Kross (เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง~
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
29 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 

รวบรวมผลงาน 6 เดือน รบ.อภิสิทธิ์ มีอะไรเด่น??

สแกนผลงาน 6 เดือน"โอบามาร์ค"

Pic_16059 รัฐบาล 
นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ ดูจะเป็นปลื้มกับโพลสำนักต่างๆ
ที่ต่างชื่นชมนโยบายและมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลชุดนี้
ที่เข็นกันออกมาฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติที่ได้รับความบอบช้ำในช่วงที่ผ่านมา...

ขณะ
ที่รัฐบาล  นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ ดูจะเป็นปลื้มกับโพลสำนักต่างๆ
ที่ต่างชื่นชมนโยบายและมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลชุดนี้
ที่เข็นกันออกมาฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติที่ได้รับความบอบช้ำในช่วงที่ผ่านมา
แต่เมื่อ "ทีมเศรษฐกิจ" สแกนลงไปดูผลงานรายกระทรวง เรากลับ "จั่วลม"
จับต้องได้แต่งานที่ไร้รูปธรรมของรัฐบาลชุดนี้

คลัง : แจกซ้ายล้วงขวา

เริ่ม
จากกระทรวงการคลังที่มี นายกรณ์ จาติกวณิช นั่งว่าการ และมี ประดิษฐ์
ภัทรประสิทธิ์ กับ นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ 2 รมช.คลังต่างพรรคร่วมอยู่นั้น
แม้ว่ากระทรวงการคลังจะเข็นนโยบายและมาตรการต่างๆออกมามากมาย
แต่เมื่อพิจารณากันอย่างถี่ถ้วนแล้วมาตรการเหล่านี้ กลับได้แต่หน้าเค้ก
ไล่เรียงมาตั้งแต่ 1. มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ด้วยการยกเว้นภาษีวิสาหกิจชุมชนจากเดิม 120,000 บาท เป็น 180,000 บาท 2.
มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กรณีที่ซื้อบ้านใหม่สามารถ
นำมาหักภาษีได้ไม่เกิน 300,000 บาท 3. เช็คช่วยชาติ 2,000 บาท 4.
หนุนมาตรการเรียนฟรี 15 ปี

ไม่ทันข้ามเดือนก็เสนอต่ออายุ 6
มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยออกไปอีก 6 เดือน
ซึ่งทุกมาตรการเหมือนจะดูดี แต่เมื่อเจอมาตรการ
ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันรับขวัญประชาชนเข้าไป
โดยปรับเพิ่มภาษีน้ำมันเบนซินทุกประเภทรวดเดียวเป็น 5 บาท/ลิตร
และดีเซลจาก 2.305 บาทต่อลิตร เป็น 3.305 บาท โกยรายได้เข้าคลังเดือนละ
1,917 ล้านบาท หรือปีละ 23,004 ล้านบาท
แล้วมาตรการที่เทกระจาดมาให้ก็แทบจะไร้ค่า

ที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ
ขณะที่รัฐบาลเทกระจาดมาตรการต่างๆ
กระทรวงการคลังที่เริ่มจะชักหน้าไม่ถึงหลังก็งัดมาตรการปรับขึ้นสารพัดภาษี
ออกมาสำทับอีก ทั้งปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตเหล้า เบียร์ และบุหรี่
ดึงรายได้ให้แก่ รัฐบาล 23,850 ล้านบาท ในช่วง 4
เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นปีงบประมาณ 52
ยังไม่นับรวมถึงการออกพระราชกำหนด
กู้เงินอีก 400,000 ล้าน
เพื่อนำไปปิดหีบงบประมาณของรัฐและกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกที่ 2
ทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้จาก 40% เพิ่มเป็น 60%
ของจีดีพีในปี 2556 เข้าตำรามือหนึ่งจ่ายอีกมือล้วง

คมนาคม : เมกะโปรเจ็กต์ติดหล่ม

ใน
ส่วนของกระทรวงคมนาคมที่ในอดีตต้องรับบทหนักขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้าง
พื้นฐานนั้น ในรอบระยะ 6 เดือนของ โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม นั้น
กล่าวได้ว่าแม้จะมีความตั้งใจจะผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ
ออกมาเพื่อหวังสร้างชื่อ
แต่กลับถูกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลกระตุกเบรกไปซะทุกโครงการ
ไล่ดะมาตั้งแต่โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ขององค์การขนส่ง
มวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะสามารถล้างหนี้สะสมกว่า
67,000 ล้านบาทของ ขสมก.ได้ ส่วนการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 อีก
73,000  ล้าน 
ที่แม้กระทรวงคมนาคมจะปรับปรุงตัดงานบางส่วนมาดำเนินการก่อนด้วยวงเงินลงทุน
ราว 12,000 ล้าน แต่สุดท้ายก็ยังค้างเติ่งอยู่แถวสภาพัฒน์

