผมอีกที เผื่อจะทราบปัญหาและให้คำแนะนำเฉพาะคุณได้ครับ
โดย: Kru Fiat (KruFiat ) วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:05:17 น.
  
ขอบคุณครูเฟียตสำหรับคำตอบครับ

ที่ครูเฟียตบอกว่าผมฝึกสำเร็จแล้วนั้นตัวผมเองรู้สึกว่ายังนะ ผมรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ยังไงไม่รู้ ที่ผมฟังออกเยอะนั้นผมคิดว่าอาจเป็นเพราะบุญเก่าที่สะสมมาตลอด 5 ปีก็เป็นได้

อย่างที่เล่ามาว่า ผมมีโอกาสฝึกติดต่อกันอย่างจริงจังเพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีแรงฮึดต่อ ฝึกๆหยุดๆ ได้ฝึกติดต่อกันมากสุดไม่ถึงเดือน บางทีได้แค่ 1 สัปดาห์ เพราะตอนนั้นยอมรับว่าผมขี้เกียจเอง และยังไม่เห็นความสำคัญของภาษา แต่พอจบออกมาก็เริ่มจะรู้ซึ้งถึงครับ

ตอนนี้ที่มีปัญหาในการฟังและฟังไม่ออกคือ 1.เสียงพึมพัมในปากของตัวละคร เช่นตอนตื่นนอนใหม่ๆ,ฉากการง้อและการล้อเลียนการกระทำของอีกฝ่าย
2.เสียงท้ายประโยคที่พูดแบบขอไปที
3.ประโยคที่น่าจะเป็นการแซวกันและรับ-ส่งมุขตลกของตัวละคร ฯลฯ
ผมไม่รู้จะยกตัวอย่างมาให้ดูยังไงเพราะผมฟังประโยคพวกนี้ไม่ออกครับ

และที่เป็นปัญหามากที่สุดคือเรื่องตัวเลขครับ ผมมีปัญหาในการฟังตัวเลขมาก ถ้าไม่เกิน 3 หลักผมก็พอฟังออก แค่ถ้าเป็นหลักหมื่นหลักแสนขึ้นไป ผมต้องนึกก่อนแล้วแปลไทยและค่อยเข้าใจว่าว่ามันเป็นเลขอะไร รวมไปถึงการบอกเวลาด้วยครับ อาการค่อนข้างหนัก ต้องหยุดนึกแปลไทยก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

นี่แหละครับผมเลยคิดว่าผมยังฝึกไม่สำเร็จ

ยังไงก็ขอขอบคุณครูเฟียตมากครับที่มาให้ความกระจ่าง ผมว่าจะฝึกต่อไปเรื่อยๆก่อน ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรผมจะเข้ามาเล่าให้ฟังอีก

ขอขอบพระคุณอีกครั้งครับ
โดย: แท้บ IP: 202.91.19.192 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:40:22 น.
  
ปล. ผมหาบทความเรื่องการ drill ประโยคไม่เจอเลยครับ พอคลิกเข้าหัวข้อการใช้ภาษอังกฤษแล้วมองหาด้านซ้ายมือก็ไม่เจอหัวข้อการ drill ประโยคเลย
โดย: แท้บ IP: 202.91.19.192 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:50:25 น.
  
ฮ่ะครูเฟียต ใช่คนเดียวกับที่ส่งอีเมลล์ไปหาครูฮ่ะ คือผมก็พึ่งรู้ว่าฝึกเลียนเสียงได้ทุกตัวตอนแรกนึกว่าจะต้องรอเฉพาะตัวที่เราชอบซะอีก แต่ตอนนี้ผมอยากเก่งแบบครูจริงๆน่ะฮ่ะ(ครูสำเร็จตอนรุ่นราวเดียวกัน) ครูรีบๆๆ ลงน่ะฮ่ะ รออยู่ คร๊าบอยากเรียนกับครูด้วยอ่ะแต่อยู่ตั้งชล อิอิเก็บตังค์ก่อน

ปล. ขอบคุณพี่แท็บที่ถามคำถามที่มีประโยชน์และครูที่ตอบน่ะครับ
โดย: taatum IP: 203.131.208.115 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:15:53 น.
  
ครูเฟียตหายไปอีกแล้ว 55
โดย: taatum IP: 203.131.208.115 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:31:28 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KruFiat
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 304 คน [?]



ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง
"หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน"
ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook 4| | | ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook | | |3