ทรงต่อสู้กับสงคราม ความยากจน
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงงานอยู่ เพราะประชาชนยังยากจนอยู่ เมื่อยังมีความยากจนจึงไม่มีเสรีภาพ เขาจึงเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ ซึ่งปัญหาความยากจนไม่ใช่เป็นปัญหาด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่โยงไปถึงการเมืองด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีโครงการทั้งหมดประมาณ 6,000 โครงการ ซึ่งไม่ซ้ำกับโครงการรัฐบาล เพื่ออุดช่องโหว่ช่วยเหลือประชาชน แต่เมื่อราชการเข้ามาถึงจึงถอนออกมา จะเห็นได้ว่าโครงการต่างๆ ของพระองค์เน้นรักษา ดิน น้ำ ลม ไฟ หรือ ทรัพยากรธรรมชาติ เพราะถ้าไม่มีแผ่นดินจะมีประเทศได้อย่างไร แผ่นดินนี้ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งหมายถึง ชีวิต ที่ผ่านมาทุกคนใช้แผ่นดินนี้ด้วยความโลภ ทำลายแผ่นดิน ทั้งนี้พระองค์ทรงทำได้ด้วยการให้คำแนะนำหรือสอนเท่านั้น เพราะคนที่ดูแลคนทั่วประเทศ คือ รัฐบาล กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ หากพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดี มีความสงบ ไม่ถูกข่มเหง ไม่ถูกโกง ทำได้เช่นนี้ประเทศมีความมั่นคง และไม่เป็นลัทธิบริโภคนิยม ไม่ใช้ทุกอย่างเกินตัว ต้องใช้อย่างพอประมาณ ต้องรู้ต้นทุนตัวเอง คนรวยแล้วต้องมีคุณธรรม จริยธรรม ไม่คดโกง ไม่คอร์รัปชั่น ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวตอนหนึ่งในโอกาสร่วมบรรยายในการประชุมเชิงปฏิบัติการการนำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริไปขยายผลในพื้นที่ความมั่นคง ที่โรงแรมแม็กซ์ พระราม 9 เมื่อ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 นับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ในพระราชหฤทัยมีแต่ความห่วงใยพสกนิกร และนับแต่เสด็จนิวัติพระนครเมื่อปี พ.ศ. 2493 ก็ทรงงานเพื่อพสกนิกรมาโดยตลอด กว่า 60 ปี ที่ทรงงานพระองค์มีเป้าหมายประการเดียวคือ การทำให้คนไทยทั้งประเทศอยู่ดีมีสุข ทรงนำทัพต่อสู้กับความยากจนด้วยหลากหลายยุทธวิธี โดยเน้นไปที่การสร้างความยั่งยืนให้กับประชาชน ในจำนวนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่มีอยู่ประมาณ 6,000 โครงการนั้น 2 ใน 3 เป็นโครงการที่เกี่ยวกับน้ำและดิน โดยทรงเห็นความสำคัญของน้ำ เป็นอันดับแรก ดังในพระราชดำรัส ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2529 ความตอนหนึ่งว่า
หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้
หนึ่งในโครงการพระราชดำริ คือ อ่างเก็บน้ำห้วยตาจูอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ความจุ 22,278,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างกั้นลำน้ำห้วยตาจูที่ไหลมาจากป่าต้นน้ำในเทือกเขาพนมดงรัก ตั้งอยู่ที่ตำบลกันทรอม อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ อ่างเก็บน้ำนี้สามารถส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่เพาะปลูกซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่น่าในตำบลกันทรอม ตำบลขุนหาญ ตำบลโนสูงและตำบลห้วยจันทร์ ได้ประมาณ 13,000 ไร่ในช่วงฤดูฝนและ ประมาณ 4,400-6,500 ในฤดูแล้ง ช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวจากเดิมที่ผลิตได้เฉลี่ย200-300 กิโลกรัมต่อไร่เป็น 500 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนนาปรังแต่เดิมไม่สามารถทำได้ แต่หลังจากโครงการฯแล้วเสร็จสามารถทำนาปรังได้ผลผลิตสูงถึงไร่ละ 800-1,000 กิโลกรัม