ด้านแผน
ฟื้นฟูกิจการรถไฟ (รฟท.) อีกหน่วยงานไดโนเสาร์ที่มีหนี้ท่วมอยู่กว่า
72,000 ล้านบาทนั้น แม้จะผ่านความเห็นชอบจาก
ครม.แต่กลับมาสะดุดตอสหภาพรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ก่อหวอดชุมนุม
ประท้วงให้รัฐระงับและชะลอแผนฟื้นฟูดังกล่าวเอาไว้ จนยังผลให้แผนพลิกฟื้น
กิจการรถไฟยังลูกผีลูกคน

ขณะที่โครงการระบบทางรถไฟยกระดับเชื่อม
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิหรือ "แอร์พอร์ตลิงค์"
ยังต้องเจอโรคเลื่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ล่าสุดก็ทำท่าว่าอาจจะต้องเลื่อนไปเปิดเอาปี 2553
หากแผนฟื้นฟูกิจการรถไฟและการจัดตั้งบริษัทเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ยังไม่
ไปไหน

เช่นเดียวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ
ที่ได้มีการปรับเพิ่มเป็น 10 สาย เพื่อให้ครอบคลุม กทม.-ปริมณฑลมากขึ้น
แต่ความคืบหน้าที่เห็นในเวลานี้ก็มีเพียงการเปิดซองราคารถไฟฟ้าสายสีม่วง
ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ไปเท่านั้น
ส่วนจะเริ่มลงมือจริงเมื่อไหร่ยังไม่มีใครให้คำตอบได้

ผลงานที่พอ
จะสร้างเครดิตให้กับกระทรวงคมนาคมได้บ้างก็น่าจะเป็นเรื่องของการย้ายฐานการ
บินเส้นทางบินในประเทศของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)
จากสนามบินดอนเมืองกลับมาสนามบินสุวรรณภูมิเท่านั้นที่พอจะเป็นผลงานที่เป็น
รูปธรรมที่สุดแล้ว

อุตฯ-พลังงาน "ตกซ้ำชั้น"

ผล
งานในรอบ 6 เดือนของ ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง
นั้นกล่าวได้ว่าหากให้คะแนนต้องถือว่า "สอบตกแบบไม่ต้องให้ซ้ำชั้น"
เพราะผลงานที่เป็นรูปธรรมจริงๆ 
เท่าที่เห็นมีเพียงการประกาศลดเป้าขอรับส่งเสริมการลงทุนจากนักลงทุนทั่วโลก
ผ่านบีโอไอจาก 650,000 ล้านบาท ลงมาเหลือ 400,000 ล้านบาท
ซึ่งแม้เจ้าตัวจะขยันออกไปโรดโชว์ต่างประเทศทั้งจีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย
ก็ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนใดๆได้

ส่วนเรื่องอื่นๆ
อาทิ
มาตรการความช่วยเหลือที่ควรจะเทให้แก่ภาคอุตสาหกรรมที่ต่างเผชิญวิกฤติครั้ง
ใหญ่ ประกาศเขตควบคุมมลพิษที่ระยอง
หรือการขอยืดเวลาชำระหนี้ของเอกชนกับสถาบันการเงิน
การขอให้ธนาคารของรัฐผ่อนปรนหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ
และการอัดฉีดสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอี ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่ได้รับการสนองตอบใดๆ จากกระทรวงอุตสาหกรรม

ส่วน
งานที่ถือได้ว่าเชิดหน้าชูตาเจ้ากระทรวงที่พอจะมองเห็นในแวดวงข่าวสังคมอยู่
บ้างก็อาทิ การเป็นประธานเปิดงานสัมมนา,  การตรวจเยี่ยมชม
โรงงานอุตสาหกรรม, การเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ แม้แต่การจัดงานวันเกิด
ที่มีนางแบบสาวสุดเซ็กซี่มาร่วมงาน

เช่นเดียวกับกระทรวงพลังงานที่
มี นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เป็นอีก 1 รัฐมนตรีที่โลกลืม
แม้จะขยันเดินสายเปิดงานสัมมนา เป็นว่าเล่น บางวันเปิดกันติดๆ 2-3 งาน
หรือถึงขั้นจะเชื้อเชิญไปเปิดปั๊ม น้ำมัน เปิดปั๊มเอ็นจีวี
ติดตั้งหลอดไฟประหยัดไฟตามตลาดสด วัดวาอาราม
ส่วนงานระดับนโยบายไม่ว่าจะเรื่องใดที่จำเป็นต้องอาศัยการตัดสินใจนั้น
เจ้าตัวเป็นโยนกลองไปได้ซะทุกเรื่อง จนได้รับฉายา "วรรณรัตน์ ถนัดชิ่ง"

