๒๑ เมษายน ๒๕๕๙ กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ฯ ๒๓๔ ปี
กรุงเทพมหานคร เดิมเรียกกันว่า เมืองบางกอก ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างพระราชวังทางคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแนวคูเมืองทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อแรกสร้างกรุงเทพฯ คงมีพื้นที่เฉพาะเขตกำแพงเมืองเท่านั้น คือ กำแพงเมืองยาวประมาณ 7 กิโลเมตร ด้านตะวันออก เลียบตามแนวคูเมืองที่ขุดแยกจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางลำพู มาออกแม่น้ำเจ้าพระยา ทางด้านทิศใต้ใกล้สะพานพุทธยอดฟ้าฯ เรียกว่า คลองบางลำพู และคลองโอ่งอ่างด้านตะวันตก ใช้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นคูเมืองแต่มิได้สร้างกำแพงเมืองเหมือนด้านตะวันออก รายรอบกำแพงเมืองและริมแม่น้ำเจ้าพระยามีป้อมอยู่ 14 ป้อม มีประตูเมืองขนาดใหญ่ 16 ประตู ประตูเมืองขนาดเล็ก ที่เรียกว่าช่องกุดอีก 47 ประตู เนื้อที่ในครั้งนั้นมีเพียง 2,163 ไร่ พื้นที่นอกกำแพงเป็นทุ่งนาปลูกข้าว อาณาเขตของกรุงเทพฯ ในขั้นแรกถือเอาแนวคูเมืองเดิมฝั่งตะวันออกของกรุงธนบุรีคือแนวคลองหลอด ตั้งแต่ปากคลองตลาดจนออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานปิ่นเกล้า เป็นบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ มีพื้นที่ประมาณ 1.8 ตร.กม. บริเวณที่สร้างพระราชวังนั้น เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของพระยาราชเศรษฐีและชาวจีน ซึ่งได้โปรดให้ย้ายไปอยู่ที่สำเพ็ง ในการก่อสร้างพระราชวังโปรดให้พระยาธรรมาธิบดี กับพระยาวิจิตรนาวีเป็นแม่กองคุมการก่อสร้าง และทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างเมืองบางกอกขึ้นเป็นเมืองหลวงใหม่แทนกรุงธนบุรี โดยสืบทอดศิลปวัฒนธรรมจากกรุงศรีอยุธยา ทรงทำพิธียกเสาหลักเมืองเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 แล้วทรงเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2325 และพระราชทานนามพระนครนี้ว่า กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยามหาดิลก ภพนพรัตน์ราชธานี บุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์ มหาสถานอมรพิมาน อวตารสถิต สักกะทัตติยะ วิษณุกรรมประสิทธิ เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงเปลี่ยนนามพระนครจาก บวรรัตนโกสินทร์ เป็น อมรรัตนโกสินทร์ ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2514 รัฐบาลได้รวมจังหวัดพระนครและธนบุรีเป็น นครหลวงกรุงเทพธนบุรี และภายหลังการปรับปรุงการปกครองใหม่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2515 จึงได้เปลี่ยนเป็น กรุงเทพมหานคร แต่นิยมเรียกกันว่า กรุงเทพฯ กรุงเทพมหานครในปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการปกครอง การศึกษา การคมนาคม ขนส่ง การเงิน การธนาคาร การพาณิชย์ การสื่อสาร ฯลฯ แบ่งการปกครองเป็น 50 เขต โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 1,562.2 ตร.กม. กรุงเทพฯ มีพัฒนาการมาจากย่านเล็กๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาสายเก่า ซึ่งมีมาอย่างน้อยตั้งแต่สมัยต้นอยุธยาแล้วก่อนที่จะมีการขุดคลองลัด ตั้งแต่หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปถึงวัดอรุณราชวรารามในสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราชแห่งกรุงศรีอยุธยา เส้นทางเดิมของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ไหลอ้อมขดเคี้ยวกินพื้นที่เข้าไปในฝั่งธนบุรีหรือที่ปัจจุบันกลายเป็นคลองชื่อ บางกอกน้อย , บางกอกใหญ่ ในสมัยอยุธยาแม้แม่น้ำเจ้าพระยาจะขดเคี้ยว แต่ก็เป็นเส้นทางเดินเรือในการติดต่อกับโลกภายนอก ทำให้เส้นทางสัญจรสายนี้คับคั่งไปด้วยเรือสินค้าเข้าออก และก่อให้เกิดชุมชนริมแม่น้ำขึ้น สุจิตต์ วงษ์เทศ ค้นพบว่าริมแม่น้ำเจ้าพระยาสายเก่ามีชุมชนเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นแล้ว นั่นคือชุมชนชาวสวนย่าน บางเชือกหนัง , บางระมาด , บางจาก ชื่อย่านเหล่านี้ได้ปรากฏในโคลงกำสรวลสมุทร ซึ่งเป็นวรรณกรรมสมัยต้นอยุธยา และชื่อย่านเหล่านี้ยังคงอยู่มาจนกระทั่งปัจจุบัน