จุดเด่นของโครงการฯ นี้ คือการบริหารจัดการน้ำของกลุ่มผู้ใช้น้ำที่ตกลงกับกรมชลประทาน ว่า จะบริหารจัดการกันเอง เพื่อให้สอดคล้องกับพื้นที่เพาะปลูกของพวกตน และพร้อมที่จะรับผิดชอบหากผลผลิตอาจจะได้รับความเสียหายจากแนวทางของพวกตน เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานทำหน้าที่เพียงปล่อยน้ำไปตามที่กลุ่มผู้ใช้น้ำแจ้งมา ทำให้เกิดรูปแบบของ น้ำตามสั่ง คือจะใช้ก็สั่งให้ปล่อยมา และมีการปรับระบบการทำนามาใช้การหว่านแห้งที่เรียกกันว่า นาสำรวย ซึ่งสามารถประหยัดการใช้น้ำทำนาจากเดิม 1,600 ลูกบาศก์เมตรเหลือ 1,000 ลูกบาศก์เมตร ทำให้มีน้ำเหลือมากพอที่จะกระจายให้กับพื้นที่นอกเขตชลประทานได้ด้วย ผลสำเร็จนี้ทำให้ กลุ่มผู้ใช้น้ำห้วยตาจูอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นต้นแบบของการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ใกล้เคียงหลายแห่ง เช่น อ่างเก็บน้ำหนองสิ อ่างเก็บน้ำห้วยตามาย อ่างเก็บน้ำห้วยตึ๊กชู และอ่างเก็บน้ำห้วยศาลา จากบทบาทของกลุ่มผู้ใช้น้ำที่อ่างเก็บน้ำห้วยตาจูฯ พิสูจน์ให้เห็นว่า ประชาชนเข้าใจในพระราชดำริหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างดีและได้ริเริ่มดำเนินตามรอยพระบาทในการบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมดังที่ทรงมีพระราชประสงค์ และอีกหนึ่งโครงการ คือ โครงการเขื่อนลำนางรองอันเนื่องมาจากพระราชดำริตั้งอยู่ที่บ้านโนนดินแดง ตำบลโนนดินแดง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ความสำคัญของเขื่อนนี้ไม่ได้อยู่ที่การจัดสรรน้ำให้เกษตรกรในพื้นที่ 68,410 ไร่เท่านั้น แต่ยังแฝงความสำคัญทางยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศอยู่ด้วย เรื่องมีอยู่ว่าในปี 2520 นั้นพื้นที่อำเภอโนนดินแดงและอำเภอละหานทราย กลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้แสดงอิทธิพลขัดวางการพัฒนาทุกรูปแบบ มีการขัดขวางการสร้างถนนเส้นทาง เชื่อมระหว่างอำเภอละหานทรายของจังหวัดบุรีรัมย์กับอำเภอตาพระยาของจังหวัดปราจีนบุรี(ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดสระแก้ว) ที่มีระยะทาง 50 กิโลเมตร จนทำให้ราษฎรและเจ้าหน้าที่ได้รับความสูญเสียมากมาย เพราะผู้ก่อการร้ายได้ใช้วิธีการวางทุ่นระเบิดและกับระเบิดดักเอาไว้ มีการต่อสู้ในพื้นที่อย่างรุนแรง ราษฎรถูกกวาดต้อนไปนอกประเทศเพื่ออบรมลัทธิคอมมิวนิสต์ นอกจากนี้ยังมีการปล้นสะดมตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ความรุนแรงของสถานการณ์ทำให้ราษฎรต้องอพยพหลบภัยมาอยู่บ้านโนนดินแดง ก่อให้เกิดความแออัด อดอยากทุกข์ยากแสนสาหัส เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2521 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายมนัส ปิติวงษ์ อธิบดีกรมชลประทานในขณะนั้นเข้าเฝ้าฯ และพระราชทานพระราชดำริให้พิจารณาจัดสร้างอ่างเก็บน้ำและฝายทดน้ำบริเวณต้นน้ำลำนางรอง ต่อมา วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2521 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้อธิบดีกรมชลประทานเข้าเฝ้าฯ และได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาลุ่มน้ำลำนางรอง โดยให้พิจารณาสร้างอ่างเก็บน้ำคลองมะนาวที่บ้านโนนดินแดงซึ่งแล้วเสร็จใน พ.ศ.2522 จากนั้นก็สร้างเขื่อนลำนางรองฯ ในพ.ศ.2522 จนแล้วเสร็จใน พ.ศ.2525 ใน พ.ศ.2525 สร้างอ่างเก็บน้ำลำปะเทียแล้วเสร็จในพ.ศ.2527 ต่อมาได้สร้างระบบส่งน้ำอาคารประกอบ ซึ่งใน พ.