อย่าง
กรณีการปรับขึ้นราคาแก๊สหุงต้มที่ในภาคขนส่ง
แต่ให้ตรึงราคาขายปลีกให้ภาคครัวเรือน เพื่อลดภาระนำเข้าของ
ปตท.ที่เจ้าตัวไม่ยอมตัดสินใจใดๆลงไป จนทำเอา ปตท.แบกภาระจนอ่วม
ล่าสุดกระทรวงการคลังมีนโยบายจะลอยตัวราคาแก๊สหุงต้ม
แต่ต้องให้กระทรวงพลังงานตัดสินใจ แต่
นพ.วรรณรัตน์ก็ยังไม่มีคำตอบในเรื่องนี้ให้แต่อย่างใด

ผลงานชิ้นโบ
แดงที่พอจะหยิบขึ้นมาชื่นชมได้ก็คือการที่ประเทศไทยมีปั๊มอี 85 แล้ว 4
แห่ง เป็นของ ปตท. 2 แห่ง และบริษัทบางจาก 2
แห่งด้วยจำนวนรถที่เพิ่มขึ้นประมาณ 10 คัน กับยอดขายวันละ 300 ลิตร
ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าบางจากและ ปตท.คุ้มค่ากับการลงทุนหัวจ่ายอี 85 ไปหัวละ
2-3 ล้านบาทหรือไม่

เกษตร-ไอซีที-ท่องเที่ยวหายเข้ากลีบเมฆ

กระทรวง
เกษตรฯภายใต้การกำกับดูแลของ นายธีระ วงศ์สมุทร อดีตอธิบดีกรมชลประทาน
สายตรงจากพรรคชาติไทยพัฒนาที่ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งอธิบดีก่อนเกษียณ และ
ชาติชาย พุคยาภรณ์
รมช.เกษตรฯซึ่งประชาชนเพิ่งจะรู้ว่าเป็นรัฐมนตรีก็ในวันที่ประกาศลาออกจาก
ตำแหน่งเพราะถูกสมาชิกพรรค "อัปเปหิ" นั่นแหละ

ผลงานของกระทรวง
เกษตรฯในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมานั้นกล่าวได้ว่า
ไม่มีอะไรที่ติดอยู่ในความทรงจำเลยแม้แต่น้อย 
ทั้งการทำงานยังเป็นแบบเรื่อยๆ
เอื่อยๆของเจ้ากระทรวงที่ไม่รู้มีตัวตนอยู่หรือไม่ ยิ่ง
รมช.เกษตรฯคนใหม่ที่เข้ามาแทนนายชาติชาย
ซึ่งก่อนจะเข้ามารับตำแหน่งนั้นคุยโอ่มีโปรเจ็กต์ที่ต้องเข้ามาดำเนินการ
เป็นพะเรอเกวียน ผ่านมาจะขวบเดือนผู้สื่อข่าวในกระทรวง
ยังไม่เคยพบปะหน้าค่าตาว่าเป็นอย่างไร

เช่นเดียวกับกระทรวง
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ที่มี   ร.ต.หญิง  ระนองรักษ์  
สุวรรณฉวี  
นั่งแท่นเป็นเจ้ากระทรวงอยู่นั้นก็ยังไม่มีนโยบายอะไรที่เป็นรูปธรรมออกมาพอ
จะให้จดจำ
ที่พอจะคุยโอ่ได้อยู่บ้างก็คือการปิดกั้นหรือบล็อกเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน
เว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมทั้งหลาย
รวมถึงการผลักดันสร้างศูนย์การเรียนรู้ไอซีที ชุมชนให้ครอบคลุมทุกอำเภอ
ซึ่งก็แทบจะเป็นงานประจำของราชการอยู่แล้ว

ขณะที่ปัญหาต่างๆไม่ว่า
จะเป็นการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์ เคลื่อนที่
ที่ต้องเร่งดำเนินการให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน 2535
รวมถึงการผลักดันให้คนไทยได้ใช้โทรศัพท์มือถือระบบ 3 จี
ทั้งการอัพเกรดโครงข่ายโทรศัพท์มือถือระบบ 1900
เมกะเฮิร์ตซเดิมของบริษัททีโอที และการลงทุนผุดโครงข่าย 3
จีใหม่ที่เจ้าตัวคุยโอ่สามารถจะปรับงบลงทุนลงมาจาก 29,000 ล้านบาทเหลือ
20,000 ล้านบาทนั้น ถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า