ชุมชนริมน้ำเหล่านี้ได้ขยายตัวขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งเมื่อมีการขุดคลองลัดตัดตรงในสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช เพื่อย่นระยะทางไม่ต้องเดินทางอ้อมไกลอีกต่อไปการสัญจรหลักที่ใช้ขึ้นล่องระหว่างกรุงศรีอยุธยากับทะเลจึงหันมาใช้เส้นทางสายใหม่ พร้อมๆกับการขยายตัวของชุมชนมายังริมแม่น้ำสายใหม่ซึ่งต่อมาพัฒนาขึ้นในชื่อย่าน บางกอก และพัฒนาต่อมากลายเป็น เมืองธนบุรี เมืองการค้า การคมนาคมแห่งหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตกและสมเด็จพระเจ้าตากสินได้กอบกู้บ้านเมืองขึ้นแล้วทรงเลือกเมืองธนบุรีเป็นราชธานีแห่งใหม่ ซึ่งเป็นเมืองอกแตก เพราะมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านกลางเมือง ตั้งพระราชวังอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ แต่ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองส่งผลให้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ปรับเปลี่ยนผังเมืองเสียใหม่ด้วยการย้ายมาสร้างเมืองทางฝั่งตะวันออกเพียงฝั่งเดียวโดยใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งของเมืองธนบุรีฝั่งตะวันออกพร้อมกับขยายกำแพงเมือง และขุดคูเมืองใหม่ให้ใหญ่ขึ้น ส่วนพื้นที่ฝั่งตะวันตกหรือที่ปัจจุบันเรียกว่า ฝั่งธนบุรี ก็ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและชุมชนชาวสวนเช่นเดิม ราชธานีแห่งใหม่ได้พัฒนาและขยายขึ้นเป็นลำดับจนกระทั่งกลายเป็นกรุงเทพมหานครในทุกวันนี้
.. ฝรั่งอึ้ง..พระบรมมหาราชวังของกษัตริย์ไทย ติดอันดับสวยที่สุดในโลก มีการจัดอันดับของเว็บไซต์ข่าว CNN ของสหรัฐอเมริกา ในหัวข้อ Worlds most visited palaces and castles โดยมี 10 อันดับ ปราสาท และพระราชวัง ที่สวยที่สุดในโลก ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุด เรียงตามลำดับ ดังนี้ อันดับที่ 10 ได้แก่ ปราสาทชุริ จังหวัดโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น มีผู้เข้าชม 1,753,000 คนต่อปี อันดับที่ 9 ได้แก่ อัลฮัมบราเอล เจนราไลฟ์ ประเทศสเปน มีผู้เข้าชม 2,315,017 คนต่อปี อันดับที่ 8 ได้แก่ พระราชวังเชินบรุนน์ ประเทศออสเตรีย มีผู้เข้าชม 2,870,000 คนต่อปี อันดับที่ 7 ได้แก่ หอคอยแห่งลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีผู้เข้าชม 2,894,698 คนต่อปี อันดับที่ 6 ได้แก่ พระราชวังฤดูหนาว ประเทศรัสเซีย มีผู้เข้าชม 3,120,170 คนต่อปี อันดับที่ 5 ได้แก่ พระราชวังโทพคาปี ประเทศตุรกี มีผู้เข้าชม 3,335,000 คนต่อปี อันดับที่ 4 ได้แก่ พระราชวังแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส มีผู้เข้าชม 7,527,122 คนต่อปี ** อันดับที่ 3 ได้แก่ พระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว กรุงเทพฯ ประเทศไทย มีผู้เข้าชม 8,000,000 คนต่อปี อันดับที่ 2 ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ประเทศฝรั่งเศส มีผู้เข้าชม 9,334,0000 คนต่อปี อันดับที่ 1 ได้แก่ พระราชวังต้องห้าม กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน มีผู้เข้าชม 15,340,000 คนต่อปี (ข่าวเมื่อวันที่ 31 มี.ค.58 ฝรั่งอึ้ง..พระบรมมหาราชวังของกษัตริย์ไทย ติดอันดับสวยที่สุดในโลก) พระบรมมหาราชวัง แห่งเกาะรัตนโกสินทร์ ติดอยู่ในอันดับที่ 3 ซึ่งมีผู้เข้าเยี่ยมชมทั้งหมด 8 ล้านคนต่อปี นอกจากนี้ CNN ยังระบุอีกว่า อีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว คือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ซึ่งนักท่องเที่ยวทึ่ง และยอมรับในความสวยงามมากที่สุดในสถาปัตยกรรมของไทยด้วยเช่นกัน ความสวยงามอันน่าประทับใจ มิได้เกิดจากการมองเห็นด้วยตาอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงความเป็นมา และความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ที่รัชกาลที่ 1 และบรรพบุรุษของชนเผ่าไทย ได้สร้างสรรค์เป็นมรดกวัฒนธรรม ตกทอดมาสู่รุ่นลูกหลาน โดยมีสถาปัตยกรรมโบราณที่น่าทึ่งในภูมิปัญญา
.. ที่มา : //www.bkkinside.com/history.php และ เพจ แฉ..ความลับ สำนักข่าวเจ้าพระยา
Create Date : 23 เมษายน 2559 |
Last Update : 23 เมษายน 2559 20:05:49 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1942 Pageviews. |
|
|