ศ.2529 กรมชลประทานได้อนุมัติตั้งเป็นโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำนางรอง สังกัดสำนักชลประทานที่ 8 เพื่อควบคุมการจัดสรรน้ำให้แก่เกษตรกรเพื่อใช้ในการเพาะปลูกและดูแลการบำรุงรักษาอาคารชลประทานให้สามารถใช้งานได้ดี มีประสิทธิภาพตลอดเวลา ในปีเดียวกันนี้ก็ได้สร้างอ่างเก็บน้ำลำจังหันฯจนแล้วเสร็จใน พ.ศ.2535 จะเห็นได้ว่าพระราชดำริในการพัฒนาลุ่มน้ำลำนางรองนี้ นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อราษฎรในพื้นที่ซึ่งหนีร้อนมาพึ่งเย็นแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในด้านการป้องกันภัยคุกคามจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายไปพร้อมกันด้วย เพราะเมื่อราษฎรมีที่อยู่ที่ทำกิน เขาก็จะช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กับภาครัฐ ช่วยกันป้องกันภัยที่คุกคามประเทศทั้งจากภายนอกและภายใน ปัจจุบันในพื้นที่ลุ่มน้ำลำนางรอง เกษตรกรสามารถสร้างผลผลิตได้ตลอดทั้งปีในรูปแบบเกษตรครบวงจร โดยช่วงฤดูฝนตั้งแต่ เดือนมิถุนายนถึงตุลาคม ทำนาได้ผลผลิตข้าวเฉลี่ยไร่ละ 50 ถัง พอหมดฝนย่างเข้าฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนมีนาคมก็จะปลูกมะเขือเทศซึ่งให้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 6,700 กิโลกรัม เข้าฤดูแล้งช่วง เมษายนถึงพฤษภาคมก็จะปลูกข้าวโพดฝักอ่อนที่ให้ผลผลิตเฉลี่ย 680 กิโลกรัมต่อไร่และแตงกวาเพื่อป้อนโรงงาน นอกจากประโยชน์การเกษตรและอุปโภคบริโภคแล้ว อ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนลำนางรองฯ ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวของประชาชนทั่วไปในฐานะของ ทะเลสาบแห่งอีสานใต้ด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำริ แก่ พล.ท.พิศิษฐ์ เหมบุตร แม่ทัพภาคที่ 2 ในขณะนั้น พร้อมคณะทำงานพัฒนาเสริมพื้นที่ชายแดนอีสานตอนบนและตอนล่าง เมื่อ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2529 ณ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเดียกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร สรุปใจความได้ว่า จะต้องทำการพัฒนาให้เข้าใกล้ชายแดนให้มากขึ้น จะต้องเข้าไปถึงในที่ที่จะทำให้สามารถสร้างหมู่บ้านตามชายแดนซึ่งจะเป็นส่วนรักษาความปลอดภัยของประเทศให้ได้มากขึ้น ตามแผนที่นั้นมีแห่งหนึ่งที่เป็นช่องเห็นได้ชัด คือ ช่องบก ในเขตอำเภอน้ำยืน ในบริเวณนี้มีห้วย 2 ห้วยมาบรรจบกัน สามารถสร้างเขื่อนกั้นอ่างเก็บน้ำสูงประมาณ 10 เมตร ถ้าทำระบบให้ดีก็สามารถเลี้ยงพื้นที่ได้ถึง 10,000 ไร่ นี่คือ จุดเริ่มต้นของ อ่างเก็บน้ำห้วยพลาญเสือ ทั้งตอนบนและตอนล่าง เป็นเหตุผลที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อราษฎรในพื้นที่และความมั่นคงของประเทศชาติ เพราะช่องบกซึ่งอยู่ในรอยต่อ 3 การสร้างอ่างเก็บน้ำดักเอาไว้จะทำให้การเคลื่อนพลทำไม่ได้ โดยเฉพาะรถถังเบิกทาง นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่สอดประสานยุทธวิธีป้องกันประเทศ เข้ากับแนวพระราชดำริต่อสู้ความยากจน เพื่อความผาสุกของราษฎร เป็นการแสดงให้เห็นพระปรีชาสามารถที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำหลักการประสานประโยชน์สูงสุดมาใช้ในการทรงงานเพื่อพัฒนาประเทศไทยได้อย่างยอดเยี่ยม.
.. ที่มา : บางส่วนจากบทความแนวพระราชดำริสู้สงครามความยากจน ในสยามรัฐ สำนักข่าวเจ้าพระยา
Create Date : 31 กรกฎาคม 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2558 13:31:23 น. |
Counter : 7120 Pageviews. |
|
|
|