เช่นเดียวกับ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่มี ชุมพล ศิลปอาชา
สายตรงจากบ้านจรัญสนิทวงศ์คุมบังเหียนอยู่ ในระยะ 6
เดือนที่ผ่านมาผลงานที่พอจะทำให้ผู้คนนึกออกได้ก็คือการที่ประธานบอร์ด 
ททท.ต้องถ่อสังขารลงไปนั่งทำงานแทนผู้ว่าการที่ยังสรรหากันไม่ได้มาหลาย
เดือน
ส่วนแผนปฏิบัติการด้านการฟื้นฟูท่องเที่ยวหรือการเยียวยาผู้ประกอบการที่
ร้องขอมาก่อนหน้านั้นยังไร้คำตอบ

พาณิชย์ : มือใหม่หัดขับถูกสกัดรอบด้าน


กระทรวง
พาณิชย์ภายใต้การนำของ นางพรทิวา นาคาศัย รมว. พาณิชย์ และ นายอลงกรณ์
พลบุตร รมช.พาณิชย์ แม้จะถูกมองว่ามือใหม่ หัดขับ
แต่หากเทียบฟอร์มและผลงานแล้วกลับเหนือกว่ากระทรวงอื่นๆ

โครงการ
ไฮไลต์ที่พอจะคุยโอ่เป็นผลงานได้บ้าง อาทิ โครงการฟ้าสดใสคนไทยยิ้มได้
(บลูสกาย สไมล์ไทยแลนด์) ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ เดือน ก.พ.52
ประกอบด้วยร้านค้าสีฟ้า (บลูช็อป) ศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน
(บลูฟาร์ม) ศูนย์จำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรม (บลูเอาท์เลต) และบริการสีฟ้า
(บลูเซอร์วิส) เช่น แท็กซี่ธงฟ้า (บลูแท็กซี่) โรงแรมสีฟ้า (บลูโฮเทล)
ขณะเดียวกันยังได้จัดทำบัตรสีฟ้า (บลูการ์ด) แจกให้กับเครือข่ายธงฟ้า 
เช่น ร้านอาหารธงฟ้า แท็กซี่สีฟ้า
เพื่อนำไปซื้อสินค้าที่เข้าร่วมโครงการในราคาประหยัด
ขณะนี้อยู่ในระหว่างทำโครงการระยะที่ 2 สิ้นสุดเดือน ก.ค. 52
และจะเริ่มระยะที่ 3 เดือน ส.ค.นี้

แต่ในด้านการดูแลราคาสินค้า
เกษตรที่แม้จะยังไม่สำเร็จแต่กลับเป็นข่าวฮือฮามากกว่านั่นคือ
โครงการระบายสินค้าเกษตรในสต๊อกรัฐบาลทั้งข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
และมันสำปะหลัง ที่ทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี
ติดเบรกหัวทิ่มกลายเป็นศึกสายเลือดภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังไม่รู้จะออก
หมู่หรือจ่าหลังจากนี้

ทั้งหมดนี้คือผลงานอัน "จับต้องได้" ที่
"ทีมเศรษฐกิจ" สแกนกันออกมาให้เห็น
แม้ออกจะสวนความรู้สึกของรัฐบาลที่อาจจะตอบโต้ว่าได้ทำให้วิถีชีวิตความเป็น
อยู่ของผู้คนดีขึ้น  แต่กระนั้นต้องยอมรับความจริง
ว่าวันนี้หนี้สินเฉลี่ยครัวเรือนภาคประชาชนนั้นไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อยตรง
กันข้ามกลับเพิ่มขึ้นไปซะด้วยซ้ำและผลงานที่เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้จริงๆ
ในรอบ 6 เดือนนั้น วันนี้ยังไม่ปรากฏ.

ทีมข่าวเศรษฐกิจไทยรัฐ





 

Create Date : 29 มิถุนายน 2552
0 comments
Last Update : 29 มิถุนายน 2552 17:26:10 น.
Counter : 720 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Kross_ISC
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 79 คน [?]




Blog จับฉ่ายของ Kross ครับ เทคโนโลยี, การทหาร,Military Expert, การ์ตูน, Anime, Manga, Review, Preview, Game, Bishojo Game, Infinite Stratos (IS), Hidan no Aria, Light Novel (LN)

ติดตามเพิ่มเติมได้ทาง Twitter ที่ @PrameKross
New Comments
Friends' blogs
[Add Kross_ISC's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.